แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 1 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ รหสั วิชา ว 23102 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชัว่ โมง ครผู ู้สอน นางสาวภักดนิ นั ท์ สมรักษ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ ว 2.3 ม.3/1 วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ระหว่างความต่างศักย์กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน และคานวณปริมาณทีเ่ กีย่ วข้องโดยใช้สมการ V = IR จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.3 ม.3/2 เขียนกราฟความสมั พันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า และความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้า ว 2.3 ม.3/3 ใช้โวลต์มเิ ตอร์ แอมมิเตอรใ์ นการวัดปริมาณทางไฟฟ้า 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (จากตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) 1. อธิบายความหมายของกระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ได้ (K) 2. คานวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับความสัมพนั ธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และ ความตา้ นทานได้ (P) 3. ปฏิบตั ิกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์ได้อย่างถูกต้องและเป็นลาดบั ขั้นตอน (P) 4. มีความใฝเ่ รียนรู้และมีความมงุ่ ม่นั ในการทางาน (A) 3. สาระสาคญั กระแสไฟฟ้า เป็นปริมาณประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่หรือถ่ายเทจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เป็นความ แตกต่างของพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วยประจุระหว่างจุด 2 จุด ซึ่งทาให้เกิดกระแสไฟฟ้า โดยกระแสไฟฟ้าจะ ไหลจากจุดที่มีระดับพลังงานไฟฟ้าสูงกว่าไปยังจุดที่มีระดับพลังงานไฟฟ้าต่ากว่า และจะหยุดไหลเม่ือ ศักย์ไฟฟ้าของท้ังสองจุดเท่ากัน สามารถวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้โดยใช้แอมมิเตอร์ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่าง
กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ เปน็ ไปตามกฎของโอหม์ มีใจความสาคัญว่า เมื่ออณุ หภูมิคงที่ กระแสไฟฟ้า ในตัวนาโลหะจะแปรผนั ตรงกบั ความตา่ งศักย์ระหว่างปลายท้ัง 2 ข้าง ของตัวนานั้น 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสารวจค้นหา 3) ทักษะการตง้ั คาถาม 4) ทักษะการตงั้ สมมตฐิ าน 5) ทักษะการตรวจสอบสมมตฐิ าน 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ (Knowledge : K) เมือ่ ตอ่ วงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟ้าออกจากข้ัวบวกผา่ นวงจรไฟฟ้าไปยังขั้วลบของ แหลง่ กาเนิดไฟฟ้า ซึ่งวดั ค่าได้จากแอมมิเตอร์ ค่าทีบ่ อกความแตกต่างของพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วยประจุระหว่างจดุ 2 จุด เรียกว่า ความต่างศกั ย์ซึ่ง วัดค่าได้จากโวลต์มเิ ตอร์ ขนาดของกระแสไฟฟ้ามีค่าแปรผนั ตรงกบั ความต่างศกั ย์ระหว่างปลายท้ังสองของตัวนา โดยอัตราส่วน ระหว่างความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้ามีคา่ คงที่ เรียกค่าคงทีน่ วี้ ่า ความตา้ นทาน 5.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process : P) 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทกั ษะการสารวจค้นหา 3) ทักษะการตงั้ คาถาม 4) ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน 5) ทักษะการตรวจสอบสมมตฐิ าน 5.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค(์ Attitude : A) 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน 6. จดุ เน้นส่กู ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน(เลือกเฉพาะจุดเน้นขอ้ ที่มใี นแผนการจดั การเรยี นรู้ สามารถ เพิ่มเติมจุดเน้น ตามนโยบายอืน่ ๆได้)
6.1 ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทกั ษะการเปลี่ยนแปลง (Change) 6.2 ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยดื หยุ่นและการปรบั ตวั การรเิ ริ่มสร้างสรรค์และเปน็ ตวั ของตวั เอง ทกั ษะสงั คมและสังคมข้ามวฒั นธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผผู้ ลิต (Productivity) และความรับผดิ ชอบเชือ่ ถอื ได้ (Accountability) ภาวะผู้นาและความรับผดิ ชอบ (Responsibility) 6.3 คณุ ลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลักษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรบั ตวั ความเป็นผู้นา คณุ ลักษณะด้านการเรียนรู้ ได้แก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง คุณลกั ษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซือ่ สตั ย์ ความสานึกพลเมือง 7. การบูรณาการ(เลือกเฉพาะข้อที่สามารถบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเพิม่ เติมเรื่องอื่นๆ ได้) โครงการสถานศกึ ษาพอเพียง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม อาเซียนศกึ ษา คณุ ธรรม ค่านิยม 12 ประการ อนรุ กั ษ์พลงั งานและสิง่ แวดล้อม อืน่ ๆ(ระบ)ุ ..................................................................................... 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ 1) ใบงานที่ 5.1 เร่ือง กฎของโอห์ม
2) สมุดประจาตัวนักเรียน 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model ชัว่ โมงที่ 1 ข้นั นา ขัน้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ เพือ่ วัดความรเู้ ดิมของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ก่อนเข้าสู่กิจกรรม 2. ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรียนโดยใช้คาถาม Big Question จากหนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ และร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นอย่างอสิ ระโดยครเู ขียนคาตอบของนักเรียนไว้ แล้วครูจะมา ตรวจสอบคาตอบหลังเรยี นเสร็จ 3. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ Check for Understanding ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรยี น 4. นักเรียนทากิจกรรม Engaging Activity จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ พิจารณาฉลากเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วอธิบายว่าฉลาก เครือ่ งใช้ไฟฟ้าแสดงข้อมูลใดบ้าง โดยบนั ทึกลงในสมดุ ประจาตัวนักเรียน ขน้ั สอน ขัน้ ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูถามคาถาม Key Question จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการนาเข้าสู่เนื้อหาทีเ่ รยี นว่า “ปริมาณทาง ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง และมีความสมั พันธ์กันอย่างไร” โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระโดยครูเขียนคาตอบของนักเรียนไว้ แล้วครูจะมาตรวจสอบคาตอบหลงั เรียนเสร็จ
(แนวตอบ : ปริมาณทางไฟฟ้าประกอบด้วย กระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และความตา้ นทาน โดยอัตราสว่ นระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์จะมีคา่ เท่ากบั ความต้านทาน) 2. นักเรียนแต่ละคนศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกับเรือ่ ง กระแสไฟฟ้า และความต่างศักย์ จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรอื แหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต จากน้ันร่วมกนั สรุปความรทู้ ี่ได้จากการศกึ ษาค้นคว้า ลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน 3. ครตู ั้งประเด็นคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น เพือ่ หาคาตอบ ดงั นี้ ถ้านกั เรียนต้องการจะวดั กระแสไฟฟ้ากับความตา่ งศกั ย์ นกั เรียนจะเลือกใช้อุปกรณ์ใด และจะต่ออปุ กรณ์อย่างไร” (แนวตอบ : สามารถวัดกระแสไฟฟ้าในวงจรโดยการตอ่ แอมมิเตอรเ์ ข้าไปในวงจร แบบอนุกรม และความตา่ งศกั ย์โดยการต่อโวลต์มเิ ตอร์ แบบขนาน) กระแสไฟฟ้าเกิดขึน้ ได้อย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากการเคลือ่ นที่ของประจุไฟฟ้า เม่อื ประจไุ ฟฟ้าเกิดการเคลือ่ นทีจ่ ะก่อใหเ้ กิด กระแสไฟฟ้า) ชว่ั โมงที่ 2 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมคั รใจ เพือ่ ศกึ ษากิจกรรมความสมั พันธ์ระหว่าง กระแสไฟฟ้ากับความตา่ งศักย์ จากนั้นให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมารบั วัสดอุ ปุ กรณ์ท่ใี ช้ ในการปฏิบตั ิกิจกรรมความสัมพันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟา้ กบั ความตา่ งศกั ย์ 5. สมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันศึกษาจดุ ประสงค์ วัสดุอุปกรณ์ และวธิ ีปฏิบัติกิจกรรม จากหนงั สือเรยี น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้ันตอน ในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จากน้ันสมาชิกแตล่ ะกลุ่มนาผลการ ทดลองที่ได้มาอภปิ รายร่วมกนั ภายในกลุ่ม เพือ่ หาข้อสรปุ ของผลการทดลอง และเขียนกราฟแสดง ความสัมพนั ธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากบั ความต่างศกั ย์ ช่วั โมงที่ 3
ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับ ความต่างศักย์หน้าชั้นเรยี น ในระหว่างที่นกั เรียนนาเสนอ ครูคอยใหข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพือ่ ให้นกั เรียนมีความเข้าใจถกู ต้อง 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบคาถามท้ายกิจกรรม โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความ คิดเห็นเพื่อหาคาตอบ จากนั้นครูสมุ่ นักเรียนใหต้ อบคาถามท้ายกิจกรรม 9. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายผลท้ายกิจกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่าง ศกั ย์ และเฉลยคาถามท้ายกิจกรรม 10. นกั เรียนแต่ละคนศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเกีย่ วกบั เรื่อง กฎของโอห์ม ความตา้ นทาน และตวั อย่างการ คานวณหาความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และความต้านทาน จากตัวอย่าง ที่ 5.1-5.4 ในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้า และ อิเลก็ ทรอนิกส์ ครอู าจแนะนาให้นักเรียนทาตามขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา ดงั นี้ ข้ันที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ปัญหา ข้ันที่ 2 วางแผนการแก้โจทย์ปญั หา เชน่ ส่งิ ที่โจทย์ต้องการถามหา และจะหาส่งิ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ ต้องทาอย่างไร ข้ันที่ 3 ดาเนินการแก้โจทย์ปญั หา ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคาตอบ 11. ครูสุ่มนกั เรียน 4 คน ออกมาหน้าชั้นเรียน จากน้ันครูให้นกั เรียนออกมาจับสลาก โดยครเู ตรียม สลากหมายเลข แล้วให้นักเรียนแสดงวิธีการคานวณหาผลลพั ธ์จากตวั อย่างทีศ่ กึ ษาบนกระดาน หนา้ ช้ันเรยี น ครูอาจเสนอแนะ หรอื อธิบายเพิ่มเติมในตัวอย่างนั้น ๆ เพื่อให้นกั เรียนมีความเข้าใจ ทีถ่ ูกต้อง หมายเลข 1 ตัวอย่างที่ 5.1 หมายเลข 2 ตวั อย่างที่ 5.2 หมายเลข 3 ตัวอย่างที่ 5.3 หมายเลข 4 ตัวอย่างที่ 5.4 12. ครตู ั้งประเด็นคาถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อหาคาตอบ ดงั นี้ ปจั จัยใดบ้างทีม่ ผี ลต่อความต้านทานของตวั นา (แนวตอบ : ชนิด ความยาว พ้ืนทีห่ น้าตดั และอุณหภูมิของตัวนา)
กฎของโอห์มมีใจความสาคัญอย่างไร (แนวตอบ : เม่อื อุณหภูมคิ งที่ กระแสไฟฟ้าในตวั นาโลหะจะแปรผันตรงกบั ความตา่ งศกั ย์ระหว่าง ปลายทั้ง 2 ข้าง ของตวั นานั้น) 13. นกั เรียนแตล่ ะคนทาใบงานที่ 5.1 เรอ่ื ง กฎของโอหม์ จากน้ันครูให้นกั เรียนแตล่ ะคนจับคู่กับ เพือ่ นทีน่ ่ังขา้ งกัน แล้วช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องของคาตอบในใบงานที่ 5.1 เร่ือง กฎของ โอห์ม ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 14. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามเนือ้ หาเกี่ยวกบั เรื่อง กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ และ ความต้านทาน และให้ความรู้เพิ่มเตมิ จากคาถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง ความสมั พันธ์ระหว่างกระแสไฟฟา้ กบั ความต่างศกั ย์ ในการอธิบายเพิม่ เติม 15. นกั เรียนแตล่ ะคนทาแบบฝกึ หัด เรือ่ ง กระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และความต้านทาน จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและ อิเลก็ ทรอนิกส์ ข้นั สรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนักเรียน 2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คล พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าช้ันเรียน 3. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ Check for Understanding ในสมุดประจาตวั นกั เรียน 4. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ความสมั พันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความตา่ งศักย์ 5. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 5.1 เร่อื ง กฎของโอห์ม 6. ครูตรวจแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ และความต้านทาน จากแบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ 7. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเกีย่ วกบั เรื่อง กระแสไฟฟ้า ความตา่ งศกั ย์ และความตา้ นทาน
10. สอ่ื การสอน 1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ 2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ 3) ใบงานที่ 5.1 เร่ือง กฎของโอห์ม 4) วสั ดอุ ุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบัติกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศกั ย์ 5) PowerPoint เรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศักย์ 6) สลากหมายเลข 7) สมุดประจาตวั นกั เรียน 11. แหลง่ เรียนรใู้ นหรอื นอกสถานที่ 1) หอ้ งเรียน 2) บริเวณโรงเรยี น 12. การวัดและประเมนิ ผล (ใสต่ ามความเหมาะสม) รายการวัด วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 12.1 การประเมิน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อน - ประเมินตามสภาพ ก่อนเรยี น จรงิ ก่อนเรียน หน่วยการ เรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน หน่วย เรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้า หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 การ เรียนรู้ที่ 5 ไฟฟ้า และ ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ อิเลก็ ทรอนิกส์ และอิเลก็ ทรอนิกส์ 12.2 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ - ตรวจใบงานที่ 5.1 - ใบงานที่ 5.1 - ร้อยละ 60 ผ่าน 1) ความสมั พันธ์ เกณฑ์ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมุดประจาตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่าน ระหว่าง เกณฑ์ กระแสไฟฟ้ากับ หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั ความต่างศกั ย์ วิทยาศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ม.3 เล่ม และเทคโนโลยี ม.3 2 เล่ม 2 2) ผลบันทึกการ - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมดุ ประจาตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่าน ปฏิบตั ิกิจกรรม หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั เกณฑ์ ความสมั พันธ์ วิทยาศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ ระหว่าง และเทคโนโลยี ม.3
รายการวดั วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน กระแสไฟฟ้ากบั เทคโนโลยี ม.3 เล่ม เล่ม 2 ความต่างศกั ย์ 2 3) การนาเสนอ - ประเมินการ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลงาน/การปฏิบตั ิ นาเสนอ นาเสนอผลงาน/การ ผ่านเกณฑ์ กิจกรรม ผลงาน/การปฏิบัติ ปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรม 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คณุ ภาพ 2 ทางานรายบคุ คล การทางาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล การทางานรายบุคคล 5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดับคุณภาพ 2 ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การทางานกลุ่ม 6) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 อันพึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ และมุ่งม่ันในการ อนั พึงประสงค์ ทางาน กิจกรรมเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................
14. บนั ทึกผลหลังการสอน 14. 1. ผลการจดั การเรียนการสอน 1. นกั เรียนจานวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .................................................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์ ................................คน คิดเป็นรอ้ ยละ ................................................. ได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ/นกั เรียนพิการได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3. นักเรียนมคี วามรู้เกิดทกั ษะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนเจตคติ ค่านิยม 12 ประการ คุณธรรมจริยธรรม ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.2 ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.3 เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชื่อ....................................................... ( ..................................................) ตาแหนง่ ครู...................
ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง ......................................................แล้วมคี วามคิดเห็นดงั น้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ ครบถ้วนและถกู ต้อง ยงั ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถกู ต้อง ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กบั หลกั สตู รสถานศกึ ษา สอดคล้อง ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ยงั เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 4. สอ่ื การเรียนรู้ เหมาะสมกับรูปแบบการจดั การเรียนรู้ ยังไม่เหมาะ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 5. การประเมินผลการเรียนรู้ ครอบคลมุ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ยังไม่ครอบคลมุ ประสงค์การเรียนรู้ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 6. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................ (นายโชติชัย กิง่ แก้ว) ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนน้าปลีกศึกษา
ใบงานที่ 5.1 เรอ่ื ง กฎของโอหม์ คาช้แี จง : แสดงวิธคี ำนวณเกี่ยวกับกฎของโอหม์ ให้ถูกต้อง 1. วงจรไฟฟ้ำหน่ึงมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำที่ให้ควำมต่ำงศักย์ 6 โวลต์ ต่อแบบอนุกรมกับตัวต้ำนทำนขนำด 3 โวลต์ต่อ แอมแปร์ จะมกี ระแสไฟฟำ้ ไหลในวงจรเท่ำใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………… 2. วงจรไฟฟ้ำหนึง่ มีกระแสไฟฟ้ำ 2 แอมแปร์ ไหลผ่ำนตวั ต้ำนทำนขนำด 20 โอหม์ จงหำควำมต่ำงศกั ย์ของแหลง่ กำเนิด ไฟฟำ้ ในวงจรไฟฟำ้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………… 3. ในวงจรไฟฟ้ำมีแบตเตอรี่ขนำด 20 โวลต์ ทำให้มีกระแสไฟฟ้ำ 5 แอมแปร์ ไหลผ่ำนตัวต้ำนทำน จงหำว่ำควำม ต้ำนทำนนมี้ ีคำ่ เทำ่ ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………… 4. จงหำกระแสไฟฟ้ำท่ีไหลในวงจรไฟฟ้ำเมื่อมีแบตเตอรี่ท่ีให้ควำมต่ำงศักย์ 15 โวลต์ และมีควำมตำ้ นทำน 200 โวลต์ ตอ่ แอมแปร์ ต่ออยู่ในวงจรไฟฟ้ำ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………
5. ต่อลวดโลหะเข้ำกับเซลล์ไฟฟ้ำหนงึ่ พบว่ำมีกระแสไฟฟำ้ ไหลผำ่ นลวดโลหะขนำด 0.1 แอมแปร์ ถ้ำลวดโลหะน้ีมคี วำม ตำ้ นทำน 50 โอห์ม ควำมต่ำงศกั ยข์ องเซลลไ์ ฟฟำ้ มีขนำดเทำ่ ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………… 6. ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้ำขนำด 3 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์ลวดทองแดง จะมีควำมต้ำนทำนเทำ่ ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………
ใบงานที่ 5.1 เฉลย เรือ่ ง กฎของโอหม์ คาชี้แจง : แสดงวธิ ีคำนวณเก่ียวกับกฎของโอหม์ ให้ถูกต้อง 1. วงจรไฟฟ้ำหน่ึงมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำที่ให้ควำมต่ำงศักย์ 6 โวลต์ ต่อแบบอนุกรมกับตัวต้ำนทำนขนำด 3 โวลต์ต่อ แอมแปร์ จะมกี ระแสไฟฟำ้ ไหลในวงจรเท่ำใด วธิ ที า เมอ่ื พิจำรณำโจทย์ จะได้วำ่ V = 6 V และ R = 3 V/A จำกสมกำร V IR เมื่อแทนค่ำลงในสมกำรจะได้ 6 V I 3 V/A 6V I 3 V/A I2A ดังน้ัน มีกระแสไฟฟำ้ ไหลในวงจรเทำ่ กบั 2 แอมแปร์ 2. วงจรไฟฟ้ำหน่ึงมกี ระแสไฟฟ้ำ 2 แอมแปร์ ไหลผ่ำนตัวต้ำนทำนขนำด 20 โอห์ม จงหำควำมต่ำงศกั ย์ของแหล่งกำเนิด ไฟฟำ้ ในวงจรไฟฟ้ำ วธิ ที า เมอ่ื พิจำรณำโจทย์ จะได้ว่ำ I = 2 A และ R = 20 Ω จำกสมกำร V IR เมอ่ื แทนค่ำลงในสมกำรจะได้ V 2 A 20 V 40 V ดังน้นั ควำมต่ำงศกั ยข์ องแหล่งกำเนดิ ไฟฟำ้ ในวงจรไฟฟ้ำเทำ่ กบั 40 โวลต์ 3. ในวงจรไฟฟ้ำมีแบตเตอรี่ขนำด 20 โวลต์ ทำให้มีกระแสไฟฟ้ำ 5 แอมแปร์ ไหลผ่ำนตัวต้ำนทำน จงหำว่ำควำม ต้ำนทำนนม้ี คี ่ำเท่ำใด วธิ ีทา เมอื่ พิจำรณำโจทย์ จะไดว้ ่ำ V = 20 V และ I = 5 A จำกสมกำร V IR เมื่อแทนคำ่ ลงในสมกำรจะได้ 20 V 5 A R 20 V R 5A R4 ดงั นัน้ ควำมต้ำนทำนของตวั ตำ้ นทำนน้เี ท่ำกบั 4 โอหม์ 4. จงหำกระแสไฟฟ้ำท่ีไหลในวงจรไฟฟ้ำเม่ือมีแบตเตอรี่ท่ใี หค้ วำมตำ่ งศักย์ 15 โวลต์ และมีควำมตำ้ นทำน 200 โวลต์ ตอ่ แอมแปร์ ต่ออยู่ในวงจรไฟฟำ้ วธิ ที า เมอ่ื พจิ ำรณำโจทย์ จะได้วำ่ V = 15 V และ R = 200 V/A
จำกสมกำร V IR เมอ่ื แทนค่ำลงในสมกำรจะได้ 15 V I 200 V / A 15 V I 200 V / A I 0.075 A ดังน้ัน มกี ระแสไฟฟ้ำไหลในวงจรเทำ่ กบั 0.075 แอมแปร์ 5. ต่อลวดโลหะเข้ำกับเซลลไ์ ฟฟ้ำหน่งึ พบวำ่ มกี ระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ นลวดโลหะขนำด 0.1 แอมแปร์ ถำ้ ลวดโลหะนี้มีควำม ตำ้ นทำน 50 โอห์ม ควำมต่ำงศกั ยข์ องเซลลไ์ ฟฟ้ำมีขนำดเทำ่ ใด วธิ ที า เมื่อพิจำรณำโจทย์ จะได้วำ่ I = 0.1 A และ R = 50 Ω จำกสมกำร V IR เมอ่ื แทนคำ่ ลงในสมกำรจะได้ V 0.1 A 50 V5V ดงั นนั้ ควำมต่ำงศักยข์ องเซลล์ไฟฟ้ำเทำ่ กบั 5 โวลต์ 6. ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้ำขนำด 3 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์ ลวดทองแดงจะมคี วำมต้ำนทำนเท่ำใด วธิ ีทา เมื่อพจิ ำรณำโจทย์ จะได้วำ่ V = 3 V และ I = 0.05 A จำกสมกำร V IR เมือ่ แทนคำ่ ลงในสมกำรจะได้ 3 V 0.05 A R 3V R 0.05 A R 60 ดงั น้นั ลวดทองแดงจะมีควำมตำ้ นทำนเทำ่ กบั 60 โอห์ม
สลากหมายเลข 2 4 1 3
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: