Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3

หน่วยที่ 3

Published by jarat, 2021-04-05 17:35:51

Description: หน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

3-1 หน่วยท่ี 3 อปุ กรณ์ป้องกนั สาระท่ี 2 งานตดิ ตงั้ ไฟฟ้า มาตรฐานที่ 2 เดินสายไฟฟ้าติดต้งั อุปกรณ์แสงสวา่ ง อปุ กรณ์ป้องกนั และเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าภายในบา้ น แนวคดิ /หลกั การ อุปกรณ์ป้องกนั กระแสเกนิ จะช่วยป้องกนั อนั ตราย แก่ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า เมอ่ื ใชง้ านเกนิ กาลงั หรอื ลดั วงจร อุปกรณ์เหลา่ น้ไี ดแ้ ก่ ฟิวส์ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ เมอ่ื กระแสของมอเตอรเ์ กนิ พกิ ดั หรอื แรงดนั ไฟฟ้าสงู -ต่ากว่าปกติ หรอื เฟสใดขาดหายอุปกรณ์ ป้องกนั มอเตอร์ จะตดั วงจรไฟฟ้าออก เพ่อื ป้องกนั ความเสยี หายทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กบั ตวั มอเตอร์ อุปกรณ์ประเภทน้ไี ดแ้ ก่ รเี ลยโ์ หลดเกนิ รเี ลยป์ ้องกนั มอเตอร์ สาระการเรียนรู้ 1.อุปกรณ์ป้องกนั กระแสเกนิ 2.อุปกรณ์ป้องกนั มอเตอร์ ผลการเรียนร้ทู ่ีที่คาดหวงั 1.เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ป้องกนั กระแสเกนิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2.เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ป้องกนั มอเตอรก์ ระแสเกนิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3-2 1.อปุ กรณ์ป้องกนั กระแสเกิน -ฟิ วส์ (Fuse) ฟิวส์ เป็นอุปกรณ์สาหรบั ป้องกนั อุปกรณ์ไฟฟ้าไมใ่ หเ้ กดิ อนั ตราย กรณเี กดิ กระแสไหลเกนิ หรอื เกดิ ลดั วงจรระหว่างเฟส มกี ระแสไหลผ่านโหลดมากกวา่ พกิ ดั ทก่ี าหนด ฟิวสจ์ ะขาดออกจากวงจร โดยฟิวส์ จะหลอมละลาย เน่อื งจากความรอ้ น เมอ่ื ตอ้ งการจะจา่ ยไฟเขา้ วงจรใหม่ จะตอ้ งเปลย่ี นฟิวสใ์ หม่ ฟิวสท์ ใ่ี ช้ ในงานควบคุมมอเตอรห์ น้าทห่ี ลกั คอื ควบคุมสายไฟในวงจร เวลาทฟ่ี ิวสส์ ามารถทนกระแสเกนิ พกิ ดั ได้ ก่อนทข่ี าดจะขน้ึ อยกู่ บั ค่าของกระแสทเ่ี กนิ กาหนดน้อย กจ็ ะหน่วงเวลามาก ค่าพกิ ดั ของฟิวสไ์ ดแ้ ก่ คา่ แรงดนั ไฟฟ้าปกตขิ ณะใชง้ าน ค่ากระแสปกตทิ ฟ่ี ิวสส์ ามารถทนรบั ได้ และค่าพกิ ดั กระแสลดั วงจร ฟิวส์ สามารถป้องกนั วงจรได้ โดยไมเ่ กดิ ความเสยี หายแก่อุปกรณ์ใกลเ้ คยี งหรอื บคุ คลทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี ง ฟิวสท์ ใ่ี ชใ้ นระบบไฟฟ้าแรงต่า ตามมาตราฐาน VDE แบ่งตามโครงสรา้ งได้ 2 แบบคอื - ฟิวสแ์ บบสกรู (Screw type fuse) - ฟิวสแ์ บบใบมดี หรอื ฟิวสท์ รงกระบอก (Knife bleared fuse) ฟิวสท์ งั้ สองชนดิ จะประกอบเป็นชดุ ประกอบดว้ ยส่วนฟิวส์ ตวั ฟิวส์ ฝาครอบแบบสกรู และตวั รองรบั ฟิวส์ ดงั แสดงในรปู ท่ี 3.1 - 3.2 การแบ่งฟิวสต์ ามการใชง้ าน จะแบ่งออกตามลกั ษณะคุณสมบตั ขิ องฟิวส์ ระหวา่ งกระแสและเวลา เช่น ฟิวสป์ ้องกนั สายไฟฟ้า ฟิวสป์ ้องกนั มอเตอร์ ฟิวสป์ ้องกนั สวติ ช์ -ฟิวสแ์ บบสกรู เป็นฟิวสท์ ใ่ี ชส้ าหรบั ทอ่ี ยอู่ าศยั และอุตสาหะกรรม ออกแบบไวส้ าหรบั ผทู้ ไ่ี มไ่ ดเ้ ป็น ชา่ งสามารถใชแ้ ละเปลย่ี นเองได้ ฟิวสแ์ บบน้ที าหน้าทป่ี ้องกนั กระแสไฟฟ้าเกนิ เน่อื งจากกระแสโหลดทใ่ี ช้ เกนิ พกิ ดั หรอื เกดิ การลดั วงจร ฟิวสจ์ ะสามารถทนแรงดนั ไดส้ งู ประมาณ 500 โวลต์ ขนาดกระแสทก่ี าหนด สาหรบั ตวั ฟิวสม์ ตี งั้ แต่ 2, 4, 6, 10, 16, 20, 25, 35, 50, 63, 80, 100, 125, 200 A แต่ส่วนมากทใ่ี ชก้ นั จะมคี ่าสุดเพยี ง 63 Aมคี วามสามารถตดั กระแสลดั วงจร (rupturing capacity) ท่ี 50, kA a.c และ 8 kA D.C. รปู ท่ี 3.1 คารท์ รดิ จฟ์ ิวส์ (แบบสกร)ู

3-3 รปู ท่ี 3.2 แสดงฟิวสแ์ บบใบมดี ฟิวสแ์ บบ เอชอารซ์ ี (H.R.C) หรอื เอน็ เอชฟิวส์ (NH) H.R.C ยอ่ มาจาก High rupture capacity fuse เป็นฟิวสแ์ บบพเิ ศษเหมาะสาหรบั ป้องกนั กระแสเกนิ และ กระแสลดั วงจรในวงจรไฟฟ้ากาลงั ทวั่ ไป มคี ณุ สมบตั เิ ด่นทส่ี ามารถตดั กระแสลดั วงจรจานวนมากๆ ได้ โดยเดด็ ขาดแมข้ นาดฟิวสจ์ ะมพี กิ ดั กระแสต่า จงึ ไดเ้ รยี กช่อื วา่ H.R.C fuse ลกั ษณะทวั่ ไปภายในตวั ฟิวส์ จะมลี กั ษณะเป็นแถบยาวๆ มรี อยคอดเป็นระยะๆ ฝังลงอยใู่ นทรายชนดิ พเิ ศษ ทท่ี าหน้าทด่ี บั อารค์ และ ระบายความรอ้ น มขี วั้ ทองแดง 2 ขวั้ อยทู่ ป่ี ลายแต่ละขา้ ง เมอ่ื เกดิ การลดั วงจรแผ่นฟิวสจ์ ะหลอมละลาย ขาดทลี ะหลายๆ จดุ พรอ้ มกนั กระแสลดั วงจร จะถกู ทรายดบั อยา่ งรวดเรว็ และเดด็ ขาด ฟิวสแ์ บบน้ใี ช้ ตดั กระแสลดั วงจร มคี ่าสงู ถงึ 50 kA ทแ่ี รงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั 500 V และกระแสวงจรทม่ี คี ่าสงู สดุ 25 kA ทแ่ี รงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง 440 V ฟิวสช์ นิดน้ี ใชส้ าหรบั สวติ ชต์ ดั ตอน (disconnecting switch) ส่วนใหญ่ตดิ ตงั้ อยใู่ นตไู้ ฟฟ้าเปลย่ี นฟิวสไ์ ด้ โดยใชท้ จ่ี บั ดงึ ออกมา หรอื ออกแบบเป็นฟิวสส์ วติ ชใ์ นตวั มขี นาดกระแสทก่ี าหนดของฟิวส์ และฐานฟิวส์ ตาราง แสดงขนาดฐานฟิวสแ์ ละฟิวส์ H.R.C ฐานฟิวส์ ตวั ฟิวส์ (Base) 00 100 6.........100 0 160 6.........160 1 250 80.......250 2 400 125.....400 3 630 315.....630 4 1000 500...1000 4a 1250 500...1250 ตารางท่ี 3.1

3-4 การเลอื กใชฟ้ ิวส์ H.R.C ขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการว่าจะใชป้ ้องกนั กระแสเกนิ หรอื ป้องกนั กระแสลดั วงจร หรอื ใชป้ ้องกนั ทงั้ สองอยา่ ง การนาฟิ วสไ์ ปใช้งานควบคมุ และป้องกนั มอเตอร์ ในวงจรควบคมุ มอเตอร์ ฟิวส์ จะทาหน้าทค่ี วบคุมสายไฟในวงจรโดย ฟิวส์ F1 ควบคมุ สายไฟใน วงจร Power ส่วน F2 จะควบคุมสายไฟในวงจร Control ฟิวสช์ นิดน้ี คอื คารท์ รดิ จฟ์ ิวส์ ฟิวสห์ น่วงเวลา (Time delay relay) ตามหลกั การของ NEC (National Electric Code) ไดก้ าหนดไวว้ ่าพกิ ดั ของฟิวส์ ขน้ึ อยกู่ บั คา่ เซอรว์ สิ แฟคเตอร์ (ค่าอุณหภมู ทิ เ่ี ปลย่ี นแปลง) เวลาทห่ี น่วงต่าสุด 10 วนิ าที การจะใชฟ้ ิวส์ แบบหน่วงเวลาจะตอ้ งคาถงึ โหลดดว้ ย เพอ่ื ทส่ี ามารถทางานรว่ มกบั รเี ลยโ์ หลดเกนิ ได้ โดยปกตกิ ารใช้ รเี ลยโ์ หลดเกนิ สาหรบั ป้องกนั มอเตอร์ จะใชข้ นาด 85-115% ของกระแสปกติ ใชร้ ่วมกบั ฟิวสห์ น่วงเวลา ขนาด 125% หรอื ขนาดมาตรฐานสงู ถดั ขน้ึ ไป ดงั นนั้ ฟิวสห์ น่วงเวลาจงึ เหมาะสมทจ่ี ะนาไปใชก้ บั การ ป้องกนั มอเตอร์ ทม่ี รี ะยะเวลาการเรมิ่ สตารต์ มอเตอร์ เป็นระยะเวลายาวนาน ฟิวสห์ น่วงเวลา เป็นฟิวสแ์ บบคารท์ รดิ จฟ์ ิวส์ มที งั้ ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ เป็นแบบใบมดี และ ทรงกระบอก ดงั รปู ท่ี 6.1-6.2 ฟิวสท์ ม่ี ขี นาดใหญ่จะมรี สู าหรบั ขนั น็อตตรงขวั้ ฟิวสใ์ บมดี มอี ตั ราทนแรงดนั สงู สุด 600 โวลตห์ รอื น้อยกวา่ สามารถตดั วงจรอนั เกดิ จากการลดั วงจรมากกว่า 20 kA แสดงขนาดมอเตอร์ กระแสปกติ และฟิวสท์ ใ่ี ชก้ บั แรงดนั ไฟฟ้าขนาดต่างๆ กนั ไดแ้ ก่ มอเตอร์ แรงดนั ไฟฟ้า 220 โวลต์ แรงดนั ไฟฟ้า 380 โวลต์ แรงดนั ไฟฟ้า 660 โวลต์ ตารางการเลือกใช้ฟิ วสใ์ ห้เหมาะสมในงานการควบคมุ มอเตอร์ ขนาดมอเตอร์ แรงดนั ไฟฟ้า 220 โวลต์ แรงดนั ไฟฟ้า 380 โวลต์ แรงดนั ไฟฟ้า 660 โวลต์ (MOTOR กระแสปกติ ขนาดฟิวสท์ ่ี กระแส ขนาดฟิวส์ กระแส ขนาดฟิวส์ OUTPUT) (A) ใช้ ปกติ ทใ่ี ช้ ปกติ ทใ่ี ช้ (A) (A) กโิ ลวตั ต์ (A) (A) (A) 1.1 2 0.75 3.4 6 2 4 24 2.9 6 1.5 6 16 3.5 6 3.5 6 2.2 8.7 20 5 10 4.9 10 3 11.5 20 6.6 16 6.7 16 4 14.7 25 8.5 20 9 16 5.5 19.8 35 11.5 25 13 25 7.5 26.5 50 15.5 35 17.5 25 11 39 63 22.5 35 25 35 15 52 80 30 50 33 50 22 74 100 43 63 30 98 125 57 80

3-5 37 124 200 72 100 42 63 45 147 225 85 125 49 63 55 180 250 104 160 60 100 75 246 350 142 200 82 125 90 287 3550 169 225 98 125 110 350 425 204 250 118 160 160 500 600 292 355 170 224 200 620 800 368 425 214 130 250 465 500 270 355 315 580 630 337 400 400 410 500 500 515 630 ตารางท่ี 3.2 -เซอรก์ ิตเบรกเกอร์ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ เป็นอุปกรณ์ป้องกนั ชนดิ หน่งึ สามารถควบคุมกระแสไมใ่ หไ้ หลเกนิ พกิ ดั โดยเฉพาะในงานควบคมุ มอเตอรจ์ าเป็นตอ้ งมไี วป้ ้องกนั ระบบการทางานของวงจร เชอรก์ ติ เบรกเกอร์ แรงต่าแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ 1.เบรกเกอรช์ นิดอากาศ (Air circuit breaker) เบรกเกอรจ์ ะต่ออนุกรมกบั โหลด เบรกเกอร์ ทใ่ี ช้ ในงานควบคุมมอเตอรท์ นแรงดนั ไดต้ ่ากว่า 600 โวลท์ เป็นเบรกเกอรแ์ รงต่า (Low voltage circuit breaker)โดยมคี วามทนทานต่อกระแสลดั วงจรมตี งั้ แต่ 15 A –4000 A และมพี กิ ดั การทนต่อกระแสลดั วง จรตงั้ แต่ 15 kA ถงึ 150 KA รูปเบรกเกอร์ชนิดอากาศ

3-6 2.เซอรก์ ิตเบรกเกอรช์ นิดโมลเคส (Molded case circuit breaker) เซอรก์ ติ เบรกเกอรแ์ บบน้ี จะใชก้ นั มากในงานควบคมุ มอเตอรห์ รอื วงจรยอ่ ยใชก้ บั กระแสไมค่ อ่ ยสงู นกั และทนต่อกระแสลดั วงจรไม่สงู มาก เพราะสะดวกเมอ่ื เกดิ การลดั วงจรแลว้ สามารถ ON เบรกเกอร์ ให้ ทางานใหมไ่ ดโ้ ดยไมเ่ สยี เวลาหรอื เสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการเปลย่ี นฟิวส์ ส่วนประกอบของเซอรก์ ติ เบรกเกอร์ มี อุปกรณ์ตดั วงจร (trip elements) ชุดทางานดว้ ยทางกล (Operating-mechanism) และชุดดบั การ อารค์ (arc extinguisher) ทงั้ 3 ชน้ิ จะถูกหลอ่ รวมกนั สาหรบั ชน้ิ ส่วนทใ่ี ชเ้ ป็นตวั ตดั วงจร มตี งั้ แต่ขนาดเลก็ สุด ถงึ ใหญ่สุด มที งั้ 1 โพล 2 โพลและ 3 โพลตามแต่ชนิดของการใชง้ านค่าพกิ ดั ของ เบรกเกอรไ์ ดแ้ ก่พกิ ดั กระแสปกติ พกิ ดั กระแสลดั วงจรทเ่ี บรกเกอรจ์ ะตดั วงจรได้ และพกิ ดั แรงดนั ไฟฟ้า การทางานอตั โนมตั ขิ องเซอรก์ ติ เบรกเกอรจ์ ะอาศยั ตวั ปลดวงจรต่างๆ 4 แบบ คอื 1. แบบอาศยั ความร้อน (Thermal trip action) อุปกรณ์ทท่ี รปิ วงจรแบบน้ี คอื โลหะไบเมตลั (Bimetal) เมอ่ื กระแสโหลดเกนิ จะเกดิ ความรอ้ นมากกว่าปกติ ความรอ้ นทเ่ี กดิ ขน้ึ ทาใหโ้ ลหะโคง้ งอ ปลด วงจรไฟฟ้าออกจากวงจร 2. แบบอาศยั อานาจแม่เหลก็ (Magnetic trip action) เซอรก์ ติ เบรกเกอรช์ นิดน้ี จะมชี ดุ คอยล์ อกี ชุดหน่งึ เพ่อื ทาใหเ้ กดิ เสน้ แรงแมเ่ หลก็ ขน้ึ ในกรณีมกี ระแสไหลเกนิ พกิ ดั แต่ขณะกระแสปกตอิ านาจ แมเ่ หลก็ ทค่ี อยลท์ รปิ ยงั ไมม่ ากพอทจ่ี ะทาใหก้ ลไกปลดวงจรได้ แต่ถา้ เกดิ การลดั วงจรขน้ึ กระแสจะไหล ผ่านคอยล์ ทรปิ มาก ทาใหเ้ กดิ อานาจแมเ่ หลก็ มากพอทจ่ี ะปลดวงจร ตดั กระแสไฟฟ้าออกจากวงจรได้ 3. แบบอาศยั ความร้อนและอานาจแมเ่ หลก็ (Thermal-magnetic trip action) เซอรก์ ติ เบรก เกอรแ์ บบน้ี จะรวมการทางานของความรอ้ นและอานาจแมเ่ หลก็ การทางานแบบอาศยั ความรอ้ นจะ ทางานไดด้ ี ทโ่ี หลดไมม่ ากแต่กรณที โ่ี หลดมากๆ ชดุ ทรปิ ดว้ ยแมเ่ หลก็ จะทางานไดด้ กี ว่าชุดทรปิ ดว้ ย ดวามรอ้ น เซอรก์ ติ เบรกเกอรช์ นดิ น้สี ามารถป้องกนั ไดท้ งั้ กระแสโหลดเกนิ และกระแสลดั วงจร 4. เชอรก์ ิตเบรกเกอรท์ ี่ควบคมุ ด้วยไฮดรอลิกส-์ แมเ่ หลก็ (Hydraulic magnetic trip) จะ ทางานเมอ่ื กระแสโหลดไหลผ่านขดลวดแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ทพ่ี นั อยรู่ อบกระบอกสบู เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ มี ตงั้ แต่ขนาด Farm 50 ใชค้ วบคุมกระแสช่วงขดี พกิ ดั 15-50 A ถงึ ขนาด Frame 2500 ใชค้ วบคมุ กระแส ช่วงขดี พกิ ดั 600-2500 A เป็นตน้ ทงั้ น้แี ลว้ แต่ผผู้ ลติ แต่ละบรษิ ทั ทผ่ี ลติ ขน้ึ มาตามมาตรฐานต่างๆ เชน่ NEMA JIS เป็นตน้ 2. อปุ กรณ์ป้องกนั มอเตอร์ อุปกรณ์ป้องกนั มอเตอรเ์ ป็นอุปกรณ์ควบคมุ การทางานของมอเตอรไ์ มใ่ หเ้ กดิ เสยี หายอนั เน่อื งมาจากความรอ้ น ความบอ่ ยครงั้ ในการทางานของมอเตอร์ โหลดของมอเตอรม์ ากกนิ ไป ระบบ ไฟฟ้าไมค่ รบเฟส โดยอุปกรณ์ป้องกนั กระแสมอเตอร์ จะมกี ารทางานแตกต่างกนั ไป

3-7 -โอเวอรโ์ หลดรเี ลยแ์ บบทางานด้วยความร้อน โอเวอรโ์ หลดรเี ลยแ์ บบทางานดว้ ยความรอ้ น ชง่ึ แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คอื รเี ลยโ์ หลดเกนิ แบบ เมลตน้ิ อะลอย รเี ลยโ์ หลดเกนิ แบบไบมติ อล -รีเลยโ์ หลดเกินแบบเมลติ้นอะลอย เป็นอุปกรณ์ป้องกนั ทท่ี างานดว้ ยความรอ้ นเน่อื งจากโลหะผสมทม่ี จี ดุ หลอมเหลวต่า ทบ่ี รรจอุ ยใู่ น กล่องโลหะขยายตวั แลว้ ดนั หน้าสมั ผสั ออก ตดั การทางานของคอนแทคเตอรอ์ อก เมอ่ื โลหะของรเี ลย์ โหลดเกนิ แบบเมลตน้ิ อะลอยเยน็ ลง คอนแทคเตอรจ์ ะทางานใหมอ่ กี ครงั้ -รเี ลยโ์ หลดเกินแบบไบมิตอล (Bjmetal Over load relay) เป็นรเี ลยค์ วบคุมกระแสทจ่ี า่ ยใหก้ บั โหลดซง่ึ จะเป็นมอเตอรห์ รอื อุปกรณ์ไฟฟ้าอ่นื ๆ ไมใ่ หเ้ กดิ การ เสยี หายเน่อื งจากกระแสเกนิ หรอื เกดิ การลดั วงจร Over load relay จะประกอบดว้ ย 2 ส่วนคอื วงจร ควบคุมดา้ นกาลงั ทต่ี ่อไปยงั มอเตอร์ อกี สว่ นหน่งึ เป็นวงจรควบคุม Over load relay สามารถปรบั ตงั้ กระแสไดโ้ ดยการปรบั ทป่ี ่มุ ปรบั กระแส การทางานของOver load relay มกี ารทางานดว้ ยความรอ้ น รเี ลยโ์ หลดเกนิ โดยปกตจิ ะต่อหลงั แมกเมตกิ คอนแทกเตอรก์ ่อนต่อสายเขา้ มอเตอร์ Over load relay ท่ี ทางานดว้ ยความรอ้ น ประกอบดว้ ยลวดความรอ้ นพนั ทบั อยบู่ นแผ่นโลหะคตู่ ่างชนดิ กนั (bimetal) ถา้ มี กระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดความรอ้ นมากเกนิ ไปกจ็ ะมผี ลทาใหแ้ ผน่ โลหะคเู่ กดิ การโก่งตวั ไปดนั กระเด่อื ง ทาใหเ้ ปิดวงจรไฟฟ้าทเ่ี ขา้ คอยลข์ องแมกเนตกิ คอนแทกเตอร์ แมกเนตกิ คอนแทกเตอรไ์ มท่ างาน เท่ากบั หยดุ การทางานของมอเตอร์ เมอ่ื ต้องการใหม้ อเตอรก์ ลบั มาทางานใหมอ่ กี ครงั้ กก็ ดป่มุ Reset ทาให้ Over load relay คนื สภาพเดมิ ต่อเป็น NC Over load relay มกี ารทางานแบบ Auto และแบบ Manual ในรปู ท่ี 3.3 รปู ท่ี 3.3 แสดงภาพตดั ของ Over Load Relay

3-8 -การเลือกขนาดรเี ลยโ์ หลดเกินและขนาดกระแสปรบั ตงั้ ขนาดเหมาะสม ชนิด ขนาดกระแสปรบั ตงั้ ชนิดคอนแทคเตอร์ รเี ลยโ์ หลดเกนิ ความรอ้ น A...A 00-0 T16 0.19...0.29 0.27...0.4 1 TSA45P-16 0.35...0.52 0.42...0.63 0.55...0.83 0.7...1 0.9...1.3 1.1...1.5 1.3...1.8 1.5...2.1 1.7...2.4 2.1...3 2.7...4 3...4.5 4...6 5.2...7.5 6.3...9 7.5...11 9…13 11...16 12…17.6 14...21 18…27

3-9 ขนาดเหมาะสม ชนิด ขนาดกระแสปรบั ตงั้ ชนิดคอนแทคเตอร์ รเี ลยโ์ หลดเกนิ ความรอ้ น A...A 2 TSA45P-32 25…35 30…45 3 TSA54P-40 35…45 TSA63P-60 40…46 TSA85P-85 57…82 4 TSA85P-100 70...100 T170P-140 90...130 100... 160 5 T170P-200 110...160 TSAw500-200 140...200 6 TSAw500-300 160...250 250...400 TSAw500P-460 250...400 310...500 ตารางท่ี 3.3 แสดงการเลอื กขนาดคอนแทคเตอร์ รเี ลยโ์ หลดเกนิ และขนาดกระแสปรบั ตงั้

L1 L2 L3 N 3-10 F1 L1 L2 L3 N F1 K1 F F3 K1 L1 L2 L3 11 M L1 L2 L3 11 3~ 11 R S11 sT 12 14 R 12 14 sT 12 14 F3 12 14 U VW M 3~ รปู ท่ี 3.4 แสดงวงจรของรเี ลยท์ ค่ี วบคมุ มอเตอร์ -รเี ลยโ์ หลดเกินแบบแม่เหลก็ รเี ลยโ์ หลดเกนิ แบบแมเ่ หลก็ จะใชก้ บั มอเตอรข์ นาดแรงมา้ สงู ๆ วงจรการทางานจะต่ออนุกรม กบั มอเตอร์ รเี ลยโ์ หลดเกนิ แบบแมเ่ หลก็ จะอาศยั อานาจแมเ่ หลก็ ในการปิด เปิด วงจรของรเี ลยท์ ค่ี วบคมุ คอนแทคเตอร์ รเี ลยโ์ หลดเกนิ แบบน้ี ไมค่ ่อยนิยมใช้ -รีเลยค์ วบคมุ มอเตอร์ (Motor protection relay) คณุ สมบตั โิ ดยทวั่ ไป 1.ใชต้ รวจสอบแรงดนั และเฟสของระบบไฟฟ้าทวั่ ไป เพอ่ื ป้องกนั มอเตอรไ์ ฟฟ้าและเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าต่างๆ เน่อื งจากแรงดนั ไฟฟ้าตก แรงดนั เกนิ สายไฟหรอื ฟิวสข์ าดไปบางเฟส หลกั การทางานมอ่ื จา่ ยไฟครบทุก เฟส แรงดนั ทจ่ี ่ายปกตติ ามอตั ราทร่ี เี ลยก์ าหนด รเี ลยท์ างาน (ขวั้ 11 ต่อขวั้ 14 ) ดงั รปู ท่ี 3.4 กรณไี ม่ ครบเฟส แรงดนั ผดิ ปกติ ต่าหรอื สงู กว่าอตั ราทร่ี เี ลยก์ าหนด ( ขวั้ 11 ต่อขวั้ 12 ) 2.สามารถปรบั ตงั้ การหน่วงเวลาการทางานไดโ้ ดยมตี วั อยา่ งการทางานดงั รปู ชง่ึ ใชแ้ รงดนั 380 V ขอ้ บกพรอ่ งทเ่ี กดิ จากแรงดนั ไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 3 สภาวะคอื 1. สภาวะแรงดนั ไฟฟ้าเกนิ (Over Voltage) 2. สภาวะแรงดนั ไฟฟ้าต่า (Under Voltage) 3. สภาวะแรงดนั ไฟฟ้าไมส่ มดุลย์ (UnbalanceVoltage)

3-11 แบบฝึ กหดั 1.F1 เป็นพวิ สท์ ต่ี ่อไวใ้ นวงจรกาลงั เพอ่ื จดุ ประสงคอ์ ะไร …………………………………………………………………………………………………………………. 2. F2 เป็นพวิ สท์ ต่ี ่อไวใ้ นวงจรควบคุมเพอ่ื จดุ ประสงคอ์ ะไร …………………………………………………………………………………………………………………. 3.เซอรก์ ติ เบรกเกอรแ์ รงต่าแบ่งออกไดก้ ช่ี นิด อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. 4.การทางานอตั โนมตั ขิ องเซอรก์ ติ เบรกเกอรจ์ ะอาศยั หลกั การปลดวงจรอยา่ งไรบา้ งจงอะธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. 5.จงอธบิ ายหลกั การทางานของ Over load Relay แต่ละชนิด …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook