ผักคะน้า

ผักคะนา้ ชื่อสามญั Chinese Kale ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Brassica alboglabra ผกั คะน้า มถี นิ่ กำเนดิ อยู่ในทวีปเอเชยี และปลกู กนั มากในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออก เฉียงใต้ รวมทงั้ ประเทศไทย คะน้าเป็นผกั ทีน่ ยิ มปลกู และบรโิ ภคกนั มา โดยปลูกเพ่ือบริโภค สว่ นของใบและลำต้น อายตุ ง้ั แต่หวา่ นหรือหยอดเมลด็ จนถึงเกบ็ เกี่ยวประมาณ 45-55 วนั ผกั คะนา้ เปน็ ผกั สวนครวั ที่สามารถปลูกไดต้ ลอดทงั้ ปี แต่ช่วงเวลาทป่ี ลูกไดผ้ ลดี ทส่ี ดุ อยู่ในช่วงเดือนตลุ าคมถงึ เมษายน ประโยชน์ของคะนา้ 1. มสี ารต้านอนุมลู อิสระท่ีจะทำหนา้ ท่ีช่วยชะลอความเสอ่ื มของสภาพเซลลต์ า่ งๆ ภายในร่างกายได้ 2. เสริมสรา้ งภูมคิ มุ้ กนั โรคให้แข็งแรง ทำให้สขุ ภาพดีขนึ้ 3. บำรุงผวิ พรรณใหเ้ ปลง่ ปลง่ั สุขภาพดแี ละชว่ ยต่อต้านการตดิ เชอื้ 4. อุดมดว้ ยวติ ามินซซี งึ่ มีส่วนช่วยในการเสรมิ สรา้ งเนื้อเย่ือให้ผวิ หนงั ชุ่มชน้ื ยิ่งข้นึ 5. สารเบต้าแคโรทีนจากผกั คะนา้ หน้าทชี่ ่วยบำรุงและถนอมสายตาได้ดี 6. มีสารลทู นี (Lutein) ซึง่ จะชว่ ยลดความเสย่ี งในการเกิดตอ้ กระจกได้ 29% 7. ลดโอกาสเสีย่ งในการเกิดโรคจอประสาทตาเสอ่ื ม 8. ชว่ ยบำรงุ โลหิตและช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนเลอื ดให้ทำงานดียิง่ ข้นึ 9. แคลเซียมในผกั คะน้าสามารถช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แขง็ แรง 10. ช่วยยบั ยั้งการเจรญิ เตบิ โตของเน้อื งอก ยับย้ังสารก่อมะเรง็