1 ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกบั การลลี าศ ประเภท Standard (Ballroom Dance) 1. การเข้าคู่ (Holding) ฝ่ายชาย ยืนหันหน้าตรงกับฝ่ายหญิง โดยที่ฝ่ายหญิงค่อนไปทางด้านขวาของฝ่ายชาย เลก็ นอ้ ย กางแขนทั้งสองออกดา้ นข้างลาตัว พรอ้ มกบั ยกแขนทัง้ สองขา้ งข้นึ จนสุดโดยไม่ให้สูงเกินกว่า ไหล่ งอศอกด้านขวาเข้า และวางทาบฝ่ามือขวา ที่ปีกด้านซ้ายใต้ไหล่ของฝ่ายหญิง งอศอกด้านซ้าย แล้วประกบมอื ขวาของฝ่ายหญงิ ยกสงู ขนึ้ ให้มืออยู่ทรี่ ะดับตา แขนด้านซ้ายให้เน้นไปข้างหน้าเล็กน้อย โดยทศี่ อกกบั มอื ตอ้ งไมด่ บู ดิ เบี้ยว ฝา่ ยหญงิ วางมอื ซา้ ยบนแขนขา้ งขวาของฝ่ายชาย ในระดับท่ีต่ากว่า ไหล่ ยกแขนขวาขนึ้ แล้ววางฝ่ามอื ขวาประกบฝ่ามอื ซ้ายของฝา่ ยชาย 2. ท่าทางการยนื (Poise) ฝ่ายชาย ยืนในลกั ษณะลาตวั ตัง้ ตรงเป็นสง่า ลาตัวรงั้ ไว้ท่ีช่วงเอว โดยทน่ี า้ หนักโนม้ ไปทาง ด้านหนา้ เน้นไปท่ฝี า่ เทา้ ศีรษะตงั้ ตรงและชว่ งไหล่ใหผ้ อ่ นคลาย เข่าท้งั สองขา้ งควรงอไดเ้ พียงเลก็ น้อย เทา่ นน้ั ฝา่ ยหญงิ ยนื ในลกั ษณะลาตวั ตัง้ ตรงเปน็ สงา่ ลาตัวรั้งไวท้ ช่ี ว่ งเอว ลาตัวทอ่ นบนและช่วงศรี ษะ แอ่นไปด้านหลงั เลก็ น้อยและคอ่ นไปด้านซา้ ยนา้ หนักเน้นลงบนฝ่าเท้า โดยที่ช่วงเข่างอเพียงเล็กนอ้ ย เทา่ นัน้ ประเภท Latin American 1. ทา่ ยนื Poise ยนื ในท่าเท้าแยกออกจากกัน หันหน้าตรงกันและห่างซึ่งกันและกันประมาณ 15 เซนติเมตร หรือ 6 นิว้ ด้วยลักษณะศีรษะตงั้ ตรง ลาตัวยดื ตรงขึ้นโดยชว่ งไหลใ่ ห้ถ่วงลงในลักษณะท่เี ป็นธรรมชาติ 2. การเขา้ คู่ทา่ ธรรมดา \"Normal Hold\" มอื ขวาของฝา้ ยชายวางบนปกี ดา้ นซ้ายของฝ่ายหญิงและแขนซา้ ยของหญิงวางพักบน แขนขวาของฝา่ ยชายอย่างแผ่วเบา โดยใหแ้ ขนกับไหล่เปน็ รูปโคง้ (Curve) แขนซ้ายของฝ่ายชาย บรรจงยกขึน้ ให้เสมอระดบั ตา มอื ขวาของฝ่ายหญงิ วางไวใ้ นมือของฝา่ ยชาย โดยน้ิวมืออยู่ระหวา่ ง น้ิวหวั แมม่ อื กับน้ิวชี้ มือประกบเข้าหากนั อยา่ งแผว่ เบา
2 3. ทา่ ทางการเขา้ คู่ตา่ ง ๆ และลกั ษณะท่าทางของลาตัว 3.1 Closed Facing Position หันหนา้ ตรงกนั หา่ งกันเล็กนอ้ ย การเขา้ คู่ 1. แบบธรรมดา 2. ฝา่ ยชายใชม้ อื ขวาจับมือ ซ้ายฝา่ ยหญงิ 3. การจับมือคู่ หรอื 4. ปลอ่ ยมอื ทั้งสองข้าง 3.2 Closed Facing Position หันหนา้ ตรงกันในทา่ เขา้ คู่ธรรมดา โดยลาตัวแตะชิดกันอย่างแผว่ เบา 3.3 Open Position 1. หันหน้าตรงกันและห่างออกจากกนั ในระยะท่ีจะใชแ้ ขนท้ังสองขา้ งได้ 2. มือซา้ ยของ ฝ่ายชายจับมือขวาของฝ่ายหญิงไว้ 3. มือขวาของชายจับมือขวาของหญงิ 4. จบั มอื คู่ หรือ 5. ปลอ่ ย มอื ทง้ั สองข้าง 3.4 Fan Position ฝ่ายหญงิ ทามมุ 90 องศา ทางด้านซา้ ยของฝ่ายชาย มือซา้ ยฝา่ ยชายจบั มือขวาของฝา่ ย หญงิ ฝ่ายชายเทา้ แยกออกจากกนั น้าหนกั อยทู่ ่ีเท้าขวาฝา่ ยหญงิ เทา้ ซ้ายถอยหลงั นา้ หนักอยู่ท่เี ท้าซ้าย 3.5 Promenade Position ฝา่ ยหญงิ อย่ดู ้านขวาของฝ่ายชายโดยทด่ี ้านขวาของชายและดา้ นซ้ายของหญงิ หันเข้าหา ซง่ึ กนั และกัน ลาตัวห่างกันเล็กน้อย และลาตวั ด้านที่อย่ตู รงกนั ข้าม หันออกจากกนั ในลักษณะเปน็ รปู ตัว \"V\" ในท่าเข้าคู่ธรรมดา 3.6 Open Promenade Position ลกั ษณะเหมือนกบั Promenade Position ระยะห่างของลาตวั อยู่ที่ความเหมาะสม และเปดิ กวา้ งขึน้ ซง่ึ ข้ึนอยู่กบั ทา่ เต้น ท่ีใชเ้ ตน้ การเขา้ คู่ 1. ใช้มอื ขวาจับมือซ้ายผหู้ ญิง 2. มือซา้ ยจับ มือขวาของฝ่ายหญิง และ 3. ปล่อยมอื ทัง้ สองขา้ ง 3.7 Open Counter Promenade Position ฝ่ายหญงิ อยดู่ า้ นซ้ายของของฝ่ายชาย โดยท่ีด้านซ้ายของฝา่ ยชายและดา้ นขวาของฝ่าย หญิง หันเข้าหากนั เล็กน้อย ลาตัวด้านท่ีอยตู่ รงกนั ขา้ ม หนั ออกจากกันในลักษณะเป็นรปู ตวั \"V\" ระยะหา่ งของลาตัวอยู่ท่ีความเหมาะสมและเปลีย่ นเป็นเปดิ กว้างขนึ้ ซึง่ ข้นึ อยู่กับท่าเตน้ ท่ีใชเ้ ตน้
3 3.8 Right Side Position ฝา่ ยหญงิ อยดู่ า้ นขวาของฝ่ายชาย ท้ังค่หู ันไปในทศิ ทางเดยี วกนั การเข้าคู่ สุดแล้วแตท่ า่ เตน้ ทใ่ี ชเ้ ต้น 3.9 Left Side Position ฝา่ ยหญงิ อย่ดู า้ นซ้ายของฝา่ ยชาย ทัง้ ค่หู นั ไปในทิศทางเดยี วกัน การเขา้ คู่ สุดแล้วแต่ทา่ เต้นทีใ่ ชเ้ ตน้ 3.10 Tendem Position ทง้ั คหู่ นั ไปในทิศทางทต่ี รงกนั ฝา่ ยหญิงอยู่ดา้ นหน้า หรอื อาจอยู่ด้านหลังของฝ่ายชาย 3.11 Right Shadow Position ฝ่ายหญงิ อาจอยู่ดา้ นขวาของฝ่ายชาย ยนื ค่อนไปขา้ งหนา้ เล็กนอ้ ย หรือยนื คอ่ นไปทาง ด้านหลังของฝ่ายชาย ทั้งค่หู นั ไปทางทศิ ทางเดยี วกนั การเข้าคู่ สดุ แล้วแตท่ ่าเต้นท่ีใช้ 3.12 Left Shadow Position ฝ่ายหญงิ อยู่ด้านซ้ายของฝ่ายชาย ยนื คอ่ นไปข้างหนา้ เลก็ น้อยหรือยนื ค่อนไปทาง ด้านหลังของฝา่ ยชาย ท้ังคหู่ ันไปในทิศทางเดียวกนั การเข้าคู่ สดุ แล้วแต่ท่าเต้นที่ใช้ ประโยชนข์ องการลีลาศ ลีลาศเปน็ กจิ กรรมหนึ่ง ซ่งึ จะช่วยผอ่ นคลายความตึงเครยี ดแล้ว ยงั ชว่ ยพัฒนาทางดา้ น ร่างกาย จติ ใจ อารมณแ์ ละสังคมได้เปน็ อย่างดี จงึ พอสรุปประโยชนล์ ีลาศ ดังน้ี 1.กอ่ ใหเ้ กิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน 2.ช่วยสง่ เสรมิ สุขภาพพลานามัย ทงั้ ดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ 3.เป็นกิจกรรมสอ่ื สัมพนั ธ์ทางสงั คม อยู่ร่วมกนั อยา่ งมคี วามสขุ เปน็ กจิ กรรมนันทนาการ ใช้ เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ 4.ช่วยพฒั นาทักษะ ป้องกันโรค อัลไซเมอร์ 5.ทาให้มีรปู รา่ งทรวดทรงงดงาม สมส่วน มีบุคลิกภาพในการเคลื่อนไหวทีด่ ูแล้วสงา่ งามยื่งขึน้ 6.ช่วยให้รจู้ ักการเข้าสงั คม และรูจ้ กั การอยู่ร่วมกนั ในสงั คมได้เป็นอย่างดี
4 มารยาทในการลลี าศ 1. ให้ลีลาศไปตามทิศทางของการลลี าศ 2. ควรแต่งกายใหส้ ภุ าพเรยี บรอ้ ยถกู ต้องตามกาลเทศะ 3. ไมส่ อนลวดลายใหม่ขณะท่ีอยบู่ นฟลอร์ 4. เมอ่ื ลลี าศจบเพลงใหเ้ ดนิ ไปส่งคู่เตน้ ถึงโต๊ะ 5. ไม่พดู คยุ เสยี งดังขณะลีลาศอยบู่ นฟลอร์ 6. ในขณะลลี าศควรย้ิมแยม้ แจ่มใส 7. ขณะลีลาศ เมื่อชนคู่อื่นควรกลา่ วคาขอโทษ 8. ไม่ควรสบู บุหร่หี รอื ขบเค้ยี วของในขณะลีลาศ 9. ไม่ควรเดนิ ผ่านกลางฟลอร์เพ่ือข้ามไปอีกฝงั่ ของฟลอร์ 10 .ในขณะลลี าศไมค่ วรหยดุ คุย หรือทกั ทายกนั กลางฟลอร์
5 ประวตั จิ งั หวะ ชะชะชา่ จังหวะ ชะชะช่า ได้รับการพัฒนามาจากจังหวะ แมมโบ้ (Mambo) และเป็นจังหวะลาตินท่ี คนส่วนมากชอบท่ีจะเรียนรู้เป็นอันดับแรก ช่ือของจังหวะนี้ ต้ังข้ึนโดยการเลียนเสียงของรองเท้า ขณะที่กาลังเต้นรา ของสตรีชาวคิวบา จังหวะ ชะชะช่า ได้ถูกพบเห็นเป็นคร้ังแรกที่ประเทศอเมริกา และระบาดเข้าไปในยุโรป เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันกับจังหวะแมมโบ้ หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 จังหวะแมมโบ้ได้เส่ือมความนิยมลงไป โดยหันมานิยมจังหวะ ชะชะช่า ซึ่งกลายมาเป็นความนิยม จนถงึ ปัจจุบัน หากสอดคลอ้ งกบั ตน้ แบบแล้ว ดนตรขี องจังหวะชะชะช่า ควรเล่นด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดย ปราศจากความตึงเครียดใดๆ ร่วมด้วยลักษณะการกระแทกกระทั้นของจังหวะ ที่ทาให้นักเต้นรา สามารถทจ่ี ะสร้างบรรยากาศของความร้สู ึกท่ขี ้เี ล่น และซุกซน ให้กับผูช้ มได้ ลกั ษณะเฉพาะของจังหวะชะชะช่า เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ กระจมุ๋ กระจิ๋ม เบิกบาน การแสดงความรกั ใคร่ การเคล่ือนไหว อย่คู งที่ คู่เต้นราเคลอ่ื นที่ไปในทิศทางตรงข้ามและรว่ มทิศทางเดียวกนั หอ้ งดนตรี 4/4 ความเร็วต่อนาที 30 บารต์ อ่ นาที ตามกฎ IDSF การเนน้ จังหวะ บนบีทที่ 1 เวลาทใ่ี ชใ้ นการแข่งขนั 1 นาทคี รง่ึ ถึง 2 นาที หลกั พลศาสตร์ การเคลอ่ื นที่ตามเวลา ทันทที นั ใด หนักหนว่ งโดยตรง และการเคลื่อนไหวท่ี อสิ ระ การส่อื ความหมายของจงั หวะชะชะชา่ จดุ สาคัญของจังหวะนี้อยู่ท่ี ขาและเท้า โครงสร้างของการจัดท่าเต้น ไม่ควรให้มีการเคลื่อนท่ี มากนัก และตอ้ งมคี วามสมดลุ ย์ท่ีผู้ชมสามารถจะเข้าใจในรูปแบบ และติดตามทิศทางการเต้นได้ การ ให้ความใส่ใจอยา่ งย่ิง ควรมุ่งไปที่ จังหวะเวลา ของแตล่ ะท่าทางของการเคล่ือนไหว หลักสูตร จังหวะชะชะชา่ 1. Basic Movements (Closed, Open and In Place) 2. New York (to Left or Right Side Position) 3. Spot Turns to Left of Right (Including Switch Turns and Underarm Turns)
6 4. Shoulder to shoulder (Left Side and Right Side) 5. Hand to Hand (To Right and Left Side Position) 6. Three Cha Cha Chas (Forward and Back) 7. Side Steps (To Left and Right) 8. There and Back 9. Time Steps 10. Fan
7 ประวัตขิ องจังหวะร๊อค-4 ร๊อค-4 เป็นจังหวะเต้นราท่ีมีจังหวะจะโคน และการสวิงซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก Rock 'n' Roll, swing เอกลกั ษณ์เฉพาะ ลกั ษณะเฉพาะของจังหวะรอ๊ ค-4 การเคล่ือนไหว หอ้ งดนตรี การมีจังหวะจะโคน การออกทา่ ทาง การเน้นจงั หวะ มงุ่ หน้าไปและมา จากจดุ ศนู ย์กลางของการเคลอื่ นไหว หลักพลศาสตร์ 4/4 บนบที ที่ 2 และ 4 ฉบั พลนั ตรง และการเคล่ือนไหวที่แผ่วเบา การสือ่ ความหมายของจังหวะร๊อค-4 สไตล์สากลของจังหวะนี้ ควรแสดงให้เห็นถึงการใช้เท้า ดีดสบัด ขณะที่แบบเก่าดั้งเดิม ใช้ ส่วนของร่างกาย (Torso) และส่วนของสะโพกมากกว่า ปัจจุบันในการแข่งขันคุณจะเห็นการ ผสมผสานของการเตน้ ทั้งสองสไตล์ กส็ ุดแลว้ แต่คณุ วา่ จะชอบสไตลไ์ หน หลักสตู รจงั หวะรอ๊ ค 4 1. Basic in place 2. Fallaway rock 3. Change of Places Right to Left 4. Change of Places Left to Right 5. Change of Hands Behind Back 6. Wind mill 7. Stop and Go 8. Link
8 9. Whip 10. Rolling of the arms ประวัติจังหวะตะลุง จังหวะตลงุ นีไ้ ด้เรมิ่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 โดยลอกเลียนและพัฒนามาจากศิลปะการเชิดหรือ ชักหนังตะลุง อันเป็นที่นิยมของชาวภาคใต้ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ ความมีชีวิตชีวา ย่ัวเย้า หยอก ล้อ โดยปกติแลว้ ในท่าพนื้ ฐานจะใชก้ ารกา้ วนาด้วยไหลซ่ า้ ย ในลักษณะท่เี ฉยี งซ้อนกัน การสือ่ ความหมายของจังหวะตะลงุ ความสาคัญของจังหวะนี้อยู่ที่การโยกและโยน การใช้กล้ามเน้ือของลาตัวควบคุมการ เคล่ือนไหว เพ่ือให้เกิดความยืดหยุ่นของข้อเท้า อันก่อให้เกิดการย่อและเหยียดตึง ในแต่ละครั้งของ การยดื และหน่วงลงใช้เวลาคร่งึ บที ของดนตรี เท้าทะแตะหรือชิดอยูท่ ่คี ร่งึ บีทหลังของตนตรี ลักษณะเฉพาะของจังหวะตะลงุ เอกลกั ษณ์เฉพาะ การยว่ั เย้า หยอกล้อ หลอกล่อ เบิกบาน มีชวี ติ ชวี า การเคล่อื นไหว การใช้ความยืดหยนุ่ โยกและโยน โดยควาบคุมดว้ ยกลา้ มเน้ือของลาตวั ห้องดนตรี 4/4 ความเร็วตอ่ นาที 22-24 บาร์ตอ่ นาที การเนน้ จังหวะ บนบที ที่ 1 และการเน้นเคาะครง่ึ บีทหลงั เวลาทใ่ี ชใ้ นการแข่งขัน 2 นาทคี รงึ่ หลักพลศาสตร์ ความหนักหนว่ ง ยืดหยุน่ หลกั สตู รจังหวะตะลงุ 1. Basic Movements 2. Open Basic Movements 3. Side Basic Movements Left and Right 4. Shoulder to shoulder (Left Side and Right Side) 5. New York (Left Side and Right Side) 6. Hand to Hand (To Right and Left Side Position) 7. Promenade & counter promenade lock
9 8. Spot Turns to Left of Right 9. Underarm to Left of Right 10. Three steps turn Left and Right
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: