ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ถงุ ไข่แดง (Yolk sac) ลกู เต่าทะเลแรกเกิดยงั คงมีถงุ ไข่แดงจานวนหน่ึงอยู่ บริเวณท้อง ลกู เตา่ จะใช้ไขแ่ ดงท่ีเหลืออยู่นีเ้ป็ นแหล่ง พลังงานในการว่ายนา้ อย่างไม่หยุดหย่อน เพ่ือ หล บ ห นี ศัต รู ต า ม ธ ร ร ม ช า ติอัน มี ม า ก ม า ย บ ริ เ ว ณ ชายฝ่ัง ออกทะเลลกึ 49
ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ
กลบั สชู่ ายฝั่ง ยกเว้นเตา่ มะเฟื องซง่ึ ใช้เวลาเกือบทงั้ ชีวิตหากินในบริเวณทะเลลึกไกล จากฝั่ง ลกู เตา่ ทะเลที่วา่ ยนา้ ไปเจริญเติบโตในทะเลไกลฝั่งจะเริ่มหวน คนื สทู่ ะเลชายฝ่ังอีกครัง้ เมื่อเจริญเตบิ โตจนมีขนาดร่างกายท่ีใหญ่ขนึ ้ พอท่ีจะรอดพ้นจากการตกเป็ นเหยื่อของปลาขนาดใหญ่ ซ่งึ โดยทว่ั ไป จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-5 ปี บริเวณชายฝั่งของแผน่ ดนิ ใหญ่และทะเลรอบเกาะแก่งต่างๆ อดุ มไปด้วยแหลง่ อาหารสาหรับเต่าทะเล ประกอบไปด้วยระบบนิเวศ ท่ีหลากหลายเชน่ ระบบนิเวศหญ้าทะเล สาหร่ายทะเล ระบบนิเวศแนว ปะการัง แนวโขดหิน ระบบนเิ วศชายฝ่ังท่ีหลากหลายทงั้ ชนิดพนั ธ์ุและ ความชุกชุมของพืชและสตั ว์เหล่านี ้ ทาหน้าท่ีเป็ นบ้านของเตา่ ทะเล ตงั้ แตว่ ยั รุ่นจนถึงโตเตม็ วยั 51
Hans Tibboel
แนวปะการงั 53 แนวปะการังเป็ นโครงสร้างหินปนู ท่ีก่อตวั เป็ นแนว ใต้ทะเล ในระดบั ที่แสงแดดสอ่ งถงึ โครงสร้างนีเ้กิด จากการหลงั่ แคลเซียมของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ตวั ที่เด่นท่ี สุดคือปะการั ง และสาหร่ ายหินปู น โครงสร้างหินปนู ท่ีถกู สร้างขนึ ้ แหลงที่อยอู่ าศยั ของ ส่ิงมีชีวิตหลากหลายชนิด โดยเฉพาะเตา่ กระ นอกจากแนวปะการังจะมีความสาคญั ใน แง่เป็ นแหล่งท่องเท่ียว เป็ นตัวป้ องกันก าร พงั ทะลายของชายฝั่ง และก่อตวั สร้างเนือ้ ที่บริเวณ ชายฝั่งเพิ่มขนึ ้ แล้ว ยงั เป็ นแหล่งผสมพันธ์ุและฟัก ตัว เป็ นที่อยู่หลบภัยของส่ิงมีชีวิตหลายชนิดใน ทะเล โดยเฉพาะสัตว์ท่ีมีความสาคัญทาง เศรษฐกิจ ถือได้ว่าแนวปะการังเป็ นแหล่งท่ีให้ผล ผลิตสูงสดุ แห่งหนึ่งในระบบนิเวศทางทะเล สังคม ส่ิงมีชีวิตในแนวปะการังมีความสลบั ซบั ซ้อน มีการ เปลี่ยนแปลงและถ่ายทอดพลงั งานตลอดเวลา จึง นบั ได้วา่ เป็นแหลง่ ที่สร้างและหมนุ เวียนสารอาหาร ท่ีสาคญั ผลการสารวจแนวปะการังของประเทศ ไทยในปี พ.ศ. 2550 มีพืน้ ที่รวม 99,749 ไร่ เป็ น พืน้ ท่ีปะการังในบริเวณอ่าวไทย 48,685 ไร่ และ บริเวณทะเลอนั ดามนั 51,064 ไร่ สภาพปะการัง ในอา่ วไทยมีความเส่ือมโทรม โดยมีสาเหตหุ ลักมา จากเหตกุ ารณ์ปะการังฟอกขาวในปี 2541 ส่วน สภาพปะการังในทะเลฝั่งอนั ดามนั มีแนวโน้มของ การฟื น้ ตวั มากกวา่ ความเส่ือมโทรม ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ
กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ Hans Tibboel กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ 54
ปะการังอ่อน และฟองนา้ เป็ น อาหารโปรดของเต่ากระ แม้ว่า อาหารเหล่านีม้ ีสารพิษ แต่เต่า ก ร ะ ก็ มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร สะสมพิษในร่างกายโดยไม่เป็ น อนั ตราย อยา่ งไรก็ตามผ้ทู ่ีบริโภค เนือ้ เต่ากระจะมีอันตรายถึงสีย ชีวติ ได้ Hans Tibboel
แหลง่ หญา้ ทะเล 56
หญ้าทะเลเป็ นที่อยอู่ าศยั และแหลง่ หากินที่สาคญั ของเตา่ ทะเลโดยเฉพาะเตา่ ตนุ ประเทศไทยมี พืน้ ที่แหล่งหญ้าทะเลท่ีสารวจพบในปี 2549 มากกวา่ 92,900 ไร่ ประกอบไปด้วยหญ้าทะเล 12 ชนิด แหล่งหญ้าทะเลเป็ นระบบนิเวศที่มีความสาคญั เป็ นผู้ผลิตท่ีเปลี่ยนสารอนินทรีย์ให้เป็ น อนิ ทรีย์สาร เป็ นแหลง่ ที่อยอู่ าศยั ของสตั ว์นา้ วยั อ่อน และแหลง่ หากินของสัตว์นา้ นานาชนิด จาก การศกึ ษาพบสตั ว์หน้าดนิ อยา่ งน้อย 95 ชนิด ส่วนใหญ่อยใู่ นกลมุ่ ไส้เดือนทะเล หอย ปู ปลิงและ ปลาดาวชนิดต่างๆ พบปลาที่อาศยั ในแหล่งหญ้าทะเลมากกว่า 67 ชนิด ส่ิงมีชีวิตเหล่านีม้ ี ความสมั พนั ธ์เกือ้ กลู ให้เกิดความสมดลุ ของระบบนิเวศ Halodule uninervis Halodule pinifolia Halodule pinifolia Cymodocea rotundata Cymodocea serrulata Syringodium isoetifolium Ruppia maritima Enhalus acoroides Halophila beccarii Halophila decipiens Halophila ovalis Halophila minor ภาพวาดหญ้าทะเลโดย UNEP GEF 57
วณมล อินศร
แมงกระพรุนเป็ นอาหารของเต่า ทะเลทุกชนิด โดยเฉพาะเต่า มะเฟื องซึ่งมีแมงกระพรุนเป็ น อาหารมือ้ หลกั (หน้าตรงข้าม) เต่าตนุกาลังกิน 59 แ ม ง ก ร ะ พ รุ น อ ย่ า ง เ อ ร็ ด อ ร่ อ ย สังเกตุรอยคราบสีนา้ ตาลอม เหลืองบริเวณลาคออนั เกิดจาก เข็มพษิ ของแมงกระพรุน Hans Tibboel
กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์
สบื ทอดอนาคต เตา่ ทะเลมีความพร้อมในการผสมพนั ธ์ุได้เมื่ออายุ 12-16 ปี ด้วยการกระต้นุ ของฮอร์โมนเพศ เตา่ ทะเลทงั้ ตวั ผ้แู ละตวั เมียจะเดนิ ทางจากแหล่งหากินเป็ น ระยะทางหลายร้ อยหลายพันกิโลเมตร มาพบกันบริเวณแหล่งวางไข่ ด้วย วิธีการนีท้ าให้ประชากรเต่าทะเลรุ่นใหม่ที่กาลงั จะกาเนิดขึน้ มีสายพนั ธ์ุที่ หลากหลายและเป็ นการป้ องกนั ไม่ให้เกิดการผสมพันธ์ุกันเองในครอบครัว เดียวกนั แม่เต่าทะเลจะมีความทรงจาของแหล่งวางไข่ท่ีดีเย่ียม เมื่อแม่เต่า ทะเลวางไข่ท่ีแหล่งวางไข่ไหน ก็จะกลับมายังแหล่งวางไข่เดิมทุกครัง้ ไป ยกเว้นในกรณีที่แหล่งวางไข่เดิมมีสภาพท่ีเปล่ียนไปจนไม่เหมาะสมต่อการ วางไข่หรือแม่เต่าถกู รบกวนขณะวางไข่ แล้วแม่เตา่ เลือกมาวางไข่ ณ แหล่ง วางไข่หน่ึงๆได้อยา่ งไร นกั วิทยาศาสตร์ได้ตงั้ สมมตุ ฐิ านเพ่ืออธิบายการเลือก แหล่งวางไข่ของแม่เตา่ ออกเป็ น 2 ทฤษฏี ในทฤษฏีแรกอธิบายว่าแม่เตา่ มี ความทรงจาของแหลง่ กาเนิด (Imprinting) จากการรับรู้องค์ประกอบทางเคมี ที่มีลกั ษณะเฉพาะของหาดทรายและนา้ ทะเลในบริเวณแหล่งกาเนิด ส่วน ทฤษฏีท่ีสอง อธิบายว่าแมเ่ ตา่ ใหม่จะว่ายนา้ มายงั แหล่งวางไข่ โดยการว่าย นา้ ตามแม่เต่าท่ีมีประสบการณ์ จากข้ อมูลการศึกษาทางพันธุศ าสตร์ ประชากรในปัจจบุ นั ชีถ้ ึงแนวโน้มความเป็นไปได้ของทฤษฎีแรกมากกวา่ แม่เต่าท่ีพร้ อมวางไข่ จะว่ายวนเวียนใกล้ชายหาดในช่วงเวล า กลางคนื เพ่ือมองหาพืน้ ที่อนั เงียบสงบ เมื่อนา้ ทะเลเริ่มขึน้ สงู สดุ แมเ่ ตา่ จะเร่ิม คลานเข้าขนึ ้ ชายหาด เดนิ หาสถานที่ๆเหมาะสม ซง่ึ เป็นบริเวณที่นา้ ทะเลท่วม ไมถ่ งึ จากนนั้ เร่ิมขดุ หลมุ ลกึ ประมาณ 40-60 ซม. แล้ววางไข่ที่ละฟองจนครบ ประมาณ 70-150 ฟอง เมื่อไขเ่ สร็จแมเ่ ตา่ จงึ เร่ิมกลบหลมุ และปกปิ ดร่องรอย ของทรายเหนือหลุมวางไข่ก่อนเดินลงกลับลงสู่ทะเล กระบวนการวางไข่ ทงั้ หมดใช้เวลา 30-90 นาที แล้วแตช่ นิดของเตา่ ในแตล่ ะฤดวู างไข่ แมเ่ ตา่ เชน่ เตา่ ตนสุ ามารถวางไขไ่ ด้มากถึง 10 ครัง้ โดยในแตล่ ะครัง้ มีระยะเวลาห่างกนั โดยเฉลี่ย 12 วนั แม่เต่าแต่ละตวั ไม่ได้ วางไขท่ กุ ปี แตจ่ ะมีชว่ งหา่ งระหวา่ งแตล่ ะฤดวู างไข่ 2-4 ปี 61
วณมล อินศร วณมล อินศร เม่ือเตา่ ทะเลยา่ งเข้าสวู่ ยั เจริญพนั ธ์ุ สามารถสงั เกตคุ วามแตกต่างระหวา่ งเพศผู้ (หน้าตรงข้าม) เตา่ ทะเลใช้เวลาในการ และเพศเมียได้จากภายนอก กลา่ วคือเพศผ้จู ะมีหางที่ยาวโผลพ่ ้นขาหลงั อยา่ ง ผสมพนั ธ์แตล่ ะครัง้ ประมาณ 30-60 เห็นได้ชดั (รูปด้านซ้าย) ในขณะท่ีเตา่ ตวั เมียจะมีหางสนั้ (รูปด้านขวา) นาที ตวั ผ้จู ะอยดู่ ้านบนหลงั ของตวั เมีย โดยใช้ขาคหู่ น้าซง่ึ มีเลบ็ เกาะเก่ียว 62
กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ 64 เต่าตนุวางไข่เฉล่ียครัง้ ละ 100 ฟอง ทุกๆ 12 วนั ติดตอ่ กนั ได้มากถึง 10 ครัง้ ตอ่ หนึ่งฤดกู าล วางไข่ แม่เต่าตนุจะเดินทางจากแหล่งหากิน มายงั แหลง่ วางไขเ่ ดมิ ทกุ ๆ 2-4 ปี
แม่เต่ามะเฟื องจะ พรางหลมุ วางไขจ่ ริง ด้ ว ย ก า ร ตี แ ป ล ง หลมุ หลอก 2-3 แหง่ ห ลุม ว า ง ไ ข่ จ ริ ง อ ยู่ บริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ ยีนอยู่ สพุ จน์ จนั ทราภรณ์ศิลป์ รอยเ ท้ าข องเ ต่าทะ เลข ณะขึน้ ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ วางไข่ (ภาพซ้ าย) แม่เต่าที่ วางไข่แล้ว สามารถสังเกตุได้ จากรอยลากของหางตรงกลาง เป็ นทางยาวขณะเดินลงทะเล (ภาพขวา) 65
กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์
การเดนิ ทาง อนั ยาวไกล เมื่อแมเ่ ตา่ เสร็จสิน้ ภารกิจการวางไข่ ก็จะเดนิ ทางกลบั ส่แู หลง่ หากิน ที่จากมา และเชน่ เดียวกบั ลกู เตา่ ที่เมื่อฟักออกจากไข่ ก็ต้องเร่ิมต้น การเดนิ ทางอนั ไมร่ ู้จบ เพ่ือหาคาตอบการเดนิ ทางของเตา่ ทะเล ได้มี การนาเอาเทคโนโลยีในการติดตามจากระยะไกลเข้ามาใช้ ทาให้ สามารถค้นพบความลบั ในการเดนิ ทางอนั ยงิ่ ใหญ่ของแมเ่ ตา่ ทะเล จากการติดตามการเคล่ือนท่ีของแม่เต่าทะเล โดยใช้ เคร่ืองส่งสัญญาณดาวเทียม (Platform Transmitter Terminal, PTT) เราพบวา่ แมเ่ ตา่ แตล่ ะตวั ต้องเดนิ ทางมาจากแหล่งหากินท่ีอยู่ ไกลจากแหลง่ วางไขเ่ ป็นระยะทางนบั ร้อยนบั พนั กิโลเมตร 67
หมู่เกาะอันดามัน พมา่ ทะเลอนั ดามนั ????? เม่ือเสร็จสิน้ ภารกิจการวางไข่ แมเ่ ตา่ สว่ นใหญ่เริ่มการ เดินทางกลบั จากหมู่เกาะสิมิลันไปหากินบริเวณหมู่ ประเทศไทย เกาะอนั ดามนั ของประเทศอินเดีย แม่เตา่ ต้องวา่ ยนา้ เป็ นระยะทางมากกว่า 650 กิโลเมตร ใช้เวลา ประมาณ 15 วนั จงึ จะถึงแหล่งหากิน ในระหวา่ งการ เดนิ ทางแม่เตา่ วา่ ยนา้ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 3 กิโลเมตร ตอ่ ชวั่ โมง ตอ่ เน่ืองทงั้ กลางวนั และกลางคืน หมเู่ กาะ สิมิลนั ประเทศไทย ทะเลจีนใต้ พม่า กมั พชู า แมเ่ ตา่ สว่ นใหญ่ที่วางไขบ่ ริเวณหม่เู กาะครามต้องว่าย เวียดนาม นา้ เป็ นระยะทางมากถึง 2,500 กิโลเมตร ใช้เวลา มากกวา่ 30 วนั เพ่ือเดินทางกลบั ยงั แหลง่ หากินหลกั ทะเลซลู ู บริเวณทะเลซูลูซ่ึงเป็ นเป็ นทะเลอาณาเขตของ ประเทศมาเลเซียฟิ ลิปปิ นส์และอินโดนีเซียแม่เต่า มาเลเซีย มาเลเซีย บาง ส่วนมี แหล่งหากิ นในทะ เล ตอนใต้ ของประ เทศ อิ นโดนี เซีย กมั พชู าเวียดนามและมาเลเซีย เห็นได้ว่าการอนุรักษ์ อิ นโดนี เซีย เต่าทะเลจะไม่สามารถทาได้ สาเร็ จถ้ าไม่ได้ รั บความ ร่วมมืออย่างจริงจงั และตอ่ เน่ืองระหว่างกลุ่มประเทศ 68 ที่เตา่ ใช้ชิวติ อยู่
ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ สมชาย มน่ั อนนั ต์ทรพั ย์ 12 อปุ กรณ์อิเลคโทรนิคหลายชนิดมีส่วนช่วยไขความลบั ทางชีววิทยาของเตา่ ทะเล เชน่ การใช้เครื่องสง่ สญั ญาณดาวเทียม 3 45 (Platorm Transmitter Terminal, PTT) เพ่ือติดตามการอพยพย้ายถิ่นระยะไกล (1), เคร่ือง Ultrasonic Transmitter เป็ นอีกทางเลือกหนึง่ ของการศกึ ษาการเคล่ือนที่ของเตา่ ทะเล โดยการติดตามจากคล่ืนเสียงความถ่ีสงู (2), เคร่ืองมือวดั การเคล่ือนที่แบบสามมิติ เครื่องวดั ความลึก และอุณหภูมิ ช่วยบอกถึงความเป็ นอยู่ของเต่าทะเลขณ ะอยู่ใต้นา้ (3), 69 เครื่องสง่ สญั ญาณดาวเทียมรุ่นใหมไ่ ด้รับการพฒั นาให้มีขนาดเล็ก สาหรับการตติ ดามลกู เตา่ ทะเล (4) เห็นได้จากขนาด ที่เล็กลงมากเมื่อเปรียบเทียบกบั เครื่องสง่ สญั ญาณดาวเทียมรุ่นเกา่ สีดา (5)
ชินกร ทองไชย
ภยั รา้ ยคกุ คาม เต่าทะเลท่ัวโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเน่ืองอันเป็ นผลกระทบโดยตรงจาก มนุษย์ ในอดีตเต่าทะเลจานวนมากต้องถูกล่าเพ่ือนาเนือ้ และไขมันมาบริโภค กระดองและซากเต่าทะเลถูกนามาแปรรูปเป็ นเครื่องประดบั ตกแต่ง มิหนาซา้ ไขเ่ ตา่ เกือบทงั้ หมดยงั ถกู นามาบริโภค ทาให้เตา่ ทะเลท่ีจะเจริญเตบิ โตไปเป็ นพ่อ แม่พันธ์ุลดลงอย่างรวดเร็ว กิจกรรมของมนุษย์บริเวณทะเลและชายฝั่ งมี ผลกระทบในเชงิ ลบ ทาให้แหล่งวางไข่ แหลง่ ที่อย่อู าศยั และแหลง่ หากินของเตา่ ทะเลมีจานวนลดลง นอกจากนีส้ ภาวะแวดล้อมท่ีเส่ือมโทรมลงยังส่งผลให้ ประชากรเตา่ ทะเลมีความออ่ นแอลง ในประเทศไทยสถิติการวางไข่ของเต่าทะเลลดลงมากกว่า 5 เท่า จาก จานวนมากกวา่ 2,500 รังตอ่ ปี เหลือเพียงปี ละ 300-400 รังตอ่ ปี ในช่วงเวลา 50 ปี ท่ีผ่านมา แม้ ว่าเต่าทะเลในประเทศไทยจะได้ รับความคุ้มครองตาม พระราชบญั ญัติสงวนและค้มุ ครองสตั ว์ป่ า ปี 2535 แตส่ ถิติการลดลงของเต่า ทะเลก็ยงั คงมีอยอู่ ยา่ งตอ่ เน่ือง ทงั้ นีม้ ีสาเหตหุ ลกั จากการติดเคร่ืองมือประมงโดย บงั เอญิ ปัญหาการลกั ลอบเก็บไข่เตา่ พืน้ ท่ีวางไข่และหากินของเต่าทะเลที่ลดลง จากการพฒั นาการใช้ประโยชนพืน้ ที่ชายฝั่ง จานวนไข่เต่าทะเล ( ัรง) ในประเทศไทย 2,500 2493-2526: ภยั คกุ คามจากการอนญุ าตสมั ปทานไขเ่ ตา่ ทะเล 2,000 2507: มีการใช้เคร่ืองมืออวนลาก 1,500 2516-2528: มีการลา่ จบั เตา่ ทะเลเพ่อื การสง่ ออก 1,000 500 แนวโน้มการลดลง สญู พนั ธ์ุ ? เน่อื งจากภยั คกุ คามอื่นๆ 2483 2503 2523 2543 2563 2583 2603 2623 2643 ปี พ.ศ. 71
ในอดีต เต่าทะเลจานวนมากถกู คกุ คามโดยมนุษย์ ทงั้ โดยความ รู้เท่าไม่ถึงการณ์และโดยความจงใจ สงั เกตคุ นทางด้านล่างขวา ซึ่งกาลังขุดหาไข่เต่าเพ่ือนามาบริโภคหรือเอาไปขาย อันเป็ น สาเหตหุ ลกั ท่ีทาให้เตา่ ทะเลใกล้สญู พนั ธ์ุในปัจจบุ นั 72
เตา่ ตนทุ ่ีต้องพิการตลอดชีพ เพราะถูกใบพดั เรือ (ภาพบน) เต่าหญ้ าที่แขนเกือบขาด เ นื่ อ ง จ า ก ถู ก อ ว น บ า ด ( ภ า พ ก ล า ง ) ถงุ พลาสติกท่ีดคู ล้ายแมงกระพรุน และแผ่น พลางแสงที่คล้ายสาหร่าย อุดตันในลาไส้ ของเตา่ ทะเล (ภาพลา่ ง) เตา่ หญ้าตดิ อวนลาก (ภาพบน) และเตา่ กระจานวนมากท่ีถกู จบั มา ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ทาสตฟ๊ั ฟ์ เพ่ือสง่ ขายเป็นเคร่ืองประดบั ตกแตง่ บ้านเรือน (ภาพลา่ ง) กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์
ชินกร ทองไชย ลกู เตา่ แรกเกิดจะมองหาแสงของเส้นขอบฟ้ า เพ่ือนา ทางออกส่ฝู ั่ง แตแ่ สงไฟจากอาคารบ้านเรือนบริเวณ กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ชายฝั่งทาให้ลกู เตา่ แรกเกิดหลงทิศทางเดินเข้าหาฝ่ัง แทนท่ีจะออกส่ทู ะเล นอกจากนีแ้ สงไฟบริเวณชายฝ่ัง 74 ยงั สง่ ผลกระทบให้แมเ่ ตา่ ทะเลขนึ ้ มาวางไขน่ ้อยลง
กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ การพฒั นาพืน้ ท่ีและกิจกรรมบริเวณชายฝั่ง ทาให้เตา่ ทะเล มีพืน้ ที่วางไข่และแหล่งหากินลดลง ของเสียต่างๆท่ีถูก ปลอ่ ยลงสทู่ ะเลสง่ ผลกระทบในเชิงลบตอ่ ความเป็ นอย่ขู อง เตา่ ทะเล 75
สนธยา มานะวฒั นา
เรามาช่วยกนั อนาคตของเตา่ ทะเลขนึ ้ อย่กู บั การกระทามนษุ ย์เป็ นหลกั เพราะมนษุ ย์ เป็ นตัวแปรสาคัญท่ีทาให้ประชากรของเต่าทะเลทั่วโลกลดลง การ อนรุ ักษ์เตา่ ทะเลไม่สามารถกระทาเพียงการออกกฎหมายเพ่ือคุ้มครอง ตวั เตา่ ทะเล หากแตจ่ ะต้องครอบคลมุ ไปถึงการอนรุ ักษ์และฟื ้นฟแู หล่ง อนั เป็ นที่อย่อู าศยั หากิน และวางไข่ของเต่าทะเลในวยั ต่างๆ ตลอดจน การรักษาสภาพแวดล้อมเหล่านนั้ ให้อย่ใู นสภาพท่ีดี ดงั นัน้ การอนรุ ักษ์ เต่าทะเลจึงไม่สามารถทาให้ สาเร็ จได้ จากการรักษาแหล่งวางไข่ เต่า ทะเล ณ หาดๆเดียว แตต่ ้องเร่ิมจากการมีจิตสานกึ ในการอนรุ ักษ์ ส่กู าร ปฏิบตั ิและการบงั คบั ใช้มาตราการในการอนรุ ักษ์ จากพืน้ ท่ีเล็กๆ ไปสู่ ความร่วมมือในระดบั ประเทศและภูมิภาค จงึ จะเป็ นหลกั ประกนั ความ อยรู่ อดของเตา่ ทะเลในอนาคต ภาพรวมของการอนรุ ักษ์อาจแบง่ ได้เป็ นสองแนวทางคือการทา ในเชิงรุกและเชิงรับ ในเชิงรุกเป็ นการป้ องกนั หรือพยายามกาจดั สาเหตุ ของภัยคุกคามต่างๆหรือบรรเทาลง เช่นการจัดทาพืน้ ท่ีคุ้มครองเต่า ทะเล การพยายามลดความรุนแรงของเครื่องมือประมงโดยการเปลี่ยน ชนิดหรือปรับปรุงเคร่ืองมือประมงเพื่อลดผลกระทบต่อเต่าทะเล การ บงั คบั ใช้กฏหมายท่ีมีอยู่ให้ได้ผลในทางปฏิบตั ิ การให้การศึกษาและ อบรมถึงความสาคญั ของเต่าทะเลแก่เยาวชน บคุ คลทว่ั ไป โดยเฉพาะ ชมุ ชนในพืน้ ที่อนั เป็ นแหล่งหากินหรือวางไข่ของเตา่ ทะเล เป็ นต้น การ พยายามชว่ ยเหลือเต่าทะเลท่ีบาดเจ็บ หรือการจดั ตงั้ เครือข่ายแจ้งขา่ ว การเกยตนื ้ ของเตา่ ทะเลเป็นสว่ นหนง่ึ ของการทางานในเชิงรับ 77
6 กม. พืน้ ที่คุ้มครองเต่าทะเลเป็ นมาตราการอนุรักษ์หน่ึงเพื่อค้มุ ครอง หมเู่ กาะสมิ ลิ นั หมเู่ กาะคราม ทงั้ ตวั เต่าทะเลและส่ิงแวดล้อมที่เต่าทะเลต้องพ่ึงพาอาศยั จาก จงั หวดั พงั งา จงั หวดั ชลบรุ ี การศกึ ษาการแพร่กระจายของเตา่ ทะเลโดยใช้เครื่องสง่ สญั ญาณ ดาวเทียม พบวา่ แมเ่ ตา่ ทะเลท่ีมาบริเวณแหล่งวางไข่ท่ีหม่เู กาะสิมิ ลนั จังหวัดพงั งา และหมู่เกาะคราม จังหวัดชลบุรี มีแหล่งท่ีอยู่ ระหว่างการวางไข่อย่ใู นพืน้ ที่รัศมี 6 กิโลเมตรจากชายฝั่งที่เป็ น แหลง่ วางไข่ (พืน้ ที่สีส้ม) เตา่ ทะเลท่ีหากินบริเวณชายฝั่งมีโอกาสเสียชีวิตจากการตดิ เคร่ืองมือประมง และจมนา้ ได้สูงมาก โดยเฉพาะจากเคร่ืองมือประมงอวนลาก เคร่ืองมือ ชว่ ยชีวิตเตา่ ทะเลที่เรียกว่า TED (Turtle Excluder Device) จงึ ถกู พฒั นาขนึ ้ TED เป็ นอปุ กรณ์ท่ีใช้ตดิ ตงั้ บริเวณปลายถงุ อวนลาก มีลกั ษณะเป็ นตะแกรง โลหะท่ีสามารถเปิ ดออกได้ เม่ือเตา่ ทะเลเข้ามาติดอวน จะวา่ ยผ่านบริเวณที่ ตดิ ตงั้ TED แล้วลอดออกมาทางชอ่ งพิเศษที่จดั ทาขนึ ้ ในขณะที่ปลาและสตั ว์ นา้ อ่ืนๆจะผา่ นไปตดิ บริเวณถงุ อวน TED การใช้ตาเบ็ดแบบโค้ง (Circle Hook) แทนตาเบ็ดแบบเดิมซึ่งเป็ น รูปตวั เจ (J-shaped Hook) โดยเฉพาะในเครื่องมือประมงแบบ Long line ทาให้เตา่ ทะเลมีความปลอดภยั มากขนึ ้ เม่ือเต่าทะเล กลืนตาเบ็ดแบบโค้งเข้าไป โอกาสที่ตาเบ็ดจะทาอันตรายอวัยวะ ต่างๆภายในตวั เต่าน้อยลง ตาเบ็ดจะถูกสลายออกโดยกรดเกลือ จากกระเพาะอาหารของเตา่ ทะเลเอง ตาเบด็ แบบโค้ง ตาเบด็ รูปตวั เจ 78
สนธยา มานะวฒั นา สนธยา มานะวฒั นา สนธยา มานะวฒั นา เตา่ ทะเลที่ได้รับการผ่าตดั เพื่อ เช่ือมตอ่ กระดกู แขนข้างซ้ายท่ี ก า ร รั ก ษ า เ ต่ า ท ะ เ ล เ ป็ น หกั โดยใช้เหล็กยดึ บทบาทท่ีสาคัญ ทาให้ เต่า ทะเลจานวนมากสามารถมี 79 ชีวิตรอดกลับคืนสู่ธรรมชาติ อาการบาดเจ็บตามระยางค์ แขนขาและลาคอเนื่องจาก การตดิ อวนเป็ นสิ่งท่ีพบเห็นได้ บอ่ ยมาก
การมีส่วนร่วมในการปล่อยเต่าทะเล ทาให้เยาวชนและบุคคลทั่วไปได้มีโอกาสใกล้ชิดและรับค วามรู้ เรื่องราวของเตา่ ทะเลอนั จะนาไปส่กู ารมีจิตสานึกในการอนรุ ักษ์ตอ่ ไป อย่างไรก็ตามการปลอ่ ยเตา่ ทะเลใน ปัจจุบนั มกั กระทากันโดยมุ่งเน้นถึงตวั คนเป็ นหลกั การปล่อยเต่าทะเล จึงให้ความสาคัญเพียงพิธีการท่ี เกิดขนึ ้ โดยไมไ่ ด้คานงึ ถึงโอกาสรอดชีวติ ของลกู เตา่ ทะเลที่ปลอ่ ยไป เชน่ การปลอ่ ยลกู เต่าขนาดเล็กทาให้ลกู เตา่ เกือบทงั้ หมดตายเน่ืองจากศตั รูธรรมชาติบริเวณใกล้ฝ่ัง การปล่อยลกู เตา่ ในบริเวณท่ีไมใ่ ช่แหลง่ หากิน การปลอ่ ยลกู เตา่ ที่มีความออ่ นแออนั เนื่องมาจากสภาพการเลีย้ งที่ไมเ่ หมาะสม เป็นต้น กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ 80
“การอนุรักษ์ เต่าทะเลก็เพื ่อให้มี ความคงอยู่ของประชากรเต่าทะเลที่มี Hans Tibboel คณุ ภาพซ่ึงต้องทาด้วยความเข้าใจถึงความเป็นอยู่ที่แท้จริงของเต่าทะเล 81 ไม่ใช่เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ทีต่ อ้ งการใหเ้ ป็นไป”
ดว้ ยความขอบคณุ ผ้เู ขียนรู้สกึ ซาบซงึ ้ ในความอนเุ คราะห์ของ คณุ อุ่น จิตปาติยะเสวี อดีตผู้อานวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝ่ัง ขอขอบคุณ คุณสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ คุณสมชาย มั่นอนันต์ ทรัพย์ นาวาเอกพิเศษวินัย กล่อมอินทร์ Prof. Dr. Wataru Sakamoto และ Dr. Nobuaki Arai ผ้ใู ห้การสง่ั สอน คาแนะนา และสนบั สนนุ ในงานศึกษาวิจยั เต่าทะเล ขอบคณุ คณุ อโนชา พชิ ยั ศริ ิ ที่ให้ความคิด ริเริ่มในการจัดทาหนงั สือเล่มนี ้ ขอบคุณ ผู้อานวยการสถาบันวิจัยและพัฒน า ทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่ าย ชายเลน คณุ วรรณเกียรติ ทบั ทิมแสง และ คุณสนั ต์ คุ้มบ้าน ที่ให้การสนับสนุนการ จดั พมิ พ์ และทีข่ าดไมไ่ ด้คือแรงกายแรงใจ ของเจ้าหน้าท่ีในกลมุ่ สตั ว์ทะเลหายากทกุ ทา่ นทีท่ มุ่ เทให้กบั งานวิจยั และอนรุ ักษ์เตา่ ทะเล 82 ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ
นิพนธ์ พงศ์สุวรรณ. 2551. ปะการัง. เอกสาร 83 ปร ะ กอ บ ก าร ส อ นวิ ช า นิเ ว ศวิ ท ย าท า ง ทะ เ ล . สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝ่ังทะเล และป่ าชายเลน. 20 หน้า สมบัติ ภู่วชิรานนท์ และคณะ. 2549. หญ้ าทะเลใน นา่ นนา้ ไทย. สถาบนั วิจยั และพฒั นาทรัพยากร ทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่ าชายเลน. 126 หน้า Eckert, K.L, Bjorndal, K.A., Abreu-Grobois, F.A. and Donnelly, M. 1999. Research and Management Techniques for the Conservation of Sea Turtles. IUCN / SSC Marine Turtle Specialist Group Pub. No. 4. 232 Pages. Kittiwattanawong, Kongkiat. 2004. Biology and conservation of green turtle (Chelonia mydas) in Thailand. Ph.D. dissertation, Kyoto University. 115 pages Peter L. Lutz & John A. Musick. 1996. Biology of sea turtle Volume I . CRC Press, London. 432 pages. Peter L. Lutz, Musick, John A., and Jeanette Wyneken. 2003. Biology of sea turtles Volume II. CRC Press, London. 455 pages. Plotkin, Pamela T. 2007. Biology and conservation of ridley sea turtles. The John Hopkins University Press. 356 pages. http://en.wikipedia.org/wiki/Sea_turtle กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์
ผ้เู ขียน มคิ มินทร์ จารุจินดา สะดี ยะโกะ ก้องเกียรติ กิตตวิ ฒั นาวงศ์ ภาพถา่ ย สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่ าชายเลน ศลิ ปกรรมและภาพวาด พสิ จู น์อกั ษร Hans Tibboel, ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ , ISBN ปัญญา งามสวุ รรณ, สรุ ภมู ิ ขวญั ขจรจติ ร, จานวนพมิ พ์ วณมล อนิ ศร, ก้องเกียรติ กิตตวิ ฒั นาวงศ์, ภาพปกหน้าและปกหลงั สมชาย มนั่ อนนั ตท์ รัพย์, สพุ จน์ จนั ทราภรณ์ พมิ พ์ที่ ศลิ ป์ , ลลติ า ปัจฉิม, สนธยา มานะวฒั นา, จดั พมิ พ์และ ชินกร ทองไชย, สะดี ยะโกะ, นิพนธ์ พงศ์ ลขิ สิทธ์ิในการพิมพ์ สวุ รรณ, ป่ินสกั ก์ สรุ ัสวดี , UNEP GEF 84 ก้องเกียรติ กิตตวิ ฒั นาวงศ์, ชนิ กร ทองไชย, สภุ าภรณ์ บวั เนียม, ชีวิน มนตรีวฒั น์ ชินกร ทองไชย, สะดี ยะโก 978-974-286-387-6 ครัง้ ท่ี 1 จานวน 1,000 เลม่ พฤษภาคม 2551 Hans Tibboel ห้างห้นุ สว่ นจากดั เวลิ ด์ออฟเซ็ท สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทรัพยากรทางทะเล ชายฝ่ังทะเล และป่ าชายเลน 51 ถ.ศกั ดเิ ดช อ.เมือง จ.ภเู ก็ต 83000
Search