เคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ ตาบลท่าสายลวด อาเภอแมส่ อด จังหวดั ตาก สงั กัด สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ กระทรวงศกึ ษาธิการ
เครื่องมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ แบบวดั ความรู้สึกต่อการเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี ……………… สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่างท่ีตรงกบั ความเป็นจริง รายการประเมิน 1. มีความสงสยั และกระตือรือร้นท่ีจะหาคาตอบ 2. ชอบทดลองคน้ ควา้ 3. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง และอา่ นเพื่อใหไ้ ดค้ วามรู้เพ่ิมเติม 4. อธิบายหรือแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล 5. มีความละเอียดถี่ถว้ นในการทางาน 6. ทางานอยา่ งเป็นระเบียบเรียบร้อย 7. มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ 8. มีความอดทนและม่งุ มน่ั 9. ใจกวา้ ง ยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ืน่ 10. มีความซ่ือสตั ย์ รวมคะแนนทไ่ี ด้ รวม เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ ระดับคะแนน = 3 คะแนน ระดบั ดี 24–30 คะแนน = 2 คะแนน ระดบั พอใช้ 17–23 คะแนน ระดบั ปรับปรุง 10–16 คะแนน = 1 คะแนน หมายเหตุ การพิจารณาระดบั คณุ ภาพ ใหน้ าคะแนนรวมในแตล่ ะช่องมาบวกกนั แลว้ นาคะแนนรวมท้งั สิ้นที่ไดม้ าเทียบกบั เกณฑ์ เช่น ถา้ ไดค้ ะแนนรวม ท้งั สิ้น 3 ช่อง เทา่ กบั 22 คะแนน แสดงว่าระดบั คุณภาพอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้ ชื่อ.................................................................................................. เลขที่........................ ช้นั ..................... ประเมินเมื่อวนั ท่ี.................. เดอื น................................................................. พ.ศ. ....................................
การประเมนิ ด้านทักษะ/กระบวนการ แบบประเมนิ ทักษะการทางาน หน่วยการเรียนรู้ท่ี ……………… สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องวา่ งทตี่ รงกบั ความเป็นจริง รายการประเมนิ พฤตกิ รรมท่แี สดงออก 1. ทกั ษะ 1. ซกั ถามครูเม่ือมีขอ้ สงสัยในบทเรียน กระบวนการ 2. วางแผนการสังเกต สารวจ หรือศึกษาคน้ ควา้ เรียนรู้ 3. จดั กลุม่ ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกต สารวจ หรือศึกษาคน้ ควา้ วทิ ยาศาสตร์ 4. แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้กบั เพ่อื น 5. นาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั 2. ทักษะ 6. ร่วมกนั วางแผนและแบง่ หนา้ ที่การทางานกบั เพื่อนในกลมุ่ กระบวนการกล่มุ 7. จดั เตรียมวสั ดุ/อุปกรณ์ให้พร้อมก่อนการปฏิบตั ิกิจกรรม 8. ทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งเตม็ ความสามารถ 9. งานเสร็จทนั เวลาและมีคณุ ภาพ 10. ภูมิใจในผลงาน/การทางานกลมุ่ รวมคะแนนที่ได้ รวม เกณฑ์การพิจารณาระดบั คุณภาพ ระดับคะแนน = 3 คะแนน ระดบั ดี 24–30 คะแนน = 2 คะแนน = 1 คะแนน ระดบั พอใช้ 17–23 คะแนน ระดบั ปรับปรุง 10–16 คะแนน หมายเหตุ การพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ ใหน้ าคะแนนรวมในแตล่ ะช่องมาบวกกนั แลว้ นาคะแนนรวมท้งั ส้ินที่ไดม้ าเทียบกบั เกณฑ์ เช่น ถา้ ไดค้ ะแนนรวม ท้งั ส้ิน 3 ช่อง เท่ากบั 25 คะแนน แสดงวา่ ระดบั คุณภาพอยใู่ นเกณฑด์ ี ช่ือ.................................................................................................. เลขที่........................ ช้นั ..................... ประเมินเม่ือวนั ที่.................. เดือน................................................................. พ.ศ. ....................................
การประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และจติ วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา แบบวดั ความรู้สึกต่อการเรียน กจิ กรรมสะเต็มศึกษา สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขยี นเครื่องหมาย ลงในช่องวา่ งที่ตรงกบั ความเป็นจริง รายการประเมิน 1. มีความสงสัยและกระตือรือร้นท่ีจะหาคาตอบ 2. ชอบคน้ ควา้ ขอ้ มูล 3. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง และอา่ นเพื่อให้ไดค้ วามรู้เพ่ิมเติม 4. อธิบายหรือแสดงความคดิ เห็นอยา่ งมีเหตผุ ล 5. ออกแบบการประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู และแนวคิดอยา่ งมีเหตผุ ล 6. วางแผนการทางานอยา่ งเป็นข้นั ตอน 7. มีความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ 8. มีความอดทนและมุง่ มนั่ 9. ใจกวา้ ง ยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น 10. นาเสนอผลงานไดน้ ่าสนใจ รวมคะแนนที่ได้ รวม เกณฑ์การพิจารณาระดบั คุณภาพ ระดับคะแนน = 3 คะแนน ระดับดี 24–30 คะแนน = 2 คะแนน ระดบั พอใช้ 17–23 คะแนน ระดับปรับปรุง 10–16 คะแนน = 1 คะแนน หมายเหตุ การพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ ใหน้ าคะแนนรวมในแต่ละช่องมาบวกกนั แลว้ นาคะแนนรวมท้งั สิ้นท่ีไดม้ าเทียบกบั เกณฑ์ เช่น ถา้ ไดค้ ะแนนรวม ท้งั ส้ิน 3 ช่อง เทา่ กบั 22 คะแนน แสดงวา่ ระดบั คณุ ภาพอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้ ช่ือ.................................................................................................. เลขที่........................ ช้นั ..................... ประเมินเม่ือวนั ที่.................. เดือน................................................................. พ.ศ. ....................................
การประเมนิ ด้านทักษะ/กระบวนการ กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา แบบประเมินทกั ษะการทางาน กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา สาหรับนกั เรียนประเมนิ ตนเอง คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกบั ความเป็นจริง รายการประเมิน พฤตกิ รรมท่ีแสดงออก ทักษะการทางาน 1. ทางานร่วมกบั สมาชิกในกลมุ่ ได้ 2. มีส่วนร่วมในการทางาน 3. รับฟังและเสนอความคดิ เห็นตอ่ สมาชิกในกลุ่ม 4. เป็นผนู้ าในการทางานกล่มุ 5. ใส่ใจในงานเพอ่ื ให้เสร็จทนั เวลา รวมคะแนนท่ีได้ รวม เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ ระดบั คะแนน = 3 คะแนน ระดบั ดี 13–15 คะแนน = 2 คะแนน ระดบั พอใช้ 9–12 คะแนน ระดับปรับปรุง 5–8 คะแนน = 1 คะแนน หมายเหตุ การพิจารณาระดบั คณุ ภาพ ให้นาคะแนนรวมในแตล่ ะช่องมาบวกกนั แลว้ นาคะแนนรวมท้งั สิ้นที่ไดม้ าเทียบกบั เกณฑ์ เช่น ถา้ ไดค้ ะแนนรวม ท้งั สิ้น 3 ช่อง เทา่ กบั 11 คะแนน แสดงวา่ ระดบั คณุ ภาพอยใู่ นเกณฑ์พอใช้ ชื่อ.................................................................................................. เลขที่........................ ช้นั ..................... ประเมินเม่ือวนั ที่.................. เดือน................................................................. พ.ศ. ....................................
เครื่องมือวัดและประเมนิ สมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์และภาระงานของนักเรียน โดยใช้มติ ิคุณภาพ (Rubrics) มิติคณุ ภาพ (Rubrics) ของกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การสังเกต (Observation) เป็นวิธีการหาขอ้ มูลโดยตรงโดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้งั หา้ ไดแ้ ก่ การดู การดม การฟัง การ ชิม และการสมั ผสั แบบประเมินกิจกรรมการสังเกต เร่ือง............................................................................................... กล่มุ ที.่ .......... ภาคเรียนท่ี....................... ช้ัน................................................... รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 4321 1. การดาเนินการสังเกต 2. การใชป้ ระสาทสมั ผสั 3. การบอกรายละเอียดของส่ิงท่ีสงั เกต 4. บนั ทึกผลการสังเกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง 5. ความปลอดภยั ขณะสังเกต เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน 1. การดาเนินการสังเกต 4 หมายถึง ดาเนินการสังเกตตามลาดบั ข้นั ตอนไดด้ ีและทนั ตามเวลาที่กาหนด 3 หมายถึง ดาเนินการสังเกตไดต้ ามลาดบั ข้นั ตอน ตอ้ งการความช่วยเหลือจากครูเป็นบางคร้ัง 2 หมายถึง ดาเนินการสงั เกตค่อนขา้ งจะผิดพลาด ไมส่ ามารถปฏิบตั ิไดบ้ างข้นั ตอน ทาให้ ดาเนินการเสร็จไม่ทนั เวลา 1 หมายถึง ดาเนินการสังเกตผิดพลาด ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือตลอดเวลา 2. การใช้ประสาทสัมผสั 4 หมายถึง การใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไดเ้ หมาะสมกบั สิ่งที่ สงั เกต ทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู มากท่ีสุด 3 หมายถึง การใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสม กบั สิ่งที่สังเกต แต่ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาจากครูเป็นบางคร้ัง 2 หมายถึง การใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไมเ่ หมาะสมกบั ส่ิงท่ี สงั เกต ทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู ที่ไมถ่ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ 1 หมายถึง ใชก้ ารคาดเดามากกวา่ ใชป้ ระสาทสัมผสั
3. การบอกรายละเอยี ดของสิ่งท่ีสังเกต 4 หมายถึง บอกหรืออธิบายลกั ษณะของส่ิงที่สังเกตไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์และครบถว้ น 3 หมายถึง บอกหรืออธิบายองคป์ ระกอบหลกั ของส่ิงท่ีสงั เกตได้ 2 หมายถึง บอกหรืออธิบายองคป์ ระกอบหลกั ของสิ่งที่สังเกตไดเ้ พยี งบางส่วน 1 หมายถึง บอกหรืออธิบายส่ิงที่สงั เกตไดน้ อ้ ยมาก 4. บันทึกผลการสังเกตอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็ นจริง 4 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสังเกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ไม่แสดงความ คดิ เห็นหรือใชเ้ หตุผลประกอบ 3 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสังเกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงและแสดงความ คดิ เห็นหรือใชเ้ หตุผลประกอบบา้ งเลก็ นอ้ ย 2 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริงบางส่วนและแสดงความคิดเห็นหรือให้ เหตผุ ลประกอบเป็นส่วนใหญ่ 1 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสังเกตตามความคิดเห็นของตนเอง 5. ความปลอดภยั ขณะสังเกต 4 หมายถึง สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั และสามารถแนะนาเพ่ือนเพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั ได้ 3 หมายถึง สังเกตดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะเป็นบางคร้ัง 2 หมายถึง สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะบอ่ ยคร้ัง 1 หมายถึง ขาดความระมดั ระวงั ทาใหเ้ กิดอนั ตรายขณะท่ีสงั เกต เกณฑ์การประเมนิ กิจกรรมการสังเกตโดยภาพรวม ระดบั คุณภาพ รายการประเมิน 4 ดาเนินการสังเกตตามลาดบั ข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ใชป้ ระสาทสัมผสั ไดเ้ หมาะสมกบั สิ่งท่ี สังเกต คานึงถึงความปลอดภยั ขณะท่ีสงั เกต บอกรายละเอียดของสิ่งท่ีสังเกตไดส้ มบรู ณ์ ครบถว้ น และบนั ทึกผลการสังเกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง 3 ดาเนินการสังเกตไดต้ ามลาดบั ข้นั ตอน ใชป้ ระสาทสมั ผสั ไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสมกบั สิ่งท่ีสงั เกต สังเกตดว้ ยความระมดั ระวงั เพื่อความปลอดภยั บอกรายละเอียดของส่ิงที่สังเกตไดเ้ พียง องคป์ ระกอบหลกั และบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริง แสดงความคดิ เห็นบา้ งเลก็ น้อย 2 ดาเนินการสังเกตไดบ้ างข้นั ตอน ใชป้ ระสาทสัมผสั ไม่เหมาะสมกบั ส่ิงท่ีสังเกต ตอ้ งการความ ช่วยเหลือ แนะนาเพือ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั บอกรายละเอียดของสิ่งที่สังเกตไดเ้ พยี ง องคป์ ระกอบหลกั บางส่วน และบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริงบางส่วน รวมท้งั ใส่ ความคดิ เห็นเพิ่มเติม 1 ดาเนินการสงั เกตผดิ พลาด ใชก้ ารคาดเดามากกวา่ ใชป้ ระสาทสมั ผสั ตอ้ งคอยดูแลเพื่อใหเ้ กิด ความปลอดภยั บอกรายละเอียดของสิ่งท่ีสังเกตไดน้ ้อยมาก และบนั ทึกผลการสงั เกตตาม ความคิดเห็นของตนเอง ขาดการสังเกตที่น่าเช่ือถือ
การสารวจ (Exploration) เป็นวธิ ีการหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งต่าง ๆ โดยใชว้ ิธีการและเทคนิคต่าง ๆ เช่น การสังเกต การ สมั ภาษณ์ และการเก็บตวั อยา่ ง เพ่อื นามาวเิ คราะห์ จาแนกหรือหาความสัมพนั ธ์ แบบประเมนิ กิจกรรมการสารวจ เรื่อง............................................................................................... กล่มุ ท.ี่ .......... ภาคเรียนที่....................... ช้ัน................................................... รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 4321 1. การเลือกใชอ้ ปุ กรณ์/เครื่องมือในการสารวจ 2. การดาเนินการสารวจ 3. การจดั จาแนกประเภทขอ้ มูล 4. การบนั ทึกผลการสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง 5. ความปลอดภยั ขณะทาการสารวจ เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน 1. การเลือกใช้อปุ กรณ์/เครื่องมือในการสารวจ 4 หมายถึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจทุกข้นั ตอน 3 หมายถึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งและสอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจเป็นส่วนใหญ่ 2 หมายถึง เลือกใชอ้ ปุ กรณ์ไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วนและสอดคลอ้ งกบั วธิ ีการสารวจเป็นบางข้นั ตอน 1 หมายถึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไม่ถูกตอ้ งและไม่สอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจ 2. การดาเนนิ การสารวจ 4 หมายถึง สามารถดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอนไดใ้ นเวลาที่กาหนด รวมท้งั ใชเ้ ทคนิค หรือวธิ ีการที่เหมาะสมทาการสารวจ 3 หมายถึง สามารถดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอนและนาเทคนิคหรือวธิ ีการมาใชท้ าการ สารวจ แตต่ อ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือแนะนาจากครูเป็นบางคร้ัง 2 หมายถึง การดาเนินการไม่เป็นไปตามลาดบั ข้นั ตอน ใชเ้ วลามาก และครูตอ้ งใหค้ วาม ช่วยเหลือหรือแนะนาบ่อยคร้ัง 1 หมายถึง การดาเนินการผดิ พลาด ใชเ้ วลาเกินท่ีกาหนดไว้ และครูตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือ แนะนาตลอดเวลา 3. การจดั จาแนกประเภทข้อมลู 4 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมู่ ทาใหง้ ่ายตอ่ การทา ความเขา้ ใจ รวมท้งั ระบุเกณฑก์ ารจาแนกได้ 3 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งที่ทาการสารวจเป็นหมวดหมูไ่ ดต้ ามเกณฑท์ ่ีครู แนะนา 2 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมู่ไดบ้ างส่วน โดยท่ีครู และเพ่อื นตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือแนะนาเกี่ยวกบั เกณฑก์ ารจาแนก
1 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของส่ิงท่ีทาการสารวจไดน้ อ้ ยมาก โดยท่ีครูและเพือ่ น ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือแนะนาเกี่ยวกบั เกณฑก์ ารจาแนก 4. การบนั ทกึ ผลการสารวจตามข้อเทจ็ จริง 4 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มูลตามขอ้ เทจ็ จริงทุกข้นั ตอน มีรายละเอียดครบถว้ น 3 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ตามขอ้ เทจ็ จริง แต่ขาดการอธิบายรายละเอียดบางข้นั ตอน 2 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มูลตามขอ้ เทจ็ จริงเป็นบางส่วนและใส่ความคดิ เห็นของตนเอง รวมท้งั รายละเอียดบางส่วนขาดหายไป 1 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ไดน้ อ้ ยมาก ขาดความน่าเชื่อถือ 5. ความปลอดภยั ขณะทาการสารวจ 4 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั และสามารถแนะนาเพือ่ นเพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั ได้ 3 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะเป็นบางคร้ัง 2 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะบอ่ ยคร้ัง 1 หมายถึง ขาดความระมดั ระวงั ทาใหเ้ กิดอนั ตรายขณะท่ีสารวจ เกณฑ์การประเมินกิจกรรมการสารวจโดยภาพรวม ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมนิ 4 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม ดาเนินการสารวจไดร้ วดเร็ว ใชเ้ ทคนิคหรือ วิธีการไดเ้ หมาะสม คานึงถึงความปลอดภยั ขณะท่ีทาการสารวจ จดั จาแนกประเภท ของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมู่ รวมท้งั บอกเกณฑก์ ารจาแนกได้ และบนั ทึกผล การสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง มีรายละเอียดครบถว้ น 3 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอน สารวจ ดว้ ยความระมดั ระวงั เพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งที่ สารวจเป็นหมวดหม่ไู ด้ บนั ทึกผลการสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง 2 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ ูกตอ้ งเป็นบางส่วน การดาเนินการสารวจตอ้ งใชเ้ วลามาก ไม่ สามารถปฏิบตั ิไดบ้ างข้นั ตอน ตอ้ งคอยช่วยเหลือแนะนาเพือ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั ขณะที่สารวจ จดั จาแนกประเภทของขอ้ มูลไดเ้ พียงบางส่วน บนั ทึกผลการสารวจ ตามขอ้ เทจ็ จริงบางส่วน รายละเอียดบางส่วนหายไป 1 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไม่สอดคลอ้ งกบั วธิ ีการสารวจ การดาเนินการสารวจผิดพลาด ตอ้ ง คอยดูแลเพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั ขณะที่ทาการสารวจ ไมส่ ามารถจดั จาแนก ประเภทของสิ่งที่สารวจได้ และบนั ทึกผลการสารวจนอ้ ยมาก ขาดความน่าเชื่อถือ
การทดลอง (Experiment) เป็นกระบวนการเรียนรู้เพอ่ื คน้ หาคาตอบหรือตรวจสอบสมมตุ ิฐานท่ีต้งั ไวด้ ว้ ยการใช้ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ยการออกแบบวธิ ีการทดลอง กาหนดตวั แปร ต้งั สมมตุ ิฐาน เลือกและใช้ เคร่ืองมือการทดลองหรือวสั ดุอุปกรณ์ ปฏิบตั ิการทดลอง บนั ทึกผลการทดลอง และสรุปผลการทดลอง แบบประเมนิ กิจกรรมการทดลอง เรื่อง............................................................................................... กล่มุ ที.่ .......... ภาคเรียนท่ี....................... ช้ัน................................................... การวางแผนและการออกแบบการทดลอง การดาเนิน ผลการทดลอง การทดลอง และสรุปผล เลขที่ ช่ือ–สกลุ ื่ชอเ ่ืรอง ัปญหา การ ้ัตงสม ุม ิตฐาน ัตวแปร ้ตน ัตวแปรตาม ัตวแปรควบคุม วิ ีธการทดลอง การทดลอง วิธีการใ ้ชอุปกร ์ณ การเก็บ ัรกษาอุปกร ์ณ การ ัจดกระทา ้ขอ ูมล ความถูก ้ตองของ ้ขอ ูมล การแปลความหมาย ้ขอ ูมลและส ุรปผล การทดลอง รวม 22311141132 2 2 25 1 2 3 4 5 หมายเหตุ อาจลดประเด็นในการประเมินหรือลดคะแนนในแตล่ ะประเด็นไดต้ ามความเหมาะสม เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 1 คะแนน ให้ 0 คะแนน 1. การวางแผนและการออกแบบการทดลอง ให้ 1 คะแนน 1.1 ช่ือเรื่อง ให้ 0 คะแนน – สอดคลอ้ งกบั ปัญหา – ไม่สอดคลอ้ งกบั ปัญหา – ชื่อเรื่องมีความชดั เจน – ชื่อเรื่องไม่ชดั เจน 1.2 ปัญหา ให้ 1 คะแนน – สอดคลอ้ งกบั ช่ือเรื่อง ให้ 0 คะแนน – ไม่สอดคลอ้ งกบั ชื่อเรื่อง ให้ 1 คะแนน – ครอบคลมุ เรื่อง ให้ 0 คะแนน – ไม่ครอบคลุมเรื่อง 1.3 การต้งั สมมตุ ิฐาน
– ต้งั สมมตุ ิฐานไดส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 2 คะแนน – ต้งั สมมตุ ิฐานไมส่ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 0 คะแนน – ต้งั สมมตุ ิฐานไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล ให้ 1 คะแนน – ต้งั สมมุติฐานไม่มีเหตุผล ให้ 0 คะแนน 1.4 ตวั แปรต่าง ๆ ท้งั 3 ตวั แปร – มีตวั แปรตา่ ง ๆ และถูกตอ้ งใหค้ ะแนนตวั แปรละ 1 คะแนน – มีตวั แปรตา่ ง ๆ แตไ่ ม่ถกู ตอ้ งหรือไม่มีตวั แปร ให้ 0 คะแนน 1.5 วธิ ีการทดลอง – ระบอุ ปุ กรณ์การทดลองครบถว้ น ให้ 1 คะแนน – ระบุอปุ กรณ์การทดลองไม่ครบถว้ น ให้ 0 คะแนน – ระบุอุปกรณ์การทดลองเหมาะสม ให้ 1 คะแนน – ระบอุ ปุ กรณ์การทดลองไม่เหมาะสม ให้ 0 คะแนน – มีวิธีการทดลองเหมาะสม ให้ 2 คะแนน – วธิ ีการทดลองขา้ มข้นั ตอนหรือสลบั ซบั ซอ้ น ให้ 1 คะแนน – มีวธิ ีการทดลองไมเ่ หมาะสม ให้ 0 คะแนน 2. การดาเนนิ การทดลอง ให้ 1 คะแนน 2.1 การทดลอง ให้ 0 คะแนน – ดาเนินการทดลองสอดคลอ้ งกบั แผนการทดลอง – ดาเนินการทดลองไม่สอดคลอ้ งกบั แผนการทดลอง ให้ 1 คะแนน 2.2 วธิ ีการใชอ้ ปุ กรณ์ ให้ 0 คะแนน – มีวธิ ีการใชอ้ ุปกรณ์ถูกตอ้ ง – มีวธิ ีการใชอ้ ุปกรณ์ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้ 1 คะแนน 2.3 การเก็บรักษาอปุ กรณ์ ให้ 0 คะแนน – อปุ กรณ์มีความสะอาด ให้ 1 คะแนน – อุปกรณ์ไม่มีความสะอาด ให้ 0 คะแนน – จดั เกบ็ อุปกรณ์เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ 1 คะแนน – จดั เกบ็ อุปกรณ์ไมเ่ ป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ 0 คะแนน – อปุ กรณ์ไม่ชารุด – อุปกรณ์ชารุด ให้ 1 คะแนน ให้ 0 คะแนน 3. ผลการทดลองและสรุปผล ให้ 1 คะแนน 3.1 การจดั กระทาขอ้ มลู ให้ 0 คะแนน – นาเสนอขอ้ มูลเขา้ ใจงา่ ย – นาเสนอขอ้ มูลไม่เหมาะสม – นาเสนอขอ้ มูลเป็นลาดบั ข้นั ตอน – นาเสนอขอ้ มูลไมเ่ ป็นลาดบั ข้นั ตอน
3.2 ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูล ให้ 2 คะแนน – ขอ้ มูลท่ีนาเสนอมีความถูกตอ้ ง ให้ 1 คะแนน – ขอ้ มลู ที่นาเสนอมีความเป็นไปได้ ให้ 0 คะแนน – ขอ้ มูลที่นาเสนอไม่ถูกตอ้ ง ให้ 1 คะแนน 3.3 การแปลความหมายขอ้ มูลและสรุปผลการทดลอง ให้ 0 คะแนน – แปลความหมายขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ ง ให้ 1 คะแนน – แปลความหมายขอ้ มลู ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้ 0 คะแนน – สรุปผลขอ้ มูลไดส้ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารทดลอง – สรุปผลการทดลองไมส่ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารทดลอง เกณฑ์การประเมิน แยกตามองค์ประกอบย่อย 4 ด้าน ระดับคณุ ภาพ รายการประเมิน 1. การวางแผนวธิ ีดาเนินการทดลอง 4 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไดถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสมกบั เวลา สามารถเลือกใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ในการทดลองไดถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม และครบถว้ น 3 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมกบั เวลา แตก่ ารเลือกใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ยงั ไมเ่ หมาะสมหรือไมค่ รบถว้ น 2 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไม่ถกู ตอ้ งและไม่เหมาะสมกบั เวลา ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือในการเลือกใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอปุ กรณ์ 1 – ไมส่ ามารถวางแผนและออกแบบการทดลองไดเ้ อง ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือ อยา่ งมากในการวางแผนการทดลอง การออกแบบการทดลอง และการเลือกใช้ เคร่ืองมือและวสั ดุอปุ กรณ์ 2. การปฏบิ ตั ิการทดลอง 4 – ดาเนินการทดลองเป็นข้นั ตอนและใชเ้ ครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3 – ดาเนินการทดลองไดเ้ อง แต่ตอ้ งการคาแนะนาการใชเ้ ครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์ เป็ นบางคร้ ัง 2 – ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือเป็นบางคร้ังในการดาเนินการทดลองและการใช้ เครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์ 1 – ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือตลอดเวลาในการดาเนินการทดลองและการใชเ้ ครื่องมือ และวสั ดุอปุ กรณ์ 3. ความคล่องแคล่วในการทาการทดลอง 4 – ดาเนินการทดลองและใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ทาการทดลองไดเ้ หมาะสม มีความปลอดภยั และทาไดเ้ สร็จทนั เวลา
3 – ทาการทดลองและใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ไดท้ นั เวลาที่กาหนด แต่ยงั ตอ้ งการคาแนะนา การใช้ วสั ดุอปุ กรณ์บา้ งเป็นคร้ังคราว 2 – ทาการทดลองไม่ทนั เวลาที่กาหนด แต่ใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอปุ กรณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง และไม่เกิดความเสียหาย 1 – ทาการทดลองไม่ทนั เวลาที่กาหนดและทาเครื่องมือและวสั ดุอปุ กรณ์เคร่ืองใชบ้ าง ชิ้นชารุดเสียหาย 4. การนาเสนอ (บนั ทกึ ผลการทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง) 4 – บนั ทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลองถูกตอ้ ง รัดกุม เขียนรายงานการ ทดลองไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์เป็นข้นั ตอนที่ชดั เจน 3 – บนั ทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลองไดเ้ อง เขียนรายงานการทดลอง ยงั ไม่เป็นข้นั ตอนที่สมบูรณ์ 2 – ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาเป็นบางคร้ังในการบนั ทึกผลการทดลอง การสรุปผลการ ทดลอง รวมท้งั การเขยี นรายงานการทดลอง 1 – ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลืออยา่ งมากในการบนั ทึกผลการทดลอง การสรุปผล การทดลอง รวมท้งั การเขยี นรายงานการทดลอง เกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมการทดลองโดยภาพรวม ระดบั คุณภาพ รายการประเมิน 4 วางแผนวธิ ีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดค้ ล่องแคล่ว ใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุ อปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม ผลการทดลองที่ไดถ้ ูกตอ้ งสมบรู ณ์ 3 วางแผนวธิ ีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดค้ ล่องแคล่ว ใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุ อุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม ผลการทดลองท่ีไดถ้ ูกตอ้ งแตย่ งั ไม่ครบถว้ น 2 วางแผนวธิ ีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดบ้ า้ ง แต่ไมค่ ล่องแคลว่ ตอ้ งการ ความช่วยเหลือแนะนาการใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ใหถ้ ูกตอ้ งและปลอดภยั 1 ไม่สามารถวางแผนวิธีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดเ้ อง
การสืบค้นข้อมลู (Search) เป็นการหาขอ้ มลู หรือขอ้ สนเทศท่ีมีผรู้ วบรวมไวแ้ ลว้ จากแหลง่ สรุป ต่าง ๆ เช่น หอ้ งสมดุ เครือข่ายอินเทอร์เนต็ และภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน แบบประเมินรายงานการสืบค้นข้อมลู เร่ือง............................................................................................... กลุ่มท.ี่ .......... ภาคเรียนท่ี....................... ช้ัน................................................... รายการประเมนิ เลขท่ี ช่ือ–สกลุ เ ื้นอหาสาระครบ ้ถวนตรงตามประเ ็ดน ผ่าน ไม่ ความถูก ้ตองของเ ื้นอหาสาระ ผ่าน ภาษาถูก ้ตองเหมาะสม ้คนค ้วาจากแห ่ลงการเ ีรยน ู้รที่ หลากหลาย ูรปแบบการนาเสนอ ่นาสนใจ ประเมิน ป ัรบป ุรง และแสดงความ ู้ร ึสก ่ตอ ิ้ชนงาน รวมจานวนรายการท่ี ่ผานเกณ ์ฑ ้ขัน ่ตา 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน แยกตามองค์ประกอบย่อย 6 ด้าน 1. เนื้อหาสาระครบถ้วนตรงตามประเดน็ 4 หมายถึง มีเน้ือหาสาระครบถว้ นตามประเด็นท่ีกาหนดท้งั หมด 3 หมายถึง มีเน้ือหาสาระค่อนขา้ งครบถว้ นตามประเด็นท่ีกาหนดท้งั หมด 2 หมายถึง มีเน้ือหาสาระไมค่ รบถว้ นตามประเด็นแตภ่ าพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑ์ พอใช้ 1 หมายถึง มีเน้ือหาสาระไม่ครบถว้ น ภาพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑต์ อ้ งปรับปรุง 2. ความถูกต้องของเนื้อหาสาระ 4 หมายถึง เน้ือหาสาระท้งั หมดถูกตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริงและหลกั วิชา 3 หมายถึง เน้ือหาสาระเกือบท้งั หมดถูกตอ้ งตามขอ้ เท็จจริงและหลกั วิชา 2 หมายถึง เน้ือหาสาระบางส่วนถูกตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริง หลกั วิชาตอ้ งแกไ้ ขบางส่วน 1 หมายถึง เน้ือหาสาระส่วนใหญ่ไมถ่ ูกตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริง หลกั วิชาตอ้ งแกไ้ ขเป็นส่วนใหญ่
3. ภาษาถกู ต้องเหมาะสม 4 หมายถึง สะกดการันตถ์ ูกตอ้ ง ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมดีมาก ลาดบั ความไดช้ ดั เจน เขา้ ใจง่าย 3 หมายถึง สะกดการันตถ์ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมดี ลาดบั ความไดด้ ีพอใช้ 2 หมายถึง สะกดการันตม์ ีผดิ อยบู่ า้ ง ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมพอใช้ ลาดบั ความพอเขา้ ใจ 1 หมายถึง สะกดการันตผ์ ดิ มาก ถอ้ ยคาสานวนไมเ่ หมาะสม ลาดบั ความไดไ้ มช่ ดั เจน 4. ค้นคว้าจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย 4 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้ท่ีหลากหลายต้งั แต่ 4 แหลง่ ข้ึนไป 3 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้ 3 แหล่ง 2 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหลง่ การเรียนรู้ 2 แหล่ง 1 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้เพยี งแหลง่ การเรียนรู้เดียว 5. รูปแบบการนาเสนอน่าสนใจ 4 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานแปลกใหม่ น่าสนใจดี ลาดบั เรื่องราวไดด้ ีมาก 3 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานน่าสนใจ ลาดบั เรื่องราวไดด้ ี 2 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานน่าสนใจพอใช้ ลาดบั เรื่องราวไดพ้ อใช้ 1 หมายถึง รูปแบบการนาเสนอผลงานไม่น่าสนใจ ลาดบั เรื่องราวไดไ้ มด่ ี 6. ประเมนิ ปรับปรุง และแสดงความรู้สึกต่อชิ้นงาน 4 หมายถึง วิเคราะหข์ อ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดช้ ดั เจน ปรับปรุงพฒั นางานไดเ้ หมาะสม และ แสดงความรู้สึกตอ่ งานท้งั กระบวนการทางานและผลงานไดอ้ ยา่ งชดั เจน 3 หมายถึง วเิ คราะหข์ อ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดบ้ างส่วน ปรับปรุงพฒั นางานไดบ้ า้ ง แสดง ความรู้สึกตอ่ งานไดแ้ ต่ไมค่ รบถว้ น 2 หมายถึง วิเคราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดเ้ ลก็ น้อย ปรับปรุงพฒั นางานดว้ ยตนเองไมไ่ ด้ ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาจากผอู้ ื่น แสดงความรู้สึกตอ่ งานไดแ้ ต่ไม่ครบถว้ น 1 หมายถึง วิเคราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไม่ได้ ไมป่ รับปรุงพฒั นางาน แสดงความรู้สึกต่อ งานไดเ้ ลก็ นอ้ ยหรือไม่แสดงความรู้สึกต่องาน เกณฑ์การตัดสินผลการประเมิน นกั เรียนตอ้ งมีพฤติกรรมในแต่ละรายการอยา่ งนอ้ ยระดบั 2 ข้นึ ไป จานวน 4 ใน 6 รายการ
เกณฑ์การประเมินรายงานการสืบค้นข้อมลู โดยภาพรวม ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมิน 4 – บนั ทึกผลงานไดถ้ กู ตอ้ งตามจุดประสงค์ เขยี นบนั ทึกไดช้ ดั เจน แนวคิดหลกั ถูกตอ้ ง มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น – ใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ถกู ตอ้ ง 3 – บนั ทึกผลงานไดต้ รงตามจุดประสงค์ เขยี นบนั ทึกท่ีมีบางส่วนยงั ไม่ชดั เจน แนวคดิ หลกั ถูกตอ้ ง มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น – ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ไมถ่ กู ตอ้ งในบางส่วน 2 – บนั ทึกผลงานยดึ ตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไม่ชดั เจน แนวคิดหลกั บางส่วน ไม่ถกู ตอ้ ง ส่วนที่เป็นประเดน็ สาคญั มีไมค่ รบถว้ น – ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ไมถ่ ูกตอ้ งในบางส่วน 1 – บนั ทึกผลงานไมส่ อดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ เขยี นบนั ทึกไม่ชดั เจน และแนวคิด หลกั ส่วนใหญไ่ ม่ถูกตอ้ ง – ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ไมถ่ ูกตอ้ ง โครงงานวิทยาศาสตร์ (Scientific Project) เป็ นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีการสืบเสาะหาความรู้ การปฏิบตั ิจริง และ การสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง โดยผทู้ าโครงงานมีอิสระในการนาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์เดิม และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์มาใช้ในการแกป้ ัญหา โครงงานวิทยาศาสตร์จาแนกเป็ น 4 ประเภท คือ โครงงานประเภทสารวจ โครงงาน ประเภททดลอง โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ และโครงงานประเภททฤษฎี การประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้กาหนดเป้าหมายการเรียนรู้และจดุ ประสงค์ของการประเมินไว้ ดงั น้ี เป้าหมายการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ความคิด 1.1 มีความเขา้ ใจหลกั การ แนวคดิ หลกั ทางวิทยาศาสตร์ 1.2 ใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะทางวทิ ยาศาสตร์ไดถ้ ูกตอ้ ง 1.3 มีความรู้เกิดข้ึนใหม่และสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง ฯลฯ 2. กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจาก การทาโครงงาน 2.1 โครงงานประเภทสารวจและ 1) สามารถกาหนดปัญหาและสมมุติฐานที่สอดคลอ้ งกนั โครงงานประเภททดลอง 2) สามารถออกแบบการสารวจหรือทดลอง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และการควบคุมตวั แปร 3) สามารถจดั กระทาและนาเสนอขอ้ มูลท่ีเขา้ ใจงา่ ย 4) สามารถแปลผลสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ 5) สามารถบนั ทึกการทางานอยา่ งมีเหตุผล ฯลฯ
2.2 โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์ 1) สามารถเลือกวสั ดุที่นามาใชป้ ระดิษฐ์ 2) สามารถออกแบบตรงตามวตั ถุประสงค์ การใชป้ ระโยชน์ ความ คงทน ความประณีต และน่าสนใจ ฯลฯ 2.3 โครงงานประเภททฤษฎี 1) สามารถเสนอแนวคิดที่มีเหตุผล 2) สามารถอธิบายและสรุปแนวคดิ หลกั บนพ้ืนฐานของขอ้ ตกลง เบ้ืองตน้ ฯลฯ 3. ความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ 3.1 มีความแปลกใหม่ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ 3.2 มีความแปลกใหมใ่ นการออกแบบ ฯลฯ 4. การเขยี นรายงานหรือการแสดง 4.1 ความถกู ตอ้ งของขอ้ มูล ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ การเรียบเรียงขอ้ ความ ผลงาน และรูปแบบการนาเสนอตาราง แผนภมู ิ กราฟ รูปภาพ 4.2 สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เหมาะสม น่าสนใจ ฯลฯ เกณฑ์การประเมินโครงงานวทิ ยาศาสตร์โดยภาพรวม ระดับคณุ ภาพ รายการประเมนิ 4 มีการแสดงออกถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงาน โดยออกแบบ หรือคิดคน้ ข้ึนเอง ลงมือปฏิบตั ิจนทาโครงงานไดเ้ สร็จและประสบความสาเร็จ เขยี น รายงานเป็นลาดบั ไดช้ ดั เจนและครบถว้ น 3 มีหลกั ฐาน ร่องรอยท่ีแสดงถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงานได้ ถูกตอ้ ง ลงมือปฏิบตั ิจนเสร็จและประสบความสาเร็จ และเขียนรายงานไดช้ ดั เจน 2 มีหลกั ฐาน ร่องรอยที่แสดงถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงานถูกตอ้ ง บางส่วน ลงมือปฏิบตั ิประสบความสาเร็จบางส่วน และเขียนรายงานยงั ไมช่ ดั เจน 1 ใชเ้ วลานานมากในการทาความเขา้ ใจปัญหา ตอ้ งอาศยั การแนะนาเกี่ยวกบั การวางแผน วธิ ีการทาโครงงาน มีความยากลาบากในการลงมือปฏิบตั ิและเขยี นรายงานสับสน ไมช่ ดั เจน
แบบบันทึกผลการประเมินโครงงานวิทยาศาสตร์ คะแนนท่ไี ด้ หมายเหตุ 4321 รายการประเมิน 1. การกาหนดปัญหาและการต้งั สมมตุ ิฐาน 2. ขอ้ มลู หรือขอ้ เทจ็ จริงประกอบการทาโครงงาน 3. การออกแบบการทดลอง 4. อปุ กรณ์และเคร่ืองมือในการทดลอง 5. การดาเนินการทดลอง 6. การบนั ทึกขอ้ มูล 7. การจดั กระทาขอ้ มลู 8. การแปลความหมายขอ้ มูลและการสรุปผลของขอ้ มูล 9. ความคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์ 10. การเขยี นรายงานหรือการแสดงผลงาน รวม หมายเหตุ การประเมินโครงงานวทิ ยาศาสตร์ทาไดโ้ ดยการสงั เกต การสัมภาษณ์ และการบนั ทึกการ ปฏิบตั ิงานหรือบนั ทึกพฤติกรรมของนกั เรียนเป็นรายบคุ คลและเป็นรายกลุ่มอยา่ งต่อเน่ือง และผปู้ ระเมินหลายคน รวมท้งั การประเมินตนเองของนกั เรียน เกณฑ์การประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ แยกตามองค์ประกอบย่อย 10 ด้าน โครงงานประเภททดลอง ระดบั คณุ ภาพ รายการประเมิน 1. การกาหนดปัญหาและการต้ังสมมุติฐาน 4 สมมุติฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหาและแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเหตแุ ละผลอยา่ งชดั เจน 3 สมมุติฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหาและแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเหตุและผล แต่ยงั ไม่ชดั เจน 2 สมมตุ ิฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหา แต่ไมแ่ สดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเหตุและผล 1 สมมตุ ิฐานไมส่ อดคลอ้ งกบั ปัญหา 2. ข้อมลู หรือข้อเทจ็ จริงประกอบการทาโครงงาน 4 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหาอยา่ งชดั เจนครอบคลมุ 3 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหา แตย่ งั ไม่ครอบคลมุ 2 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหาเพียงบางส่วน 1 มีการศึกษาหาขอ้ มลู หรือขอ้ เท็จจริงท่ีไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ปัญหา 3. การออกแบบการทดลอง 4 สอดคลอ้ งกบั สมมตุ ิฐาน ควบคุมตวั แปรไดถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์ และมีแนวทางการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู
3 สอดคลอ้ งกบั สมมตุ ิฐานและควบคมุ ตวั แปรไดค้ รบถว้ นสมบูรณ์ 2 สอดคลอ้ งกบั สมมุติฐานและควบคมุ ตวั แปรไดบ้ างส่วน 1 สอดคลอ้ งกบั สมมตุ ิฐานแตไ่ ม่มีการควบคุมตวั แปร 4. อุปกรณ์และเครื่องมือในการทดลอง 4 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม 3 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเครื่องมือไดถ้ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ 2 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือไดถ้ ูกตอ้ งเป็นบางส่วน 1 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเครื่องมือไมเ่ หมาะสม 5. การดาเนินการทดลอง 4 ดาเนินการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งครบสมบูรณ์ 3 ดาเนินการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ 2 ดาเนินการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งเป็นบางส่วน 1 ดาเนินการทดลองไม่เหมาะสม 6. การบันทึกข้อมลู 4 บนั ทึกขอ้ มลู ตรงจุดประสงคท์ ี่ตอ้ งการศึกษาถูกตอ้ งและครบสมบรู ณ์ 3 บนั ทึกขอ้ มูลตรงจุดประสงคท์ ่ีตอ้ งการศึกษาและถูกตอ้ ง 2 บนั ทึกขอ้ มูลตรงจุดประสงคท์ ี่ตอ้ งการศึกษา 1 บนั ทึกขอ้ มลู ไมต่ รงจุดประสงคท์ ่ีตอ้ งการศึกษา 7. การจัดกระทาข้อมูล 4 มีการจดั กระทาขอ้ มูลถูกตอ้ ง ชดั เจน ละเอียด และครบสมบรู ณ์ 3 มีการจดั กระทาขอ้ มูลถูกตอ้ ง ชดั เจน แตย่ งั ไม่ครบสมบรู ณ์ 2 มีการจดั กระทาขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง แต่ไมช่ ดั เจนเพยี งพอ 1 มีการจดั กระทาขอ้ มูลไมถ่ ูกตอ้ งเป็นส่วนมาก 8. การแปลความหมายข้อมูลและการสรุปผลของข้อมูล 4 แปลความหมายถูกตอ้ งและสรุปผลสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู 3 แปลความหมายถูกตอ้ ง แตส่ รุปผลไมส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มูลบางส่วน 2 แปลความหมายถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ แตส่ รุปผลไมส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มูล 1 แปลความหมายไมถ่ ูกตอ้ งบางส่วนและไม่สรุปผล 9. ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ 4 โครงงานแสดงใหเ้ ห็นถึงความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรคแ์ ละสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ 3 โครงงานแสดงใหเ้ ห็นถึงความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ 2 โครงงานบางส่วนมีความแปลกใหมจ่ ากโครงงานที่มีผทู้ าแลว้ 1 โครงงานคลา้ ยคลึงกบั ส่ิงท่ีเคยทาแลว้ 10. การเขยี นรายงานหรือการแสดงผลงาน
4 มีการนาเสนอเป็นข้นั ตอนสมบูรณ์และชดั เจน 3 มีการนาเสนอเป็นข้นั ตอนแต่ยงั ไม่ชดั เจน 2 มีการนาเสนอบางส่วนเป็นข้นั ตอนแต่ยงั ไมช่ ดั เจน 1 มีการนาเสนอไมช่ ดั เจน ไม่เป็นข้นั ตอน
แบบประเมนิ โครงงาน (ทัว่ ไป) ช่ือโครงงาน............................................................................... กล่มุ ที่........... ภาคเรียนท่ี....................... ช้ัน................................................... รายการประเมนิ สรุป กาหนดประเ ็ดน ัปญหา ัชดเจน เลขท่ี ช่ือ–สกุล วางแผนกาหนด ้ขันตอนการ ผ่าน ไม่ แ ้ก ัปญหาไ ้ดเหมาะสม ผ่าน ลง ืมอป ิฏ ับ ิตตามแผน สามารถนาไปใ ้ชแ ้ก ัปญหาใน ีชวิตประจา ัวน เขียนรายงานนาเสนอ รวมจานวนรายการท่ี ่ผานเกณ ์ฑ ้ขัน ่ตา 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน 1. กาหนดประเด็นปัญหาชัดเจน 4 หมายถึง กาหนดประเด็นปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ปัญหาท่ีกาหนดมีความเฉพาะเจาะจงชดั เจนดี มาก 3 หมายถึง กาหนดประเด็นปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ปัญหาที่กาหนดมีความเฉพาะเจาะจงชดั เจนดี 2 หมายถึง กาหนดประเด็นปัญหาไดด้ ว้ ยตนเองเป็นบางส่วน ปัญหาท่ีกาหนดมีความ เฉพาะเจาะจงชดั เจนพอใช้ 1 หมายถึง กาหนดประเดน็ ปัญหาดว้ ยตนเองไม่ได้ 2. วางแผนกาหนดข้ันตอนการแก้ปัญหาได้เหมาะสม 4 หมายถึง ออกแบบวิธีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบคุ วบคุมตวั แปรไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม 3 หมายถึง ออกแบบวธิ ีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบุควบคมุ ตวั แปรไดค้ อ่ นขา้ งเหมาะสม 2 หมายถึง ออกแบบวธิ ีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบคุ วบคุมตวั แปรไดเ้ หมาะสมพอใช้ 1 หมายถึง ออกแบบวธิ ีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบคุ วบคุมตวั แปรไดไ้ มเ่ หมาะสม 3. ลงมือปฏิบัติตามแผน 4 หมายถึง ลงมือแกป้ ัญหาตามข้นั ตอนที่กาหนดไวอ้ ยา่ งครบถว้ นจริงจงั สามารถคน้ พบความรู้ ขอ้ คดิ แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองท้งั หมด 3 หมายถึง ลงมือแกป้ ัญหาตามข้นั ตอนท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งครบถว้ นจริงจงั สามารถคน้ พบความรู้ ขอ้ คดิ แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองเป็นส่วนใหญ่
2 หมายถึง ลงมือปฏิบตั ิตามข้นั ตอนที่กาหนดบา้ ง แตไ่ มค่ รบถว้ น สามารถคน้ พบความรู้ ขอ้ คดิ แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาท่ีต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองเป็นบางส่วน 1 หมายถึง ลงมือปฏิบตั ิตามข้นั ตอนที่กาหนดไดน้ อ้ ยมาก ไมส่ ามารถคน้ พบความรู้ ขอ้ คดิ แนวทางการปฏิบตั ิตามประเด็นปัญหาท่ีต้งั ไว้ 4. สามารถนาไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวนั 4 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วิธีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ไดค้ รบถว้ น ถูกตอ้ งและ ตอ่ เนื่อง 3 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วิธีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ไดค้ รบถว้ น ถูกตอ้ ง แตข่ าดความตอ่ เน่ือง 2 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วิธีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ไดเ้ ป็นบางส่วน และตอ้ ง กระตุน้ เตือนใหป้ ฏิบตั ิอยา่ งตอ่ เนื่อง 1 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วธิ ีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ไดน้ อ้ ยมาก หรือไม่นาไปใชเ้ ลย 5. เขยี นรายงานนาเสนอ 4 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจน แสดงใหเ้ ห็นถึง ข้นั ตอนการวางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบที่ไดค้ รบถว้ น 3 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจน แสดงใหเ้ ห็นถึง ข้นั ตอนการวางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบท่ีไดค้ อ่ นขา้ งครบถว้ น 2 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มูลไดบ้ า้ ง แสดงใหเ้ ห็นถึงข้นั ตอนการ วางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบท่ีไดเ้ พียงบางส่วน 1 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มูลไดน้ อ้ ยมาก เห็นข้นั ตอนการวางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบที่ไดไ้ มช่ ดั เจน เกณฑ์การตดั สินผลการประเมิน นกั เรียนตอ้ งมีพฤติกรรมในแต่ละรายการอยา่ งนอ้ ยระดบั 2 ข้นึ ไป จานวน 3 ใน 5 รายการ แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นแหลง่ รวบรวมผลงานของนกั เรียนอยา่ งเป็นระบบ ท่ีนามาใชป้ ระเมิน สมรรถภาพของนกั เรียน เพ่ือช่วยใหน้ กั เรียน ครู ผปู้ กครอง หรือผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งเกิดความเขา้ ใจและมองเห็นอยา่ งเป็นรูปธรรมได้ วา่ การปฏิบตั ิงานและผลงานของนกั เรียนมีคุณภาพมาตรฐานอยูใ่ นระดบั ใด แฟ้มสะสมผลงานเป็นเคร่ืองมือประเมินผลตามสภาพจริงที่ใหโ้ อกาสนกั เรียนไดใ้ ชผ้ ลงานจากท่ีไดป้ ฏิบตั ิจริง สื่อสารใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจถึงความสามารถท่ีแทจ้ ริงของตน ซ่ึงผลงานที่เก็บสะสมในแฟ้มสะสมผลงานมีหลายลกั ษณะ เช่น การ เขียนรายงาน บทความ การศึกษาคน้ ควา้ ส่ิงประดิษฐ์ การทาโครงงาน บนั ทึกการบรรยาย บนั ทึกการทดลอง บนั ทึกการ อภิปราย บนั ทึกประจาวนั แบบทดสอบ
แบบบันทกึ ความคดิ เหน็ เก่ยี วกับการประเมนิ ชิน้ งานในแฟ้มสะสมผลงาน ชื่อชิน้ งาน........................................................................... วันท่.ี ......... เดือน................... พ.ศ. ............ หน่วยการเรียนรู้ที่............. เร่ือง................................................................ รายการประเมิน บนั ทกึ ความคิดเห็นของนักเรียน 1. เหตผุ ลท่ีเลือกชิ้นงานน้ีไวใ้ นแฟ้มสะสมผลงาน ............................................................. ............................................................. 2. จุดเด่นและจุดดอ้ ยของงานชิ้นน้ีมีอะไรบา้ ง ............................................................. ............................................................. 3. ถา้ จะปรับปรุงงานชิ้นน้ีใหด้ ีข้ึนควรปรับปรุง ............................................................. อยา่ งไร ............................................................. ............................................................. 4. งานชิ้นน้ีควรไดค้ ะแนนเท่าใด เพราะเหตุใด ............................................................. (ถา้ กาหนดใหค้ ะแนนเตม็ 10 คะแนน) ความเหน็ ของครูหรือท่ีปรึกษา ความเหน็ ของผู้ปกครอง ........................................................................ ...................................................................... ........................................................................ ...................................................................... ........................................................................ ...................................................................... ผลการประเมินของครูหรือทปี่ รึกษา ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... ...........................................................
แบบประเมนิ แฟ้มสะสมผลงาน เรื่อง............................................................................................... กล่มุ ที.่ .......... ภาคเรียนที่....................... ช้ัน................................................... รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ 4321 1. โครงสร้างและองคป์ ระกอบ 2. แนวความคดิ หลกั 3. การประเมินผล 4. การนาเสนอ เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 4 ด้าน ระดับคุณภาพ รายการประเมิน 4 1. โครงสร้างและองค์ประกอบ 3 ผลงานมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ครบถว้ นและจดั เกบ็ ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ 2 ผลงานมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั เกือบครบถว้ นและส่วนใหญจ่ ดั เกบ็ อยา่ งเป็นระบบ 1 ผลงานมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั เป็นส่วนนอ้ ย แต่บางชิ้นงานมีการจดั เกบ็ ที่เป็นระบบ ผลงานขาดองคป์ ระกอบท่ีสาคญั และการจดั เกบ็ ไม่มีระบบ 4 2. แนวความคดิ หลัก 3 ผลงานสะทอ้ นแนวความคิดหลกั ของนกั เรียนวา่ ไดค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ มีหลกั ฐาน แสดงวา่ มีการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ไดม้ าก 2 ผลงานสะทอ้ นแนวความคิดหลกั ของนกั เรียนวา่ ไดค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ มีหลกั ฐาน แสดงวา่ สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นสถานการณ์ตวั อยา่ งได้ 1 ผลงานสะทอ้ นแนวความคดิ หลกั ของนกั เรียนวา่ ไดค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์บา้ ง มีหลกั ฐาน แสดงถึงความพยายามที่จะนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ผลงานจดั ไมเ่ ป็นระบบ มีหลกั ฐานแสดงวา่ ไดค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์นอ้ ยมาก 3 3. การประเมนิ ผล มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงาน รวมท้งั มีการ 2 เสนอแนะโครงการท่ีเป็นไปไดท้ ่ีจะจดั ทาต่อไปไวอ้ ยา่ งชดั เจนหลายโครงการ มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงาน รวมท้งั การ 1 เสนอแนะโครงการท่ีควรจดั ทาตอ่ ไป มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงานบา้ ง รวมท้งั มีการ เสนอแนะโครงการที่จะทาต่อไปแตไ่ ม่ชดั เจน มีการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงานน้อยมากและไม่มีขอ้ เสนอแนะใด ๆ
ระดบั คุณภาพ รายการประเมิน 4 3 4. การนาเสนอ 2 1 เขยี นบทสรุปและรายงานที่มีระบบดี มีข้นั ตอน มีขอ้ มลู ครบถว้ น มีการประเมินผล ครบถว้ น แสดงออกถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เขียนบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เกบ็ ผลงาน มีการประเมินผลงาน เป็ นส่วนมาก เขยี นบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เก็บผลงาน มีการประเมินผล เป็ นบางส่วน เขียนบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เก็บผลงาน แตไ่ ม่มีการ ประเมินผล เกณฑ์การประเมนิ แฟ้มสะสมผลงานโดยภาพรวม ระดับคณุ ภาพ รายการประเมิน 4 ผลงานมีรายละเอียดมากเพียงพอ ไมม่ ีขอ้ ผดิ พลาดหรือแสดงถึงความไม่เขา้ ใจ มีความเขา้ ใจ ในเรื่องที่ศึกษาโดยมีการบูรณาการหรือเช่ือมโยงแนวความคิดหลกั ตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั 3 ผลงานมีรายละเอียดมากเพยี งพอและไมม่ ีขอ้ ผดิ พลาดหรือแสดงถึงความไม่เขา้ ใจ แตข่ อ้ มูล ต่าง ๆ เป็นลกั ษณะของการนาเสนอที่ไม่ไดบ้ ูรณาการระหวา่ งขอ้ มูลกบั แนวความคดิ หลกั ของเร่ืองที่ศึกษา 2 ผลงานมีรายละเอียดที่บนั ทึกไว้ แต่พบวา่ บางส่วนมีความผิดพลาดหรือไม่ชดั เจน หรือ แสดงถึงความไม่เขา้ ใจเรื่องท่ีศึกษา 1 ผลงานมีขอ้ มูลนอ้ ย ไมม่ ีรายละเอียดบนั ทึกไว้
โรงเรียนบ้านท่าอาจ ตาบลท่าสายลวด อาเภอแม่สอด จงั หวดั ตาก สงั กัด สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ กระทรวงศึกษาธิการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: