ระบบนเิ วศป่าไม้โรงเรยี นบ่อพลอยรัชดาภิเษก สพม.8
คำนำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอ เร่ือง ระบบนิเวศป่ำไม้ เพ่ือเป็นแหล่งควำมรู้และแหล่งสืบค้นข้อมูลผู้ ท่ีน่ำสนใจในเร่ือง ระบบนเิ วศปำ่ ไม้ ขอขอบคุณอำจำรย์ผู้สอนที่คอยสนับสนุนให้คำแนะนำ และสนับสนุนในกำรจัดกำรทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์น้ีโดย ตลอด หำกหนังสือเล่มน้ีมีข้อผิดพลำดประกำรใดคณะผู้จัดทำ ขออภัยไว้ ณ ทีน่ ีด้ ้วย คณะผูจ้ ัดทำ ด.ญ. จฑุ ำมำศ เหมือนเขียว ด.ญ. อรัชพร ท้วมทองดีก เรือ่ ง ระบบนิเวศปา่ ไม้
คำแนะนำหน้ำแรก สำรบญัยอ้ นกลบั ถัดไป คลปิ วดี ิโอ เสียง ข
ประมวลภำพ1 เรื่อง ระบบนิเวศป่าไม้
สำรบัญ เรื่อง หนา้ระบบนเิ วศป่ำไม้ 3-13คลปิ ระบบนิเวศปำ่ ไม้ 14แบบทดสอบเฉลย 15-16 17-18ผู้จัดทำอำ้ งอิง 19 20 2
ระบบนิเวศปำ่ ไม้ ระบบนิเวศป่ำไม้ (อังกฤษ: Forest ecosystem) ระบบนิเวศป่ำไม้เป็นศูนย์รวม ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพท่ีสำคัญที่สุดใน โลก และเป็นปัจจัยหลักท่ีเกื้อกูลกำร ด ำ ร ง ชีวิ ต ข อ งป ร ะ ช ำช น จ ำ นว น ม ำ ก โ ด ย เ ฉ พ ำ ะ ช น พ้ื น เ มื อ ง แ ล ะ ชุ ม ช น ท้ อ ง ถ่ินท่ีอำศัยอยู่ในบริเวณป่ำ ทั้งยังช่วยควบคุม สภำพอำกำศให้เหมำะสม3 เรื่อง ระบบนิเวศปา่ ไม้
เน่ืองจำกเป็นแหล่งดูดซับและกักเก็บคำร์บอน กำรท่ีมนุษย์ตัดไม้ทำลำยป่ำกำรแบ่งป่ำเป็นผืนเล็กผืนน้อย และทำให้ป่ำเส่ือมสภำพลง ส่งผลให้เกิดกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพของป่ำไม้ท่ัวโลก โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงในป่ำเขตร้อนท่มี ีควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพสงู สดุ 4
นยิ ำมและควำมสำคัญ ระบบนิเวศป่ำไม้ (forest ecosystem) หมำยถึง แหล่งรวมของส่ิงมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ป่ำที่มำอำศัยอยู่ ร่วมกันและก่อให้เกิดควำมสัมพันธ์ต่อสิ่งมีชีวิตด้วยกันเอง ในหลำยรูปแบบ มีกำรส่งผ่ำนพลังงำน ระหว่ำงระบบหรือ ภำยในระบบ กล่ำวได้ว่ำ พื้นท่ีคุ้มครอง (protected areas) นั้นจัดเป็นระบบนิเวศป่ำไม้ระบบหนึ่ง กำรศึกษำ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ป่ ำ ไ ม้ จ ะ พิ จ ำ ร ณ ำ ถึ ง ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ป่ ำ บ ก (terrestrial ecosystem) ซึ่งในระบบนิเวศป่ำไม้ ประกอบด้วยระบบนิเวศย่อยท่ีสำคัญ คือ ระบบนิเวศย่อย ป่ำผลัดใบ (deciduous forest ecosystem) และระบบ นิเวศยอ่ ยปำ่ ไม่ผลัดใบ (evergreen forest ecosystem)5 เร่อื ง ระบบนิเวศปา่ ไม้
โดยที่ระบบนิเวศย่อยป่ำผลัดใบ ประกอบด้วยชนิดป่ำท่ีสำคัญ 4ชนิด คือ ป่ำผสมผลัดใบ (mixeddeciduous forest) ป่ำเต็งรัง(deciduous dipterocarp forest)ป่ำทุ่ง(savannah forest) และทุ่งหญ้ำ (grassland) ส่วนระบบนิเวศย่อยป่ำไม่ผลัดใบ ประกอบด้วยป่ำบกที่สำคัญ 5ชนิด คือ ป่ำดิบช้ืน(moist evergreen forest) ป่ำดิบแล้ง (dry evergreen forest) ป่ำดิบเขำ (montane evergreenforest) ป่ำสนเขำ (pine forest)และ ป่ำชำยหำด(beach forest) 6
ระบบนิเวศย่อยป่ำผลดั ใบ -ป่ำผสมผลัดใบ ป่ำผสมผลัดใบอำจเป็นท่ีรู้จักกันในอีกช่ือ หน่ึงว่ำ ป่ำเบญจพรรณ ลักษณะที่ใช้จำแนกขั้นต้น คือ กำรที่ ต้นไม้เกือบทั้งหมดมีกำรผลัดใบในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพำะต้ังแต่ ปลำยเดือนมกรำคมจนถึงเดือนเมษำยน เรือนยอดป่ำคงเหลือแต่ ก่ิงก้ำนคล้ำยไม้ตำยแห้งหมดทั้งป่ำ ลักษณะที่ใช้ในข้ันถัดไปที่ใช้ จำแนกสังคมพืชนี้จำกสังคมพืชผลัดใบอื่น ๆ คือ ไม้ดัชนีของ สงั คมและโครงสร้ำงทำงดำ้ นตั้งเป็นหลัก อำจแบง่ ย่อยได้เปน็7 เร่ือง ระบบนิเวศป่าไม้
•ปำ่ ผสมผลัดใบในระดับสงู ชืน้ (Moist upper mixeddeciduous forest)•ป่ำผสมผลัดใบในระดบั สูงแล้ง (Dry upper mixeddeciduous forest)•ปำ่ ผสมผลดั ใบในระดับต่ำ (Lower mixed deciduousforest) 8
ป่ำเตง็ รัง ป่ำเต็งรัง (Deciduous dipterocarpforest) กำรผลัด ใ บ ข อ ง ไ ม้ ส่ ว น ใ ห ญ่ ใ น ทุ ก ระดับช้ันเรือนยอด เช่นเดียวกับ ป่ำผสมผลัดใบและไม้ดัชนี ใน สังคมพืชซึ่งมีควำมแตกต่ำงจำก ป่ำในกลุ่มป่ำผลัดใบในสังคมอื่น ๆ อย่ำงเด่นชัด เช่น ไม้ในวงศ์ ยำง ที่ผลัดใบ เช่น เต็ง รัง เหียง พลวง ยำงกรำด และพะยอม เปน็ ตน้9 เร่อื ง ระบบนเิ วศปา่ ไม้
ระบบนิเวศทุ่งหญ้ำ จะมีลักษณะเป็นท่ีรำบ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เป็นต้นหญ้ำ พบได้ในส่วนต่ำง ๆ ของโลกหลำยทวีป มีอัตรำกำรระเหยของน้ำสูง จึงทำให้สำมำรถพบสภำวะแห้งแล้งได้ในบำงช่วงเวลำ ระบบนิเวศทุ่งหญำ้ จะสำมำรถแบง่ ได้เปน็ 2 ชนดิ 10
ทงุ่ หญำ้ เขตอบอุ่น -ทุ่งหญ้ำเขตอบอุ่น(temperate grassland) เป็นทุ่งหญ้ำที่ มีต้นหญ้ำสูงต้ังแต่ 1.5-8 ฟุต แตกต่ำงกันไปตำมปริมำณน้ำฝน หญ้ำในเขตนี้จะมีรำกท่ีหยั่งลึกมำกทุ่งหญ้ำเขตอบอุ่นท่ีสำคัญ ได้แก่ ทุ่งหญ้ำสเตปส์ (Steppes) ในรัสเซีย ทุ่งหญ้ำแพร่ี (Prairie) ในยุโรปตะวันตก เป็นต้น สัตว์ท่ีพบในระบบนิเวศ ลกั ษณะน้ี ได้แก่ ววั ไบซนั แอนทโี ลป ม้ำลำย กระรอก เป็นต้น11 เรือ่ ง ระบบนิเวศป่าไม้
ทุ่งหญ้ำเขตรอ้ น ทงุ่ หญ้ำเขตร้อน(Tropical grassland forest)ทุ่งหญำ้ เขตรอ้ นจะเปน็ เขตที่ พบพชื ตระกลู หญ้ำปกคลมุ ดิน มี สภำพภูมอิ ำกำศแบบฤดูแล้งยำวนำน ปริมำณนำ้ ฝนเฉล่ยี รำยปีคอ่ นขำ้ งต่ำ พ้นื ดินส่วนใหญข่ ำดควำมอดุ มสมบรู ณ์ หรือมีควำมเค็มสูง พื้นที่ที่มีระบบนิเวศแบบน้ี ได้แก่ ทุ่งหญ้ำสะวันนำ (Savanna) โดยท่ัวไปสังคมพืชที่ประกอบด้วยหญ้ำเป็นส่วนใหญ่ และส่วนที่เป็นหญ้ำมีกำรปกคลุมพื้นที่ต่อเนื่องกันไปกว้ำงมำกกว่ำ 10 เท่ำของควำมสูงต้นไม้ท่ีปรำกฏอยู่ มักจำแนกให้เป็นทุ่งหญ้ำเขตร้อน หรือหำกประเมินพ้ืนที่หญ้ำปกคลุมดินควรมีมำกกว่ำร้อยละ 70 12
ป่ำสนเขำหรือปำ่ สน -ป่ำสนเขำหรือป่ำสน (Coniferous Forest หรือ Pine Forest) ป่ำสนเขำหรืออำจเรียกอีกอย่ำงว่ำ ป่ำสนในประเทศ ไทยมักปรำกฏอยู่ตำมภเู ขำสงู เปน็ ส่วนใหญซ่ งึ่ เป็นพื้นท่ีซึ่งมีควำม สูงจำกระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 700 เมตรข้ึนไป โดยทั่วไปมักจะ ข้ึนอยู่ในที่ซึ่งดินไม่ค่อยมีควำมอุดมสมบูรณ์มำกนัก มีควำมเป็น กรดสูง มีสภำพภูมิอำกำศที่มีอุณหภูมิค่อนข้ำงต่ำเป็นระยะเวลำ ยำวนำนและยังมีควำมแหง้ แล้งท่ีป่ำดบิ ปรับตวั ไดย้ ำก13 เรอื่ ง ระบบนิเวศป่าไม้
คลปิ ระบบนิเวศป่ำไม้ 14
แบบทดสอบระบบนเิ วศป่ำไม้ คำชี้แจง : จงเลือกคำตอบที่ถูกท่สี ดุ เพยี งคำตอบเดียว กกแ23ก1ขขขกขแ1กกข2ค3ค....ห......ห......ส..ศ.ศสปสรนศปปลสศสปศป่ิงรนลนูนูะิ่ง่ิ่งำ่ยินู่ำ่งามะ่ิงิ่งนูง่นำู่ยิำ่แยมบยผรเำมเมยบีชรเตผยวำยบ์รวีช์สรมบตวชีชี์พวีบมดง็ว์สรวม์รีวมญขง็นมติวีวีรวฒมวลัมนขมติรขผอติิตขเิังแมมจ้องัขวอทคอิเผลงอทนแลวพขศมคอรงงวงั้ลดังละั้งาศอประพงรวาัดใพะพแปะรโงบบามำ่ชืใแลลืชณโบชืำ่มไบบอหแลละมกแไบหำลปอลกมะมลเ้ จปปละำ่ำาม้เนะเปไสจา่ำ็นกปนสษุมตักไเน็หศัตน็ษุปยม้ควหศนูลวทย์ือน็้คป์ ล์ปูนยา์่รีออืทำ่าย์ร่ำยจู้ะทอร่ียวททกั์รไะจู้มี่มทรวี่มากไักำอามงำรนั อกะชองอใำนัชไีวนำะศรีวศภใอไัยนภรัยากี อออาพชยกีพย่ือู่รชู่รห่ว่ว่อื มนมหกงึ่กนวนั นั ำ่่งึ .ว..ำ่....... ข. ป่ำเบญจพรรณ ค. ปำ่ ชำยเลน เฉลย15 เรือ่ ง ระบบนเิ วศป่าไม้
คำชีแ้ จง : จงเติมคำตอบลงในช่องว่ำงให้ถูกตอ้ ง1. ควำมสำคัญของระบบนเิ วศป่ำไม้คืออะไร ?2. ป่ำเต็งรังมลี กั ษณะแบบใด ?3. ปำ่ ผสมผลัดใบมีลักษณะแบบใด ? เฉลย 16
เฉลย 1.ก 2.ค 3.ข17 เรื่อง ระบบนิเวศปา่ ไม้
เฉลยขอ้ 1 . ระบบนิเวศยอ่ ยท่ีสำคัญ คือ ระบบนิเวศยอ่ ยป่ำผลดั ใบ และระบบนิเวศยอ่ ยป่ำไมผ่ ลัดใบ โดยท่ีระบบนเิ วศยอ่ ยป่ำผลัดใบประกอบดว้ ยชนิดป่ำทีส่ ำคัญ 4 ชนดิ คอื ป่ำผสมผลัดใบ ป่ำเต็งรงั ป่ำทงุ่และทงุ่ หญำ้ ส่วนระบบนเิ วศยอ่ ยป่ำไม่ผลัดใบ ประกอบด้วยปำ่ บกท่ีสำคัญ 5ชนดิ คือ ปำ่ ดบิ ชืน้ ปำ่ ดบิ แล้ง ปำ่ ดบิ เขำ ปำ่ สนเขำและ ปำ่ชำยหำดข้อ2. กำรผลัดใบของไมส้ ว่ นใหญใ่ นทุกระดบั ช้ันเรือนยอด เชน่ เดยี วกบัปำ่ ผสมผลดั ใบและไม้ดัชนี ในสงั คมพชื ซึ่งมคี วำมแตกต่ำงจำกปำ่ ในกลุ่มป่ำผลัดใบในสงั คมอน่ื ๆขอ้ 3. ป่ำผสมผลดั ใบอำจเปน็ ท่ีรจู้ ักกันในอีกช่ือหนึง่ ว่ำ ป่ำเบญจพรรณลกั ษณะทใี่ ช้จำแนกขน้ั ต้น คือ กำรทีต่ ้นไมเ้ กือบท้งั หมดมีกำรผลัดใบในชว่ งฤดแู ล้ง โดยเฉพำะตงั้ แตป่ ลำยเดอื นมกรำคมจนถึงเดือนเมษำยน 18
ผูจ้ ัดทำ ด.ญ. จุฑำมำศ เหมอื นเขียว E-mail : [email protected] ด.ญ. อรชั พร ท้วมทองดี E-mail : [email protected] ครผู ูส้ อน ครู ประสงค์ นสุ นทรำ ครู สมหญงิ ศรีนลิ โรงเรยี นบอ่ พลอยรัชดำภิเษก สพม.8 www.brp.ac.th19 เรื่อง ระบบนเิ วศปา่ ไม้
อำ้ งองิ- ขอ้ มูลท่ไี ด้จำกคณะกรรมกำร กำรแขง่ ขนั หนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ระดับภำคกลำงและภำคตะวันออก•http://www.sci.psu.ac.th/chm/biodiversity/mangrove.html•https://eros.usgs.gov/doi-remote-sensing-activities/2012/usgs.•http://www.epa.gov/sciencematters/epa-science-matters-newsletter-ecosystems-and-climate-change-published-january-2014. 20
ใบไมร้ ่วงหนึ่งใบในราวปา่เพอ่ื แตกมาเป็นใบใหม่ในทุกท่ี จติ รหน่ึงดวงดบั ไปในวนั น้ีเพื่อจะมจี ติ รใหมม่ ากมายดวง
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: