Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 5_TU1_Unit2

5_TU1_Unit2

Published by เตือนใจ แสวงสุข, 2018-10-12 00:32:04

Description: 5_TU1_Unit2

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 I’m hot and thirstyรายวชิ า ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เวลาเรียน 10 ช่ัวโมง1. เป้าหมายของการเรียนรู้ คาถามรวบยอด How can students have a healthy balanced diet? 1.1 ความเข้าใจทค่ี งทน Students should eat the right amount of food from each of the food groups. 1.2 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตา่ งๆ โดยการพูดและการเขียน ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ันๆ ถูกตอ้ ง ตามหลกั การอ่าน ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กบั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ที่อ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ต 1.2 ม.1/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ งๆ ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ งๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั52

สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรมมาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะตัวชี้วดัต 2.1 ม.1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาสาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนมาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั นข์ องตนตวั ชี้วดัต 3.1 ม.1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน 1.3 สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ความรู้เก่ียวกับสารอาหาร การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม คาศัพท์สานวนภาษา ประโยคเกี่ยวกับการแลกเปล่ียนข้อมูล ช่วยในการพูดและเขียนแสดงความรู้สึ กบรรยายเกี่ยวกบั ตนเองและสิ่งแวดลอ้ มใกลต้ วั1.4 สาระการเรียนรู้1.4.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: feeling, the family, food and nutritionGrammar: be – Present simple (negative form, questions and short answers), demonstratives: this / that, these / those plural nounsFunctions: Asking and saying how you feel Talking about the familyPronunciation: this and these2) Language SkillsListening: ฟังและจบั คูร่ ูปภาพ 53

Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มูลส่วนตวั (ชื่อ, ประเทศ), ถามและบอกความรู้สึก พูดแนะนาสมาชิกในครอบครัวของตนเองReading: พูดบรรยายครอบครัวของบุคคลที่มีชื่อเสียงWriting: อ่านเพื่อความเขา้ ใจ เขียนบรรยายครอบครัวของตนเอง1.5 ทกั ษะการคดิ 1.5.2 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ 1.5.1 ทกั ษะการสังเกต 1.5.3 ทกั ษะการจาแนกประเภท1.6 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1.6.2 ความมุ่งมนั่ ในการทางาน 1.6.1 ใฝ่ เรียนรู้2. หลกั ฐานการเรียนรู้ 2.1 ชิ้นงาน/ภาระงาน งานเดีย่ ว 2.1.1 การทา family tree ของครอบครัวตนเองและพดู บรรยายส้นั ๆ 2.1.2 การทาแผนภาพพีระมิดอาหาร งานคู่/งานกล่มุ 2.1.3 การแสดงบทสนทนาเก่ียวกบั การแนะนาตวั เอง 2.1.4 การทาโปสเตอร์เก่ียวกบั การรับประทานอาหารอยา่ งสมดุล2.2 การวดั และประเมินผล 2.2.1 การวดั และประเมินผลระหว่างการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจแบบฝึกหดั (Workbook) 2) ประเมินการมีส่วนร่วมในช้นั เรียนและการทาชิ้นงาน 3) ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2.2.2 การวดั และประเมินผลเมื่อสิ้นสุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1) การประเมินก่อนเรียนและหลงั เรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 2) การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน 54

ตวั อย่างเกณฑ์การประเมนิ การพูดโต้ตอบรายกา ดมี าก (4) ระดบั คะแนน / ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง (1) นา้ ห ครการป ดี (3) พอใช้ (2) นกั คว ะระเมนิ ามสา แ คญั น น ร ว มความถู ใชค้ าศพั ทส์ ื่อความหม ใชค้ าศพั ทส์ ่ือความหมา ใชค้ าศพั ทส์ ื่อความหม ใชค้ าศพั ทส์ ื่อความหมาย 2 8กตอ้ งข ายตรงกบั เน้ือหาและไ ยตรงกบั เน้ือหาและไวย ายตรงกบั เน้ือหาและไ ไมต่ รงกบั เน้ือหาและไวยองเน้ือ วยากรณ์ถกู ตอ้ งทุกปร ากรณ์ถูกตอ้ งเป็ นส่วนใ วยากรณ์ถูกตอ้ งเป็ นบา ากรณ์ไมถ่ ูกตอ้ งเป็ นส่วนหา ะโยค หญ่ งส่วน ใหญ่การออ ออกเสียงคาศพั ท์ ออกเสียงคาศพั ท์ ออกเสียงคาศพั ท์ ออกเสียงคาศพั ท์ 28กเสียง ประโยค ประโยค ประโยค ประโยค ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามหลกั การ ตามหลกั การ ตามหลกั การ ทาใหส้ ่ือสารไม่ได้ ออกเสียงเนน้ หนกั คา/ ออกเสียงเนน้ หนกั คา/ป ออกเสียง ประโยคไดส้ มบูรณ์ ระโยคเป็ นส่วนใหญ่ แต่ส่วนใหญข่ าดการ ออกเสียงเนน้ หนกัความค พดู ต่อเน่ือง ไมต่ ิดขดั พดู ตะกกุ ตะกกั บา้ ง พดู เป็ นคาๆ พดู ไดบ้ างคา 28ล่องแค พดู ชดั เจน แตย่ งั พอส่ือสารได้ หยดุ เป็ นช่วงๆ ทาใหส้ ื่อความหมายไม่ไลว่ ทาใหส้ ่ือสารไดด้ ี ทาใหส้ ่ือสารได้ ด้ ไมช่ ดั เจนการแส แสดงท่าทางและพดู ด้ พดู ดว้ ยน้าเสียงเหมาะส พดู เหมือนอา่ น พดู ไดน้ อ้ ยมาก 14ดงท่าท วยน้าเสียงเหมาะสมกั มกบั สถานการณ์แตไ่ ม่ ไม่เป็ นธรรมชาติาง บสถานการณ์ มีท่าทางประกอบ ขาดความน่าสนใจน้าเสียงประกอบการพูด เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 24-28 ดีมาก 19-23 ดี 55

14-18 พอใช้ ต่ากวา่ 14 ปรับปรุง ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินการจัดทาแผนภาพ/โปสเตอร์รายการกา ดมี าก (4) ระดบั คะแนน / ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง (1) นา้ หนกั คะรประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ความสา แน เน้ือหาท่ีเขียนมีความถกู เน้ือหาที่เขียนมี น เน้ือหา ตอ้ งและครอบคลมุ อยา่ ง เน้ือหาท่ีเขียนมีความถกู ตอ้ เน้ือหาท่ีเขียนมีขอ้ ขอ้ ผิดมาก คญั รว สมบูรณ์ และใหข้ อ้ มูลนอ้ 2 ม คาศพั ท์ งและครอบคลุมเน้ือหาเป็ น ผิดบา้ งและไมค่ รอ ย 8 สานวน ใชค้ าศพั ท์ ใชค้ าศพั ท์ 2และโครง สานวนและโครงสร้างภ ส่วนใหญ่ บคลุม สานวนและโคร 8สร้างภาษา าษาถูกตอ้ ง เหมาะสม งสร้างภาษาแบ 1 และหลากหลาย ใชค้ าศพั ท์ ใชค้ าศพั ท์ บง่ายๆ 4องคป์ ระก สานวนและโครงสร้างภาษ สานวนและโครงส และมีขอ้ ผดิ มากอบของชิ้น องคป์ ระกอบของงานแส าถกู ตอ้ ง ร้างภาษาแบบง่ายๆ องคป์ ระกอบของาน (เช่น ดงใหเ้ ห็นความคดิ ริเร่ิม และมีขอ้ ผดิ เลก็ นอ้ ย และมีขอ้ ผิดบา้ ง งงานไม่น่าสนใภาพประก สร้างสรรค์ น่าสนใจ จ องคป์ ระกอบของงานมีควา องคป์ ระกอบของง อบ มน่าสนใจในระดบั ธรรมดา านไมน่ ่าสนใจอยา่การตกแต่ ง ฯลฯ) งท่ีควร เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 16-20 ดีมาก ดี 13-15 พอใช้ ปรับปรุง 10-12 ต่ากวา่ 10 56

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 A new friend เวลา 2 ชั่วโมงจุดประสงค์ (Objectives)- พดู ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ช่ือและประเทศของบุคคลได้- พดู เก่ียวกบั ความรู้สึกได้เนื้อเรื่อง (The story) ในหนังสือเรียน หน้า 22มีเด็กผหู้ ญิงคนใหม่ ช่ือ Maria มาท่ีค่าย เด็กผหู้ ญิงคนน้ีเป็ นชาวอเมริกนั มาจากนิวยอร์ก David ขอให้Maria กรอกแบบฟอร์ม David พูดกบั Paolo แตเ่ กิดการเขา้ ใจผดิ กนัแต่พวกเขาสามารถเขา้ ใจกนั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ชี้วดั ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปล่ียนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ต 1.2 ม.1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ งๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวชี้วดั ต 2.1 ม.1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด 57

การรู้และเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ สานวนภาษา ประโยคเกี่ยวกบั การแลกเปลี่ยนขอ้ มูลช่วยในการส่ือสารในชีวิตประจาวนั3. สาระการเรียนรู้3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: feelingsFunctions: Asking and saying how you feel2) Language SkillsSpeaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มูลส่วนตวั (ชื่อ, ประเทศ), ถามและบอกความรู้สึกReading: อา่ นเพื่อความเขา้ ใจ4. ทกั ษะการคดิ 4.1 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ - นาคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างประโยคท่ีเรียนมาใชใ้ นการพดู โตต้ อบเก่ียวกบั ตวั เอง5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ที่ 1 Warm up 1. บอกจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ใหน้ กั เรียนทราบวา่ นกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั - be - Present simple (negative and question forms, short answers) - Plural nouns - Demonstratives: this / that, these / those - Functions: asking and saying how you feel; talking about the family - Vocabulary: feeling, the family - Pronunciation: this vs these 2. นาเขา้ สู่บทเรียนโดยให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 22 แลว้ ครูถามคาถามนกั เรียนเกี่ยวกบั ภาพดงั กล่าว โดยอาจใชภ้ าษาองั กฤษหรือภาษาไทยกไ็ ด้ เช่น Who are the people? (David, Maria and Paolo) Where are they? (In the reception / classroom) 58

What objects can you see? (a table, a sport magazine, a folder, a pen, a rucksack. In the background, I can see a lamp, a painting, a fireplace, a cupboard with pigeon holes)ข้นั ที่ 2 Presentation1. เปิ ด CD1/Track 23 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.1 ตามไปดว้ ยจากน้นั เปิ ด CD อีกคร้ัง โดยคร้ังน้ีครูหยดุ CD เป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.2 โดยฟัง CD1/Track 23 อีกคร้ัง ครูหยดุ CDเป็นระยะๆ เพื่อใหน้ กั เรียนฝึ กอ่านออกเสียงตามพร้อมๆ กนั หรือเป็นรายบุคคลAdvanced classes: ให้นกั เรียนฝึกซอ้ มแสดงบทสนทนาใน Ex.1โดยครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนแสดงท่าทางและใชภ้ าษา น้าเสียงใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั มากที่สุดครูสังเกตขณะท่ีนกั เรียนฝึกซ้อม แลว้ เลือกนกั เรียนที่แสดงไดด้ ีที่สุด ออกมาแสดงใหเ้ พ่ือนๆ ดูเพื่อเป็ นตวั อยา่ ง3. ครูนาเสนอคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างประโยคเกี่ยวกบั การขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ความรู้สึกท่ีพบในบทสนทนาใน Ex.1 ดว้ ยการใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งประโยคที่พบในบทสนทนาแลว้ ครูเขียนประโยคที่นกั เรียนบอกบนกระดาน ดงั น้ี Are you hungry? I’m fine. I’m not angry. I’m hot and thirsty.จากน้นั ครูนาเสนอคาศพั ทบ์ อกความรู้สึก ไดแ้ ก่คาวา่ afraid, angry, bored, cold, happy, hot, sad,tired ดว้ ยการแสดงทา่ ทางใบค้ า พร้อมท้งั พูดคาศพั ท์แลว้ ใหน้ กั เรียนเดาความหมายของคาศพั ทเ์ หล่าน้ี เมื่อนกั เรียนเดาความหมายไดแ้ ลว้ครูใหน้ กั เรียนฝึกพดู คาศพั ท์ตามครูหลายๆ คร้ังต่อมาครูทดสอบวา่ นกั เรียนจดจาคาศพั ทเ์ หล่าน้ีไดห้ รือไม่ ดว้ ยการพดู คาศพั ทเ์ หล่าน้ีทีละคาสลบั ไปมา แลว้ ใหน้ กั เรียนทาทา่ ทาง ครูสังเกตวา่ คาศพั ทค์ าใดท่ีนกั เรียนส่วนใหญ่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจครูอธิบายคาศพั ทด์ งั กล่าวซ้าอีกคร้ัง ดว้ ยการเขียนอธิบายความหมายเป็นภาษาไทยบนกระดานและใหน้ กั เรียนฝึกอ่านตามครูหลายๆ คร้ังเสร็จแลว้ ครูอาจใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งคาคุณศพั ทบ์ อกความรู้สึกเพม่ิ เติมแลว้ ถามนกั เรียนวา่ คาเหล่าน้ีจะตอ้ งตามหลงั คาชนิดใด จนไดค้ าตอบวา่ verb to beแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั แต่งประโยคบอกเล่า และประโยคคาถาม เช่น I’m hot. Are you hot? Yes, I am./ No, I’m not. I’m bored. Are you bored? Yes, I am./ No, I’m not.ข้นั ที่ 3 Practice 59

1. ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 22 Ex.3 ร่วมกนั ในช้นั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน อา่ นคาตอบท่ีถูกตอ้ งอีกคร้ัง แลว้ ใหน้ กั เรียนลอกประโยคเหล่าน้ีลงในสมุด 2. นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.4 แลว้ ช่วยกนั บอกวา่ แตล่ ะภาพน้นั สื่อถึงความหมายใดในภาษาไทย จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนจบั คู่ภาพกบั คาศพั ทท์ ่ีใหม้ า โดยใหน้ กั เรียนทาลงในสมุด เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ ดว้ ยการเปิ ด CD1/Track 23 จากในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.5 ใหน้ กั เรียน ฟังเพือ่ ตรวจคาตอบ ครูอาจเปิ ด CD อีกคร้ัง เพอ่ื ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม 3. นกั เรียนอา่ นประโยคในหนังสือเรียน หน้า 23 หัวข้อ Look & Use แลว้ ให้นกั เรียนหาประโยค เหล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.1 อีกคร้ัง 4. นกั เรียนจบั คูท่ ากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.6 โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคูฝ่ ึกพูดถาม-ตอบ เกี่ยวกบั ความรู้สึก โดยใชค้ าคุณศพั ทบ์ อกความรู้สึกใน Ex.4 ครูเดินสังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมานาเสนอที่หนา้ ช้นั เรียน 5. นกั เรียนดูภาพบตั รประจาตวั ในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.7 และตอบคาถามท่ีใหม้ าลงในสมุด จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ บั เพ่ือน ฝึกพดู ถาม-ตอบกนั Answers 1. His name’s José Garcia. 2. He’s 13. 3. He’s from Spain.ข้นั ที่ 4 Production 1. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 23 Ex.8 ใหน้ กั เรียนฟังวา่ สมมติวา่ นกั เรียนเพงิ่ เขา้ มาอยทู่ ่ี Harrow Summer Camp และนกั เรียนจะตอ้ งพูดแนะนาตวั เองกบั เพ่ือนในค่าย โดยใหน้ กั เรียนใชโ้ ครงร่างบทสนทนาที่ใหม้ าในการทางาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ช่วยกนั เติมบทสนทนาดงั กล่าวใหส้ มบูรณ์ ตอ่ มาครูสาธิตการทากิจกรรม ดว้ ยการพูดสนทนากบั นกั เรียน 1 คน โดยเนน้ การแสดงทา่ ทาง การใชน้ ้าเสียง และการแสดงบทบาทใหส้ มจริงสมจงั แลว้ จึงใหเ้ วลานกั เรียน 5-10 นาที ฝึกซอ้ มการแสดงบทสนทนา ครูสังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม เพอ่ื คอยกระตุน้ ใหน้ กั เรียนเกิดความกลา้ แสดงออก ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมานาเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน จากน้นั ใหน้ กั เรียนแต่ละคู่สลบั บทบาทกนั แลว้ ฝึกซอ้ มกนั อีกคร้ัง 60

Possible AnswersA: Hello, I’m (student’s name). What’s your name?B: Hi (friend’s name). My name’s (student’s name) and I’m from (name of country).A: Well, welcome to the camp.B: Are you OK? Are you (hungry)?A: No! I’m not! I’m (happy)!2. ครูแจกกระดาษขนาดคร่ึงหน่ึงของ A4 แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละคนเขียนคาแสดงความรู้สึกที่เรียนมาลงในกระดาษ คนละ 1 คาดว้ ยปากกาหรือปากกาเมจิก โดยตวั อกั ษรจะตอ้ งเห็นไดช้ ดั เจน (ประมาณ 1 นิ้ว) จากน้นั ใหน้ กั เรียนเดินไปคุยกบั เพือ่ นโดยใชค้ าศพั ทท์ ่ีตวั เองเขียนไวต้ ้งั คาถาม และผตู้ อบใชค้ าศพั ทท์ ี่ตวั เองเขียนไวเ้ ป็นคาตอบ เช่น S1: (เขียนวา่ bored) Are you bored? S2: (เขียนวา่ bored) Yes, I am. เม่ือเพื่อนตอบแลว้ ให้นกั เรียนแต่ละคนเดินไปหาคู่ใหม่ เช่น S1: (เขียนวา่ bored) Are you bored? S3: (เขียนวา่ cold) No, I’m not. I’m cold. Are you cold? S1: No, I’m not. I’m bored. ในกรณีท่ีคาตา่ งกนั เช่นน้ีให้นกั เรียนแลกคาศพั ทก์ นั และเดินไปหาคูใ่ หม่ S1: (เขียนวา่ cold) Are you cold? S4: (เขียนวา่ angry) No, I’m not. I’m angry. Are you angry? S1: No, I’m not. I’m cold. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมเช่นน้ีไปเร่ือยๆ จนครบ 10 นาที3. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั (Workbook) หนา้ 14 Ex.1 และหนา้ 15 Exs.1-2 เป็นการบา้ น7. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั แบบประเมินการพดู โตต้ อบ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการพูด แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดัสงั เกตพฤติกรรมใฝ่ เรียนรู้ 61

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ เวลา 2 ช่ัวโมง 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Class Audio CDsแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 Meet my family! จุดประสงค์ (Objectives) - อ่านและเขา้ ใจขอ้ มูลเก่ียวกบั ครอบครัวได้ - เรียนรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวได้ - พดู แนะนาสมาชิกในครอบครัวของตนเองได้ เนื้อเร่ือง (The story) ในหนังสือเรียน หน้า 24 Maria ให้ David และ Sara ดูรูปภาพครอบครัวของตนเองจากเครื่องคอมพวิ เตอร์1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ันๆ ถูกตอ้ ง ตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ ัมพนั ธ์กบั ส่ือที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ที่อา่ น ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน ต 1.2 ม.1/1 สนทนา แลกเปล่ียนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด 62

การรู้และเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ สานวนภาษา ประโยคเกี่ยวกบั การแลกเปล่ียนขอ้ มูลช่วยในการส่ือสารในชีวิตประจาวนั3. สาระการเรียนรู้3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: FamilyGrammar: Demonstratives: this / that, these / those plural nounsFunctions: Talking about the familyPronunciation: this and these2) Language SkillsSpeaking: พดู แนะนาสมาชิกในครอบครัวของตนเองReading: อา่ นเพ่ือความเขา้ ใจ4. ทกั ษะการคิด 4.1 ทกั ษะการสังเกต – สงั เกตความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงคาวา่ this และ these5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ที่ 1 Warm up 1. ครูใหน้ กั เรียนเล่นเกมใบค้ า โดยแบง่ นกั เรียนเป็ น 2 ทีม และผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาแสดงทา่ ทางใบค้ าคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ความรู้สึก กลุ่มที่ทายคาศพั ทถ์ ูกมากท่ีสุด จะเป็นผชู้ นะ 2. ครูสุ่มถามคาถามเกี่ยวกบั ความรู้สึกของนกั เรียนในวนั น้ี เช่น T: (ช่ือนกั เรียน), are you hot? S1: Yes, I am. T: (ช่ือนกั เรียน), are you cold? S2: No, I’m not. 63

T: (ชื่อนกั เรียน), are you hungry? S3: No, I’m not.3. ครูถามนกั เรียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาองั กฤษกไ็ ดว้ า่ ในบา้ นของนกั เรียนมีสมาชิกท้งั หมดกี่คน ใหน้ กั เรียนยกมือตอบคาถาม เมื่อครูระบุจานวน จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนที่มีสมาชิกในบา้ นมากท่ีสุด พูดรายงานเพือ่ นเป็นภาษาไทยวา่ มีใครบา้ ง ตอ่ มาครูถามนกั เรียนวา่ สมาชิกในบา้ นท่ีเพอ่ื นพูดบอก มีใครรู้คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษคาใดบา้ ง แลว้ ใหน้ กั เรียนพูดรายงาน4. ทบทวนตวั เลข 30-100 ในภาษาองั กฤษ ดว้ ยการใหน้ กั เรียนเล่นเกม Bingo ตวั เลข โดยครูใหน้ กั เรียนทาตาราง 5 x 5 ช่องลงในกระดาษ แลว้ ใหน้ กั เรียนเลือกหมายเลขใดๆ ก็ได้ จาก 30-100 เขียนลงในช่องท้งั หมด ยกเวน้ ช่องตรงกลางใหเ้ ขียนคาวา่ Free เช่น65 32 45 43 100 จากน้นั ครูอ่านตวั เลขแบบไม่เรียงตามลาดบั และถา้ ในตาราง Bingo ของนกั เรียนคนใดมีตวั เลขที่ครูบอก62 87 66 41 57 ใหน้ กั เรียนวงกลมท่ีตวั เลขดงั กล่าว71 51 Free 33 68 นกั เรียนคนใดสามารถวงกลมตวั เลขติดต่อกนั ท้งั แถว55 99 77 89 50 ท้งั ในแนวนอน แนวต้งั และแนวทแยง84 81 90 48 70 ใหน้ กั เรียนยกมือข้ึนและตะโกนวา่ Bingo ครูตรวจสอบวา่ ตวั เลขท่ีนกั เรียนวงถูกตอ้ งหรือไม่(ครูควรจดตวั เลขที่ตนเองอา่ น เพือ่ ใหง้ ่ายต่อการตรวจสอบ)5. นาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 24 แลว้ ตอบคาถามครู โดยใชภ้ าษาไทยหรือภาษาองั กฤษในการพดู ถาม-ตอบก็ได้ แลว้ แต่ระดบั ความสามารถของนกั เรียน เช่น How many photos are there? (six) Who are these people? (I think they are a family.)ข้นั ที่ 2 Presentation 1. ครูใหน้ กั เรียนลองเดาวา่ บทสนทนาในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.1 น่าจะเป็นเร่ืองเก่ียวกบั อะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD1/Track 25 ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียนตามไปดว้ ย เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD อีกคร้ัง โดยในคร้ังน้ีหยดุ CD เป็นระยะๆ เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน 64

2. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.2 โดยเปิ ด CD1/Track 25 ให้นกั เรียนฟังอีกคร้ัง แลว้ หยดุ CD เป็นระยะ เพ่อื ใหน้ กั เรียนอ่านตามพร้อมๆ กนั หรือเป็นรายบุคคล3. แบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนฝึกซอ้ มแสดงบทสนทนาใน Ex.1 จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาท่ีหนา้ ช้นั เรียน4. นกั เรียนกลุ่มเดิม ผลดั กนั พดู แนะนาเพ่อื นใหเ้ พ่ือนอีกคนหน่ึงในกลุ่มฟัง โดยครูเขียนโครงสร้างต่อไปน้ีบนกระดาน This is my friend, (ช่ือเพ่ือน).5. นาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว ดว้ ยการใหน้ กั เรียนหาคาศพั ทเ์ หล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.1 แลว้ ออกมาเขียนบนกระดาน พร้อมท้งั อธิบายความหมายในภาษาไทย6. นาเสนอการใช้ this/these - that/those ดว้ ยการช้ีใหน้ กั เรียนดูส่ิงของต่างๆ ในช้นั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนฝึ กพูดตามครู ครูทากิจกรรมเช่นน้ีไปเร่ือยๆ จนกวา่ นกั เรียนจะเขา้ ใจวธิ ีการใช้ this/these – that/those เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปวธิ ีการใชร้ ่วมกนั ส้นั ๆ ดงั น้ี ใกล้ ไกลเอกพจน์ This Thatพหูพจน์ A thing or a person is close A thing or a person is far This = singular That = singular These Those Things or people are close Things or people are far These = plural Those = plural จากน้นั ครูทดสอบวา่ นกั เรียนเขา้ ใจการใช้ this/that – these/these หรือไม่ ดว้ ยการหยบิ หรือช้ีส่ิงของท่ีอยใู่ นหอ้ งเรียน พร้อมท้งั พูดคาศพั ท์ แลว้ สุ่มเรียกใหน้ กั เรียนพูดแนะนาส่ิงของดงั กล่าวข้นั ท่ี 3 Practice 1. นกั เรียนจบั คู่ ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.3 โดยช่วยกนั เติมช่ือบุคคลลงใน family tree ใหส้ มบูรณ์ โดยรวบรวมขอ้ มูลจากบทสนทนาใน Ex.1 จากน้นั ครูเขียน family tree เหมือนอยา่ งใน Ex.3 บนกระดาน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเติมชื่อบุคคลใน family tree ดงั กล่าว เพื่อเป็นการเฉลยคาตอบ 65

Weak classes: ช่วยนกั เรียนดว้ ยการเขียนช่ือบุคคลไวบ้ นกระดานตามลาดบั อาวุโส จากน้นั อธิบาย family tree ใหน้ กั เรียนฟังวา่ กรอบท่ีอยูด่ า้ นบนสุดของ family tree จะเป็นชื่อของป่ ูยา่ /ตายาย (grandparents) ลาดบั ถดั มาจะเป็นช่ือของพอ่ และแม่ (parents) ป้า/นา้ (aunts) ลุง/อา (uncles) และลาดบั สุดทา้ ยจะเป็นช่ือของพีน่ อ้ ง (brothers, sisters) และลูกพล่ี ูกนอ้ ง (cousins) Answers (first line) Pablo (grandpa) / Consuelo (grandma) (second line) Tony (father) / Cindy (mother) / Mario (uncle) / Elena (aunt) (third line) Carlos (brother) / Maria / Jennifer (sister) / Daniel, Jessica (cousins)2. อ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.4 อยา่ งชา้ ๆ ชดั ๆ เพ่อื ใหน้ กั เรียนเห็นความแตกต่างของเสียง this และ these จากน้นั เปิ ด CD1/Track 26 ใหน้ กั เรียนฟัง และเลือกประโยคที่ไดย้ นิ ใหถ้ ูกตอ้ ง3. ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 24 Ex.5 โดยเปิ ด CD1/Track 26 อีกคร้ัง แตห่ ยดุ CD หลงั จบแตล่ ะประโยค แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามพร้อมๆ กนั และทีละคน ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั ท่ีไดย้ นิ ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดAudio script and answers1. This is a nice place.2. These eyes are cold.3. That’s not a good idea.4. Those are Italian cars.4. ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.6 โดยใหน้ กั เรียนเติมคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวลงใน family tree ตามลาดบั ความสัมพนั ธ์ท่ีถูกตอ้ ง จากน้นั ครูวาดภาพ family tree น้ีลงบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกคาตอบ พร้อมท้งั ตวั สะกด (family tree น้ี จะใชอ้ ีกคร้ังใน Ex.7)Answers Mark: uncle Lauren: auntGrace: grandma Amy: cousin Harry: cousinTom: father Lucy: motherJames: brother Emily: sister Katie: sister 66

5. นกั เรียนอา่ นขอ้ มูลในหนังสือเรียน หน้า 25 หัวข้อ Hot Tip! ซ่ึงอธิบายวา่ คาวา่ daughter ใชก้ ล่าวถึง ลูกสาว และ son ใชก้ ล่าวถึงลูกชาย แต่ถา้ กล่าวถึงลูกชายและลูกสาวรวมกนั เรียกวา่ children จากน้นั ใหน้ กั เรียนฝึกใชค้ าวา่ children, son, daughter พูดบรรยายครอบครัวของ Joshua ใน Ex.6 ตวั อยา่ งเช่น These are Mark and Lauren. Amy and Harry are their children. Amy is their daughter. Harry is their son. Extra activity: เขียน family tree ของครอบครัวท่ีมีชื่อเสียงใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน เพราจะทาใหน้ กั เรียนเขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมาชิกในครอบครัวมากข้ึน6. นกั เรียนอา่ นประโยคในหนังสือเรียน หน้า 25 หัวข้อ Look & Use จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาประโยคเหล่าน้ีในบทสนทนาใน Ex.17. อ่านตวั อยา่ งคาตอบในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.7 จากน้นั ช้ีท่ีช่ือบุคคลเหล่าน้ีใน family tree บนกระดาน แลว้ อธิบายวา่ ตวั เลขท่ีอยขู่ า้ งๆ ชื่อ คือ อายขุ องบุคคลดงั กล่าว จากน้นั ใหน้ กั เรียนพดู บอกอายขุ องบุคคลท่ีใหม้ า โดยใหน้ กั เรียนออกไปช้ีชื่อบุคคลดงั กล่าวใน family tree บนกระดานดว้ ย ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนพดู ตวั เลข และออกเสียงคาวา่ this และ these ใหถ้ ูกตอ้ ง โดยเฉพาะในขอ้ 2 และ 3 ซ่ึงเป็นพหูพจน์ ตอ่ มาใหน้ กั เรียนจบั คู่และฝึกพดู บอกอายกุ นั อีกคร้ัง โดยช้ีท่ีภาพบุคคลใน family tree ใน Ex.6 เสร็จแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนเขียนบอกอายขุ องบุคคลเหล่าน้ีอีกคร้ังในสมุด Answers 1. This is my grandma, Grace. She’s 61. 2. These are my sisters, Emily and Katie. Emily is 7 and Katie is 5. 3. These are my parents, Tom and Lucy. My father is 41. My mother is 39. 4. This is my uncle, Mark. He’s 35. 5. This is my aunt, Lauren. She’s 32. 6. This is my brother, James. She’s 13.8. แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกพดู บอกอายขุ องเพื่อนภายในกลุ่ม โดยใชโ้ ครงสร้าง This is my friend, (ชื่อเพ่ือน). He/She’s (อาย)ุ . หรือ These are my friends, (ชื่อเพ่ือนท้งั 2 คน). (ชื่อเพ่อื นคนแรก) is (อาย)ุ and (ชื่อเพื่อนคนที่ 2) is (อาย)ุ . 67

ข้นั ที่ 4 Production 1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.8 ดว้ ยการวาด family tree ในสมุดของตนเอง จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั แลว้ ใหเ้ วลานกั เรียนแตล่ ะคู่ 5 นาที ฝึกพูดบรรยายครอบครัวของตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง โดยระหวา่ งท่ีพดู ใหน้ กั เรียนช้ีไปที่ family tree ของตนเองประกอบไปดว้ ย เมื่อนกั เรียนฝึกพดู นาเสนอเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนสิ่งท่ีตนเองพดู ลงในสมุด แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ละคู่ สลบั กนั ตรวจ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ใหอ้ อกมาพูดนาเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน หมายเหตุ: ในการเรียนการสอนหวั ขอ้ เก่ียวกบั ครอบครัว บางคร้ังจะค่อนขา้ งเป็นหวั ขอ้ ท่ีอ่อนไหวง่าย เช่น สาหรับเดก็ ท่ีมีพอ่ หรือแมเ่ พียงคนเดียว หรือไม่มีพ่อแม่ ครูตอ้ งระมดั ระวงั และสังเกตการทางานของนกั เรียนอยา่ งใกลช้ ิด สาหรับนกั เรียนท่ีเป็นลูกคนเดียว ครูสอนใหน้ กั เรียนใชป้ ระโยค I’m an only child. Advanced classes: นอกจากเขียนบอกอายแุ ลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนคาบรรยายอื่นๆ เกี่ยวกบั ครอบครัวของตนเองประกอบ family tree ดว้ ย In my family there are ….. people; my father … is …. . 2. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั (Workbook) หนา้ 14 Exs.2-4 และ หนา้ 15 Exs.3-47. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั แบบประเมินการพูดโตต้ อบ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการพูด แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดัสงั เกตความใฝ่ เรียนรู้8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Class Audio CDs 68

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 Grammar Focus เวลา 2 ชั่วโมงจุดประสงค์ (Objectives)- รู้และเขา้ ใจการใช้ be – Present simple (negative form, questions and short answers), this / that, these / these, plural nouns1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพดู และการเขียน ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กบั สื่อท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ท่ีอา่ น ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั69

ต 1.2 ม.1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ งๆต 1.3 ม.1/1 ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ งๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ ประโยค ช่วยในการพดู และเขียนแสดงความรู้สึกและบรรยายเก่ียวกบั ตนเองและส่ิงแวดลอ้ มใกลต้ วั3. สาระการเรียนรู้3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsGrammar: be – Present simple (negative form, questions and short answers), demonstratives: this / that, these / those plural nouns4. ทกั ษะการคิด 4.1 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ – เขียนประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างภาษาท่ีเรียน5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ท่ี 1 Warm up นาเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยการให้นกั เรียนเล่นเกมบิงโกตวั เลขอีกคร้ัง โดยในคร้ังน้ีใหน้ กั เรียนผลดั กนั เป็นผขู้ านตวั เลขข้นั ท่ี 2 Presentation 70

ครูและนกั เรียนร่วมกนั ศึกษาคาอธิบายเกี่ยวกบั การใช้ be – Present simple (negative form, questionsand short answers), this / that, these / these, plural nouns ที่ใหม้ าในหนงั สือเรียน หนา้ 26-27แลว้ ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เติมขอ้ มูลในคาอธิบายดงั กล่าวใหส้ มบูรณ์ครูอาจช่วยนกั เรียนดว้ ยการยกตวั อยา่ งประโยคที่ใชโ้ ครงสร้างภาษาเหล่าน้ีเพิ่มเติมหลายๆ ประโยคเพื่อใหน้ กั เรียนสามารถสรุปกฎเกณฑจ์ ากตวั อยา่ งประโยคท่ีใหม้ าได้ซ่ึงเป็นวธิ ีการสอนแบบท่ีเรียกวา่ inductive methodbe – Present simpleNegative formAnswersFull form Short formI am not I’m notYou are not You aren’tHe is not He isn’tShe is not She isn’tIt is not It isn’tWe are not We aren’tYou are not You aren’tThey are not They aren’tIn the negative form we add not or n’t to the verbQuestions and short answersAnswers Short answersQuestions Yes, I am. / No, I’m not.Am I hungry? Yes, you are. / No, you aren’t.Are you hungry? Yes, he is. / No, he isn’t. Yes, she is. / No, she isn’t.Is he hungry? Yes, it is. / No, it isn’t.Is she hungry? Yes, we are. / No, we aren’t. Yes, you are. / No, you aren’t.Is it hungry? Yes, they are. / No, they aren’t.Are we hungry?Are you hungry?Are they hungry? 71

In questions with be we put subject pronouns after the verb.We use the full form in affirmative short answers and the short form in negativeshort answers.this / that, these / theseAnswersthis thesethat those Plural nouns Answers We usually add s to form plural nouns.ข้นั ท่ี 3 Practice นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 26-27 Exs.1-4 ปากเปล่าร่วมกนั ในช้นั เรียน แลว้ กลบั ไปเขียนลงในสมุดเป็นการบา้ นอีกคร้ังหน่ึงExercise 1 2. David isn’t tired.Answers 4. We aren’t cold.1. You aren’t happy. 6. It isn’t hot.3. Maria isn’t sad. 8. He isn’t tired.5. They aren’t hungry.7. Paolo and Francesco aren’t bored.Exercise 2 2. Is David tired?Answers 4. Are we cold?1. Are you happy? 6. Is it hot?3. Is Maria sad? 8. Is he tired?5. Are they hungry?7. Are Paolo and Francesco bored? 72

Personal Toolkit  Grammar หนา้ 5-6Exercise 3Answers1. This is my friend Helen. / These are my American friends.2. This is my friend. / That’s your friend.3. These are the Scottish twins. / Those are the Scottish twins.Exercise 4 2. that 3. Those, these 4. this, thatAnswers1. those Personal Toolkit  Grammar หนา้ 34-35ข้นั ท่ี 4 Production 1. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ในบทเรียนน้ีร่วมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ช่วยกนั แต่งประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างภาษาท่ีเรียน อยา่ งนอ้ ยโครงสร้างละ 5 ประโยค ครูสังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คู่ ออกมานาเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน 2. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 16-17 Exs.1-8 เป็นการบา้ น 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18-19 ในหอ้ งเรียนหรือเป็นการบา้ น 73

Skills (Workbook pp. 18-19)ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ความรู้สึกและครอบครัวท่ีนกั เรียนเคยไดเ้ รียนมาแลว้ ดว้ ยการแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีมแต่ละทีมผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาเล่นเกม Spelling Bee โดยครูจะพูดคาศพั ท์แลว้ ใหน้ กั เรียนสะกดคาศพั ทด์ งั กล่าวใหถ้ ูกตอ้ ง ทีมท่ีตวั แทนสามารถสะกดคาศพั ทไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง จะได้ 1คะแนน สุดทา้ ยทีมใดที่ไดค้ ะแนนมากที่สุดจะเป็นทีมท่ีชนะ Wordlist: afraid, aunt, bored, brother, cousin, daughter, father, grandma, grandpa, mother, parents, tired, uncleListening 1. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.1 โดยดูภาพ แลว้ วงกลมรอบคาคุณศพั ทบ์ อกความรู้สึกที่สัมพนั ธ์กบั ภาพ 2. นกั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.2 ซ่ึงนกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาส้ันๆ 4 บท จาก Student’s Audio CD/Track 7 แลว้ พิจารณาวา่ บทสนทนาดงั กล่าวสมั พนั ธ์กบั ภาพใด ระหวา่ งภาพ A กบั ภาพ B จากใน Ex.1 เม่ือไดค้ าตอบแลว้ ใหข้ ีด ลงในกรอบสี่เหลี่ยมขา้ งๆ ภาพReading 1. นกั เรียนฟัง Student’s Audio CD/Track 8 และอ่านขอ้ ความบรรยายภาพท้งั 4 ภาพที่ใหม้ าในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.3 ตามไปดว้ ย จากน้นั ตอบคาถามท่ีถามวา่ มีครอบครัวในภาพใดท่ีคลา้ ยคลึงกบั ครอบครัวของนกั เรียนบา้ ง 74

2. อ่านขอ้ ความบรรยายภาพใน Ex.3 อีกคร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนตอบคาถามที่กาหนดใหใ้ นแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Ex.4 ลงในสมุดWriting and Speaking 1. อธิบายภาระงานในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Ex.5 วา่ ใหน้ กั เรียนวาดรูปหรือหารูปภาพของครอบครัวตวั เองมาติดลงในกระดาษวาดเขียนขนาด A4 แลว้ เขียนคาบรรยายส้ันๆ เหมือนอยา่ งใน Ex.3 2. ทบทวนโครงสร้างประโยคและคาศพั ทท์ ่ีใชใ้ นการบรรยายสมาชิกในครอบครัวอีกคร้ัง ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Ex.6 จากน้นั ให้นกั เรียนนารูปครอบครัวของบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่นกั เรียนไดเ้ ตรียมมาจากบา้ นแลว้ มาเตรียมขอ้ มูลในการพูดนาเสนอ เมื่อนกั เรียนเตรียมตวั เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ อกมาพดู นาเสนอที่หนา้ ช้นั เรียนStudy Tip อธิบาย Study Tip ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 แลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนเลือกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ครอบครัวและความรู้สึกอยา่ งละ 1 คา แลว้ กลบั ไปทาบตั รคาที่ดา้ นหนา้ เป็นคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ และดา้ นหลงั เป็นคาแปลภาษาไทย แลว้ ใหน้ กั เรียนกลบั ไปฝึกท่องจาคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ครอบครัว ครูใหน้ กั เรียนนาบตั รคามาส่งครู เพ่อื นามาใชใ้ นการทากิจกรรมในคาบเรียนถดั ไป7. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ตรวจงานเขียน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบฝึ กหดัสังเกตความใฝ่ เรียนรู้8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 แบบฝึกหดั Team Up in English 1 ม.1 8.3 Student’s Audio CD 8.4 Personal Toolkit 75

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 The Food Pyramid เวลา 2 ชั่วโมงจุดประสงค์ (Objectives)- เรียนรู้เก่ียวกบั การเลือกรับประทานอาหารอยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ ัมพนั ธ์กบั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ที่อา่ น ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน76

ตัวชี้วดั คน้ ควา้ รวบรวมต 3.1 ม.1/1 และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขียน2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ความรู้เกี่ยวกบั การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์สานวนภาษาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรี ยนรู้อ่ืน เป็ นพ้ืนฐานในการรวบรวมและสรุ ปข้อมูลและนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน3. สาระการเรียนรู้3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: food and nutrition (bone, body, calcium, carbohydrate, fat, fibre, healthy, high in, iron, bean, nut, nutrient, mineral, protein, rich in, vitamin)2) Language SkillsReading: อา่ นเพื่อความเขา้ ใจ4. ทกั ษะการคิด 4.1 ทกั ษะการจาแนกประเภท – จาแนกประเภทของอาหารตามหมวดหมูใ่ นพีระมิดอาหารท่ีเรียน 4.2 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ – นาความรู้เกี่ยวกบั การรับประทานอาหารอยา่ งเหมาะสมที่เรียนมาใช้ วเิ คราะห์เกี่ยวกบั การรับประทานอาหารของตนเอง5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 ใฝ่ เรียนรู้6. กจิ กรรมการเรียนรู้ 77

ข้นั ที่ 1 Warm up 1. นกั เรียนทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ครอบครัวจากบตั รคาท่ีนกั เรียนไดท้ าไวใ้ นแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 หวั ขอ้ Study Tip 2. ครูถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนรู้หรือไมว่ า่ การรับประทานอาหารอยา่ งเหมาะสม จะตอ้ งรับประทาน อาหารอยา่ งไร แลว้ ให้นกั เรียนในหอ้ งอภิปรายแสดงความคิดเห็นร่วมกนัข้นั ที่ 2 Pre-reading นกั เรียนจบั คู่ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 25 Ex.1 โดยใหแ้ ต่ละคู่ช่วยกนั คิดช่ืออาหารเรียงตามลาดบั ตวั อกั ษร A-Z ที่นกั เรียนรู้จกั วา่ มีอะไรบา้ ง เช่น A = Apple, B = Bread, C= Cookies ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขียนชื่ออาหารท่ีเป็ นวตั ถุดิบ ไม่เขียนเป็นชื่ออาหารท่ีปรุงสาเร็จแลว้ เช่น เขียนคาวา่ eggs ไมเ่ ขียนคาวา่ custard, pasta ไม่เขียน lasagna, potatoes ไม่เขียน chips ตวั อกั ษรบางตวั อาจยากท่ีจะบอกชื่ออาหารได้ ครูอาจกาหนดไวต้ ้งั แตต่ อนตน้ เลยวา่ ใหน้ กั เรียนขา้ มไปได้ เช่น q, u, v, x, y, z ครูใหเ้ วลานกั เรียนในการเขียน 5 นาที เม่ือหมดเวลาแลว้ ครูสารวจวา่ นกั เรียนคู่ใดเขียนไดม้ ากท่ีสุด ใหน้ กั เรียนคู่ดงั กล่าวออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน ครูตรวจเช็คตวั สะกดใหน้ กั เรียน ต่อมาครูถามนกั เรียนคนอ่ืนๆ ในช้นั วา่ มีคาศพั ทต์ วั อกั ษรใดท่ีเพื่อนไม่ไดเ้ ขียนบนกระดาน แลว้ นกั เรียนนึกออก ใหอ้ อกมาเขียน Possible answers A: apple, almond, apricot, avocado, asparagus,…etc. B: bread, blueberry, banana, broccoli, beef, beer, bean, bacon,…etc. C: carrot, cake, candy, cheese, chicken, chili pepper, cherry, celery, cauliflower, cabbage, coconut, cookie, corn, crab, cucumber,…etc. D: durian, doughnut,…etc. E: egg, eggplant,…etc. F: flour, fruit, French fries,…etc. G: grapes, grapefruit, garlic, ginger, green beans,…etc. H: ham, hot dog, …etc. I: ice, ice cream,…etc. J: jam, jelly, juice,…etc. K: kiwifruit,…etc. 78

L: lemon, lemonade, lime, lobster, lettuce, leek,…etc. M: meat, melon, milk, mushroom, mussel,…etc. N: nut, noodle,…etc. O: orange, orange juice, olive, onion, oyster,…etc. P: papaya, pasta, peach, peanut, pear, pea, pepper, pie, pizza, potato, pumpkin, pork, pineapple, prawn,…etc. Q: quail eggs,…etc. R: rice, raisin, raspberry, …etc. S: salad, salt, sausage, salmon, steak, sugar,…etc. T: tea, toast, tomato, tuna, turkey,…etc. U: - V: - W: watermelon, wheat, water, walnut,…etc. Y: yam,…etc. Z: zucchini,…etc. ครูใหน้ กั เรียนจดบนั ทึกคาศพั ทช์ ื่ออาหารเหล่าน้ีลงในสมุด (ชื่ออาหารเหล่าน้ีจะใชใ้ นการทากิจกรรมอีกคร้ังหลงั จากทา Ex.2 เสร็จแลว้ )ข้ันที่ 3 Reading 1. ใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพพรี ะมิดอาหารในหนงั สือเรียน หนา้ 28 ซ่ึงเป็นแผนภาพที่ช่วยใหผ้ บู้ ริโภคไดร้ ู้จกั การเลือกรับประทานอาหารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและพอเหมาะต่ อความตอ้ งการในแตล่ ะวนั โดยเนน้ ใหผ้ บู้ ริโภคเลือกรับประทานอาหารหลกั ท้งั 5 หมู่ใหห้ ลากหลายออกไป เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์และเกิดความสมดุลของสารอาหารที่ร่างกายแต่ละคนตอ้ งการ จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่ พีระมิดอาหารแบง่ ออกเป็นท้งั หมดกี่ส่วน (6 ส่วน) ส่วนใดเป็ นส่วนท่ีใหญ่ ที่สุดของพีระมิดอาหาร (ส่วนของคาร์โบไฮเดรตหรือพวกแป้ง ในช้นั ล่างสุดของพรี ะมิด) และส่วน ใดเป็นส่วนท่ีเลก็ ท่ีสุด (ส่วนของพวกไขมนั ในช้นั บนสุดของพรี ะมิด) How many sections are there? (six) Which section is the largest portion of our diet? (the carbohydrates group, at the bottom of the pyramid) Which section is the smallest portion? (the fats group, at the top) 79

2. ใหเ้ วลานกั เรียน 5 นาที อา่ นบทอ่านในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.2 จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุป เน้ือหาในแตล่ ะกรอบในบทอ่าน โดยใชภ้ าษาไทยได้ ต่อมาใหน้ กั เรียนจบั คู่ แลว้ ตอบคาถามท่ีใหม้ าดา้ นล่างของพรี ะมิดอาหาร เมื่อนกั เรียนทาเสร็จแลว้ ครูอ่านคาถามท่ีใหม้ าทีละคาถาม แลว้ รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลายๆ คน เพื่อเป็ นการตรวจ คาตอบ เสร็จแลว้ มอบหมายใหน้ กั เรียนกลบั ไปเขียนคาถาม พร้อมท้งั คาตอบลงในสมุดอีกคร้ัง Answers: 1. You need it to have strong teeth and bones. 2. Any of the foods from these groups: meat, poultry, fish, dry beans, eggs, seeds and nuts. 3. They are full of vitamins and minerals. 4. Fruits are sweet, ready to eat and very good for you. 3. เปิ ด CD1/Track 27 ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นใน Ex.2 ตามไปดว้ ย จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ น บทอ่านอีกคร้ัง โดยกระตุน้ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงใหเ้ หมือนตน้ ฉบบั ที่ฟังใหไ้ ดม้ ากที่สุด เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 6 คน ใหอ้ า่ นขอ้ ความในบทอา่ น คนละ 1 กรอบข้นั ท่ี 4 Post-reading 1. ใหน้ กั เรียนดูรายชื่ออาหารที่เรียงตามลาดบั ตวั อกั ษรอีกคร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั วเิ คราะห์วา่ อาหารแตล่ ะอยา่ งน้นั เป็นอาหารที่อยใู่ นหมวดใดในพีระมิดอาหาร 2. ครูช้ีใหน้ กั เรียนดูหวั ขอ้ ของตารางในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.3 วา่ ในคอลมั นแ์ รกน้นั เป็นช่ือของอาหาร ส่วนอีก 6 คอลมั นท์ ี่เหลือน้นั เป็นประเภทของอาหารตามท่ีแบง่ ไวใ้ นพรี ะมิดอาหาร จากน้นั ครูทาตารางแบบเดียวกบั ในหนงั สือเรียนบนกระดาน และเขียนชื่ออาหารลงในคอลมั นแ์ รก หวั ขอ้ Meal จากน้นั เขียนอาหารท่ีกินในม้ือน้นั ๆ แยกตามประเภท ตอ่ มาใหน้ กั เรียนทาตารางของตนเองลงในสมุด แลว้ ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์อาหารท่ีตนเองรับประทานใน 1 วนั ลงในตารางเหมือนดงั ตวั อยา่ งที่ใหม้ า ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทางาน 3. ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 28 Ex.4 ดว้ ยการใหน้ กั เรียนดูตารางท่ีนกั เรียนทาไวใ้ น Ex.3 แลว้ พจิ ารณาวา่ การรับประทานอาหารของนกั เรียนใน 1 วนั น้นั มีสดั ส่วนที่ถูกตอ้ งและพอเหมาะหรือไม่ 80

จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ เพอื่ เปรียบเทียบคาตอบกบั เพอื่ น โดยใหน้ กั เรียนพดู แลกเปลี่ยนขอ้ มูลกนั วา่ นกั เรียนกินอาหารครบทุกช้นั ในพีระมิดอาหารหรือไม่ Tests and Resources  CLIL Worksheet 14. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 28 หัวข้อ Project Time วา่ ใหน้ กั เรียนวาดพีระมิดอาหารของตนเองลงในกระดาษวาดเขียน ดา้ นนอกของพรี ะมิดใหเ้ ขียนชื่อหมวดของอาหาร ส่วนดา้ นในของพรี ะมิด ใหเ้ ขียนชื่อของอาหารท่ีครอบครัวของนกั เรียนรับประทานเป็นประจาใน แต่ละหมวด ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนตกแต่งพีระมิดอาหารของนกั เรียนใหส้ วยงามและ สร้างสรรค์ เช่น อาจจะระบายสีพรี ะมิดแต่ละช้นั ดว้ ยสีที่แตกต่างกนั วาดภาพประกอบหรือตดั ภาพอาหารจากในนิตยสารมาติดใส่ขา้ งๆ ช่ืออาหารในพีระมิด เพ่อื ทาใหพ้ รี ะมิดอาหารของนกั เรียนมีความน่าสนใจ เมื่อครูตรวจผลงานนกั เรียนแลว้ นาพรี ะมิดอาหารของนกั เรียนไปติดแสดงท่ีบอร์ดของห้ องเรียน advanced class: ครูอาจสอนพีระมิดอาหารรูปแบบใหมใ่ หน้ กั เรียน โดยเขา้ ไปศึกษาขอ้ มูลเพ่มิ เติมไดท้ ี่ http://www.choosemyplate.gov/foodgroups/ downloads/resource/MyPyramidGraphicStandards.pdf http://www.choosemyplate.gov/foodgroups/downloads/resource/MyPyramidGraphicStandards.pdf 81

Background Informationแนวคิดเร่ืองพีระมิดอาหาร คือการเรียงอาหารตามหมตู่ ่างๆตามลาดบั วา่ อาหารหมู่ไหนท่ีควรจะรับประทานมาก (ฐานของพีระมิด)ลดหลนั่ กนั ลงไปจนถึงหมทู่ ่ีควรรับประทานใหน้ อ้ ยที่สุด(ยอดของพีระมิด) 82

อาหารแต่ละหมวดในพีระมิดอาหารต่างกม็ ีความสาคญั ต่อสุขภาพเท่าๆ กนัไม่มีอาหารชนิดใดชนิดเดียวท่ีจะใหส้ ารอาหารไดค้ รบถว้ นตามที่ร่างกายตอ้ งการขอ้ สาคญั อาหารในหมวดหน่ึงไม่สามารถจะทดแทนอาหารในอีกหมวดหน่ึงได้เพราะฉะน้นั เราตอ้ งรับประทานอาหารใหค้ รบท้งั 5 หมวด คือหมวดขา้ ว ผกั ผลไม้ เน้ือสตั วแ์ ละนมร่างกายจึงจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากอาหารอยา่ งเตม็ ท่ีและใหผ้ ลในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกนั โรคต่างๆ ไดด้ ีบนยอดสูงสุดของพีระมิด คือหมวดอาหารประเภทไขมนั ของหวาน รวมท้งั น้าสลดั ครีม เนยเนยเทียม น้าตาล น้าอดั ลม ลกู อม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซ่ึงเป็นอาหารท่ีใหพ้ ลงั งานและไขมนั สูงเพิ่มน้าหนกั ไดด้ ี แต่มีวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารอื่นๆ ที่เป็นประโยชนต์ ่อร่างกายนอ้ ยมากดงั น้นั จึงควรรับประทานอาหารหมวดน้ีใหน้ อ้ ยที่สุดย่ิงหลีกเล่ียงไดม้ ากเท่าไหร่กย็ ิ่งเป็นการดีต่อสุขภาพเท่าน้นัเพราะการจากดั อาหารหมวดน้ีจะช่วยป้องกนั ความอว้ นและโรคท่ีจะตามมากบั ความอว้ น เช่นโรคหวั ใจ โรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง เป็นตน้หมวดของนมและผลติ ภณั ฑ์นม เช่น นมสด โยเกิร์ต เนยแขง็ หรือชีส ซ่ึงเป็นแหล่งโปรตีนวติ ามินและเกลือแร่ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเป็นแหล่งของแคลเซียมท่ีจาเป็นอยา่ งยงิ่ ต่อกระดูกและฟันหมวดเนื้อสัตว์ ไดแ้ ก่ เน้ือหมู เน้ือววั สตั วป์ ี ก ปลา ไข่ ซ่ึงเป็นแหล่งของโปรตีน วิตามินเอ บี 1 บี 6บี 12 ดี เค ธาตุเหลก็ ไนอะซิน สงั กะสีและฟอสฟอรัสแต่เราควรเลือกโปรตีนชนิดที่มีไขมนั ต่าและบริโภคตามปริมาณและสดั ส่วนท่ีควรไดร้ ับในแต่ละวนัตามเพศและวยั เพราะจะช่วยลดปริมาณไขมนั อิ่มตวั และคอเลสเตอรอล ช่วยลดการเกิดโรคหวั ใจนอกจากน้ีโปรตีนจากพืช ไดแ้ ก่ ถว่ั เหลืองและถวั่ ต่างๆ ยงั เป็นแหล่งของวิตามินอี กรดโฟลิกเสน้ ใยอาหาร สารตา้ นมะเร็งและสารอาหารอ่ืนๆ กจ็ ดั อยใู่ นหมวดน้ีดว้ ยหมวดผกั เป็นแหล่งวติ ามินและเกลือแร่ต่างๆ เช่น วิตามินบี 2 และบี 6 กรดโฟลิก แมกนีเซียมแคลเซียม ธาตุเหลก็ ทองแดงและโพแทสเซียม โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ วิตามินที่เป็นสารตา้ นอนุมูลอิสระเช่น เบตาแคโรทีน หรือวติ ามินเอ ซีและอี ซ่ึงจะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและผิวพรรณป้องกนั โรคหวั ใจ โรคตอ้ กระจก (โดยเฉพาะในผสู้ ูงอาย)ุ โรคขอ้ เส่ือมเพ่ิมภูมิตา้ นทานและป้องกนั โรคความดนั โลหิตสูง ส่วนแคลเซียมป้องกนั โรคกระดูกพรุนธาตุเหลก็ ป้องกนั โรคโลหิตจาง เสน้ ใยอาหารในพืชมีสารเฉพาะท่ีเรียกวา่ สารพฤกษเคมี(phytochemicals) ซ่ึงสามารถป้องกนั โรคมะเร็งไดห้ ลายชนิด 83

หมวดผลไม้ เป็นแหล่งของสารตา้ นอนุมูลอิสระ (เบตาแคโรทีน วติ ามินเอ ซี) บี 6 กรดโฟลิกโพแทสเซียม เสน้ ใยอาหารและสารพฤกษเคมีที่จะช่วยป้องกนั มะเร็ง เช่น สม้ แอปเปิ ล พรุนสบั ปะรด ฝรั่ง มะละกอ เป็นตน้ ในแต่ละวนั เราควรเลือกรับประทานผกั ผลไมใ้ หไ้ ดอ้ ยา่ งนอ้ ยวนั ละ5 ส่วน โดยเลือกชนิดผกั ผลไมท้ ี่มีสีเหลืองหรือสีสม้ จดัซ่ึงจะเป็นแหล่งของเบตาแคโรทีนอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 1 อยา่ ง ผกั ใบเขียวจดั วนั ละ 1 อยา่ งเลือกผลไมท้ ่ีมีวิตามินสูงๆ 1 อยา่ ง เช่น สม้ มะละกอ ฝรั่งแคนตาลปู ที่เหลือจะเลือกผกั ผลไมช้ นิดใดกไ็ ด้หมวดข้าว ไดแ้ ก่ ขา้ ว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว แป้ง และเมลด็ ธญั พืชซ่ึงอยทู่ ี่ฐานของพีระมิดเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเป็นหมวดที่จะตอ้ งรับประทานพอประมาณในแต่ละวนัเพราะเป็นแหลง่ ที่ใหพ้ ลงั งานในชีวิตประจาวนั นอกจากน้ียงั มีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 อี กรดโฟลิกไนอะซินและเกลือแร่ เช่น แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สงั กะสี ทองแดงและสารพฤกษเคมีที่มา: www.health-pmk.org/004-2909.pdfhttp://phyathai.com/phyathai/new/th/specialcenter/popup_cms_detail.php?cid=217&type=List7. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการวดั แบบประเมินทาชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการทาชิ้นงานพีระมิดอาหารสงั เกตความมุ่งมนั่ ในการทางาน8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 Class Audio CDs 8.3 Tests and Resources 8.4 อุปกรณ์สาหรับทาแผนภาพพีระมิดอาหาร เช่น สี กระดาษวาดเขียน รูปภาพอาหารจากนิตยสาร ตา่ งๆ กาว กรรไกร เป็นตน้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 Nutrients เวลา 2 ช่ัวโมงจุดประสงค์ (Objectives) 84

- เรียนรู้เกี่ยวกบั การสารอาหารที่มีอยใู่ นอาหารได้1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล ตวั ชี้วดั ต 1.1 ม.1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความให้สัมพนั ธ์กบั ส่ือท่ีไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ที่อ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็นพ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ต 3.1 ม.1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ค ว า ม รู้ เ กี่ ย ว กั บ ส า ร อ า ห า ร ก า ร รู้ แ ล ะ เ ข้ า ใ จ ค า ศั พ ท์สานวนภาษาที่เก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรี ยนรู้อื่น เป็ นพ้ืนฐานในการรวบรวมและสรุ ปข้อมูลและนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า1) Language Features and FunctionsVocabulary: food and nutrition (calcium, carbohydrate, fat, fibre, iron, bean, nut,2) Language Skills nutrient, mineral, protein, vitamin) Reading: อ่านเพื่อความเขา้ ใจ4. ทกั ษะการคิด4.1 ทกั ษะการจาแนกประเภท – ระบุสารอาหารที่มีอยใู่ นอาหารที่กาหนดได้ 85

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 มุง่ มนั่ ในการทางาน6. กจิ กรรมการเรียนรู้ข้นั ท่ี 1 Warm up ทบทวนความรู้เก่ียวกบั เรื่องพีระมิดอาหาร โดยถามนกั เรียนวา่ ในพรี ะมิดอาหาร แบง่ อาหารออกเป็นหมวดหมูม่ ีอะไรบา้ ง ถา้ นกั เรียนจาไม่ได้ ครูอาจใหน้ กั เรียนเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 28 แลว้ ตอบครู TOP: fats, oils and sweets SECOND LAYER: vegetables, fruits THIRD LAYER: milk & milk products, meats, beans & nuts FOUNDATION: pasta, bread & grainsข้นั ที่ 2 Pre-reading 1. ทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.1 โดยให้นกั เรียนจบั คู่ พดู แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั อาหารเชา้ อาหารกลางวนั และอาหารเยน็ ที่นกั เรียนรับประทานเป็นประจา What do you usually have for breakfast? (For breakfast I have coffee with milk and sugar, biscuits and toast, etc.) 2. นกั เรียนอ่านคาศพั ทท์ ี่ใหม้ าในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.2 จากน้นั ใหน้ กั เรียนบอกคาเรียกของคาศพั ทเ์ หล่าน้ีในภาษาไทย พร้อมท้งั คาอธิบายคร่าวๆ ตามท่ีนกั เรียนไดเ้ คยเรียนมาในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ Answers Carbohydrates = คาร์โบไฮเดรต Proteins = โปรตีน Minerals = เกลือแร่ Vitamins = วติ ามิน They are all types of nutrients. = สารอาหาร Fat = ไขมนั3. อา่ นคาถามในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.3 แลว้ รวบรวมคาตอบจากนกั เรียนหลายๆ คนในช้นั เรียน Answer Bข้นั ที่ 3 Reading 86

นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.4 และบอกช่ืออาหารท่ีนกั เรียนเห็นในภาพจากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นคาสั่งในการทางาน แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่คาประเภทใดที่นกั เรียนจะนามาเติมลงในช่องวา่ ง จนไดค้ าตอบวา่ ช่ือของสารอาหารซ่ึงกค็ ือคาศพั ทท์ ่ีอยู่ Ex.2 นน่ั เองใหเ้ วลานกั เรียนอ่านและเขียนคาตอบลงในสมุด เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 28 ใหน้ กั เรียนฟังโดยหยดุ CD หลงั จบขอ้ ความในแตล่ ะกรอบ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนตรวจคาตอบครูถามนกั เรียนวา่ มีคาศพั ทค์ าใดที่นกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจและภาพที่ใหม้ าในขอ้ ความช่วยนกั เรียนอธิบายความหมายไดห้ รือไม่ ถา้ ไมไ่ ด้ใหน้ กั เรียนลองพยายามเดาความหมายจากบริบทสุดทา้ ยถา้ นกั เรียนยงั เดาไม่ได้ ครูถามนกั เรียนวา่ คาศพั ทท์ ี่นกั เรียนไม่รู้ความหมายมีผลกระทบต่อความเขา้ ใจในเร่ืองท่ีอา่ นมากหรือไม่ ถา้ มีใหน้ กั เรียนเปิ ดพจนานุกรมเพอ่ื หาความหมายครูอธิบายเพ่ิมเติมวา่ ในการอ่านและการฟังภาษาองั กฤษนกั เรียนไม่จาเป็นตอ้ งรู้คาศพั ทท์ ุกคาในเรื่องท่ีอ่านหรือฟัง butter (n) a soft yellow food made from cream, used in cooking and for spreading on bread [เนยแทห้ รือเนยเหลว] margarine (n) a yellow substance made from vegetable oil or animal fat that can be used instead of butter [เนยเทียม] cheese (n) a solid food made from milk [เนยแขง็ ]Answers 1. protein 2. fat 3. vitamins 4. minerals Background Informationเนยเหลวหรือเนยอ่อน (butter) เนยเทยี ม (margarine) และเนยแข็ง (cheese)เนยเหลว หรือ เนยอ่อน ภาษาองั กฤษใชค้ าวา่ Butterไดม้ าจากการนาไขมนั หรือน้ามนั ในนมสตั วอ์ อกมาใชป้ ระโยชน์ อาจจะนาเอาไปบ่มกบั แบคทีเรียใหไ้ ดก้ ลิ่นไดร้ สบางอยา่ ง หรือไม่ตอ้ งบ่ม แต่นามาแตง่ กลิ่นหรือรสเองกไ็ ด้ เนยเหลวจึงเป็ นไขมนั ลว้ นๆนมมีสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมนั เป็ นองคป์ ระกอบหลกั หากตอ้ งการแยกไขมนั ออกทาไดโ้ ดยการปั่นหรือตีน้านมอยา่ งแรง ส่วนใหญจ่ ะใชเ้ คร่ืองปั่นความเร็วสูง ไขมนั ในนมที่อยกู่ ระจดั กระจายในรูปอิมลั ชนั จะรวมตวั กนั กลายเป็ นครีม แยกตวั ลอยออกมา เม่ือปาดเอาไขมนั ท่ีลอยตวั อยชู่ ้นั บนออกน้านมส่วนที่เหลือจะกลายเป็ นนมพร่องมนั เนยที่เรารู้จกั กนั หรือหากแยกเอาไขมนั ออกจนหมดนมส่วนที่เหลือจะกลายเป็ นนมขาดมนั เนย ไขมนั เนยที่แยกออกมาไดน้ ้ี 87

ในทางอุตสาหกรรมเขาจะนาไปทาเนยออ่ น หรือเนยเหลวท่ีรู้จกั กนั ทว่ั ไป เนยประเภทน้ีจึงเป็ นไขมนั ลว้ นๆ ใครที่คิดจะลดอาหารประเภทไขมนั เห็นทีตอ้ งลดการรับประทานเนยลงดว้ ย ส่วน เนยเทยี ม หรือ มาร์การีน (Margarine) น้นั ไดม้ าจากการใชน้ ้ามนั พืช แทนไขมนั จากนม โดยการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ามนั พชื ทาใหน้ ้ามนั พืชมีกรดไขมนั อ่ิมตวั สูงข้ึน จึงเป็ นของแขง็ ไดม้ ากข้ึน ใครที่เคยเช่ือวา่ เนยเทียมช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดไดเ้ พราะมาจากน้ามนั พืชละ่ ก็ ขอใหเ้ ลิกเช่ือในทนั ทีเพราะปัจจบุ นั ทราบแลว้ วา่ นอกจากเนยเทียมจะไม่ช่วยลดไขมนั ในเลือดแลว้ ยงั อาจสร้างปัญหาเพมิ่ เติมไดอ้ ีก เพราะในเนยเทียมจะมีกรดไขมนั ผดิ ปกติกลุ่มท่ีเรียกวา่ กรดไขมนั ทรานส์อยดู่ ว้ ยเป็นผลผลิตจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนนน่ั เอง เนยแขง็ หรือ ชีส (Cheese) คนไทยเรียกวา่ เนยดว้ ยความเขา้ ใจผิด เห็นวา่ มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั เป็ นผลิตภณั ฑม์ าจากนมเหมือนกนั จึงน่าจะเป็ นอาหารประเภทเดียวกนั จริงๆ แลว้ กไ็ มใ่ ช่ เพราะเนยแขง็ เป็ นการนาเอาส่วนของโปรตีนไม่ใช่ส่วนของไขมนั มาใชป้ ระโยชน์ ในทางโภชนาการถือวา่ เป็ นอาหารคนละประเภทกนั เลย ในนมมีโปรตีนคุณภาพดีอยจู่ านวนไม่นอ้ ย วธิ ีการแยกเอาโปรตีนออกมาจากนม ทาไดโ้ ดยการเติมเอนไซมท์ ี่สกดั ไดม้ าจากกระเพาะสตั ว์ เรียกวา่ เอนไซม์เรนนนิ หรือ เรนเนต บางคร้ังกเ็ รียกวา่ ไคโมซิน เอนไซมเ์ หล่าน้ีอาจจะไดม้ าจากแบคทีเรีย ที่ผา่ นการตดั แต่งยนี กไ็ ด้ เอนไซมท์ าหนา้ ท่ียอ่ ยโปรตีน ทาใหโ้ ปรตีนท่ีแขวนลอยอยใู่ นนม แยกตวั ออกมาจบั ตวั เป็ นกอ้ น เรียกวา่ เคริ ์ด กอ้ นโปรตีนหรือเคิร์ดท่ีวา่ น้ี หากไดม้ าจากนมสดจะมีไขมนั ปนอยดู่ ว้ ยส่วนหน่ึง หากไดม้ าจากนมขาดมนั เนยหรือพร่องมนั เนย ไขมนั ท่ีติดมาจะมีนอ้ ยลงจนแทบจะเป็ นโปรตีนลว้ นๆ กอ้ นโปรตีนน้ีนามาบ่มกบั แบคทีเรียจะได้ เนยแขง็ สารพดั ชนิด แลว้ แต่กระบวนการบ่ม เนยแขง็ จึงจดั เป็ นอาหารโปรตีนเหมือนเน้ือสตั ว์ ที่มา: http://elib-online.com/doctors2/food_butterncheese01.htmlข้นั ที่ 4 Post-reading 1. อ่านคาศพั ทท์ ่ีใหม้ าในหนังสือเรียน หน้า 29 Ex.5 แลว้ สารวจวา่ นกั เรียนเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทเ์ หล่าน้ีทุกคาหรือไม่ ครูเขียนโครงสร้างประโยคในการพดู แสดงความคิดเห็นใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน I think (ช่ืออาหาร) contain / contains (ช่ือสารอาหาร). เช่น I think butter contains fat. จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ พูดแลกเปล่ียนความคิดเห็นกนั วา่ ในอาหารแต่ละชนิดที่ใหม้ า นกั เรียนคิดวา่ มีสารอาหารชนิดใดอยบู่ า้ ง โดยครูอาจขอความร่วมมือจากครูวทิ ยาศาสตร์เพื่อช่วยนกั เรียนในการระบุสารอาหารที่อยใู่ นอาหาร แต่ละชนิด 88

Answers I think eggs contain protein. I think potatoes contain potassium. I think biscuits contain carbohydrates. I think oranges contain vitamins and minerals. I think crisps contain water and carbohydrates. I think peas contain vitamins and minerals. I think rice contains carbohydrates. I think a hamburger contains protein and fat. I think almonds contain fat, protein and carbohydrates.2. อธิบายภาระงานในหนังสือเรียน หน้า 29 หัวข้อ Project Time วา่ ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มทาโปสเตอร์เกี่ยวกบั การรับประทานอาหารอยา่ งสมดุลมาส่งครู ครูอธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนหาขอ้ มูลเกี่ยวกบั สารอาหาร แลว้ เขียนอธิบายส้ันๆ และแบ่งประเภทใหช้ ดั เจนเหมือนอยา่ งในหนงั สือ-เรียน หนา้ 29 Ex.4 พร้อมกบั ทาตารางวเิ คราะห์อาหารที่เหมาะสมในการรับประทานใน 1 วนั เหมือนอยา่ งในตารางในหนงั สือเรียน หนา้ 28 Ex.3 ครูย้าวา่ โปสเตอร์ของนกั เรียนจะตอ้ งเขียนเป็ นภาษาองั กฤษ เมื่อครูตรวจผลงานของนกั เรียนแลว้ ครูติดโปสเตอร์ของนกั เรียนที่บอร์ดของห้อง Revision: Tests and Resources: Reinforcement Worksheet Unit 2 Formative evaluation:  Test and Resources: Test Unit 2 89

7. การวดั และประเมินผลวธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการทาชิ้นงานโปสเตอร์ แบบประเมินชิ้นงานโปสเตอร์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบสังเกตความมุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 หนงั สือเรียน Team Up in English 1 ม.1 8.2 Class Audio CDs 8.3 Tests and Resources 8.4 หอ้ งสมุดหรืออินเทอร์เน็ต 8.5 อุปกรณ์สาหรับโปสเตอร์ เช่น สี กระดาษโปสเตอร์ เป็นตน้ 90


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook