Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

Published by Library Horwang Pahtumthani, 2020-07-20 06:02:57

Description: วิชา : ชีววิทยา
เรื่อง : ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ระดับ : มัธยมศึกษาปีที่ 4
จัดทำโดย : ครูภัทราพร โสภวชิราก
อัพโหลด : ห้องสมุด รร.หอวัง ปทุมธานี
*ห้ามนำไปใช้เชิงพานิชย์ อนุญาตสำหรับการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

1.2) พฤกษศาสตร์ (Botany) ศึกษาเรือ่ งราวตา่ งๆ ของพชื เชน่ - พชื ช้นั ต่า (Lower plant) ศึกษาพวกสาหร่าย มอส - พชื มีท่อล่าเลียง (Vascular plants) ศกึ ษาพวกเฟริ ์น สน ปรง จนถงึ พชื มดี อก - พชื มดี อก (Angiosperm) ศกึ ษาพืชใบเลีย้ งคแู่ ละพืชใบเลี้ยงเดีย่ ว 1.3) จุลชีววิทยา (Microbiology) ศกึ ษาเรอื่ งราวต่างๆ ของจุลินทรีย์ เช่น - วทิ ยาแบคทีเรีย (Bacteriology) ศกึ ษาเกย่ี วกับแบคทีเรยี - วิทยาไวรสั (Virology) ศึกษาเกย่ี วกับไวรัส - วทิ ยาสตั ว์เซลล์เดยี ว (Protozoology) ศึกษาเกย่ี วกับโพรโทซัว

2.ศกึ ษาจากโครงสรา้ งหนา้ ท่ีและการท่างานของสง่ิ มีชีวิต - กายวภิ าคศาสตร์ (Anatomy) ศกึ ษาโครงสร้างตา่ งๆ โดยการตัดผ่า - สณั ฐานวิทยา (Morphology) ศึกษาเก่ยี วกบั โครงสรา้ งและรปู ร่างของส่งิ มีชีวติ - สรรี วิทยา (Physiology) ศึกษาหน้าทกี่ ารท่างานของระบบต่างๆ ในร่างกายของสงิ่ มีชวี ติ - พนั ธศุ าสตร์ (Genetics) ศกึ ษาลกั ษณะตา่ งๆ ทางกรรมพนั ธแ์ุ ละการถา่ ยทอดลักษณะต่างๆ จากบรรพบุรุษสลู่ ูกหลาน

- นเิ วศวิทยา (Ecology) ศึกษาความสัมพันธข์ องสงิ่ มีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม - เนือ้ เย่อื วทิ ยา (Histology) ศึกษาลักษณะของเนื้อเยอื่ ทง้ั ทางด้านโครงสร้างและหน้าที่การท่างาน - วิทยาเอ็มบรโิ อ (Embryology) ศึกษาการเจริญเตบิ โตของตวั อ่อน - ปรสติ วทิ ยา (Parasitology) ศกึ ษาเกี่ยวกบั การเปน็ ปรสติ ของส่ิงมชี ีวติ - วทิ ยาเซลล์ (Cytology) ศึกษาโครงสรา้ งหน้าท่ีของเซลล์สิง่ มชี วี ิต

3.ศกึ ษาเรอื่ งราวของสิ่งมีชวี ิต - อนุกรมวิธาน (Taxonomy) ศึกษาเก่ียวกับการแบ่งหมวดหมู่ การตั้งช่อื สง่ิ มีชีวติ ชนดิ ตา่ งๆ - วิวฒั นาการ (Evolution) ศึกษาเกีย่ วกบั เร่ืองราวของสิ่งมชี วี ิตต้ังแต่อดตี จนถึง ปจั จุบัน - บรรพชีวินวิทยา (Paleontology) ศกึ ษาเกยี่ วกบั ซากโบราณของส่งิ มชี วี ิต

ชวี วทิ ยากบั การดารงชวี ติ

-Cloning คอื การสรา้ งสงิ่ มีชวี ิตใหม่ทม่ี ลี กั ษณะทางพันธกุ รรม เหมอื นเดมิ ทกุ ประการ - GMOs (genetically modified organisms) คือ สิง่ มชี วี ิตท่มี กี ารตดั และต่อยีนดว้ ยเทคนิคพันธุวศิ วกรรม (genetic engineering) ท่าให้มีลักษณะพันธุกรรมตามต้องการ - การผสมเทยี มในหลอดแกว้ แล้วถา่ ยฝากตวั ออ่ น (In Vitro Fertilization Embryo Transfer หรอื IVF& ET ) -การทา่ อก๊ิ ซ่ี ( Intra Cytoplasmic Sperm Injection หรอื ICSI) คดั เชือ้ อสจุ ทิ ่ี สมบูรณ์เพียงตวั เดยี ว ฉีดเขา้ ไปในไขโ่ ดยตรง ใช้ในกรณที เี่ ดก็ หลอดแก้วธรรมดาไมป่ ระสบความส่าเร็จ

- การท่ากิฟท์ ( Gamete IntraFollopain Transfer หรอื GIF) น่า เซลลส์ ืบพันธไ์ุ ขแ่ ละอสจุ ิมาผสมกัน แล้วใส่กลับเขา้ สู่ทอ่ น่าไขท่ ันทีอาศัย ให้อสจุ แิ ละไขป่ ฏสิ นธิกนั เองตามธรรมชาติ - การทา่ ซิฟท์ ( Zygote IntraFollopain Transfer หรอื ZIFT) เซลล์ สบื พนั ธ์ุไข่และอสุจิมาผสมกนั ใหเ้ กิดการปฏิสนธนิ อกร่างกายก่อน แล้ว จึงน่าตวั อ่อนในระยะ Zygote ใส่กลับเขา้ ไปในท่อนา่ ไข่ - การพัฒนาเทคนิคทางด้าน DNA ตรวจหาความสัมพนั ธท์ างสายเลอื ด - การผลิตสาหร่ายสไปรูไลนาซง่ึ ใหโ้ ปรตนี สูง - การศกึ ษาทางด้านพืชสมุนไพรน่ามาผลิตเปน็ ยารกั ษาโรค - การผลิตฮอรโ์ มนอนิ ซลู ินจากยีสต์เพือ่ รักษาโรคเบาหวานในคน

ชวี จรยิ ธรรม

จรรยาบรรณในการใช ้ สตั วท์ ดลอง ส่านกั งานคณะกรรมการการวจิ ยั แห่งชาติ กา่ หนดจรรยาบรรณการใช้สัตว์ เพอ่ื งานวิจยั งานสอน งานทดสอบ และงานผลิตชวี วตั ถุไวด้ ังนี้  1. ผ้ใู ช้สตั ว์ตอ้ งตระหนกั ถึงคุณค่าของชวี ติ สัตว์  2. ผใู้ ชส้ ัตว์ตอ้ งตระหนักถึงความแมน่ ยา่ ของผลงานโดยใช้สตั วจ์ ่านวน นอ้ ยทีส่ ดุ  3. การใช้สตั ว์ปา่ ต้องไม่ขดั ต่อกฎหมายและนโยบายการอนรุ กั ษ์ป่า  4. ผู้ใชส้ ตั ว์ตอ้ งตระหนักวา่ สัตวเ์ ป็นสิ่งมชี วี ิตเชน่ เดียวกับมนุษย์  5. ผู้ใชส้ ัตวต์ ้องบนั ทึกการปฏิบัตติ อ่ สัตว์ไว้เปน็ หลกั ฐานอย่างครบถ้วน

การศกึ ษาชวี วทิ ยา อยู่บนพนื้ ฐานของการ สงั เกตและตง้ั คาถาม กจิ กรรม 1.4 การสงั เกตและ ตง้ั คาถาม

การศกึ ษา ชวี วทิ ยา  การตงั้ สมมตฐิ าน  การตรวจสอบสมมตฐิ าน  การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและการ วเิ คราะหข์ อ้ มูล  การสรุปผลการทดลอง

สถานการณ์ “นกั เรียนสองคนคน้ั นา้่ สับปะรดใสข่ วด ซึง่ มี น้า่ เชอ่ื มบรรจุอย่คู นละขวด แลว้ นา่ ไปเกบ็ ไว้เมอื่ น่า น้่าสบั ปะรดที่เก็บไวม้ าเพ่อื จะด่มื พบว่าน้่าสับปะรด ขวดหนึ่งมฟี องอากาศเกดิ ขนึ้ มากกว่าอกี ขวดหนึ่ง และเม่ือเปิดฝาขวดนา้่ สับปะรดทง้ั สองขวดและดม กลิน่ พบวา่ ขวดที่มฟี องอากาศมากจะมกี ลิม่ แอลกอฮอล์มากกว่าอีกขวดหน่งึ ”

การตงั้ สมมตฐิ าน การตั้งสมมติฐาน (Hypothesis) เปน็ การคาดคะเนคา่ ตอบอยา่ งมีเหตผุ ล อาจถกู หรอื ผดิ ก็ได้ สมมตฐิ านทด่ี ีควรจะ- กะทัดรดั ชดั เจน เขา้ ใจ งา่ ย แนะช่องทางตรวจสอบสมมตฐิ านได้ นยิ มใช้ “ถ้า..............ดงั นัน้ ...................................” มีความสัมพันธก์ ับปัญหาและข้อเท็จจริงทรี่ วบรวมไดจ้ ากการสังเกต เชน่ “ถ้าความเขม้ ขน้ ของน่้าตาลในนา้่ สับปะรดมผี ลต่อการสลายนา้่ ตาล เปน็ แอลกอฮอลข์ องยสี ตแ์ ลว้ ดงั นั้นในน่า้ สับปะรดที่มีความเข้มข้นของ น่า้ ตาลแตกต่างกันอตั ราการเกดิ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากปฏิกิรยิ าการ สลายน้่าตาลในน้่าสบั ปะรดจะแตกตา่ งกนั ไปด้วย ”

การตรวจสอบสมมตฐิ าน การตรวจสอบสมมตฐิ าน (Testing The Hypothesis) เป็ นการพสิ จู นว์ า่ สมมตฐิ านถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ ซง่ึ ทาไดห้ ลายวธิ ี คอื - การสงั เกตรวบรวมขอ้ เท็จจรงิ จากการสงั เกตปรากฏการณใ์ นธรรมชาตโิ ดยตรง - การศกึ ษาคน้ ควา้ รวบรวมจากเอกสารหรอื ผลงานวจิ ยั ตา่ งๆ ทม่ี ผี อู้ นื่ ศกึ ษามากอ่ น - การทดลอง (Experiment) นิยมใชก้ นั มากทสี่ ดุ ในทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยมกี าร วางแผน หรอื ออกแบบการทดลองอยา่ งรอบคอบรดั กมุ เพอื่ ใหผ้ ลการทดลองเป็ นทยี่ อมรบั ได ้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การควบคมุ ปัจจยั ซงึ่ อาจมผี ลตอ่ การทดลอง คอื ตวั แปร (Variable) ซง่ึ มอี ยู่ 3 ชนิด คอื 1. ตวั แปรตน้ หรอื ตวั แปรอสิ ระ (Independent Variable) หมายถงึ ตวั แปรท่ี ตอ้ งการศกึ ษาหรอื เป็ นสาเหตขุ องสง่ิ ทตี่ อ้ งการตรวจสอบ 2. ตวั แปรตาม (Dependent Variable) หมายถงึ ตวั แปรทเี่ ป็ นผลซง่ึ เกดิ จากตวั แปรตน้ 3. ตวั แปรควบคมุ (Controlled Variable) หมายถงึ ตวั แปรอนื่ ๆ ทอ่ี าจมผี ลตอ่ การ ทดลองและไมต่ อ้ งการศกึ ษาผลของตวั แปรเหลา่ นีจ้ งึ ตอ้ งควบคมุ ใหค้ งท่ี

การตรวจสอบสมมตฐิ าน ดา่ เนนิ การทดลอง 1. คั้นน้ำสับปะรดใส่ขวดรูปชมพู่ ปรมิ ำตร 40 ลบ.ซบ. เทสำรละลำยท่ีมคี วำม เข้มขน้ 3% ลงไป 20 ลบ.ซม. นำ้ ยสี ต์ 2.5 กรมั ใสล่ งไปคนให้เข้ำกันปดิ ดว้ ยจุก ยำง ดปู ริมำณแกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดท์ ี่เกดิ ขนึ้ ในระยะเวลำ 5 นำที 2. ท้ำเช่นเดยี วกบั ขอ้ 1. แต่เปลยี่ นควำมเขม้ ข้นเปน็ 4% 5 % 6% 7% และ 8% 3. ท้ำกำรทดลองในขอ้ ท่ี 1 และ 2 ซำ้ อกี 2 คร้ังรวมเปน็ 3 ครงั้ จากการทดลองนี้ ตวั แปรตน้ คอื ? ตวั แปรตามคอื ? ตวั แปรทตี่ อ้ งควบคมุ คอื ?

การเก็บรวบรวมข้อมลู และการวเิ คราะห์ข้อมูล % ความ ปริมาณแก๊ส CO2 (ลบ.ซบ.) เข้มข้นของ น่า้ ตาลในน่า้ คร้ังท่ี 1 คร้งั ที่ 2 ครง้ั ที่ 3 คา่ เฉลย่ี สบั ปะรด 3 2.90 3.20 3.40 3.17 4 3.30 3.50 3.50 3.43 5 3.80 3.90 3.80 3.83 6 3.90 4.20 4.00 4.03 7 4.20 4.40 4.30 4.30 8 4.00 4.50 4.40 4.30

การสรปุ ผลการทดลอง ควำมเข้มข้นของน้ำตำลในน้ำสบั ปะรดมผี ล ตอ่ อตั รำกำรสลำยน้ำตำลของยสี ต์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook