~1~ สำหรบั เกษตรกร ผู้เพำะเลีย้ งไสเ้ ดอื นดิน คณะเกษตรศำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภัฏอุตรดิตถ์ และเทศบำลตำบลหำดกรวด พฒั นา สมนิยาม 0819559185 [email protected]
~2~ ควำมเป็นมำ การเพาะเลย้ี งไส้เดอื นดิน (Vermiculture) เป็นการประยกุ ตใ์ ช้ประโยชน์จากไสเ้ ดอื นดิน โดยเฉพาะผลผลิตที่ได้ คือปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน (vermicomposting) เป็นการนาวัสดุกลับมาใช้ใหม่หรือเป็นการจัดการทาให้สภาพแวดล้อมใน ระบบนิเวศเพ่ือกา้ วไปสู่ความเป็นเกษตรกรรมที่ยั่งยืน การใช้ไส้เดือนเป็นตัวหลักในการจัดการเศษของเสียเพื่อเปลี่ยนให้ เป็นวัสดุท่ี มีสารอาหารพืชสูงและพร้อมท่ีจะเป็นประโยชน์ต่อพืช โดยใส่ลงในพื้นที่การเกษตรเพื่อเป็นการปรับปรุง โครงสร้างของดินให้มีความอดุ มสมบูรณ์ หรือเพื่อเป็นการเพ่ิมคณุ คา่ ทางการค้าเปน็ วัสดุในการปลูกไม้ดอกไม้กระถางหรือ เปน็ วัสดุสาหรบั ปลกู พชื อ่นื ๆอย่างหลากหลาย หลักกำรเพำะเล้ยี งไสเ้ ดอื นดิน การเลย้ี งไส้เดือนมหี ลายรูปแบบขึ้นอยู่กบั ความเหมาะสมของผเู้ ลย้ี ง ตัง้ แต่แบบง่ายๆ ใช้วสั ดใุ นท้องถิน่ ลงทุน นอ้ ย ไปจนถึงการทาโรงเรือนผลิตในระดบั อตุ สาหกรรมทล่ี งทุนสูง เช่น เลี้ยงบนพื้นดินโดยทากองเลย้ี งให้สูงจากพ้ืน เลก็ นอ้ ย หรือ ขดุ ร่อง เป็นแปลงลงบนพ้ืนดนิ ปกติ หรือ ก่ออิฐฉาบปนู เป็นบล็อกเลย้ี งก็ได้ หรือถา้ ผลติ ปยุ๋ ขนาดใหญ่ อาจสรา้ งโรงเรอื นถาวร มรี ะบบการเลีย้ งทเี่ ปน็ ระบบต้ังแตก่ ารใหอ้ าหารไปจนถึงการเกบ็ ปุ๋ย สาหรับ หลงั คากนั แดด หรือ ฝน อาจทาดว้ ยวัสดุงา่ ยๆ เชน่ มงุ ดว้ ยหญ้าคา ใบจาก หรือ ตาข่ายพรางแสง(ซาแรน) ไปจนถึงการใชห้ ลงั คาที่มีโครงสร้าง แขง็ แรงอายใุ ช้งานได้นาน นอกจากน้ียงั สามารถเลีย้ งดว้ ยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ในครัวเรือน ซง่ึ อาจประยุกตใ์ ชว้ สั ดุทมี่ ีอยู่ ท่วั ไปมาใชก้ ็ได้ เช่น กะละมัง ถงั พลาสติก ยางรถยนต์ วงบ่อปนู ซีเมนต์ เปน็ ต้น การเลย้ี งไส้เดือนแบบกองบนดินธรรมดา การเล้ยี งไส้เดือนโดยทาร่องบนพนื้ ปนู การเล้ียงในกระบะอย่างง่าย การขุดรอ่ งลกึ ลงในดินบดุ ว้ ยพลาสติก
~3~ การก่ออิฐฉาบปูน ทาเปน็ บล็อกเลีย้ งแบบต่างๆ การเลย้ี งแบบเป็นกองในโรงเรอื น การเลี้ยงในบล็อกภายในโรงเรือนแบบง่ายๆ การเลย้ี งแบบบลอ็ กกลางแจง้
~4~ การเลยี้ งในโรงเรือนแบบถาวร ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ชดุ อุปกรณก์ ารเลยี้ งขนาดเลก็ การเลี้ยงในกระบะพลาสตกิ การเลย้ี งในยางรถยนตเ์ ก่า การเลี้ยงในกะละมงั พลาสตกิ การเลี้ยงในวงบอ่ ซเี มนต์ การเล้ยี งในลิ้นชักพลาสติก
~5~ ขน้ั ตอนกำรเล้ยี งไส้เดือนโดยทว่ั ไป อำจปฏิบตั ิได้ ดังนี้ 1. เลือกพ้ืนที่เรียบหรือไม่มีหินหรือเศษแก้วที่เป็นอันตราย นาดินร่วนปูพ้ืนกว้างประมาณ 1 เมตร สูง 0.30 เมตร ความยาวข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมของพืน้ ที่และปริมาณของขยะหรอื ของเสยี 2. ให้ความช้นื กบั พน้ื วสั ดใุ ห้พอชืน้ ไมต่ ้องแฉะ 3. นามลู ววั หรือเศษอินทรยี วตั ถุ โรยทับใหห้ นาประมาณ 15 เซนตเิ มตร แลว้ รดนา้ ให้ ความชืน้ อีกครัง้ 4. นาไส้เดือนท้องถน่ิ มาปลอ่ ยในกอง 5. รดนา้ กองไส้เดอื นทุกวนั 6. ไส้เดือนจะกินเศษอาหารและมูลวัวแล้วถ่ายมูลเป็นขุยบนกองเลี้ยง เก็บมูลทุกๆสัปดาห์แล้วนามาตากในร่ม ไส้เดอื น 1 กิโลกรัม จะผลติ ขยุ ได้ประมาณ 10 กิโลกรมั ภายใน 45-60 วัน 7. เม่อื วสั ดุเพาะเลยี้ งหมดใหน้ าวัสดุเพาะเลีย้ งมาใส่ใหม่เหมือนขนั้ ตอนแรก 8. โกยขุยไส้เดือนออกมากองข้างๆกองเดิมและเมื่อกองวัสดุเพาะเล้ียงเดิมเร่ิมแห้ง ไส้เดือนจะย้ายไปอยู่ด้านใต้ ของกอง 9. เก็บส่วนบนของกอง 3 ใน 4 สว่ นของกอง แยกไสเ้ ดือนแล้วใสไ่ ส้เดือนกลบั ไปในกองใหม่ 10. ควรเปลี่ยนกองทงั้ หมดภายใน 6 เดือน ทั้งน้เี ม่อื กองเพาะเล้ยี งเร่ิมแนน่ ไส้เดอื นไมส่ ามารถชอนไชได้ 11. การเลยี้ งเพ่ือใหส้ ามารถเก็บข้อมลู ไดท้ ั้งปี ควรมกี ารสร้างกองไว้หลายๆกองและเกบ็ ขอ้ มลู สลับกันไปได้ทั้งปี ส่งิ ทีค่ วรคำนงึ 1. กองเพาะเลีย้ งหรือกระบะต้องทาในท่ีร่มเพ่ือป้องกนั แสงแดดและฝน 2. จะต้องรดน้าอย่างสมา่ เสมอ 3. ไม่ควรใชป้ ุ๋ยคอกใหม่ 4. มลู วัวควรตากให้แหง้ และควรบดกอ่ นนามาใช้ 5. การใช้มลู สตั วช์ นิดอื่นๆ ควรมกี ารผสมกับมูลววั กอ่ น 6. ไสเ้ ดือน 1 กิโลกรมั มีจานวนประมาณ 1,000 ตวั 7. ไส้เดอื น 1 กิโลกรัมจะกินอาหารได้ 5 กิโลกรัมตอ่ วัน 8. ไสเ้ ดือน 10 กิโลกรัม จะกนิ อาหารได้ 1 ตนั ต่อเดือน 9. ไสเ้ ดือน 1,000 ตัว สามารถเลี้ยงในพน้ื ท่ขี นาด 1 ตารางเมตร 10. ควรใชไ้ ส้เดอื นสเี ขม้ ทีพ่ บบริเวณผวิ หน้าดินถงึ ลึก 25 ซม. สาหรบั เลี้ยงทาปุย๋ มลู ไส้เดือน 11. ระหวา่ งฝนตกใหน้ ามูลววั วางตามยาวของกองเพาะเลยี้ งป้องกันไส้เดือนหลบหนี
~6~ รปู แบบกำรเลีย้ งไส้เดือนด้วยภำชนะแบบต่ำงๆ (อำนฐั ตันโช, 2551) 1 การเพาะเลยี้ งในถงั นา้ หรอื อา่ งพลาสติก 1.) เลือกถังนา้ หรืองอ่างพลาสติก สาหรบั เพาะเลีย้ งไส้เดอื น ควรมขี นาดเสน้ ผ่าศูนย์กลางมากกว่า 12 น้ิว พร้อม หาอ่างสาหรบั รองกันถงั หรอื อ่างเลยี้ ง 2.) เจาะรทู ่กี ้นภาชนะเพื่อระบายน้ามลู ไส้เดือนและเจาะฝาปดิ ภาชนะเพ่ือระบายอากาศ 3.) นาเศษอิฐหรอื กอ้ นหินเล็กๆใส่ในตาขา่ ยไนล่อนมดั เป็นตมุ้ แบนๆวางไวท้ ่กี ้นถัง เพือ่ ให้นา้ ระบายได้สะดวกและ ไมอ้ ดุ รูท่กี น้ ภาชนะ 4.) ทาพน้ื เล้ยี งโดยผสมดนิ ร่วนกบั มลู วัว อตั ราส่วน 4:1 แล้วรดนา้ ใหค้ วามชน้ื 80-90 เปอรเ์ ซน็ ต์ 5.) นาวัสดุพื้นเลยี้ งทีผ่ สมแลว้ ใสล่ งในภาชนะให้มคี วามหนาจากกน้ ภาชนะอยา่ งนอ้ ย 3 นิว้ 6.) นาไส้เดือนมาปล่อยลงหนาแน่นประมาณ 1 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (โดยพิจารณาจากปากภาชนะ เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 1 เมตร ใชไ้ ส้เดอื น 1 กรมั ) 7.) ใส่มูลวัวตรงกลาง 1 กอง เพือ่ เปน็ อาหารไสเ้ ดอื นและป้องกนั ไสเ้ ดือนหนจี ากสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไมค่ ุ้นเคย 8.) นาน้ายาล้างจานหรือสบู่มาทาที่บริเวณปากภาชนะ เพื่อป้องกันการเลื้อยหนีออกจากภาชนะเลี้ยงใน ระยะแรก 9.) ปิดฝาภาชนะเพอื่ รักษาความชน้ื และกนั แมลง หรือสัตว์ศัตรูอนื่ ๆ 10.) นาภาชนะไปตั้งไว้บริเวณทีร่ ม่ ทอี่ ากาศถา่ ยเทสะดวก ไม่โดนแดดหรือฝน 11.) นาเศษอาหารหรือขยะอินทรีย์ให้ไส้เดือนย่อยสลาย โดยให้บางๆ ป้องกันความร้อนจากการหมักหาก ไส้เดือนยอ่ ยไมท่ นั ไส้เดือนอาจหนีออกจากภาชนะได้
~7~ ขัน้ ตอนกำรเลย้ี งไส้เดอื นในถังพลำสติก 1. เลือกถังน้าพลาสตกิ 2. เจาะรทู ี่ก้นถัง 3. เจาะรทู ฝี่ าถงั 4. เลอื กกอ้ นกรวด 5.ใสก่ อ้ นกรวดในตาขา่ ยไนลอ่ น 6. นาตาขา่ ยก้อนกรวดรองกน้ ถัง 7. ผสมดินรว่ นกบั มลู วัว(ชืน้ 80-90 %) 8. นาดินผสมมาใสล่ งในถงั เลี้ยง 9. ปลอ่ ยไสเ้ ดือน 10. .ใสข่ ยะอินทรยี ์ 11. เกบ็ ถังเลยี้ งไวท้ ร่ี ม่ 12. เติมอาหารเมอ่ื ไสเ้ ดอื นยอ่ ยหมด
~8~ 2 การเพาะเลี้ยงในตู้ลิ้นชักพลาสติก 1.) ลิ้นชักพลาสตกิ แบบ 4 ชนั้ 2.) เจาะรูระบายอากาศในช้ันบนสดุ ของล้ินชัก 3.) เจาะรูท่ีลน้ิ ชักชน้ั ที่ 2 3 และ 4 ยกเวน้ ชน้ั ลา่ งสุดไมต่ ้องเจาะ เพือ่ ใชส้ าหรบั รองรับน้ามูลไสเ้ ดอื น 4.) ใสพ่ น้ื เลยี้ งล้นิ ชกั ชัน้ ที่ 2 3 และ 4 หนาประมาณ 1ใน 4 ของความสูงชั้นล้ินชัก 5.) รดนา้ ให้ความชน้ื 80-90 เปอรเ์ ซ็นต์ 6.) นาไส้เดือนมาปลอ่ ยชน้ั ที่ 2 3 และ 4 ช้นั ละประมาณ 100 ตวั 7.) ทานา้ ยาล้างจานหรอื สบบู่ รเิ วณปากล้ินชัก 8.) นาลนิ้ ชักไปไวใ้ นร่ม อากาศถา่ ยเทสะดวก ไม่โดนแดด หรอื ฝน 9.) ดูแลเติมเศษอาหารอย่างสมา่ เสมอ แตไ่ มค่ วรเตมิ หนาเกินไปโดยสงั เกตการยอ่ ยของไสเ้ ดือนด้วย 3 การเลี้ยงไสเ้ ดือนในวงบ่อซีเมนต์ 1.) หาวงบอ่ ปูนซเี มนตท์ ี่มีพน้ื และรูระบายน้า 2.) นาวงบอ่ ไปไว้ในบริเวณที่ร่ม ไม่โดนแดดหรอื ฝน อากาศถ่ายเทสะดวก 3.) ล้างวงบอ่ ด้วยนา้ สะอาด 2-3 รอบ แล้วแช่ด้วยต้นกลว้ ยทง้ิ ไว้ 3-5 วัน เพ่อื ลดความเค็มของปนู ซเี มนต์ 4.) นากอ้ นอิฐหรือกอ้ นกรวดใสต่ าข่ายไนลอ่ นมัดเป็นตมุ้ วางไวอ้ ุดบริเวณรรู ะบายนา้ ดา้ นในวงบ่อ 5.) ใสพ่ น้ื เลยี้ ง (ดินร่วนผสมมลู ววั อตั รา 4 ตอ่ 1) ใส่ในวงบอ่ หนา 3 นวิ้ 6.) ใส่ไส้เดือน 100 ตวั ตอ่ เสน้ ผา่ ศนู ย์กลางวงบอ่ ซีเมนต์ 1 เมตร 7.) ทาสบูห่ รือน้ายาล้างจานบริเวณขอบบอ่ เปน็ แถบกวา้ ง 1-2 นว้ิ ป้องกนั ไส้เดือนหนี 8.) เติมมูลววั และเศษขยะอินทรีย์บางๆ อยา่ ใหเ้ กิดความร้อนจากการหมัก 9.) ปิดฝาบ่อด้วยวัสดแุ ผ่นเรยี บท่ีหาไดใ้ นพน้ื ท่ี เชน่ ไม้อดั ฟวิ เจอรบ์ อรด์ ทเ่ี จาะรูระบายอากาศ บริเวณฝา 10.) คอยสังเกตพฤตกิ รรมการกนิ อาหารของไส้เดือนและอาจเติมขยะอินทรีย์ ให้มีปริมาณเหมาะสมกับการย่อย ของไสเ้ ดือน
~9~ ข้นั ตอนกำรเลี้ยงไส้เดือนในลิ้นชกั พลำสติก 1.เลือกล้นิ ชักพลาสติก(3-4ช้ัน) 2. เจาะฝาด้านบนและก้นชั้นอื่นๆ 3. ใสด่ ินผสมมูลวัวหนา 3 นว้ิ ยกเว้นชน้ั ลา่ งสุด 4. ปล่อยไส้เดือน 5. ใสข่ ยะอนิ ทรีย์ 6. ใส่อาหารทุกช้นั ยกเวน้ ชน้ั ลา่ ง 7. ช้ันล่างสดุ เปน็ นา้ มลู ไสเ้ ดอื น 8. ไสเ้ ดอื นกาลงั ย่อยอาหาร 9. เติมขยะอนิ ทรีย์เม่อื ย่อยหมดแลว้ 10.เกบ็ น้ามูลบรรจขุ วดสาหรบั ใช้ 11.มูลไสเ้ ดอื นบรรจุถุง 12. นาไปใช้เป็นวัสดปุ ลกู พืช
~ 10 ~ ขนั้ ตอนกำรเล้ียงไส้เดือนในวงบ่อซีเมนต์ 1.แช่วงบอ่ ทง้ิ ไวเ้ พอ่ื ลดความเคม็ ของ 2. ผสมดินร่วนกบั มลู ววั 4:1 3. ให้ดนิ มีความชื้น 80-90% ปูนซเี มนต์ 4. ใสด่ ินผสมลงพืน้ บอ่ หนาประมาณ 3 นิ้ว 5. ปลอ่ ยไสเ้ ดอื น 6. เติมเศษอาหารอนิ ทรีย์ 7. นาไปเก็บทรี่ ่มและปิดฝา 8. เม่ือไส้เดือนย่อยอาหารหมด 9. นาขุยไสเ้ ดอื นไปผสมดนิ เพื่อปลูกพชื เก็บขุยไส้เดอื นไปใช้
~ 11 ~ กำรใช้ปุ๋ยหมกั มูลไส้เดอื นกบั พืชชนิดตำ่ งๆ อตั ราการใช้ปุย๋ หมักมูลไสเ้ ดือนดนิ ในการปลูกพืชชนิดตา่ งๆ (อานัฐ ตนั โช, 2550) ประเภทพืช อัตรำและวิธีกำรใช้ พชื สวนประดบั กระถำง - ใสป่ ๋ยุ หมกั ไส้เดือนดนิ รอบโคนตน้ พืชในกระถางอตั รา 200-300 ไม้ดอกประดับ เชน่ กหุ ลาบ เบญจมาศ มะลิ กรมั /กระถาง ทุก 7-15 วันร่วมกบั นา้ มลู ไสเ้ ดอื นที่เจอื จาง 5 เทา่ ดาวเรือง ผเี สอื้ บีโกเนยี เปน็ ตน้ แปลง- ใส่ปุ๋ยหมกั มูลไสเ้ ดอื นดนิ รอบผิวหนา้ ดิน หรอื ผสมรองก้นระหว่าง ไม้ใบประดบั เช่น เดหลี บอนสี คลา้ เฟริ ์น เปน็ เตรียมแปลง อัตรา 1.5-2 กโิ ลกรัม/ตารางเมตร แลว้ คลมุ ดว้ ยฟางข้าว ใช้ ตน้ รว่ มกบั นา้ หมกั มลู ไสเ้ ดอื นดนิ โดยเจือจางนา้ 5 เท่า รด ทุก 7 วัน พชื ผกั เชน่ ผักกาด ผกั คะน้า ผกั บุ้ง ผักกวางต้งุ แปลง - ใส่ปยุ๋ หมักไสเ้ ดอื นดินบรเิ วณผวิ หนา้ ดินหรือผสมดนิ ระหว่างการ กะหล่าปลี แตงกวา ถ่ัวฝกั ยาว ผักกาดหวั หอม เตรียมแปลง อัตรา 1-1.5 กโิ ลกรัม/ตารางเมตร แลว้ คลมุ ด้วยฟางข้าว ใช้ กระเทียม มันฝร่งั เปน็ ตน้ ร่วมกับน้าหมักมูลไสเ้ ดือนดินโดยเจือจางน้า 5 เทา่ รด ทุก 7 วัน ไมผ้ ล เช่น มะมว่ ง ลน้ิ จ่ี ลาไย ทุเรยี น ส้ม ขนำดทรงพ่มุ ต้น สม้ โอ องนุ่ พทุ รา ชมพู่ เป็นตน้ นอ้ ยกวา่ 1 เมตร – พรวนดนิ รอบทรงต้นแล้วใสป่ ุย๋ หมกั มลู ไสเ้ ดอื นดนิ รอบ โคนต้น อตั รา 1-2 กิโลกรัม /ต้น ทรงพมุ่ 1-5 เมตร - พรวนดินรอบทรงพมุ่ แลว้ ใส่ปุย๋ หมักมลู ไสเ้ ดือนดนิ รอบโคนต้น อัตรา 5-15 กิโลกรมั ต่อต้น ทรงพมุ่ มากกวา่ 5 เมตร – พรวนดนิ รอบทรงต้นแล้วใสป่ ุ๋ยหมักมลู ไส้เดอื นดิน รอบโคนต้น อัตรา 15-20 กโิ ลกรมั /ตน้ ทุกอตั ราส่วน ใส่ซา้ ทกุ 4 เดือน หรอื ในช่วงสร้างตาดอก ใชร้ ว่ มกบั นา้ หมกั มลู ไสเ้ ดือนดนิ โดยเจอื จางนา้ 2 เทา่ รดรอบโคนตน้ ทกุ เดือน พืชไร่ เช่น ขา้ วโพด ถัว่ เหลอื ง ถัว่ เขียว ออ้ ย มนั ใส่ปุย๋ หมักมลู ไสเ้ ดือนดินในระหวา่ งไถพรวนดนิ อตั รา 500 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ หรือ สาปะหลงั ข้าวฟ่าง เป็นตน้ โรยแถวปลกู ในอตั ราคร่งึ ถงึ 1 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตร ใส่ 1 ครง้ั ตอ่ การปลูก พชื 1 รอบ ใช้ร่วมกบั น้าหมักมูลไส้เดอื น โดยเจือจางน้า 2 เทา่ แล้ว รด 2 คร้งั ตอ่ การปลูกพืช 1รอบ นำขำ้ ว ใสใ่ นนาข้าวระหวา่ งการเตรยี มเทอื กกอ่ นหวา่ นกล้า อตั รา 1 ตนั ต่อไร่ และใส่ อีกคร้งั กอ่ นข้าวออกดอก โดยใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนคร่ึงตันตอ่ ไรผ่ สมกบั นา้ หมักมูลไสเ้ ดอื นเขม้ ขน้ คร่งึ ลิตร ตอ่ ตารางเมตร กล้วยไม้ ใชป้ ยุ๋ หมักมลู ไสเ้ ดือนดินผสมกบั วัสดุปลกู 1:10 ใช้รว่ มกับนา้ หมักมลู ไสเ้ ดือน ดินเจอื จาง 10 เท่า ฉีดพน่ ทางใบ หรือกรณีกลว้ ยไมร้ ะบบรากอากาศใชน้ ้า หมักมลู ไสเ้ ดอื นดินเจอื จาง 10 เท่า ฉีดพน่ ทางใบ หมำยเหตุ พชื ผกั บางชนิดทมี่ ีใบอ่อน เช่น โหระพา คึ่นไช่ กะเพรา ผักกาด ผักกาดหอม เป็นต้น ควรใชป้ ริมาณน้อยๆแต่ บ่อยครงั้ หากใช้มากอาจทาใหเ้ กดิ อาการ ใบไหมไ้ ด้
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: