~๑~ ประกาศโรงเรยี นอทุ ัยวทิ ยาคม เรื่อง ให้ใชม้ าตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และการกาหนดค่าเปา้ หมายความสาเร็จ ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐานเพ่อื การประกันคณุ ภาพภายใน สถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ............................................................................ พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๙ (๓) ได้กาหนดการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาใหย้ ึดหลกั ท่ีสาคญั ข้อหน่ึง คอื มีการ กาหนด มาตรฐานการศกึ ษา และจดั ระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภท และมาตรา ๔๘ ให้ หนว่ ยงานต้นสังกัด และสถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และใหถ้ ือว่าการประกนั คุณภาพ ภายในเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาทีต่ ้องดาเนินการอย่างต่อเนอ่ื ง โดยมกี ารจัดทารายงานประจาปีเสนอ ต่อหนว่ ยงาน ตน้ สังกัด หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพ่ือนาไปสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพมาตรฐาน การศกึ ษา และเพ่ือเปน็ การรองรับการประกันคณุ ภาพภายนอก ฉะนั้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ (๓) มาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ือง ให้ใช้มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย ระดบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน และระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ เมื่อวันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ และเพ่ือสอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูป การศึกษาในทศวรรษทสี่ องที่กาหนดเปา้ หมายและยุทธศาสตรอ์ ย่างชัดเจนในการพฒั นาคุณภาพคนไทยและการศึกษา ไทยในอนาคต และนโยบายให้ปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพภายในและภายนอกทุกระดับ ก่อนมี การประเมินคุณภาพในรอบต่อไป รวมท้ังอัตลักษณ์และจุดเน้นของสถานศึกษา โรงเรียนอุทัยวิทยาคมจึงได้กาหนด มาตรฐานการศึกษาระดับข้ันพื้นฐาน และกาหนดค่าเป้าหมายความสาเร็จตามมาตรฐานการศึกษา ตาม เอกสารแนบท้ายประกาศน้ี เพ่อื เปน็ เปา้ หมายในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาการประเมินคุณภาพภายใน ปี การศึกษา ๒๕๖๓ และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสาหรับการส่งเสริมและกากับดูแลในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน โรงเรียนอทุ ัยวิทยาคมในการประชุม ครง้ั ท่ี ๒/ ๒๕๖๓ เม่ือวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนในชุมชน ซึ่งนาไปสู่การพัฒนาการประเมินคุณภาพภายในอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพ่ือรองรับ การประเมินคุณภาพภายนอกในรอบตอ่ ไปใหบ้ รรลุ ความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายที่กาหนด ประกาศ ณ วันท่ี ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ( นายจิณณาวฒั น์ โคมบัว ) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นอทุ ยั วทิ ยาคม
~๒~ มาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพอ่ื การประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรยี นอุทยั วทิ ยาคม ประจาปีการศึกษา ๒๕๖๓ การพฒั นามาตรฐานการศึกษาข้นั พื้นฐานเพื่อการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษา มีแนวคิดวา่ ต้อง เปน็ มาตรฐานท่สี ถานศึกษาปฏบิ ตั ิได้ ประเมนิ ไดจ้ ริง กระซับและจานวนน้อย แต่สามารถสะท้อนคุณภาพการศึกษาได้ จรงิ ข้อมลู ที่ไดเ้ กิดประโยชน์ในการพฒั นาการศึกษาทกุ ระดับ ตั้งแตร่ ะดับสถานศึกษา ระดบั เขตพนื้ ที่การศึกษา ระดับหน่วยงานต้นสงั กดั และระดบั ชาติ ดังน้นั การกาหนดมาตรฐานจึงเนน้ ท่ีคุณภาพผ้เู รียน คณุ ภาพครู คุณภาพ ผู้บรหิ ารสถานศึกษา และคุณภาพของสถานศึกษา และ ให้มคี วามสอดคลอ้ งกับมาตรฐานเพ่ือการประเมินคุณภาพ ภายนอกตามทก่ี าหนดไว้ใน กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยระบบ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยไดก้ าหนดมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้นื ฐานเพ่ือการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั รายละเอยี ดแต่ละมาตรฐาน มดี งั น้ี มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผเู้ รยี น ๑.๑ ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผเู้ รียน ๑) มีความสามารถในการอา่ น การเขียน การสื่อสาร และการคิดคานวณ ๒) มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ อย่างมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปล่ียน ความคิดเห็น และแกป้ ัญหา ๓) มคี วามสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม ๔) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ๕) มีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ๖) มีความรู้ ทักษะพืน้ ฐาน และเจตคติท่ีดีตอ่ งานอาชีพ ๑.๒ คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ของผ้เู รยี น ๑) การมคี ุณลกั ษณะและค่านิยมทดี่ ตี ามทส่ี ถานศึกษากาหนด ๒) ความภมู ิใจในท้องถิ่นและความเปน็ ไทย ๓) การยอมรบั ท่ีจะอย่รู ่วมกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย ๔) สขุ ภาวะทางรา่ งกายและจิตสงั คม ๕)* มสี ่วนร่วมปฏบิ ัติกิจกรรมในฐานะสมาชิกของประชาคมอาเซียน ๖)* น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชวี ิต คาอธิบาย มาตรฐานท่ี ๑ ด้านคุณภาพผู้เรยี น ผลการเรียนรู้ทเี่ ปน็ คณุ ภาพของผู้เรียนทั้งดา้ นผลสมั ฤทธิท์ างวิชาการ ประกอบดว้ ยความสามารถ ในการ อ่าน การเขยี น การสอ่ื สาร การคดิ คานวณ การคิดประเภทตา่ งๆ การสรา้ งนวัตกรรม การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสอ่ื สาร ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นตามหลกั สูตร การมีความรู้ ทกั ษะพื้นฐานและเจตคติทีด่ ตี ่อวชิ าชพี และดา้ น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ท่ีเป็นค่านิยมทด่ี ีตามที่สถานศึกษากาหนด ความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทยการ ยอมรบั ทจ่ี ะอยรู่ ว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย รวมทงั้ สุขภาวะทางร่างกายและจติ สงั คม การมสี ่วนร่วม ปฏิบัตกิ ิจกรรมในฐานะสมาชิกของประชาคมอาเซียน และน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นแนวทาง ในการดาเนนิ ชวี ติ
~๓~ ๑.๑ ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผ้เู รียน ๑) มคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การส่ือสาร และการคดิ คานวณ ผ้เู รยี นมีทกั ษะในการอ่าน การเขยี น การสอ่ื สาร และการคิดคานวณตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนดในแต่ ละระดบั ชน้ั ๒) มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมวี จิ ารณญาณ อภิปรายแลกเปล่ียน ความ คดิ เห็น และแก้ปญั หา ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการคดิ จาแนกแยกแยะ ใคร่ครวญไตรต่ รอง พจิ ารณาอย่างรอบคอบ โดยใช้เหตุผล ประกอบการตัดสินใจ มกี ารอภิปรายแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น และแก้ปญั หาอยา่ งมเี หตุผล ๓) มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม ผู้เรียนมคี วามสามารถในการรวบรวมความรู้ได้ทงั้ ด้วยตวั เองและการทางานเป็นทีม เช่อื มโยงองค์ความรู้ และ ประสบการณ์มาใช้ในการสรา้ งสรรค์ส่ิงใหมๆ่ อาจเปน็ แนวความคดิ โครงการ โครงงาน ช้ินงาน ผลผลติ ๔) มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ผู้เรียนมีความสามารถในใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารเพ่ือการพัฒนาตนเองและสงั คมในดา้ นการ เรยี นรู้ การสอื่ สาร การทางาน อยา่ งสรา้ งสรรค์ และมคี ุณธรรม ๕) มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามหลักสตู รสถานศึกษา ผเู้ รียนบรรลุและมคี วามกา้ วหนา้ ในการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รสถานศึกษาจากพ้นื ฐานเดมิ ในดา้ นความรู้ ความ เขา้ ใจ ทกั ษะ กระบวนการตา่ งๆ รวมทัง้ มคี วามก้าวหนา้ ในผลการทดสอบระดบั ชาติ หรอื ผลการทดสอบอืน่ ๆ ๖) มคี วามรู้ ทกั ษะพน้ื ฐาน และเจตคติท่ีดตี อ่ งานอาชีพ ผูเ้ รียนมีความรู้ ทักษะพ้นื ฐานในการจดั การ เจตคตทิ ่ีดีพร้อมทจี่ ะศกึ ษาตอ่ ในระดับชน้ั ทีส่ ูงขึน้ การทางาน หรืองานอาชพี ๑.๒ คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงคข์ องผู้เรยี น ๑) มคี ุณลักษณะและคา่ นยิ มทด่ี ตี ามทสี่ ถานศึกษากาหนด ผู้เรียนมีพฤติกรรมเปน็ ผู้ที่มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม เคารพในกฎกตกิ า มีค่านยิ มและจติ สานึกตามทีส่ ถานศึกษา กาหนดโดยไม่ขัดกับกฎหมายและวัฒนธรรมอันดีของสงั คม ๒) มีความภมู ิใจในทอ้ งถ่ินและความเปน็ ไทย ผ้เู รียนมีความภมู ิใจในทอ้ งถ่ิน เห็นคณุ คา่ ของความเป็นไทย มสี ว่ นรว่ มในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและประเพณี ไทย รวมทงั้ ภูมปิ ัญญาไทย ๓) ยอมรับท่ีจะอยูร่ ว่ มกนั บนความแตกต่างและหลากหลาย ผเู้ รียนยอมรับและอยูร่ ่วมกนั บนความแตกตา่ งระหว่างบุคคลในดา้ น เพศ วัย เชอ้ื ชาติ ศาสนา ภาษา วฒั นธรรม ประเพณี ๔) มสี ขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สังคม ผเู้ รียนมีการรักษาสุขภาพกาย สขุ ภาพจติ อารมณ์ และสังคม และแสดงออกอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวยั สามารถอยูร่ ว่ มกบั คนอน่ื อย่างมคี วามสุข เข้าใจผูอ้ นื่ ไมม่ ีความขดั แย้งกับผ้อู ่นื ๕)* มีส่วนร่วมปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในฐานะสมาชกิ ของประชาคมอาเซยี น ผเู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ เช่น วนั อาเซยี น และเขา้ ร่วมกจิ กรรมแลกเปล่ียนประสบการณ์ ด้านต่างๆ กบั โรงเรยี นของประชาคมอาเซียน ๖)* น้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาเป็นแนวทางในการดาเนินชีวติ ผู้เรียนเขา้ ใจ และสามารถนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชวี ิต เพ่ือใหเ้ ป็น คนท่มี ีคุณภาพเป็นคนดีของสังคม
~๔~ มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ ๒.๑ มเี ปา้ หมายวิสยั ทศั น์และพนั ธกจิ ทสี่ ถานศึกษากาหนดชัดเจน ๒.๒ มรี ะบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา ๒.๓ ดาเนินงานพัฒนาวิชาการทีเ่ นน้ คุณภาพผเู้ รยี นรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาที่เทียบเคียงหลักสูตร มาตรฐานสากล (World-class Standard Curriculum and Instruction) ทุกกลมุ่ เป้าหมาย ๒.๔ พัฒนาครูและบคุ ลากรใหม้ ีความเชยี่ วชาญทางวิชาชีพ ๒.๕ จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอ้ือต่อการจดั การเรยี นรู้อย่างมีคุณภาพ ๒.๖ จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนับสนุนการบรหิ ารจดั การและ การจัดการเรียนรู้ ๒.๗* มกี ารระดมทรัพยากรในรูปของภาคีร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา คาอธบิ าย มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ เปน็ การจดั ระบบบรหิ ารจดั การคุณภาพของสถานศึกษา มีการกาหนดเปา้ หมายวสิ ัยทัศน์และ พนั ธกจิ อยา่ ง ชัดเจน สามารถดาเนนิ งานพัฒนาวชิ าการท่ีเนน้ คุณภาพผ้เู รียนรอบด้านตามหลักสตู รสถานศึกษาทเ่ี ทียบเคยี งหลกั สตู ร มาตรฐานสากล (World-class Standard Curriculum and Instruction) ในทกุ กลุ่มเปา้ หมาย จัดทาแผนพฒั นาคณุ ภาพ การจดั การศกึ ษา ดาเนนิ การพฒั นาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ี ความเช่ยี วชาญทางวิชาชีพ และจัดระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ มีการระดมทรพั ยากรในรปู ของภาครี ว่ มพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา เพือ่ สนบั สนุนการบริหารจัดการและ การเรยี นรู้ รวมทง้ั จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมทีเ่ อื้อต่อการจัดการเรยี นรู้ 2.1 มเี ป้าหมายวิสัยทัศน์และพันธกิจท่สี ถานศึกษากาหนดชัดเจน สอดคล้องกับบริบทของสถานศกึ ษา สามารถปฏบิ ัติไดจ้ รงิ สถานศกึ ษากาหนดเปา้ หมาย วิสัยทัศน์ และพันธกจิ ไวอ้ ยา่ งชดั เจน สอดคล้องกบั บรบิ ทของสถานศึกษา ความต้องการของชุมชน ทอ้ งถิ่น วัตถุประสงค์ของแผนการศึกษาแหง่ ชาติ นโยบายของรัฐบาลและของต้นสังกดั รวมท้งั ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงของสงั คม 2.2 มรี ะบบบริหารจัดการคณุ ภาพของสถานศกึ ษา ท่ีส่งผลต่อการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาตาม มาตรฐานของสถานศกึ ษาทีไ่ ด้กาหนดคา่ เป้าหมายความสาเรจ็ ไว้ สถานศกึ ษาสามารถบริหารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ ระบบทัง้ ในสว่ นการวางแผนพัฒนา คณุ ภาพการจัดการศึกษา การนาแผนไปปฏิบัติเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา มีการติดตามตรวจสอบประเมนิ ผลและ ปรับปรุงพัฒนางานอย่างต่อเนอ่ื ง มีการบริหารอตั รากาลัง ทรัพยากรทางการศึกษา และระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน มีระบบการนิเทศภายใน การนาข้อมูลมาใช้ในการพัฒนา บุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นร่วม การวางแผน ปรับปรุง พัฒนา และรว่ มรบั ผิดชอบตอ่ ผลการจดั การศึกษา 2.3 มีการดาเนินงานพัฒนาวิชาการทเ่ี น้นคณุ ภาพผูเ้ รยี นอยา่ งรอบดา้ นตามหลกั สตู รสถานศกึ ษาและ ทุกกล่มุ เป้าหมาย สถานศึกษาบรหิ ารจดั การเก่ียวกบั งานวิชาการ ทง้ั ด้านการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาที่เทยี บเคียงหลักสูตร มาตรฐานสากล (World-class Standard Curriculum and Instruction) กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร ที่เนน้ คณุ ภาพ ผเู้ รยี นรอบด้าน เชื่อมโยงวิถชี ีวติ จริง และครอบคลุมทุกกลุ่มเปา้ หมาย หมายรวมถงึ การ จัดการเรียนการสอน ของกล่มุ ท่เี รียนแบบควบรวมหรอื กลุ่มที่เรยี นร่วมดว้ ย ๒.๔ พัฒนาครแู ละบุคลากรใหม้ ีความเชี่ยวชาญทางวิชาชพี สถานศึกษาสง่ เสรมิ สนบั สนนุ พฒั นาครู บคุ ลากร ให้มคี วามเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ และจัดใหม้ ีชุมชนการ เรยี นรู้ทางวิชาชพี มาใชใ้ นการพัฒนางานและการเรียนรู้ของผู้เรียน
~๕~ 2.5 มีการจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมทเ่ี อ้ือต่อการจัดการเรียนรูอ้ ยา่ งมีคุณภาพ สถานศกึ ษาจดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพท้งั ภายในและภายนอกห้องเรยี น และสภาพแวดล้อมทางสงั คมที่ เอ้ือต่อการจัดการเรยี นรู้ และมีความปลอดภัย ๒.๖ จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนบั สนนุ การบริหารจัดการและการจัดการเรยี นรู้ สถานศกึ ษาจดั ระบบการจดั หา การพฒั นาและการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ในการบรหิ ารจัดการ และการจดั การเรียนรทู้ ่ีเหมาะสมกบั สภาพของสถานศึกษา ๒.๗* มกี ารระดมทรัพยากรในรูปของภาครี ว่ มพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา สถานศึกษามีการระดมทรัพยากรดา้ นต่างๆ มีภาครี ว่ มพฒั นาคณุ ภาพในการแลกเปล่ียนเรยี นรทู้ งั้ ระดับ ท้องถิ่น ระดบั ประเทศ และระหว่างประเทศ เพ่ือพัฒนาความเปน็ เลิศในการจัดการศกึ ษา มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรียนการสอนท่เี น้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ๓.๑ จัดการเรยี นรผู้ ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั จิ รงิ และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ได้ ๓.๒ ใชส้ ือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหล่งเรยี นรทู้ ่เี อื้อต่อการเรยี นรู้ ๓.๓ มกี ารบริหารจัดการช้นั เรยี นเชิงบวก ๓.๔ ตรวจสอบและประเมินผู้เรยี นอยา่ งเปน็ ระบบ และนาผลมาพฒั นาผเู้ รียน ๓.๕ มีการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้และใหข้ ้อมูลสะท้อนกลบั เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการจดั การเรยี นรู้ ๓.๖* เนน้ การจัดการเรียนรู้ท่ีใหผ้ ู้เรยี นไดล้ งมือกระทา (Active Learning) ๓.๗* จดั การเรียนรทู้ ีส่ อดคล้องกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินและประวัติศาสตร์ คาอธิบาย มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจดั การเรียนการสอนทเี่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั เปน็ กระบวนการจัดการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ของหลกั สตู รสถานศกึ ษา สรา้ งโอกาสให้ ผูเ้ รียนมสี ่วนร่วมในการเรยี นร้ผู ่านกระบวนการคดิ และปฏิบัตจิ รงิ มกี ารบริหารจัดการชน้ั เรยี นเชิงบวก สรา้ ง ปฏิสัมพนั ธท์ ี่ดี ครรู ู้จักผูเ้ รียนเปน็ รายบคุ คล ดาเนินการตรวจสอบและประเมินผเู้ รียนอย่างเปน็ ระบบและนาผลมา พฒั นาผู้เรียน รวมทง้ั รว่ มกนั แลกเปลยี่ นเรียนร้แู ละนาผลท่ีได้มาให้ข้อมลู ป้อนกลบั เพือ่ พัฒนาและปรับปรุงการจัดการ เรียนรู้ ท่เี น้นการจัดการเรยี นรูท้ ่ใี หผ้ ู้เรียนไดล้ งมือกระทา (Active Learning) และจดั การเรยี นร้ทู ส่ี อดคล้องกบั หลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิน่ และประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถ่นิ ๓.๑ จดั การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัตจิ รงิ และสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในการดาเนินชวี ติ จดั กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัดของหลกั สตู รสถานศึกษาทีเ่ น้นใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนรูโ้ ดย ผ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ัตจิ รงิ มแี ผนการจดั การเรียนรู้ท่สี ามารถนาไปจัดกจิ กรรมได้จรงิ มรี ูปแบบการจัดการ เรียนรู้เฉพาะสาหรบั ผูท้ ่มี คี วามจาเป็นและต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ผเู้ รยี นได้รบั การฝึกทักษะ แสดงออกแสดง ความคดิ เห็น สรุปองค์ความรู้ นาเสนอผลงานและสามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตได้ ๓.๒ ใช้สอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรทู้ ่เี อื้อตอ่ การเรียนรู้ มีการใชส้ ่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ รวมทั้งภมู ิปัญญาท้องถิ่นมาใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ โดย สรา้ งโอกาสใหผ้ เู้ รยี นได้แสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเองจากสอ่ื ท่ีหลากหลาย ๓.๓ มกี ารบรหิ ารจดั การชั้นเรยี นเชิงบวก ครูผสู้ อนมกี ารบริหารจดั การชน้ั เรียน โดยเน้นการการมีปฏิสัมพนั ธ์เชงิ บวก ให้เดก็ รักครู ครูรกั เด็ก และเด็ก รกั เด็ก เดก็ รักทีจ่ ะเรียนรู้ สามารถเรยี นรรู้ ว่ มกนั อยา่ งมีความสขุ
~๖~ ๓.๔ ตรวจสอบและประเมินผู้เรยี นอย่างเป็นระบบ และนาผลมาพัฒนาผเู้ รียน มีการตรวจสอบและประเมนิ คุณภาพการจัดการเรยี นรู้อย่างเปน็ ระบบ มขี ัน้ ตอนโดยใช้เครือ่ งมือและวธิ ีการ วดั และประเมนิ ผลท่ีเหมาะสมกบั เป้าหมายในการจดั การเรียนรู้ และใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั แก่ผ้เู รยี นเพื่อนาไปใช้ พฒั นาการเรียนรู้ ๓.๕ มีการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้และให้ขอ้ มลู ป้อนกลบั เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ ครแู ละผู้มสี ่วนเก่ยี วขอ้ งร่วมกันแลกเปลย่ี นความรู้ในระดบั โรงเรียน ระดับเครือข่าย และระดับประเทศ เพ่อื เพิ่มพนู ประสบการณร์ วมทั้งให้ข้อมลู ป้อนกลับเพอื่ นาไปใช้ในการปรับปรงุ และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ๓.๖* เนน้ การจดั การเรียนรทู้ ใี่ ห้ผเู้ รียนไดล้ งมือกระทา (Active Learning) ครูและผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้องใช้กระบวนการจดั การเรียนร้ทู ี่ผู้เรียนไดล้ งมือกระทา (Active Learning) และได้ใช้ กระบวนการคดิ เก่ียวกบั สิง่ ท่ีเขาได้กระทาลงไปในการสร้างสรรค์ส่ิงต่างๆ และพฒั นาตนเองอย่าง เต็มความสามารถ ๓.๗* จัดการเรยี นร้ทู ส่ี อดคลอ้ งกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภมู ิปัญญาท้องถ่ินและ ประวัติศาสตร์ท้องถน่ิ มีการจัดการเรียนรู้ทีใ่ ช้องคค์ วามร้เู กีย่ วกับศาสตร์พระราชา อันได้แก่ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ และประวัติศาสตรท์ ้องถ่ินท่สี ามารถนาไปประกอบอาชีพไดจ้ ริง มที กั ษะชวี ิตและดารงตนได้อย่าง เหมาะสม
~๗~ การกาหนดคา่ เปา้ หมายแนบทา้ ย ประกาศโรงเรียนอุทยั วิทยาคม คา่ เปา้ หมายความสาเร็จของการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ตามมาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน ๓ มาตรฐาน ๒6 ประเดน็ พิจารณา ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ เพอื่ การประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผเู้ รียน จำนวน ๑๒ ประเดน็ กำรพิจำรณำ ๑.๑ ดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางวชิ าการของผ้เู รยี น จำนวน ๖ ประเดน็ กำรพจิ ำรณำ 1) มีความสามารถในการอา่ น การเขยี น การส่ือสาร และการคดิ คานวณ 1.1 นักเรียนร้อยละ ๖๐ มีควำมสำมำรถในกำรอ่ำน กำรเขยี นภำษำไทย อยู่ในระดับดี ตำมเกณฑ์กำรประเมินของสถำนศกึ ษำ 1.2 นกั เรยี นร้อยละ ๖๐ ผำ่ นกำรประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ด้ำนควำมสำมำรถ ในกำรส่อื สำร ในระดบั ดี 1.3 นกั เรยี นรอ้ ยละ ๖๐ มคี วำมสำมำรถกำรส่ือสำร กำรนำเสนอผลงำนไดต้ ำมเกณฑ์ ของสถำนศึกษำ 1.4 นกั เรยี นร้อยละ ๖๐ มคี วำมสำมำรถในกำรส่ือสำรภำษำอังกฤษ ไดต้ ำมเกณฑ์ของ สถำนศกึ ษำ 1.5 นักเรียนรอ้ ยละ ๖๐ มคี วำมสำมำรถในกำรคิดคำนวณ อยใู่ นระดับดี ตำมเกณฑก์ ำร ประเมนิ ของสถำนศึกษำ 1.6 นกั เรียนรอ้ ยละ ๕๐ มีควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร ภำษำตำ่ งประเทศที่ 2 ตำมเกณฑ์ ของสถำนศกึ ษำ 2) มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ อย่างมีวิจารณญาณ อภปิ รายแลกเปลย่ี น ความ คิดเหน็ และแกป้ ญั หา 2.1 นกั เรยี นรอ้ ยละ ๗๐ ผำ่ นกำรประเมินกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์ อยใู่ นระดับ ดี 2.2 นกั เรียนรอ้ ยละ ๗๐ ผ่ำนกำรประเมินทกั ษะกำรคดิ แก้ปญั หำตำมแนวทำงกำรประเมิน PISA 2.3 นักเรียนรอ้ ยละ ๗๐ ผำ่ นกำรประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ดำ้ นควำมสำมำรถ ในกำรคดิ ในระดบั ดี 3) มคี วามสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม 3.1 นักเรียนรอ้ ยละ ๖๐ มีควำมรูแ้ ละทักษะพื้นฐำนในกำรสรำ้ งนวัตกรรม ในระดบั ดี ตำมเกณฑ์กำรประเมนิ ของสถำนศึกษำ 3.2 นกั เรียนรอ้ ยละ ๖๐ มผี ลงำน จำกกำรทำโครงงำน / สิงประดษิ ฐ์ และสำมำรถ อธบิ ำยหลักกำร แนวคิด ขน้ั ตอนกำรทำงำน และปญั หำอุปสรรคของกำรทำงำนได้ 3.3 นกั เรยี นร้อยละ ๖๐ สำมำรถสร้ำงนวตั กรรม 3.4 นกั เรียนรอ้ ยละ ๖๐ สำมำรถสรำ้ งนวตั กรรม และนำนวัตกรรมไปใช้ และมีกำร เผยแพร่ 4) มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร 4.1 นกั เรยี นรอ้ ยละ ๖๐ มีควำมสำมำรถในกำรสืบคน้ ข้อมูลจำกอินเตอร์เน็ต และสรุป ควำมรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง และอำ้ งองิ แหลง่ ข้อมลู ที่ไดจ้ ำกกำรสืบคน้ ทำงเทคโนโลยีสำรสนเทศ 4.2 นกั เรยี นร้อยละ ๖๐ ผำ่ นกำรประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ดำ้ นควำมสำมำรถ ในกำรใชเ้ ทคโนโลยี ในระดบั ดี
~๘~ 4.3 นกั เรยี นร้อยละ ๖๐ มที กั ษะด้ำน Digital Literacy ในกำรเรยี นรู้อย่ำงมี ประสิทธภิ ำพ 5) มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ๕.๑.๑ นกั เรียนร้อยละ ๕๐ มีผลการเรียนเฉลีย่ ตามหลกั สูตรสถานศึกษามากกว่าระดับ ๓ ขึ้นไป 5.1.๒ นกั เรียนร้อยละ ๕๐ มีผลกำรเรยี นกลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย ระดบั 3 ขึน้ ไป 5.1.๓ นกั เรียนรอ้ ยละ ๕๐ มผี ลกำรเรยี นกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ระดับ 3 ขึน้ ไป 5.1.๔ นักเรียนร้อยละ ๕๐ มีผลกำรเรียนกลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ระดับ 3 ข้นึ ไป 5.1.๕ นกั เรียนร้อยละ ๕๐ มีผลกำรเรยี นกล่มุ สำระกำรเรียนรู้สงั คมศึกษำ ระดับ 3 ขนึ้ ไป 5.1.๖ นกั เรียนรอ้ ยละ ๖๐ มผี ลกำรเรียนกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ระดับ 3 ขึ้นไป 5.1.๗ นักเรียนรอ้ ยละ ๖๐ มผี ลกำรเรยี นกลมุ่ สำระกำรเรียนรูส้ ขุ ศกึ ษำ พลศึกษำ ระดับ 3 ขึน้ ไป 5.1.๘ นักเรียนรอ้ ยละ ๖๐ มีผลกำรเรียนกลมุ่ สำระกำรเรียนรกู้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี ระดบั 3 ขึ้นไป 5.1.๙ นักเรยี นรอ้ ยละ ๕๐ มผี ลกำรเรยี นกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำตำ่ งประเทศ (ภำษำองั กฤษ) ระดบั 3 ขึน้ ไป 6) มีความรู้ ทกั ษะพ้นื ฐาน และเจตคติที่ดีต่องานอาชพี 6.1 นกั เรียนร้อยละ ๘๐ มคี วำมรู้ ทักษะพ้ืนฐำนและเจตคติที่ดตี ้องำนอำชีพ 6.2 นักเรยี น รอ้ ยละ ๘๐ มี ID Pan และ Portfolio เพอื่ กำรศึกษำตอ่ และกำรประกอบอำชพี 6.3 นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษำปที ่ี 3 และ 6 รอ้ ยละ ๘๐ มีควำมพร้อมท่ศี ึกษำต่อในระดบั ท่ีสูงข้ึน 6.4 นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 3 และ 6 รอ้ ยละ ๘๐ มคี วำมพร้อมในกำรทำงำน และ ประกอบอำชีพ 1.2 ด้านคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคข์ องผู้เรยี น จำนวน ๖ ประเดน็ กำรพิจำรณำ 1) การมีคณุ ลักษณะและค่านยิ มทีด่ ตี ามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด 1.1 นักเรยี นร้อยละ ๗๐ ผ่ำนกำรประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดบั ดี 1.2 นักเรียนร้อยละ ๗๐ มีควำมรับผดิ ชอบ มวี นิ ยั มีภำวะผู้นำและมจี ิตอำสำ 1.3 นกั เรียนร้อยละ ๗๐ มีคุณลกั ษณะและค่ำนยิ มทด่ี ี และเปน็ แบบอยำ่ งได้ 2) ความภูมใิ จในท้องถิน่ และความเป็นไทย 2.1 นักเรียนรอ้ ยละ ๘๐ ร่วมกจิ กรรมตำมประเพณี วันสำคัญ และท้องถ่ิน 2.2 นกั เรยี นร้อยละ ๘๐ มีพฤติกรรมท่ีแสดงออกถงึ ควำมรกั ในสถำบนั หลักของชำติ 2.3 นกั เรียนร้อยละ ๘๐ ยดึ มัน่ กำรปกครองระบอบประชำธปิ ไตยอันมีพระมหำกษัตรยิ เ์ ปน็ ประมขุ 2.4 นักเรยี นร้อยละ ๘๐ มพี ฤติกรรมที่แสดงออกถงึ ควำมรกั และภมู ใิ จในควำมเป็นไทย 2.5 นักเรยี นร้อยละ ๘๐ มีพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงควำมรักและภูมิใจประเพณวี ัฒนธรรมและ ท้องถ่นิ 3) การยอมรบั ทีจ่ ะอยู่รว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย 3.1 นกั เรยี นร้อยละ ๘๐ อยู่ร่วมกันอยำ่ งมีควำมสุขบนควำมแตกตำ่ งทำงวฒั นธรรม/ควำม คิดเห็นทแี่ ตกตำ่ ง 3.2 นักเรียนรอ้ ยละ ๘๐ มีทศั นคติท่ีดตี ่อบำ้ นเมือง มีหลกั คดิ ท่ีถูกต้อง และเป็นพลเมอื งที่ดี ของชำติ และเปน็ พลเมอื งโลกที่ดี มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม
~๙~ 4) สขุ ภาวะทางร่างกาย และจิตสงั คม 4.1 นกั เรียนรอ้ ยละ ๘๐ มีนำ้ หนกั สว่ นสงู และพัฒนำกำรทำงร่ำงกำยเจรญิ เติบโตตำมเกณฑ์ มำตรฐำนของกรมอนำมัย กระทรวงสำธำรณสขุ 4.2 นักเรียนรอ้ ยละ ๘๐ มีสมรรถภำพทำงกำยตำมเกณฑ์มำตรฐำนของกลมพลศึกษำ หรอื สำนักงำนกองทนุ สนบั สนุนกำรสรำ้ งเสรมิ สุขภำพ (สสส.) ทุกข้อ 4.3 นกั เรยี น ร้อยละ ๘๐ มีสุขภำพแข็งแรง แตง่ กำยสะอำดเรียบร้อย เคร่ืองใชส้ ่วนตัวสะอำด และปฏิบตั ติ นตำมสุขบัญญัติ 10 ประกำร 4.4 นกั เรยี น ร้อยละ ๘๐ หลีกเลยี่ งจำกสิ่งมอมเมำ ปัญหำทำงเพศ กำรทะเลำะววิ ำท และ อบำยมุข ทุกชนดิ 4.5 นกั เรยี น ร้อยละ ๘๐ มคี วำมรู้ทักษะในกำรปอ้ งกันตนเองจำกภยั คกุ คำมรปู แบบใหม่ 4.6 นกั เรยี น ร้อยละ ๘๐ มพี ฤติกรรมท่ีแสดงออกในกำรดำเนินชวี ิตท่เี ป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม และมีจติ สำธำรณะ 4.7 นกั เรียนร้อยละ ๘๐ ผำ่ นกำรประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ดำ้ นควำมสำมำรถในกำร ใชท้ กั ษะชวี ติ ในระดบั ดี ๕)* มสี ่วนร่วมปฏบิ ัติกจิ กรรมในฐานะสมาชกิ ของประชาคมอาเซยี น ๕.๑ นักเรยี นร้อยละ ๘๐ เขา้ ร่วมปฏิบตั กิ ิจกรรมในวนั สาคญั ของอาเซยี น ๖)* นอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต ๖.๑ นกั เรียนร้อยละ ๗๐ สามารถบอกไดว้ า่ ไดน้ าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็น แนวทางในการดาเนนิ ชวี ิตได้อยา่ งไร และเกิดผลตอ่ ตนเองและสงั คมอยา่ งไร มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ ๗ ประเด็นกำรพิจำรณำ 2.1 มีเปา้ หมายวสิ ัยทศั นแ์ ละพันธกจิ ทีส่ ถานศึกษากาหนดชดั เจน สอดคลอ้ งกับบริบทของสถานศึกษา สามารถปฏิบัติได้จรงิ 2.1.1 สถำนศกึ ษำ กำหนดวิสัยทัศน์ พนั ธกจิ และเปำ้ หมำยด้ำนตำ่ ง ๆ โดยใช้ข้อมลู สำรสนเทศของ สถำนศกึ ษำท่ีถูกต้อง ครบถว้ น ทันสมัย ถูกต้องตำมหลักวิชำกำร สอดคลอ้ งกับแผนกำรศึกษำชำติและควำมตอ้ งกำร ของชุมชน ซึ่งมุ่งเนน้ กำรพัฒนำคุณภำพผ้เู รยี นท่ีสะท้อนคุณภำพควำมสำเร็จอย่ำงชัดเจนและเปน็ รปู ธรรม โดยทกุ ฝ่ำย มีสว่ นรว่ ม 2.1.2 สถำนศกึ ษำ มกี ำรศึกษำ วิเครำะห์ มำตรฐำนกำรศึกษำและประเด็นพิจำรณำเพ่ือกำรประกนั คณุ ภำพภำยในของสถำนศึกษำตำมกฎกระทรวงอย่ำงครบถ้วน กำหนดผู้รับผดิ ชอบ และเปดิ โอกำสให้ผูม้ สี ว่ น เก่ยี วขอ้ งทกุ ฝำ่ ยมสี ่วนรว่ มในทุกกระบวนกำร จนนำไปส่กู ำรประกำศใช้มำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศึกษำ 2.1.3 สถำนศกึ ษำ มกี ำรกำหนดคำ่ เปำ้ หมำยควำมสำเรจ็ ของทกุ มำตรฐำนและกำหนดค่ำเปำ้ หมำย ในประเด็นกำรพจิ ำรณำ เชน่ กำรอำ่ น กำรเขียน กำรคิดคำนวณ ผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรยี น ฯลฯ อยำ่ งเหมำะสมโดย ผำ่ นกำรพิจำรณำจำกทกุ ฝำ่ ยอย่ำงครบถ้วนตำมบริบทของสถำนศึกษำ โดยไดร้ บั ควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำร สถำนศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน 2.1.4 สถำนศึกษำจัดทำประกำศคำ่ เป้ำหมำยแต่ละมำตรฐำนเพื่อกำรประกันคุณภำพภำยในของ สถำนศกึ ษำโดยได้รับควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำขั้นพื้นฐำน และมีกำรประชำสมั พันธ์ใหผ้ ้เู กย่ี วข้อง ท้งั ภำยในและภำยนอกสถำนศกึ ษำไดร้ บั ทรำบดว้ ยวธิ ีกำรหลำกหลำย
~ ๑๐ ~ 2.2 มรี ะบบบริหารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษา ที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาตาม มาตรฐานของสถานศึกษาทไ่ี ดก้ าหนดคา่ เปา้ หมายความสาเร็จไว้ 2.2.1 สถำนศึกษำมีแผนพัฒนำกำรศึกษำ ทไ่ี ด้รบั ควำมเหน็ ชอบของคณะกรรมกำรสถำนศึกษำและ สำมำรถตรวจสอบได้ 2.2.2 สถำนศึกษำมีและดำเนินงำนพัฒนำคุณภำพกำรบรหิ ำรและกำรจัดกำรศึกษำทม่ี ีควำมเหมำะสม คลอบคลุมงำนวิชำกำรท่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ พัฒนำครูบุคลำกรของโรงเรียนและบริหำรจดั กำรข้อมูลสำรสนเทศ อย่ำงมปี ระสิทธิภำพ 2.2.3 สถำนศกึ ษำมีกำรศึกษำ วิเครำะหส์ ภำพปัญหำ และควำมต้องกำรจำเป็นของสถำนศึกษำอย่ำง เป็นระบบ โดยใช้เทคนิควิธีท่หี ลำกหลำย ได้ข้อมูลสำรสนเทศที่ถูกต้อง ครบถว้ น และทันสมัย ทง้ั จำกแหลง่ ข้อมูล เอกสำร และผู้มีสว่ นเกี่ยวขอ้ งทุกฝำ่ ย 2.2.4 สถำนศึกษำกำหนดวธิ กี ำรดำเนินงำน ทุกกิจกรรม โครงกำรทสี่ อดคล้องกับทกุ มำตรฐำน กำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ โดยใชก้ ระบวนกำรทำงำนท่ีมรี ะบบสอดคล้องกับบรบิ ทของสถำนศกึ ษำและดำเนนิ กำรใน ทกุ ระบบ ครอบคลมุ กำรพฒั นำหลกั สตู รสถำนศึกษำ กระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ กำรส่งเสริมกำรเรยี นรู้ กำรวัดและ ประเมินผล กำรพัฒนำบคุ ลำกร และกระบวนกำรบรหิ ำรและกำรจัดกำรของสถำนศกึ ษำ เปดิ โอกำสให้ผู้เกี่ยวข้องมี สว่ นรว่ ม 2.2.5 สถำนศกึ ษำมีแผนกำรใชง้ บประมำณ บคุ ลำกร วสั ดุอปุ กรณ์ เคร่ืองมือ และเวลำอย่ำงประหยดั และคุ้มค่ำ ใหบ้ รรลตุ ำมวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ำหมำยของทุกโครงกำรและกิจกรรมอย่ำงมีประสทิ ธิภำพ มกี ำรเสนอแผนพฒั นำกำรจดั กำรศกึ ษำต่อคณะกรรมกำรสถำนศึกษำข้นั พ้ืนฐำนให้ควำมเห็นชอบ และรับรู้ร่วมกนั อย่ำงกวำ้ งขวำง อย่ำงมีระบบ และแจ้งให้หน่วยงำนตน้ สงั กัดรบั ทรำบ 2.2.6 สถำนศึกษำมีกำรทบทวนและจดั ทำแผนปฏิบตั กิ ำรประจำปีท่สี อดคลอ้ งกับแผนพัฒนำกำรจัด กำรศึกษำของสถำนศึกษำ โดยทกุ แผนงำน โครงกำร กิจกรรมครอบคลมุ ตำมภำรกิจในแผนพัฒนำกำรจัดกำรศึกษำ พร้อมทง้ั ปรับกจิ กรรมให้สอดคล้องกับนโยบำยท่ีสำคัญและควำมตอ้ งกำรจำเป็นของสถำนศกึ ษำและหน่วยงำนตน้ สังกัด 2.2.7 สถำนศึกษำเสนอแผนปฏิบตั ิกำรประจำปตี ่อคณะกรรมกำรสถำนศึกษำขน้ั พื้นฐำนใหค้ วำม เหน็ ชอบ และรับรูร้ ่วมกนั อยำ่ งกวำ้ งขวำง อย่ำงมรี ะบบ และแจ้งใหห้ นว่ ยงำนต้นสงั กดั รบั ทรำบ 2.2.8 สถำนศกึ ษำมรี ะบบกำรนิเทศภำยในของสถำนศกึ ษำ กระบวนกำรตดิ ตำม ตรวจสอบคณุ ภำพ ภำยในสถำนศึกษำ 2.2.9 สถำนศกึ ษำกำหนดบทบำทหน้ำท่ีมอบหมำยให้บุคลำกรในสถำนศึกษำดำเนินงำนด้ำนกำร ประกันคุณภำพกำรศึกษำอยำ่ งชดั เจน ครอบคลมุ โครงสรำ้ งกำรบริหำรงำน บคุ ลำกรของสถำนศกึ ษำและบทบำท หนำ้ ทข่ี องผู้เรียนไว้อยำ่ งชัดเจน มีกำรดำเนินงำนบรรลตุ ำมวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปน็ ไปตำมปฏิทนิ ทก่ี ำหนด ใช้ งบประมำณอย่ำงคมุ้ ค่ำ ผเู้ กีย่ วข้องทุกฝ่ำยมสี ่วนร่วมและมีควำมพึงพอใจ 2.2.10 สถำนศึกษำมีกำรกำหนดปฏทิ ิน และแผนกำกบั ตดิ ตำมกำรดำเนินงำนของแผนปฏิบตั กิ ำร ประจำปี มกี ำรระบผุ รู้ บั ผิดชอบ ผู้กำกบั ติดตำมกำรดำเนนิ งำนชดั เจนครบถ้วนในทุกโครงกำร กิจกรรม โดยผู้เกยี่ วข้อง มสี ่วนร่วม 2.2.11 สถำนศึกษำมีกำรปฏบิ ัติตำมแผนปฏิบัติกำรประจำปตี ำมกรอบระยะเวลำท่ีกำหนดไว้ ครบถว้ นเกินร้อยละ 80 ข้นึ ไปของจำนวนโครงกำร กิจกรรม ผูร้ บั ผดิ ชอบและผูเ้ กี่ยวข้องทุกฝำ่ ยปฏิบัตติ ำมบทบำท หน้ำทีแ่ ละควำมรบั ผิดชอบตำมทไ่ี ด้กำหนด โดยรอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไปของโครงกำร กจิ กรรมบรรลตุ ำมวตั ถุประสงค์ มีกำร ใช้งบประมำณและทรัพยำกรอย่ำงประหยัด คุ้มคำ่ และผูเ้ ก่ียวข้องร้อยละ 80 ขึ้นไป พึงพอใจกำรดำเนินงำน
~ ๑๑ ~ 2.2.12 สถำนศึกษำ มีกำรกำหนดผรู้ ับผดิ ชอบในกำรประเมินและตรวจสอบคุณภำพกำรศึกษำ และมี กระบวนกำรสร้ำงควำมเข้ำใจในกำรประเมนิ ตรวจสอบคุณภำพกำรศึกษำระดบั สถำนศกึ ษำ มอบหมำยงำนตำม ควำมรคู้ วำมสำมำรถ รว่ มกันวำงแผน กำหนดภำรกิจปฏิทินกำรตดิ ตำมตรวจสอบ และมีกำรประสำนงำนอย่ำงเป็น ระบบ 2.2.13 สถำนศึกษำสถำนศกึ ษำมีกำรประเมนิ และตรวจสอบคุณภำพกำรศกึ ษำ ทง้ั ระดับบคุ คลและ ระดบั สถำนศึกษำทแ่ี สดงผลกำรบรรลุวตั ถุประสงคข์ องโครงกำร โดยมวี ธิ กี ำรและเคร่ืองมือทีเ่ หมำะสม และมกี ำร จัดทำรำยงำนตำมหลักวชิ ำกำร เป็นปจั จบุ ัน 2.2.14 สถำนศึกษำ มีกำรตดิ ตำมผลกำรดำเนนิ กำรเพ่อื พัฒนำสถำนศกึ ษำให้มีคุณภำพตำมมำตรฐำน กำรศึกษำดว้ ยรปู แบบทห่ี ลำกหลำยถกู ตอ้ งตำมหลักวชิ ำกำรเปน็ แบบอย่ำง ที่ดี และนำผลกำรตดิ ตำมตรวจสอบไปใช้ วำงแผนดำเนินงำน ปรบั ปรุง พัฒนำคุณภำพและมำตรฐำนของสถำนศึกษำ 2.2.15 สถำนศึกษำมกี ำรวำงแผนและกำหนดกรอบแนวทำงกำรประเมินคุณภำพภำยในท่ีชัดเจน ถูกต้องตำมหลักวชิ ำกำร มเี ครื่องมือประเมนิ คุณภำพภำยในท่คี รอบคลุมมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศึกษำทุกระดับ กำรศึกษำ โดยทุกมำตรฐำนและทกุ ประเดน็ พจิ ำรณำ ดำเนินกำรประเมนิ คุณภำพภำยในตำมมำตรฐำนกำรศึกษำโดย ใชว้ ธิ กี ำรและเคร่ืองมือทห่ี ลำกหลำยและเหมำะสม 2.2.16 สถำนศึกษำจดั ทำรำยงำนผลกำรประเมินตนเองท่ีเป็นรำยงำนประเมนิ คุณภำพภำยในของ สถำนศกึ ษำทสี่ ะทอ้ นคุณภำพผู้เรยี นและผลสำเรจ็ ของกำรบรหิ ำรจัดกำรศกึ ษำอย่ำงชดั เจน ครอบคลุมตำมมำตรฐำน กำรศึกษำของสถำนศึกษำ และกำรประเมนิ กำรประเมินแบบองค์รวม (Holistic rubrics) กำรตดั สนิ โดยอำศยั ควำม เชี่ยวชำญ (Expert judgment) กำรประเมนิ จำกหลกั ฐำนเชงิ ประจกั ษ์ (evidence based assessment) โดยผมู้ ี ส่วนเก่ียวขอ้ งกับกำรพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำทุกฝ่ำยเขำ้ มำมีสว่ นรว่ มในกำรดำเนนิ งำน 2.2.17 สถำนศึกษำมีกำรตรวจสอบ ปรับปรุงคุณภำพของรำยงำนให้มีควำมชดั เจนและสมบรู ณ์ แล้วจึง เสนอรำยงำนต่อคณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำนใหค้ วำมเห็นชอบอย่ำงเป็นระบบ ตำมช่วงเวลำท่ีกำหนด และนำ ขอ้ เสนอแนะมำใช้ปรบั ปรงุ พัฒนำคณุ ภำพกำรจดั กำรศึกษำ 2.2.18 สถำนศึกษำมีกำรเผยแพร่รำยงำนประเมินคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำด้วยรปู แบบและ วิธีกำรทหี่ ลำกหลำยต่อหนว่ ยงำนตน้ สังกดั หน่วยงำนท่ีเก่ยี วขอ้ ง และสำธำรณชน พร้อมกับนำข้อคิดเหน็ ข้อเสนอแนะจำกผไู้ ดร้ ับกำรเผยแพร่ และนำไปใชส้ ำหรับกำรพัฒนำกำรจัดกำรศกึ ษำอยำ่ งมรี ะบบ เป็นไปอย่ำง ตอ่ เนอ่ื ง 2.2.19 สถำนศึกษำมีกำรสง่ เสริม สนบั สนุนใหค้ รูและบคุ ลำกรทุกคนในสถำนศึกษำมีควำมร้คู วำมเข้ำใจ และตระหนักในควำมสำคญั ของกำรประกนั คุณภำพกำรศึกษำทมี่ ุ่งกำรพัฒนำคณุ ภำพกำรศึกษำได้อย่ำงมี ประสทิ ธภิ ำพต่อเนอื่ ง และพัฒนำสถำนศกึ ษำใหเ้ ปน็ องค์กรแหง่ กำรเรียนรู้ จนเป็นวฒั นธรรมในกำรทำงำนปกติของ สถำนศกึ ษำ 2.2.20 สถำนศึกษำมกี ำรนำผลกำรประเมินคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำและข้อเสนอแนะของ หน่วยงำน ตน้ สงั กัดต่ำงๆ มำวเิ ครำะห์ สังเครำะห์ และเลือกสรรข้อมลู สำรสนเทศ โดยใหผ้ ้มู สี ่วนเกี่ยวข้อง ทกุ ฝ่ำยมี สว่ นร่วม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตอ่ กำรพฒั นำกำรบรหิ ำรและกำรสอนอย่ำงมีประสิทธภิ ำพและต่อเนื่อง เป็นแบบอย่ำง ได้ 2.2.21 สถำนศึกษำ มีกำรเตรียมรบั กำรตดิ ตำม ประเมนิ คณุ ภำพอยำ่ งเป็นระบบ ท้งั ดำ้ นข้อมลู เอกสำร หลักฐำน รอ่ งรอยกำรดำเนินงำนตำ่ ง ๆ อย่ำงครบถ้วน ชัดเจน เหมำะสม น่ำเชอ่ื ถอื และใหค้ วำมร่วมมือในกำร ประเมนิ คุณภำพเพื่อนำผลประเมินไปปรบั ปรงุ และพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำตำมข้อเสนอแนะของหนว่ ยงำนต้นสังกัด และหนว่ ยงำนภำยนอก
~ ๑๒ ~ 2.3 มีการดาเนินงานพัฒนาวิชาการทเี่ นน้ คณุ ภาพผู้เรยี นอย่างรอบด้านตามหลักสตู รสถานศึกษาและ ทุกกลมุ่ เป้าหมาย 2.3.1 สถำนศกึ ษำมกี ำรพัฒนำหลักสูตรสถำนศึกษำเทยี บเคียงมำตรฐำนสำกล และพฒั นำผู้เรยี นให้ มศี กั ยภำพเป็นพลโลกปีกำรศึกษำละ 1 ครั้ง 2.3.2 สถำนศกึ ษำมหี ลักสูตรสถำนศึกษำที่ได้รับควำมเห็นขอบจำกคณะกรรมกำรสถำนศึกษำและ สำมำรถตรวจสอบได้ 2.3.3 สถำนศึกษำมีหลกั สูตรของกลุ่มสำระกำรเรียนรทู้ ัง้ 8 กลมุ่ สำระ 2.4 มีการพฒั นาครูและบุคลากรให้มคี วามเชี่ยวชาญทางวชิ าชีพ 2.4.1 ครแู ละบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำได้รับกำรสง่ เสริมใหเ้ ข้ำรบั กำรพัฒนำตนเอง 2.4.2 ครใู นกลมุ่ สำระกำรเรียนรูท้ ุกกล่มุ สำระ ผูป้ ระสำนและครูในระดับชัน้ มกี ำรประชมุ เพ่ือ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ และพัฒนำกำรทำงำนร่วมกนั อย่ำงน้อยปีกำรศึกษำละ 10 ครัง้ 2.4.3 ครทู กุ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ได้รบั กำรพัฒนำ ให้สำมำรถจดั กำรเรียนกำรสอนโดยใช้ เทคโนโลยกี ำรศึกษำทำงไกล 2.5 มีการจัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมท่ีเอ้ือตอ่ การจดั การเรียนรอู้ ยา่ งมีคณุ ภาพ 2.5.1 ครูและนกั เรียนมีควำมพึงพอใจตอ่ สง่ิ อำนวยควำมสะดวกในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 2.5.2 จำนวนแหล่งเรยี นรู้เออื้ ต่อกำรจดั กำรเรยี นรไู้ ด้มำตรฐำน 2.6 มีการจดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ สนบั สนนุ การบริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้ 2.6.1 สถำนศึกษำมีระบบกำรจดั หำ กำรพฒั นำและกำรบริกำร เทคโนโลยสี ำรสนเทศเพ่ือใช้ในกำร บริหำรจัดกำรและกำรจดั กำรเรียนรู้ ท่ีเหมำะสมกับสภำพของสถำนศกึ ษำ 2.6.2 สถำนศึกษำมีแผนในกำรพฒั นำระบบและกำรบริกำร เทคโนโลยีสำรสนเทศเพอื่ ใช้ในกำร บรหิ ำรจดั กำรและกำรจัดกำรเรียนรู้ ทีเ่ หมำะสมกับสภำพของสถำนศึกษำ ๒.๗* มกี ารระดมทรพั ยากรในรูปของภาคีรว่ มพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ๒.๗.๑ สถานศึกษามีการระดมทรพั ยากรดา้ นต่างๆ มีภาคีรว่ มพฒั นาคุณภาพในการ แลกเปลย่ี นเรยี นร้ทู ้ังระดับท้องถ่ิน ระดบั ประเทศ หรอื ระหวา่ งประเทศ เพื่อพัฒนาความเปน็ เลศิ ในการจัดการศึกษา
~ ๑๓ ~ มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเี่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั ๗ ประเดน็ กำรพจิ ำรณำ 3.1 จดั การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ตั จิ รงิ และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินชีวติ 3.1.1 ครรู อ้ ยละ 80 ของทกุ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ วเิ ครำะห์หลักสตู รมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ และ ตวั ชี้วดั และหรอื ผลกำรเรยี นรู้ และนำไปจดั ทำรำยวชิ ำ และหน่วยกำรเรยี นรู้ ให้สอดคล้องกบั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั และสร้ำงองค์ควำมรู้ใหม่ ใหส้ อดคล้องกับบริบทของสถำนศึกษำ ผ้เู รียนท้องถน่ิ และสำมำรถนำไปปฏิบตั ิได้จริง 3.1.2 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้สอดคลอ้ งกับกำร ออกแบบหน่วยกำรเรียนรู้ธรรมชำติของผู้เรยี นและบริบทของสถำนศึกษำและทอ้ งถนิ่ ที่มีองคป์ ระกอบครบถว้ นตำม รปู แบบทห่ี น่วยงำนกำรศึกษำหรอื ส่วนรำชกำรต้นสังกดั กำหนดและสำมำรถนำไปปฏิบัติไดจ้ รงิ 3.1.3 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุม่ สำระกำรเรียนรู้ จดั กำรเรียนรู้เน้นกระบวนกำรคิด ดว้ ยวธิ ีกำร ปฏบิ ัติทีส่ อดคล้องกบั ธรรมชำติของสำระกำรเรยี นร้ตู ำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั ของหลักสูตรสถำนศึกษำอย่ำง หลำกหลำยมกี ิจกรรมกำรเรยี นรู้ให้ผ้เู รียนฝกึ ปฏิบตั จิ รงิ สำมำรถนำไปปฏบิ ตั ิได้จรงิ และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ 3.1.4 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีกำรวิเครำะหผ์ เู้ รียนเปน็ รำยบุคคล มกี ิจกรรม กำรเรียนรูด้ ว้ ยวธิ ีกำรปฏบิ ัตทิ ี่สรำ้ งสรรคอ์ ย่ำงหลำกหลำยสอดคล้องกบั ธรรมชำติของสำระกำรเรยี นรู้และผเู้ รยี น 3.1.5 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ มบี ันทึกหลงั กำรสอนท่สี อดคลอ้ งกับ จุดประสงค์กำรเรียนรู้และนำผลมำปรับประยุกต์แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ให้มีคณุ ภำพท่ีสูงข้นึ 3.1.6 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีกำรประเมนิ ผลกำรใช้หลักสูตรอย่ำงเปน็ ระบบกำรใชห้ นว่ ยกำรเรยี นรู้ กลยทุ ธ์ในกำรจัดกำรเรียนรูแ้ ละนำผลกำรประเมนิ มำปรบั ปรุงพัฒนำใหม้ ีคุณภำพสูงขน้ึ 3.2 ใช้ส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหล่งเรียนรู้ท่ีเอื้อตอ่ การเรียนรู้ 3.2.1 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ใชร้ ูปแบบ เทคนิค และวธิ กี ำรท่ีเน้นกำร ปฏิบัติมีควำมหลำกหลำย ใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี กำรจดั กำรเรยี นรู้ กำรวดั ผลและประเมินผล ตำมแผนกำร จดั กำรเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ตวั ช้วี ัดหรือผลกำรเรียนรู้ จดุ ประสงค์กำรเรยี นรแู้ ละสอดคลอ้ ง กบั ธรรมชำติของผเู้ รยี นและสำระกำรเรยี นรู้ 3.2.2 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ สรำ้ งและพัฒนำสอ่ื นวตั กรรม เทคโนโลยี ทำงกำรศึกษำ, applicationต่ำงๆ นำไปใชใ้ นกำรจัดกำรเรยี นรู้ เหมำะสมกบั ผู้เรยี น สอดคล้องกบั เนอ้ื หำสำระ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั หรอื ผลกำรเรียนรู้ และจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.2.3 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ใช้ แหล่งเรยี นรู้ทัง้ ภำยใน และภำยนอก โรงเรยี น ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ บรู ณำกำรในกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนเอ้ือต่อกำรเรียนรู้ให้ผเู้ รยี นฝึกปฏิบตั ิจริง 3.2.4 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ สำมำรถจัดกำรเรียนกำรสอนด้วยเทคโนโลยี กำรศกึ ษำทำงไกล รูปแบบ Online ในสถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนำ2019 (COVID-19) 3.2.5 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ประเมนิ ผลกำรใชส้ ่ือนวัตกรรม เทคโนโลยี ทำงกำรศึกษำ และแหลง่ เรยี นรู้ และนำผลกำรประเมินไปปรับปรงุ พฒั นำให้มีคุณภำพสูงขน้ึ 3.3 มกี ารบริหารจัดการชน้ั เรียนเชงิ บวก 3.3.1 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีกำรบริหำรจดั กำรชัน้ เรียนเชิงบวก มี ปฏสิ มั พนั ธ์ เชิงบวก ส่งผลให้นักเรยี นรักกำรเรียนรู้จัดสภำพแวดลอ้ มบรรยำกำศทเ่ี ออื้ ต่อกำรเรยี นรู้ มีควำมปลอดภัย และมคี วำมสุข 3.3.2 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผเู้ รียนเกดิ กระบวนกำรคิด มที กั ษะ ชวี ติ ทกั ษะกำรทำงำน และมีวินัยเชงิ บวก
~ ๑๔ ~ 3.3.3 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ อบรมบม่ นสิ ยั ให้ผ้เู รียนมีคุณธรรมจรยิ ธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ค่ำนยิ มทด่ี งี ำม ปลูกฝงั ควำมเป็นประชำธปิ ไตยอนั มีพระมหำกษัตริยท์ รงเป็นประมขุ มีกำร เสริมแรงให้ผเู้ รียนมคี วำมมัน่ ใจในกำรพัฒนำตนเองเตม็ ตำมศักยภำพ เกดิ แรงบนั ดำลใจในกำรเรียนรู้ 3.3.4 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ จัดทำข้อมลู สำรสนเทศและเอกสำรประจำชนั้ เรยี น หรอื ประจำวิชำอยำ่ งเป็นระบบ ถกู ต้องและเป็นปัจจุบนั โดยรวบรวมขอ้ มูล และ วิเครำะห์ สังเครำะห์ และ มกี ำรใชส้ ำรสนเทศในกำรเสริมสรำ้ งและพฒั นำผ้เู รยี น 3.3.5 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีระบบดแู ลชว่ ยเหลอื ผ้เู รียน โครงกำรและจดั กจิ กรรมเชงิ สรำ้ งสรรคด์ ้วยวิธีกำรทหี่ ลำกหลำยในกำรดูแลช่วยเหลอื ผเู้ รียนสง่ เสริม ป้องกนั และแกป้ ญั หำผู้เรียน อยำ่ งเปน็ ระบบ 3.3.6 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ให้คำปรึกษำแกค่ รใู นสถำนศึกษำ และเป็น แบบอย่ำงที่ดดี ้ำนกำรบริหำรจดั กำรช้นั เรียน 3.4 ตรวจสอบและประเมินผู้เรยี นอย่างเป็นระบบและนาผลมาพฒั นาผเู้ รียน 3.4.1 ครรู อ้ ยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ มีกำรประเมนิ ตำมสภำพจรงิ 3.4.2 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ มีกำรประเมินคุณภำพของเคร่ืองมือ วัดและ ประเมินผลกำรเรียนรู้ และนำผลกำรประเมินคณุ ภำพของเคร่ืองมือวดั และประเมินผลกำรเรียนรู้ไปปรับปรุงพฒั นำ ให้มีคณุ ภำพสงู ข้นึ 3.4.3 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ มีกำรตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รียนอย่ำงเปน็ ระบบและใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับ นำผลมำพฒั นำผเู้ รยี น 3.4.4 ครูรอ้ ยละ 80 ของทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีเคร่ืองมอื วดั และวิธกี ำรประเมนิ ผลท่ีเหมำะสม กับเป้ำหมำยของกำรเรียนรู้ 3.4.5 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ใช้กระบวนกำรวจิ ยั หรอื ดำเนินกำรวจิ ัยในกำร สร้ำงองค์ควำมรู้ใหม่เพ่ือแก้ปัญหำและหรอื พฒั นำกำรเรยี นรขู้ องผเู้ รียน โดยใชว้ ธิ กี ำรทถี่ ูกตอ้ งและเหมำะสมกบั สภำพปญั หำและควำมต้องกำรจำเป็น 3.4.6 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ นำผลกำรแกป้ ัญหำหรือกำรพฒั นำกำรเรียนรู้ ของผเู้ รียนหรือผลกำรวจิ ยั ไปใช้ 3.4.7 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ เป็นผ้นู ำและใหค้ ำแนะนำในกำรใช้ กระบวนกำรวิจยั หรอื ดำเนนิ กำรวจิ ัยในกำรสรำ้ งองค์ควำมร้ใู หมเ่ พื่อแก้ปัญหำและหรอื พัฒนำกำรเรียนรขู้ องผ้เู รยี น 3.4.8 ครูร้อยละ 80 ของทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ เปน็ แบบอย่ำงท่ดี ีเป็นผูน้ ำ เป็นพี่เล้ียงและให้ คำปรึกษำดำ้ นกำรวัดและประเมนิ ผล 3.5 มีการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้และให้ขอ้ มลู สะท้อนกลบั เพอ่ื พัฒนาและปรบั ปรงุ การจัดการเรียนรู้ 3.5.1 ครรู อ้ ยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ และ ผทู้ ีม่ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งมีกำรแลกเปลย่ี นเรียนรู้ และให้ข้อมูลสะทอ้ นกลับเพื่อพฒั นำและปรับปรงุ กำรจัดกำรเรียนรู้ 3.5.2 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกล่มุ สำระกำรเรียนรู้ จดั ทำแผนพัฒนำตนเอง ท่สี อดคลอ้ งกบั สภำพ กำรปฏบิ ัตงิ ำนควำมตอ้ งกำรจำเปน็ หรอื ตำมแผนกลยทุ ธ์ของหนว่ ยงำนกำรศึกษำ หรือส่วนรำชกำรตน้ สังกดั 3.5.3 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ พฒั นำตนเองตำมแผนพัฒนำตนเอง นำควำมรู้ ควำมสำมำรถและทักษะที่ได้จำกกำรพัฒนำตนเองมำพัฒนำนวตั กรรมกำรจดั กำรเรยี นรู้ทสี่ ่งผลตอ่ คุณภำพผู้เรยี น 3.5.4 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มกี ำรศึกษำคน้ ควำ้ หำควำมรดู้ ้วยวธิ ีกำรตำ่ งๆ ท่ีทำใหเ้ กิดควำมรแู้ ละทักษะเพิ่มข้นึ ใน 4 รำยกำร ดงั น้ี 3.5.4.1 กำรประชุมทำงวิชำกำร/กำรอบรม/กำรสัมมนำรวมแล้วไมน่ ้อยกวำ่ 20 ช่ัวโมง
~ ๑๕ ~ ตอ่ ปีหรอื กำรศึกษำ ต่อ 1 หลักสูตร 3.5.4.2 กำรศึกษำเอกสำรทำงวิชำกำร 5 เรือ่ งต่อปี 3.5.4.3 กำรศึกษำคน้ คว้ำจำกสือ่ /วธิ กี ำรอื่นๆ 5 คร้งั ต่อปี 3.5.4.4 กำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ทำงวชิ ำกำร 5 คร้ังตอ่ ปี 3.5.5 ครรู อ้ ยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ สรำ้ งองคค์ วำมรูใ้ หมท่ ่ีไดจ้ ำกกำร พฒั นำตนเอง นำองคค์ วำมรู้ท่ีได้จำกกำรเข้ำร่วมชมุ ชนกำรเรียนรู้ทำงวิชำชีพไปใช้ในกำรจดั กำรเรยี นกำรสอน 3.5.6 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ เขำ้ ร่วมชุมชนกำรเรียนร้ทู ำงวิชำชพี สร้ำง วฒั นธรรมทำงกำรเรียนรู้ในสถำนศกึ ษำ 3.5.7 ครรู ้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ สร้ำงนวัตกรรมท่ีไดจ้ ำกกำรเขำ้ ร่วมในชุมชน กำรเรยี นรู้ทำงวชิ ำชีพ 3.5.8 ครูรอ้ ยละ 80 ของทุกกลุม่ สำระกำรเรียนรู้ เปน็ ผู้นำกำรเปลี่ยนแปลงท่ีสง่ ผลต่อวงวชิ ำชพี เป็นแบบอย่ำงทด่ี ี 3.5.9 ครูร้อยละ 80 ของทุกกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ กำรประมวลควำมรเู้ กี่ยวกับกำรพัฒนำวชิ ำกำร และวิชำชีพเปน็ เอกสำรทำงวิชำกำร 6 เร่อื งต่อปีและนำไปใชใ้ นกำรจัดกำรเรียนกำรสอน/ปรบั พฤติกรรม/แกป้ ัญหำ กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนครบทงั้ 6 เรอื่ งต่อปี ๓.๖* เนน้ การจดั การเรยี นรทู้ ่ใี ห้ผูเ้ รยี นได้ลงมอื กระทา (Active Learning) 3.6.1 ครรู อ้ ยละ 80 ของทกุ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ นวตั กรรมในกำรจัดกำรเรยี นรู้ แบบ Active Learning 3.6.2 ครู รอ้ ยละ 80 ของทกุ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ มีกำรเผยแพร่ นวัตกรรมในกำรจดั กำรเรียนรู้ แบบ Active Learning 3.6.3 ครู ร้อยละ 80 ของทกุ กลุม่ สำระกำรเรียนรู้เป็นแบบอยำ่ งทีด่ ี เปน็ ผู้นำ เป็นพ่เี ลี้ยง และ เป็นท่ปี รกึ ษำด้ำนหลกั สูตร ด้ำนกำรออกแบบหน่วยกำรเรียนรู้ และด้ำนกำรจดั ทำแผนกำรจัด กำรเรียนรู้ ๓.๗* จัดการเรยี นรทู้ ส่ี อดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภมู ิปญั ญาท้องถิ่นและ ประวตั ิศาสตร์ 3.7.1 ครรู ้อยละ ๘๐ จดั กำรเรียนรูท้ ่สี อดคล้องกับหลักปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ภูมปิ ัญญำ ทอ้ งถ่นิ และประวัตศิ ำสตร์ท้องถ่นิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: