Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความหมายของศิลปะทัศนศิลป์

ความหมายของศิลปะทัศนศิลป์

Published by Library Horwang Pahtumthani, 2020-06-14 09:13:03

Description: วิชา : ทัศนศิลป์
เรื่อง : ความหมายของศิลปะทัศนศิลป์
ระดับ : มัธยมศึกษาปีที่ 1
จัดทำโดย : ครูน้ำฝน ไชยแสง
อัพโหลด : ห้องสมุด รร.หอวัง ปทุมธานี
*ห้ามนำไปใช้เชิงพานิชย์ อนุญาตสำหรับการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

ÇªÔ Ò·ÈÑ ¹ÈÔŻР( เร่อื ง ความหมายของศลิ ปะทัศนศิลป์ ) ¹Ò§ÊÒǹÓ้ ½¹ äªÂáʧ กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย โรงเรยี นหอวัง ปทมุ ธานี สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 4 สำนักงานคณะกรรมการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



ทศั นศิลป์ หมายถงึ .... จติ รกรรม 1 2 (painting) 3 4 ประติมากรรม (sculpture) สถาปัตยกรรม (Archiecture) ภาพพิมพ์ (Printing)

ทศั นศลิ ป์ หมายถึง

ทศั นศลิ ป์ เปน็ ผลงานศิลปท์ ีม่ นุษยส์ ร้างขึน้ เพ่ือมงุ่ แสดงความงดงาม และความพงึ พอใจ ให้ประจักษแ์ กค่ นทั่วไป มากกวา่ มงุ่ สนองตอบ ทางดา้ นประโยชน์ใช้สอยทางรา่ งกาย และการ รับรู้ผลงานทัศนศิลป์ผ่านประสาทสัมผัสทาง สายตา ซง่ึ อาจจะเรยี กวา่ ศลิ ปะทมี่ องเห็นกไ็ ด้ ทัศนศิลป์ ประกอบด้วยศลิ ปะ 4 ประเภท คอื 1. ประเภทจติ กรรม 2. ประเภทประตมิ ากรรม 3. ประเภทสถาปัตยกรรม 4. ประเภทภาพพมิ พ์ ÈÅÔ »Ð ·ÃèÕ ÑºµÃҌٴŒÇ คำควรจำ



ลักษณะของภาพจิตรกรรม 1. ภาพทวิ ทศั น์ (Landscape Painting) เป็นภาพทแ่ี สดงความงาม หรือความประทบั ใจในความงาม ของธรรมชาติ หรอื ส่งิ แวดล้อม 2. ภาพคน (Figure Painting) เป็นภาพท่ีแสดงกิริยาทา่ ทางตา่ งๆ ของมนษุ 3. ภาพคนเหมอื น (Potrait Painting) เปน็ ภาพทีแ่ สดงความเหมือนของใบหนา้ 4. ภาพสตั ว์ ( Animals Figure Painting) แสดงกิรยิ าทา่ ทางของสัตว์ในลกั ษณะต่างๆ 5. ภาพประกอบเรือ่ ง (Illustration Painting) เปน็ ภาพท่ีเขียนขึ้น เพือ่ บอกเลา่ เรื่องราวหรือถา่ ยทอด เหตกุ ารณต์ ่างๆ 6. ภาพหนุ่ นิง่ (Still Painting) เป็นภาพวาดเกี่ยวกับสงิ่ ของเครื่องใช้ หรือ วัสดตุ ่างๆ ทไ่ี มม่ ีการเคล่อื นไหว 7. ภาพจติ รกรรมฝาผนัง (Mural Painting) เป็นภาพเขียนที่เขียนไว้ตามผนังอาคาร โบสถ์ หรือวหิ ารตา่ งๆ ส่วนใหญจ่ ะแสดงเร่ืองราวศาสนา

งานจติ รกรรมแบง่ ออกได้ 2 ชนิด คอื 1. การวาดเสน้ (Drawing) เปน็ การวาดภาพโดยใชป้ ากกา หรือดนิ สอ ขีดเขียน ลงไป บนพื้นผิววสั ดุรองรบั เพ่อื ให้เกิดภาพ การวาด เสน้ คอื การขีดเขยี นใหเ้ ป็นเสน้ ไมว่ า่ จะเป็นเสน้ เลก็ หรือ เสน้ ใหญๆ่ มักมีสเี ดยี ว แต่การวาดเสน้ ไมไ่ ด้ จำกัดที่จะต้องมีสีเดียวอาจมีสีหลายๆสีก็ได้การวาด เส้น จดั เปน็ พ้นื ฐานทีส่ ำคัญของงานศลิ ปะแทบ ทกุ ชนดิ

2. การระบายสี (Painting) เป็นการวาดภาพโดยการใช้พู่กันหรือแปรงหรือวัสดุ อย่างอื่นระบายให้เกิดเป็นภาพการระบายสี ตอ้ งใชท้ กั ษะการควบคมุ สีและเคร่ืองมอื มากกวา่ การ วาดเส้น ผลงานการระบายสจี ะสวยงาม เหมอื นจริง และสมบูรณ์แบบมากกวา่ การวาดเสน้



การสรา้ งงานประติมากรรมทำได้ 4 วธิ ี 1. การปั้น (Casting) เป็นการสร้างรปู ทรง 3 มิติ จากวัสดุทีเ่ หนยี ว ออ่ นตวั และยดึ จับตวั กันดี วสั ดทุ ีน่ ยิ มนำมาใชป้ น้ั ได้แก่ ดนิ เหนียว ดินน้ำมัน ปูน ขผ้ี ้ึง กระดาษ หรอื ขเ้ี ล่อื ยผสมกาว เปน็ ตน้ 2. การแกะสลกั (Carving) เป็นการสรา้ งรปู ทรง 3 มติ ิ จากวสั ดุท่ีแขง็ เปราะ โดยอาศัยเครื่องมอื วัสดุท่ีนยิ มนำมาแกะ ได้แก่ เทยี น ไม้ หิน กระจก ปนู ปลาสเตอร์ เป็นต้น 3. การหลอ่ (Molding) เป็นการสรา้ ง รูปทรง 3 มิติ จากวสั ดุทหี่ ลอมตวั ได้และกลบั แขง็ ตวั ได้ โดยอาศัยแมพ่ ิมพ์ ซ่งึ สามารถทำใหเ้ กิด ผลงานทีเ่ หมอื นกันทกุ ประการตัง้ แต่ 2 ชนิ้ ขึ้นไป วสั ดุทนี่ ยิ มนำมาใชห้ ลอ่ ได้แก่ โลหะ สำรดิ ปูน ข้ผี ึ้ง เรซิน่ พลาสตกิ ฯลฯ 4. การประกอบขึน้ รปู (Construction) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มติ ิ โดยนำวสั ดตุ า่ งๆ มาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และยึดตดิ กันดว้ ยวัสดตุ ่างๆ

1. ประตมิ ากรรมแบบนูนต่ำ (Bas Relief) เป็นรูปที่เป็นนูนขึ้นมาจากพื้นหรือมีพื้นหลังรองรับ มองเหน็ ได้ชัดเจนเพยี งดา้ นเดยี ว คอื ดา้ นหน้า มคี วามสูงจากพ้นื ไมถ่ ึงครงึ่ หนง่ึ ของรูปจรงิ ได้แก่ รูปนูนแบบเหรียญ รปู นนู ทีใ่ ช้ประดับตกแตง่ ภาชนะ หรอื ประดบั ตกแต่งอาคารทาง สถาปัตยกรรม โบสถ์ วิหารต่างๆ พระเครอ่ื งบางชนิด 2. ประติมากรรมแบบนนู สูง (High Relief) เปน็ รูปต่างๆ ในลักษณะเช่นเดยี วกับแบบ นนู ต่ำ แต่มีความสูงจากพื้นตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทำให้เห็นลวดลายท่ีลกึ ชัดเจน มองเห็นได้ 2 ด้าน คอื ดา้ นหน้า และดา้ นขา้ ง เหมือนจรงิ มากกวา่ แบบ นูนตำ่ และใช้งานแบบเดยี วกบั แบบนูนตำ่

ประเภทของงานประติมากรรม 3. ประติมากรรมแบบลอยตัว (Round Relief) เป็นรปู ตา่ งๆ ทม่ี องเหน็ ไดร้ อบด้าน ไดแ้ ก่ พระพุทธ รปู เทวรปู รูปตามคตนิ ยิ ม รูปบุคคลสำคัญ รูปสตั ว์ รปู เคารพต่างๆ ภาชนะตา่ งๆ ฯลฯ µÓè = Á¾Õ ×¹é ËÅѧ,´ÒŒ ¹Ë¹ÒŒ ʧ٠= ÁÕ¾é¹Ô ËÅ§Ñ ,´ÒŒ ¹Ë¹ÒŒ ,¢ŒÒ§ Å͵ÑÇ= àËç¹ä´ŒÃͺ´ŒÒ¹ คำควรจำ



สถาปตั ยกรรมแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ ๆ 1. สถาปัตยกรรมเปิด (Open Architecture) เปน็ สิง่ กอ่ สรา้ งทป่ี ระชาชนสามารถเขา้ ไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น อาคารบา้ นเรือน โรงแรม โบสถ์ ฯลฯ จึงต้องจัดสภาพตา่ งๆ ใหเ้ ออ้ื อำนวยต่อการอยอู่ าศัยของมนุษย์ เช่น แสงสวา่ ง และการระบายอากาศ 2.สถาปัตยกรรมปดิ (Closing Architecture) เปน็ สง่ิ ก่อสร้างอนั เนอ่ื งมาจากความเช่อื ถอื ต่างๆ จงึ ไม่ตอ้ งการใหค้ นเขา้ ไปอาศัยอยู่ เช่น สุสาน อนุสาวรีย์ เจดยี ต์ า่ งๆ สิ่งกอ่ สรา้ งแบบนจ้ี ะประดับประดาใหม้ คี วาม งามมากน้อยตามความศรทั ธาเช่อื ถือ สถาปตั ยกรรม เปน็ งานทศั นศลิ ปท์ ี่คงสภาพอยู่ได้นานท่สี ดุ



ภาพพมิ พ์สามารถจำแนกออกเปน็ 4 ประเภท 1. พิมพ์ผิวนูน ( Relief process) เป็นกระบวนการพิมพใ์ หเ้ กดิ สว่ นลึกและนูนหรอื มีความแตกต่างทางผวิ พ้ืน ของแมพ่ มิ พ์ดว้ ยการแกะ หล่อ กดั ด้วยกรด หรือวิธอี ื่นๆ เช่น ภาพพมิ พ์ แกะไม้ ภาพพมิ พ์โลหะ เป็นตน้ 2. พิมพร์ อ่ งลึก ( intaglio process) กระบวนการี่พิมพ์จากส่วนที่อยู่ลึกเป็นร่องของแม่พิมพ์ ซึ่งแม่พิมพ์จะมีส่วนที่นูนและร่องเหมือนกับแม่พิมพ์ผิวนูน แต่เวลาพมิ พ์ตอ้ งอุดหมึกลงไป ในรอ่ งลกึ และเช็ดบริเวณท่ี ไม่ตอ้ งการจะพมิ พ์ ออก แลว้ นำกระดาษเปียกนำ้ หมาดๆ วางลงบนแมพ่ ิมพ์ จากน้นั พิมพ์ด้วยแทน่ พิมพท์ ม่ี แี รงกดสูง เพอ่ื กดกระดาษให้ไปดดู ซบั หมกึ ขึน้ มา ซึ่งกลวิธที ร่ี วมอยู่ภายใต้กระบวนการนี้ ได้แก่ ภาพพมิ พ์ภาพถ่าย ภาพพมิ พ์ ภาพพิมพก์ ัดกรด 3. พิมพ์พ้นื ราบ (planographic process) กลวธิ นี รี้ ู้จกั ในนามของภาพพมิ พห์ ิน ภาพพมิ พ์ครงั้ เดียว สว่ นทถี่ กู พมิ พ์และส่วนทีไ่ ม่ต้องการพิมพ์น้นั จะอย่ใู นระนาบ แมพ่ ิมพ์ บรเิ วณท้งั สองจะต่างกันเพียงสว่ นท่ีตอ้ งการพมิ พ์ จะเป็นไขหรอื นำ้ มนั แตอ่ กี สว่ นทีไ่ มต่ ้องการพมิ พจ์ ะชุ่ม ด้วยนำ้ เมอ่ื เวลาพมิ พ์จะใชล้ ูกกลิง้ ท่มี ีหมกึ เช้ือน้ำมันตดิ อยู่ กลงิ้ ลงบนแม่พิมพ์ทมี่ ีนำ้ 4.ภาพพมิ พต์ ะแกรงไหม (Silk Screen) คือ กระบวนการพิมพท์ พ่ี ิมพโ์ ดยใชไ้ ม้ปาดสรี ีดเนือ้ สผี ่าน ตะแกรงเนอ้ื ละเอยี ดลงมาสูว่ สั ดุที่ต้องการพิมพ์ ซึง่ บริเวณทไ่ี ม่ถกู พมิ พ์ จะเปน็ บริเวณตะแกรงทีถ่ กู กันเอาไวไ้ ม่ใหส้ ลี อดผ่านลงมาสู่วสั ดทุ ี่ต้อง การพิมพ์

แบบทดสอบหลงั เรียน 1. ข้อใดไม่ใชป่ ระเภทของงานทัศนศิลป์ 1. จิตรกรรม 2. หัตถกรรม 3. ประตมิ ากรรม 4. สถาปัตยกรรม 2. รปู ทรงมลี กั ษณะกี่มิติ 1. 2 มติ ิ 2. 3 มติ ิ 3. 4 มิติ 4. 5 มิติ 3. ผลงานปัน้ จะมีมติ ยิ กเวน้ ข้อใด 1. ความหนา 2. ความยาว 3. ความกว้าง 4. ความคมชดั 4. สิ่งใดเป็นตวั กำหนดวิธกี ารทำงานประตมิ ากรรม 1. วัสดุ 2. เทคนคิ 3. อปุ กรณ์ 4. เครอ่ื งมือ 5. ความงามในงานประติมากรรมเกิดข้ึนจากอะไร 1. การจัดวาง 2. การแกะสลัก 3. น้ำหนกั แสงเงา 4. ความเรยี บเนยี น 6. ดนิ เหนยี ว สามารถใช้วิธีการทำงานไดต้ ามข้อใด 1. การปัน้ 2. แกะสลัก 3. การหล่อ 4. การประกอบรปู 7. ข้อใดไมใ่ ชป่ ระเภทของงานประติมากรรม 1. อิสระ 2. นูนต่ำ 3. นูนสงู 4. ลอยตัว 8. งานปน้ั ท่ีสามารถมองเห็นได้รอบด้านคอื งานป้ันแบบใด 1. แบบอสิ ระ 2. แบบนูนสูง 3. แบบลอยตัว 4. แบบนูนต่ำ 9. งานป้ันแบบนนู สงู สามารถมองเหน็ ไดแ้ บบใด 1. ดา้ นหน้าด้านเดียว 2. มองไดร้ อบด้าน 3. ดา้ นล่างและด้านบน 4. ด้านหน้าและดา้ นขา้ ง 10. Bas relief คืองานปน้ั แบบใด 1. แบบอิสระ 2. แบบนนู สงู 3. แบบลอยตวั 4. แบบนนู ต่ำ

11. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของงานปัน้ นูนตำ่ 1. เหรียญพระ 2. เหรยี ญบาท 3. เหรยี ญรางวัล 4. ถูกทกุ ขอ้ 12. รปู ปัน้ รัชกาลท่ี 5 เปน็ งานปัน้ ประเภทใด 1. แบบอสิ ระ 2. แบบนนู สงู 3. แบบลอยตวั 4. แบบนูนตำ่ 13. ขอ้ ใดคอื ช่ือทใี่ ชเ้ รยี กผู้ท่ีสร้างงานประติมากรรม 1. นักปัน้ 2. จิตรกร 3. สถาปนิก4. ประตมิ ากร 14. ขอ้ ใดไม่ใช่วัสดุท่ีนิยมนำมาแกะสลกั 1. ไม้ 2. นำ้ แขง็ 3. พลาสติก4. ผลไม้ชนดิ ต่างๆ 15. Round relief คอื งานป้ันใด 1. แบบอิสระ 2. แบบนูนสูง 3. แบบลอยตวั 4. แบบนูนต่ำ 16. ส่ือผสมเป็นงานศิลปะประเภทใด 1. หัตถศิลป์ 2. วิจติ รศลิ ป์ 3. มณั ฑนศิลป์ 4. พาณชิ ยศลิ ป์ 17. หลักเกณฑ์การพิจารณาเพอื่ ประเมินผลงานทศั นศลิ ปข์ อ้ ใดถูกตอ้ ง 1. การแสดงออก 2. การสร้างสรรค์ 3. ความคิดแปลกใหม่ 4. วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ 18. การประเมนิ งานทัศนศิลปเ์ ป็นการกำหนดสิง่ ใดในงานนั้น 1. ความหมายของงาน 2. กระบวนการทำงาน 3. การจดั องคป์ ระกอบ 4. คุณค่าของผลงานน้นั 19. ข้อใดคือลักษณะสำคัญของงานป้นั 1. การใชว้ สั ดทุ ่หี ลากหลาย 2. การลงสีใหเ้ กดิ ความสวยงาม 3. การเทของเหลวลงในแม่พมิ พ์4. การใช้ดินเหนยี วทำให้เกดิ รปู ทรง 20. ข้อใดคือลกั ษณะงานปน้ั นูนสูง 1. รปู วาด 2 มิติ 2. เหรียญพระตา่ งๆ 3. รูปประดบั ฝาผนังโบสถ์ 4. อนสุ าวรียป์ ระชาธปิ ไตย

เฉลย 1. 2. หตั ถกรรม 11. 4. ถูกทุกขอ้ ⪤´Õ¹Ð 2. 2. 3 มิต 12. 3. แบบลอยตัว 3. 4. ความคมชัด 13. 4. ประติมากร 4. 2. เทคนิค 14. 3. พลาสตกิ 5. 4. ความเรียบเนยี น 15. 3. แบบลอยตวั 6. 1. การปั้น 16. 2. วจิ ิตรศิลป์ 7. 1. อสิ ระ 17. 2. การสรา้ งสรรค์ 8. 3. แบบลอยตวั 18. 2. กระบวนการทำงาน 9. 4. ด้านหนา้ และดา้ นข้าง 19. 4. การใชด้ นิ เหนียวทำให้เกิดรปู ทรง 10. 4. แบบนนู ตำ่ 20. 4. อนุสาวรียป์ ระชาธิปไตย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook