โลกของเรำ กำเนดิ โลก ระบบสุริยะ เป็นระบบหนึ่งในกาแล็กซีทางช้างเผือก ในระบบสุริยะประกอบด้วยดวงอาทิตย์ และบริวารต่างๆ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกบาต และดวงจันทร์ โดยจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ การศึกษาเกี่ยวกับการ เกดิ และววิ ัฒนาการของระบบสรุ ยิ ะจะช่วยทาใหเ้ ขา้ ใจเกีย่ วกบั โลก ดวงดาว และปรากฎการณบ์ นท้องฟา้ ไดม้ ากขน้ึ การเกิดและวิวฒั นาการของระบบสุรยิ ะ มีดังนี้ 1. เมื่อเริ่มต้นการเกิดระบบสุริยะ มีกลุ่มมวลสารของแก๊ส ส่วนใหญ่เป็นไฮโดรเจน ฮีเลียม และฝุ่นเมฆระหว่าง ดวงดาว รวมกันเป็นกลุ่มดว้ ยแรงดงึ ดูดรว่ มกันเมือ่ ประมาณ 4600 ล้านปมี าแล้ว ดงั ภาพหมายเลข 1 2. ในเวลา 1 ลา้ นปีตอ่ มา กลมุ่ มวลสารเริ่มอดั ตัวเลก็ ลงจนเกดิ ความรอ้ นและหมนุ รอบศูนยก์ ลางโดยเกิดดวงอาทติ ย์ ทศ่ี นู ย์กลาง และบริวารจะอยรู่ อบนอก ดงั ภาพหมายเลข 2 3. ศูนย์กลางการหมุนวนของแก๊ส และฝุ่นธุลีจะกลายเป็นดวงอาทิตย์ มวลสารท่ีเล็กลงของแก๊ส และฝุ่นธุลี จะกลายเป็นดาวเคราะห์ต่างๆ ดวงอาทิตย์เริ่มหมุนรอบตัวเอง บริวารหมุนรอบตัวเอง และโคจรวนรอบแกนดวงอาทิตย์ ดังภาพหมายเลข 3 1 2 3 ภำพกำเนิดระบบสรุ ิยะ ภำพระบบสรุ ยิ ะ
ภำพโลกของเรำ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลกเมื่อเริ่มต้นก่อกาเนิดขึ้นมานั้นเป็นกลุ่มมวลสารของแก๊ส และแร่ธาตุหลอมเหลวร้อน จัดมาก ระยะเวลามากกวา่ 1 ล้านปตี ่อมา แร่ธาตุหินเหลวร้อนภายในโลกปะทุพน่ ออกมาสู่ภายนอกโลกและแข็งตัวเป็น ลาวาพร้อมแก๊สต่างๆ สู่ผิวโลก เมื่อเริ่มเย็นตัวลง ไอน้าและแก๊สต่างๆ จะรวมกลุ่มเป็นเมฆหนาอยู่เหนือพ้ืนโลก เมื่ออุณหภูมิของโลกเย็นลงกว่าจุดเดือดของน้าจะเกิดฝนพายุท่ีรุนแรงที่ผิวโลก ต่ อมาจะเกิดน้าในมหาสมุทร ในระยะเวลาช่วง 4,000 ล้านปแี รกของโลกเป็นชว่ งท่ีผิวโลกมีการเปลี่ยนแปลงจึงยังไม่มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นบนโลก เม่ือมีน้า มีบรรยากาศ และอุณหภูมิเหมาะสม สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกจึงอาจเริ่มเกิดขึ้นในน้าคือมหาสมุทร ซ่ึงอาจเกิดข้ึนได้เองจากผล ของธรรมชาติสร้างขึ้น นั่นคือสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ต่อมาสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ในทะเลเร่ิมมีวิวัฒนาการสูงขึ้น ซ่ึงพบหลักฐานเป็นปะการัง หอย ฟองน้า (พบในประเทศไทย) ตอ่ มาเปน็ พวกพชื บกและปลา ต่อมาเป็นพวกสัตว์ครึ่งบก ครึง่ น้า เปต็ ่อมาเปน็ ยุคของสัตวเ์ ลือ้ ยคลาน สัตว์เล้ือยคลานพวกไดโนเสาร์ครองโลกเป็นระยะเวลายาวนานถึง 140 ล้านปี แลว้ จงึ สญู พันธุ์ จนถงึ ปัจจุบนั เป็นยุคของสตั วเ์ ลีย้ งลกู ด้วยนม โลกของเรามีฉายา \"ดาวเคราะห์สีน้าเงิน\" หรือ \"เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์\" เป็นดาวเคราะห์ลาดับที่ 3 จากดวงอาทิตย์ ใหญ่เปน็ อนั ดับท่ี 5 และมีความหนาแน่นมากที่สดุ ในบรรดาดาวเคราะหท์ ั้ง 8 ดวง มีดวงจันทร์เป็นบริวาร เพียงดวงเดียว โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีอณุ หภมู ิ และสภาพเหมาะสมท่ีสิ่งมีชีวิต สามารถก่อกาเนิด และดารงชีพ อยไู่ ด้ เป็นดาวเคราะห์ดวงเดยี วท่ีมีพนื้ น้ามากถึง 3 ใน 4 ส่วน โลกเคลื่อนที่โดยการหมุนรอบตัวเองจากทิศตะวนั ตกไปทิศ ตะวนั ออก คือหมนุ ทวนเข็มนาฬกิ า กอ่ ใหเ้ กดิ กลางวัน กลางคนื และปรากฎการณ์ต่างๆ
โครงสร้ำงของโลก 1. โครงสร้ำงภำยนอก ดลก โลกของเรามีรูปร่างเปน็ ทรงกลม มเี สน้ ผา่ นศูนย์กลางจากข้ัวโลกเหนือ ถงึ ขั้วโลกใต้ (แนวต้ัง) ยาว 12,711 กิโลเมตร มเี ส้นผ่านศูนย์กลางในแนวเส้น ศูนย์สูตร(แนวนอน) ซึ่งมีค่าประมาณ 12,755 กิโลเมตร และความยาวรอบ โลกประมาณ 40,250 กิโลเมตร ขณะท่ีโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้น แกนของโลกจะเอียงทามุมประมาณ 23.5 องศา ทาใหเ้ กิดฤดูกาลตา่ งๆ 2. โครงสรำ้ งภำยใน แบง่ ออกเป็น 3 ช้ัน ดงั นี้ ภาพแสดงแกนโลกเอียงทาให้เกดิ ฤดกู าล 1. เปลือกโลก (crust) เป็นช้ันนอกสุดของโลกท่ีมีความหนาประมาณ 70 กิโลเมตร ประกอบด้วย แผน่ ดินประมาณ 1 ส่วน และพน้ื นา้ ประมาณ 3 ส่วน นอกจากนี้เปลอื กโลกยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชน้ั คือ 1.1 เปลือกโลกส่วนบน/ช้ันไซอัล(sial) เป็นส่วนท่ีเป็นพ้ืนดิน ประกอบด้วยแร่ซิลิกา(silica) และอะลมู ินา(alumina) ซ่งึ เป็นหนิ แกรนติ ชนิดหน่งึ 1.2 เปลือกโลกส่วนล่าง/ชั้นไซมา(sima) เป็นส่วนที่เป็นมหาสมุทร ประกอบด้วยแร่ซิลิกา(silica) และแมกนีเซยี ม(magnesium) ซ่งึ สว่ นใหญ่เปน็ หนิ บะซอลต์ 2. เน้ือโลก (mantle) เป็นช้ันที่อยู่ถัดจากเปลือกโลกลงไป มีความหนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร บางส่วนของหินอยู่ในสถานะหลอมเหลวเรียกว่าหินหนืด (Magma) มีอุณหภูมิประมาณ 2,000 – 3,700 °C ซ่งึ ประกอบดว้ ยหินอัคนเี ปน็ ส่วนใหญ่ 3. แก่นโลก (core) อยชู่ น้ั ในสดุ หรือเป็นแกน่ กลางของโลก แบ่งเป็น 2 ช้นั คอื 3.1 แก่นโลกช้ันนอก (outer core) ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลในสภาพท่ีหลอมละลาย และมีความรอ้ นสูง มอี ณุ หภูมปิ ระมาณ 6200 – 6400 °C มีสถานะเปน็ ของเหลว 3.2 แก่นโลกช้ันใน (inner core) เป็นส่วนที่อยู่ใจกลางโลกพอดี ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิล ทอี่ ยูใ่ นสภาพท่เี ป็นของแข็ง มีอุณหภูมปิ ระมาณ 4,300 – 6,200 °C มีสถานะเป็นของแข็ง ภำพสรปุ กำรแบ่งโครงสรำ้ งภำยในของโลก
ระบบของโลก ดลก การดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิตบนโลกล้วนพึ่งพาอาศัยซ่ึงกันและกัน เกิดเป็นปรากฏการณ์ หรือกิจกรรมต่างๆ มากมาย โลกของเรำประกอบด้วย 4 ระบบ ดงั น้ี 1. ธรณภี ำค (lithosphere) เปน็ สว่ นที่เปน็ พ้ืนดิน ได้แก่ พื้นผวิ โลกที่มีลักษณะเปน็ ของแขง็ 2. อุทกภำค (hydrosphere) เปน็ สว่ นท่เี ป็นพนื้ น้า ไดแ้ ก่ หว้ ย หนอง คลอง บงึ แมน่ ้า ลาธาร ทะเล มหาสมทุ ร น้าแขง็ ท่ีข้วั โลก น้าใต้ดนิ 3. บรรยำกำศ (atmosphere) ส่วนที่เป็นอากาศ ไดแ้ ก่ แก๊สท่ีห่อหุ้มโลก ประกอบด้วย แก๊สไนโตรเจน ออกซิเจน คารบ์ อนไดออกไซด์ ฮเี ลยี ม มีเทน ไฮโดรเจน และแก๊สอน่ื ๆ 4. ชวี ภำค (biosphere) ส่วนท่ีเปน็ ส่ิงมชี วี ิต ไดแ้ ก่ สง่ิ มชี วี ิตท่ีอาศัยอยู่ทกุ สว่ นท้ังในนา้ บนบก และในอากาศ ระบบท้ัง 4 ระบบ จะมีความสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าระบบใดระบบหนึ่งเสีย ความสมดุลไปจะส่งผลกระทบต่อระบบอ่ืนๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือนาไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สาคั ญหลายอย่าง ตามมา เชน่ เกดิ ภาวะโลกรอ้ น เกดิ พายฝุ นรุนแรง เกดิ ความแห้งแล้งในพืน้ ที่ เกิดนา้ ทว่ ม เป็นตน้ บรรยำกำศ ธรณีภำค อทุ กภำค ชีวภำค ภำพแสดงระบบของโลกทั้ง 4 ระบบ
กำรเปล่ียนแปลงของเปลอื กโลก 1. กำรกร่อน เป็นกระบวนการท่ีทาให้สารท่เี ป็นองคป์ ระกอบของเปลอื กโลกหลุดออกหรือสลายตัวไปจากผิวโลกสาเหตุทที่ าให้ เกิดการกัดกร่อนมดี งั น้ี 1. กำรกร่อนของเปลอื กโลกเนอื่ งจำกกระแสน้ำ การกัดเซาะของกระแสน้าเกดิ บริเวณริมฝง่ั แมน่ ้า ลาคลอง ลาธาร เกดิ การเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งชา้ ๆ ซงึ่ มผี ลทาให้เปลือกโลกเกดิ การเปลย่ี นแปลง 2. กำรกรอ่ นของเปลือกโลกเนื่องจำกปฏกิ ิรยิ ำเคมี เกดิ จากนา้ ฝนละลายแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ในอากาศ ทาใหเ้ กิดฝนกรดไปกดั กร่อนเปลอื กโลกให้ผุพงั 3. กำรกัดกรอ่ นเปลอื กโลกเน่อื งจำกกำรเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู ิ เนอ่ื งจากอุณหภูมขิ องอากาศทาให้เปลอื กโลก เกิดการขยายตวั และหดตวั และในบางคร้ังนา้ ในโพรงก้อนหนิ กลายเปน็ นา้ แข็ง อาจทาใหเ้ กดิ การขยายตวั ดนั ให้ก้อนหินแตกได้ 4. กำรกัดกร่อนเนือ่ งจำกแรงโนม้ ถ่วงของโลก ในธรรมชาตแิ รงโนม้ ถว่ งของโลกจะพยายามดงึ ดดู ส่งิ ต่างๆ ให้ตก ลงสู่พน้ื ผิวโลก และดงึ ดูดวตั ถุให้เกดิ การเคล่อื นทจี่ ากที่สูงลงสทู่ ่ตี ่า ในเขตหนาวแถบขวั้ โลกเหนือ น้าในแม่น้าลาธารจะแข็งตัว ลาธารบางแห่งอยู่ในหุบเขาเกิดเป็นน้าแข็งก้อนใหญ่ และนา้ หนักมาก ซึ่งถูกแรงดึงดูดของโลกดึงดูดให้เคล่ือนที่ลงสู่ท่ีตา่ เรียกว่า “ธารน้าแข็ง” ขณะเคลื่อนท่ีก้อนนา้ แข็งที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมากจะกระแทกและขัดสีกับก้อนหินในลาธาร ทาใหเ้ ปลอื กโลกเกิดการกัดกรอ่ นได้ 5. กำรกัดกร่อนเนื่องจำกกระแสลม เช่น บริเวณท่ีราบสูง ทะเลทราย ภูเขาสูงซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสลม เป็นประจา กระแสลมจะทาใหเ้ ปลือกโลกเกดิ การกัดกรอ่ นไดเ้ ช่นกัน 2. กำรพดั พำและกำรทบั ถม ตะกอนท่เี กิดจากการสึกกร่อนผุพงั ด้วยอทิ ธพิ ลของกระแสน้า ปฏิกิริยาเคมี ความร้อน และกระแสลมจะถูกพัดพา ไปด้วยความแรงของกระแสน้าหรือกระแสลม เม่ือความแรงลดลงจะเกิดการทับถมของตะกอนที่พัดพามา ตะกอนจะทับ ถมกันเปน็ ชน้ั ๆ ตะกอนท่มี ีขนาดใหญจ่ ะถูกพัดพาไปตกท่ใี กล้ ส่วนตะกอนทีม่ ขี นาดเล็กจะถูกพดั พาไปตกท่ีไกล การทับถม ของตะกอนมลี กั ษณะแตกต่างกนั ไปตามลักษณะของภมู ปิ ระเทศและกระแสน้าทพี่ ัดผ่าน ดังนี้ 1. กำรทับถมของตะกอนรูปพัด เกิดจากกระแสน้าไหลจากภูเขาตกลงสู่ที่ราบต่ากว่า มีร่องน้าขนาดใหญ่กว่า ร่องนา้ เดิมมาก ทาใหเ้ กดิ การทบั ถมของตะกอนรปู พดั 2. กำรทับถมของตะกอนรูปดินดอนสำมเหล่ียม เกิดจากการทับถมของตะกอนท่ีบริเวณปากแม่น้า เป็นรูป สามเหลย่ี ม เนอ่ื งจากกระแสน้าบรเิ วณปากแมน่ า้ เคล่ือนท่ชี ้าลง จึงเกดิ การทับถมของตะกอนอยู่ตลอดเวลา ภำพกำรทับถมของตะกอนรปู พัด ภำพกำรทบั ถมของตะกอนรูปดินดอนสำมเหลย่ี ม
บรรยำกำศ 1. ควำมหมำย บรรยากาศ หมายถึง อากาศที่ห่อหมุ้ โลกเราอยู่โดยรอบ ปกคลมุ บรเิ วณเนื้อที่กวา้ งใหญแ่ ละสงู มีสว่ นประกอบท่ี สาคัญคอื กา๊ ซชนดิ ต่างๆ ไอนา้ ฝุ่นละออง อากาศ หมายถึง อากาศทป่ี กคลมุ บริเวณใกลผ้ วิ โลก เนื้อที่ไม่กว้าง และอยรู่ อบๆ ตัวเรา 2. ควำมสำคญั ของบรรยำกำศ 1. ชว่ ยปรับอุณหภูมิบนพ้นื ผิวโลกไม่ใหส้ งู หรอื ต่าเกินไป เพ่ือให้สงิ่ มีชีวิตสามารถดารงชีวติ อย่ไู ด้ โดยปกตใิ นช่วง กลางวนั ความรอ้ นจากดวงอาทติ ยจ์ ะถูกอากาศ ท่ีห้อหุ้มโลกไว้บางส่วน ทาใหร้ อ้ นอย่างช้าๆ 2. ช่วยป้องกันอนั ตรายจากรงั สแี ละอนภุ าคตา่ งๆ ท่ีมาจากนอกโลก 3. ส่วนประกอบของอำกำศ สว่ นประกอบของอากาศแห้ง (อากาศแห้ง คือ อากาศท่ีไม่มไี อนา้ ผสมอยเู่ ลย) สว่ นประกอบของอำกำศ ปรมิ ำณ (ร้อยละโดยปริมำตร) ก๊าซไนโตรเจน (N2) 78.08 ก๊าซออกซเิ จน (O2) 20.95 กา๊ ซอารก์ อน (Ar) 0.93 ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) 0.03 ก๊าซอื่นๆ 0.01 4. กำรแบง่ ช้ันบรรยำกำศ การศกึ ษาของนักวทิ ยาศาสตร์สามารถแบง่ ชนั้ บรรยากาศไดเ้ ป็น 5 ช้นั ดงั นี้ 1. โทรโพสเฟียร์ (troposphere) เป็นช้ันบรรยากาศท่ีอยู่สูงจากพื้นดินข้ึนไปประมาณ 15 กิโลเมตร อณุ ภูมิจะคอ่ ยๆ ลดลงตามระดับความสูง และเปน็ ชั้นที่เก่ยี วข้องกับสภาพอากาศ มีปรากฎการณต์ ่างๆ เชน่ เมฆ ฝน พายุ 2. สตรำโทสเฟียร์ (stratosphere) เป็นชั้นที่มีปริมาณโอโซนอยู่มาก มีความสูงตั้งแต่ 15-50 กิโลเมตร ชั้นน้ีเป็นชั้น ทเี่ คร่อื งบินจะบนิ เพราะไมม่ ีความแปรปรวนของสภาพอากาศ และเครอื่ งบนิ ทั้งหมดที่บินในชัน้ นีจ้ ะเป็น เครอื่ งบินไอพ่น 3. มีโซสเฟียร์ (mesosphere) เป็นช้ันบรรยากาศที่อยู่สูงจากพื้นดินในช่วง 50-80 กิโลเมตร อุณหภูมิลดลง ตามระดับความสูง ต้ังแต่ชั้นแรกถึงช้ันน้ีอากาศยังเป็นเน้ือเดียวกันอยู่ ท้ัง 3 ช้ัน รวมกัน เรียกว่า โฮโมสเฟียร์ (homosphere) และช้ันนจ้ี ะเปน็ ที่อยขู่ องดาวเทียม 4. เทอรโ์ มสเฟยี ร์ (thermosphere) เป็นชน้ั บรรยากาศที่มรี ะดับความสงู 80-500 กิโลเมตร อุณหภมู ิจะสูงขึ้น อย่างรวดเรว็ ( เนอ่ื งจากใกลด้ วงอาทติ ยม์ ากข้นึ ) อณุ หภูมิเฉลี่ยของช้ันนี้คือ 227-1727 องศาเซลเซียส เราอาจเรียกช้นั น้ี ว่า ไอโอโนสเฟียร์ (ionosphere) ช้ันนี้ยังมีแก็สที่เป็นประจุไฟฟ้าเรียกว่า ไอออน สามารถสะท้อนคล่ืนวิทยุบางชนิดได้ 5. เอกโซสเฟียร์ (exosphere) เร่ิมตั้งแต่ 500 กิโลเมตร จากผิวโลกข้ึนไป บรรยากาศช้ันน้ีเจือจางมาก จนไม่ถือวา่ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของช้ันบรรยากาศ ไมม่ รี อยตอ่ ท่ชี ัดเจน อากาศเบาบางมาก จงึ แทบไม่มผี ลตอ่ ยานอวกาศ
. คาชแ้ี จง 1. จากภาพ จงใช้ตวั เลือกท่กี าหนดให้ ระบุตาแหน่งต่อไปน้ี ให้ถกู ตอ้ ง เอกภพ กาแล็กซ่ี ระบบสุรยิ ะ ……………………………………….…. .…... . …………………………….………….. โลก … …………………………………… …..… 2. จงใช้ตัวเลือกท่ีกาหนดให้ เรียงลาดับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เกิดข้ึนบนโลกเรา จากอตีตจนถึง ปจั จุบนั ใหถ้ กู ตอ้ ง สตั วเ์ ลี้ยงลูกดว้ ยนม พืชและสัตวใ์ นทะเล สตั ว์ครึง่ บกครง่ึ นา้ พชื บกและปลา สตั ว์เลอื้ ยคลาน ….. สง่ิ มชี วี ิตเซลลเ์ ดยี ว …… ……………………………………….…..……… ……. ……………………………………….…..……… ……. ……………………………………….…..……… ……. ……………………………………….…..……… ……. ……………………………………….…..……… …….
. คาช้แี จง 1. จากภาพ ใหน้ ักเรียนระบุ ตาแหนง่ โครงสรา้ งของโลก ให้ถกู ต้อง …………………………………… ..… ………………………… …..… ………………………… …..… 2. จากภาพ ใหน้ กั เรียนเตมิ พยัญชนะ ก-ฎ ลงในชอ่ งว่าง ให้สัมพนั ธ์กบั โครงสร้างของโลก (ก) เปลอื กโลก หนา 0-70 กิโลเมตร (ช) แกน่ โลกทเี่ ปน็ ของแข็ง (ข) เนื้อโลก (ซ) แกน่ โลกท่ีเป็นของเหลว (ค) แก่นโลก (ฌ) แกน่ โลกช้ันนอก (ง) ภาคพ้นื ทวีป (ญ) แก่นโลกช้ันใน (จ) ธรณภี าค (ฎ) ลกึ จากผวิ โลกลงไป 6,370 กิโลเมตร (ฉ) ฐานธรณภี าค …… … …… …… … … …… … …..... …… … … …… …… … …… … … …… … …… …
. คาชี้แจง จากภาพ ใหน้ กั เรียนระบุ ระบบต่างๆ ท่เี กดิ ข้นึ ในแตล่ ะภาพ ใหถ้ ูกตอ้ ง 1 ………………………………… …..… 2 ………………………………… …..… 3 ………………………………… 4 …..… 5 ………………………………… …..… ……………………………… ……..… ………………………………… …..… ……………………………… ……..… ………………………………… …..… ………………………………… …..… ………………………………… …..… ………………………………… …..… ……………………………… ……..… ……………………………… ……..…
. คาชแี้ จง จากภาพ จงใช้ตัวเลือกทีก่ าหนดให้ ระบุสาเหตทุ ่ที าให้เปลือกโลกเกิดการเปลีย่ นแปลง การเปลยี่ นแปลงจากลม การเปลี่ยนแปลงจากนา้ การเปลยี่ นแปลงจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก การเปลย่ี นแปลงจากปฏิกิริยาเคมี การเปลยี่ นแปลงจากอุณหภมู ิ ตะกอนรปู ใบพดั ตะกอนรปู ดินดอนสามเหล่ยี ม สามเหลี่ยม ……………………………………..…………………………… ……………………………………..…………………………… ……...…. ……...…. ……………………………………..…………………………… ……………………………………..…………………………… ……...…. ……...…. ……………………………………..…………… ……………………………………..…………… ……………………………………..…………… ……………………...…. ……………………...…. ……………………...….
. คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนวาดภาพเหตกุ ารณท์ ่เี กิดข้นึ ในแตล่ ะชน้ั พร้อมทง้ั บอกช่อื ความสงู ของแต่ละช้ันให้ถูกตอ้ ง ชัน้ บรรยำกำศ ………………………………………… ………………………………………… ………………………………………… ……………………… ………………………………………… …ใใง…….. ………………………………………… .. ควำมสูง(กโิ ลเมตร)
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: