สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓ พุทธประวัติ สงั คมศกึ ษา By : ครกู อ้ ย
พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นก่อนนะคะ พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
แบบทดสอบ ชอ่ื ....................................................... หลังเรยี น ก่อนเรียน 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. สงั คมศึกษา By : ครูก้อย
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. พระโอรสของเจา้ ชายสทิ ธตั ถะมีพระนามว่าอยา่ งไร ก. พระสารีบุตร ข. พระสทุ โธทนะ ค. พระราหลุ ง. พระสงั กิจจะ สังคมศกึ ษา By : ครกู อ้ ย
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. พระสิทธัตถะบาเพญ็ ทุกรกิรยิ าโดยการทรมานตนเองด้วยวธิ ีใด ก. ใช้พระทนต์กดพระโอษฐ์ ข. ทรงผ่อนกล้ันลมอสั สาสะปสั สาสะ ค. น่งั สมาธจิ นพระอัฐปิ รากฏท่ัวพระวรกาย ง. ทรงอดพระสุธารส จนมีพระอาการประชวร สงั คมศึกษา By : ครูกอ้ ย
แบบทดสอบก่อนเรียน 3. เพราะเหตุใดพระพทุ ธเจ้าทรงเลอื กทีจ่ ะแสดงธรรมโปรดปญั จวัคคยี ์ ก. เพราะเป็นผู้ท่อี ยใู่ กลช้ ดิ เคยรบั ใช้พระองค์ ข. เพราะมีกเิ ลสเบาบางสามารถตรัสร้ไู ดท้ นั ที ค. เพราะมีพืน้ ฐานทางธรรมทาใหบ้ รรลุธรรมเบ้ืองตน้ ได้ ง. เพราะมคี วามขยันหมนั่ เพยี รในการศึกษาพระธรรมตั้งแตเ่ ยาวว์ ยั สงั คมศึกษา By : ครกู ้อย
แบบทดสอบก่อนเรยี น 4. พระพทุ ธเจา้ เสด็จออกผนวช (บวช) เพราะอะไร ก. ต้องการไปใช้ชวี ติ ในปา่ ข. ไดร้ ับความสุขเพยี งพอแลว้ ค. ต้องการหาหนทางท่จี ะพน้ ทกุ ข์ ง. ตอ้ งการหาความสบาย สังคมศึกษา By : ครูก้อย
แบบทดสอบก่อนเรียน 5. หลกั ธรรมทพ่ี ระพทุ ธเจ้าตรสั ร้เู รยี กวา่ อะไร ก. กรรม ข. ธรรมมะ ค. อรยิ สัจ 4 ง. มรรค 8 สังคมศกึ ษา By : ครกู อ้ ย
คำศพั ทท์ ีค่ วรรู้ 1. ประสตู ิ หมายถึง การคลอด,เกดิ 2. ตรสั รู้ หมายถึง รู้แจง้ , ใช้เฉพาะพระพทุ ธเจา้ 3. ปรินิพพำน หมายถงึ เรยี กอาการตายของพระพทุ ธเจา้ และพระอรหันต์ 4. ศำสดำ หมายถึง ผูก้ ่อตั้งศาสนา เชน่ พระพทุ ธศาสนามี พระพุทธเจา้ เปน็ ศาสดา สังคมศกึ ษา By : ครกู อ้ ย
คำศัพทท์ ่คี วรรู้ 5. พระรำชโอรส หมายถึง ลกู ชาย ใช้แก่ พระมหากษัตริย์ 6. อภเิ ษกสมรส หมายถงึ แต่งงาน 7. ผนวช หมายถึง บวช 8. พระครรภ์ หมายถึง ตงั้ ท้อง สงั คมศกึ ษา By : ครูกอ้ ย
เรำมำเริ่มเรียนกนั เลยนะคะ พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
๒. พุทธประวัติ ๒.๑ พุทธประวตั ิ พระพทุ ธศาสนากาเนิดท่ีประเทศอนิ เดีย ศาสดาของพระพุทธศาสนา คือ พระพุทธเจ้า มีพระ น า ม เ ดิ ม ว่ า เ จ้ า ช า ย สิ ท ธั ต ถ ะ เ ป็ น พ ร ะ ร า ช โ อ ร ส ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า สุ ท โ ธ ท น ะ กั บ พระนางสริ มิ หามายาแห่งกรุงกบิลพสั ด์ุ (อา่ นวา่ กะ-บิน-ละ-พดั ) เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงพระครรภ ์ (อ่านว่า พระ-คัน หมายถึง ต้ังท้อง) และใกล้ครบ กาหนดประสูติ จึงทูลลาพระเจ้าสุทโธทนะเพื่อเสดจ็ กลับไปประสูติที่กรุงเทวทหะ ตามธรรมเนียมท่ีถือ ปฏิบัติในสมัยนั้นท่ีว่า สตรีจะต้องคลอดลูกท่ีบ้านพ่อแม่ของตนเอง เม่ือเสด็จมาถึง ณ ลุมพินวี ัน ซึ่งอยู่ ระหวา่ งกรงุ กบิลพัสด์กุ บั กรุงเทวทหะ พระนางสิริมหามายาไดป้ ระสูตพิ ระราชโอรสท่ีใตต้ ้นสาละ ในวัน ข้ึน ๑๕ คา่ เดอื น ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี พระพทุ ธศาสนา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
ทันทีท่ีประสตู ิ ทรงดาเนนิ ดว้ ยพระบาท 7 กา้ ว มี ดอกบวั ผุดรองรบั ทรงเปล่งพระวาจาวา่ \"เราเปน็ เลศิ ทส่ี ดุ ในโลก ประเสรฐิ ท่สี ุดในโลก การเกิดครงั้ นีเ้ ป็นครัง้ สดุ ทา้ ยของเรา\"
ตน้ สำละ ,ดอกสำละ
๒.๑ พุทธประวตั ิ หลังจากพระราชโอรสประสูติได้ ๕ วัน พระ เจ้าสุทโธทนะได้เชิญพราหมณ์ มาทาพิธีขนานพระ นามและทานายพระลักษณะโดยได้ขนานพระนามว่า สิทธัตถะ แปลว่า ผู้สาเร็จในสิ่งที่ปรารถนา(ต้องการ) จากนั้นจึงทานายพระลักษณะ โดยพราหมณ์ ๗ คน ทานายว่า ถ้าอยู่ครองราชสมบัติ จะได้เป็นพระมหา จักรพรรดิ (อ่านว่า จัก-กระ-พัด)ผู้ย่ิงใหญ่ ถ้าออก ผนวชจะได้เปน็ ศาสดาเอกของโลก เจ้าชายสทิ ธัตถะ ประสูติใตต้ ้นสาละ ณ ลมุ พินีวนั พระพุทธศาสนา ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
๒.๑ พทุ ธประวัติ แต่ โกณฑัญญะพราหมณ์ (อ่านว่า โกน-ทัน-ยะ-พราม) ทานายว่าเจ้าชายสิทธัตถะ จ ะ เ ส ด็ จ อ อ ก ผ น ว ช แ ล ะ เ ป็ น ศ า ส ด า เ อ ก ข อ ง โ ล ก ห ลั ง จ า ก ป ร ะ สู ติ ไ ด้ ๗ วั น พ ร ะ ม า ร ด า สิ้ น พ ร ะ ช น ม์ ( ต า ย ) เ จ้ า ช า ย สิ ท ธั ต ถ ะ จึ ง อ ยู่ ใ น ค ว า ม ดู แ ล ข อ ง พระนางมหาปชาบดโี คตมี (อ่านว่า พระ-นาง-มะ-หา-ปะ-ชา-บอ-ด-ี โค-ตะ-มี) ผูเ้ ปน็ น้า เม่ือเจ้าชายมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ได้อภิเษกสมรส (อ่านว่า อะ-พิ-เสก-สม-รด หมายถึง แตง่ งาน) กบั พระนางยโสธรา (พิมพา) และมพี ระโอรสพระนามว่า ราหลุ แปลว่า บ่วง พระพทุ ธศาสนา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
๒.๑ พุทธประวัติ วันหน่ึงเจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จประพาสอุทยาน (สวน) และพบเทวทูตท้ัง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย พระองค์ทรงเกิดความสลดพระทัยและคิดว่า “ชีวิตเราคงหนีไม่ พ้นสภาพอย่างนี้แน่” จึงทรงคิดหาวิธีให้พ้นจากความทุกข์เหล่าน้ัน และพระองค์ทรงเห็น นักบวชรูปหน่ึงมีกิริยาสงบเรียบร้อย จึงเกิดความเล่ือมใสและคิดว่า คงเป็นวิธีการหลุดพ้น จากความทกุ ข์ ทรงเหน็ สภาพความเป็นจริงของชีวติ และนาไปสกู่ ารออกผนวช พระพทุ ธศาสนา ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
๒.๑ พทุ ธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะได้ตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชโดยเสด็จออก จากพระราชวัง ในคนื ทพ่ี ระโอรสประสูติ และผนวชบริเวณรมิ ฝั่งแม่น้าอโนมา พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
๒.๒ บำเพญ็ เพียร เ จ้ า ช า ย สิ ท ธั ต ถ ะ เ ส ด็ จ อ อ ก ผ น ว ช เ ม่ื อ พ ร ะ ช น ม า ยุ ๒ ๙ พ ร ร ษ า ไ ด้ ศึ ก ษ า อยู่ในสานักของอาจารย์อาฬารดาบส และอุททกดาบสจนสาเร็จแต่ก็ยังไม่สามารถตรัสรู้ได้ จึงเปล่ียนวิธีไปเป็น การบาเพ็ญทุกรกิริยา (อ่านว่า ทุก-กะ-ระ-กิ-ริ-ยา) คือ การทรมานร่างกาย ใหล้ าบากดว้ ยวิธตี า่ ง ๆ ทรงบาเพญ็ ทกุ รกริ ิยาเพือ่ แสวงหาหนทางพน้ ทุกข์ พระพุทธศาสนา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓
๒.๒ บำเพ็ญเพยี ร ปั ญ จ วั ค คี ย์ ทั้ ง ๕ ที่ ค อ ย ป ร น นิ บั ติ พ ร ะ อ ง ค์ ใ น ข ณ ะ บ า เ พ็ ญ ทุ ก ร กิ ริ ย า เห็นพระองค์เสวยพระกระยาหารตามปกติ ก็เข้าใจว่าพระองค์ทรงละความเพียรพยายาม จึงเลิกปรนนิบัติพระองค์ และทิ้งพระองค์ไปอยู่อิสิปตนมฤคทายวัน (อ่านว่า อิ-สิ-ปะ-ตะ-นะ-มะ-รึก- คะ-ทา-ยะ-วนั ) พระองค์จงึ ทรงบาเพญ็ เพยี รทางจติ โดยไม่มีผู้ใดรบกวน ในวันขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๖ นางสุชาดาผู้เป็นธิดาของเศรษฐีได้นาข้าวมธุปายาส ( อ่าน ว่า ม ะ - ทุ - ป า- ย าด ห ม าย ถึ ง ข้ าว ที่ หุ ง ด้วย นม โ ค ใ ช้ ส าห รับบ วงส รวง เท พ เจ้า ) มาถวายพระสทิ ธัตถะ โดยเขา้ ใจวา่ พระองคเ์ ปน็ รกุ ขเทวดา หลังจากเสวยข้าวมธปุ ายาสหมดแล้ว ทรงถือ ถ า ด ท อ ง ไ ป ยั ง แ ม่ น้ า เ น รั ญ ช ร า แ ล ะ ท ร ง อ ธิ ษ ฐ า น ว่ า “ ถ้ า ไ ด้ ส า เ ร็ จ เ ป็ น พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ขอให้ถาดจงลอยทวนกระแสน้า” ถาดน้ันได้ลอยทวนกระแสน้าข้ึนไปและได้จมลงสู่ใต้บาดาล หลังจาก ทรงลอยถาดแล้ว จงึ เสด็จไปประทับทใ่ี ตต้ น้ พระศรีมหาโพธ์ิ พระพทุ ธศาสนา ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
นางสชุ าดาผ้เู ป็นธดิ าของเศรษฐไี ด้นาขา้ วมธุปายาสมาถวายพระสทิ ธตั ถะ
๒.๓ ผจญมำร พระสิทธัตถะทรงต้ังพระทัยแน่วแน่ว่า ถ้ายังไม่ได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่ลุกข้ึนจากที่ประทับ แม้ว่าเลือดจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตาม หลังจากน้ัน จึง กา ห น ด จิ ต เ จ ริ ญ ส ม าธิ ก่ อ น ท่ี จ ะ ต รั ส รู้ พ ระ อง ค์ ท ร งผ จ ญ กั บห มู่ ม า รจ า นว นม า ก ที่นากองทัพมาล้อมพระองค์และแสดงอิทธิฤทธ์ิต่าง ๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้พระองค์ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า แต่พญามารก็ไม่สามารถขัดขวางพระองค์ได้ พระองค์ทรงประทับนั่ง อย่างสงบน่ิง แม่พระธรณีได้ปรากฏกายขึ้นมาจากปฐพี (อ่านว่า ปะ-ถะ-พี หมายถึง พ้ืนดิน) บีบนา้ จากมวยผมท่ชี ุ่มไปด้วยนา้ ทกั ษิโณทก (นา้ ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงกรวดทกุ คร้งั ทีท่ รงบาเพ็ญบุญบารมี) ให้ไหลทว่ มหมู่มารจนหมดสิน้ พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
๒.๓ ผจญมำร นางวสุนธรา (แม่พระธรณ)ี บีบมวยผมให้นา้ ท่วมหมู่มาร พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
๒.๔ ตรสั รู้ หลังจากทรงชนะมารพระพุทธองค์ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ให้ปราศจากกิเลส จนบรร ลุ ธร ร ม ทร งปฏิบัติธร ร ม ด้วย จิ ตท่ี ส งบ จนกระท่ั งหม ดกิเลส ด้วยพระปัญ ญ า บรรลุอนตุ รสัมมาสมั โพธิญาณ (อา่ นวา่ อะ-น-ุ ตะ-ระ-สา-มา-สา-โพ-ทิ-ยาน) เป็นลาดับ ดงั นี้ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ทรงตรสั รู้ ณ ใตต้ น้ พระศรีมหาโพธิ์ พระพุทธศาสนา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
๒.๔ ตรัสรู้ ยามตน้ (ปฐมยาม) ความรูแ้ จ้งถงึ อดตี ชาติ ยามกลาง (มัชฌิมยาม) ความรู้แจ้งถึงการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ ตลอดถงึ ความแตกต่างทเี่ รียกวา่ กรรม ยามสดุ ทา้ ย (ปจั ฉมิ ยาม) ความรู้แจ้งในการกาจดั กเิ ลสใหส้ น้ิ ไป หลังจากนั้นพระองค์ทรงตรัสรู้ธรรมท่ีเรียกว่า อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ หมายถึง ความ ทกุ ข์ สมทุ ยั หมายถงึ เหตุของการเกดิ ทกุ ข์ นโิ รธ หมายถงึ การดับทุกข์ และมรรค หมายถงึ วิธีดับทุกข์ ในวันเพ็ญข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๖ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เม่ือพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา พระพุทธศาสนา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
๒.๕ ปฐมเทศนำ หลังจากตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตั้งพระทัยอันเป่ียมด้วย พระเมตตาที่จะแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก ทรงพิจารณาถึงผู้ที่จะเสดจ็ ไปโปรดอย่างรอบคอบเพ่ือเผยแผ่ หลักธรรมท่ีทรงตรัสรู้พระองค์ได้เสด็จไปยังอิสิปตนมฤคทายวัน เพื่อแสดงธรรมเทศนากัณฑ์แรก คือ ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต น สู ต ร ( อ่ า น ว่ า ท า - ม ะ - จั ก - กั บ - ป ะ - วั ด - ต ะ - น ะ - สู ด ) ว่าด้วยเรื่องอริยสัจ ๔ และมรรค ๘ ให้แก่ปัญจวัคคีย์ฟังในวันขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๘ ใ นครั้ง น้ั น โก ณ ฑั ญ ญ ะ ไ ด้บร ร ลุ พร ะโ ส ดาบัน แ ล ะขอ อุปส ม บ ท เป็น พ ระภิกษุ รูปแ ร ก ในพระพุทธศาสนา ซ่ึงทาให้มีพระรัตนตรัยครบสามประการ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่ อ ม า ปั ญ จ วั ค คี ย์ ที่ เ ห ลื อ จึ ง ไ ด้ ด ว ง ต า เ ห็ น ธ ร ร ม ส า เ ร็ จ เ ป็ น พ ร ะ อ ร หั น ต์ แ ล ะ อุ ป ส ม บ ท เป็นพระภกิ ษุ พระพุทธศาสนา ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
๒.๕ ปฐมเทศนำ พระพุทธเจา้ ทรงแสดงพระปฐมเทศนาแกป่ ญั จวคั คยี ท์ ัง้ ๕ พระพุทธศาสนา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
๒.๖ ปรนิ พิ พำน พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ท ร ง แ ส ด ง ธ ร ร ม เ ผ ย แ ผ่ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ไ ป อ ย่ า ง ก ว้ า ง ข ว า ง ยังดินแดนต่าง ๆ เป็นเวลา ๔๕ พรรษา เมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา จึงเสด็จดับขันธปรินิพพานในวัน ข้ึน ๑๕ ค่า เดือน ๖ (วันวิสาขะ) ณ ใต้ต้นสาละ เมืองกุสินารา ก่อนปรินิพพานทรงประทานปัจฉิม โอวาท (คาสอนครั้งสุดท้าย ) แก่พระสงฆ์ว่า “สังขารทั้งหลาย มีความเส่ือมสลายไป เปน็ ธรรมดา ทา่ นทง้ั หลายจงบาเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา ใหถ้ ึงพรอ้ มด้วยความไม่ประมาทเถิด” พระพุทธศาสนา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
๒.๖ ปรนิ พิ พำน พระพุทธเจา้ เสดจ็ ดับขนั ธปรนิ พิ พานใตต้ น้ สาละ พระพุทธศาสนา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
กจิ กรรมที่ 1 คำช้แี จง นกั เรยี นตอบคำถำมใหถ้ กู ตอ้ ง 1. พระนามเดิมของพระพทุ ธเจ้า คอื ..........เ.จ...้า..ช...า..ย...ส..ิท....ธ..ัต...ถ..ะ...................................................................................... 2. พระราชมารดาของเจา้ ชายสทิ ธัตถะชอ่ื อะไร......พ..ร..ะ...น..า..ง..ส..ิร...มิ ..ห...า..ม..า..ย..า........................................................... 3. เจ้าชายสทิ ธัตถะประสตู ิ ณ ทีใ่ ด .....ท..ี่ใ..ต..้ต...้น..ส...า..ล..ะ....ณ....ล...ุม..พ...นิ...ีว..ัน....ซ..ง่ึ..อ..ย...รู่ ..ะ..ห...ว..่า..ง..ก..ร..ุง..ก..บ...ิล..พ...สั..ด...ุก์..บั...ก..ร..ุง..เ..ท..ว..ท...ห...ะ 4. เจา้ ชายสิทธัตถะทรงออกพระบรรพชาเมอ่ื ทรงมพี ระชนมายเุ ทา่ ใด.......เ..ม..่อื...พ..ร..ะ...ช..น...ม..า..ย..ุ..๒...๙....พ...ร..ร..ษ..า............ 5. เทวทตู 4 ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ................ค..น...แ..ก...่ .ค...น..เ..จ..บ็ ....ค..น...ต..า..ย....น...กั ..บ...ว..ช..................................................................
ทำแบบทดสอบหลังเรยี นก่อนนะคะ พระพทุ ธศาสนา ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
แบบทดสอบหลงั เรียน 1. พระโอรสของเจา้ ชายสทิ ธตั ถะมีพระนามว่าอยา่ งไร ก. พระสารบี ุตร ข. พระสุทโธทนะ ค. พระราหุล ง. พระสังกจิ จะ สังคมศกึ ษา By : ครกู อ้ ย
แบบทดสอบหลงั เรยี น 2. พระสิทธัตถะบาเพญ็ ทุกรกิรยิ าโดยการทรมานตนเองด้วยวธิ ีใด ก. ใช้พระทนต์กดพระโอษฐ์ ข. ทรงผ่อนกล้ันลมอสั สาสะปสั สาสะ ค. น่งั สมาธิจนพระอัฐปิ รากฏท่ัวพระวรกาย ง. ทรงอดพระสุธารส จนมีพระอาการประชวร สงั คมศึกษา By : ครูกอ้ ย
แบบทดสอบหลงั เรียน 3. เพราะเหตุใดพระพทุ ธเจ้าทรงเลอื กทีจ่ ะแสดงธรรมโปรดปญั จวัคคยี ์ ก. เพราะเปน็ ผทู้ ่อี ยู่ใกลช้ ดิ เคยรบั ใช้พระองค์ ข. เพราะมีกเิ ลสเบาบางสามารถตรัสร้ไู ดท้ นั ที ค. เพราะมีพ้นื ฐานทางธรรมทาใหบ้ รรลุธรรมเบ้ืองตน้ ได้ ง. เพราะมคี วามขยันหมนั่ เพยี รในการศึกษาพระธรรมตั้งแตเ่ ยาวว์ ยั สงั คมศึกษา By : ครกู ้อย
แบบทดสอบหลงั เรียน 4. พระพุทธเจา้ เสดจ็ ออกผนวช (บวช) เพราะอะไร ก. ตอ้ งการไปใช้ชวี ิตในปา่ ข. ไดร้ บั ความสุขเพยี งพอแลว้ ค. ตอ้ งการหาหนทางทีจ่ ะพน้ ทกุ ข์ ง. ตอ้ งการหาความสบาย สังคมศึกษา By : ครูก้อย
แบบทดสอบหลงั เรยี น 5. หลกั ธรรมทพ่ี ระพุทธเจ้าตรัสร้เู รยี กว่าอะไร ก. กรรม ข. ธรรมมะ ค. อรยิ สัจ 4 ง. มรรค 8 สังคมศกึ ษา By : ครกู ้อย
เรยี นเสรจ็ แลว้ ไวเ้ จอกนั ใหม่นะคะ พระพทุ ธศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: