Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3 อาหาร part 3

บทที่ 3 อาหาร part 3

Published by Pattaranun Chuenroung, 2021-09-06 08:51:52

Description: บทที่ 3 อาหาร part 3

Search

Read the Text Version

บรรจุภณั ฑส์ ำหรบั อำหำร บทบาทสาคญั ในการยืดอายกุ ารเกบ็ รักษาและรกั ษาคุณภาพอาหารท้งั ในด้าน กลนิ่ สี รสชาติ และความอร่อยให้คงอยู่ จนกระท่งั ถงึ มือผู้บริโภค ท้ังยงั ช่วยใหก้ าร ขนส่งผลติ ภัณฑ์มีความสะดวกมากขึ้น นอกจากนีย้ งั ชว่ ยในการส่งเสริมการตลาด บรรจุภณั ฑ์ท่อี อกแบบสวยงามสามารถ สรา้ งมลู คา่ เพ่ิมให้กับผลิตภัณฑแ์ ละ ใช้เป็นสอ่ื โฆษณาได้ดว้ ยตวั เอง บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

บรรจุภัณฑ์สำหรบั อำหำร 1. บรรจภุ ณั ฑก์ ระดาษ 2. บรรจภุ ณั ฑแ์ กว้ 3. บรรจภุ ณั ฑโ์ ลหะ 4. บรรจภุ ณั ฑพ์ ลาสตกิ เปน็ บรรจภุ ณั ฑ์ทม่ี ีต้นทุนตา่ เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ท่ีใช้ใน มคี วามแข็งแรงทนทางตอ่ การ ทีน่ ยิ มใชม้ อี ยู่ 2 ประเภท คอื สามารถทาการพมิ พส์ อดสไี ด้ อตุ สาหกรรมอย่างกว้างขวาง ขนสง่ สามารถเก็บรักษา ประเภทคงรูป ง่ายและไมท่ าลายสงิ่ แวดลอ้ ม และสามารถนากลับมาใช้ คณุ ภาพอาหารได้นาน และใช้มากในการผลติ เช่น ขวด ถ้วย ลัง เช่น aseptic carton ใหม่ได้มากทสี่ ดุ และประเภทออ่ นตวั (flexible ผลติ ภณั ฑท์ ี่ต้องผ่ากระบวน การฆา่ เช้อื ดว้ ยความรอ้ น packaging) เช่น ฟลิ ม์ พลาสตกิ ถุง และซอง เชน่ กระป๋อง พลาสตกิ เป็นตน้ บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

1. พลาสตกิ คนื รปู หรือเทอรโ์ มพลาสตกิ 2. พลาสตกิ คงรปู หรอื พลาสตกิ เทอรม์ อเซต (T h e r m o p l a s t i c ) (T h e r m o s e t t i n g p l a s t i c ) เป็นพลาสติกที่หลอมละลายตวั เม่ือไดร้ ับ เปน็ พลาสตกิ ที่รกั ษาสภาพเปน็ ของแข็ง ความร้อน และกลับมาแข็งตัวไดใ้ หม่เมอ่ื อยา่ งถาวรหลังจากไดร้ บั ความร้อนใน การ ปลอ่ ยใหเ้ ย็นโดยทส่ี มบตั ิต่างๆ ยังคงเดิม หลอมครัง้ แรก เมอื่ เยน็ ตวั จะแขง็ ตัวอย่าง ถาวร มคี วามแข็งแรงมาก ไม่สามารถหลอม สามารถนากลบั มาหลอมใชใ้ หมไ่ ด้ กลับมาใชใ้ หม่ได้ บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n



มอนอเมอร์ (Monomer) เป็นสารต้งั ต้นโมเลกุลเล็ก ทใี่ ช้เตรยี มพอลเิ มอร์ ส่วนใหญ่เปน็ สารไม่อ่ิมตัวหรือมีหมู่ฟงั ก์ชันเฉพาะ เชน่ เอทิลนี (CH2=CH2) โพรพิลีน (CH3CH=CH2) ไวนลิ คลอไรด์ (CH2=CHCl) พอลิเมอร์(Polymer) เปน็ สารโมเลกุลใหญท่ ี่เกดิ จากสารต้ังตน้ โมเลกลุ เลก็ (มอนอเมอร์) หลายๆ โมเลกลุ มาต่อกนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ แบง่ ตามการเกดิ 1. พอลิเมอรธ์ รรมชาติ โปรตีน แปง้ เซลลโู ลส ยาง 2. พอลเิ มอรส์ งั เคราะห์ พลาสตกิ ไนลอน บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

พอลเิ มอร์สงั เครำะห์ บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

พอลเิ มอร์สงั เครำะห์ บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

พอลิเมอรธ์ รรมชำติ : ยางธรรมชาติ (มักจะหมายถึง ยางพารา) เปน็ พอลเิ มอรไ์ ฮโดรคารบ์ อน ที่เรียกว่า พอลิไอโซพรีน (polyisoprene) ซึ่งมีมอนอเมอร์เปน็ ไอโซพรนี (isoprene) ไดจ้ าก การกรีดลาตน้ และนาเอาของเหลวสีขาวคล้ายนา้ นม เรียกว่า น้ายางสดหรือนา้ ยางดิบ (latex) น้ายางสดหรอื นา้ ยางดบิ ประกอบไปด้วย พอลเิ มอรข์ องสารไอโซพรีน มาผ่านกระบวนการผลิตเพือ่ ใหเ้ กบ็ ไว้ไดน้ านและได้นา้ ยางสดเขม้ ขน้ บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

คณุ สมบตั ิ : มคี วามยืดหยุ่น เพราะโครงสร้างโมเลกุลของยางมีลกั ษณะ ยางดิบจะมขี ีดจากัดในการใชง้ าน เน่ืองจากมสี มบัติเชงิ กลตา่ และ มว้ นงอขดไปมาปิดเป็นเกลยี วได้ สมบัติเปล่ียนง่ายคือ 1 ลักษณะทางกายภาพไมเ่ สถียรข้ึนอยู่ เม่ือรอ้ นจะออ่ นตัวเหนยี ว แต่เย็นจะแขง็ และเปราะ กับอณุ หภูมิทเ่ี ปล่ยี นแปลง การใชง้ านจาเปน็ ตอ้ งมีการผสมยาง กระบวนกำรนน้เี รยี กวำ่ วลั คาไนเซซนั 2 กบั สารเคมตี ่างๆ เชน่ กามะถนั (vulcanization) ยางที่ผา่ นการข้นึ รปู นี้ เราเรยี กวา่ ผงเขมา่ ดา และสารตวั เรง่ ตา่ งๆ หลงั จากการบดผสม ยางผสมหรอื “ยางสกุ หรือยางคงรูป” (vulcanizate) ซงึ่ สมบัตขิ องยาง คงรูปทไี่ ดน้ จี้ ะเสถยี รไม่เปลย่ี นแปลงตามอณุ หภูมิมากนัก ยางคอมพาวด์ (rubber compound) ทไ่ี ด้จะนาไปข้นึ รูปใน และมสี มบตั เิ ชงิ กลดขี ้นึ แมพ่ มิ พ์ภายใตค้ วามร้อน และความดัน บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

แบง่ ตามชนดิ ของมอนอเมอร์ท่เี ปน็ องคป์ ระกอบ 1. โฮโมพอลเิ มอร์ (Homopolymer) 2. โคพอลเิ มอร์ (Copolymer) • เปน็ พอลเิ มอร์ที่เกิดจากมอนอเมอรช์ นดิ เดยี วกนั • เป็นพอลเิ มอร์ท่ีเกดิ จากมอนอเมอรต์ า่ งชนดิ กนั • เชน่ แปง้ เซลลูโลส, PE, PP • เช่น โปรตนี โพลีเอสเทอร์(polyester), โพลีเอไมด์(polyamide), ยาง SBR บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

1. พอลิเมอรแ์ บบเสน้ (linear) • เปน็ พอลเิ มอรท์ ม่ี มี อนอเมอร์สร้างพันธะโคเวเลนต์ เป็นโซ่ยาว ทาใหโ้ ซพ่ อลเิ มอร์เรียงตวั เปน็ เส้นตรง สามารถเรียงตวั ชิดกันได้มากกวา่ โครงสรา้ งแบบอน่ื จึงมีความหนาแน่นสูง จุดหลอมเหลวสงู สีข่นุ และเหนยี ว • เช่น พอลเี อทลิ นี พวี ซี ี 2. พอลเิ มอรแ์ บบกงิ่ (branched) • โครงสรา้ งมีกงิ่ หรือสาขาแยกจากโซ่หลัก ทาให้โซพ่ อลเิ มอรอ์ ยู่ชดิ กนั ไม่ มากจึงมคี วามหนาแน่นตา่ ยืดหยนุ่ ได้ จดุ หลอมเหลวตา่ • เช่น พอลเี อทลิ นี ชนดิ ความหนาแนน่ ตา่ (LDPE) พอลสี ไตรนี 3. พอลิเมอรแ์ บบรา่ งแห (network) • เกิดจากโซ่พอลิเมอรแ์ บบเสน้ และก่ิงมาเช่ือมโยงต่อกนั เปน็ รา่ งแห ทาใหจ้ ุดหลอมเหลวสงู ไมย่ ืดหยนุ่ มีความแข็งแรงมาก • ไดแ้ ก่ เมลามนี เบกาไลตอ์ พี อกซี บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

การเผาพลาสตกิ “การเผาไหม้พลาสติกประเภทพีวซี กี ็ทาให้เกิดสารพษิ ตอ่ ระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะ เปน็ สารก่อมะเรง็ ” ทาใหเ้ กิดสารพิษในชนั้ บรรยากาศจาก สว่ นประกอบของพลาสติก อาจนาไปสูก่ าร ปนเปื้อนของแหลง่ น้า แหล่งดนิ รวมไปถึง อาหารการกิน ซึ่งจะทาให้คนส่วนใหญ่ ไดร้ ับสารพษิ จากการสดู ดม ดืม่ นา้ และทาน อาหารท่มี สี ารปนเปือ้ น บ ท ที่ 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

รหัสชนิดพลำสติกที่นำมำรีไซเคลิ ได้ บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n

บ ท ท่ี 3 : อ า ห า ร : K r u ’ P a t t a r a n u n


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook