มหคาณวทิะกยาารลแยั พสงทขยลแ์ าผนนคไรทินยทร์ คณาเภสชั เล่มที่ 1 : จุลพิกัด เกศรนิ มณีนนู พัชรวลยั ใจสมทุ ร
การแพทย์แผนไทย คณาเภสชั เลม่ ที่ 1 : จุลพกิ ดั เกศริน มณีนูน พชั รวลยั ใจสมุทร 2 พืชสมุนไพร
จุลพิกัด จัดพิมพ์โดย คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ www.ttmed.psu.ac.th ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รม เกศรนิ มณนี นู และ พัชรวลัย ใจสมทุ ร คณาเภสัช. เลม่ ที่ 1: จุลพกิ ดั . คณะการแพทย์แผนไทย มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์, 2560: 151 หน้า 1. คณาเภสชั 2. จุลพกิ ัด ISBN: 978-616-271-406-1 คณะผู้จดั ทำ�: คณะบรรณาธิการ: เกศรนิ มณีนนู พชั รวลัย ใจสมทุ ร ท่ีปรกึ ษา: จรญั มากน้อย ภาพประกอบ: พติ ร ช่วยเตม็ เกศริน มณีนูน ธรี วฒั น์ สดุ ขาว ภาพหน้า 3,5,7,8,102,103,143,151 จรัญ มากนอ้ ย ภาพหน้า 107 ขา่ ใหญ่ รูปเลม่ : พมิ พ์ครงั้ ที่ 1: กรกฎาคม 2560
การแพทย์แผนไทย สมนุ ไพร ไทยนี้ มีคา่ มาก พระเจ้าอยหู่ ัว ทรงฝาก ใหร้ ักษา แต่ปยู่ า่ ตายาย ใช้กนั มา ควรลูกหลาน รู้รักษา ใชส้ บื ไป เปน็ เอกลกั ษณ์ ของชาติ ควรศกึ ษา วิจยั ยา ประยุกตใ์ ช้ ใหเ้ หมาะสมัย รปู้ ระโยชน์ รูค้ ณุ โทษ สมุนไพร เพอื่ คนไทย อยรู่ อด ตลอดกาล พระราชนพิ นธใ์ น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี 4 พืชสมุนไพร
ค�ำ น�ำ จุลพิกัด “คณาเภสัช” เป็นรายวิชาท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวข้องกับการจัดหมวดหมู่ หรือจัดกลุ่มสมุนไพรโดยการนำ� สมนุ ไพรท่มี สี รรพคุณคลา้ ยกัน มีรสยาไมข่ ัดกนั มาจดั รวมเปน็ กล่มุ และก�ำ หนดชอ่ื เรยี ก เพอื่ ความสะดวกใน การจดจำ� การจัดตำ�รับยา และความสะดวกในการเขียนใบสั่งยา ตลอดจนการเขียนตำ�ราต่างๆ สมุนไพรที่ นำ�มาจดั พกิ ัดยาประกอบดว้ ยจ�ำ นวนตงั้ แต่ 2 ชนิด หรือ 2 สองสิง่ ข้นึ ไป โดยทั่วไปสมนุ ไพรแตล่ ะชนิดท่ีน�ำ มาจัดในพกิ ัดยา มกั มฤี ทธิ์สง่ เสรมิ และไมห่ ักลา้ งกนั เพอื่ เพ่มิ ประสิทธภิ าพในการรักษาโรค พิกัดยาจำ�แนก ได้ 3 กลมุ่ คอื จลุ พกิ ดั พิกัด และมหาพกิ ดั โดยแตล่ ะกลมุ่ มรี ายละเอียด ดงั นี้ จลุ พกิ ดั คอื การรวมตวั ยาสองชนดิ ทม่ี ชี อื่ เดยี วกนั แตแ่ ตกตา่ งกนั ในเรอื่ ง ถนิ่ ทเ่ี กดิ สี ขนาด ชนดิ และรส พกิ ดั คอื การรวมตวั ยาหลายชนดิ เขา้ ดว้ ยกนั มตี งั้ แตต่ วั ยา 2 ชนดิ (พกิ ดั ยา 2 สง่ิ ) ตวั ยา 3 ชนดิ (พกิ ดั ตร)ี ตวั ยา 4 ชนิด (พกิ ัดจต)ุ ตวั ยา 5 ชนดิ (พิกัดเบญจ) ตวั ยา 7 ชนิด (พกิ ดั สตั ตะ) ตัวยา 9 ชนดิ (พิกัดเนาวะ) ตวั ยา 10 ชนดิ (พกิ ดั ทศ) และพกิ ดั พเิ ศษ แตล่ ะพกิ ดั มนี า้ํ หนกั ของตวั ยาเทา่ กนั หรอื เรยี กวา่ มนี าํ้ หนกั เสมอภาค มหาพกิ ดั คอื การรวมตวั ยาหลายชนดิ เขา้ ด้วยกนั เรยี กเป็นชอ่ื เดียวกัน โดยน้าํ หนักของตัวยาไม่เทา่ กัน ข้ึนกบั สมฏุ ฐานของแต่ละโรค หนังสอื เล่มนไี้ ด้รวบรวมข้อมูลเฉพาะจุลพกิ ดั เนอื่ งจากเปน็ พกิ ัดยาทม่ี ีขอ้ มลู จ�ำ นวนมาก ส่วนพกิ ัดยา อื่นๆ จะจดั ท�ำ ภายหลงั โดยเนอื้ หาครอบคลุมจุลพกิ ดั ตา่ งๆ ได้แก่ จลุ พกิ ัดตา่ งกนั ท่ถี ่นิ กำ�เนิด สี ขนาด ชนิด (เพศ) และรส รวมท้งั สิน้ 62 พกิ ัดยา แตล่ ะพิกัดยาประกอบด้วยข้อมูล ชอ่ื พืน้ เมือง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ สว่ นท่ใี ช้ สรรพคณุ และภาพประกอบ รวมทงั้ ขอ้ มูลเพิม่ เติมทนี่ า่ สนใจ เช่น ตวั อย่างต�ำ รบั ยาท่ไี ด้รวบรวมจากหมอพน้ื บ้านท่านต่างๆ ในพน้ื ทภี่ าคใต้ท่ผี ้เู ขียน และนกั ศกึ ษาคณะการแพทยแ์ ผนไทยไดร้ วบรวมไว้ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์สำ�หรับใช้เป็นคู่มือประกอบการเรียนวิชาท่ีมี เนื้อหาเกย่ี วขอ้ งกับคณาเภสชั (จุลพกิ ัด) และนำ�ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั ต�ำ รบั ยาสำ�หรับรกั ษาผปู้ ว่ ยต่อไป อย่างไรก็ตาม ตำ�รับยาในหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงตำ�รับยาที่ยกตัวอย่างการใช้สมุนไพรในจุลพิกัดเป็น สว่ นประกอบ หากทา่ นใดสนใจน�ำ ไปใชป้ ระโยชน์ ควรมกี ารตรวจสมฎุ ฐานผปู้ ว่ ยประกอบการพจิ ารณาในการ เลอื กตำ�รบั ยาด้วย และควรปรับเปลี่ยนตัวยาตามสมฎุ ฐานผูป้ ่วย
การแพทย์แผนไทย 6 พืชสมุนไพร
จุลพิกัด ค�ำ ขอบคุณ ขอ้ มูลในหนงั สือเลม่ นี้ สว่ นหนึง่ เปน็ ขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการรวบรวมงาน วจิ ยั เรอ่ื งภมู ปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ นภาคใตใ้ นจงั หวดั ตา่ งๆ โดยรวบรวมจาก หมอพน้ื บา้ นทมี่ ปี ระสบการณ์ มคี วามช�ำ นาญในการรกั ษาโรคมามากกวา่ 20 ปี และเปน็ บคุ คลทค่ี นในชมุ ชนใหก้ ารยอมรบั ประกอบดว้ ย หมอพนื้ บา้ นใน จงั หวัดพทั ลงุ ไดแ้ ก่ หมอหรอ้ หวาน วชั รจิรโสภณ หมอยะฝาด กะหละหมดั หมอโหยบ หล�ำ สะ หมอสมบรู ณ์ ทพิ ยน์ ยุ้ หมอรน่ื สรรเสรญิ หมอลาภ เดชะ พันธ์ หมอเหล็ม หวัดแท่น หมอกาศ เอยี ดหมง้ และหมอแดง ทองสม หมอ พน้ื บา้ นในจงั หวดั สงขลา ไดแ้ ก่ หมอสมพร ชาญวณชิ ยส์ กลุ หมอไข่ โกสนิ ทร์ หมอประสทิ ธ์ิ อนิ ทรพันธ์ หมอประวทิ ย์ แกว้ ทอง หมอบตุ ร ปานประดษิ ฐ์ หมอประยทุ ธ์ บญุ ยงั หมอศภุ วทั น์ นลิ สวุ รรณ หมอไล่ วชั รฤทธ์ิ และหมอ ยะยอ หลำ�ขนุ หมอพน้ื บา้ นในจงั หวัดกระบี่ ไดแ้ ก่ หมอทวี หมนั หมาด และ หมอจำ�นง กาญจนโสภณ และหมอพื้นบ้านในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ หมอแฉลม้ มงคล รวมท้งั ครอบครัวของหมอพื้นบา้ นทุกท่าน ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ท่ีได้ ใหท้ นุ ในการท�ำ วจิ ยั เรอื่ งภมู ปิ ญั ญาของหมอพนื้ บา้ นภาคใต้ คณะการแพทย์ แผนไทย ทไี่ ด้อนุเคราะหอ์ ปุ กรณ์ เครอ่ื งมือตา่ งๆ ขอขอบคุณ คณุ พติ ร ชว่ ยเต็ม ส�ำ หรับภาพถ่ายพรรณไมส้ ว่ นใหญท่ ี่ ใช้ประกอบในหนังสอื เล่มน้ี และพท. ธีรวัฒน์ สดุ ขาว สำ�หรบั ภาพตัวอยา่ ง สมนุ ไพรแห้ง และสดุ ทา้ ยซงึ่ เปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั คอื นกั ศกึ ษาคณะการแพทยแ์ ผนไทย รุ่นต่างๆ ที่ได้ช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลจากภาคสนาม ทำ�ให้งานวิจัยต่างๆ สำ�เร็จได้ด้วยดี
การแพทย์แผนไทย 8 พืชสมุนไพร
จุลพิกัด ค�ำ ย่อลักษณะวิสยั (habit) ของพรรณไม้ C = Climber ไม้เถา Ex = Exotic มาจากต่างประเทศ H = Herb ไมล้ ม้ ลกุ S = Shrub ไม้พ่มุ ST = Shrub Tree ไมต้ น้ ขนาดเล็ก T = Tree ไมต้ น้ ที่มาของชือ่ วิทยาศาสตร์ของพชื สมุนไพร 1. พชื สมนุ ไพรทสี่ ามารถเกบ็ ตวั อยา่ งมาระบชุ นดิ ได้ จะมชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์ ประกอบ หรอื ระบุไดเ้ ฉพาะชือ่ สกุล (genus) เช่น Cycas sp. 2. พืชสมนุ ไพรจากตา่ งประเทศ เชน่ เทียนต่างๆ ชะเอมเทศ โกฐตา่ งๆ ชื่อวทิ ยาศาสตร์จะอ้างองิ จากหนงั สือ เชน่ - ชยนั พเิ ชยี รสุนทร วิเชียร จีรวงศ์. 2547. คู่มอื เภสชั กรรมไทย เลม่ 5: คณาเภสัช. กรงุ เทพฯ : อมรินทร์. - ชยนั พิเชยี รสุนทร แมน้ มาส ชวลิต และ วเิ ชียร จรี วงส.์ 2544. ค�ำอธิบายต�ำราพระโอสถพระนารายณ:์ ฉบบั เฉลมิ พระเกยี รติ 72 พรรษามหาราชา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2544. กรงุ เทพฯ : อมรินทร.์ 3. พืชสมนุ ไพรท่ไี มส่ ามารถเก็บตวั อย่างมาระบุชนิดได้ จะใช้ค�ำว่า unknown
การแพทย์แผนไทย สารบัญ เนอื้ หา หนา้ 6 ค�ำ น�ำ 8 ค�ำ ขอบคณุ 12 1. จุลพกิ ัดตา่ งกันทถี่ ่นิ กำ�เนิด 14 1.1 กะทอื ทงั้ 2 16 1.2 ข้าวเยน็ ทั้ง 2 18 1.3 ขเี้ หลก็ ท้งั 2 20 1.4 ชะเอมทั้ง 2 22 1.5 ชมุ เห็ดท้ัง 2 24 1.6 ปรงทง้ั 2 26 1.7 ประยงค์ทั้ง 2 28 1.8 ผกั หวานทง้ั 2 30 1.9 มะระทั้ง 2 32 1.10 ยอทงั้ 2 34 1.11 สะเดาทงั้ 2 36 1.12 สีเสยี ดท้งั 2 38 1.13 หญ้าเกลด็ หอยทัง้ 2 40 1.14 หัสคณุ ทั้ง 2 42 1.15 อบเชยทง้ั 2 44 1.16 เขาววั ทัง้ 2 46 1.17 ชะมดทงั้ 2 50 1.18 ดเี กลอื ทั้ง 2 52 2. จลุ พิกัดต่างกนั ทสี่ ี 54 2.1 ตะบูนทงั้ 2 56 2.2 กะเพราทงั้ 2 58 2.3 กระดกู ไกท่ ้งั 2 60 2.4 กระวานทง้ั 2 62 2.5 กระดาดทงั้ 2 64 2.6 ก้างปลาท้ัง 2 66 2.7 ขก้ี าท้ัง 2 68 2.8 ขอบชะนางท้งั 2 70 2.9 แคทง้ั 2 72 2.10 จนั ทน์ทั้ง 2 74 2.11 เจตมูลเพลงิ ทั้ง 2 76 2.12 บวั หลวงท้ัง 2 2.13 สตั ตบงกชทงั้ 2 2.14 เถามวกทง้ั 2
จุลพิกัด เนื้อหา หนา้ 78 2.15 เทียนทงั้ 2 80 2.16 เปราะหอมทง้ั 2 82 2.17 ยา่ นางทงั้ 2 84 2.18 ผักเป็ดท้งั 2 86 2.19 ผกั แพวทั้ง 2 88 2.20 ฝา้ ยทง้ั 2 90 2.21 พริกไทยทงั้ 2 92 2.22 ละหุง่ ทง้ั 2 94 2.23 หางไหลทง้ั 2 96 2.24 ก�ำ มะถนั ทงั้ 2 100 3. จุลพกิ ัดตา่ งกนั ท่ีขนาด 102 3.1 กระพงั โหมท้งั 2 104 3.2 ข่าทง้ั 2 106 3.3 ตับเต่าท้ัง 2 108 3.4 เปล้าท้งั 2 110 3.5 เรว่ ท้ัง 2 112 3.6 ส้มก้งุ ท้ัง 2 114 3.7 แห้วหมทู งั้ 2 116 4. จลุ พกิ ดั ตา่ งกันทช่ี นดิ (เพศ) 118 4.1 กระพงั โหมทง้ั 2 120 4.2 เกลอื ท้ัง 2 122 4.3 ต�ำ ลงึ ท้ัง 2 124 4.4 ตำ�แยทง้ั 2 126 4.5 ผกั ปอดทั้ง 2 128 4.6 มะยมทัง้ 2 130 4.7 ศลิ ายอนทง้ั 2 132 4.8 เบ้ยี ทงั้ 2 134 5. จุลพกิ ัดต่างกันที่รส 136 5.1 มะขามทง้ั 2 138 5.2 มะปรางท้ัง 2 5.3 มะเฟืองท้งั 2 5.4 นา้ํ เตา้ ท้ัง 2 5.5 มะนาวทั้ง 2 ดัชนีชื่อพืน้ เมืองพืชสมุนไพร ดัชนีช่ือวทิ ยาศาสตร์
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด การแบง่ กลุ่มจุลพกิ ดั ประกอบดว้ ย 1. จุลพกิ ดั ตา่ งกันที่ถนิ่ ก�ำ เนดิ ประกอบด้วยจุลพิกัดตา่ งๆ ดงั นี้ ส่วนที่ใช้ / รสยา กะทือ ชื่อพิกัด ช่ือสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ 1. กะทือท้ัง 2 กะทือบ้าน Zingiber zerumbet (L.) Sm. / H Zingiberaceae เหง้า / บ�ำรุงน้�ำนม กะทือป่า ขม ร้อนฝาด แก้บิด ปวดเบ่ง ขับลม เจริญไฟธาตุ ข้อมูลเพ่ิมเติม : กะทือบ้านและกะทือป่ามีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่คล้ายกัน จึงจัดเป็นพืชชนิด เดียวกันตามหลักอนุกรมวิธานพชื อย่างไรกต็ าม จากการสอบถามหมอพืน้ บ้านในพ้นื ท่ีภาคใต้ พบว่ากะทอื ป่าจะมีขนาดของใบ ลำ�ต้นเทียม และเหง้าใหญ่กว่าเล็กน้อย และรสของเหง้าจะมีรสขมกว่า ในทางปฏิบัติ พบว่าอาจใช้ชนิดใดชนิดหน่ึงได้ การใชป้ ระกอบตำ�รบั ยา : นิยมใชป้ ระกอบตำ�รับยาขับลม และสมานผวิ ภายนอก ต�ำ รับท่ี 1 : ชว่ ยลดฝ้า รกั ษาผืน่ คัน และบ�ำ รุงผิวพรรณ (พท. สมพร ชาญวณิชสกลุ ) เหงา้ กะทือ 1 สว่ น เหงา้ ไพล 1 สว่ น เหง้าขมน้ิ 1 สว่ น ขา้ วสาร 3 ส่วน นำ�มาบดผงละเอียด นำ�ผงยา พอประมาณละลายนา้ํ มะนาว หรือนา้ํ มะกรดู ใชพ้ อกหนา้ พอกผวิ ตำ�รบั ท่ี 2 : แก้บิด ปวดมวนทอ้ ง (พท. สมพร ชาญวณชิ สกลุ ) น�ำ เหง้ากะทือขนาดพอประมาณ ฝนนา้ํ อนุ่ รับประทานเม่ือมีอาการ ตำ�รับท่ี 3 : ชว่ ยลดไข้ (พท. เหลม็ หวัดแทน่ ) เถาบอระเพ็ด ผลมะแว้งท้ัง 2 รากมะเขือขืน่ ผลกระดอม เหง้ากะทอื เหงา้ ไพล รากและเหงา้ กระชาย ผลพรกิ ไทย กระเทียม น้ําหนักเท่ากนั นำ�มาบดผงประมาณ 1-2 ชอ้ นโต๊ะ ละลายนํ้าอนุ่ รับประทาน กอ่ น อาหาร เช้า เทย่ี ง เยน็ สังเกตอาการ ตำ�รบั ท่ี 4 : แก้อาการจุกเสียด แน่นท้องบริเวณลิน้ ป่ี หรอื อาการของโรคกระเพาะอาหาร (หมอ พืน้ บ้าน จงั หวัดสงขลา) เถาสะคา้ น 4 ส่วน ผลมะแวง้ ท้งั 2 เถาก�ำ แพงเจ็ดชนั้ เหงา้ กะทอื ใบพาโหม อยา่ งละ 1 ส่วน ใบมะกา ใบยอ อยา่ งละ ½ สว่ น นำ�มาตม้ นํา้ รวมกนั ด่มื คร้ังละ 250 มลิ ลลิ ติ ร กอ่ นอาหาร เชา้ เทยี่ ง เย็น สังเกตอาการ 12 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ กะทือ (Zingiber zerumbet (L.) Sm.): ขนาดลำ�ตน้ เทียมและชอ่ ดอก ชอ่ ดอกและใบประดบั ของกะทอื งานวิจัยท่ีเกี่ยวขอ้ ง : สเี หงา้ สดของกะทอื การศกึ ษาฤทธล์ิ ดไขมนั ของสาร zerumbone จากเหง้ากะทือในหนูแฮมสเตอร์ ซ่ึงถูกเหน่ียวนำ�ให้ เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง พบว่าหนูที่ถูกป้อนด้วย สาร zerumbone ให้ค่า low density lipopro- tein – cholesterol (LDL-C) ไตรกลีเซอไรด์ และ โคเลสเตอรอล ท้ังในตับและในเลือดลดลง และพบ ไขมันในอุจจาระเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับหนูที่ให้ อาหารท่ีมีไขมันสูงเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้สาร zerumbone ยังมีผลลดการแสดงออกของเอนไซม์ และโปรตีนท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการสร้างไขมัน และช่วยเพ่ิมการแสดงออกของเอนไซม์และโปรตีน ในกระบวนการสลายไขมัน การทดลองน้ีแสดงให้ เห็นว่าสาร zerumbone จากกะทือมีฤทธ์ิลดไขมัน ท้ังในตับและในเลือด ซึ่งมีความสัมพันธ์กับกลไก การแสดงออกของโปรตีนในกระบวนการสร้างและ สลายไขมนั (1) พืชสมุนไพร 13 ดอกของกะทอื
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ขา้ วเยน็ ชื่อวงศ์ ส่วนท่ีใช้ / สรรพคุณ Smilacaceae รสยา ชื่อพิกัด ชื่อสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช Smilacaceae เหง้า / แก้ประดง ผ่ืนคัน 2. ข้าวเย็นทั้ง 2 ข้าวเย็นเหนือ Smilax sp.1 / C มนั เมาเบอ่ื นำ้� เหลืองเสีย ฝี ข้าวเย็นใต้ Smilax sp.2 / C แผลเน่าเป่อื ยพพุ อง ข้อมูลเพมิ่ เติม : ข้าวเย็นเหนอื และข้าวเยน็ ใต้ เรียกอกี ชอ่ื ว่า “หัวยาจนี ” ในตำ�รบั ยามักระบุชื่อ “หัวยาจนี ทั้ง 2” มีท้งั ชนิดทีน่ �ำ เข้าจากต่างประเทศ และชนดิ ท่มี ีในประเทศไทย โดยทั่วไปข้าวเย็นเหนือ หวั จะมีสนี าํ้ ตาลแดง หรือสีสม้ แดง ส่วนขา้ วเย็นใต้หวั มสี ีขาวเหลอื ง ขา้ วเย็นทงั้ 2 เป็นตวั ยาสำ�คญั ทใี่ ชป้ ระกอบต�ำ รบั ยาทเ่ี กี่ยวข้องกบั น้าํ เหลอื งเสยี เชน่ โรคผิวหนงั โรคท่ีเกย่ี วข้องกบั การอักเสบต่างๆ เช่น กามโรค ฝี แผลเน่าเป่อื ยพุพอง ตับอักเสบ มดลกู อักเสบ เปน็ ตน้ การใช้ประกอบต�ำ รับยา : ตำ�รบั ท่ี 1 : แกร้ ะดขู าวผิดปกติ คันชอ่ งคลอด (หมอพ้ืนบ้านจังหวัดสงขลา) ขา้ วเยน็ ท้ัง 2 รากหญ้าชนั กาด เหงือกปลาหมอท้งั 5 อย่างละ 1 สว่ น ตม้ นํา้ รับประทาน คร้งั ละ 250 มลิ ลลิ ติ ร ก่อนอาหาร เช้า เทย่ี ง เยน็ สังเกตอาการ ต�ำ รบั ที่ 2 : แก้โรคผวิ หนังผื่นคนั ขา้ วเย็นทั้ง 2 อยา่ งละ 5 บาท เบญจกลุ อย่างละ 1 บาท เกสรห้าอย่างละ 1 บาท ผลคัดเคา้ ชะเอม เทศ หวั ยง้ั ผลสมอท้งั สาม เบญจตาน อย่างละ 2 บาท ตม้ นํา้ รับประทาน ครัง้ ละ 250 มลิ ลิลติ ร กอ่ นอาหาร เชา้ เทยี่ ง เย็น สงั เกตอาการ ต�ำ รับท่ี 3 : รกั ษามะเร็งปากมดลูก ข้าวเยน็ ทั้ง 2 หวั ย้งั อย่างละ 10 บาท ขนั ทองพยาบาท หวั รอ้ ยร ู หญา้ นาง ขมน้ิ เครอื อยา่ งละ 5 บาท โกฐ 5 เทียน 5 สมอทัง้ 3 เบญจผลธาตุ อยา่ งละ 2 บาท มะตมู ลูกจนั ทน์ กระวาน กานพลู เกสร 5 อย่างละ 1 บาท ชะเอมเทศ อบเชยเทศ โป๊ยกก๊ั อย่างละ 3 บาท ต้มนาํ้ รบั ประทาน ครงั้ ละ 250 มลิ ลลิ ติ ร กอ่ นอาหาร เช้า เท่ยี ง เย็น สงั เกตอาการ ต�ำ รบั ที่ 4: รักษาอาการผิดปกตบิ รเิ วณมดลกู ข้าวเย็นทงั้ 2 อยา่ งละ 5 บาท บอระเพ็ด ไหลเผือก แสมท้ัง 2 แกน่ ขเ้ี หล็ก สมอท้งั 3 แกน่ ล่ันทม อยา่ งละ 2 บาท โกฐท้งั 5 เทยี นทั้ง 5 เกสรทั้ง 5 อยา่ งละ 1 บาท ผลคัดเค้า เนือ้ ในฝกั ราชพฤกษ์ อยา่ งละ 3 บาท เหงือกปลาหมอ อยา่ งละ 10 บาท ตม้ นํา้ รับประทาน ครั้งละ 250 มลิ ลลิ ติ ร กอ่ นอาหาร เชา้ เทยี่ ง เยน็ สังเกตอาการ 14 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ขา้ วเยน็ เหนือ (Smilax sp.1) ข้าวเยน็ ใต้ (Smilax sp.2) ขา้ วเยน็ ใต้ (Dioscorea birmanica Prain & Burkill) งานวจิ ัยที่เกยี่ วขอ้ ง : จากการศึกษาพบวา่ พชื ทมี่ ีชือ่ เรยี ก “หัวขา้ วเยน็ ” ประกอบด้วยพืชจ�ำ นวน 5 ชนิด 3 วงศ์ คอื วงศ์ Dioscoreaceae ประกอบด้วย Dioscorea birmanica Prain & Burkill (มันนก) และ D. membranacea Pierre ex Prain & Burkill (มันหม)ู วงศ์ Smilacaceae ประกอบดว้ ย Smilax corbularia Kunth (ขา้ วเย็นเหนือ) และ S. glabra Wall. ex Roxb. (ข้าวเยน็ ใต้) วงศ์ Lamiaceae ประกอบด้วย Pygmeopremna herbacea Prain (ข้าวเย็นเหนือ ช่ือใหม่คือ Premna herbacea Roxb.) โดยสารสกดั ช้นั นา้ํ ของ D. membranacea Pierre ex Prain & Burkill มีฤทธิต์ า้ นมะเร็งเต้านมสอง ชนดิ (MCF-7 และ MDA-MB 468) และสารสกดั ชน้ั เอทานอลของทง้ั D. membranacea Pierre ex Prain & Burkill และ D. birmanica Prain & Burkill มีฤทธต์ิ ้านมะเร็งเต้านม และมะเรง็ ปากมดลกู (2) นอกจากนี้ ยงั พบว่า D. membranacea Pierre ex Prain & Burkill มฤี ทธต์ิ ้านเซลล์มะเรง็ และยังมีฤทธิอ์ ่ืนๆ เช่น ฤทธ์ิ ตา้ นการแพ้ ฤทธยิ์ ับยัง้ Nitric oxide ซ่ึงชว่ ยสนับสนุนการใชป้ ระโยชนจ์ ากพืชชนดิ น้ีของหมอพ้นื บ้านทใี่ ชพ้ ืช ชนดิ นีเ้ ป็นสว่ นประกอบในต�ำ รับยาท่เี ก่ยี วขอ้ งกับระบบนํ้าเหลือง การต้านการอกั เสบ รกั ษามะเร็ง (3) ฤทธ์ิ ต้านเอนไซม์ HIV-1 protease และ HIV-1 integrase (4) ฤทธต์ิ ้านการอกั เสบ (5) เปน็ ต้น อยา่ งไรกต็ าม ตวั อยา่ งหวั แหง้ ทใี่ ชป้ ระกอบต�ำ รบั ยาสว่ นใหญเ่ ปน็ พชื ทอ่ี ยใู่ นวงศ์ Smilacaceae ยกเวน้ หมอพน้ื บา้ นบางพนื้ ท่สี ำ�รวจพบ เช่น สุราษฎร์ธานี จะใช้หัวขา้ วเย็นใต้ ชนิด D. membranacea Pierre ex Prain & Burkill พืชสมุนไพร 15
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ข้ีเหล็ก ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ Fabaceae รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช Fabaceae แก่น / ขม ถ่ายกษัย แก้เหน็บ 3. ขี้เหล็กทั้ง 2 ขี้เหล็กบ้าน Senna siamea (Lam.) Irwin & ชา แก้ไฟธาตุ Barneby / T พิการ แก้กามโรค ขี้เหล็กป่า Senna garrettiana (Craib) หนองใน (แสมสาร) Irwin & Barneby / T แก่น / ขม แก้กษัย ไตพิการ ปวดเอว ขับ ปัสสาวะ บ�ำรุง โลหิต ขับระดูเสีย ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ : หมอพนื้ บา้ นภาคใตบ้ างท่านอาจใช้ข้เี หล็กเลือด (Senna timoriensis (DC.) H.S.Irwin & Barneby) แทนขเี้ หลก็ ป่า ขี้เหลก็ บา้ นจะมีใบรปู ร่างขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบมน มีต่ิง แหลม หลงั ใบขาวนวล การใช้ประกอบต�ำ รับยา : นิยมใชป้ ระกอบตำ�รบั ยาแกก้ ษัย แก้ไข้ บำ�รงุ โลหิต ต�ำ รบั ท่ี 1 : แก้ไข้ (หมอแฉลม้ มงคล) แกน่ ขีเ้ หล็กทง้ั 2 ตรผี ลา ผลกระดอม รากมะแวง้ ทัง้ 2 บอระเพด็ อย่างละ 1 ส่วน นำ�ตัวยาทั้ง หมดต้มนา้ํ ดม่ื ใชร้ บั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เที่ยง เย็น คร้ังละ 250 มลิ ลลิ ิตร สงั เกตอาการ แกไ้ ข้ ไขส้ ะท้าน ร้อน สะท้านหนาว ตำ�รบั ท่ี 2 : แกไ้ ข้เรอ้ื รัง (หมอแฉล้ม มงคล) ใบมะขาม ผลกระดอม แห้วหมู บอระเพ็ด ใบมะกา เน้อื ในผกั ราชพฤกษ์ รากหวายขม รากไผ่รวก จันทน์ทงั้ 2 พุมเรยี ง สน สักขี ข่า ขม้ินออ้ ย มะเด่อื ชมุ พร หวั ขา้ วเยน็ ทัง้ 2 หัวหอม หวั คลา้ ยาดำ� คนทา ย่านาง รากชิงชี ่ รากฟักขา้ ว ขเ้ี หลก็ ท้งั 2 อย่างละ 1 ส่วน น�ำ ตัวยาทั้งหมดตม้ นาํ้ ด่ืม ใชร้ ับประทานก่อน อาหาร เชา้ เท่ียง เย็น คร้ังละ 250 มิลลิลิตร สังเกตอาการ ตำ�รบั ที่ 3 : ชว่ ยลดอาการปวดเมอ่ื ยกลา้ มเนอื้ (หมอพื้นบ้านจงั หวดั สงขลา) แสมทงั้ 2 แกน่ ขเี้ หล็กทัง้ 2 เถาย่านดูก เถาเอน็ ออ่ น เถาโคคลาน อย่างละ 1 ส่วน หญ้าใต้ใบ ผล พรกิ ไทย อย่างละ ½ ส่วน นำ�ตัวยาทั้งหมดต้มนา้ํ ดื่ม ใช้รบั ประทานกอ่ นอาหาร เช้า เที่ยง เยน็ ครงั้ ละ 250 มิลลิลติ ร 16 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ขเี้ หลก็ บา้ น (Senna siamea (Lam.) Irwin & Barneby) ขีเ้ หลก็ ปา่ (Senna garrettiana (Craib) Irwin & Barneby) (ภาพจาก: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/) พืชสมุนไพร 17
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด 12 3 เปรยี บเทียบเนอ้ื ไม้ 1) แสมทะเล 2) แสมสาร(ข้ีเหล็กปา่ ) 3) ขเี้ หลก็ บ้าน ขีเ้ หลก็ เลือด (Senna timoriensis (DC.) H.S.Irwin & Barneby) งานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวข้อง : ฤทธิ์กดประสาทของ barakol จากใบขีเ้ หลก็ บ้าน (S. siamea (Lam.) Irwin & Barneby) สาร Barakol ซง่ึ ไดจ้ ากการสกดั ใบข้เี หลก็ บา้ น มฤี ทธ์ิยับยง้ั ระบบประสาทส่วนกลาง สง่ ผลทำ�ใหน้ อนหลบั ได้ดี ขึน้ โดยจะชว่ ยลดการเคลือ่ นไหวของกลา้ มเนือ้ ซึ่งเมอ่ื ทดสอบเพ่อื หากระบวนการออกฤทธิ์ พบว่ามฤี ทธลิ์ ด การหลั่ง dopamine แต่ไม่ผ่าน GABA หรือ glycine ซง่ึ อาจเป็นไปได้วา่ ฤทธิก์ ดประสาทสว่ นกลางเกดิ ขึ้น เนื่องจากการลดการหลั่ง dopamine (6) 18 พืชสมุนไพร
ชะเอม ส่วนที่ใช้ / จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ รสยา ชื่อพิกัด ช่ือสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ Fabaceae 4. ชะเอมท้ัง 2 ชะเอมไทย Albizia myriophylla L. / C เน้ือไม้ ราก / แก้คอแห้ง ขับ (ส้มป่อย Fabaceae หวานขม เสมหะ แก้น้�ำลาย หวาน อ้อย เหนียว แก้ไอ แก้ เลือดออกตาม ช้าง) ไรฟัน แก้ลม ชะเอมเทศ Glycyrrhiza glabra L. (1) / ราก / หวาน บ�ำรุงธาตุ (ชะเอมจีน) ExS ขม บ�ำรุงก�ำลัง ขับเลือดเน่า แก้ เสมหะเป็นพิษ แก้น�้ำลายเหนียว ท�ำให้ชุ่มคอ ข้อมลู เพม่ิ เตมิ : ชะเอม ในประเทศไทย มี 3 ชนดิ ประกอบดว้ ย ชะเอมไทย (A. myriophylla L.) ชะเอมเทศ (G. glabra L.) และชะเอมเหนอื (Derris reticulata Craib) ส�ำ หรับชะเอมไทยพบว่ามคี วาม หวานมากกวา่ ซโู ครส 600 เท่า (7) และผลจากการศึกษาเปรยี บเทยี บลักษณะทางโครมาโทกราฟีฉาบบาง พบว่าชะเอมไทยจากแหลง่ ต่างๆ เป็นตน้ ชะเอมเหนือ (D. reticulata Craib) (2) อย่างไรก็ตาม จากร้านขายยาสมุนไพร จากการเก็บข้อมูลภาคสนามจากหมอพื้นบ้านในจังหวัด พัทลุง สงขลา และสรุ าษฎร์ธานี พบวา่ หมอพ้นื บ้านยังคงใช้ชะเอมไทย (A. myriophylla L.) ซึง่ เกบ็ ได้จาก ปา่ ธรรมชาติและเปน็ พชื ปลกู การใชป้ ระกอบต�ำ รบั ยา : นยิ มใชป้ ระกอบต�ำ รบั ยาลดไข้ แกเ้ จบ็ คอ รกั ษาแผลในปาก หรอื ใชแ้ ตง่ รสยา ต�ำ รบั ท่ี 1 : แก้เสมหะในช่องทอ้ ง (หมอพ้นื บา้ นจงั หวดั สงขลา) เหงา้ ขงิ สด ผลดีปลี ผลกระวาน อย่างละ 1 ส่วน ชะเอมทัง้ 2 น้ําหนกั เท่ายาทั้งหลายรวมกัน เกลือ พอประมาณ นำ�ตัวยามาบดผง นำ�ผงยาประมาณ 1 ช้อนโตะ๊ ละลายน้าํ ผ้งึ นา้ํ มะนาว และน้าํ เหง้าขา่ รับ ประทานก่อนอาหาร เชา้ เทย่ี ง เย็น ช่วยลดอาการคอแห้ง ปวดศรี ษะ เจบ็ บริเวณหนา้ อก รบั ประทานอาหาร ไมไ่ ด้ ตำ�รับที่ 2 : ลดความดนั โลหติ สงู และสตรีวยั ทอง (พท. สมพร ชาญวณชิ สกลุ ) ผกั เสย้ี นผี 3 บาท เบญจผลธาตุ แกน่ ขเี้ หลก็ แกน่ แสมทั้ง 2 แกน่ ล่นั ทม แกน่ จนั ทนท์ ัง้ 2 ราก ตองแตก ใบมะกา ยาดำ� เน้ือในฝกั ราชพฤกษ์ ดเี กลอื ผลคัดเค้า สมอทัง้ 3 อย่างละ 2 บาท โกฐทัง้ 5 เทยี น ทง้ั 5 เกสรทง้ั 5 แก่นสนเทศ สมุลแวง้ ขมิ้นเครือ ชะเอมทง้ั 2 ลูกจันทน์ กระวาน กานพลู ผักชีท้ัง 2 อย่างละ 1 บาท น�ำ ตัวยาท้งั หมดตม้ นํา้ รบั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทีย่ ง เยน็ คร้งั ละ 250 มิลลิลติ ร จนอาการดขี นึ้ พืชสมุนไพร 19
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ต�ำ รับท่ี 3 : แกป้ วดศรี ษะ ชะเอมทง้ั 2 อบเชยเทศ เปลือกคนทา ใบสมี ผลผกั ชีลา ขงิ แห้ง โกฐสอ ชะมดเชด็ จนั ทนข์ าว พิมเสน อยา่ งละ 1 ส่วนนำ�ยาทั้งหมด บดผง นตั ถแุ์ ก้ปวดศรี ษะตามฤดู ต�ำ รับที่ 4 : ลดไขเ้ พื่อเสมหะ ชะเอมท้งั 2 ตรีผลา อยา่ งละ 1 ส่วน น�ำ ตวั ยาทงั้ หมดต้มนาํ้ รับประทานกอ่ นอาหาร เช้า เที่ยง เยน็ ครงั้ ละ 250 มลิ ลิลิตร จนอาการดขี ้ึน ชะเอมไทย (Albizia myriophylla L.) : เนือ้ ไม้ ชะเอมไทย (Albizia myriophylla L.) : ดอก ชะเอมไทย (Albizia myriophylla L.) : ผล ชะเอมไทย (Albizia myriophylla L.) : ต้น พืชสมุนไพร 20
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ชะเอมเทศ (Glycyrrhiza glabra L.) : ดอก ภาพจาก https://commons.wikimedia.org ชะเอมเทศ (Glycyrrhiza glabra L.) : เนอื้ ไม้ งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง : ฤทธต์ิ า้ นเชอ้ื แบคทเี รยี ของชะเอมไทย (A. myriophylla L.) สารสกัดจากเนือ้ ไมช้ ะเอมไทย มีฤทธ์ิต้านเช้อื Bacillus cereus เช้ือ Staphylococcus aureus และ เช้ือ Streptococcus mutans และมีฤทธติ์ า้ นเซลล์มะเร็ง (KB cells) (8) ฤทธเิ์ พิ่มความจำ�ของสารสกดั จากชะเอมเทศ (G. glabra L.) การศึกษาผลของสารสกัดน้ําชะเอมเทศในหนูถีบจักร เมื่อให้หนูกินสารสกัดในขนาดต่างๆ เป็นเวลา ตอ่ เนื่อง 4 วัน พบวา่ กลุม่ ทไี่ ด้รบั ในขนาด 150 มก./กก. จะมคี วามจ�ำ และการเรยี นร้เู พิ่มขน้ึ นอกจากน้ยี งั ช่วยท�ำ ให้การสญู เสียความทรงจ�ำ เน่อื งจากการกระตุ้นดว้ ย diazepam และ scopolamine หมดไป ซ่งึ ผล ท่ีเกิดขึ้นนอี้ าจเน่อื งมากจากฤทธต์ิ า้ นอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ต้านการอกั เสบ (9) พืชสมุนไพร 21
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ชมุ เหด็ ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ Fabaceae รสยา ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช 5. ชุมเห็ดทั้ง 2 ชุมเห็ดเทศ Senna alata (L.) Roxb. / ExS ทั้ง 5 / เมา แก้โรคผิวหนัง เบื่อ ระบายพิษเสมหะ ชุมเห็ดไทย Senna tora (L.) Roxb. / US พิษไข้ ขับพยาธิ แก้ท้องผูก ข้อมลู เพิม่ เตมิ : การรักษาโรคผิวหนงั นยิ มใช้ชุมเหด็ เทศมากกว่าชมุ เหด็ ไทย ยกเวน้ แก้อาการนอน ไม่หลับ จะใชเ้ มล็ดชุมเห็ดไทย การใชป้ ระกอบต�ำ รับยา : ต�ำ รับที่ 1 : แก้ทอ้ งมาน ท้องบวมโต (หมอเหล็ม หวดั แทน่ ) รากชุมเห็ดเทศ หญ้าแพรก ผกั โขมหิน สะเดา อย่างละ 1 บาท เนอื้ ในฝกั ราชพฤกษ์ 7 ฝกั ยาด�ำ 3 บาท ใบส้มปอ่ ย เหง้าขิง ใบมะขาม ใบมะดนั เหง้ากะทือ ผลดีปลี รากเจตมลู เพลิงแดง เหงา้ ไพล แห้วหมู ผิว มะกรูด การบรู อยา่ งละ 5 บาท นำ�ตัวยาท้งั หมดตม้ น�้ำ แบบ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน รับประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทย่ี ง เย็น คร้ังละ 250 มิลลลิ ิตร จนอาการดขี นึ้ ต�ำ รบั ที่ 2 : แก้โรคผิวหนงั (พท. สมพร ชาญวณิชสกุล) ใบชมุ เห็ดทง้ั 2 ใบทองพนั ช่งั เถาบอระเพ็ด ใบขี้เหลก็ ใบกระทอ่ ม ใบสะเดา ผลหมาก เปลอื กมงั คุด อยา่ งละ 1 สว่ น นำ�มาห่ันบางๆ แชใ่ นแอลกอฮอล์ประมาณ 1 เดอื น กรองนํ้ายาทไี่ ด้เก็บไว้ กอ่ นใช้น�ำ ออกมา พอประมาณผสมกับกำ�มะถันเหลือง ใชท้ าแผลเป่อื ยเร้อื รงั โรคผิวหนังทัว่ ไป ต�ำ รับท่ี 3: รกั ษาแผลเป่ือย (หมอพ้นื บ้านจงั หวดั สงขลา) ใบชุมเห็ดทง้ั 2 (หรือใบชมุ เหด็ เทศอยา่ งเดยี ว) พอประมาณ น�ำ มาตำ�คัน้ เอานํ้า ผสมกบั ก�ำ มะถัน เหลือง ทาแผลเปอื่ ย 22 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ชมุ เห็ดไทย (Senna tora (L.) Roxb). : ชอ่ ดอกและใบ ชมุ เหด็ เทศ (Senna alata (L.) Roxb.) : ชอ่ ดอก ชุมเหด็ ไทย (Senna tora (L.) Roxb). : เมลด็ งานวิจัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง : การทดสอบฤทธต์ิ า้ นอาการแพข้ องสารสกดั น้าํ -เมทานอล (70%) รวมทั้งสารสำ�คญั อย่าง rhein และ kaempferol ใน triple antigen/sheep serum-induced mast-cell degranulation ของหนแู รท พบวา่ สารสกดั นาํ้ -เมทานอล ทขี่ นาด 200 มก./กก. รวมทง้ั สาร rhein และ kaempferol ทข่ี นาด 5 มก./กก. สามารถ ยับยง้ั การแตกของแกรนูลทท่ี �ำ ให้หลงั่ สารก่อการแพ้ ได้ นอกจากนีส้ ารสกัดนาํ้ -เมทานอล และสาร rhein ยัง สามารถยบั ยง้ั การทำ�งานของเอนไซม์ lipoxygenase ซ่งึ เกีย่ วข้องกบั กระบวนการอกั เสบ โดยมคี ่าความเข้ม ข้นของสารสกัดและ rhein ทสี่ ามารถยับยง้ั การทำ�งานของเอนไซมไ์ ด้ 50% เทา่ กับ 90.2 และ 3.9 มคก./มล. ตามล�ำ ดบั ในขณะทส่ี าร kaempferol ไมแ่ สดงผลดงั กลา่ ว จากผลการทดลองแสดงใหเ้ หน็ วา่ สารสกดั จากใบ ชุมเหด็ เทศรวมท้ังสารส�ำ คญั มีฤทธิ์ในการตา้ นอาการแพ้โดยผา่ นกลไกท่ที ำ�ให้แกรนูลมีความคงตัว และการ ยบั ย้ังเอนไซม์ lipoxygenase ซึง่ นา่ จะมีประโยชน์ในการพัฒนาเป็นยารักษาโรคท่ีเกี่ยวกับการแพ้ตา่ งๆ (10) พืชสมุนไพร 23
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ปรง ส่วนที่ใช้ / รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ Cycadaceae 6. ปรงท้ัง 2 ปรงบ้าน Cycas sp.1 / ST เหง้า / ฝาด ฝนกับน้�ำปนู ใส ทา เย็น แก้ล�ำลาบเพลิง แผล ปรงป่า Cycas sp.2 / ST เรอ้ื รงั เรมิ งสู วดั ดบั พษิ ปวดแสบปวด รอ้ น ลดไข้ ฝนกบั สุรา ทาแก้ ฟกบวม สมานแผล เหง้า / ฝาด แกแ้ ผลเรื้อรงั แผล เย็น กลาย ขอ้ มลู เพิ่มเตมิ : ปรง (Cycas spp.) จัดเป็นพชื กลมุ่ Gymnosperms หรือพชื เมลด็ เปลือย (naked seed) โดยออวลุ (ovule) จะไมม่ โี ครงสรา้ งหอ่ หมุ้ เหมอื นพชื ดอก เปน็ พชื ตน้ แยกเพศ (dioecious plant) ตน้ เพศผูจ้ ะมีใบสร้างอบั ไมโครสปอร์ (microsporophyll) และใบของต้นเพศเมียสรา้ งอับเมกะสปอร์ (mega- sporophyll) cone เพศผู้ และ cone เพศเมีย ท�ำ หนา้ ท่ีเสมอื นดอกแยกกันอยคู่ นละตน้ ปรง ในประเทศไทยมีรายงานใน Flora of Thailand (volume 2) มจี �ำ นวน 6 ชนิด ประกอบด้วย C. circinnalis L. (ปรงปา่ ปรง มะพร้าวสดี า) C. micholitzii Dyer var. simplicipinna (ปลง พรา้ วเต่า มะพรา้ วเตา่ ) C. pectinata Griff. (ปลง ปรงเขา) C. revoluta Thunb. (ปรงยป่ี ่นุ ) C. rumphii Miq. (ปรง ปรงทะเล) และ C. siamensis Miq. (ปรง มะพรา้ วเต่า ตาลปตั รฤาษ)ี จากการสอบถามหมอพน้ื บ้าน พบว่า ส่วนใหญ่มักซ้ือจากร้านขายยาสมุนไพร จึงไม่สามารถเก็บตัวอย่างเพื่อนำ�มาระบุชนิดได้ อย่างไรก็ตาม พบ ว่าปัจจุบันมีการนำ�ปรงมาใช้ประกอบตำ�รับยาน้อยลง เน่ืองจากปรงจัดเป็นพืชอนุรักษ์ตามบัญชีแนบท้าย อนุสญั ญา CITES และถูกคุกคามอยา่ งรนุ แรงในธรรมชาติ (11) หมอพื้นบา้ นภาคใตบ้ างทา่ น นิยมใช้ปรงทะเล (Acrostichum aureum L.) วงศ์ Pteridaceae ซ่งึ เป็นพืชในกลุ่มเฟินแทนปรง (Cycas spp.) เนอ่ื งจากเปน็ พชื ที่พบไดง้ ่ายในธรรมชาติ บริเวณปา่ ชายเลน มรี ส เค็มฝาด ซึ่งใช้รักษาโรคผวิ หนังได้ การใช้ประกอบตำ�รับยา : ต�ำ รับท่ี 1 : ลดไข้ (หมอแฉลม้ มงคล) คนทา รากชิงชา้ ชาลี รากย่านาง เทา้ ยายม่อม รากแฝก รากมะเดอื่ รากมะกรดู เหมือดคน ราก ไผ่รวก หัวคล้า รากปรง รากมะปราง รากหวายขม รากตาลโตนด รากผกั ตำ�ลึง รากสลอดนาํ้ รากหมาก เถามวกท้ัง 2 รากครามนํ้า รากมะพรา้ ว อย่างละ 1 ส่วน น�ำ ตัวยาทง้ั หมดตม้ นํ้า แบบ 3 สว่ น เอา 1 ส่วน รับ ประทานกอ่ นอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น คร้ังละ 250 มิลลิลติ ร จนอาการดีขน้ึ 24 พืชสมุนไพร
ต�ำ รับที่ 2 : ลดไข้ ท่ีมอี าการเหน่ือยหอบ (หมอพนื้ บา้ นจงั หวดั สงขลา) จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ รากพกิ ุล บานไมร่ โู้ รยดอกขาว ปรง บานเย็น เนระพสู ี อยา่ งละ 1 ส่วน หัวว่าว (กระแตไตไ่ ม้) นา้ํ หนักเท่าตัวยาทั้งหมดรวมกนั ตวั ยาทงั้ หมดตม้ นา้ํ รบั ประทานกอ่ นอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น ครั้งละ 250 มิลลิลิตร เปลย่ี นเป็น สังเกตอาการ Cycas sp.1 : ตน้ เพศเมีย Cycas sp.2 : ตน้ เพศผู้ Cycas sp.3 : เหงา้ แห้ง ปรงทะเล (Acrostichum aureum L.) งานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง : 25 ไมพ่ บขอ้ มูล พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ประยงค์ ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ Meliaceae รสยา แก้ไข้ ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ราก / 7. ประยงค์ท้ัง 2 ประยงค์บ้าน Aglaia odorata Lour. / T จืดเย็น (หอมไกล) ประยงค์ป่า A. odoratisima Blume / T ข้อมูลเพ่มิ เติม : ประยงคบ์ ้าน มีลักษณะคลา้ ยต้นแก้ว (Murraya paniculata (L.) Jack) ส่วน ของก้านใบมีลกั ษณะเปน็ ปกี ใบเป็นมนั วาว ดอกสเี หลือง ผลสกุ สแี ดง ส่วนแก้วกา้ นใบไมเ่ ปน็ ปกี ดอกสี ขาว ส�ำ หรบั ประยงคป์ า่ อาจมหี ลายชนิด แตช่ นิดทสี่ ำ�รวจพบ และสอบถามจากหมอพื้นบา้ นภาคใตค้ ือ A. odoratisima Blume การใชป้ ระกอบต�ำ รับยา : ใช้ประกอบตำ�รบั ยาลดไข้ แตไ่ ม่นยิ มใชใ้ นหมอพน้ื บา้ นภาคใต้ 26 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ลกั ษณะใบประยงคบ์ า้ น ชอ่ ดอกประยงคบ์ ้าน ประยงคบ์ า้ น (A. odorata Lour.) ผลประยงค์บา้ น ลักษณะใบแก้ว แกว้ (Murraya paniculata (L.) Jack) ลักษณะดอกแก้ว งานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง : 27 ไมพ่ บขอ้ มูล พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ผกั หวาน ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ Sauropus androgynus (L.) รสยา แก้ไข้กลับซ�้ำ แก้ ชื่อพิกัด ช่ือสมุนไพร Merr. / S Euphorbiaceae ราก ใบ / ร้อนใน 8. ผักหวานท้ัง 2 ผักหวานบ้าน เย็น ผักหวานป่า Melientha suavis Pierre / ST Opiliaceae แก้ผิดส�ำแดง แก้ น้�ำดีพิการ แก้ดี พิการ ข้อมูลเพมิ่ เติม : - การใช้ประกอบตำ�รับยา : รากนยิ มใชป้ ระกอบตำ�รับยาลดไข้ และใบใชแ้ ก้ผ่ืนคัน ตำ�รบั ที่ 1: แก้แผลในปาก เนื่องจากรอ้ นใน (หมอพ้ืนบ้านจงั หวดั สงขลา) ใบมะแวง้ เครอื ใบผักหวานทงั้ 2 (หรือผกั หวานบา้ น) อย่างละ 1 สว่ น น�ำ มาต�ำ คนั้ นา้ํ ใช้กวาดคอ เดก็ ทมี่ ีอาการร้อนใน เป็นแผลในปาก มีไข้ ตำ�รับที่ 2: แกก้ าฬในคอ ลดไข้ (หมอแฉล้ม มงคล) รากผกั หวาน รากจิงจอ้ เหง้าคล้า หญา้ แพรก รากพุงทะลาย รากคนั ทรง อย่างละ 1 ส่วน เอาตัวยาท้ังหมดบดละลายนํ้าซาวขา้ ว รับประทานครงั้ ละ 1-2 ชอ้ นโตะ๊ กอ่ นอาหาร เช้า เที่ยง เย็น ตำ�รบั ที่ 3: แก้ร้อนใน กระหายน้าํ จนทำ�ให้ฟนั แห้ง (หมอแฉลม้ มงคล) รากพุงดอ รากย่านาง เปลา้ ทัง้ 2 จนั ทนแ์ ดง ผกั บุง้ รากผกั หวาน รากมะอึก รากแค รากน้าํ นอง รากมะกา รากมะนาว เถามวก ผลมะคำ�ดคี วาย รากมะแว้ง คุระ ดีงตู ้น ไคร้เครือ ชะเอม อย่างละ 1 สว่ น น�ำ ตัวยาทั้งหมดมาบดละลายนาํ้ ซาวข้าว รบั ประทาน และชโลมแกร้ ้อน ถา้ ตาน้นั แดงเอาลูกจงิ จ้อแช่นา้ํ เอาละ ลายยาท้ังกินและชโลม 28 พืชสมุนไพร
จลุ พิกดั ต่างกันที่ถิน่ กำ�เนิด ดอกผกั หวานบา้ น ผลผักหวานบ้าน ผักหวานบา้ น (S. androgynus (L.) Merr.) ผักหวานปา่ (Melientha suavis Pierre) ผลผกั หวานป่า งานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง : ฤทธ์ิช่วยลสดานร้าํ 3ห-นOักใ-นหβนทู-Dด-ลGอluงcเoมsื่อyปl-อ้ kนaสeาmรp3f-eOro-lβจา-Dกผ-Gักlหuวcาoนsบyl้า-น(1β(S6.)βan-dDr-oglguycnoussyl(-Lk.a)eMmeprfre.)roมlี (GKK) ท่สี กดั ไดจ้ ากกิง่ ออ่ นและใบของตน้ ผกั หวานบ้าน ให้หนปู รมิ าณ 60 มก./กก. เป็นเวลาตอ่ เน่อื ง 28 วัน พบวา่ หนูมกี ารกนิ อาหารน้อยลงถงึ 15% เมอ่ื เปรยี บเทียบกับหนปู กติ ทำ�ใหห้ นูมนี ้ําหนกั น้อยลง ผล การลดน้าํ หนักยังสามารถเหน็ ได้ในหนทู ีไ่ ด้รับ GKK เพียง 6 มก./กก. นอกจากน้ีในหนูท่กี นิ อาหารท่มี ีไขมนั สูง เมอ่ื ได้รบั GKK ทง้ั สองความเข้มข้นจะทำ�ใหป้ รมิ าณเอนไซม์ Glutamate pyruvate transaminase ใน ตเลรอื วดจลผดลลขง้าแงเลคะียมงปี ขรอิมงา3ณ-ไOตร-กβลเี ซ-อDร-G์ไรlดuร์cวoมsใyนl-เkลaอื eดmนpอ้ fยeกrวo่าlกใลนุ่มปคอวดบแคลมุ ะถตงึ ับรข้ออยงลหะน3ูท5ด-ล4อ7งเปไมอพ่รเ์บซคน็ วตา์ มกผาดิร ปกติใดๆ (12) พืชสมุนไพร 29
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด มะระ ช่ือสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ ส่วนท่ีใช้ / สรรพคุณ มะระข้ีนก Momordica charantia L. / C Cucurbitaceae รสยา ชื่อพิกัด (ผักไห) ใบ เถา ผล แก้พิษฝี แก้บวม 9. มะระท้ัง 2 มะระจนี Momordica charantia L. / C / ขม แกพ้ ษิ แมลงกดั ต่อย แกป้ ากเป่ือยเป็นฝา้ ขาว บ�ำรุงระดสู ตรี ใบ ผล / ขม แก้ไขห้ วัด ตัวร้อน บ�ำรุงนำ้� ดี ข้อมลู เพมิ่ เตมิ : มะระขี้นกและมะระจีน แม้จะมรี ูปร่างใบ และผลแตกตา่ งกนั แต่ทางพฤกษศาสตร์ ยงั คงจัดเปน็ ชนดิ เดยี วกนั การใช้ประกอบตำ�รับยา : ใชเ้ ปน็ ยาภายในชว่ ยบ�ำ รุงนํ้าดี เจรญิ อาหาร ใช้ภายนอกเปน็ ยารกั ษาโรค ผิวหนัง ผื่นคัน ในต�ำ รับยานิยมใชม้ ะระขีน้ กมากกว่ามะระจนี ต�ำ รับที่ 1: บำ�รงุ นํา้ ดี (หมอแฉลม้ มงคล) หญ้าใต้ใบท้งั 5 ผลมะระท้งั 2 (หรือมะระข้ีนก) ใบทองพนั ช่ัง รากมะแว้งทง้ั 2 เหง้าวา่ นเอน็ เหลอื ง หญ้าปกั ก่งิ ท้งั ต้น อยา่ งละ 1 ส่วน น�ำ มาต้มนา้ํ รบั ประทาน ช่วยบำ�รงุ นํ้าดี ลดนํ้าตาลในเลอื ด ต�ำ รับท่ี 2: ลดไข้ (หมอแฉล้ม มงคล) ใบมะเฟอื ง ใบฟกั ขา้ ว ใบสะเดา มะระขนี้ ก ใบหนาด ใบระงบั ขมนิ้ ออ้ ย ใบหมากเมยี ใบหมากผู้ อยา่ งละ 1 ส่วน น�ำ ตวั ยาท้ังหมดมาตม้ นํ้า รับประทานก่อนอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น ครง้ั ละ 250 มิลลลิ ติ ร จนอาการดีขึน้ ต�ำ รบั ท่ี 3: ยาในบัญชียาหลกั แห่งชาติ พ.ศ. 2556 : ยามะระขน้ี ก ใช้ผงแห้งจากเน้อื ผลที่ยงั ไมส่ กุ ชงครัง้ ละ 1-2 กรัมกบั น้าํ ร้อน 120-200 มลิ ลิลิตร วันละ 3 เวลา ก่อน อาหารแกไ้ ข้ แก้รอ้ นใน เจรญิ อาหาร 30 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ดอกมะระขนี้ ก ผลมะระขน้ี ก มะระข้ีนก (M. charantia L.) ผลสดมะระจีน ผลแห้งมะระจีน มะระจีน (M. charantia L.) งานวิจัยท่ีเกยี่ วข้อง : ศกึ ษาฤทธิ์ตา้ นเบาหวานทัง้ ชนดิ ท่ี 1 และ 2 ของสารสกดั charantin จากผลมะระขน้ี ก โดยทดลอง ปอ้ นสารสกดั charathin ขนาด 200 มก./กก./วนั ใหก้ ับหนูเม้าสส์ ายพันธุ์ KK/HIJ ทถี่ ูกเหนยี่ วน�ำ ใหเ้ ปน็ เบา หวานชนิดที่ 2 ด้วยการใหอ้ าหารที่มีไขมันสูง (high-fat diet) และหนเู มา้ ส์สายพนั ธ์ุ ICR ทถ่ี ูกเหนีย่ วน�ำ ให้ เป็นเบาหวานชนิดท่ี 1 ดว้ ยการฉีด streptozotocin ขนาด 150 มก./กก. เขา้ ทางช่องทอ้ ง ใช้ระยะเวลาใน การทดลองนาน 8 สปั ดาห์ ผลการศกึ ษาท่ีไดพ้ บวา่ สารสกดั charantin มผี ลลดระดบั นํา้ ตาลในเลือดและ ลดภาวะดือ้ ตอ่ อินซูลิน (insulin resistance) ในหนเู มา้ สก์ ล่มุ เบาหวานชนิดท่ี 2 แต่ไม่พบความเปล่ยี นแปลง ของค่าดังกล่าวในหนูเม้าส์กลุ่มเบาหวานชนิดท่ี 1 นอกจากน้ีสารสกัด charantin ยังมีผลลดระดับอินซูลิน ในเลือด และเพ่มิ ความไวของเนอ้ื เยื่อตอ่ อินซลู นิ (insulin sensitivity) โดยพบวา่ มีการแสดงออกของโปรตนี glucose transporter 4 (GLUT4) ในเซลลก์ ล้ามเนื้อ และ Insulin receptor substrate 1 (IRS-1) ในตับ เพ่ิมข้ึน อยา่ งไรกต็ ามผลดังกล่าวพบไดเ้ ฉพาะในหนเู ม้าสก์ ลุ่มเบาหวานชนดิ ที่ 2 เท่านน้ั และผลการศกึ ษาใน หลอดทดลอง (in vitro) ถึงฤทธิ์ปกปอ้ งเซลล์เบตา้ ของตับอ่อน (pancreatic β cells) ท่ีท�ำ หนา้ ท่ีในการผลิต ฮอรโ์ มนอนิ ซลู นิ พบวา่ สารสกดั charantin สามารถยบั ยงั้ ความเสยี หายของเซลลท์ เ่ี กดิ จากการเหนยี่ วน�ำ ดว้ ย กลโู คสขนาดสงู ไดเ้ พยี งในชว่ ง 24 ชวั่ โมงแรกของการเลย้ี งเซลลเ์ ทา่ นน้ั ผลจากการทดลองดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ ว่ามะระข้ีนกมฤี ทธิต์ ้านเบาหวาน และใหผ้ ลดใี นเบาหวานชนิดท่ี 2 มากกว่าชนิดท่ี 1 (13) 31 พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ยอ ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ Rubiaceae รสยา ขับโลหติ ระดู ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช 10. ยอทงั้ 2 ยอบ้าน Morinda citrifolia L. / T แก่น / ร้อน ขม ยอปา่ ขับนำ�้ คาวปลา แก้ บาดทะลกั ปาก มดลูก ขบั ลม ขอ้ มลู เพิ่มเติม : ยอบ้านและยอปา่ เดมิ ถูกแยกเป็นคนละชนิด คอื ยอบา้ น ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Morinda citrifolia L. และยอปา่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda elliptica Ridl. ปจั จุบนั ทางพฤกษศาสตรจ์ ัดให้พืชท้ัง 2 ชนดิ น้ีเปน็ ชนิดเดียวกนั โดยมชี ่อื วิทยาศาสตร์ คอื Morinda citrifolia L. ลกั ษณะเดน่ ของยอบ้านคอื ใบ และผลรวมจะมีขนาดใหญ่กวา่ ยอปา่ มาก การใช้ประกอบต�ำ รบั ยา : หากต้องการแก้อาการคลนื่ เหยี น วิงเวียน จะนิยมใช้ผลยอบา้ น และนยิ ม ใชเ้ ป็นกระสายยา และหากตอ้ งการแกน่ หรือใบขบั โลหิตระดู จะนิยมใชย้ อปา่ ตำ�รับท่ี 1: ขับลม แนน่ จกุ เสยี ดบรเิ วณลิ้นปี่ (หมอพนื้ บา้ นจงั หวดั สงขลา) เถาสะคา้ น ผลมะแวง้ ทงั้ 2 เถากำ�แพง 7 ช้นั เหง้ากะทือ ใบพาโหม อย่างละ 1 สว่ น ใบมะกา ใบยอ อยา่ งละ ½ สว่ น ตวั ยาทงั้ หมดตม้ นาํ้ รบั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทยี่ ง เยน็ ครง้ั ละ 250 มลิ ลลิ ติ ร สงั เกตอาการ ตำ�รับท่ี 2: ลดไขเ้ พอ่ื เสมหะ (หมอพนื้ บ้านจงั หวัดสงขลา) กะเมง็ ทง้ั ตน้ เนอ้ื ไมห้ ยามฝา้ ย รากยา่ นาง รากชงิ ช่ี รากคนทา รากมะแวง้ เครอื เถายา่ นดกู แกน่ ลน่ั ทม ใบยอ เนื้อไม้ตะขบนา ใบมะกา ชะเอมไทย รากแฝกหอม อย่างละ 1 ส่วน ตวั ยาทง้ั หมดต้มนาํ้ รบั ประทาน ก่อนอาหาร เชา้ เที่ยง เยน็ ครง้ั ละ 250 มลิ ลลิ ติ ร สงั เกตอาการ 32 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ ยอปา่ (M . citrifolia L.) ยอบา้ น (M. citrifolia L.) งานวิจยั ที่เกย่ี วข้อง : การศึกษาฤทธิ์ปกป้องความเป็นพิษต่อตับจากการด่ืมสุราเป็นระยะเวลานานของน้ําลูกยอบ้าน (M. citrifolia L.) พบว่าน้าํ ลูกยอบ้านช่วยลดระดบั เอน็ ไซม์ aspartate aminotransferase, alanine amino- transferase ลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และไขมันสะสมในตับ และเพ่ิมการขับไขมันออกทางอุจจาระ นβอ-oกxจiาdกaนtiา้ํ oลnกู ยใอนจเซะลมลผี ต์ ลับลขดอกงาหรสนรูทา้ ไ่ีงดไข้รมับนัแอ(lลipกoอgฮeอnลeด์ siว้ sย) แอลีกว้ ทยงัง้ั ชเรว่ ง่ ยกเาพรมิ่ กกำ�าจรดั สแลอาลยกกอรดฮไอขลมอ์ นั อดกว้ จยากกรเะซบลวลน์ กโดายร เพม่ิ การท�ำ งานของเอน็ ไซม์ alcohol dehydrogenase และ acetaldehyde dehydrogenase ซง่ึ เกยี่ วขอ้ ง กับการเมตาบอลิสมแอลกอฮอล์ นอกจากนยี้ ังชว่ ยเพิ่มฤทธ์ิตา้ นอนมลู อิสระของตับ การศึกษานแี้ สดงให้เหน็ ว่าน้ำ�ลูกยอช่วยปกป้องตับจากการถูกทำ�ลายด้วยแอลกอฮอล์ โดยเกี่ยวข้องกับการปรับสมดุลไขมัน (lipid homeostatis) ฤทธ์ิตา้ นอนมุ ูลอิสระ การเมตาบอลสิ มของแอลกอฮอล์ และฤทธ์ิตา้ นการอกั เสบ (14) พืชสมุนไพร 33
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด สะเดา ส่วนที่ใช้ / รสยา ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ 11. สะเดาทง้ั 2 สะเดาบ้าน Azadirachta indica A. Juss / T Meliaceae แกน่ ก้านใบ แกไ้ ข้ ร้อนใน ใบ / ขมเย็น กระหายนำ้� บ�ำรงุ สะเดาป่า Unknown โลหิต บ�ำรุงไฟธาตุ ข้อมลู เพ่มิ เตมิ : สะเดาในไทยมี 2 ชนดิ คอื A. indica A. Juss สะเดาอินเดยี หรอื ควนิ นิ (ไม่ใช่ ต้นควินินในสกุล Chinchona spp. ซึ่งใช้รักษามาลาเรีย แต่หมอพื้นบ้านใช้สะเดาอินเดียประกอบ ตำ�รับยารักษาไข้ต่างๆ รวมท้ังไข้มาลาเรียได้) และ A. excelsa (Jack) Jacobs สะเดาเทียม หรือต้น เทียม สำ�หรับสะเดาป่ายังไม่สามารถเก็บตัวอย่างมาระบุชนิดได้ หมอพ้ืนบ้านภาคใต้ส่วนใหญ่จะใช้ สะดาอนิ เดยี ในการประกอบตำ�รับยา การใช้ประกอบต�ำ รบั ยา : นยิ มใช้ประกอบต�ำ รับยาลดไข้ ตำ�รับที่ 1: แกท้ ้องเสีย ล�ำ ไส้แปรปรวน (หมอเหล็ม หวดั แทน่ ) ใบสะเดา ใบเสนียด รากเจตมูลเพลงิ แดง เปลอื กต้นโมกมัน หวั แหว้ หมู โกฐพุงปลา ผลผกั ชี ตรีผลา รากตองแตก รากแฝกหอม ผลกระดอม เถาบอระเพ็ด รากกระถนิ แดง เหง้าขิงแห้ง รากไคร้เครอื หญ้าตีนนก อยา่ งละ 1 ส่วน นำ�ตวั ยาทั้งหมดตม้ นํา้ แบบตม้ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน รับประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทีย่ ง เย็น ครงั้ ละ 250 มลิ ลลิ ติ ร สงั เกตอาการ หรอื รบั ประทานชว่ งท่ีมีอาการ ต�ำ รับท่ี 2: แกป้ ัสสาวะพกิ าร ปสั สาวะมสี ขี าว หรอื ดำ� (หมอแฉลม้ มงคล) แห้วหมู เทียนด�ำ รากมะตมู ใบสะเดา ใบเสนยี ด ใบองั กาบ ลูกเอ็น โกฐสอ เกลือสินเธาว์ อยา่ งละ 1 สว่ น น�ำ ตวั ยาทงั้ หมดบดผง เมอื่ จะรบั ประทาน ละลายดว้ ยนาํ้ ออ้ ยแดง รบั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทย่ี ง เยน็ ตำ�รับท่ี 3: แก้ไข้เรื้อรัง (พท. สมพร ชาญวณชิ สกุล) เถาบอระเพด็ รากปลาไหลเผอื ก แก่นขีเ้ หลก็ แกน่ กนั เกรา ผลกระดอม แก่นฝาง เทียนขาว เทยี นดำ� โกฐจฬุ าลำ�พา โกฐน้าํ เต้า เน้ือในราชพฤกษ์ ดีเกลอื สมอทง้ั 3 อยา่ งละ 2 บาท ลกู จนั ทน์ รกจนั ทน์ กระวาน กานพลู เกสรทัง้ 5 อย่างละ 1 บาท กา้ นสะเดา 33 กา้ น ใบมะนาว 54 ใบ นำ�ตัวยาทง้ั หมดตม้ นํา้ แบบตม้ 3 ส่วน เอา 1 สว่ น รับประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เที่ยง เย็น ครัง้ ละ 250 มิลลลิ ติ ร สังเกตอาการ หรือรบั ประทาน ช่วงทม่ี อี าการ 34 พืชสมุนไพร
จลุ พิกดั ต่างกันที่ถิน่ กำ�เนิด ลกั ษณะช่อดอกและใบสะเดา เปลือกต้นสะเดา สะเดา (Azadirachta indica A. Juss) งานวิจยั ทเี่ กีย่ วขอ้ ง : การศกึ ษาฤทธ์ิของสารสกดั ทแ่ี ยกได้จากนํ้ามนั สะเดา ( A. indica A. juss ) หรอื NIM-76 พบวา่ มีฤทธ์ิ ฆา่ สเปรมิ ์และมีฤทธิ์ในการตา้ นเชือ้ จุลชีพซ่ึงทำ�ใหเ้ กดิ โรคหลายชนิด เช่น Klebsiella pneumoniae และ Escherichia coli โดยฤทธ์ดิ งั กล่าวไม่พบในนํ้ามนั สะเดา นอกจากนส้ี ารสกดั NIM-76 ยงั มฤี ทธิ์ต้านเช้ือรา Candida albicans และยับย้ังการขยายพันธ์ุของโปลิโอไวรสั ในหลอดทดลอง และส�ำ หรับการทดลองในหนู ซึ่งตดิ เชอ้ื รา C. albicans พบวา่ NIM-76 มีผลเพม่ิ อัตราการรอดชวี ิตของหนไู ด้ (15) พืชสมุนไพร 35
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด สเี สียด ส่วนท่ีใช้ / รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ชื่อวงศ์ สรรพคุณ Fabaceae สารสกัด จาก แกท้ อ้ งร่วง แก้ 12. สีเสียดท้งั 2 สีเสียด Acacia catechu (L.f.) Willd. การตม้ เค่ยี ว อตสิ าร คุมธาตุ ไทย(สเี สียด / T (๓) เนอื้ ไม้ / ฝาด เหนือ: black สมานแผล catechu) สีเสียด Uncaria gambir (Hunter) Roxb. Rubiaceae สารสกัด จาก เทศ (pale / ExC(๓) การต้มเคย่ี ว catechu) ใบและก่ิงอ่อน / ฝาด ขอ้ มูลเพ่ิมเติม : สเี สยี ดไทย ได้จากการนำ�เน้อื ไมม้ าตม้ เค่ียว จนได้ก้อนสดี ำ� จึงมชี ือ่ เรยี กวา่ “black catechu” มสี ารส�ำ คัญ tannins และ flavonoids (๔) สเี สียดเทศ ได้จากการน�ำ ใบและกิ่งอ่อน หมกั รวม กัน แลว้ น�ำ มาต้มเคี่ยว กอ้ นสีเสียดท่ีไดจ้ ะมีสอี อ่ นกวา่ สีเสยี ดไทย จงึ เรียกวา่ “pale catechu” (๓) มสี าร ส�ำ คัญ กลมุ่ tannins และ flavonoids นอกจากสเี สียดทงั้ 2 ชนิดดงั กลา่ วแล้ว ยงั มสี เี สยี ดอกี หนง่ึ ชนิดคอื สเี สยี ดแกน่ หรอื สเี สยี ดเปลอื ก กลุ่ม (Pentace burmanica Kurz / Tiliaceae) เปลือกมีรสฝาด แก้ทอ้ งรว่ ง แก้บดิ คนโบราณนิยมกนิ กบั หมากชว่ ยป้องกันปูนกดั ปาก การใชป้ ระกอบตำ�รบั ยา : นิยมใชป้ ระกอบต�ำ รบั ยารักษาแผลเรื้อรงั ตา่ งๆ ต�ำ รบั ที่ 1: แก้แผลเรอื้ รัง แผลเปอื่ ย(หมอพน้ื บา้ นจังหวัดสงขลา) ก�ำ มะถนั แดง สีเสยี ดทัง้ 2 (หรือสีเสยี ดเทศ) ก�ำ ยาน เบญกานี อย่างละ 1 สว่ น น�ำ มาฝนกับนํ้าปนู ใส ทาแผลเรื้อรัง ตำ�รบั ท่ี 2: แก้แผลเรอื้ รงั แผลเปือ่ ย (พท. สมพร ชาญวณิชสกุล) เปลือกมงั คดุ สเี สียดทั้ง 2 อย่างละ 30 กรมั เบญกานี 20 กรัม น�ำ ตัวยาทั้งหมดตม้ น้ํา ทิ้งไวใ้ หอ้ ุ่น ใช้ แชส่ ว่ นทม่ี แี ผลเนา่ เปอ่ื ย เชา้ -เยน็ จนกวา่ อาการจะดขี น้ึ (จะใชไ้ ดด้ เี มอ่ื ใชป้ ระกอบต�ำ รบั ยารกั ษาอาการภายใน ซงึ่ ตอ้ งต้งั ตามสมฎุ ฐานการเกิดโรคของแผลเป่อื ยน้ัน) 36 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ สเี สียดแกน่ (Pentace burmanica Kurz ) สีเสียดไทย สเี สียดเทศ งานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง : 37 ไม่พบขอ้ มลู พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด หญ้าเกลด็ หอย ส่วนท่ีใช้ / รสยา ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ชื่อวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ Fabaceae 13. หญา้ เกล็ด หญา้ เกล็ดหอย Desmodium triflorum (L.) DC. ทั้งตน้ /ขมเย็น แก้ไข้ แก้ร้อนใน หอยทัง้ 2 ไทย / TrH แกด้ ีพกิ าร หญ้าเกลด็ หอย Alysicarpus vaginalis (L.) Fabaceae เทศ DC. /H ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ : บางตำ�รากลา่ วว่า หญา้ เกลด็ หอยไทย คือ Geissaspis cristata Wight & Arn. (Fa- baceae) และหญ้าเกลด็ หอยเทศ คือ Hydrocotyle sibthorpioides Lam. (Apiaceae) อยา่ งไรก็ตาม จาก การส�ำ รวจและเกบ็ ตวั อยา่ งพชื ชนดิ นจ้ี ากหมอพนื้ บา้ นบางทา่ นในภาคใต้ พบวา่ หญา้ เกลด็ หอยไทยทห่ี มอพนื้ บ้านภาคใตใ้ ช้ประกอบตำ�รับยา คือ D. triflorum (L.) DC. หรือ หญ้าเกล็ดหอยนอ้ ย สว่ นหญา้ เกล็ดหอยเทศ คอื A. vaginalis (L.) DC. หรอื หญา้ เกลด็ หอยใหญ่ ซง่ึ มขี นาดใบใหญก่ วา่ และบรเิ วณเสน้ กลางใบมแี ถบสขี าว การใช้ประกอบต�ำ รับยา : นิยมใช้ประกอบต�ำ รบั ยาลดไข้ ตำ�รับที่ 1: ลดไข้ท่ีมีอาการไขว้ ันเว้นวนั แกร้ อ้ นใน (หมอพนื้ บ้านจังหวัดสงขลา) จนั ทนท์ ้ัง 2 หญ้าลน้ิ งู (หญ้าเลนิ้ ) หญ้าเกลด็ หอยทง้ั 2 เปลอื กตน้ สะดา เปลอื กต้นราชพฤกษ์ ผลสมอ ไทย ผลกระวาน อย่างละ 1 สว่ น ตัวยาทัง้ หมดต้มนํา้ รบั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทย่ี ง เยน็ ครั้งละ 250 มลิ ลิลิตร สงั เกตอาการ ตำ�รับที่ 2: ลดไข้ทีม่ อี าการเหม็นคาวอาหาร เหมน็ ในปากในคอ (หมอแฉลม้ มงคล) สมอท้งั 3 จันทน์ท้ัง 2 ผลกระดอม หญ้าเกลด็ หอยทัง้ 2 ใบสะเดา หญา้ ปนี ตอ อยา่ งละ 1 สว่ น ตวั ยา ทั้งหมดตม้ นํา้ แบบต้ม 3 ส่วน เอา 1 สว่ น รับประทานก่อนอาหาร เชา้ เท่ียง เย็น คร้ังละ 250 มิลลิลิตร สังเกตอาการ 38 พืชสมุนไพร
จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ เกลด็ หอยไทย (Desmodium triflorum (L.) DC. ) เกล็ดหอยเทศ (Alysicarpus vaginalis (L.) DC.) งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง : 39 ไม่พบข้อมลู พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด หสั คณุ ส่วนท่ีใช้ / รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ Rutaceae 14. หัสคณุ ทั้ง 2 หสั คุณไทย Micromelum pubescens ตน้ ราก ใบ / ขบั ลมในล�ำไส้ ขับ (สมุย ส�ำปะ Blume / S รอ้ น พยาธิ ขับหนอง ขับ หลุย หมยุ ) เลือด แกค้ ดุ ทะราด หัสคุณเทศ Clausena excavata Burmf. / S Rutaceae แกร้ ดิ สดี วงจมกู (สมัด) ขับลมในท้อง แก้ รดิ สดี วงผอมแห้ง รดิ สีดวงจมกู ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ : หสั คณุ ไทย ชอ่ื เดมิ คอื Micromelum minutum (G.Forst.) Wight & Arn. ส�ำ หรบั หสั คณุ เทศ หมอพื้นบา้ นในภาคใตบ้ างท่าน ใหข้ อ้ มูลว่า หสั คุณเทศ คือพชื ชนิดหน่งึ ชอ่ื ว่า Holarrhena curtisii King & Gamble / S (Apocynaceae) ซึ่งเรียกอีกชอ่ื ว่า พุดทงุ่ อยา่ งไรกต็ าม พบวา่ พดุ ทุง่ ไมใ่ ช่พืชรสรอ้ น และไมไ่ ดม้ ีฤทธ์ขิ บั ลม ดงั น้นั หัสคุณเทศทม่ี ฤี ทธิข์ บั ลมจึงน่าจะเป็น C. excavata Burmf. การใชป้ ระกอบต�ำ รบั ยา : ตำ�รบั ที่ 1: ยาขบั โลหิตร้าย (หมอเหล็ม หวดั แทน่ ) ผลชา้ พลู รากเจตมูลเพลิงแดง เหง้าว่านนํา้ ฝักสม้ ปอ่ ย เมลด็ สลอดสะตุ รากหสั คุณเทศ รากดองดึง อย่างละ 1 บาท ใบเปลา้ น้อย 2 ตำ�ลึง เหงา้ กกลงั กา 2 ตำ�ลึง เมล็ดพรกิ ไทยล่อน 3 ตำ�ลึง นำ�ตวั ยาท้ังหมด บดผง ละลายนา้ํ ผงึ้ หรือนํา้ ส้มซ่า รบั ประทานก่อนอาหาร เช้า เท่ียง เย็น จนอาการดขี น้ึ หรอื ดองสุราทง้ิ ไว้ 15 วนั รับประทานครั้งละ 250 มลิ ลลิ ิตร ก่อนอาหาร เชา้ เทยี่ ง เยน็ แก้สรรพเลอื ดเนา่ รา้ ยทง้ั ปวง แก้ลม เสมหะริดสดี วงผอมเหลอื ง ตำ�รับที่ 2: แกล้ มในขอ้ ปวดข้อ เขา่ (หมอเหลม็ หวัดแท่น) เถาขอบชะนางท้ัง 3 (ขาว-แดง-นัง่ ) เนอ้ื ไม้หสั คณุ ทง้ั 2 รากกรงุ เขมา หวั ร้อยรู ผลดีปลี ผลหว้า ดอก กานพลู หัวยาจีนทง้ั 2 อย่างละ 3 บาท โกฐทั้ง 5 มหาหงิ ค์ุ ยาด�ำ อย่างละ 1 บาท ตวั ยาทง้ั หมดต้มนา้ํ แบบ ตม้ 3 สว่ น เอา 1 ส่วน รบั ประทานกอ่ นอาหาร เชา้ เทย่ี ง เย็น ครั้งละ 250 มิลลลิ ติ ร สังเกตอาการ หรือน�ำ ตวั ยาท้ังหมดบดผง ละลายนํา้ ผงึ้ ครัง้ ละ 1 ชอ้ นโตะ๊ รบั ประทานกอ่ นอาหาร เช้า เทยี่ ง เย็น ตำ�รบั ที่ 3: ยาแกไ้ ข้ปา่ (หมอแฉลม้ มงคล) จนั ทนข์ าว รากมะเขอื ข่นื รากมะตูม รากมะกา ดปี ลี หสั คณุ แหว้ หมู อยา่ งละ 1 สว่ น นำ�ตัวยาท้ัง หมดต้มนา้ํ รบั ประทานก่อนอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น ครัง้ ละ 250 มิลลิลติ ร จนอาการดีข้นึ แก้ไข้ท่มี อี าการตัว เหลอื ง ตาเหลอื ง หนาวสะทา้ น 40 พืชสมุนไพร
จลุ พิกดั ต่างกันที่ถิน่ กำ�เนิด ลกั ษณะใบหัสคณุ ไทย ลักษณะช่อดอกหสั คุณไทย หัสคณุ ไทย (Micromelum pubescens Blume) ลักษณะใบและผลหสั คุณเทศ หสั คณุ เทศ (Clausena excavata Burmf.) งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง : พุดทุง่ (Holarrhena curtisii King & Gamble) ไมพ่ บขอ้ มูล 41 พืชสมุนไพร
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด อบเชย ช่ือวงศ์ ส่วนท่ีใช้ / สรรพคุณ Lauraceae รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช 15. อบเชยท้ัง 2 อบเชยไทย Cinnamomum sp. / T เปลือกต้น แก้ลมอัมพาต แก้ / หอมร้อน ไข้สันนิบาต แก้ อบเชยเทศ Cinnamomum verum J. presl / ExT (๓) หวาน อ่อนเพลีย ขับ ผายลม บ�ำรุงธาตุ บ�ำรุงหัวใจ ข้อมลู เพิม่ เตมิ : อบเชยไทย มี 2 ชนดิ คือ Cinnamomum iners Reinw. ex Blume. เรยี กอีกชอ่ื ว่า เชยี ด และ C. bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet (สมุลแวง้ ไอ้แหวง) ในต�ำ รับยาของหมอพนื้ บา้ นภาค ใต้ มักใช้ C. bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet เนอ่ื งจากมกี ลน่ิ หอมร้อนมากกวา่ C. iners อบเชยเทศ สว่ นท่ีน�ำ มาใช้ประโยชนค์ อื เปลือกช้นั ใน (๓) ซงึ่ มีลกั ษณะมว้ นขดเขา้ หากนั เป็นแทง่ กลวง ทรงกระบอก มีสารส�ำ คัญ คอื นํ้ามันหอมระเหย สารกลุ่ม phenolic และอ่ืนๆ เช่น gum, mucilage, resin, starch (๔) นอกจากนย้ี ังมอี บเชยอีกชนดิ ที่นิยมน�ำ มาใชค้ ือ อบเชยญวน (C. loureirii Nees) เปลอื กตน้ มี รสหวาน เปน็ แผ่นหนา เส้ียนหยาบ อบเชยชวา (C. burmannii (Nees & T. Nees)) และ อบเชยจีน (C. cassia Nees & T. Nees) เป็นตน้ ขอ้ แตกตา่ งของใบอบเชยไทย อบเชยเทศ อบเชยญวน และ สมลุ แวง้ คอื อบไทยไทย ใบจะยาวมากกวา่ อบเชยชนดิ อื่น อบเชยเทศ ใบรปู ไข่ อบเชยญวน ใบค่อนขา้ งกลม ทัง้ 3 ชนดิ น้ีใบจะหนาเหนยี ว สว่ นใบสมุล แว้งเป็นรปู ไข่ ใบจะบางกว่าอบเชยชนิดอน่ื การใช้ประกอบตำ�รับยา : เป็นตัวยาสำ�คัญท่ีใช้ประกอบตำ�รับยาบำ�รุงหัวใจ บำ�รุงธาตุ แก้ลมกอง ละเอียด แต่นิยมใช้อบเชยเทศมากกว่าอบเชยไทย หากในตำ�รับยาไม่ได้ระบุว่าเป็นอบเชยชนิดใด มักหมาย ถึง อบเชยเทศ ต�ำ รับที่ 1: แกโ้ รคทางลม เหนบ็ ชา (หมอเหล็ม หวัดแท่น) เหงา้ วา่ นมหาหงส์ รากราชพฤกษ์ รากชา้ พลู เหงา้ ขงิ เหงา้ ไพล ผลดปี ลี เหงา้ วา่ นนาํ้ เถาบอระเพด็ แหว้ หมู เถาสะค้าน เปลือกต้นสมลุ แว้ง แก่นสัก แก่นข้เี หลก็ ใบมะกา กระเทยี มอยา่ งละ 3 บาท รากเจตมลู เพลงิ แดง แกน่ สกั ขี อย่างละ 4 บาท อบเชยทง้ั 2 ผลพริกไทย อยา่ งละ 6 บาท หัวยาจนี 7 บาท ตัวยาท้ังหมดตม้ นา้ํ แบบตม้ 3 สว่ น เอา 1 สว่ น รบั ประทานก่อนอาหาร เช้า เทย่ี ง เยน็ คร้งั ละ 250 มลิ ลิลติ ร จนอาการดีข้นึ ต�ำ รบั ท่ี 2: แก้โลหิตทจุ ริตโทษ (พท. สมพร ชาญวณชิ สกุล) ผลคดั เคา้ 3 บาท เบญจกูล โกฐทงั้ 5 เทยี นท้ัง 5 อย่างละ 1บาท เกสรทง้ั 5 อยา่ งละ 2 สลึง แกน่ ขี้เหลก็ แสมทงั้ 2 อยา่ งละ 2 บาท ลูกจนั ทน์ ดอกจนั ทน์ กระวาน กานพลู กฤษณา กระล�ำ พกั ขอนดอก บอระเพ็ด กระดอม ชะลูด อบเชยเทศ แก่นฝาง คำ�ฝอย อยา่ งละ 1 บาท ใบมะกา ยาด�ำ ดเี กลือ เนอ้ื ในฝัก ราชพฤกษ์ อย่างละ 1 บาท ตัวยาท้ังหมดตม้ นา้ํ รับประทานกอ่ นอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น ครง้ั ละ 250 มลิ ลิลิตร 42 พืชสมุนไพร
จนอาการดขี ึน้ แก้อาการมนึ ศรี ษะ หนกั บรเิ วณท้ายทอย ปวดเม่ือยตามรา่ ยกาย มอื เยน็ เทา้ เย็น รสู้ กึ ตัวร้อน จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ เหมือนเปน็ ไข้ หงุดหงิดงา่ ย กระวนกระวาย ควบคุมอารมณไ์ มอ่ ยู่ หนา้ ตาซดี เซยี ว ตำ�รับที่ 3: แกไ้ ข้สันนิบาตดเี ดอื ด (หมอแฉล้ม มงคล) จนั ทน์ทงั้ 2 ดอกพิกุล ดอกบนุ นาค แฝกหอม ใบกระวาน ลกู เอน็ สนเทศ สกั ขี ลูกผกั ชี ชะลดู อบเชย เทศ สมุลแว้ง เน้อื ในฝักราชพฤกษ์ ยาดำ� อย่างละ 1 ส่วน ตัวยาทั้งหมดต้มน้ํา รบั ประทานก่อนอาหาร เช้า เทย่ี ง เย็น ครง้ั ละ 250 มิลลิลิตร สังเกตอาการ ต�ำ รบั ยาที่ 4 : อบเชยต่างๆ ใชเ้ ป็นสว่ นประกอบในตำ�รับยาต่างๆ ในบัญชยี าหลกั แหง่ ชาติ พ.ศ. 2556 เช่น ยาหอมทพิ โอสถ ใช้เปลอื กอบเชย และเปลอื กสมุลแว้ง ยาหอมเทพจิตร ใช้เปลอื กอบเชย ยาหอมนวโกฐ ใช้เปลือกอบเชยญวณ ยาหอมแกล้ มวิงเวยี น ใชเ้ ปลอื กอบเชยเทศ อบเชยญวน และเปลอื กสมลุ แว้ง ยาหอม อนิ ทจกั ร์ ใชเ้ ปลือกอบเชย และเปลือกสมุลแวง้ ยาธาตุอบเชย ใช้เปลอื กอบเชยเทศ และเปลือกสมลุ แว้ง ยา วิสมั พยาใหญ่ ใชเ้ ปลอื กอบเชย และเปลอื กสมลุ แว้ง ยารดิ สดี วงมหากาฬ ใช้เปลือกอบเชยเทศ ยาแก้ไอผสม กานพลู ใช้เปลือกอบเชย ยาแก้ไอมะนาวดอง ใช้เปลือกอบเชยญวน ยาบำ�รุงโลหิต ใช้เปลือกอบเชยเทศ ยากษัยเส้น ใชเ้ ปลือกอบเชยเทศ อบเชยเทศ (C. verum J. presl) อบเชยไทย สมุลแวง้ (C. bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet) อบเชยไทย (C. iners Reinw. ex Blume) อบเชยญวน (C. loureirii Nees) พืชสมุนไพร 43
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด A A: เปรยี บเทยี บใบระหว่าง 1) อบเชยไทย 2) อบเชยเทศ 3) อบเชยญวน 4) เทพธาโร 1 2 34 B 1 B: เปรยี บเทียบใบและ เปลอื กต้นระหวา่ ง งานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง : ไม่พบขอ้ มูล 1) อบเชยเทศ 2) อบเชยญวน 44 2 พืชสมุนไพร
เขาวัว ช่ือวิทยาศาสตร์ ช่ือวงศ์ ส่วนที่ใช้ / สรรพคุณ จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ - - รสยา ช่ือพิกัด ช่ือสมุนไพร 16. เขาวัวทั้ง 2 เขาวัวบ้าน เขา / เย็น แก้ร้อนใน ดับ พิษไข้ (สัตว์วัตถุ) แก้พิษกาฬ เขาวัวป่า ถอนพิษส�ำแดง เป็นกระสายท�ำให้ ยาแล่นเร็ว ข้อมูลเพ่ิมเติม : หมอพ้ืนบ้านบางท่านให้ข้อมูลว่า วัวบ้าน หมายถึงวัวที่เล้ียงท่ัวไป ส่วนวัวป่า จะ หมายถึง กระทิง ซงึ่ จัดเป็นสตั ว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 ปจั จบุ ันจึงไมน่ ยิ มใชแ้ ล้ว ทย่ี ังคงมีใชอ้ ยู่บ้างคือเขา ของวัวบา้ น เขาสตั วต์ า่ งๆ จะจัดเปน็ ยารสรอ้ น เพราะมีการงอกยาวตลอดเวลา แต่หากจะใช้เปน็ ยาเย็นต้อง ผ่านการน�ำ มาเผาใหเ้ ป็นถา่ นกอ่ นใช้ การใช้ประกอบตำ�รบั ยา : มกั ใช้ประกอบตำ�รับยาแก้ไข้ หรือใช้เปน็ กระสายยาแกไ้ ข้ ต�ำ รับที่ 1: .ใชเ้ ปน็ กระสายยาแก้ไข้สันนบิ าต (หมอแฉลม้ มงคล) เนอื้ ไม้กฤษณา โกฐสอ ผลผกั ชีลอ้ ม รากขัดมอน แหว้ หมู ผลหมากออ่ น เหงา้ ขิง ดอกบนุ นาค เกสร บวั หลวง จันทนท์ ั้ง 2 อย่างละ 1 สว่ น เอาตวั ยาทั้งหมดต้มนํา้ เมือ่ จะใช้ใหเ้ อาเขาวัวฝนแทรกน้าํ ตาลทราย แกไ้ ข้สันนบิ าตสองคลอง ใหเ้ จ็บสะท้าน ให้ปวดทอ้ งและลงทอ้ ง ต�ำ รับที่ 2: แกป้ สั สาวะตดิ ขดั (หมอแฉล้ม มงคล) จนั ทนข์ าว เขาววั ทง้ั 2 (เผาไฟใหเ้ ปน็ ถา่ น) รากเตย รากไผร่ วก รากไผป่ า่ รากหมาก รากตาล เถายา่ นาง การบรู โคคลาน รากหนามพรม เถาวลั ยเ์ ปรยี ง อยา่ งละ 1 บาท น�ำ ตวั ยาทง้ั หมดตม้ นาํ้ รบั ประทานเมอ่ื มอี าการ พืชสมุนไพร 45
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด งานวจิ ยั ทเี่ ก่ยี วข้อง : ววั บา้ น ไมพ่ บข้อมูล 46 พืชสมุนไพร
ชะมด ส่วนที่ใช้ / จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ รสยา ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ / วิสัยพืช ช่ือวงศ์ สรรพคุณ Viverridae 17. ชะมดทั้ง 2 ชะมดเช็ด Viverricula spp. (๕) น้�ำมันจาก บ�ำรุงหัวใจ บ�ำรุง (สัตว์วัตถุ) (Civet cat) Cervidae ต่อมกลิ่น / ดวงจิตให้ชุ่มช่ืน หอมเย็น ชะมดเชียง Moschus spp. (๕) (Musk) ขอ้ มลู เพิม่ เตมิ : ชะมดเช็ด (Civet cat) คอื น้าํ มนั สนี ํ้าตาล ทไี่ ดจ้ ากต่อมกลน่ิ ทอ่ี ย่ใู กล้อวัยวะเพศของ ตวั ชะมดเช็ด ซ่งึ เชด็ ไว้ทีซ่ ่ีกรงหรือไมท้ ี่ปกั ไว้ มีกล่นิ คาว ก่อนใช้ต้องนำ�ไปสะตุ โดยนำ�หัวหอมและผวิ มะกรดู หัน่ ฝอยห่อด้วยใบพลู น�ำ ไปลนไฟจนละลาย ทง้ิ ไว้ให้เยน็ กอ่ นน�ำ ไปใช้ (๓) ชะมดเชียง (Musk) ได้จากต่อมกล่ินท่ีอยู่ระหว่างสะดือกับอวัยวะเพศของกวางชะมดเพศผู้ (๓) มีสี เหลืองนวล มรี าคาสูงมาก นอกจากนี้พบวา่ มพี ืชวัตถชุ ่อื ชะมดตน้ (Abelmoschus moschatus Medik.) / Malvaceae เมล็ดมีสดี �ำ หากขยเ้ี มล็ดจะมกี ล่นิ คลา้ ยชะมดเชด็ การใช้ประกอบตำ�รับยา : มักใช้เป็นส่วนประกอบในตำ�รับยาหอมต่างๆ เพื่อรักษาลมกองละเอียด และมกั ใช้อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เนื่องจากมีราคาแพง ตำ�รบั ท่ี 1: ยามหาพิมเสนยา แก้ปถวธี าตุ หัวใจ ตบั ปอด พิการ (หมอแฉล้ม มงคล) ชะมดเชยี ง พมิ เสน ดอกกรุงเขมา ลูกเอ็น ฤาษผี สม เปลือกตีนเป็ด ใบสะเดา ใบเสนยี ด หญ้าตนี นก สมอท้ัง 3 ลูกมะขามปอ้ ม อบเชย ลำ�พัน โกฐสอ ใบกระวาน ดอกบุนนาค เปราะหอม ดอกผกั ปอด เกสรทั้ง 5 ดอกคำ�ไทย อยา่ งละ 1 สว่ น นำ�ตวั ยาทงั้ หมดบดผง ละลายนาํ้ จันทนค์ ร้งั ละ 1-2 ช้อนโตะ๊ รับประทาน เมื่อ มอี าการ หรืออมผงยาไวใ้ ตล้ น้ิ ตำ�รบั ท่ี 2: ใช้เป็นกระสายยาแกไ้ ข้สนั นบิ าต (หมอแฉล้ม มงคล) ผลกระวาน น้าํ ประสานทอง ชะเอมไทย พริกไทย อยา่ งละ 1 สลงึ ตรผี ลา 1 บาท ผลดปี ลี 3 ต�ำ ลึง น�ำ ตวั ยาทง้ั หมดบดผงละลายนาํ้ สม้ ซา่ หรอื นาํ้ มะนาวกไ็ ด้ หากเปน็ ไขส้ นั นบิ าต ใหเ้ อาชะมด พมิ เสน แทรกกอ่ น รบั ประทาน หากมอี าการสะอกึ ให้ละลายนาํ้ ขิง ต�ำ รบั ท่ี 3: แกไ้ ขส้ ันนิบาต ไขเ้ หนอื (หมอแฉล้ม มงคล) รากคนทา รากมะปราง รากมะปรงิ รากเทา้ ยายมอ่ ม รากยา่ นาง รากมะเฟอื ง รากมะนาว รากพมุ เรยี ง จนั ทน์ทงั้ 2 ดอกบัวหลวง รากหวายเมีย รากหญ้าคา แหว้ หมู รากขกี้ าแดง แก่นสกั ขี รากฟกั ขา้ ว รากหมาก รากมะพร้าว ชะลูด แฝกหอม ใบพิมเสนต้น เนระพูสี จนั ทนช์ ะมด อยา่ งละ 1 ส่วน นำ�ตัวยาทง้ั หมดตม้ น้ํา หรือบดผง เม่ือจะรบั ประทานใหแ้ ทรกชะมด พิมเสน ถ้ามีอาการทอ้ งเสีย ใหแ้ ทรกอำ�พนั พืชสมุนไพร 47
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด ชะมดเชด็ ชะมดเชยี ง ชะมดต้น (A. moschatus Medik.) งานวจิ ยั ที่เก่ยี วข้อง : ไมพ่ บขอ้ มูล 48 พืชสมุนไพร
ดเี กลอื ส่วนท่ีใช้ / จลุ พกิ ัดตา่ งกันท่ถี ่นิ ก�ำ เนดิ รสยา ช่ือพิกัด ชื่อสมุนไพร ช่ือทางเคมี ชื่อวงศ์ สรรพคุณ - 18. ดีเกลอื ทงั้ 2 ดเี กลอื ไทย โซเดยี มซัลเฟต (Na2SO4) ผลกึ / เค็มขม ถา่ ยพรรดกึ ถา่ ยน้ำ� เหลอื งเสีย ช�ำระ ดีเกลอื ฝร่ัง แมกนีเซียมซลั เฟต (MgSO4.7H2O) ผลึก / ขมเย็น เมอื กมนั ในส�ำไส้ ข้อมูลเพ่ิมเติม : ดีเกลือไทย เป็นผลพลอยได้จากการทำ�นาเกลือ โดยนำ�น้ําจากการรื้อเกลือแต่ละ ครั้งขงั รวมกัน ทิง้ ไวก้ ระทั่งมดี ีเกลือเกาะตามพื้นนาเกลอื การเก็บดีเกลอื ไทย จะเก็บทุกวันตอนเช้า กอ่ นแดด ออก หากแดดจัดดีเกลือไทยจะละลายนาํ้ สว่ นดีเกลอื ฝร่ัง ไดจ้ ากการทำ�นาเกลือเช่นเดียวกนั โดยจะมีผลกึ ของดเี กลอื ฝรงั่ ปนกบั ดเี กลือไทย การใช้ประกอบต�ำ รบั ยา : นิยมใชป้ ระกอบต�ำ รับยาแก้พรรดกึ กดั เถาดานในท้อง ถา่ ยน้ําเหลอื งเสีย หากไมร่ ะบุชนดิ ของดีเกลอื มักใชด้ ีเกลอื ไทย ต�ำ รับที่ 1: แกเ้ ตโชธาตพุ กิ าร (พท. สมพร ชาญวณิชสกลุ ) สมอพิเภก 16 บาท เจตมูลเพลงิ 8 บาท ขงิ แห้ง 4 บาท รากช้าพลู 3 บาท ผลดปี ลี แกน่ ฝาง ดอก ค�ำ ฝอย มะตูมอ่อน แหว้ หมู เถายา่ นาง ผลคดั เค้า ใบมะกา อยา่ งละ 2 บาท เถาสะค้าน ยาดำ� ดีเกลือ อยา่ ง ละ 1 บาท นำ�ตัวยาท้ังหมดต้มนํ้า แบบต้ม 3 ส่วน เอา 1 ส่วน รับประทานก่อนอาหาร เช้า เที่ยง เย็น ครง้ั ละ 3 ชอ้ นโตะ๊ สังเกตอาการ ตำ�รบั ที่ 2: ยาฟอกโลหิต แกส้ นั นิบาต แก้ประจำ�เดือนมาผดิ ปกติ (หมอเหล็ม หวัดแท่น) รากขกี้ าแดง ข้ีเหล็กทง้ั 5 ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มปอ่ ย รากหญา้ ไซ ผลคัดเคา้ อยา่ งละ 1 สว่ น น�ำ ตัวยาทงั้ หมดต้มน้าํ แบบต้ม 3 ส่วน เอา 1 ส่วน กรองเอาเฉพาะน้ํายา เติม ยาดำ� 1 สลงึ 1 เฟอ้ื ง และดีเกลอื 1 สว่ น รับประทานก่อนอาหาร เช้า เท่ียง เยน็ ครงั้ ละ 3 ช้อนโตะ๊ ต�ำ รับท่ี 3: ยาแกเ้ สมหะพิการ (หมอแฉล้ม มงคล) ใบมะขาม เถาวลั ย์เปรยี ง ฝาง หัวหอม อยา่ งละ 1 สว่ น ผลสมอไทย เท่าอายผุ ปู้ ว่ ย น�ำ ตัวยาทงั้ หมดต้มน้ํา แบบตม้ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน เมื่อจะกินให้แทรกดเี กลือตามธาตหุ นกั เบา ตำ�รบั ท่ี 4: ยาถ่ายดเี กลือฝรัง่ (ยาแคปซลู ยาเม็ด) บญั ชยี าหลักแหง่ ชาติ พ.ศ. 2556 ดเี กลอื ฝรง่ั 60 กรมั ยาดำ�สะตุ 12 กรมั ใบมะกา ใบมะขาม เนอื้ ในฝกั ราชพฤกษ์ รากขกี้ าแดง ราก ขี้กาขาว รากตองแตก ฝักส้มป่อย เน้ือผลสมอไทย เน้ือผลสมอดีงู เถาวัลย์เปรียง ขี้เหล็กท้ัง 5 หัวหอม หญา้ ไทร ใบไผป่ ่าหนักอยา่ งละ 3 กรัม รบั ประทานแกท้ ้องผูกเร้อื รงั พืชสมุนไพร 49
ุจลพิกัด ่ตาง ักน ่ีท ่ิถน ำก�เนิด งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วข้อง : ดีเกลอื ฝร่ัง ไมพ่ บขอ้ มูล ดเี กลอื ไทย 50 พืชสมุนไพร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151