บทที่ 2 17 อปุ สงค์ อปุ ทาน และภาวะดลุ ยภาพ เนื้อหา 1. อุปสงค์ 1.1 ความหมายและประเภทของอุปสงค์ 1.2 ปจั จยั ทก่ี าหนดอุปสงค์ 1.3 ฟงั กช์ นั่ อุปสงค์ 1.4 กฎของอุปสงค์ 1.5 ตารางอุปสงค์ 1.6 การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณอุปสงค์ 1.7 การเปลย่ี นแปลงเสน้ อุปสงค์ 1.8 อุปสงคส์ ่วนบคุ คลและอุปสงคข์ องตลาด 1.9 อุปสงคต์ ่อราคา อุปสงคต์ ่อรายไดแ้ ละอุปสงคไ์ ขว้ 2. อุปทาน 2.1 ความหมายของอุปทาน 2.2 ปจั จยั กาหนดอุปทาน 2.3 ฟงั กช์ นั่ อุปทาน 2.4 กฎของอุปทาน 2.5 ตารางอุปทาน 2.6 การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณอุปทาน 2.7 การเปลย่ี นแปลงเสน้ อุปทาน 2.8 อุปทานของหน่วยผลติ และอุปทานของตลาด 3. ภาวะดลุ ยภาพ 3.1 ดุลยภาพของตลาด 3.2 การเปลย่ี นแปลงภาวะดลุ ยภาพ EC 103
4. การนาวธิ กี ารวเิ คราะหด์ ุลยภาพไปประยกุ ตใ์ ชก้ รณตี ่าง ๆ 4.1 นโยบายประกนั ราคาขนั้ ต่า 4.2 นโยบายประกนั ราคาขนั้ สงู 4.3 การเกบ็ ภาษแี ละภาระภาษี สาระสาคญั 1. อุปสงค์ หมายถงึ ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ หรอื บรกิ ารชนิดใดชนดิ หน่งึ ของ ผบู้ รโิ ภค ณ เวลาใดเวลาหน่งึ โดยมอี านาจซอ้ื หรอื มคี วามสามารถในการ ตอบสนองความตอ้ งการนนั้ ๆ 2. อุปสงค์อาจแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ หลายประเภท เช่น อุปสงคท์ ่เี กดิ ขน้ึ จรงิ อุปสงคต์ ามศกั ยภาพ อุปสงคท์ างตรง อุปสงคส์ บื เน่อื งอุปสงคส์ ่วนบุคคล อุป สงคข์ องหน่วยธรุ กจิ อุปสงคข์ องตลาด เป็นตน้ 3. อุปสงคท์ ผ่ี บู้ รโิ ภคมตี ่อสนิ คา้ ชนิดใดชนิดหน่งึ จะถูกกาหนดโดยปจั จยั ต่าง ๆ คอื ราคาสนิ คา้ ชนิดนนั้ ราคาสนิ คา้ ชนดิ อ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง รสนยิ ม รายได้ จานวน ประชากรค่าใชจ้ า่ ยในการประชาสมั พนั ธ์ เป็นตน้ 4. การแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ กบั ปจั จยั กาหนด ความตอ้ งการซอ้ื อาจเขยี นใหอ้ ยใู่ นรปู ฟงั กช์ นั่ สมการ ตารางหรอื เสน้ อุปสงคก์ ไ็ ด้ 5. กฎของอุปสงคก์ ล่าวไวว้ ่าราคาและปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ จะมี ความสมั พนั ธก์ นั ในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม 6. การเปล่ยี นแปลงปรมิ าณอุปสงค์ หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงความต้องการซ้อื สนิ ค้าอนั เน่ืองมาจากการเปลย่ี นแปลงราคาสนิ คา้ ชนิดนัน้ ๆ โดยปจั จยั อ่นื ๆ ท่ี กาหนดใหค้ งทไ่ี มไ่ ดเ้ ปลย่ี นแปลงไปเป็นการเปลย่ี นแปลงบนเสน้ อุปสงคเ์ สน้ เดมิ 7. การเปลย่ี นแปลงเสน้ อุปสงค์ หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ โดยท่รี าคาสินค้าไม่ได้เปล่ยี นไป แต่เป็นการเปล่ียนแปลงปจั จยั กาหนดความ ตอ้ งการซอ้ื อ่นื ๆ นอกเหนือจาก ราคาซง่ึ มผี ลทาใหเ้ สน้ อุปสงคเ์ ปลย่ี นแปลงไปทงั้ เสน้ โดยอาจเคลอ่ื นไปทางขวาหรอื ทางซา้ ยของเสน้ เดมิ 8. การจาแนกอุปสงคต์ ามปจั จยั ทก่ี าหนด อาจแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ คอื อุปสงค์ ต่อรายได้ หมายถึง ปริมาณสินค้าท่ีมีผู้ต้องการซ้ือ ณ ระดับต่าง ๆ กัน ของรายได้ โดยกาหนดใหป้ จั จยั อ่นื ๆ คงท่ี กรณสี นิ คา้ ปกตปิ รมิ าณซอ้ื จะ 18 EC 103
เปล่ียนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้ แต่ถ้าเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ ปรมิ าณซ้อื จะเปล่ยี นแปลงไปในทิศทางตรงกนั ข้ามกบั รายได้อุปสงค์ต่อราคา หมายถงึ ปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ในเวลาใดเวลาหน่ึง ณ ระดบั ราคาต่าง ๆ กนั โดยกาหนดให้ปจั จยั อ่ืน ๆ คงท่ี ความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณซอ้ื และราคา สนิ ค้าจะเป็นไปในทศิ ทางตรงกนั ขา้ มตามกฎของอุปสงค์ อุปสงคไ์ ขว้ หมายถึง ปรมิ าณสนิ คา้ ทม่ี ผี ู้ต้องการซ้อื ในขณะใดขณะหน่ึง ณ ระดบั ต่าง ๆ กนั ของราคา สนิ คา้ อกี ชนดิ หน่งึ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกนั โดยกาหนดใหส้ งิ่ อ่นื ๆ คงท่ี กรณที ่ี สนิ คา้ สอง ชนิดน้ีเป็นสนิ คา้ ท่ใี ชป้ ระกอบกนั จะมคี วามสมั พนั ธก์ นั ในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม แต่ ถา้ เป็นสนิ คา้ ทใ่ี ชท้ ดแทนกนั จะมคี วามสมั พนั ธใ์ นทศิ ทางเดยี วกนั 9. อุปทาน หมายถงึ ปรมิ าณความต้องการเสนอขายสนิ ค้า ณ ระดบั ราคาใดราคา หน่งึ ในเวลาใด เวลาหน่งึ โดยกาหนดในสง่ิ อน่ื ๆ คงท่ี 10. อุปทาน จะถูกกาหนดโดยปจั จยั ต่าง ๆ เช่น ราคาสนิ คา้ ชนิดนนั้ ราคาปจั จยั การ ผลติ ตน้ ทนุ การ ผลติ ระดบั เทคโนโลยี ตลอดจนสภาวะแวดลอ้ มทวั่ ไป เป็นตน้ 11. กฎของอุปทาน กลา่ ววา่ ปรมิ าณความตอ้ งการขายหรอื ผลติ สนิ คา้ และราคา สนิ คา้ มคี วามสมั พนั ธใ์ นทศิ ทางเดยี วกนั 12. การเปล่ียนแปลงปรมิ าณอุปทาน หมายถึง สภาวะท่ีปรมิ าณเสนอขายสินค้า เปลย่ี นแปลงไปอนั เน่ืองมาจากราคาสนิ คา้ ชนิดนัน้ เปลย่ี นไป โดยปจั จยั กาหนด อุปทาน ตวั อ่นื คงท่ี เป็นการเปลย่ี นแปลงภายในเสน้ อุปทานเสน้ เดมิ 13. การเปล่ียนแปลงเส้นอุปทาน หมายถึง สภาวะท่ีความต้องการขายสินค้า เปล่ยี นแปลงไปอนั เน่ืองมาจากปจั จยั อ่ืนนอกจากราคาเปล่ยี นแปลง มผี ลทาให้ เสน้ อุปทานเลอ่ื นไปทงั้ เสน้ อาจเล่อื นไปทางซา้ ยหรอื ทางขวาของเสน้ เดมิ 14. ดุลยภาพของตลาด หมายถึง สภาพสมดุลท่เี กิดข้นึ ณ ระดบั ราคาท่ผี ู้ซ้อื และ ผขู้ ายตกลงซอ้ื ขายกนั แลว้ ปรมิ าณเสนอซอ้ื เทา่ กบั ปรมิ าณเสนอขายพอดี 15. เม่อื ระดบั ราคาสนิ คา้ สูงกว่าราคาดุลยภาพ จะเกดิ ปญั หาสนิ คา้ ลน้ ตลาดหรอื เกดิ อุปทานส่วนเกินถ้าปล่อยให้กลไกตลาดทางานอย่างเต็มท่ใี นท่สี ุดผู้ผลติ จะลด ราคาลงจนอุปทานส่วนเกนิ ค่อย ๆ ปรบั ลดลง ในทส่ี ุดอุปทานส่วนเกนิ จะหายไป และเขา้ สู่ดุลยภาพอกี ครงั้ หน่ึง ในทานองตรงกนั ขา้ มถา้ ระดบั ราคาสนิ คา้ ต่ากว่า ราคาดุลยภาพ จะเกดิ ปญั หาสนิ ค้าขาดตลาด หรอื อุปสงคส์ ่วนเกนิ ถา้ ปล่อยให้ EC 103 19
กลไกตลาดทางานเต็มทใ่ี นทส่ี ุดผูบ้ รโิ ภคบางส่วนจะยอมซอ้ื สนิ ค้าในราคาทแ่ี พง ขน้ึ อุปสงคส์ ่วนเกนิ จะค่อย ๆ ลดลง จนเขา้ ส่ดู ุลยภาพอกี ครงั้ หน่งึ 16. ดุลยภาพของตลาดอาจเปลย่ี นแปลงได้ ถา้ เสน้ อุปสงค์ หรอื เสน้ อุปทานหรอื ทงั้ สองเสน้ เปลย่ี นแปลงไป 17. เราสามารถนาความรูใ้ นเร่อื งดุลยภาพของตลาดไปพจิ ารณาเร่อื งต่างๆ ได้เช่น นโยบายกาหนดราคาขนั้ ต่า นโยบายกาหนดราคาขนั้ สงู ภาระภาษี เป็นตน้ จดุ ประสงค์ เมอ่ื นกั ศกึ ษาอ่านบทท่ี 2 จบแลว้ นักศกึ ษาสามารถอธบิ ายประเดน็ ต่าง ๆ ต่อไปน้ี ได้ 1. อธบิ ายความหมายของอุปสงคป์ ระเภทต่างๆ 2. อธบิ ายปจั จยั กาหนดอุปสงค์ 3. อธบิ าย กฎ ของอุปสงค์ 4. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงปรมิ าณอุปสงค์ และการเปลย่ี นแปลงเสน้ อุปสงค์ 5. อธบิ ายความหมายของอุปทานประเภทต่าง ๆ 6. อธบิ ายปจั จยั กาหนดอุปทาน 7. อธบิ ายกฎของอุปทาน 8. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงปรมิ าณอุปทานและการเปลย่ี นแปลงเสน้ อุปทาน 9. อธบิ ายการทางานของกลไกตลาดเพอ่ื เขา้ สภู่ าวะดุลยภาพ 10. อธบิ ายนโยบายประกนั ราคาขนั้ สงู นโยบายประกนั ราคาขนั้ ต่าและภาระภาษี ในบทน้ีจะไดก้ ล่าวถงึ ความหมายของอุปสงคแ์ ละอุปทานชนิดต่างๆปจั จยั สาคญั ท่ี เป็นตวั กาหนดอุปสงค์และอุปทาน กฎของอุปสงค์และอุปทาน การเปล่ยี นแปลงอุปสงค์และ อุปทาน ดุลยภาพของตลาด ตลอดจนการนาวธิ กี ารวเิ คราะห์ดุลยภาพไปประยุกต์ใช้ในกรณี ต่างๆเพ่อื เป็นความรพู้ น้ื ฐานสาหรบั การวเิ คราะหใ์ นบทต่อๆไป 20 EC 103
2.1 อปุ สงค์ (Demand) 2.1.1 ความหมาย อุปสงค์ (Demand) หมายถงึ ความต้องการซ้อื สนิ ค้าหรอื บรกิ ารชนิดใดชนิดหน่ึง ของผบู้ รโิ ภค ณ เวลาใดเวลาหน่ึง โดยมอี านาจซอ้ื หรอื มคี วามสามารถในการตอบสนองความ ตอ้ งการนนั้ ๆ 2.1.2 ประเภท เราสามารถกล่าวถงึ อุปสงคป์ ระเภทต่าง ๆ ไดด้ งั น้ี 1) อปุ สงคท์ ่ีเกิดขึน้ จริง (Effective demand) หมายถงึ ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ๆ อนั เน่ืองจากปจั จยั ต่อไปน้ี 1. ความเตม็ ใจทจ่ี ะซอ้ื (Willingness to buy) 2. ความสามารถทจ่ี ะซอ้ื (Ability topay) 3. สภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง 2) อุปสงค์ศกั ยภาพ (Potential demand) หมายถึง ความต้องการซ้อื สนิ คา้ ทเ่ี ป็นไปตามศกั ยภาพหรอื ความสามารถในการซ้อื คอื การท่มี อี านาจซอ้ื แต่ยงั ไม่ซอ้ื ใน ขณะน้ี 3) อปุ สงคท์ างตรง (Direct demand) หมายถงึ ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ขนั้ สุดทา้ ย (Final product) ของผบู้ รโิ ภค เชน่ อุปสงคใ์ นขนม อุปสงคท์ ม่ี ตี ่อเสอ้ื ผา้ สาเรจ็ รปู เป็น ตน้ 4) อปุ สงคส์ ืบเนื่อง (Derived demand) หมายถงึ ความตอ้ งการซอ้ื วตั ถุดบิ ไปผลติ สนิ คา้ ท่ผี ู้บรโิ ภคมคี วามต้องการ เช่น เม่อื ผู้บรโิ ภคมคี วามต้องการซ้อื ขนม ทาให้ ผูผ้ ลติ ขนมมคี วามต้องการซ้อื ไข่ไก่ น้าตาลทราย เพ่อื ไปทาขนมขาย ความต้องการ ไข่ไก่ และน้าตาลทรายจงึ จดั เป็น อุปสงคส์ บื เน่อื ง มใิ ช่อุปสงคท์ างตรงทผ่ี บู้ รโิ ภคมตี ่อขนม 5) อปุ สงคส์ ่วนบุคคล (Individual demand) เป็นความต้องการซอ้ื สนิ ค้า ชนิดใดชนิดหน่งึ ของผบู้ รโิ ภคแต่ละคน ณ ระดบั ราคาใดราคาหน่ึง เช่นถ้าขณะนนั้ เสอ้ื เชริ ต์ รา คาตวั ละ 300 บาท นาย ก.ต้องการซ้อื จานวน 2 ตวั นาย ข. ต้องการซ้ือ 1 ตัว นาย ค. ต้องการซอ้ื 5 ตวั ความตอ้ งการซอ้ื เสอ้ื เชริ ต์ ของนาย ก. หรอื นาย ข. หรอื นาย ค. เรยี กอุป สงคข์ องผบู้ รโิ ภคแต่ละรายหรอื อุปสงคส์ ่วนบุคคล EC 103 21
6) อปุ สงคข์ องตลาด (Market demand) เป็นความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ชนิด ใดชนิดหน่ึงของผบู้ รโิ ภคในตลาดรวมกนั ณ ระดบั ราคาใดราคาหน่ึง ตวั อย่างเช่น เส้อื เชริ ์ ตตวั ละ 300 บาท ถา้ ทงั้ ตลาดมผี ซู้ อ้ื เพยี ง 3 ราย คอื นาย ก. นาย ข. และนาย ค. ดงั นนั้ อุป สงคข์ องตลาดเสอ้ื เชริ ต์ ในขณะนนั้ คอื 2+1+5=8 ตวั 7) อปุ สงคท์ ี่มตี ่อหน่วยธรุ กิจ (Firm demand) เป็นความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ในตลาดท่ผี ลติ โดยบรษิ ทั ใดบรษิ ทั หน่ึง ตวั อย่างเช่น อุปสงค์ของเสอ้ื เชริ ต์ ในตลาดจานวน 800 ตวั เป็นอุปสงคท์ ม่ี ตี ่อเสอ้ื ของบรษิ ทั A จานวน 200 ตวั บรษิ ทั B จานวน 500 ตวั และ บรษิ ทั C จานวน 100 ตวั เป็นตน้ 2.1.3 ปัจจยั ที่กาหนดอปุ สงค์ อุปสงค์ทผ่ี ู้บรโิ ภคมตี ่อสนิ ค้าชนิดใดชนิดหน่ึง จะถูกกาหนดโดยปจั จยั ต่างๆ ไดแ้ ก่ 1. ราคาสนิ คา้ ชนิดนนั้ 2. ราคาสนิ คา้ ชนิดอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 3. รสนยิ ม 4. รายได้ 5. จานวนประชากร 6. การโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ 7. อ่นื ๆ 2.1.4 ฟังกช์ นั่ อปุ สงค์ (Demand function) หมายถงึ สมการทแ่ี สดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ าร กบั ปจั จยั ต่าง ๆ ทก่ี าหนดความตอ้ งการซอ้ื อุปสงคท์ ม่ี ตี ่อสนิ คา้ A = f (ราคาสนิ คา้ A, ราคาสนิ คา้ B, รสนยิ ม, รายได,้ จานวนประชากร, คา่ ใชจ้ า่ ยในการโฆษณาประชาสมั พนั ธ)์ DA = f (PA , PB, T , Y , Pop , Ad ) ปจั จยั ทก่ี าหนดความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ Aในทน่ี ้คี อื ราคาสนิ คา้ A ราคา สนิ คา้ B รสนิยม รายได้ จานวนประชากร และคา่ ใชจ้ า่ ยในการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ การนาปจั จยั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งเหล่าน้ีทุกตวั มาพจิ ารณาพรอ้ ม ๆ กนั นนั้ การศกึ ษาจะต้องเป็นไปในรปู ของการ 22 EC 103
วเิ คราะหท์ ุกส่วน (General analysis) ซง่ึ เป็นเร่อื งทค่ี ่อนขา้ งยุ่งยากมากสาหรบั การศกึ ษาใน ระดบั น้ี โดยทวั่ ไปในขนั้ น้ีจะเป็นการวเิ คราะห์เฉพาะส่วน (Partial analysis) เท่านัน้ เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ของความต้องการซ้ือสินค้ากับปจั จัยใดปจั จัยหน่ึงทีละตัวโดย กาหนดใหป้ จั จยั อ่นื ๆ คงท่ี ในกรณที เ่ี ป็นความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื กบั ราคา สนิ ค้าชนิดนนั้ เรยี ก อปุ สงคต์ ่อราคา ถ้าเป็นความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความต้องการซอ้ื กบั รายได้ เรยี ก อปุ สงค์ต่อรายได้ ถ้าเป็นความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความต้องการซอ้ื กบั ราคา สนิ คา้ ชนิดอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เรยี ก อปุ สงคไ์ ขว้ ฟงั กช์ นั่ อุปสงคต์ ่อราคา DA = f(PA) ฟงั กช์ นั่ อุปสงคต์ ่อรายได้ DA = f(Y) ฟงั กช์ นั่ อุปสงคไ์ ขว้ DA = f(PB) 2.1.5 กฎของอปุ สงค์ (Law of demand) กฏของอุปสงค์ หมายถงึ กฏทว่ี ่าดว้ ยระบบความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสนิ ค้า กบั ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ นนั้ ซ่งึ กฏน้ีกล่าวไวว้ ่า“ราคาและปรมิ าณความต้องการซ้อื สนิ ค้าจะมคี วามสมั พันธ์กนั ในทศิ ทางตรงกันขา้ ม” คือ เม่อื ราคาสนิ ค้าสูงข้นึ ปรมิ าณความ ต้องการซอ้ื จะลดต่าลง และในทางตรงกนั ขา้ ม เม่อื ราคาสนิ คา้ ลดลง ปรมิ าณความต้องการ ซอ้ื สนิ คา้ จะเพม่ิ สูงขน้ึ ทงั้ น้ีเพราะเม่อื ราคาสนิ คา้ เปล่ยี นแปลงไปจะก่อให้เกิดผลสองประการ คอื ผลทางรายได้ (Income effect) กล่าวคอื เมอ่ื ราคาสนิ คา้ สูงขน้ึ แมว้ ่ารายไดท้ เ่ี ป็นตวั เงนิ ไม่ เปลย่ี นแปลงไป แต่รายไดท้ แ่ี ทจ้ รงิ ลดลง ทาใหผ้ บู้ รโิ ภคซอ้ื สนิ คา้ น้อยลง หรอื เม่อื ราคาสนิ คา้ ลดลงยอ่ มมผี ลใหร้ ายไดท้ แ่ี ทจ้ รงิ สูงขน้ึ ผบู้ รโิ ภคจะซอ้ื สนิ คา้ มากขน้ึ ผลอกี ประการกค็ อื ผล จากการทดแทนกนั กลา่ วคอื เมอ่ื ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ สงู ขน้ึ จะทาใหผ้ บู้ รโิ ภคหนั ไปซอ้ื สนิ คา้ อ่นื ทร่ี าคาไมส่ ูงมากนักแต่สามารถใชท้ ดแทนกนั ได้ ทาใหป้ รมิ าณการซอ้ื สนิ ค้าชนิดนัน้ ลดลง ในทานองตรงกนั ขา้ มเมอ่ื ราคาสนิ คา้ ลดลง ผทู้ เ่ี คยใชส้ นิ คา้ อ่นื ทส่ี ามารถทดแทนกนั ได้ จะหนั มาซอ้ื สนิ คา้ ทร่ี าคาลดลง ทาใหป้ รมิ าณการซอ้ื สงู ขน้ึ 2.1.6 ตารางอปุ สงค์ (Demand schedule) ตารางอุปสงค์ คอื ตารางทแ่ี สดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคากบั ปรมิ าณความ ตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ชนิดใดชนิดหน่ึง ในเวลาใดเวลาหน่ึง โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี ดงั แสดง ในตาราง 2.1 เมอ่ื สนิ คา้ มรี าคาชน้ิ ละ 10 บาท ความตอ้ งการซอ้ื หรอื อุปสงคท์ ม่ี ตี ่อสนิ คา้ จะ EC 103 23
เท่ากบั 40 ชน้ิ แต่เม่อื ราคาสนิ คา้ สงู ขน้ึ เป็นชน้ิ ละ 20 30 และ 40 บาท จะมผี ลทาให้ ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ลดลงเป็น 30 ชน้ิ 20 ชน้ิ และ 10 ชน้ิ ตามลาดบั ซง่ึ เป็นไปตามกฏของ อุปสงค์ ตาราง 2.1 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาและความต้องการซื้อ ราคา ความต้องการซื้อ 10 40 20 30 30 20 40 10 2.1.7 เส้นอปุ สงค์ (Demand eurve) เสน้ อุปสงค์ หมายถงึ เส้นทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสนิ ค้า กบั ปรมิ าณความต้องซอ้ื ณ เวลาใดเวลาหน่ึง โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี จากตาราง 2.1 ขา้ งตน้ เราสามารถนามาเขยี นเสน้ อุปสงคไ์ ดด้ งั รปู 2.1 จะเหน็ ไดว้ า่ อุปสงคม์ ลี กั ษณะเป็นเสน้ ทอดลงจากซา้ ยไปขวาแสดงใหเ้ หน็ ว่าราคาสนิ คา้ กบั ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื มคี วามสมั พนั ธ์ ในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม ซง่ึ เป็นไปตามกฎของอุปสงค์ P P1 A P2 B 0 Q1 Q2 D 24 Q รูป 2.1 เส้นอุปสงค์ EC 103
2.1.8 การเปลี่ยนแปลงปริมาณอปุ สงค์ (Change in quantity demand) การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณความต้องการซ้อื หรอื การเปล่ยี นแปลงปรมิ าณอุป สงค์ หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงความตอ้ งการซอ้ื อนั เน่ืองมาจากการเปลย่ี นแปลงราคาสนิ คา้ นนั้ ๆ เป็นการเปลย่ี นแปลงบนเสน้ อุปสงคเ์ สน้ เดยี วกนั ดงั จะเหน็ ในรปู 2.2 เดมิ อุปสงคข์ อง สนิ คา้ อยทู่ จ่ี ุด A คอื ณ ระดบั ราคา O P1 ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ จะเท่ากบั OQ1 แต่เม่อื ราคาสนิ คา้ ลดลงเป็น OP2 ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ จะเพมิ่ ขน้ึ เป็น OQ2 ทาใหอ้ ุปสงคเ์ ปลย่ี น จากจุด A มาเป็นจุด B ซ่งึ เป็นการเปล่ยี นแปลงปรมิ าณความต้องการซอ้ื อนั เน่ืองมาจาก ราคาสนิ คา้ เปลย่ี นแปลงไป โดยทป่ี จั จยั อ่นื ๆ ท่เี รากาหนดใหค้ งทม่ี ไิ ดเ้ ปลย่ี นแปลงไป เป็น การเปลย่ี นแปลงบนเสน้ อุปสงคเ์ สน้ เดมิ P A P1 B P2 D 0 Q1 Q2 Q รูป 2.2 การเปลย่ี นแปลงปริมาณอุปสงค์ 2.1.9 การเปลี่ยน แปลงเส้นอปุ สงค์ (Change in demand) การเปลย่ี นแปลงเส้นอุปสงค์ หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงความต้องการซอ้ื สนิ คา้ โดยทร่ี าคาสนิ คา้ มไิ ดเ้ ปลย่ี นไป แต่เป็นการเปลย่ี นแปลงปจั จยั กาหนดความตอ้ งการซ้อื อ่นื ๆ นอกเหนือจากราคาตวั ใดตวั หน่ึงหรอื หลายตวั ท่เี คยกาหนดใหค้ งท่ี มผี ลทาให้เส้นอุป สงคเ์ ปลย่ี นไปทงั้ เสน้ โดยอาจเคล่อื นไปทางขวามอื หรอื ทางซา้ ยมอื ของอุปสงคเ์ สน้ เดมิ แลว้ แต่ กรณี EC 103 25
P D2 A1 B1 D1 A P1 B P2 0 QA QB QA1 QB1 Q รปู 2.3 การเปลีย่ นแปลงของเส้นอปุ สงค์ จากรปู 2.3 จะเหน็ ไดว้ ่า ณ ระดบั ราคา OP1บนเส้นอุปสงค์เสน้ เดมิ คอื D1 ปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ จะเท่ากบั OQA เม่อื ปจั จยั อ่นื ๆ ท่เี คยกาหนดให้คงท่ี เกดิ เปลย่ี นแปลงไป เช่นรายไดส้ ูงขน้ึ หรอื ค่าใชจ้ า่ ยในการโฆษณาประชาสมั พนั ธส์ นิ คา้ ชนิดน้ี เพมิ่ ขน้ึ หรอื ราคาสนิ ค้าทใ่ี ช้ประกอบกนั ลดลง หรอื มกี ารเปลย่ี นแปลงปจั จยั เหล่าน้ีไปพรอ้ ม ๆ กนั มผี ลทาใหป้ รมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ชนิดน้ีสงู ขน้ึ จาก OQA มาเป็น OQA1 คอื เปลย่ี น จากจดุ A มาเป็นจดุ A1 ทงั้ ๆทร่ี าคาสนิ คา้ ชนิดน้ีมไิ ดเ้ ปลย่ี นแปลงจาก O P1 เลย ในทานอง เดียวกันณระดับราคา O P2 เม่อื ปจั จยั บางตวั หรือหลายตัวท่ีเราเคยกาหนดให้คงท่เี กิด เปลย่ี นแปลงไป ทาให้ปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ เปลย่ี นแปลงไปจาก OQB เป็น OQB1 คอื เปล่ยี นจากจุด B มาเป็นจุด B1 บนเส้นอุปสงคเ์ สน้ ใหม่คอื D2 จงึ เหน็ ได้ว่าเส้นอุปสงค์ เปลย่ี นแปลงไปทงั้ เสน้ (จาก D1เป็น D2) เป็นการเปลย่ี นแปลงเน่ืองจากปจั จยั ทเ่ี คยกาหนดให้ คงทเ่ี กดิ เปลย่ี นแปลงไป แมว้ ่าราคาสนิ คา้ จะไมเ่ ปลย่ี นแปลงกต็ าม 26 EC 103
2.1.10 ปัจจยั ท่ีทาให้เส้นอปุ สงคเ์ ปล่ียนแปลง จากท่ไี ด้กล่าวมาแล้วว่าเส้นอุปสงค์จะเปล่ยี นแปลง เม่อื ปจั จยั อ่นื ๆ ท่ไี ม่ใช่ ราคาซ่งึ เคยกาหนดให้คงท่ีเกิดเปล่ยี นแปลงไป เช่น ราคาสินค้าอ่ืนท่เี ก่ียวข้อง รายได้ รสนิยม จานวนประชากร ค่าใชจ้ ่ายในการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ ฯลฯ เราสามารถอธบิ าย ลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงไดด้ งั น้ี 1) ราคาสินค้าอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง เมอ่ื ราคาสนิ คา้ ชนิดอ่นื ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั สนิ คา้ ท่ี เรากาลงั พจิ ารณาอยเู่ กดิ เปลย่ี นแปลงไป ยอ่ มมผี ลทาใหป้ รมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ชนิดท่ี กาลงั พิจารณาอยู่น้ีเปล่ียนแปลงไปด้วย แม้ว่าราคาของสินค้าชนิดท่ีกาลงั พิจารณามิได้ เปลย่ี นแปลงไป อุปสงคข์ องสนิ คา้ จะเปลย่ี นไปในทางเพมิ่ ขน้ึ หรอื ลดลงขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะของ สนิ คา้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งนนั้ ว่าเป็นสนิ คา้ ทส่ี ามารถใชท้ ดแทนกนั ไดห้ รอื เป็นสนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกนั (1) สินค้าทดแทนกนั (Substitution goods) ถ้ากาหนดให้สง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี เมอ่ื ราคาสนิ คา้ ชนิดหน่งึ เปลย่ี นแปลงไป ยอ่ มมผี ลใหค้ วามต้องการซอ้ื สนิ คา้ ทส่ี ามารถใช้ ทดแทนกนั ไดเ้ ปลย่ี นแปลงไปดว้ ย เช่น เมอ่ื ราคาเน้อื ไก่ (PB )สงู ขน้ึ จาก กฏของอุปสงคย์ อ่ ม ทาใหค้ วามตอ้ งการซอ้ื เน้อื ไก่ (QB)ลดลง แต่เน่ืองจากเน้ือไก่และเน้ือหมสู ามารถใชท้ ดแทนกนั ได้ ดงั นัน้ เม่อื อุปสงค์ในเน้ือไก่ลดลงย่อมมผี ลทาให้ปรมิ าณความต้องการซ้อื เน้ือหมู (QA) เพม่ิ ข้นึ เส้นอุปสงคข์ องเน้ือหมูเล่อื นไปทางขวา ในทานองตรงกนั ขา้ มเม่อื ราคาเน้ือไก่ (PB ) ลดลง ย่อมมผี ลทาใหค้ วามต้องการซอ้ื เน้ือหมู (QA) ลดลงด้วยทาใหเ้ ส้นอุปสงคข์ องเน้ือหมู เลอ่ื นไปทางซา้ ย PB QB QA PB QB QA (2) สินค้าที่ต้องใช้ประกอบกนั (Complementary goods) เม่อื กาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี ถา้ ราคาสนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกนั ชนิดหน่ึงสูงขน้ึ ยอ่ มมผี ลทาใหค้ วาม ต้องการซ้อื สนิ ค้าท่ใี ช้ประกอบกนั อกี ชนิดหน่ึงลดลงไปด้วยเช่น เม่อื ราคาไม้เทนนิส (PB ) สูงขน้ึ ตามกฏของอุปสงค์ทาให้ความต้องการซ้อื ไม้เทนนิส (QB) ลดลงซ่งึ มผี ลต่อไปยงั ลูก เทนนิส ซง่ึ เป็นสนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกบั ไมเ้ ทนนิส มปี รมิ าณความต้องการซอ้ื (QA)ลดลงตามไป ดว้ ย เสน้ อุปสงคข์ องลกู เทนนสิ เลอ่ื นไปทางซา้ ย ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ ราคาไมเ้ ทนนิส (PB ) EC 103 27
ลดต่าลง ยอ่ มมผี ลใหป้ รมิ าณความตอ้ งการซอ้ื ลกู เทนนสิ (QA) เพม่ิ สงู ขน้ึ ดว้ ยเสน้ อุปสงคข์ อง ลกู เทนนิสจงึ เลอ่ื นไปทางขวา PB QB QA PB QB QA 2) รายได้ เม่อื รายไดเ้ ปล่ยี นแปลงไปและกาหนดให้สง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี ยอ่ มมี ผลทาให้ปริมาณความต้องการซ้ือสินค้าเปล่ียนแปลงไปด้วย แต่การเปล่ยี นแปลงความ ตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ จะเป็นไปในทศิ ทางใดนนั้ ขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะของสนิ คา้ นนั้ ๆ (1) สินค้าปกติ (Normal goods) เม่อื รายได้สูงขน้ึ ความต้องการซ้อื สนิ คา้ ยอ่ มสงู ตามไปดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ล่อื นไปทางขวา) ในทานองตรงกนั ขา้ ม เมอ่ื รายไดล้ ดลง ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ยอ่ มลดลงตามไปดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ล่อื นไปทางซา้ ย) Y QA Y QA (2) สินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior goods) เป็นสินค้าท่ผี ู้บรโิ ภคจะ บรโิ ภคเฉพาะเม่อื มีรายได้ต่า เม่อื ใดท่ีมรี ายได้สูงข้นึ ก็จะหนั ไปบรโิ ภคสนิ ค้าชนิดอ่ืนท่ีมี คุณภาพดกี ว่าแทน ดงั นัน้ ในกรณีน้ีรายได้จะมคี วามสมั พนั ธ์ในทางตรงกนั ข้ามกบั ปรมิ าณ ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ นนั่ คอื เมอ่ื รายไดส้ ูงขน้ึ ความต้องการซอ้ื น้อยลง (เสน้ อุปสงคเ์ ล่อื นไป ทางซา้ ย) และเมอ่ื รายไดต้ ่าลงความตอ้ งการซอ้ื จะสงู ขน้ึ (เสน้ อุปสงคเ์ ลอ่ื นไปทางขวา) Y QA Y QA 28 EC 103
3) รสนิ ยม การเปล่ียนแปลงรสนิยมย่อมมีผลกระทบต่อปริมาณความ ตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ถา้ กาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี เมอ่ื ประชาชนมรี สนิยมในการบรโิ ภคสนิ คา้ ชนิด ใดชนิดหน่ึง ย่อมทาให้ปรมิ าณความต้องการสินค้าชนิดน้ีสูงข้ึน (เส้นอุปสงค์เล่ือนไป ทางขวา) แมว้ า่ ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ มไิ ดเ้ ปลย่ี นแปลงไปเลย ในทานองตรงกนั ขา้ ม เมอ่ื ผบู้ รโิ ภค มรี สนิยมในการบรโิ ภคสนิ คา้ ชนิดนัน้ น้อยลงยอ่ มมผี ลให้ปรมิ าณความตอ้ งการซ้อื สนิ คา้ ชนิด นนั้ ลดลงดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ลอ่ื นไปทางซา้ ย) T QA T QA 4) จานวนประชากร เม่อื ประชากรมจี านวนทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปย่อมมผี ลต่อ การเปล่ยี นแปลงปรมิ าณความต้องการซ้ือสนิ คา้ ด้วย กล่าวคอื ถ้ากาหนดให้สง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี เม่อื จานวนประชากรเพม่ิ ขน้ึ ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ย่อมเพม่ิ สงู ตามไปดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ล่อื น ไปทางขวา) ในทางตรงกนั ข้ามเม่อื จานวนประชากรลดต่าลงย่อมมผี ลให้ความต้องการซ้อื สนิ คา้ ลดต่าลงไปดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ลอ่ื นไปทางซา้ ย) Pop QA Pop QA 5) ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา เม่อื ผู้ผลิตหรือผู้ขายมีการใช้จ่ายเพ่อื การ โฆษณาประชาสมั พนั ธใ์ หผ้ ู้บรโิ ภค รจู้ กั สนิ ค้าชนิดใดชนิดหน่ึงมากขน้ึ ย่อมมผี ลใหป้ รมิ าณ ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ชนิดนนั้ ๆ เพม่ิ สูงขน้ึ (เสน้ อุปสงคเ์ ล่อื นไปทางขวา) ในทางตรงกนั ขา้ ม ถ้าผู้ขายลดค่าใช้จ่ายในส่วนน้ีลง ย่อมมผี ลใหค้ วามต้องการซ้อื สนิ ค้าชนิดนัน้ ๆ ลดต่าลง ดว้ ย (เสน้ อุปสงคเ์ ลอ่ื นไปทางซา้ ย) Ad QA Ad QA EC 103 29
2.1.11 อุปสงคส์ ่วนบุคคลและอปุ สงคต์ ลาด (Individual Demand and Market Demand) อุปสงคส์ ว่ นบุคคล หมายถงึ ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ หรอื บรกิ ารชนิด ใดชนิดหน่ึงของผบู้ รโิ ภคคนใดคนหน่ึง ณ ระดบั ราคาใดราคาหน่ึง ในเวลาใดเวลาหน่ึง ส่วน อุปสงค์ของตลาด หมายถงึ ความต้องการซอ้ื สนิ ค้าของผู้บรโิ ภคทุกคนรวมกนั ณ ระดบั ราคาใดราคาหน่งึ ในเวลาใดเวลาหน่งึ ถา้ สมมตวิ า่ ในตลาดมผี บู้ รโิ ภคเพยี ง 2 คน คอื นาย ก. และนาย ข. เราสามารถหาอุปสงค์ของตลาดได้โดยการรวมปรมิ าณการบรโิ ภคของ ผบู้ รโิ ภคทกุ คนรวมกนั ณ ระดบั ราคาต่าง ๆ กนั ดงั แสดงในตาราง 2.2 ตาราง 2.2 อุปสงค์ส่วนบุคคล และอุปสงค์ตลาด ราคา อปุ สงคข์ องนาย ก. อปุ สงคข์ องนาย ข. อปุ สงคข์ อง ตลาด 10 0 22 91 34 82 46 73 58 64 6 10 55 7 12 2.1.12 อปุ สงคต์ ่อรายได้และอปุ สงคไ์ ขว้ อุปสงค์ท่ไี ด้กล่าวมาข้างต้น เรยี กได้ว่าเป็นอุปสงค์ต่อราคา (Price demand) ซง่ึ เป็นปรมิ าณสนิ คา้ ท่ผี บู้ รโิ ภคต้องการซอ้ื ในเวลาใดเวลาหน่ึง ณ ระดบั ราคา ต่าง ๆ กนั โดยกาหนดใหส้ งิ่ อ่นื ๆ คงท่ี ความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณซอ้ื และราคาจะเป็นไปในทิศทาง ตรงกนั ขา้ มตามกฏของอุปสงค์ นอกจากอุปสงคต์ ่อราคาแลว้ เรายงั สามารถศกึ ษาอุปสงค์ต่อ รายได้ และอุปสงคไ์ ขวห้ รอื อุปสงคต์ ่อราคาสนิ คา้ ชนดิ อ่นื ไดด้ งั น้ี 1) อปุ สงคต์ ่อรายได้ (Income demand) อุปสงคต์ ่อรายได้ หมายถงึ ปรมิ าณสนิ คา้ ทม่ี ผี ูต้ อ้ งการซอ้ื ณ ระดบั ต่าง ๆ กนั ของรายได้ โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี เราอาจเขยี นความสมั พนั ธใ์ นรปู ฟงั ก์ชนั่ อุปสงคต์ ่อรายได้ ดงั น้ี 30 EC 103
QA = f (Y) QA = ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ A Y = รายได้ ความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ กบั รายไดจ้ ะมลี กั ษณะ อยา่ งไร จะขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของสนิ คา้ นนั้ ๆ (1) สินค้าปกติ (Normal goods) ในกรณที ส่ี นิ คา้ ทเ่ี รากาลงั พจิ ารณา เป็นสนิ คา้ ปกติ ความสมั พนั ธ์ระหว่างปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ และรายไดจ้ ะเป็นไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั ถา้ กาหนดใหส้ งิ่ อ่นื ๆ คงท่ี กล่าวคอื เม่อื รายไดส้ ูงขน้ึ ความตอ้ งการซอ้ื จะ เพม่ิ สูงขน้ึ ดว้ ย ในทางตรงกนั ขา้ ม เม่อื รายได้ต่าลง ปรมิ าณความต้องการซ้อื กจ็ ะลดต่าลง ดว้ ย เสน้ อุปสงคจ์ ะมลี กั ษณะเป็นเสน้ ทล่ี าดขน้ึ จากซา้ ยไปทางขวามคี ่าความชนั เป็นบวก ดงั จะเหน็ จากรปู 2.4 เมอ่ื รายไดอ้ ยทู่ ่ี OY1 ความตอ้ งการซอ้ื เท่ากบั OQ1 เม่อื รายไดส้ งู ขน้ึ เป็น OY2 ความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ ชนดิ น้จี ะเพม่ิ ขน้ึ เป็น OQ2 รายได้ D Y2 Y1 O Q1 Q2 ปรมิ าณสนิ คา้ รปู 2.4 เส้นอปุ สงคต์ ่อรายได้กรณีสินค้าปกติ (2) สินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior goods) ในกรณีท่ี สนิ คา้ ทเ่ี รา กาลงั พจิ ารณาเป็นสนิ คา้ ดอ้ ยคุณภาพ ซง่ึ ผบู้ รโิ ภคจะบรโิ ภคเฉพาะเมอ่ื มรี ายไดต้ ่าเท่านนั้ เมอ่ื มรี ายไดส้ งู ขน้ึ กจ็ ะไปบรโิ ภคสนิ คา้ ทม่ี คี ุณภาพทส่ี ูงขน้ึ แทน เสน้ อุปสงคจ์ งึ มีลกั ษณะเป็นเสน้ ท่ี ลาดลงจากซา้ ยไปขวามคี ่าความชนั เป็นลบ ดงั แสดงในรูป 2.5 จะเหน็ ไดว้ ่าเมอ่ื รายไดอ้ ยู่ ณ ระดบั OY1 ผบู้ รโิ ภคจะซอ้ื สนิ คา้ ดอ้ ยคุณภาพจานวน OQ1 หน่วย ต่อมาเม่อื รายไดส้ งู ขน้ึ EC 103 31
เป็น OY2 ผบู้ รโิ ภคจะหนั ไปบรโิ ภคสนิ คา้ อ่นื จงึ ทาใหค้ วามตอ้ งการซอ้ื สนิ ค้าชนิดน้ีลดลงเหลอื OQ2 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสนิ คา้ ดอ้ ยคุณภาพกบั รายไดจ้ ะเป็นไปในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม รายได้ Y2 ปรมิ าณสนิ คา้ Y1 D O Q2 Q1 รปู 2.5 เส้นอปุ สงคต์ ่อรายได้กรณีสินค้าด้อยคณุ ภาพ 2) อปุ สงคไ์ ขว้ (Cross demand) อุปสงคไ์ ขว้ หรอื อุปสงคต์ ่อราคาสนิ คา้ ชนิดอ่นื หมายถงึ ปรมิ าณสนิ คา้ ทม่ี ี ผตู้ อ้ งการซอ้ื ในขณะใดขณะหน่ึง ณ ระดบั ต่างๆ กนั ของราคาสนิ คา้ อกี ชนิดหน่ึงทเ่ี ก่ยี ว ขอ้ ง กนั โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี เราอาจเขยี นความสมั พนั ธด์ งั กล่าวใหอ้ ย่ใู นรปู ฟงั กช์ นั่ อุปสงค์ ไขว้ ไดด้ งั น้ี QA = f (PB) QA = ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ A PB = ราคาสนิ คา้ อกี ชนิดหน่งึ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกนั ในทน่ี ้ี คอื สนิ คา้ B ลกั ษณะความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ ค้ากบั ราคาสนิ ค้า ชนิดอ่นื ขน้ึ อย่กู บั ลกั ษณะความสมั พนั ธข์ องสนิ คา้ ทเ่ี รากาลงั พจิ ารณาอย่กู บั สนิ ค้าทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง นนั้ ๆ (1) สินค้าที่ใช้ประกอบกนั (Complementary goods) ตวั อย่างของ สนิ ค้าท่ใี ช้ประกอบกนั เช่น กาแฟกบั น้าตาล กล้องถ่ายรูปกบั ฟิล์ม ไมเ้ ทนนิสกบั ลูก เทนนิส เป็นตน้ ความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ กบั ราคาสนิ คา้ ชนิดอ่นื ซง่ึ เป็น 32 EC 103
สนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกนั จะเป็นไปไดใ้ นทศิ ทางตรงกนั ขา้ มกนั กลา่ วคอื เม่อื ราคาไมเ้ ทนนิสสูงขน้ึ ความตอ้ งการซอ้ื ไมเ้ ทนนิสจะลดลงทาใหค้ วามตอ้ งการซอ้ื ลกู เทนนสิ ลดลงไปดว้ ย เสน้ อุปสงค์ ไขว้จะมลี กั ษณะเป็นเส้นทล่ี าดลงมาจากซ้ายไปขวา มคี ่าความชนั เป็นลบ ดงั จะเหน็ ได้จาก รปู 2.6 คอื เม่อื ราคาสนิ คา้ B สูงขน้ึ จาก PB1 เป็น PB2 ความตอ้ งการซ้อื สนิ คา้ A จะลดลง จาก QA1 เป็น QA2 PB PB2 QA PB1 DA O QA2 QA1 รปู 2.6 อปุ สงคไ์ ขว้ของสินค้าทีใ่ ช้ประกอบกนั (2) สินค้าที่ใช้ทดแทนกนั (Substitution goods) ตวั อย่างของสนิ คา้ ทใ่ี ชท้ ดแทนกนั เช่น น้ามนั ถวั่ เหลอื งกบั น้ามนั เมลด็ ทานตะวนั สบ่เู หลวกบั สบ่กู อ้ น เป็นต้น ความสมั พนั ธข์ องปรมิ าณความต้องการซอ้ื กบั ราคาสนิ คา้ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกนั ในลกั ษณะของการใช้ ทดแทนกันจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคอื เม่อื ราคาสินค้า B ลดต่าลง ความ ตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ B จะเพม่ิ สงู ขน้ึ ส่วนหน่ึงของปรมิ าณสนิ คา้ B ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ น้ีเป็นผลมาจาก การทผ่ี บู้ รโิ ภคหนั มาใชส้ นิ คา้ B ทดแทนสนิ คา้ A ทเ่ี คยใชเ้ น่ืองจาก A ไมเ่ ปลย่ี นแปลงราคา แต่ B มรี าคาลดลงจงึ ทาใหป้ รมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ A ลดลง ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากรปู 2.7 เม่อื ราคา B ลดต่าลง จาก OPB1 มาเป็น OPB2ทาใหป้ รมิ าณความตอ้ งการบรโิ ภคสนิ ค้า A ลดลงจาก OQA1 มาเป็น OQA2 EC 103 33
PB DA PB1 PB2 QA2 QA1 QA รปู 2.7 อปุ สงคไ์ ขว้ของสินค้าทีใ่ ช้ทดแทนกนั 2.2 อปุ ทาน (Supply) 2.2.1 ความหมาย อุปทานหมายถึง ปรมิ าณ ความต้องการเสนอขายสนิ ค้า ณ ระดบั ราคาใด ราคาหน่งึ ในเวลาใดเวลาหน่งึ โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี 2.2.2 ปัจจยั กาหนดอปุ ทาน อุปทานหรอื ปรมิ าณการเสนอขายของผู้ขายหรอื ผู้ผลติ จะถูกกาหนด โดยปจั จยั ต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ (PA) 2. ราคาปจั จยั การผลติ (PB) 3. ตน้ ทุนการผลติ (C) 4. เทคโนโลยี (T) 5. ปจั จยั อ่นื ๆ เชน่ ธรรมชาติ (W) 2.2.3 ฟังกช์ นั่ อปุ ทาน (Supply function) ฟงั ก์ชนั่ อุปทาน แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธ์ของความต้องการเสนอ ขายสนิ คา้ และบรกิ ารกบั ปจั จยั ทก่ี าหนดปรมิ าณความตอ้ งการเสนอขาย เราสามารถเขยี นใน รปู แบบทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ ดงั น้ี SA = f ( PA , PB , C , T , W ) 34 EC 103
ถ้ากาหนดให้ปจั จยั ต่าง ๆ ท่ีเป็นตัวกาหนดปรมิ าณเสนอขายคงท่ี ทงั้ หมดยกเวน้ ราคาของสนิ คา้ A เราจะไดส้ มการใหม่ คอื SA = f ( PA ) จากสมการแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสนิ คา้ กบั ปรมิ าณ เสนอขายโดยกาหนดใหป้ จั จยั อ่นื ๆ คงท่ี 2.2.4 กฎของอปุ ทาน (Law of Supply) กฏของอุปทานเป็นกฏท่วี ่าด้วยเร่อื งความสมั พนั ธ์ระหว่างราคาสนิ ค้า กบั ปรมิ าณการเสนอขายสนิ ค้า กฏน้ีจะกล่าวว่า ปรมิ าณความต้องการขายสนิ ค้าและราคา สนิ คา้ มคี วามสมั พนั ธไ์ ปในทศิ ทางเดยี วกนั กล่าวคอื เม่ือกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี ถ้าราคา สนิ ค้าสูงข้นึ ปรมิ าณการเสนอขายจะเพมิ่ ข้นึ และในทางตรงกนั ข้าม เม่อื ราคาสนิ ค้าลดลง ปรมิ าณการเสนอขายกจ็ ะลดลงไปดว้ ย 2.2.5 ตารางอปุ ทาน (Supply Schedule) ตารางอุปทาน เป็นตารางท่ีแสดงความสัมพนั ธ์ของราคาสนิ ค้าและ ปรมิ าณความต้องการเสนอขายสนิ คา้ เม่อื กาหนดใหส้ งิ่ อ่นื ๆ คงท่ี ตารางอุปทานน้ีจะบอกให้ เราทราบว่า ณ ระดบั ราคาต่าง ๆ กนั ในขณะใดขณะหน่ึง ปรมิ าณความต้องการเสนอขาย สนิ คา้ จะเป็นอย่างไร ดงั แสดงใหเ้ หน็ ในตาราง 2.3 เม่อื ราคาสนิ คา้ สงู ขน้ึ จากชน้ิ ละ 2 บาท เป็น 4, 6, 8 และ 10 บาท จะทาใหป้ รมิ าณความต้องการเสนอขายสนิ คา้ นนั้ เพม่ิ สูงขน้ึ จาก 20 ชน้ิ เป็น 25, 30, 35, และ 40 ชน้ิ ตามลาดบั โดยกาหนดใหป้ จั จยั อ่นื ๆ คงท่ี ซง่ึ เป็นไปตามกฏของอุปทาน ตาราง 2.3 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสินค้าและปริมาณความ ต้องการเสนอขายสินค้า ราคา ปริมาณเสนอขาย 2 20 4 25 6 30 8 35 10 40 EC 103 35
2.2.6 เส้นอปุ ทาน (Supply Curve) เสน้ อุปทาน หมายถงึ เสน้ ทแ่ี สดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างราคาสนิ คา้ และ ปรมิ าณความต้องการขาย ณ เวลาใดเวลาหน่ึง โดยกาหนดใหส้ ง่ิ อ่นื ๆ คงท่ี จากตาราง 2.3 ขา้ งตน้ เราสามารถนามาเขยี นเสน้ อุปทานไดด้ งั รปู 2.8 จะเหน็ ไดว้ ่าเสน้ อุปทานมลี กั ษณะเป็น เส้นทอดข้นึ จากซา้ ยไปขวา แสดงให้เหน็ ว่าราคาสนิ คา้ และปรมิ าณความต้องการเสนอขาย สนิ คา้ มคี วามสมั พนั ธก์ นั ในทศิ ทางเดยี วกนั คอื เมอ่ื ราคาสนิ คา้ A สูงขน้ึ ความต้องการเสนอ ขายสนิ คา้ A สงู ขน้ึ ดว้ ย ซง่ึ เป็นไปตามกฏของอุปทาน PA SA P2 P1 0 Q1 Q2 QA รปู 2.8 เส้นอปุ ทานของสินค้า A 2.2.7. การเปลี่ยนแปลงปริมาณอปุ ทาน (Change in quantity supply) การเปล่ียนแปลงปริมาณเสนอขายหรือการเปล่ียนแปลงปริมาณ อุปทาน หมายถงึ สภาวะทป่ี รมิ าณการเสนอขายสนิ คา้ เปล่ยี นแปลงไปอนั เน่ืองมาจากราคา สนิ คา้ นนั้ เปลย่ี นไป โดยทป่ี จั จยั กาหนดอุปทานอ่นื ๆ คงท่ี เป็นการเปลย่ี นแปลงภายในเสน้ อุปทานเส้นเดยี วกนั ดงั จะเหน็ ในรปู 2.9 เดมิ ราคาสนิ ค้าอยู่ท่ี OP1 ปรมิ าณการผลติ หรอื การขายอยู่ท่ี OQ1 คือ อยู่ท่จี ุด A บนเส้นอุปทาน ต่อมาเม่อื ราคาสนิ ค้าสูงข้นึ เป็น OP2 ปรมิ าณเสนอขายจะเพมิ่ สูงขน้ึ เป็น OQ2 คอื เปลย่ี นจากจดุ A มาอย่ทู ่จี ุด B บนเสน้ อุปทาน 36 EC 103
เสน้ เดมิ เป็นการเปลย่ี นแปลงปรมิ าณการเสนอขายอนั เน่อื งมาจากราคาสนิ คา้ เปลย่ี นไป โดย ทป่ี จั จยั กาหนดอ่นื ๆ คงท่ี PS P2 B P1 A O Q1 Q2 Q รปู 2.9 การเปลีย่ นแปลงปริมาณการเสนอขาย 2.2.8 การเปล่ียนแปลงเส้นอปุ ทาน (Change in Supply) การเปล่ียนแปลงเส้นอุปทานหมายถึง สภาวะท่ีอุปทานของสินค้า เปลย่ี นแปลงไป อนั เน่ืองมาจากปจั จยั อ่นื นอกจากราคาเปลย่ี นแปลงไป มผี ลทาใหเ้ สน้ อุปทาน เคล่อื นไปทงั้ เสน้ จากรปู 2.10 จะเหน็ ไดว้ ่า ณ ระดบั ราคา OP1 บนเสน้ อุปทานเสน้ เดมิ S1 ปรมิ าณเสนอขายเท่ากบั OQ1เม่อื ปจั จยั อ่ืน ๆ ท่เี คยกาหนดให้คงท่ี เกดิ เปล่ยี นแปลงไป เช่น ค้นพบเทคโนโลยกี ารผลติ ใหม่ท่ใี ช้ต้นทุนต่าทาให้ปรมิ าณการเสนอขายเพมิ่ ข้นึ จาก OQ1 เป็น OQ2ทงั้ ๆ ทร่ี าคาสนิ คา้ ไมเ่ ปลย่ี นจากราคาเดมิ คอื OP1 เลย ในทานองเดยี วกนั ณ ระดบั ราคา OP2 ความต้องการเสนอขายกจ็ ะเพม่ิ ขน้ึ จาก OQ3 เป็น OQ4 จดุ ผลติ เปลย่ี นจาก จดุ A มาเป็นจดุ A1 ณ ระดบั ราคา OP1 และเปลย่ี นจากจุด B มาเป็นจุด B1 ณ ระดบั ราคา OP2 ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ว่ามกี ารเปลย่ี นแปลงปรมิ าณการเสนอขายทุกระดบั ราคาอนั เน่ืองมาจาก ปจั จยั กาหนดอ่ืน ๆ เปล่ียนแปลงไป ทาให้เส้นอุปทานเปล่ยี นจาก เส้น S1 มาเป็น S2 นบั เป็นการเปลย่ี นเสน้ อุปทานไปทงั้ เสน้ EC 103 37
P B S1 S2 A B1 P2 P1 A1 O Q1 Q3 Q2 Q4 Q รปู 2.10 การเปลีย่ นแปลงเส้นอปุ ทาน 2.2.9 ปัจจยั ที่ทาให้อปุ ทานเปลี่ยนแปลงไปทงั้ เส้น จากทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ เสน้ อุปทานจะเปลย่ี นแปลงไปเม่อื ปจั จยั อ่นื ๆ ทไ่ี ม่ใช่ ราคาซง่ึ เคยกาหนดให้คงท่ี เกดิ เปลย่ี นแปลงไป เช่น เทคโนโลยกี ารผลติ ราคาปจั จยั การ ผลติ ต้นทุนการผลิต สภาพดินฟ้าอากาศ ฯลฯ หากเราจะพจิ ารณาปจั จยั ทลี ะชนิดโดย กาหนดใหป้ จั จยั อ่นื ๆ คงท่ี เราสามารถทาไดด้ งั น้ี 1) เทคโนโลยีการผลิต ถ้ามีการค้นพบเทคโนโลยกี ารผลิตแบบใหม่ท่ี สามารถใหผ้ ลผลติ ไดม้ ากขน้ึ จากการใชท้ รพั ยากรเท่าเดมิ กจ็ ะทาให้ อุปทานของสนิ คา้ นัน้ เพมิ่ ขน้ึ (เสน้ อุปทานเล่อื นไปทางขวา) ในทางตรงกนั ขา้ มถา้ เทคโนโลยลี า้ หลงั กจ็ ะทาใหอ้ ุปทาน ลดต่าลง (เสน้ อุปทานเล่อื นไปทางซา้ ย) TS TS 2) ราคาปัจจยั การผลิต ราคาปจั จยั การผลติ ท่สี ูงข้นึ ย่อมมผี ลทาให้ปรมิ าณ การเสนอขายลดลง (เสน้ อุปทานเล่อื นไปทางซา้ ย)ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ ราคาปจั จยั การผลติ ลดลง ปรมิ าณการเสนอขายกจ็ ะเพมิ่ สงู ขน้ึ (เสน้ อุปทานเลอ่ื นไปทางขวา) 38 EC 103
PF S PF S 3) ต้นทนุ การผลิต หากมเี หตุการณ์ใดๆ ทท่ี าใหต้ น้ ทุนการผลติ เปลย่ี นแปลง ไป ย่อมทาให้อุปทานของสินค้าชนิดนัน้ เปล่ียนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการ เปล่ยี นแปลงของต้นทุนนัน้ ๆ เช่น ต้นทุนสูงข้นึ ทาให้ความต้องการผลติ สนิ ค้าลดลง (เส้น อุทานเลอ่ื นไปทางซา้ ย) CS CS 4) สภาพดินฟ้ าอากาศ หากปีใดสภาพดนิ ฟ้าอากาศเออ้ื อานวยกจ็ ะมผี ลให้ อุปทานโดยเฉพาะสนิ คา้ เกษตรมมี าก (เสน้ อุปทานเล่อื นไปทางขวา)แต่ถา้ สภาพดนิ ฟ้าอากาศ ไมเ่ ออ้ื อานวย เกดิ อุทกภยั วาตภยั หรอื ภยั ธรรมชาตติ ่าง ๆ ยอ่ มมผี ลใหอ้ ุปทานของสนิ คา้ เกษตรน้อยลง (เสน้ อุปทานเลอ่ื นไปทางซา้ ย) WS WS 2.2.10 อปุ ทานของหน่วยผลิตและอปุ ทานของตลาด อุปทานของหน่วยผลติ หมายถึง ปรมิ าณต่าง ๆของสินค้าท่หี น่วยผลิต หน่วยใดหน่วยหน่ึง ผลติ ขน้ึ มาหรอื เสนอขาย ณ ระดบั ราคาสนิ คา้ ในขณะใดขณะหน่ึง โดย กาหนดใหส้ งิ่ อ่นื ๆ คงท่ี และเม่อื รวมปรมิ าณการเสนอขายของหน่วยผลติ ทุกหน่วย ณ แต่ ละระดบั ราคากจ็ ะไดอ้ ุปทานของตลาด ดงั แสดงในตาราง 2.4 EC 103 39
ตาราง 2.4 อปุ ทานของหน่วยผลิตและอปุ ทานของตลาด ราคา อปุ ทานของ ก. อปุ ทานของ ข. อปุ ทานของ ค. อปุ ทานของ ตลาด 2 10 0 5 15 3 15 10 20 45 4 20 20 30 70 5 25 30 40 95 6 30 40 50 120 2.3 ภาวะดลุ ยภาพ (Equilibrium) จากทก่ี ล่าวในตอนต้นจะเหน็ ไดว้ ่า ปรมิ าณความตอ้ งการซอ้ื สนิ ค้ามคี วามสมั พนั ธ์ใน ทศิ ทางตรงกนั ขา้ มกบั ราคาสนิ คา้ ขณะท่ีปรมิ าณความต้องการขายสนิ คา้ มคี วามสมั พนั ธใ์ น ทศิ ทางเดยี วกนั กบั ราคาสนิ คา้ นนั่ คอื ผซู้ อ้ื ยนิ ดจี ะซอ้ื สนิ คา้ ในจานวนทม่ี ากขน้ึ ถา้ ราคาสนิ คา้ ต่าลงและจะซอ้ื สนิ คา้ น้อยลงถ้าราคาสนิ ค้าสูงขน้ึ ในขณะเดยี วกนั ผูข้ ายยนิ ดเี สนอขายสนิ ค้า ในจานวนทน่ี ้อยลงถ้าราคาสนิ คา้ ต่าลง และเสนอขายสนิ คา้ ในจานวนทม่ี ากขน้ึ ถา้ ราคาสนิ คา้ สูงข้ึน ดังนัน้ ณ ระดับราคาใดราคาหน่ึง ปริมาณเสนอซ้ือและปริมาณเสนอขายไม่ จาเป็นตอ้ งเทา่ กนั จะมรี าคาสนิ คา้ เพยี งราคาเดยี วและปรมิ าณสนิ คา้ เพยี งปรมิ าณเดยี วเท่านนั้ ทจ่ี ะทาใหป้ รมิ าณเสนอซอ้ื และ ปรมิ าณเสนอขายเท่ากนั พอดี เราเรยี กระดบั ราคาและปรมิ าณ ดงั กล่าวว่า ราคาดุลยภาพ (Equilibrium price) และปรมิ าณดุลยภาพ (Equilibrium quantity) และเรยี กสภาวะนนั้ ว่าภาวะดลุ ยภาพ 2.3.1 ดลุ ยภาพของตลาด (Market equilibrium) ดุลยภาพของตลาด หมายถงึ สภาพสมดุลทเ่ี กดิ ขน้ึ ณ ระดบั ราคาทผ่ี ู้ซอ้ื และ ผขู้ ายตกลงซอ้ื ขายแลว้ ปรมิ าณเสนอซอ้ื เทา่ กบั ปรมิ าณเสนอขายพอดี 40 EC 103
PD S PE E SD Q O QE รปู 2.11 ดลุ ยภาพของตลาด ถา้ ให้ DD คอื เสน้ อุปสงคข์ องตลาดสนิ คา้ ชนดิ หน่งึ ซง่ึ เป็นสนิ คา้ ปกติ เป็นเสน้ ท่ลี าดลงจากซา้ ยไปขวา มคี ่าความชนั เป็นลบ SS คอื เสน้ อุปทานของตลาดสนิ ค้าชนิด เดยี วกนั น้ี เป็นเสน้ ทล่ี าดขน้ึ จากซา้ ยไปขวา เสน้ อุปสงคแ์ ละอุปทานของตลาดตดั กนั ท่ี จุด E จุด E น้ีเรยี กว่าจดุ ดุลยภาพ OPE คอื ราคาดุลยภาพ ซง่ึ เป็นระดบั ราคาทป่ี รมิ าณเสนอซอ้ื ทงั้ หมดในตลาดเท่ากบั ปรมิ าณเสนอขายทงั้ หมดในตลาด OQE คอื ปรมิ าณดุลยภาพ เป็น ปรมิ าณสนิ คา้ ณ ระดบั ทป่ี รมิ าณเสนอซอ้ื ทงั้ หมดในตลาดเทา่ กบั ปรมิ าณเสนอขายพอดี 2.3.2 อปุ ทานส่วนเกิน (Excess supply) หรืออปุ สงคส์ ่วนขาด (Demand- shortage) ในบางกรณีท่รี ะดบั ราคาอยู่สูงกว่าราคาดุลยภาพ จะเกิดปญั หาปรมิ าณ เสนอซอ้ื และปรมิ าณเสนอขายท่ไี ม่เท่ากัน ตวั อย่างเช่นจากรปู 2.12เส้นอุปสงค์และอุปทาน ตดั กนั ท่จี ุด E ราคาดุลยภาพคอื OPE ปรมิ าณดุลยภาพคอื OQE ณ ระดบั ราคา OP1 ปรมิ าณเสนอซอ้ื คอื P1A ปรมิ าณเสนอขายคอื P1B ความตอ้ งการขายมมี ากกว่าความต้องการ ซอ้ื เท่ากบั AB ดงั นนั้ AB คอื ปรมิ าณสนิ คา้ ทเ่ี หลอื ขายหรอื ทเ่ี รยี กว่าอุปทานส่วนเกนิ หรอื อุป สงคส์ ว่ นขาด EC 103 41
PS PP1E AB E O QE D Q รปู 2.12 อปุ ทานส่วนเกิน ถ้าปล่อยใหก้ ลไกราคาทางานอย่างเตม็ ท่ี เม่อื เกดิ อุปทานส่วนเกนิ หรอื อุป สงค์ส่วนขาด จะทาให้ผู้ผลติ บางรายยอมลดราคาสนิ ค้าลง เม่อื ราคาสินค้าลดลงก็ทาให้ ผู้บรโิ ภคบางคนยอมซ้ือสนิ ค้าเพม่ิ ข้นึ อุปทานส่วนเกินก็จะค่อย ๆ ปรบั ลดลง จนในท่สี ุด อุปทานส่วนเกนิ จะหายไป ปรมิ าณเสนอขายเท่ากบั ปรมิ าณเสนอซอ้ื หรอื อย่ใู นภาวะดุลยภาพ พอดี 2.3.3 อปุ สงคส์ ่วนเกิน (Excess demand) หรอื อปุ ทานส่วนขาด (Supply- shortage) ในกรณีท่รี ะดบั ราคาอยู่ต่ากว่าราคาดุลยภาพ ทาให้ปรมิ าณเสนอซ้ือและ ปรมิ าณเสนอขายทไ่ี มเ่ ท่ากนั ดงั เช่น ตวั อยา่ งในรปู 2.13 เสน้ อุปสงคแ์ ละอุปทานตดั กนั ทจ่ี ดุ E ราคาดุลยภาพคอื OPE ปรมิ าณดุลยภาพคอื OQE ณ ระดบั OP2 ปรมิ าณเสนอซอ้ื คอื P2F ปรมิ าณเสนอขายคอื P2C ความตอ้ งการซอ้ื มมี ากกว่าความต้องการขายเท่ากบั CF ดงั นนั้ CF คอื อุปสงคส์ ่วนเกนิ หรอื อุปทานส่วนขาด 42 EC 103
PS PE E P2 C F D Q O QE รปู 2.13 อปุ สงคส์ ่วนเกิน ถา้ ปล่อยใหก้ ลไกราคาทางานอยา่ งเต็มท่ี จะมกี ารปรบั ตวั โดยอตั โนมตั ิ คอื เม่อื เกิดภาวะอุปสงคส์ ่วนเกนิ หรอื ขาดแคลนสนิ ค้า ผู้บรโิ ภคบางรายก็จะยอมซ้อื ในราคาท่ี สูงข้นึ เม่อื ราคาสูงข้นึ ผูข้ ายบางรายจะยอมขายสนิ ค้ามากข้นึ ทาให้อุปสงค์ส่วนเกนิ ค่อย ๆ ปรบั ตวั ลดลงจนหมดไป ปรมิ าณเสนอขายจะเท่ากบั ปรมิ าณเสนอซอ้ื พอดี คอื จะปรบั ตวั จน เขา้ ส่ภู าวะดลุ ยภาพพอดี 2.3.4 การเปลี่ยนแปลงภาวะดลุ ยภาพ จากทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ ภาวะดุลยภาพจะเกดิ ขน้ึ ณ ระดบั ทป่ี รมิ าณเสนอซอ้ื เท่ากบั ปรมิ าณเสนอขายพอดี หรอื เกดิ ขน้ึ เม่อื อุปสงคเ์ ท่ากบั อุปทานพอดี ดงั นนั้ ภาวะดุลยภาพ จงึ อาจเปลย่ี นแปลงได้ เมอ่ื เกดิ การเปลย่ี นแปลงในเสน้ อุปสงคห์ รอื อุปทาน หรอื ทงั้ สองเสน้ 1) การเปลี่ยนแปลงภาวะดลุ ยภาพอนั เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงเส้น อปุ สงค์ จากรปู 2.14 เดมิ SS คอื เสน้ อุปทานของสนิ คา้ DD คอื เสน้ อุปสงคข์ อง สนิ คา้ เสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อุปทานตดั กนั ทจ่ี ุด E ราคาดุลยภาพคอื OPE ปรมิ าณดุลยภาพคอื OQE EC 103 43
P D1 E1 S D1 PE1 D E PE D2 E2 PE2 SD D2 Q QE2 QE QE1 รปู 2.14 การเปลีย่ นแปลงของดลุ ยภาพอนั เนือ่ งมาจากการเปลีย่ นแปลงเส้นอปุ สงค์ ถา้ มปี จั จยั ทก่ี าหนดอุปสงค์เปลย่ี นแปลงไป เช่น ระดบั รายไดส้ ูงขน้ึ ทาใหเ้ ส้น อุปสงคเ์ ปลย่ี นแปลงจากเสน้ DD มาเป็นเสน้ D1 D1 จดุ ดุลยภาพจะเปลย่ี นจากจุด E มาเป็น จดุ E1 ทาใหป้ รมิ าณดุลยภาพเปลย่ี นจาก OQE มาเป็น OQE1 และราคาดุลยภาพเปลย่ี นจาก OPE มาเป็น OPE1 การเปลย่ี นแปลงของเสน้ อุปสงค์ นอกจากจะเล่อื นสงู ขน้ึ ไปทางขวามอื ดงั ทไ่ี ด้ กลา่ วมาแลว้ ในกรณที ร่ี ายไดส้ ูงขน้ึ เสน้ อุปสงคอ์ าจเล่อื นต่าลงมาทางซา้ ยมอื ไดห้ ากมปี จั จยั ท่ี กาหนดอุปสงค์บางตัวเปล่ยี นแปลงไป เช่น ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาลดลง รายได้ลดลง หรอื รสนยิ มลดลง ยอ่ มมผี ลทาใหเ้ สน้ อุปสงคล์ ดลงจากเสน้ DD มาเป็น D2 D2จุดดุลยภาพจะ เปลย่ี นเป็นจดุ E2 ราคาและปรมิ าณดลุ ยภาพเปลย่ี นเป็นจดุ OPE2 และ OQE2 ตามลาดบั 2) การเปลี่ยนแปลงภาวะดลุ ยภาพอนั เน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงเส้น อปุ ทาน จากรปู 2.15 เดมิ SS คอื เสน้ อุปทานของสนิ คา้ DD คอื เสน้ อุปสงคข์ อง สนิ คา้ เสน้ อุปทานและอุปสงคต์ ดั กนั ทจ่ี ดุ E ราคาดลุ ยภาพคอื OPE ปรมิ าณดลุ ยภาพคอื OQE 44 EC 103
P S2 S S1 PE2 D E2 PE E1 PE1 S2 E S1 D S O QE2 QE QE1 Q รปู 2.15 การเปลีย่ นแปลงภาวะดลุ ยภาพอนั เนือ่ งมาจากการเปลีย่ นแปลงเส้นอปุ ทาน หากมีปจั จัยบางตัวท่ีกาหนดอุปทานเปล่ียนแปลงไปเช่น มีการค้นพบ เทคโนโลยใี หมท่ ท่ี าใหส้ ามารถผลติ สนิ คา้ ไดค้ ุณภาพดขี น้ึ มผี ลใหเ้ สน้ อุปทานเปลย่ี นจากเสน้ SS มาเป็นเสน้ S1 S1 จุดดุลยภาพจะเปลย่ี นจากจุด E มาเป็นจดุ E1 ราคาและปรมิ าณดุลย ภาพเปลย่ี นจาก OPE และ OQE มาเป็น OPE1 และ OQE1 ตามลาดบั นอกจากน้ีบางครงั้ เส้นอุปทานอาจเล่อื นไปทางซ้ายมือทงั้ เส้นได้ เช่น กรณี เกดิ ภยั ธรรมชาติ ทาใหป้ รมิ าณผลผลติ ทางการเกษตรลดลงมผี ลทาใหเ้ สน้ อุปทานเล่อื นจาก เสน้ SS เป็น S2 S2 จดุ ดุลยภาพเปลย่ี นจากจดุ E มาเป็น E2 ราคาดุลยภาพ และปรมิ าณดุลย ภาพเปลย่ี นจาก OPE และ OQE มาเป็น OPE2 และ OQE2 ตามลาดบั 3) การเปล่ยี นแปลงภาวะดุลยภาพอนั เน่ืองมาจากการเปลยี่ นแปลงเส้นอุปสงค์ และเส้ นอุปทาน บางครงั้ เสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อุปทานอาจเปลย่ี นแปลงไปพรอ้ ม ๆ กนั ทาให้ ภาวะดลุ ยภาพเปลย่ี นแปลงไปดว้ ย ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากรปู 2.16 EC 103 45
P E S D S1 D1 E1 D PE S1 D1 Q QE QE1 PE1 S O รปู 2.16 การเปลีย่ นแปลงภาวะดลุ ยภาพอนั เนือ่ งมาจากการเปลีย่ นแปลงเส้นอปุ สงค์ และเส้นอปุ ทาน เดมิ เสน้ อุปสงค์ DD ตดั กบั เสน้ อุปทาน SS ทจ่ี ดุ E ราคาและปรมิ าณดุลย- ภาพจะอยทู่ ่ี OPE และ OQE ต่อมามปี จั จยั บางชนิดเปลย่ี นแปลงไป ทาใหเ้ สน้ อุปสงคแ์ ละ อุปทานเปลย่ี นแปลงจากเสน้ เดมิ มาเป็นเสน้ D1 D1 และ S1 S1 ตามลาดบั จุดดุลยภาพจะ เปลย่ี นจากจุด E มาเป็นจุด E1 ปรมิ าณและราคาดุลยภาพจะเปลย่ี นจาก OQE และ OPE มา เป็น OQE1 และ OPE1 ตามลาดบั 2.4 การนาวิธีการวิเคราะหด์ ลุ ยภาพไปประยกุ ตใ์ ช้ในกรณีต่าง ๆ การศึกษาเร่ืองดุลยภาพท่ีได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วนัน้ สามารถนามา ประยกุ ตใ์ ชว้ เิ คราะหน์ โยบายต่าง ๆ ของรฐั บาลทไ่ี ดเ้ ขา้ แทรกแซงการทางานของกลไกราคา โดยมวี ตั ถุประสงค์ท่จี ะช่วยเหลอื บุคคลกลุ่มต่าง ๆ เช่น เกษตรกร แรงงาน ผู้บรโิ ภค ฯลฯ เป็นต้น นโยบายทร่ี ฐั บาลใช้แทรกแซงกลไกราคาตลาดได้แก่ นโยบายการกาหนดราคาขนั้ 46 EC 103
ต่า เพ่อื ช่วยเหลอื กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผใู้ ชแ้ รงงานซง่ึ ไม่มอี านาจต่อรองในเรอ่ื งราคาสนิ คา้ เกษตรและค่าจา้ งแรงงาน นโยบายการกาหนดราคาขนั้ สูงเพ่อื ป้องกนั มใิ หผ้ ูบ้ รโิ ภคเดอื ดรอ้ น จากการซอ้ื สนิ คา้ ทจ่ี าเป็นในราคาทส่ี งู และนโยบายการเกบ็ ภาษสี นิ คา้ เพ่อื พจิ ารณาภาระภาษี ว่ามผี ลต่อผขู้ ายหรอื ผซู้ อ้ื มากน้อยเพยี งไร 2.4.1 นโยบายการกาหนดราคาขนั้ ตา่ (Minimum price policy) นโยบายการกาหนดราคาขนั้ ต่า เป็นนโยบายทม่ี งุ่ ช่วยผผู้ ลติ ใหส้ ามารถขาย สนิ ค้าได้สูงขน้ึ มกั ใช้อย่ทู งั้ ในตลาดสนิ คา้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ สนิ ค้าเกษตร และตลาดปจั จยั การผลติ เช่น ตลาดแรงงาน เน่ืองจากตลาดเหล่าน้ี ผู้ผลติ หรอื เจ้าของปจั จยั การผลติ ไม่มี อทิ ธพิ ลในการกาหนดราคา และมปี จั จยั บางอย่างทท่ี าใหต้ ้องยอมขายสนิ คา้ ในราคาทค่ี ่อนขา้ ง ต่าจากความไม่สมบรู ณ์ของตลาดดงั กล่าว หากปล่อยใหก้ ลไกตลาดทางานโดยเสรแี ลว้ จะมี ผลใหร้ าคาดลุ ยภาพอยใู่ นระดบั ทค่ี ่อนขา้ งต่า ก่อใหเ้ กดิ ความไม่เป็นธรรมในสงั คม รฐั บาลจงึ ตอ้ งเขา้ มาแทรกแซงกลไกตลาดโดยการกาหนดราคาขนั้ ต่า 1) การประกนั ราคาขนั้ ตา่ สนิ คา้ เกษตรโดยทวั่ ไปจะมรี าคาโดยเปรยี บเทยี บต่ากว่าราคาสนิ คา้ ชนิด อ่นื ทเ่ี กษตรกรต้องซอ้ื หามาบรโิ ภคและเพ่อื การผลติ ทงั้ น้ีเน่ืองจากตวั สนิ คา้ เกษตรมลี กั ษณะ เป็นสนิ คา้ ทเ่ี น่าเสยี ง่าย น้าหนกั มากมขี นาดใหญ่กนิ พน้ื ท่ี ในดา้ นการผลติ กต็ ้องพง่ึ ธรรมชาติ ไม่สามารถเปล่ยี น แปลงปรมิ าณการผลติ ได้รวดเรว็ ตวั เกษตรกรก็มหี น้ีสนิ มาก ไม่อาจรอ เวลาการขายสนิ คา้ จนกว่าราคาจะสงู ได้ ทาใหอ้ านาจต่อรองมนี ้อย สนิ คา้ จงึ ขายไดร้ าคาต่า ยงิ่ ปีใดทม่ี อี ุปทานออกมามาก หรอื อุปสงคล์ ดลงอย่างกระทนั หนั ปรมิ าณสนิ คา้ จะออกมาลน้ ตลาดเกดิ อุปทานส่วนเกนิ ทาให้ราคาสนิ ค้าลดต่าลงมากจนเกิดความเดอื ดร้อน รฐั บาลจงึ ตอ้ งเขา้ แทรกแซงโดยการประกนั ราคาขนั้ ต่า จากรปู 2.17 ถ้าเราปล่อยใหก้ ลไกราคาดาเนินไปเองระดบั ราคาสนิ คา้ ท่ี เกษตรกรขายไดจ้ ะเทา่ กบั OPE ในปรมิ าณ OQE ถา้ รฐั บาลเหน็ วา่ ระดบั ราคา OQE เป็นราคาท่ี ต่าเกนิ ไปจนเกษตรกรเดอื ดรอ้ น รฐั บาลจะประกาศราคาประกนั ใหเ้ ท่ากบั OP1 ณ ระดบั ราคา ประกนั น้ีจะมผี ู้เสนอซ้อื เพยี ง OQ1 ขณะท่มี ผี ูเ้ สนอขายเป็นจานวนถงึ OQ2 เกดิ อุปทาน ส่วนเกนิ หรอื สนิ คา้ เหลอื ขายจานวน Q1 Q2 เม่อื มอี ุปทานส่วนเกินเกิดขน้ึ รฐั บาลต้องมมี าตรการท่จี ะรองรบั ปญั หา ดงั กล่าวซง่ึ วธิ กี ารทจ่ี ะขจดั อุปทานสว่ นเกนิ สามารถทาไดโ้ ดยการลดอุปทานใหต้ ่าลง หรอื เพม่ิ EC 103 47
อุปสงคใ์ หส้ งู ขน้ึ หรอื ใชท้ งั้ สองมาตรการควบค่กู นั ไป สาหรบั มาตรการในการลดอุปทานอาจ ทาไดใ้ นระยะยาวโดยการจากดั พน้ื ทเ่ี พาะปลูกพชื ทม่ี อี ุปทานส่วนเกนิ ของเกษตรกรใหน้ ้อยลง และส่งเสรมิ การผลติ พชื ผลประเภท อ่นื ๆ แทน แต่ในระยะสนั้ การลดอุปทานไม่อาจทาได้ เน่ืองจากสนิ ค้าเกษตรต้องใช้เวลาผลติ ท่ยี าวนาน ผลผลติ กาลงั ออกสู่ตลาดจงึ ไม่อาจลด อุปทานได้ ดงั นัน้ รฐั บาลจงึ ต้องใช้วธิ กี ารเพม่ิ อุปสงค์ให้สูงข้นึ โดยการช่วยหาตลาดทงั้ ใน ประเทศและต่างประเทศ หรือ รัฐบาลรับซ้ือผลผลิตส่วนเกินเสียเอง โดยการนาเงิน งบประมาณสว่ นหน่งึ ไปรบั ซอ้ื อุปทานส่วนเกนิ ทงั้ หมด คอื จานวน Q1 Q2 ในราคา OP1 หรอื อาจให้เงนิ อุดหนุนต่อหน่วย คอื ถ้าจะขายสนิ คา้ หมดจานวน OQ2 ผูซ้ ้อื จะยอมซ้อื ในราคา หน่วยละ OP2 แต่รฐั บาลตงั้ ราคาประกนั ไวห้ น่วยละ OP1 ดงั นัน้ รฐั บาลจะตอ้ งช่วยอุดหนุน ใหแ้ ก่เกษตรกรอกี หน่วยละ P2 P1 การดาเนินนโยบายน้ี ส่วนหน่ึงเพ่อื แกไ้ ขความไมเ่ ท่าเทยี ม กนั ในสงั คมนนั่ เอง 2) การกาหนดอตั ราค่าจ้างข้นั ต่า นโยบายการกาหนดอตั ราค่าจา้ งขนั้ ต่า เป็นนโยบายทใ่ี ชก้ นั โดยทวั่ ไปเพ่อื ช่วยเหลือแรงงานท่มี อี านาจต่อรองค่อนข้างต่า ประเทศไทยจะกาหนดค่าจ้างขนั้ ต่าโดย คณะกรรมการทป่ี ระกอบไปดว้ ย ตวั แทนนายจา้ ง ตวั แทนลกู จา้ ง นกั วชิ าการ และรฐั บาล P S P1 E1 PE E P2 D1 D O Q1 QE Q2 Q รูป 2.17 การประกนั ราคาสินค้าเกษตร 48 EC 103
จากรปู 2.18 เสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อุปทานของแรงงานตดั กนั ทจ่ี ุดดุลยภาพ คอื จดุ E ค่าจา้ งและปรมิ าณการจา้ ง ณ จดุ ดุลยภาพคอื OW1 และ O L1 ถา้ รฐั บาลเหน็ ว่า อตั ราคา่ จา้ งทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยกลไกตลาดน้เี ป็นอตั ราทต่ี ่าเกนิ ไปสาหรบั ภาวะค่าครองชพี ในปจั จุบนั รฐั บาลโดยคณะกรรมการกาหนดอัตราค่าจ้าง กาหนดให้ค่าจ้างขนั้ ต่าอยู่ท่ีระดับ OW2 ณ ระดบั ค่าจา้ ง OW2 นายจา้ งต้องการจา้ งแรงงานจานวน OL2 ขณะทม่ี แี รงงานต้องการ ทางานถงึ OL3 ทาใหเ้ กดิ การว่างงานขน้ึ จานวน L2L3 ดงั นนั้ หลงั จากการกาหนดอตั ราค่าจา้ ง ขนั้ ต่าแลว้ รฐั บาลจะต้องมมี าตรการแก้ไขปญั หาการว่างงานทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ อาจโดยการหางาน ทงั้ ในประเทศและต่างประเทศไว้รองรบั คือพยายามเพิม่ อุปสงค์ของแรงงาน ให้เท่ากับ อุปทานของแรงงาน ณ ระดบั ค่าจา้ งขนั้ ต่าพอดี หรอื พยายามจดั การฝึกอบรมแรงงานให้มี ความรู้ ความชานาญมากข้นึ เพ่อื เปล่ยี นสถานภาพไปเป็นแรงงานอีกระดบั หน่ึง ทาให้ อุปทานของแรงงานในระดบั น้ลี ดลงเสน้ อุปทานเคลอ่ื นไปตดั กบั เสน้ อุปสงคท์ อ่ี ตั ราค่าจา้ งขนั้ ต่า ทาใหส้ ามารถแกไ้ ขปญั หาการว่างงานได้ อตั ราค่าจ้าง S1 S W2 W1 E D D1 O L2 L1 L3 จานวนแรงงาน รปู 2.18 การกาหนดค่าจ้างขนั้ ตา่ EC 103 49
2.4.2 นโยบายกาหนดราคาขนั้ สงู (Maximum price policy) นโยบายกาหนดราคาขนั้ สูงมกั ใช้ในกรณีของสินค้าท่ีผู้บรโิ ภคทุกระดับ รายไดจ้ าเป็นตอ้ งซอ้ื เช่น นมผงสาหรบั ทารก น้าตาลทราย น้ามนั เบนซนิ ฯลฯ เป็นตน้ จากรปู 2.19 เสน้ อุปสงคแ์ ละอุปทานของสนิ คา้ ตดั กนั ทจ่ี ุด E ราคาและ ปรมิ าณดุลยภาพคอื OP และ OQ ถ้ารฐั บาลเหน็ ว่าราคาดุลยภาพดงั กล่าวเป็นราคาท่ี ค่อนขา้ งสงู มากสาหรบั ผบู้ รโิ ภคทวั่ ไป รฐั บาลอาจประกาศกาหนดราคาขนั้ สงู ทร่ี ะดบั OP1 ณ ระดบั ราคาขนั้ สงู OP1 จะมผี ูเ้ สนอซอ้ื จานวน OQ2 ขณะทม่ี ผี เู้ สนอขายเพยี ง OQ1ทาใหเ้ กดิ อุปสงคส์ ่วนเกนิ ขน้ึ จานวน Q1Q2 ผลทต่ี ามมาคอื ราคา S P E S1 P1 D ปริมาณ O Q1 Q Q2 รปู 2.19 การกาหนดราคาขนั้ สงู (1) จะเกดิ การขายในลกั ษณะใครมาก่อนไดก้ ่อน ทาใหม้ คี วิ รอซอ้ื แถวยาว เกดิ การสญู เสยี ดา้ นเวลา ซง่ึ ถ้าคดิ เป็นตวั เงนิ แลว้ ราคาสนิ คา้ ทซ่ี อ้ื ขายอาจสูงกว่าราคาขนั้ สูงท่ี รฐั บาลกาหนดกไ็ ด้ (2) อาจเกดิ การลดลงในคุณภาพหรอื ลดการใหบ้ รกิ าร เช่น การกาหนดราคา ขนั้ สงู น้ามนั เบนซนิ สถาบนั บรกิ ารน้ามนั อาจเปิดขายเฉพาะช่วงเชา้ หรอื ลดบรกิ ารดา้ นอ่นื ๆ เป็นตน้ 50 EC 103
(3) เกดิ การลกั ลอบขายสนิ คา้ หลงั รา้ น ระหว่างผขู้ ายกบั ผซู้ อ้ื ทม่ี กี าลงั ทรพั ย์ ค่อนขา้ งสงู นนั่ คอื เกดิ ตลาดมดื (Black Market) โดยราคาซอ้ื ขายจะสงู กว่าราคาขนั้ สูงทร่ี ฐั บาล กาหนด ดังนัน้ เพ่ือให้นโยบายการกาหนดราคาขัน้ สูงสามารถดาเนินต่อไปได้ รฐั บาลจงึ มกั ใช้นโยบายอ่นื ควบคู่กนั ไป เช่น นาเขา้ สนิ ค้าประเภทน้ีเพ่อื เพม่ิ อุปทานสนิ ค้า ทาใหอ้ ุปสงคส์ ่วนเกนิ หมดไป หรอื นโยบายการปนั ส่วนเพ่อื กระจายสนิ คา้ ทม่ี อี ย่นู ้อยใหก้ บั ผู้บรโิ ภคอย่างทวั่ ถึง โดยวธิ แี จกคูปอง ซ่งึ เป็นวธิ กี ารแก้ปญั หาระยะสนั้ ในระยะยาวแล้ว จะตอ้ งพยายามเพมิ่ อุปทานในประเทศใหม้ ากขน้ึ 2.4.3 การเกบ็ ภาษีสินค้า การวเิ คราะหเ์ รอ่ื งดุลยภาพสามารถนามาประยุกตใ์ ชอ้ ธบิ ายภาระภาษี ต่าง ๆ ไดใ้ นทน่ี ้จี ะขอยกตวั อยา่ งเฉพาะกรณกี ารเกบ็ ภาษตี ่อหน่วยเทา่ นนั้ 1) กรณีเกบ็ ภาษีต่อหน่วยจากผขู้ าย จากรปู 2.20 ก่อนการเกบ็ ภาษี จุดดุลยภาพจะอยทู่ จ่ี ดุ E ราคาดุลย ภาพและปรมิ าณดุลยภาพคอื OP และ OQ เม่อื มกี ารเกบ็ ภาษตี ่อหน่วยจากผขู้ ายจะมผี ลให้ เสน้ อุปทานเล่อื นจากเสน้ SS มาเป็นเสน้ S1 S1 ทงั้ น้ีเพราะผขู้ ายยนิ ดจี ะขายสนิ คา้ แต่ละ หน่วยก็ต่อเม่อื ราคาขายสูงขน้ึ กว่าเดมิ เท่ากบั ภาษีต่อหน่วยท่สี ูงขน้ึ ดงั นัน้ ช่วงห่างของเส้น อุปทานเสน้ เดมิ กบั เส้นใหมใ่ นแนวตงั้ จะเท่ากบั ภาษตี ่อหน่วย เม่อื เส้นอุปทานเปลย่ี นไป จุด ดุลยภาพใหม่กค็ อื จุด E1 ปรมิ าณและราคาดุลยภาพคอื OP1 และ OQ1 ณ ปรมิ าณการ ผลติ OQ1 จานวนภาษตี ่อหน่วยทร่ี ฐั บาลเรยี กเกบ็ จากผขู้ าย คอื AE1 ระดบั ราคาสนิ คา้ ท่ี สงู ขน้ึ จากเดมิ คอื BE1 ดงั นนั้ จากจานวนภาษที งั้ หมด AE1 ต่อหน่วย ภาระภาษสี ่วนหน่ึงจะ ตกแก่ผซู้ อ้ื ในรปู ของราคาทส่ี งู ขน้ึ กวา่ เดมิ คอื BE1 ส่วนทเ่ี หลอื คอื AB เป็นภาระทต่ี กอย่กู บั ผขู้ าย EC 103 51
ราคา S1 P1 E1 S P B E ปริมาณ S1 A D S O Q Q1 รปู 2.20 ผลของการเกบ็ ภาษีต่อหน่วยจากผขู้ าย 2) กรณีเกบ็ ภาษีต่อหน่วยจากผซู้ ื้อ จากรปู 2.21 ก่อนการเกบ็ ภาษี จดุ ดุลยภาพจะอย่ทู จ่ี ดุ E ปรมิ าณดุลย ภาพคอื OQ ราคาดุลยภาพคอื OP เมอ่ื รฐั บาลเรยี กเกบ็ ภาษตี ่อหน่วยจากผซู้ อ้ื ทาใหเ้ สน้ อุปสงคเ์ ล่อื นระดบั ต่าลงมาจากเสน้ DD มาเป็นเสน้ D1D1 โดยมชี ่วงห่างตามแนวตงั้ เท่ากบั ภาษตี ่อหน่วยท่ี รฐั บาลเรยี กเกบ็ จากผซู้ อ้ื ทงั้ น้เี พราะเมอ่ื ผซู้ อ้ื ตอ้ งเสยี ภาษตี ่อหน่วยในการซอ้ื ผู้ซ้อื จะคงปรมิ าณซ้อื ในจานวนเท่าเดมิ ณ แต่ละระดบั ราคา เม่อื ระดบั ราคาสนิ ค้าลดต่าลง เท่ากบั ภาษตี ่อหน่วยท่ตี ้องจ่าย การเล่อื นลงของเสน้ อุปสงค์จะทาให้ราคาและปรมิ าณดุลย ภาพลดลงเป็น OP1และ OQ1 ส่วนของราคาทล่ี ดลง AE1 คอื ภาระภาษที ผ่ี ขู้ ายต้องรบั ภาระ และสว่ นทเ่ี หลอื AB คอื ภาระภาษที ต่ี กเป็นของผซู้ อ้ื 52 EC 103
PD B S AE D1 D P E1 D1 Q P1 O Q1 Q รปู 2.21 ผลของการเกบ็ ภาษีต่อหน่วยจากผซู้ ้ือ EC 103 53
คาถามท้ายบท จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องท่ีสดุ เพียงคาตอบเดียว 1. ปจั จยั กาหนดอุปสงค์ คอื ขอ้ ใด 1. ราคาปจั จยั การผลติ 2. ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ 3. ระดบั เทคโนโลยกี ารผลติ 4. ตน้ ทุนการผลติ 5. สภาพแวดลอ้ มทวั่ ไป 2. ปจั จยั กาหนดอุปทาน คอื ขอ้ ใด 1. ราคาสนิ คา้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2. ราคาสนิ คา้ ชนิดนนั้ 3. รายได้ 4. คา่ นยิ ม 5. คา่ ใชจ้ า่ ยในการโฆษณา 3. เมอ่ื รายไดข้ องนายแดงสงู ขน้ึ เขาบรโิ ภคสนิ คา้ A มากขน้ึ A เป็นสนิ คา้ ประเภทใด 1. สนิ คา้ ฟุ่มเฟือย 2. สนิ คา้ จาเป็น 3. สนิ คา้ ปกติ 4. สนิ คา้ ดอ้ ยคุณภาพ 5. สนิ คา้ ทใ่ี ชท้ ดแทนกนั 4. เมอ่ื ราคาสนิ คา้ อยู่ ในระดบั ทส่ี งู กวา่ ราคาดุลยภาพจะเกดิ เหตุการณ์ใดขน้ึ 1. ผบู้ รโิ ภคมคี วามพอใจลดลง 2. สนิ คา้ ขาดตลาด 3. สนิ คา้ ลน้ ตลาด 4. ภาวะดลุ ยภาพ 5. อุปสงคส์ ่วนเกนิ 54 EC 103
5. กรณที ร่ี าคาสนิ คา้ X สงู ขน้ึ แลว้ มผี ลทาใหค้ วามตอ้ งการซ้อื สนิ คา้ Y ลดลง ท่านคดิ ว่าสนิ คา้ X และ Y มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร 1. สนิ คา้ ปกติ 2. สนิ คา้ ดอ้ ยคุณภาพ 3. สนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกนั 4. สนิ คา้ ทใ่ี ชท้ ดแทนกนั 5. ไมม่ คี วามสมั พนั ธก์ นั เลย EC 103 55
เฉลยคาถามท้ายบท ลกั ษณะคาถามคาตอบในบทท่ี 2 คาถามท่ี 1. ปจั จยั กาหนดอุปสงค์ คอื ขอ้ ใด แนวตอบท่ี 1. ข้อ 2 ปจั จยั กาหนดอุปสงค์ คือ ราคาสนิ ค้าชนิดนัน้ คาตอบในข้ออ่ืน ๆ ต่างเป็นปจั จยั กาหนดอุปทานทงั้ สน้ิ คาถามที่ 2. ปจั จยั กาหนดอุปทาน คอื ขอ้ ใด แนวตอบที่ 2. ขอ้ 2 ปจั จยั กาหนดอุปทาน คอื ราคาสนิ คา้ ชนดิ นนั้ คาตอบในขอ้ 1 – 5 เป็นปจั จยั กาหนดอุปสงค์ คาถามที่ 3. เมอ่ื รายไดข้ องนายแดงสงู ขน้ึ เขาบรโิ ภคสนิ คา้ A มากขน้ึ A เป็นสนิ คา้ ประเภทใด แนวตอบท่ี 3. ขอ้ 3 สนิ ค้าปกติเน่ืองจากปรมิ าณความต้องการซอ้ื สนิ คา้ ปกตจิ ะสมั พนั ธ์ กบั รายได้ในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ เม่อื รายได้สูงข้นึ ความต้องการ บรโิ ภคสนิ คา้ ปกตจิ ะมากขน้ึ ดว้ ย คาถามท่ี 4. เมอ่ื ราคาสนิ คา้ อยู่ ในระดบั ทส่ี งู กว่าราคาดลุ ยภาพจะเกดิ เหตุการณ์ใดขน้ึ แนวตอบที่ 4. ขอ้ 3 สนิ ค้าล้นตลาด เน่ืองจาก ณระดบั ราคาท่สี ูงข้นึ ความต้องการขาย สนิ ค้ามมี ากขน้ึ ตามกฎของอุปทาน และความต้องการซ้อื สนิ ค้ามนี ้อยลง ตามกฎของอุปสงคจ์ งึ มผี ลใหเ้ กดิ สนิ คา้ ลน้ ตลาด คาถามที่ 5. กรณที ร่ี าคมสนิ คา้ X สงู ขน้ึ แลว้ มผี ลทาใหค้ วามต้องการซอ้ื สนิ คา้ Y ลดลง ท่านคดิ ว่าสนิ คา้ X และ Y มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร แนวตอบท่ี 5. ขอ้ 3 สินค้าท่ใี ช้ประกอบกัน เน่ืองจากเม่อื ราคาสนิ ค้า X สูงข้นึ ความ ตอ้ งการซอ้ื สนิ คา้ X จะลดลงตามกฎของอุปสงค์ และโจทยก์ ล่าวสนิ คา้ Y ลดลงดว้ ย จงึ เหน็ ไดว้ ่าสนิ คา้ X และสนิ คา้ Y ลดลงทงั้ คู่ เน่ืองจากราคา สนิ คา้ X สงู ขน้ึ สนิ คา้ X และ Y จงึ เป็นสนิ คา้ ทใ่ี ชป้ ระกอบกนั 56 EC 103
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: