Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง

การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง

Published by Library Horwang Pahtumthani, 2020-06-23 10:53:54

Description: วิชา : ดนตรีนาฏศิลป์
เรื่อง : การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง
ระดับ : มัธยมศึกษาปีที่ 1
จัดทำโดย : ครูพรรษพร รตางศุ
อัพโหลด : ห้องสมุด รร.หอวัง ปทุมธานี
*ห้ามนำไปใช้เชิงพานิชย์ อนุญาตสำหรับการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

การแสดง นาฏศิลป์ พ้ืนเมือง 4 ภาค

การแสดงพ้ืนเมือง หมายถึง การแสดงท่เี กดิ ข้ึนตามทอ้ งถ่ินและตามพ้ืนท่ตี า่ งๆ ของแตล่ ะภูมิภาค โดย อาจมกี ารพฒั นา ดดั แปลงมาจากการละเลน่ พ้ืนเมืองของทอ้ งถ่ินนั้นๆ เป็นการแสดง เพ่ือกอ่ ใหเ้ กิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และความบนั เทิงในรูปแบบตา่ งๆ ซ่ึงจะมี ลกั ษณะแตกตา่ งกนั ตามสภาพภูมิประเทศ สงั คม วฒั นธรรม แตล่ ะทอ้ งถ่ิน ดงั นั้นการ แบง่ ประเภทของการแสดงพ้ืนเมืองของไทย โดยทว่ั ไปจะแบง่ ตามสว่ นภูมภิ าค ดงั น้ี

ภาคกลาง ภาคใต ้ ภาคเหนือ ภาคอสี าน

ภาคเหนื อ ศิลปะการแสดงทางภาคเหนื อ เป็น การแสดงพ้ืนเมือง ภาคเหนือ ลกั ษณะศิลปะท่มี กี ารผสมผสานกนั ระหวา่ งชนพ้ืนเมือง ชาตติ า่ งๆ ไมว่ า่ จะเป็นไทยลา้ นนา ไทยใหญ่ เง้ยี ว รวมถึง พวกพมา่ ท่เี คยเขา้ มาปกครองลา้ นนาไทย ทาใหน้ าฏศิลป์ หรือการแสดงท่เี กดิ ข้ึนในภาคเหนือมคี วามหลากหลาย แต่ ยงั คงมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะท่แี สดงถึงความนุ่มนวลของทว่ งทา่ และทานองเพลงประกอบกบั ความไพเราะของเคร่ืองดนตรี ประเภทเคร่ืองดดี สี ตี เป่ า ท่มี คี วามเดน่ ชดั ไมว่ า่ จะเป็น สลอ้ ซอ ซึง และกลอง ท่ปี รากฏอยูใ่ นการฟ้ อนประเภท ตา่ ง ๆ

ฟ้ อนเทยี น เป็นการฟ้ อนท่มี ีลกั ษณะศิลปะท่อี อ่ นชอ้ ยงดงาม การแสดงพ้ืนเมือง ภาคเหนือ ลกั ษณะการแสดงไมต่ า่ งจากการแสดงฟ้ อนเลบ็ ถา้ เป็นการแสดงฟ้ อนเทยี น นิยมแสดงในเวลากลางคืนเพ่ือเนน้ ความสวยงามของแสงเทยี นระยิบระยบั สวา่ งไสว จุดเดน่ ของการแสดงชนิดน้ี จึงอยูท่ ่แี สงเทยี นท่ผี ูแ้ สดงถือในมือขา้ ง ละ ๑ เลม่ เขา้ ใจวา่ การฟ้ อนเทยี นน้ีแตเ่ ดิมคงจะใชเ้ ป็นการแสดงบูชาส่ิง ศกั ด์ิสิทธ์ิ เพ่ือเป็นการสกั การะเทพเจา้ ท่เี คารพนับถือในงานพระราชพิธหี ลวง ตามแบบฉบบั ลา้ นนาของทางภาคเหนือของไทย ผูฟ้ ้ อนมกั ใชเ้ จา้ นายเช้ือพระ วงศฝ์ ่ายในทง้ั ส้ิน ในสมยั ปัจจุบนั การแสดงชุดน้ีจึงไมค่ อ่ ยไดเ้ ห็นบอ่ ยนักจะ สงั เกตเห็นวา่ ความสวยงามของการฟ้ อนอยูท่ ่กี ารบิดขอ้ มือท่ถี ือเทยี นอยู่ แสง วบั ๆ แวมๆ จากแสงเทยี นจึงเคล่ือนไหวไปกบั ความออ่ นชอ้ ยลลี า และลกั ษณะ ของเพลงท่ใี ชบ้ รรเลงประกอบนับเป็นศลิ ปะท่นี ่าดูอยา่ งย่งิ แบบหน่ึง

ผูแ้ สดง หญิงลว้ น ใชร้ าเป็นคู่ จะเป็น คู่ ๑ คู่ ๒ คู่ ๓ คู่ ๔ คู่ หรือมากกวา่ น้ีกไ็ ด้ การแสดงพ้ืนเมือง ทงั้ น้ีข้ึนอยูก่ บั โอกาสและสถานท่ี ภาคเหนือ เคร่ืองดนตรี ไดแ้ ก่ กลองแอว ป่ี แน ฉาบใหญ่ ฆอ้ งวงใหญ่ และตะหลดปด การแตง่ กาย การสวมเส้ือแขนกระบอก นุ่งซ่ินมเี ชิงกรอมเทา้ มุน่ ผมมวย มอี ุบะ หอ้ ยขา้ งศรี ษะ ในมือเป็นสัญลกั ษณ์ คือ ถือเทยี น ๑ เลม่ การแตง่ กายของฟ้ อน เทยี นน้ี ปัจจุบนั แตง่ ไดอ้ กี หลายแบบ คืออาจสวมเส้ือในรัดอก ใสเ่ ส้ือลูกไมท้ บั แต่ อยา่ งอ่ืนคงเดิม และอกี แบบคือสวมเส้ือรัดอก แตม่ ผี า้ สไบเป็นผา้ ทอลายพาดไหล่ อยา่ งสวยงาม แตย่ งั คงนุ่งซ่นิ กรอมเทา้ และมุน่ ผมมวย มอี ุบะหอ้ ยศรี ษะ โอกาสท่แี สดง ในงานพระราชพิธี หรือวนั สาคญั ทางศาสนา ตอ้ นรับแขกบา้ นแขก เมืองชาวตา่ งชาติ และในงานประเพณีสาคญั ตามแบบฉบบั ของชาวลา้ นนา

ภาคกลาง เป็นภาคท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ การแสดงพ้ืนเมือง ภาคกลาง ประชากรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี ดา้ นกสิกรรมและ เกษตรกรรม ทาให้เป็ นภาคท่ีมีความสมบู รณ์ ประชาชนมีความเป็นอยู่สุขสบาย การแสดงหรือ การละเล่น ท่ีเกิดข้ึนจึงเป็นไปในลกั ษณะท่ีสนุ ก- สนาน หรือเป็นการรอ้ งเก้ยี วพาราสกี นั เชน่ เพลงเรือ เพลงเก่ียวขา้ ว หรื อเป็นการแสดงพ้ืนเมืองท่ีส่ือ ใหเ้ หน็ การประกอบอาชพี

เตน้ การาเคยี ว เป็นเพลงพ้ืนเมืองของชาวบา้ นจงั หวดั นครสวรรค์ การแสดงพ้ืนเมือง ภาคกลาง นิยมเล่นตามทอ้ งนาในฤดูกาลลงแขกเก่ียวขา้ ว ร้องเล่นกันเพ่ือความร่ื นเริง สนุกสนาน ผอ่ นคลายจากความเหน็ดเหน่ือย เม่ือปี พ.ศ.๒๕๐๔ ศิลปินของกรม ศิลปากรไดไ้ ปฝึกหดั การเลน่ เตน้ การาเคยี ว จากชาวบา้ นตาบลยา่ นมทั รี อาเภอพยุห ครี ี จงั หวดั นครสวรรค์ ตอ่ มากรมศิลปากรไดป้ รับปรุงการเลน่ เพ่ือใหเ้ หมาะสมกบั การนาออกแสดงในงานบนั เทิง โดยใหน้ ายมนตรี ตราโมท ผูเ้ ช่ยี วชาญนาฏดุริยางค์ ไทยกรมศิลปากร และศิลปินแหง่ ชาติ แตง่ ทานองเพลงประกอบการแสดงตอนตน้ กอ่ นรอ้ งบทโตต้ อบและตอนจบบทรอ้ ง ผูแ้ สดงทงั้ ชายและหญิงมือขวาถือเคยี ว มือ ซา้ ยการวงขา้ ว ทาทา่ ตามกระบวนเพลง รอ้ งเยา้ หยอกเก้ยี วพาราสีกนั บทรอ้ งมอี ยู่ ๑๑ บท คือ บทมา ไป เดนิ รา ร่อน บนิ ยกั ยอ่ ง ยา่ ง แถ ถอง และเพลงในกระบวนน้ี ผูเ้ ลน่ อาจดน้ กลอนพลกิ แพลงบทรอ้ งสลบั รบั กนั ดว้ ยความสนุกสนาน บางคร้ังในการ แสดงอาจตดั บทรอ้ งบางบทเพ่ือความกระชบั ใชว้ งป่ีพาทยบ์ รรเลงเพลงนาและตอนจบ

โอกาสท่เี ลน่ เลน่ กนั ในฤดูเก่ยี วขา้ ว ชาวนามกั มกี ารเอาแรงกนั โดยตา่ งฝ่ายตา่ ง การแสดงพ้ืนเมือง ไปชว่ ยกนั เก่ยี วขา้ ว จะไมม่ กี ารวา่ จา้ งกนั ขณะท่มี กี ารเก่ยี วขา้ วน้ัน เขามกั จะมี ภาคกลาง การรอ้ งเพลงเก่ยี วขา้ วไปดว้ ย โดยรอ้ งแกก้ นั ระหวา่ งฝ่ายชายกบั ฝ่ายหญิง และ เม่ือหยุดพกั การเก่ยี วขา้ วประมาณตะวนั บา่ ยคลอ้ ยแลว้ การเตน้ การาเคยี วจึงเร่ิม เลน่ วิธีการเลน่ จะแบง่ ผูเ้ ลน่ เป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายชาย เรียกวา่ พอ่ เพลง ฝ่ายหญิง เรียกวา่ แมเ่ พลง เร่ิมดว้ ยพอ่ เพลงรอ้ งชกั ชวนแมเ่ พลงใหอ้ อกมาเตน้ การาเคยี ว โดยรอ้ งเพลงและเตน้ ออกไปราลอ่ ฝ่ายหญิงและแมเ่ พลงกร็ อ้ งและราแกก้ นั ไป ซ่ึงพอ่ เพลงแมเ่ พลงน้ีอาจจะเปล่ยี นไปหลายๆ คน ชว่ ยกนั รอ้ งจนกวา่ จะจบเพลง สว่ นผูท้ ่ไี มไ่ ดเ้ ป็นพอ่ เพลงแมเ่ พลงกต็ อ้ งเป็นลูกคู่ การแตง่ กาย ฝ่ายชายนุ่งกางเกงขากว๊ ย และเส้ือกุยเฮงสีดา มผี า้ ขาวมา้ คาดเอว สวมงอบ และ จะไมใ่ สร่ องเทา้ ฝ่ายหญงิ นุ่งโจงกระเบนและเส้ือแขนกระบอก สี

การแตง่ กาย ฝ่ายชายนุ่งกางเกงขากว๊ ย และเส้ือกุยเฮงสีดา มผี า้ ขาวมา้ คาดเอว การแสดงพ้ืนเมือง สวมงอบ และ จะไมใ่ สร่ องเทา้ ฝ่ายหญงิ นุ่งโจงกระเบนและเส้ือแขนกระบอก สี ภาคกลาง ดาหรือเป็นสพี ้ืนกไ็ ด้ และไมส่ วมรองเทา้ ผูแ้ สดงทุกคนตอ้ งถือเคยี วในมือขวาและ ถือรวงขา้ วในมือซา้ ยดว้ ย ดนตรีท่ใี ช้ ตามแบบฉบบั ของชาวบา้ นแบบเดมิ ไมม่ ดี นตรีประกอบเพยี งแตล่ ูกคูท่ ุก คนจะปรบมือ และรอ้ ง เฮ้ เฮว้ ใหเ้ ขา้ จงั หวะ แตเ่ ม่ือกรมศิลปากรนาไปดดั แปลง กใ็ ชร้ ะนาดเป็นเสยี งดนตรีประกอบในทา่ เดนิ เขา้ -ออก สถานท่แี สดง เดิมแสดงกลางแจง้ ท่ีบริเวณทอ้ งนาท่เี ก่ยี วขา้ วกนั ปัจจุบนั มี ผูส้ นใจการแสดงชนิดน้ีมากข้ึนจึงนามาแสดงบนเวที

การแสดงพ้ืนเมือง ภาคอสี าน ศิลปะการแสดงภาคอสี าน จะมลี กั ษณะ ภาคอีสาน คลา้ ยภาคเหนือ ในการรวมกลุม่ ของชนชาติตา่ ง ๆ เชน่ พวก ไทยลาว ภูไทย ไทยพวน แตล่ ะกลุม่ มลี กั ษณะแตกตา่ งตาม เช้ือชาติ เผา่ พนั ธุ์ แตย่ งั มลี กั ษณะคลา้ ยคลึงกนั เป็นการแสดง ท่เี กิดข้ึนเพ่ือพิธกี รรมทางศาสนา และความสนุกสนานร่ืนเริง ในเทศกาลตา่ ง ๆ การร่ายราจะมลี กั ษณะเฉพาะของการเคล่ือนไหวอวยั วะ สว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย เชน่ กา้ วเทา้ การวาดแขน การยก เทา้ การสา่ ยมือ การสา่ ยสะโพก ท่เี กดิ ข้ึนจากทา่ ทางอนั เป็น ธรรมชาตทิ ่ปี รากฏอยูใ่ นชวี ติ ประจาวนั

การแสดงพ้ืนเมือง เซ้ิงกระตบิ ขา้ ว เป็นการแสดงของภาคอสี านท่เี ป็นท่รี ูจ้ กั กนั ดี และ ภาคอีสาน แพร่หลายท่สี ุดชุดหน่ึง จนทาใหค้ นท่วั ไปเขา้ ใจวา่ การแสดงของภาคอีสานมี ลกั ษณะเป็นการราเซ้ิงเพยี งอยา่ งเดยี ว เซ้ิงกระตบิ ขา้ วไดแ้ บบอยา่ งมาจากการเซ้ิง บั้งไฟ ซ่ึงแต่เดิมเซ้ิงอีสานจริงๆ ไม่มีท่าทางอะไร มีแต่กินเหลา้ ยกมือไม้ สะเปะสะปะใหเ้ ขา้ กบั จงั หวะเสยี งกลองไปตามใจ (มผี ูน้ ิยามวา่ ฟ้ อนตามแบบกรม สรรพสามิต) โดยไมไ่ ดค้ านึงถึงความสวยงาม นอกจากใหเ้ ขา้ จงั หวะกลอง ตบมือ ไปตามเร่ืองตามฤทธ์ิเหลา้ ในราว พ.ศ. 2507 สมเดจ็ พระบรมราชินีนาถตอ้ งการ การแสดงของภาคอสี าน เพ่ือตอ้ นรบั สมเดจ็ พระนางเจา้ อะเลยี นา และเจา้ หญงิ บที ริกซ์ แหง่ ประเทศเนเธอแลนด์ จึงมกี ารนาเอาเพลงอสี านคือ หมอลาจงั หวะชา้ เร็ว โดยมที า่ ถวายบงั คม ทา่ นกบิน ทา่ เดิน ทา่ ดูดาว ทา่ มว้ นตวั ทา่ สนุกสนาน ทา่ ป้ัน ขา้ วเหนียว ทา่ โปรยดอกไม้ ทา่ บงั แสงอาทิตย์ ทา่ เต้ยี (ราเต้ยี ) และในการแตง่ กาย ครงั้ แรกนั้นจะนุ่งผา้ ซ่ินหม่ ผา้ สไบ เกลา้ ผมสูง แตไ่ มม่ ใี ครยอมหอ้ ยกระตบิ ขา้ ว

การแสดงพ้ืนเมือง เพราะเหน็ วา่ รุงรัง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ ทอดพระเนตร พระองค์ ภาคอีสาน จึงรับส่งั ใหใ้ ครสกั คนหน่ึงลองราดูวา่ ถา้ ไมห่ อ้ ยกระติบขา้ ว หรือหอ้ ยกระติบขา้ ว แลว้ จะเป็นอยา่ งไร ? คุณหญงิ เบญจวรรณ อรวรรณ เป็นผูท้ ดลองราดู ครั้งแรกไม่ หอ้ ยกระติบขา้ วกน็ ่ารกั ดี ครง้ั ท่สี องราโดยหอ้ ยกระติบขา้ วทุกคนกค็ ดิ วา่ กาลงั น่ารัก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ทรงรับส่งั คาเดยี ววา่ \"น่าเอน็ ดูดนี ่ี\" ผูร้ าทุกคนกพ็ ากนั รีบหอ้ ยกระติบขา้ วกนั ใหญท่ างไหลข่ วาทุกคน การเซ้ิงคร้ังน้ัน ทา่ นผูห้ ญงิ มณีรัตน์ บุนนาค เรียกช่ือวา่ \"เซ้ิงอสี าน\" ตอ่ มามผี ูน้ าเซ้ิงอสี านไปแสดงกนั ทว่ั ไปแตเ่ ปล่ยี น ช่ือใหมว่ า่ \"เซ้ิงกระติบขา้ ว\"เคร่ืองแตง่ กาย ผูแ้ สดงใชผ้ ูห้ ญิงลว้ น สวมเส้ือแขน กระบอกคอกลมสพี ้ืน นุ่งผา้ ซ่ินมดั หม่ี หม่ ผา้ สไบเฉียง ผมเกลา้ มวยทดั ดอกไมห้ อ้ ย กระติบขา้ วทางไหลข่ วาเคร่ืองดนตรี ใชด้ นตรีพ้ืนเมืองอสี าน ทานองเซ้ิงอุปกรณ์ การแสดง กระตบิ ขา้ ว

การแสดงพ้ืนเมือง อุปกรณ์การแสดง กระติบขา้ ว หรือภาษาอสี านบางแห่งเรียกวา่ กอ่ งขา้ ว เป็น ภาคอีสาน ภาชนะใชส้ าหรบั ใสข่ า้ วเหนียว ท่ที รงคุณคา่ มากดว้ ยภูมิปัญญา เกบ็ ความรอ้ นไดด้ ี การแตง่ กาย ผูแ้ สดงใชผ้ ูห้ ญิงลว้ น สวมเส้ือแขนกระบอกคอกลมสีพ้ืน นุ่งผา้ ซ่ิน มดั หม่ี หม่ ผา้ สไบเฉียง ผมเกลา้ มวยทดั ดอกไมห้ อ้ ยกระตบิ ขา้ วทางไหลซ่ า้ ยเฉียงไป ทางขวา แตง่ กายแบบพ้ืนเมืองภาคอสี าน นุ่งผา้ ซ่นิ มเี ชงิ ยาวคลุมเขา่ เลก็ นอ้ ย สวม เส้ือแขนกระบอก คอกลมหรือคอปิด ห่มสไบทบั เส้ือ ประดบั ดว้ ยเคร่ืองประดบั ตา่ งๆ เกลา้ ผมมวยสูงทดั ดอกไม้ จงั หวะ จงั หวะ ป๊ ะ เพ่งิ ป๊ ะ เพ่งิ ป๊ ะ เพ่งิ เพ่งิ เคร่ืองดนตรี ท่ใี ชป้ ระกอบจงั หวะ ไดแ้ ก่ กลองแตะ๊ กลองยาว แคน ฆอ้ งโหมง่ ฉ่ิง ฉาบ และกรับ

ภาคใต้ เป็นภาคท่ีมีอาณาเขตติดต่อกบั การแสดงพ้ืนเมือง ภาคใต้ ประเทศมาลาเซีย และติดทะเล ทาใหเ้ กิดการ ผสมผสานทง้ั ทางศาสนา วฒั นธรรม และอารย ธรรมจากกลุม่ ชนหลายเช้ือชาติ เชน่ ศาสนาและ พิธีกรรม จนทาใหน้ าฏศิลป์ โดยมีลกั ษณะการ แสดงท่เี ป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ คือมจี งั หวะท่เี ร่งเรา้ กระฉับกระเฉง และเนน้ จงั หวะมากกวา่ ทานอง โดยมลี กั ษณะท่เี ดน่ ชดั ของเคร่ืองดนตรีประเภท เคร่ืองตใี หจ้ งั หวะเป็นสาคญั สว่ นลลี าทา่ ราจะมี ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว สนุกสนาน

รองเงง็ การเตน้ รองเงง็ สมยั โบราณ เป็นท่นี ิยมกนั ในบา้ นขุน การแสดงพ้ืนเมือง ภาคใต้ นาง หรือเจา้ เมืองในส่ีจงั หวดั ชายแดน ตอ่ มาไดแ้ พร่หลายสูช่ าวบา้ น โดยอาศยั การแสดงมะโยง่ เป็นเร่ืองและมกี ารพกั คร้ังละ ๑๐ – ๑๕ นาที ระหวา่ งท่พี กั น้ันสลบั ฉากดว้ ยรองเงง็ เม่ือดนตรีข้ึนเพลงรองเงง็ ฝ่าย หญงิ ท่แี สดงมะโยง่ จะลุกข้ึนเตน้ จบั คูก่ นั เอง เพ่ือใหเ้ กดิ ความสนุกสนาน ย่ิงข้ึน มกี ารเชิญผูช้ มเขา้ ร่วมวงดว้ ย ภายหลงั มกี ารจดั ตงั้ คณะรองเงง็ แยกตา่ งหากจากมะโยง่ ผูท้ ่รี ิเร่ิมฝึกรองเงง็ คือ ขุนจารุวิเศษศึกษากร ถือวา่ เป็นบรมครูทางรองเงง็ เดิมการเตน้ รองเงง็ จะมลี ลี าตามบทเพลง ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ เพลง แตป่ ัจจุบนั น้ีท่นี ิยมเตน้ มเี พยี ง ๗ เพลงเทา่ นั้น วิธกี ารแสดง การเตน้ รองเงง็ สว่ นใหญม่ ชี ายหญิงฝ่ายละ ๕ คน โดย เขา้ แถวแยกเป็นชายแถวหน่ึงหญงิ แถวหน่ึงยืนหา่ งกนั พอสมควร ความ สวยงามของการเตน้ รองเงง็ อยูท่ ่ลี ลี าการเคล่ือนไหวของเทา้ มือ ลาตวั และลลี าการร่ายรา ตลอดจนการแตง่ กายของคูช่ ายหญิง และความ ไพเราะของดนตรีประกอบกนั

การแตง่ กาย ผูช้ ายแตง่ กายแบบพ้ืนเมือง สวมหมวกไมม่ ปี ีก หรือใช้ การแสดงพ้ืนเมือง หมวกแขกสีดา นุ่งกางเกงขายาวกวา้ งคลา้ ยกางเกงจนี สวมเส้ือคอ ภาคใต้ กลมแขนยาวผา่ คร่ึงอกสเี ดยี วกบั กางเกง ใชโ้ สร่งยาวเหนือเขา่ สวมทบั กางเกงเรียกวา่ ซอแกะ เคร่ืองดนตรี และเพลงประกอบ ดนตรีท่ใี ชป้ ระกอบการเตน้ รองเงง็ มี เพยี ง ๓ อยา่ ง คือ ๑. รามะนา ๒. ฆอ้ ง ๓. ไวโอลนิ โอกาสท่แี สดง เดิมรองเงง็ แสดงในงานตอ้ นรับแขกเมืองหรืองานพิธี ตา่ งๆ ตอ่ มานิยมแสดงในงานร่ืนเริง เชน่ งานประจาปี งานอารีรายอ ตลอดจนการแสดงโชวใ์ นโอกาสตา่ งๆ เชน่ งานแสดงศิลปวฒั นธรรม พ้ืนบา้ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook