Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์-ป4

ประวัติศาสตร์-ป4

Published by ครูสดใส ใจจริง, 2022-03-10 07:04:24

Description: คู่มือครูประวัติศาสตร์-ป4

Search

Read the Text Version

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Explain Elaborate Evaluate Explore สา� รวจคน้ หา Explore 1. ครเู ขยี นคาํ วา หรภิ ญุ ชยั ละโว ตามพรลงิ ค ชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายแห่งในภูมิภาคต่างๆ ได้ ขอม ทวารวดี บนกระดาน แลว ใหน กั เรียน มีความเจริญต่อเนื่องมาจนเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ ซ่ึงเป็นสมัยท่ี รว มกนั บอกวา เคยไดย นิ ชอ่ื เหลานีห้ รือไม ถา เคยไดยิน ช่อื เหลานเ้ี กีย่ วกบั อะไร จากน้ันใหนกั เรยี นหาคาํ ตอบจากภาพ ชุมชนน้ันมีตัวอักษรบันทึกเร่ืองราว หลักฐานตัวหนังสือท่ีเก่าแก่ ในหนงั สอื หนา 42-43 เทขส่ี าดุ นเท้อยา่ 1ท่ีพจังบหบวนัดดสินรแะดแนกไ้วทยรจะนบถุพึงุทปธัจศจักบุ รันาชคเือทศ่าิลกาับจาพรกึ.ศท.่ปี ร๑า๑ส๘าท๐ 2. ใหน กั เรียนรว มกนั แสดงความคดิ เห็นวา ชุมชนหลายแห่งได้พัฒนาขึ้นเป็นแว่นแคว้นที่มีผู้ปกครองของตน ชุมชนสมยั กอ นประวัตศิ าสตรส ามารถ แเชลน่ ะพกรษะพัตรุทยิ ธม์ ศีพาสธิ นีกรา2รซม่งึ ครบัวามมาเจชา่อืกอเินชเ่นดยี กาเรขนมบั รถอื ศาสนาพราหมณ์ พฒั นามาเปนชุมชนหรือแวนแควนในสมัย ประวัตศิ าสตรไ ดอ ยางไร 3. ใหแบงนักเรียนเปน 7 กลมุ ใหแตล ะกลมุ สง ตัวแทนออกมาจับสลากเพอ่ื สบื คนขอมูล เกย่ี วกับแควนโบราณสมัยประวตั ิศาสตร ในดินแดนไทยโดยกลุมใดจบั ไดหมายเลขใด ๑. แคว้นโบราณสมยั ประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนไทย กใ็ หสบื คนขอมูลตามทก่ี ําหนด ดงั นี้ • หมายเลข 1 ใหส บื คน ขอ มูลเกย่ี วกับ ดินแดนผืนแผ่นดินไทยใน แควน หริภุญชัย ปัจจุบันเคยเป็นที่ต้ังของแคว้น โบราณหลายแห่ง ดังมีหลักฐาน • หมายเลข 2 ใหส ืบคนขอ มลู เกี่ยวกบั แควนโยนก อยู่ในรูปของ ศลิ าจารกึ ตา� นาน • หมายเลข 3 ใหส บื คนขอมลู เก่ียวกับ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ แควนทวารวดี • หมายเลข 4 ใหสบื คน ขอมูลเกี่ยวกบั แควน ละโว • หมายเลข 5 ใหสบื คน ขอมลู เกี่ยวกบั (พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๓-๑๙) พระธาตุหริภญุ ชยั จงั หวัดลา� พูน อาณาจกั รขอมหรอื เขมรโบราณ เป็นหลกั ฐานของอาณาจักรหริภญุ ชัย • หมายเลข 6 ใหส บื คนขอ มลู เกีย่ วกบั แควนตามพรลงิ ค • หมายเลข 7 ใหสบื คน ขอมลู เก่ียวกับ แควน ลังกาสุกะ โดยศึกษาขอมลู จากหนังสือ หนา 42-49 (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๓-๑๘) และสืบคนเพิ่มเติมจากแหลง ขอ มูลอ่นื ๆ พระบรมธาตุ วัดมหาธาตุวรมหาวหิ าร 4. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ รวบรวมขอ มลู ในรูปแบบ จงั หวัดนครศรธี รรมราช ตางๆ ตามที่กลมุ ตนเองถนดั เพอื่ นําเสนอ เป็นหลกั ฐานของอาณาจกั รตามพรลงิ ค์ ผลงาน เชน แผนผงั ความคดิ รายงาน แผน พบั เปนตน ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู ขอใดไมมีความสมั พนั ธกนั 1. เชียงใหม - อาณาจกั รโยนก 1 ศิลาจารกึ ทีป่ ราสาทเขานอ ย เปนจารกึ ท่ีปรากฏศกั ราชชดั เจนทสี่ ุด คอื ระบุ 2. ลาํ พูน - อาณาจักรหริภญุ ชยั ศักราช 559 ซึ่งเปนมหาศกั ราช หรอื ตรงกับ พ.ศ. 1180 จารกึ ดว ยอักษรปลลวะ 2 พระพทุ ธศาสนา ไดเผยแผเขา มาสูดินแดนสุวรรณภมู ิ อันเปน ท่ีตั้งของ 3. ลพบรุ ี - อาณาจกั รทวารวดี ประเทศไทย เมื่อประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 3 เม่อื ครง้ั ท่พี ระเจาอโศกมหาราช 4. นครศรีธรรมราช - อาณาจกั รตามพรลงิ ค ทรงสง สมณทูต รวม 9 คณะ เดนิ ทางไปประกาศพระพทุ ธศาสนายงั ดินแดนตา งๆ สาํ หรับดนิ แดนสุวรรณภมู ิ พระโสณะเถระและพระอตุ ตระเถระ เปน สมณทตู วเิ คราะหค ําตอบ ลพบุรเี ปน ศนู ยกลางของอาณาจกั รละโว ตอ มาถกู นาํ หลักธรรมคาํ สอนของพระพุทธเจา มาเผยแผยงั ดินแดนแถบนี้ ปกครองดว ยอาณาจกั รเขมร สว นอาณาจกั รทวารวดมี ศี นู ยก ลางอยทู ่ี จงั หวดั นครปฐม จงึ ไมม คี วามสมั พนั ธก นั ดงั นน้ั ขอ 3. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง 42 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๑ ภาคเหนอื 1. ใหนกั เรยี นแตละกลมุ ผลดั กันออกมานาํ เสนอ ๑) แควน้ หรภิ ญุ ชยั (พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๓ - ๑๙) ขอ มูลทหี่ นาช้นั จนครบทกุ กลุม ขมอีศงูนแยค์กวลน้ านงปี้ อรยาู่ทกี่เฏมใือนงตหา� นริภานุญจชาัยมหเทรวือ1วี ลง�าศพห์ ูนรอื ตเรา� ื่อนงารนาว 2. ใหน กั เรียนแตล ะกลุม ตง้ั คําถามเก่ยี วกบั แควน เมืองหรภิ ญุ ชัย แควน้ หรภิ ญุ ชยั มคี วามเจริญ หรืออาณาจกั รทกี่ ลุม ของตนนําเสนอ แลว ถาม ในด้านพระพุทธศาสนา ใช้ภาษามอญโบราณ เพ่อื นตา งกลุม เชน ในศิลาจารึก โบราณสถานที่ส�าคัญ เช่น • ถา ตอ งการศกึ ษาขอ มูลเก่ยี วกบั แควน พระธาตหุ ริภญุ ชัย ในจงั หวดั ล�าพนู หริภญุ ชัย ควรศึกษาจากหลักฐานใด (แนวตอบ ตาํ นานจามเทววี งศ พระธาตุ พระธาตุหรภิ ญุ ชยั จังหวดั ลา� พูน หรภิ ุญชัย) • ถาตองการศกึ ษาขอมลู เกย่ี วกบั แควน ล�าพนู (พทุ ธศตวรรษท่ ี ๑๑-๑๙) โบราณในภาคเหนอื ควรเลือกศึกษา นครราชสมี า แควน ใด ลพบรุ ี ปราสาทหนิ พมิ าย (ตอบ แควน หรภิ ุญชยั แควนโยนก) จังหวัดนครราชสมี า • บนั ทกึ ของจนี เปน หลกั ฐานทแ่ี สดงถงึ นครปฐม เปน็ หลกั ฐานของอาณาจักรขอม แควน ใด (ตอบ แควน ทวารวด)ี (พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๒-๑๙) • จากหลักฐานท่พี บ ทําใหท ราบวา แควน ทวารวดีไดรับอทิ ธิพลจาก พระปรางคส์ ามยอด ศาสนาใดมากทีส่ ดุ จงั หวัดลพบรุ ี (ตอบ พระพทุ ธศาสนา) เป็นหลกั ฐานของอาณาจักรละโว้ • พระปรางคส ามยอดไดรบั อิทธพิ ลจาก ศาสนาใด (ตอบ ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู) นครศรีธรรมราช (พุทธศตวรรษท ี่ ๑๑-๑๖) พระปฐมเจดยี ์ จงั หวดั นครปฐม เปน็ หลกั ฐานของอาณาจกั รทวารวดี ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ถานักเรียนตอ งการศึกษาโบราณสถานที่สาํ คญั ของภาคตางๆ 1 จามเทวี หรือพระนางจามเทวี ทรงเปน ธดิ าของกษตั ริยกรงุ ละโว อยางรวดเรว็ ควรศกึ ษาจากแหลงใด และพระนางทรงเปนกษัตริยพ ระองคแรกของราชวงศจ ามเทวที ี่ปกครอง เมืองหรภิ ุญชัยหรอื ลาํ พูน 1. หนังสือ 2. สถานท่ีจริง มุม IT 3. สอบถามผอู ื่น 4. อินเทอรเนต็ ครสู บื คน ขอมูลเกี่ยวกบั ประวตั ิพระนางจามเทวี ไดจ าก วิเคราะหค าํ ตอบ ควรศึกษาจากอินเทอรเ นต็ เพราะอนิ เทอรเ น็ตมขี อมูล www.rd.go.th/lamphun/55.0.html/ ตา งๆ มากมายใหศกึ ษาคนควา แตเ ราควรเลือกเช่อื ถือขอ มูลจากเวบ็ ไซต ทเ่ี ชือ่ ถือได เชน ขอมูลจากเว็บไซตข องหนว ยงานราชการ เปนตน ดงั นน้ั ขอ 4. เปนคาํ ตอบท่ถี ูกตอง คูม ือครู 43

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain 1. ครนู ําแผนท่ปี ระเทศไทยมาใหนกั เรยี นดู ๒) แคว้นโยนก ตามตา� นานบอกวา่ ผ้กู อ่ ตง้ั แคว้นโยนกได้ แลว ใหน กั เรียนออกมาช้ตี าํ แหนง ทพ่ี บ อพยพมาจากภาคใตข้ องจนี มาสรา้ งเมอื งเงนิ ยาง หรอื เมอื งเงนิ ยาง หลักฐานแสดงแควนหรืออาณาจักรโบราณ เชียงแสน ในดินแดนไทย เมอื งหลวงมาทในเี่ มสมอื งยั เพชญยี งารมางัยราดยงั ม(โีพบ.รศา.ณ๑ส๘ถ๐า๔นท-เ่ี ม๑อื ๘ง๕เว๔ยี )งกไมุดกย้ าา้ มย1 เปน็ หลกั ฐาน ตอ่ มาพญามงั ราย 2. ใหน กั เรียนเรยี งลําดบั การต้งั แควนใน โปรดฯ ใหส้ รา้ งเมอื งเชยี งใหมเ่ ปน็ ดินแดนไทยตามขอมลู ในหนงั สอื เรียน เเมมออืื งงเหชลยี วงงใแหทม2นเ่ ปเมน็ อื่ศนู พย.ศก์ .ล๑าง๘ข๓อ๙ง โดยเขยี นแสดงเปน เสนเวลา อาณาจักรล้านนา แต่ในบางช่วง อยู่ภายใต้อ�านาจของพม่า และ 3. ใหนกั เรยี นรวมกันสรปุ วา ในดนิ แดนไทย บางช่วงอยู่ภายใต้อ�านาจของ มีแควน และอาณาจกั รโบราณตัง้ ถิ่นฐาน กรงุ ศรีอยธุ ยา ซ่ึงสมยั ธนบุรแี ละ กระจายอยทู ่วั ดนิ แดนไทย รตั นโกสนิ ทร์ ลา้ นนาอย่ใู ตอ้ า� นาจ ของไทย ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ 4. ใหน กั เรียนรว มกันอภิปรายวา ปจ จัยใดท่ีทําให ล้านนาจึงได้ถูกรวมเข้ามาเป็น มีการตัง้ แควน หรอื อาณาจกั รโบราณกระจาย ส่วนหน่งึ ของราชอาณาจักรไทย อยทู ั่วดนิ แดนไทย กิจกรรมพฒั นาการเรียนร้ทู ่ี ๑ ▲ เจดียเ์ หลี่ยม (กคู่ า� ) ทเ่ี วียงกมุ กาม จังหวัดเชยี งใหม่ (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมข้นึ อยูก บั ดุลยพนิ ิจของครูผูสอน) สบื คน้ ภาพทแ่ี สดงหลกั ฐานพฒั นาการของแควน้ ในภาคเหนอื มาตดิ ลงในสมดุ พร้อมทง้ั อธบิ ายว่าเปน็ ภาพอะไร และเก่ียวข้องกบั แคว้นใด 44 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรยี นคิดวา เพราะอะไรในบรเิ วณผนื แผน ดนิ ไทยจงึ มกี ารตง้ั 1 เวยี งกมุ กาม ตามตํานานกลาวไวว า พญามังรายเปนผสู รางเมอื งนี้ แควน โบราณกระจายอยทู ่วั ไป เวยี งกมุ กามต้งั อยทู างทิศตะวันตกเฉียงใตของเชียงใหม ซง่ึ ในปจ จุบนั แนวตอบ เพราะผนื แผน ดนิ ไทยในทกุ ๆ ภมู ภิ าคมคี วามอุดมสมบรู ณ อยูในอาํ เภอสารภี จงั หวดั เชียงใหม ของทรพั ยากรธรรมชาติ และความเหมาะสมดา นภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ 2 เชยี งใหม มชี ่อื เตม็ วา นพบุรศี รนี ครพงิ คเชียงใหม ทงั้ น้คี ําวา “นพบุร”ี จงึ เหมาะในการตัง้ ถ่นิ ฐานอยขู องคนในอดตี และพฒั นาเปนแควน โบราณ บางทา นตคี วามวานา จะหมายถงึ เมืองท่ี 9 โดยกลา ววา ในอาณาจกั รลา นนา กระจายอยทู ่ัวทุกภมู ิภาคของดินแดนไทย สมยั อดตี จะประกอบดว ย หัวเมืองสําคญั 9 เมือง ไดแก 1. หิรัญนคร (เชียงแสน) 2. เชยี งราย 3. ฝาง 4. เชียงดาว 5. หรภิ ญุ ชัย 6. เชียงชื่น 7. พรา ว 8. ลําปาง 9. เชยี งใหม 44 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ ภาคกลาง 1. ใหน ักเรียนรว มกนั อภปิ รายวา การศึกษา ๑) แคว้นทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๖) เป็น เกยี่ วกบั การต้งั แควน หรอื อาณาจกั รตางๆ ชุมชนท่ีไดพ้ ฒั นาข้ึนเป็นแคว้นแรกๆ ในดินแดนไทย บนั ทกึ ของจีน ในดินแดนไทยมีความสาํ คัญอยา งไร กลา่ วถงึ ชอื่ แควน้ นวี้ ่า โถโลโปตี สันนษิ ฐานว่าศูนยก์ ลางของแควน้ แลวสรุปผล ทวารวดอี ยบู่ รเิ วณลมุ่ แมน่ า�้ เจา้ พระยาตอนลา่ งไดแ้ ก่ เมอื งนครชยั ศรี (หรือเมืองนครปฐมโบราณ) และพบร่องรอยเมืองโบราณกระจาย 2. ใหนักเรยี นใชค วามรทู เ่ี รียนมา ตอบคําถาม ในแบบฝก กจิ กรรมท่ี 1 ขอ 2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 จากน้ันครสู มุ เรียก นักเรยี นเฉลยคาํ ตอบ อยู่ท่ัวไปในภาคกลาง เช่น เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองอู่ทอง ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ประวัติศาสตร ป.4 แบบฝกกิจกรรมที่ 1 จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ เมืองละโว้ เรือ่ ง พฒั นาการของแคว้นตางๆ จังหวัดลพบุรี เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเมืองพระรถ ๒ ใชค วามรทู ่ีเรียนมา ตอบคาํ ถาม ๑) แควน หรภิ ญุ ชยั มศี นู ยก ลางอยทู ี่ใด จงั หวัดชลบุรีในภาคเหนอื เช่น เมืองหริภญุ ชยั จังหวัดล�าพนู ใน เมอื งหรภิ ญุ ชยั หรือลําพูน………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒) แควนหรภิ ญุ ชัยมคี วามเจรญิ ในดา นใด ดา นพระพุทธศาสนา………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เมืองฟาแดดสงยาง ๓) พญามงั รายมบี ทบาทสําคัญอยา งไรตอ แควนโยนก …เป……น …ก…ษ……ตั …ร…ยิ …ท …ปี่ …ก……ค…ร…อ…ง…แ…ค…ว…น……โย…น……ก…พ…ร……ะอ…ง…ค……ห …น…งึ่………ซ…ง่ึ …พ…ร…ะ…อ…ง…ค…ไ… ด…ท… …ร…ง…ย…า …ย…เม…อื……ง…ห…ล…ว…ง.. จังหวัดกาฬสินธุ์ ในภาคใต้ เช่น เมืองโบราณยะรัง …จ…า…ก…เม…อ…ื …ง…เง…นิ …ย…า…ง…ม…า…อ…ย…ทู…เ่ี…ม…อื …ง…เช…ย…ี ง…ร……าย……แ…ล…ะ…ต…อ…ม…า…ไ…ด…ย …า …ย…เม……อื …ง…ห…ล…ว…ง…ม…า…อ…ย…ทู …เี่ ม……อื …ง…เช…ยี …ง…ใ…ห…ม.. ๔) ในภาคกลางเปน ท่ตี ั้งของแควน ไทยแควน ใดบาง แควนทวารวดี และแควน ละโว……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. จังหวัดปัตตานี โบราณสถานส่วนใหญ่สร้างข้ึน ๕) แควนทวารวดีเร่มิ เส่อื มอํานาจลงเม่อื ใด …อ…า…ณ……า…จ……ัก…ร……ข…อ…ม…ข…ย……า…ย…อ……ํา…น…า…จ……ม…า…ย…ัง……ภ…า…ค……ต…ะ…ว…ัน……อ…อ……ก…เ…ฉ……ีย…ง…เ…ห…น……ือ…ข……อ…ง…ไ…ท……ย.. ในพระพุทธศาสนา ทวารวดีเร่ิมเสื่อมอ�านาจลง เรือ่ ยมาจนถงึ บริเวณลมุ แมน ้ําเจาพระยา…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖) แควน ละโวม ศี นู ยก ลางอยทู ี่ใด เฉฉบลบั ย เม่ืออาณาจักรเขมรขยาย เมืองละโวหรอื ลพบรุ ี………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๗) แควน ละโวไดร บั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมภายนอกอะไรบาง รับพระพุทธศาสนาจากทวารวดี รบั ศาสนาพราหมณ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. อ�านาจมายังบริเวณภาค และพระพทุ ธศาสนา นิกายพทุ ธมหายาน จากขอม……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตะวันออกเฉียงเหนือของ ๘) อาณาจักรขอมมอี ิทธิพลตอไทยในดานใดบาง …ก…า…ร……ส…ร……า …ง…ป…ร……า…ง…ค……ห…ร…ือ……ป…ร……า…ส…า…ท……ห…นิ………แ…ล……ะ…ร…ูป……แ…บ…บ……ต…วั……อ…ัก…ษ……ร…ข…อ……ง…ไ…ท……ย…….. ๙) แควน ตามพรลงิ คม คี วามสําคญั อยางไร …เป……น ……ศ…นู ……ย…ก ……ล…า…ง…ก……า…ร…ต……ดิ …ต……อ …จ…า…ก……ภ…า…ย……น…อ……ก……ค……อื ……อ……นิ …เ…ด……ยี …แ…ล……ะ…ล…งั …ก……า………………… ดินแดนไทยเรื่อยลงมา และเปน แหลงเผยแผพระพทุ ธศาสนา…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. จนถึงบริเวณลุ่มแม่น�้า ๑๐) แควน ลังกาสกุ ะมีศูนยกลางอยทู ่ีใด เมืองปตตานี………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เจา้ พระยา ▲ ธรรมจกั รกับกวางหมอบ1 ๒๗ พระปฐมเจดยี ์ พบที่วดั พระปฐมเจดยี  จงั หวดั นครปฐม ตําบลพระปฐมเจดยี  อําเภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม 4๕ บูรณาการเชื่อมสาระ นักเรียนควรรู ครูสามารถบูรณาการเน้ือหาเกยี่ วกบั แควนโบราณในประเทศไทยกับ 1 ธรรมจกั รกับกวางหมอบ เปนศลิ ปะสมัยทวารวดี ซง่ึ ศลิ าสลักรปู วงลอ สาระภูมศิ าสตร โดยใหนกั เรยี นแสดงตําแหนง ทตี่ ั้งของแควน โบราณลงบน ธรรมจักรกับกวางหมอบ มีความหมายถงึ เหตุการณสาํ คญั ในสมยั พทุ ธกาล แผนท่ีประเทศไทย ซึ่งจะชว ยใหน ักเรยี นเหน็ ภาพรวมการกระจายตวั ของ คือ พระพทุ ธเจาแสดงปฐมเทศนาแกปญจวัคคีย ณ ปาอิสปิ ตนมฤคทายวนั แควน โบราณไดเขาใจมากขึ้น เมืองพาราณสี ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เพราะเหตใุ ดจึงสนั นิษฐานวา ศูนยกลางของแควนทวารวดอี ยทู ่ีจังหวดั นครปฐม แนวตอบ เพราะสํารวจพบโบราณวัตถแุ ละโบราณสถาน คอื ธรรมจกั รกับกวางหมอบ พระเจดียซึ่งเปนศลิ ปะสมยั ทวารวดใี นบริเวณ จังหวัดนครปฐม คูม อื ครู 45

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain 1. ใหน กั เรียนหาภาพท่แี สดงหลกั ฐานพัฒนาการ ๒) แควน้ ละโว้ (พุทธศตวรรษที ่ ๑๒ - ๑๘) มศี ูนยก์ ลาง ของแควน ในดินแดนไทยมาติดลงในกระดาษ อยทู่ ีเ่ มืองละโว้ หรอื ลพบรุ ี ละโว้มคี วามอดุ มสมบรู ณแ์ ละสะดวกต่อ จากนั้นเขียนอธบิ ายสนั้ ๆ วาเปน หลักฐาน การเดนิ ทาง เพราะมแี มน่ า�้ ไหลผา่ นหลายสาย เชน่ แมน่ า�้ เจา้ พระยา แสดงการต้ังถ่นิ ฐานและพัฒนาการของ ทแมา� ใ่นห้�าไ้ ปดาร้ บัสักวฒั แนมธ่นรร้�ามลภพาบยุรนี อจกึงมลีกะโาว1รร้ ตบั ิดพตร่อะคพ้าทุ ขธาศยากสับนพาจ่อาคก้าทตว่าางรถว่ินดี แควน ใด แลว ออกมานําเสนอท่ีหนาชน้ั รสบั�าคศัญาสนคาือพรพารหะมปณรา-์งฮคนิ ์สดาูแมลยะอพด2ุทใธนมจหังาหยวาัดนลจพาบกเุรขี มสรร้างโบข้ึนราใณนสสมถยัาทน่ี อาณาจักรเขมรปกครองละโว้ ต่อมาละโว้ได้กลายเป็นส่วนหน่ึงของ 2. ครตู ้งั คาํ ถามวา อาณาจกั รอยุธยา • หลกั ฐานใดที่แสดงวา แควน ทวารวดไี ดรับ อิทธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนา กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรทู้ ่ี ๒ (ตอบ โบราณสถาน เชน พระปฐมเจดีย โบราณวัตถุ เชน ธรรมจกั รกับกวางหมอบ) สบื คน้ ภาพทแ่ี สดงหลกั ฐานพฒั นาการของแควน้ ในภาคกลางมาตดิ • หลักฐานใดทแ่ี สดงวาแควน ในดนิ แดนไทย ลงในสมุด พร้อมทงั้ อธบิ ายว่าเปน็ ภาพอะไร และเกยี่ วขอ้ งกับแคว้นใด ไดร ับอิทธพิ ลจากขอม (แนวตอบ การสรางปราสาทหิน ซ่งึ เปน พระปรางคส์ ามยอด ศาสนสถานตามคติความเช่ือของขอม จงั หวัดลพบรุ ี ซงึ่ มอี ยูหลายที่ เชน ปราสาทหินพมิ าย นครราชสมี า ปราสาทหนิ พนมรงุ บุรีรัมย เปนตน ) • หลักฐานใดที่แสดงวาอาณาจักรตามพรลงิ ค เปน ศูนยก ลางของการตดิ ตอจากภายนอก (แนวตอบ การรับพระพุทธศาสนาและศาสนา พราหมณ-ฮนิ ดู จากอนิ เดียและลงั กา แลว ได เผยแผไปยงั แควน และหัวเมืองตา งๆ ในดนิ แดนไทย) นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดคอื หลักฐานสาํ คญั ของแควน ละโว 1 ละโว สนั นิษฐานวาชาวละโวส ว นใหญน าจะเปน ชาวมอญ เพราะมหี ลักฐานที่ 1. พระปรางคส ามยอด บง บอกถึงความสมั พนั ธใ กลช ิดกบั ทวารวดี รวมท้งั พบภาษามอญบนเสาแปดเหล่ยี ม 2. พระบรมธาตไุ ชยา และบนฐานพระพุทธรูปปางประทานพร นอกจากน้ใี นตํานานบางเรื่องกเ็ รียก 3. พระธาตหุ รภิ ญุ ชยั ชาวละโววา “รามญั ” 4. พระธาตพุ นม 2 พระปรางคส ามยอด เปน ปราสาทศลิ าแลงแบบเขมร เรยี งตอ กัน 3 องค วเิ คราะหคาํ ตอบ พระปรางคส ามยอดเปน หลกั ฐานสําคัญของแควน มีการประดบั ดวยลวดลายปนู ปน อันเปนรปู แบบทางสถาปต ยกรรมที่นิยมมาก ละโว เพราะสรางขึ้นในสมัยทีอ่ าณาจักรเขมรปกครองละโว ดังนั้น ขอ 1. ในศิลปะบายนของกมั พชู า โดยเฉพาะอยา งย่ิงงานสถาปตยกรรมท่ีสรา งข้ึน เปนคาํ ตอบท่ีถกู ตอง ในรชั สมัยของพระเจา ชัยวรมนั ที่ 7 46 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๓ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 1. ใหนกั เรียนรว มกนั สรปุ หลักฐานทีอ่ ธิบาย ๑) อาณาจักรขอมหรอื เขมรโบราณ (พุทธศตวรรษท่ี การตงั้ ถนิ่ ฐานของแควน ตา งๆ ในดินแดนไทย ๑๑ - ๑๙) มีศูนย์กลางอยู่ท่ีบริเวณเมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา 2. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝกกิจกรรมท่ี 2 ปัจจุบัน และได้ขยายอ�านาจบริเวณปากแม่น�้าโขง ภาคตะวันออก จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 เฉียงเหนือ และภาคกลางของไทย อาณาจักรเขมรมีความเจริญ โดยพิจารณาภาพ แลว บอกวาเปนหลักฐาน รพงุ่ รเะรพอื งุทไธดศร้ าบั สวนฒั านนธกิ รารยมมจหากาอยนิานเดยี มเีกชาน่ รสศราา้ สงนเทาพวรรปูา1แหลมะณป-์รฮานิสดาทู แหลนิ ะ ทางประวตั ิศาสตรของแควน ใด ที่ส�าคัญ คือ นครวัด และปราสาทบายน ส่วนในดินแดนไทยมี ศาสนสถานเปน็ ปรางค์ หรอื ปราสาทหนิ ที่ไดร้ บั อทิ ธพิ ลเขมรอยทู่ ว่ั ไป ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ เชน่ ปราสาทหนิ พมิ าย ทนี่ ครราชสมี า ปราสาทหนิ พนมรงุ้ ทบ่ี รุ รี มั ย์ ประวตั ิศาสตร ป.4 แบบฝกกิจกรรมท่ี 2 พระปรางค์สามยอด ท่ีลพบุรี ปราสาทเมืองสิงห์ ที่กาญจนบุรี เรือ่ ง หลักฐานแคว้นโบราณ นอกจากนีภ้ าษาเขมรมีอทิ ธิพลต่อรูปแบบตวั อักษรของไทยด้วย แบบฝกกจิ กรรมที่ ๒ หลกั ฐานแควน โบราณ กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรทู้ ี่ ๓ (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขนึ้ อยกู ับดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) คาํ ชี้แจง : การศกึ ษาหลกั ฐานของแควน โบราณสมยั ประวตั ศิ าสตรในดนิ แดน สบื คน้ ภาพทแี่ สดงหลกั ฐานพฒั นาการของอาณาจกั รขอมหรอื เขมร ไทย เปน ส่ิงยืนยนั วาดินแดนไทยมีความเจรญิ มายาวนาน โบราณมาตดิ ลงในสมุด พรอ้ มท้ังอธบิ ายว่า เป็นภาพอะไร พจิ ารณาภาพ แลว บอกวา ภาพนเี้ ปน หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรข องแควน ใด ๑) แควนโยนก ๒) แควน ทวารวดีเฉฉบลับย โบราณสถานเวยี งกมุ กาม จงั หวดั เชยี งใหม ………………………………………………………………………………… พระปฐมเจดยี  จงั หวดั นครปฐม ………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………. ปราสาทหินพนมรุ้ง จงั หวัดบุรรี มั ย์ พระปรางคส ามยอด จงั หวดั ลพบรุ ี ซากเมอื งโบราณ อาํ เภอยะรงั จงั หวดั ปต ตานี ๓) แควนละโว………………………………………………………………………………… ๔) แควนลังกาสุกะ /………………………………………………………………………………… แควนทวารวดี…………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………. ๒๘ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู เพราะเหตใุ ดบรเิ วณภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย 1 เทวรปู คือ รปู ของเทวดาหรอื เทพเจา ทน่ี บั ถือ อาจเปนเทพเจาตา งๆ จงึ มีปราสาทหนิ ปรากฏอยมู ากมาย ในสมยั กรกี โรมนั หรือเทพเจา ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชน พระอิศวร แนวตอบ เพราะบรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทยใน พระนารายณ เปน ตน อดตี เคยเปนสวนหนง่ึ ของอาณาจักรขอม จงึ ทาํ ใหไดร บั อทิ ธิพลมาจาก อาณาจกั รขอม ดงั นนั้ จงึ มกี ารสรา งปราสาทตา งๆ ขนึ้ มากมายตามความเชอ่ื บูรณาการอาเซียน ของศาสนาพราหมณ- ฮินดู และพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ครนู ําภาพปราสาทหนิ ทมี่ ีในประเทศไทยและประเทศเพอื่ นบานของไทย เชน กัมพชู า ลาว เปนตน มาใหนักเรยี นดู แลวอธิบายประวตั ิความเปนมาและ ความสาํ คัญเพื่อใหน ักเรียนเห็นคุณคาของโบราณสถานเหลานี้ หรอื ถาเปน ไปได ครูพานักเรยี นไปทศั นศกึ ษาปราสาทหินในทอ งถ่ินหรือในจังหวดั ใกลเคียง แลวให นักเรียนบอกความรสู ึกทม่ี ตี อโบราณสถานเหลา นี้ คมู อื ครู 47

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ใหนักเรียนวาดภาพแผนทีป่ ระเทศไทย ๑.๔ ภาคใต้ แลวระบุทตี่ ัง้ ของแควน ตางๆ ในดนิ แดนไทย ๑) แควน้ ตามพรลงิ ค์ ตามรายชื่อทป่ี รากฏในหนังสอื จากน้นั (พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๑๙) มีศนู ยก์ ลางอยู่ที่ ออกมานําเสนอทีห่ นาชั้น จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเมืองนี้จัดเป็น ศูนย์กลางของการติดต่อจากภายนอก คือ 2. ใหน กั เรียนแบง กลมุ โดยใหแตละกลุม คนควา อนิ เดยี และลงั กา การตดิ ตอ่ กบั ตา่ งแดนทา� ให้ ขอ มูลเพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั แควนโบราณในดนิ แดน ไศดา้รสบั นศาานสนกิ าาพยลรงัากหามวณงศ์-1ฮ์ แินลดะู ไแดล้เผะพยแระผพ่ไปทุ ยธงั- ไทยตามท่เี รยี นมา จากนนั้ จัดทาํ เปนรายงาน แลว ออกมานาํ เสนอทีห่ นา ชัน้ 3. ใหน กั เรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 2.3 จากแบบวัดฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 โดยเขยี น อธิบายพฒั นาการโดยสรปุ ของแควน โบราณ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ สโุ ขทยั ลา้ นนา และตามหวั เมอื งอนื่ ๆ ตอ่ มา ประวตั ศิ าสตร ป.4 กิจกรรมรวบยอดท่ี 2.3 แบบประเมินตวั ชีว้ ดั ส 4.2 ป.4/1 พ่อคา้ ชาวมุสลิมนา� ศาสนาอิสลามมาเผยแผ่ ในภาคใตข้ องไทยดว้ ย แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวช้ีวดั ประจําหนว ยที่ ๒ บทที่ ๒ ▲ ประติมากรรมรูปพระวิษณุ พบที่หอพระนารายณ์ จังหวัด กิจกรรมรวบยอดที่ ๒.๓ นครศรีธรรมราช แบบประเมนิ ตัวชี้วัด ส ๔.๒ ป.๔/๑  อธบิ ายการตง้ั หลกั แหลง และพฒั นาการของมนษุ ยย คุ กอ นประวตั ศิ าสตรแ ละยคุ ประวตั ศิ าสตร โดยสังเขป ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๑เล)อื กแอธคบิ วานยพท…ฒั …วน…าา…รก…วา…รด…โ…ดี …ย…ส…ร…ปุ …ข…อ…ง…แ…ค…ว…น……โบ…ร…า…ณ……ส…ม…ยั …ป…ร…ะ…ว…ตั …ศิ …า…ส…ต…ร…ใ …น…ด…นิ …แ…ด…น……ไ(ท…ต…ย…วัม…อา…พย…อ…า เ…ขง…า ค…ใ…จาํ …ต……อบ) พระบรมธาตุ อยูในชวงพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๖……………………………………………………………………………………………………………….. วัดมหาธาตวุ รมหาวิหาร มศี ูนยก ลางอยูท ่ี บรเิ วณลุมแมน้าํ เจา พระยาตอนลาง…………………………………………………………………………………………………………………………………….. จังหวัดนครศรธี รรมราช เฉฉบลบั ย มพี ัฒนาการ ดังนี้ …เป……น …ช…ม…ุ …ช…น…ท……ไ่ี …ด…พ ……ฒั …น……า…ข…น้ึ ……เป……น …แ…ค……ว…น …แ…ร……ก…ๆ……ใ…น……ด…นิ ……แ…ด…น……ไ…ท…ย… …พ…บ……ร…อ……ง…ร…อ……ย…เ…ม…ือ…ง……โ…บ…ร……า…ณ………เ…ช…น…………เม……ือ…ง…ค……ูบ……ัว……จ……ัง…ห……ว…ัด…ร……า…ช…บ…ุร……ี ………เ…ม…ือ……ง…อ…ูท……อ…ง… …จ…งั …ห……ว…ดั …ส……พุ …ร……ร…ณ……บ……รุ …ี ………เ…ม…อื …ง……ห…ร……ภิ …ญุ ……ช…ยั ………จ…งั…ห……ว…ดั …ล……าํ …พ……นู ……………เม…อื……ง…ฟ…า…แ…ด……ด…ส……ง…ย…า…ง… จงั หวดั กาฬสนิ ธุ เปน ตน…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………โ…บ…ร……า…ณ……ส…ถ……า…น…ส……ว …น……ใ…ห…ญ……ท …ส…ี่ …ร…า…ง……ข…นึ้ …ม……กั …จ…ะ…เ…ก……ย่ี …ว…ข…อ …ง……ก…บั ……พ…ร…ะ…พ……ทุ …ธ……ศ…า…ส……น…า… …แ…ค……ว…น……ท…ว…า……ร…ว…ด……ีเร……่ิม…เ…ส……่ือ…ม……อ…ํา…น……า…จ…ล……ง…เ…ม…ื่…อ…อ…า…ณ………า…จ…ัก……ร…ข…อ……ม…ข…ย……า…ย…อ……ํา…น……า…จ…ม……า…ย…ัง… ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของไทย…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓๐ นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดไมใ ชหลักฐานทไ่ี ดร บั อทิ ธพิ ลมาจากอาณาจักรขอม 1 พระพทุ ธศาสนา นกิ ายลังกาวงศ เกดิ ขึน้ เมื่อคร้งั พระเจาปรกั กมพาห-ุ 1. พระปรางคสามยอด มหาราช ฟนฟูพระพทุ ธศาสนาในลงั กาทวปี ทาํ ใหน กิ ายลงั กาวงศเ จรญิ รงุ เรอื ง 2. ปราสาทหินพนมรุง และเลือ่ งลอื เกยี รติคุณมายงั ประเทศตา งๆ และในเวลาตอมาไดม กี ลมุ พระสงฆ 3. ปราสาทหนิ พิมาย นาํ โดยพระราหลุ เถระเขา มาเผยแผศาสนาในนครศรธี รรมราช แลวกษตั ริยเ มือง 4. พระปฐมเจดีย นครศรธี รรมราชทรงเลอื่ มใสมาก และตอ มาชาวเมืองไดพากนั ไปบวชเรยี น วเิ คราะหค ําตอบ พระปรางคส ามยอด ปราสาทหินพนมรงุ และปราสาท ทเ่ี มอื งลังกามากขึ้น ทําใหความนยิ มนับถือในพระพทุ ธศาสนา นกิ ายลงั กาวงศ หินพิมาย ลว นเปนศลิ ปะทไี่ ดร ับอิทธิพลมาจากอาณาจกั รขอมเกยี่ วกับ จงึ แพรห ลายและตงั้ มั่นในดนิ แดนประเทศไทยสบื มา ความเชอ่ื ทางศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ทัง้ สน้ิ สวนพระปฐมเจดยี ร บั อทิ ธพิ ล มาจากอนิ เดยี ดงั นน้ั ขอ 4. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง 48 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ๒) แควน้ ลงั กาสกุ ะ1 (พทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๐ - ๑๘) สนั นษิ ฐาน 1. ใหนกั เรียนแบงกลุม ใหแตละกลมุ สืบคน ขอมูล ว่ามีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองปัตตานี ดังปรากฏซากเมืองโบราณ เก่ียวกบั จงั หวัดของตนวา มแี หลง การเรียนรู ท่อี า� เภอยะรัง อาณาจักรนีเ้ คยส่งทตู ไปจีนเมือ่ พ.ศ. ๑๐๕๒ บนั ทึก ใดบา งทีเ่ ก่ียวกับการต้งั ถน่ิ ฐานในดนิ แดนไทย ของจีนระบวุ ่า อาณาจกั รนีม้ ีกษตั ริย์ปกครอง ในสมัยประวัติศาสตร จากนนั้ ออกมารายงาน หนา ชนั้ 2. ครพู านกั เรียนไปทัศนศึกษาสถานทีท่ ี่เกย่ี วของ กบั การตงั้ แควนในสมัยประวตั ศิ าสตร แลวให นักเรยี นบันทกึ ความรูท่ีไดรับ จากนั้นออกมา รายงานที่หนาช้นั 3. ใหนกั เรียนทาํ กจิ กรรมรวบยอดที่ 2.4 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.4 โดยโยงเสนจับคหู ลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร กับแควนตา งๆ ใหถูกตอ ง ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝกฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.4 แบบประเมนิ ตัวชีว้ ดั ส 4.2 ป.4/2 ▲ ซากเมอื งโบราณ อา� เภอยะรงั จงั หวดั ปตั ตานี กิจกรรมรวบยอดท่ี ๒.๔ อิทธิพลของแคว้นโบราณท่ีมีต่อพัฒนาการของไทย แบบประเมินตวั ชวี้ ัด ส ๔.๒ ป.๔/๒ เช่น รับการนับถือศาสนาทั้งพระพุทธศาสนาและศาสนาอิสลาม  ยกตวั อยางหลักฐานทางประวัติศาสตรท ่พี บในทองถิน� ทแ่ี สดงพัฒนาการของมนุษยชาติ ที่สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ศาสนามีผลต่อการสร้างสรรค์งานศิลป- วัฒนธรรมและวถิ ีชวี ติ ของผคู้ นบนผนื แผน่ ดินไทย เชน่ ประเพณีที่ ในดินแดนไทย เกย่ี วกบั ศาสนา การสรา้ งพระพทุ ธรปู และเจดยี แ์ บบตา่ งๆ ทม่ี รี ปู แบบ เฉพาะของแตล่ ะสมยั เชน่ เจดยี ท์ รงกลมท่ีไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากลงั กา ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน และนครศรีธรรมราช เจดีย์ทรงปรางค์ท่ีได้รับอิทธิพลมาจากเขมร โยงเสนจับคหู ลักฐานทางประวตั ิศาสตรก บั แควน ใหถ กู ตอง การสรา้ งมสั ยดิ ในศาสนาอสิ ลาม นอกจากนผ้ี คู้ นบนแผน่ ดนิ ไทยไดร้ บั ภาษาจากวฒั นธรรมภายนอก เชน่ ภาษาบาลี ภาษามอญ ภาษาเขมร ๑) แควน ละโว ● ● โบราณสถานทเี่ มอื งเวยี งกมุ กาม มาใช้ดว้ ย ● พระปฐมเจดยี  4๙ ๒) แควน หรภิ ญุ ชยั ● ● พระปรางคส ามยอด ๓) แควน ตามพรลงิ ค ● ● ซากเมอื งโบราณ ทอี่ าํ เภอยะรงั เฉฉบลับย ๔) แควน ทวารวดี ● ● ประตมิ ากรรมรปู พระวษิ ณุ ทหี่ อพระนารายณ ● ตาํ นานจามเทววี งศ ๕) แควน ลงั กาสกุ ะ ● ● ปราสาทหนิ พมิ าย ๖) แควน โยนก ● ปราสาทหนิ พนมรงุ ● ● พระบรมธาตุ วดั มหาธาตวุ รมหาวหิ าร ๗) อาณาจกั รขอม ● ● ธรรมจกั รกบั กวางหมอบ ตวั ช้วี ัด ส ๔.๒ ขอ ๒ ñð ๓๓ไดคะแนน คะแนนเตม็ กจิ กรรมทา ทาย เกร็ดแนะครู ใหนกั เรยี นจดั ปา ยนเิ ทศเกี่ยวกับแควน โบราณหรอื อาณาจักรตา งๆ ครูอาจหาภาพยนตรเร่อื งปนใหญจอมสลดั มาใหนักเรยี นดู เพือ่ กระตุน บนดินแดนไทยท้ังหมด โดยนําเสนอขอ มลู เกย่ี วกบั ประวัตคิ วามเปน มา ความสนใจของนักเรยี นใหอยากศึกษาเรือ่ งราวของแควนลังกาสกุ ะ และอทิ ธิพลทมี่ ตี อ สังคมไทย นักเรียนควรรู 1 แควน ลังกาสุกะ สนั นษิ ฐานวา แควนลงั กาสุกะเสือ่ มอาํ นาจลง ภายหลัง การเกิดขึ้นของอาณาจกั รศรีวชิ ยั ในพทุ ธศตวรรษท่ี 13 ซ่งึ อาณาจักรศรีวิชยั มอี ิทธิพลครอบคลุมตง้ั แตภ าคใตข องไทย คาบสมทุ รมลายูรวมถงึ บนเกาะชวา ของอนิ โดนีเซีย คมู อื ครู 49

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบความถกู ตองและความสวยงาม กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูท้ ี่ ๔ ของภาพวาดแผนทปี่ ระเทศไทยท่รี ะบทุ ีต่ ั้งของ แควน ตา งๆ ในดินแดนไทย ๑. สบื คน้ ภาพทแ่ี สดงหลกั ฐานพฒั นาการของแควน้ ในภาคใตม้ าตดิ ลงในสมุด พรอ้ มท้งั เขยี นอธบิ ายว่าเปน็ ภาพอะไร และเกยี่ วข้อง 2. ครตู รวจสอบความถกู ตองของขอมูลท่ีสบื คน กบั แคว้นใด เกยี่ วกับแควนตางๆ ในดินแดนไทย และ การนาํ เสนอผลงานของนักเรยี น ๒. เรยี งลา� ดบั การตง้ั แคว้นในดินแดนไทยตามขอ้ มลู จากใน หนังสอื เรยี น แล้วเปรยี บเทยี บกบั เพือ่ น 3. ครูตรวจสอบความถูกตอ งของการทํากิจกรรม รวบยอดท่ี 2.3 และ 2.4 จากแบบวดั ฯ ๓. แบ่งกลุ่ม สบื คน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับจงั หวัดของตนวา่ มีแหลง่ ประวตั ศิ าสตร ป.4 การเรียนร้ใู ดบ้างทีเ่ กยี่ วกับการต้ังถ่ินฐานในดนิ แดนไทยในสมัย ประวัติศาสตร์ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๔. รว่ มกันอภิปรายวา่ การศกึ ษาเกีย่ วกบั การตง้ั แคว้นตา่ งๆ ใน 1. แผนที่ประเทศไทย แสดงทต่ี งั้ แควน โบราณ ดินแดนไทยมีความสา� คญั อย่างไร 2. ขอมูลและหลกั ฐานเก่ยี วกบั แควน ตา งๆ ๕. ครูพานกั เรียนไปทศั นศกึ ษาสถานที่ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการตั้งแควน้ ในดนิ แดนไทย ในสมยั ประวัตศิ าสตร์ แล้วจดบนั ทึกข้อมลู จากน้นั ออกมา 3. กจิ กรรมรวบยอดที่ 2.3 และ 2.4 จากแบบวดั ฯ รายงานทีห่ น้าชน้ั ประวตั ศิ าสตร ป.4 (ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมขึ้นอยูกบั ดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน) กิจกรรมรวบยอด ๑. วาดภาพแผนทปี่ ระเทศไทย แลว้ ระบุท่ีตง้ั ของแคว้นต่างๆ ในดนิ แดนไทยมาพอสงั เขป ๒. แบ่งกลมุ่ สบื ค้นข้อมูลเก่ยี วกบั แควน้ ในประเทศไทย จากนน้ั นา� เสนอผลงานหนา้ ชน้ั ๓. เขียนสรุปขอ้ มลู และหลักฐานเกีย่ วกบั แคว้นในประเทศไทย มา ๑ แคว้น และบันทึกลงในสมดุ ๕๐ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอ ใดไมใชหลักฐานทแ่ี สดงวามีแควนโบราณทางภาคเหนอื เคยตงั้ อยใู น เฉลย กิจกรรมพฒั นาการเรียนรูท ี่ 4 ดนิ แดนไทย 1.-3. แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั ดลุ ยพินจิ ของครูผูสอน 1. พระธาตหุ รภิ ญุ ชัย 4. แนวตอบ ทําใหร วู าดนิ แดนไทยเคยเปนที่ต้ังของแควนตางๆ ในอดีต 2. เมอื งเวยี งกมุ กาม 3. เมืองโบราณยะรัง และมีพัฒนาการความเจรญิ รุงเรืองสบื ตอ กันมา 4. ตาํ นานจามเทววี งศ 5. แนวตอบ ขึน้ อยูกับดุลยพินจิ ของครผู สู อน วิเคราะหค าํ ตอบ เมืองโบราณยะรัง จังหวัดปตตานี เปน หลกั ฐานท่ี แสดงวา มแี ควน โบราณตงั้ อยใู นบรเิ วณภาคใต สว นพระธาตหุ รภิ ญุ ชยั เมืองเวยี งกุมกาม และตาํ นานจามเทววี งศ ลวนเปนหลกั ฐานท่ีแสดงวา มีแควนโบราณในภาคเหนือทงั้ ส้นิ ดังนน้ั ขอ 3. เปน คําตอบที่ถูกตอ ง 50 คูมอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Evaluate Engaae Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ óหนว ยการเรยี นรทู ี่ ครูนําภาพอุทยานประวตั ิศาสตรสโุ ขทยั มาให ¤ÇÒÁ໚¹ÁҢͧªÒµÔä·Â นักเรยี นดหู รอื ใหนักเรียนดภู าพจากหนังสอื หนา 51 พรอ มกบั ตงั้ คาํ ถามใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบ • สถานที่ในภาพคือทใี่ ด (ตอบ วดั มหาธาตุ จงั หวดั สโุ ขทยั ) • สถานท่นี ีม้ คี วามสําคัญอยา งไร (แนวตอบ เปนโบราณสถานท่ีบงบอกถงึ ความเจรญิ รุง เรืองของอาณาจักรสุโขทัย และเปนสถานที่ทน่ี าภาคภูมิใจของคนไทย ในปจ จุบัน) • นกั เรียนเคยไปเทีย่ วชมสถานที่น้หี รอื ไม (แนวตอบ ขึน้ อยูกบั คําตอบของนักเรียน แตละคน) ๓เปา หมายการเรียนรปู้ ระจ�าหนว่ ยท ่ี เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยน ้� ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้� ๑. อธบิ ายพัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัยโดยสงั เขป [มฐ. ส ๔.๓ ป.๔/๑] ๒. บอกประวตั ิและผลงานของบคุ คลสา� คญั สมยั สโุ ขทยั [มฐ. ส ๔.๓ ป.๔/๒] ๓. อธิบายภมู ิปัญญาไทยที่สา� คัญสมยั สุโขทยั ท่นี ่าภาคภมู ิใจและควรค่าแก่การอนุรกั ษ์ [มฐ. ส ๔.๓ ป.๔/๓] มุม IT ครหู าภาพหรือขอ มลู เกย่ี วกบั อทุ ยานประวัตศิ าสตรสโุ ขทยั ไดจากเว็บไซต www.fiffiinfi earts.go.th/node/357 หรือครอู าจเปดวีดทิ ศั น อุทยานประวัตศิ าสตร สโุ ขทัยใหนกั เรยี นดูเพ่ือสรางความสนใจ ไดจากเวบ็ ไซต www.fififi finearts.go.th/ knowledge Video ซึง่ เปน เว็บไซตของกรมศลิ ปากร คูม ือครู 51

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Elaborate Evaluate Engaae Expore เปาหมายการเรียนรู อธบิ ายพัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัย ñบทท่ี โดยสังเขปได (ส 4.3 ป.4/1) พฒั นาการของสมยั สโุ ขทยั สมรรถนะของผเู รียน กจิ กรรมนาํ สูการเรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด ¨Ò¡ÀÒ¾ 3. ความสามารถในการแกป ญหา ¤Í× Ê¶Ò¹·ãèÕ ´ 4. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ µé§Ñ Í·‹Ù Õ¨è ѧËÇ´Ñ ã´ 5. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค 1. รกั ชาติ ศาสน กษัตริย 2. ใฝเรียนรู 3. รกั ความเปนไทย 4. มจี ติ สาธารณะ กระตนุ้ ความสนใจ Engage ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 52 แลว ชว ยกนั บอกวา á¹Ç¤Ô´ÊÒí ¤ÑÞ • จากภาพ เปนภาพอะไรบา ง ¡ÒÃàÃÕ Â¹ÃÙŒáÅÐࢌÒ㨾Ѳ¹Ò¡ÒâͧÊÁÑÂÊØâ¢·Ñ (ตอบ โบราณสถาน จงั หวัดสโุ ขทัย ซึ่งมี ·íÒãËŒàÃÒà¡Ô´¤ÇÒÁÀÒ¤ÀÙÁÔ ã¨ã¹ºÃþºØÃÉØ ¢Í§àÃÒ รปู ปน พระพุทธรูป เจดยี  เปน ตน ) ·Õè ä´Œµ‹ÍÊÙŒà¾è×Í»¡¤Ãͧµ¹àͧ áÅÐä´ŒÊÌҧÊÃä • สถานทีใ่ นภาพมปี ระโยชนอ ยา งไร ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞã¹ËÅÒ´ŒÒ¹ ઋ¹ á¹Ç¤Ô´¡Òû¡¤Ãͧ (แนวตอบ ใชศ ึกษาเร่อื งราวและวิถีชีวิต Ẻ¾Í‹ »¡¤Ãͧš٠áÅиÃÃÁÃÒªÒ ÃÇÁ·§Ñé ·Òí ãË·Œ ÃÒº ของผคู นในอดตี ) NjҡÒäŒÒ¢ÒÂã¹ÊÁÑÂÊØâ¢·Ñ´íÒà¹¹Ô ä»Í‹ҧ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ ·§Ñé ÀÒÂã¹áÅÐÀÒ¹͡ÍҳҨѡà ๕๒ เกรด็ แนะครู ครจู ัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหน กั เรียนปฏิบตั ิ ดังน้ี • อภปิ รายเกีย่ วกับพัฒนาการของสมยั สโุ ขทยั • สืบคน ขอมลู เก่ยี วกับพฒั นาการของสมยั สุโขทยั • วเิ คราะหภาพและคําถามเกย่ี วกับพฒั นาการของสมยั สุโขทัย จนเกดิ เปนความรคู วามเขาใจวา สุโขทัยเปน อาณาจักรไทยท่ีมพี ฒั นาการ ความเจรญิ ในดานตางๆ มาอยา งตอเนื่อง คนไทยจงึ ควรภาคภูมใิ จทบี่ รรพบุรุษ ของเราไดป กครองตนเองและสรางความเจริญในดา นตางๆ 52 คมู ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Explain Expand Evaluate Explore Explore สา� รวจคน้ หา สมัยสุโขทัยเป็นสมัยท่ีอาณาจักรไทยมีพัฒนาการความเจริญ 1. ใหนกั เรยี นคาดเดาวา เพราะเหตใุ ดสโุ ขทยั ในด้านต่างๆ หลายด้าน การเรียนรู้และเข้าใจพัฒนาการของสมัย จงึ ไดพฒั นามาเปนอาณาจักรทมี่ ีความเจริญ สโุ ขทยั ทา� ใหม้ คี วามภาคภมู ิใจในบรรพบรุ ษุ ของเรา และเกดิ ความรกั รุงเรือง ความหวงแหนวฒั นธรรมภมู ิปัญญาทเี่ ปน็ มรดกของชาติ 2. ใหน กั เรยี นอา นขอ มลู การตง้ั อาณาจกั รสุโขทยั ๑. การตัง้ อาณาจักรสุโขทยั และพัฒนาการดานการเมอื งการปกครอง ก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยข้ึนเมื่อราว พ.ศ. ๑๗๙๒ เศรษฐกจิ สมยั สโุ ขทยั จากหนงั สอื หนา 53-63 ในพน้ื ทบ่ี รเิ วณลมุ่ นา�้ ตา่ งๆ เชน่ ลมุ่ นา้� เจา้ พระยา ลมุ่ นา้� ยม ลมุ่ นา�้ ปง มชี มุ ชนโบราณหลายแหง่ ตง้ั ถน่ิ ฐานมาตง้ั แตส่ มยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ 3. ครตู ั้งประเดน็ คาํ ถาม เพอ่ื ใหน ักเรยี นไปสบื คน และอาศัยอยู่เรื่อยมาจนเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ ดินแดนในแถบน้ี วา เคยถูกอาณาจักรเขมรโบราณซึ่งมีความยิ่งใหญ่ ได้ขยายอิทธิพล • หลักฐานทีแ่ สดงวาดินแดนท่เี ปนทตี่ ัง้ ของ เข้ามาปกครองชุมชนหลายแห่งในบริเวณน้ี เช่น ชุมชนชาวสยาม อาณาจักรสโุ ขทยั เคยไดร บั อิทธพิ ลจากขอม ชุมชนชาวมอญ ชุมชนชาวลาว มีอะไรบา ง ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลเขมร ดังมี (แนวตอบ เชน ตํานานเรื่องพระรว ง ต�านานเร่ืองพระร่วงส่งส่วยน�้าให้ ศาลตาผาแดง พระปรางคทวี่ ัดศรสี วาย เขมร และมีโบราณสถานศิลปะ วัดพระศรรี ตั นมหาธาตเุ ชลียง) เขมรซึ่งสร้างก่อนสมัยสุโขทัย • พฒั นาการดา นการเมอื งการปกครองและ เตปาผ็นาหแลดักง1ฐพารนะยปืนรายงันคท์ ว่ีเชดั ่ศนรสี ศวาาลย เศรษฐกจิ ของอาณาจักรสุโขทยั มีลักษณะ ท่ีสุโขทัย พระปรางค์วัดพระศรี- อยา งไร รัตนมหาธาตุเชลียง ที่อ�าเภอ (แนวตอบ อาณาจักรสุโขทยั ในชว งตนมี ลกั ษณะการปกครองแบบพอ ปกครองลกู ตอมาไดมกี ารนาํ หลกั ธรรมมาประยกุ ตใ ช ในการปกครอง ทาํ ใหราษฎรอยูกันอยาง มีความสขุ สวนลักษณะเศรษฐกิจที่สําคญั ของ สุโขทยั คือ การเกษตรและการคา ขาย มีการยกเวนการเกบ็ ภาษีผา นดา นทาํ ให พอคา ตางถนิ่ มาตดิ ตอคา ขายกับสโุ ขทยั เปน จํานวนมาก สงผลใหเศรษฐกจิ ของสโุ ขทัย มีความเจรญิ รงุ เรืองเปน อยางมาก) ศรีสัชนาลัย ▲ วัดพระศรรี ัตนมหาธาตุเชลียง ทอ่ี �าเภอศรีสชั นาลยั จังหวดั สุโขทยั ๕๓ บรู ณาการเช่อื มสาระ นักเรยี นควรรู ครสู ามารถบูรณาการเนือ้ หาเก่ียวกับพระรว งซึ่งเปนปฐมวงศของ อาณาจกั รสุโขทัยกบั กลุมสาระภาษาไทย โดยใหน กั เรียนสบื คน นทิ าน 1 ศาลตาผาแดง ต้ังอยูภายในอุทยานประวัติศาสตรส โุ ขทัย ตาํ บลเมืองเกา ตาํ นานเก่ียวกับพระรวง ขอมดาํ ดิน จากแหลงเรียนรูต างๆ แลวนําขอมูล อําเภอเมืองสโุ ขทยั จังหวัดสุโขทยั เปนโบราณสถานตามแบบศลิ ปะขอม กอ ดว ย มาเลาสกู นั ฟงในชั้นเรยี น ศลิ าแลง สมยั นครวดั ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT โบราณสถานแหง น้ีเปน หลักฐานยนื ยนั ถงึ การมชี มุ ชนทไ่ี ดร บั วฒั นธรรมเขมร ขอ ใดไมใ ชปจจัยในการกอ ตั้งอาณาจักรสโุ ขทัย และผคู นท่ีนับถือศาสนาพราหมณ- ฮินดู เขา มาอยอู าศัยในบรเิ วณน้ี 1. มีผูนาํ เขม แข็ง 2. ขอมเส่อื มอาํ นาจลง 3. มีประชากรจาํ นวนมาก 4. บานเมืองมีความอดุ มสมบรู ณ คูมือครู 53 วิเคราะหคําตอบ การกอ ตัง้ อาณาจักรสุโขทยั เกิดขน้ึ ไดก เ็ พราะปจจัย หลายประการ เชน สุโขทยั แมม ีประชากรไมม ากนัก แตก ม็ ีผนู ําทเ่ี ขม แข็ง บา นเมืองมคี วามอุดมสมบรู ณ ในขณะเดยี วกันขอมกเ็ ส่ือมอํานาจลง ดงั นนั้ ขอ 3. เปน คําตอบทถี่ ูกตอ ง

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain ใหนกั เรียนชว ยกนั ตอบคาํ ถามจาก ในพทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ ผนู้ �าคนไทยสองท่าน คือ พ่อขุนผาเมอื ง1 การศึกษาเร่อื งการตง้ั อาณาจักรสโุ ขทยั วา เจา้ เมอื งราดกบั พระสหาย คอื พอ่ ขนุ บางกลางหาว รว่ มมอื กนั ขบั ไล่ อ�านาจของเขมรออกไปได้สา� เร็จ แลว้ พอ่ ขุนผาเมอื งซึง่ มอี าวโุ สกว่า • ผูส ถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั คอื กษตั รยิ  พกรอ่ ุงขสนุ โุ ขบทางยั กเลมาื่องปหี าพว.ไศด.ส้ ๑ถ๗าป๙น๒าพมอ่ ีพขรนุ ะบนาางมกวล่าางพห่อาขวนุเปศน็ รกอี ษินตัทรรยิ าค์ ทริตอยง์2 พระองคใด นบั เป็นกษตั รยิ ์พระองคแ์ รกแหง่ ราชวงศพ์ ระร่วง (ตอบ พอ ขุนศรอี นิ ทราทิตย) วัดมหาธาตุ จงั หวดั สโุ ขทัย • เพราะเหตใุ ดพอ ขนุ ผาเมืองและพอขุนบาง- กลางหาวจึงไดเปนผนู ําในการรว มกันขบั ไล อํานาจของขอมออกไปไดส าํ เรจ็ (แนวตอบ เพราะทัง้ สองพระองคต า งเปน ผนู าํ ทมี่ คี วามกลา หาญและเกง กลา จงึ สามารถ ขบั ไลอ ํานาจขอมออกไปได) • พอขุนรามคําแหงมหาราชเปนพระมหา- กษัตรยิ ลําดบั ท่เี ทา ไรในสมยั สุโขทัย (ตอบ พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราชเปน พระมหากษตั รยิ ลําดบั ท่ี 3 ในสมัยสุโขทยั ) • พระมหาธรรมราชาท่ี 3 มพี ระนามอน่ื อีก หรือไม ถามี พระนามวาอะไร และทรง ปกครองกรงุ สโุ ขทัยในชวงเวลาใด (ตอบ พระมหาธรรมราชาท่ี 3 มีพระนาม อน่ื อกี คอื พระยาไสลือไทยหรือไสลิไทย ทรงปกครองกรุงสโุ ขทยั ในชว ง พ.ศ. 1942 ถงึ พ.ศ. 1962) à¾×Íè ¹æ Ãʌ٠֡Í‹ҧäõ͋ ÀÒ¾¹éÕ áÅÐ㹰ҹР·èàÕ ÃÒ໚¹¤¹ä·Â àÃÒ¤Çû¯ºÔ µÑ ÔÍÂÒ‹ §äà àÁè×ÍÁÕâÍ¡ÒÊä´àŒ ¢ŒÒä»àÂÂÕè ÁªÁʶҹ·¹Õè ¤éÕ ÃѺ ๕4 นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ภผู า 1 พอ ขุนผาเมือง เปนเจา เมืองราด พระองคทรงเปนโอรสของ ลดหรอื เพิม� ขนาดตามเหมาะสม พอขนุ ศรีนาวนําถมุ ซง่ึ เปนผนู ําสโุ ขทัยกอนราชวงศพระรว ง พอขนุ ผาเมอื ง จากการศกึ ษาเรื่องการตงั้ อาณาจกั รสโุ ขทยั ขอใดเปน หลกั ฐาน เปนผูนาํ คนหนง่ึ ท่ีมสี วนสาํ คัญในการขบั ไลขอมสะบาดโขลญลําพงออกจาก ทีแ่ สดงถึงอทิ ธพิ ลของขอมท่นี าเช่อื ถอื มากทส่ี ุด ดินแดนสโุ ขทัยไดสําเรจ็ 1. สรดี ภงส 2 พอขุนศรอี ินทราทิตย มพี ระนามเดมิ วา พอขนุ บางกลางหาว มพี ระนามเต็ม 2. ศาลตาผาแดง วา กํามรเตงอญั ศรอี ินทรบดนิ ทราทติ ย ดาํ รงตาํ แหนงเปน เจา เมอื งยาง มีพระมเหสี 3. เคร่อื งสงั คโลก พระนามวา พระนางเสือง มพี ระโอรส 2 พระองค คือ พอ ขนุ บานเมอื ง 4. ตาํ นานเรอ่ื งพระรวง และพอ ขุนรามคาํ แหง มีพระธิดา 3 พระองค ไมปรากฏพระนาม วเิ คราะหค ําตอบ หลักฐานที่แสดงถงึ อิทธพิ ลของขอมทมี่ ีตอ ดนิ แดนไทย คอื ศาลตาผาแดงและตาํ นานเรอื่ งพระรว ง แตศ าลตาผาแดงเปน หลกั ฐาน ชนั้ ตน มคี วามนา เชอ่ื ถอื มากกวา ตาํ นานเรอื่ งพระรว งทเ่ี ปน หลกั ฐานชน้ั รอง ดงั นัน้ ขอ 2. เปนคาํ ตอบทีถ่ ูกตอ ง 54 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ พระมหากษัตริยส์ มัยสโุ ขทัย 1. ใหนกั เรยี นรวมกันสรุปการกอต้ังอาณาจักร สุโขทยั แลว เขยี นลงในสมดุ ลา� ดับ พระนาม ปค รองราชย์ 2. ใหนักเรยี นเขยี นเสนเวลาแสดงลาํ ดบั ๑ พ่อขนุ ศรอี ินทราทติ ย์ ราว พ.ศ. ๑๗๙๒ ถงึ ปีใดไม่ปรากฏ การปกครองอาณาจกั รของพระมหากษัตรยิ  ในสมัยสุโขทัย แลวออกมานาํ เสนอหนาชนั้ ๒ พอ่ ขุนบานเมอื ง ปีใดไมป่ รากฏ ถงึ พ.ศ. ๑๘๒๒ 3. ครถู ามคาํ ถามวา ๓ พอ่ ขุนรามคา� แหงมหาราช พ.ศ. ๑๘๒๒ ถงึ พ.ศ. ๑๘๔๑ • พระมหากษัตรยิ พระองคใ ดทนี่ กั เรียน ชน่ื ชอบทสี่ ุด เพราะเหตุใด ๔ พระยาเลอไทย พ.ศ. ๑๘๔๑ ถงึ ปีใดไม่ปรากฏ (แนวตอบ คาํ ตอบอาจแตกตา งกนั เชน พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย เพราะพระองค ๕ พระยางัว่ น�าถม ๑ 1 ปีใดไมป่ รากฏ ถงึ พ.ศ. ๑๘๙๐ มคี วามกลา หาญในการรบ) ๖ พระมหาธรรมราชาท่ี พ.ศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๑ (พระยาลิไทย) 4. ใหน กั เรียนทําแบบฝกกจิ กรรม ขอ 1 จากแบบวัดฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 ๗ พระมหาธรรมราชาที่ ๒ พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๑๙๔๒ แลว นาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ ๘ พระมหาธรรมราชาที่ ๓ พ.ศ. ๑๙๔๒ ถึง พ.ศ. ๑๙๖๒ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ (พระยาไสลือไทย หรือไสลไิ ทย) ประวัติศาสตร ป.4 แบบฝกกิจกรรม เร่อื ง สุโขทยั ๙ พระมหาธรรมราชาท่ี ๔(บรมปาล) พ.ศ. ๑๙๖๒ ถึง พ.ศ. ๑๙๘๑ ó˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè ครองเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นเมือง ¤ÇÒÁ໹š ÁҢͧªÒµäÔ ·Â หลวงของอาณาจกั รสโุ ขทยั ขณะนน้ั ๑บทท่ี พัฒนาการของสมัยสโุ ขทยั หลังจาก พ.ศ. ๑๙๘๑ กรุงสุโขทัยอยู่ภายใต้การปกครองของ แบบฝกกจิ กรรม สโุ ขทยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา กรงุ สโุ ขทยั ไมม่ กี ษตั รยิ ป์ กครอง ตอ่ มาสโุ ขทยั ถกู ผนวก เปน็ สว่ นหน่งึ ของอาณาจักรอยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๐๐๖ คาํ ชแี้ จง : การศกึ ษาพฒั นาการของสมยั สโุ ขทยั ทาํ ใหเ รารวู า อาณาจกั รไทย มีความเจริญรุงเรืองมายาวนาน กิจกรรมพัฒนาการเรียนร้ทู ่ี ๑ ๑ เขยี นรายพระนามของพระมหากษตั รยิ ไ ทยทป่ี กครองอาณาจกั รสโุ ขทยั โดยเรยี งลาํ ดบั เขยี นสรปุ การก่อตัง้ อาณาจกั รสุโขทยั ลงในสมุด ตามชว งเวลาทขี่ นึ้ ครองราชย ๕๕ รายพระนามพระมหากษตั รยิ ไ ทย แหง ราชวงศพระรว ง ๑) พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทิตย เฉลย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ฉบับ ๒) พอขุนบานเมือง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓) พอขุนรามคําแหงมหาราช……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔) พระยาเลอไทย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕) พระยาง่วั นาํ ถม……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖) พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไทย)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๗) พระมหาธรรมราชาที่ ๒……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๘) พระมหาธรรมราชาที่ ๓ (พระยาไสลือไทย หรือไสลิไทย)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙) พระมหาธรรมราชาท่ี ๔ (บรมปาล)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓๕ กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู ใหนกั เรียนจัดทาํ เสนเวลา (Time Line) แสดงลําดบั พระมหากษตั รยิ  1 พระมหาธรรมราชาท่ี 1 ในชว งสมัยแรกของอาณาจกั ร ตาํ แหนง ผูนาํ หรือ สมัยสโุ ขทัย พรอมเขียนบันทกึ เหตกุ ารณส ําคญั ในสมยั สโุ ขทยั มาพอเขา ใจ กษตั รยิ  จะเรยี กวา พอขุน และพระยา จนถงึ สมยั พระยาลไิ ทย โดยมชี อ่ื เรยี ก จากนน้ั นําเสนอผลงานหนาช้ัน พระนามอีกอยา งหนึง่ วา “พระมหาธรรมราชา” สะทอนใหเ ห็นถึงการนาํ คตทิ าง พระพทุ ธศาสนามาใชในการปกครอง กลาวคือ ผูนาํ หรือกษัตรยิ จ ะตอ งทรงเปน ธรรมราชาหรือทรงธรรมดว ย มมุ IT ครูสืบคน ขอ มูลเก่ียวกับรายพระนามพระมหากษัตรยิ ไทยสมยั สโุ ขทยั ไดจ ากเว็บไซต www.chaoprayanews.com เพอ่ื เปน ขอ มูลเบ้อื งตน ในการนํามาสนทนาพดู คยุ กับนกั เรียน คมู อื ครู 55

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนกั เรียนรว มกนั บอกวา อาณาจกั รสโุ ขทัย ๒. พฒั นาการด้านการเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ มีความเจริญรงุ เรืองมาประมาณกีป่  (แนวตอบ ประมาณ 200 กวาป) ๒.๑ ด้านการเมอื งการปกครอง ๑) การสร้างความม่นั คงของสุโขทัยในระยะแรก 2. ใหน กั เรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา เพราะเหตุใดอาณาจกั รสุโขทัยจงึ มีความเจริญ กรงุ สโุ ขทยั ยงั มดี นิ แดนไมก่ วา้ งใหญม่ ากนกั และตอ้ ง รงุ เรืองมายาวนาน ท�าสงครามกบั อาณาจกั รใกลเ้ คียงเพือ่ ขยายอา� นาจ เชน่ ขุนสามชน 3. ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามจากขอมลู หนา 56 วา เจา้ เมอื งฉอด ไดย้ กทัพมาตเี มืองตากของสโุ ขทยั • ผูนาํ ในสมยั สโุ ขทัยใชว ิธใี ดในการทําให ในการรบนี้พระโอรสองค์เล็กของพ่อขุน- อาณาจกั รมีความมัน่ คงและกวางขวาง (ตอบ ทาํ สงครามเพอ่ื ขยายอาํ นาจ และใชว ิธี ศรีอินทราทิตย์ชนช้างเอาชนะขุนสามชนได้ ผกู มิตรกับเพื่อนบาน) พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงตั้งช่ือให้ท่านว่า • ความมนั่ คงของสุโขทยั ในระยะแรกมสี าเหตุ “พระรามคาํ แหง” หมายถงึ รามผกู้ ลา้ หาญ มาจากอะไร ในสมัยของพ่อขุนรามค�าแหง สุโขทัย (แนวตอบ การมีผนู าํ ทเ่ี ขมแขง็ และกลาหาญ) มีอ�านาจม่ันคงและขยายดินแดนได้ • การผกู มติ รกับเพ่ือนบา นทาํ ใหเ กดิ ผลดี กวา้ งขวาง โดยพระองค์ใชว้ ธิ ผี กู มติ ร อยา งไร กบั เพอ่ื นบา้ น เชน่ ลา้ นนา พะเยา1 (แนวตอบ ทาํ ใหไ มมีแควนเพ่ือนบานเขา มา นครศรธี รรมราช มอญ เปน็ ตน้ รกุ ราน และเมือ่ เกิดการตอ สกู บั ดินแดนอนื่ การส่งทูตไปจีน และการท�า กม็ แี ควนเพือ่ นบานใหค วามชว ยเหลือ) สงคราม ¡ÒÃÊ‹§·µÙ 仨չ ·íÒãËàŒ ¡´Ô »ÃÐ⪹ µ‹ÍÊØâ¢·ÂÑ ÍÂÒ‹ §ääР▲ พระบรมราชานสุ าวรีย์ พอ่ ขนุ รามค�าแหงมหาราช กษัตริย์ผู้สรา้ งความเจรญิ ใหก้ รุงสโุ ขทัย ๕6 มขสะอามสหแอเมนบาตวเดนานนขมOิพ�กเอ-าืรNหรดลคEม ดิTแ ขอ ใดเปนลกั ษณะสาํ คญั ของการปกครองแบบพอปกครองลกู นักเรียนควรรู 1. พระมหากษตั รยิ ท รงใหร าษฎรเขา รบั ฟง การอบรมจากพระองคเ อง 2. พระมหากษัตรยิ ทรงลงโทษราษฎรที่ทาํ ผิดดวยการเฆย่ี นตี 1 พะเยา เปนช่อื จังหวัดหน่งึ ในภาคเหนือของไทย แตเ ดิมมีชอ่ื วา ภกู ามยาว 3. พระมหากษตั ริยท รงแกไ ขปญ หาของราษฎรดว ยพระองคเ อง หรอื พยาว กอ ตัง้ ขน้ึ เมอ่ื พุทธศตวรรษท่ี 16 โดยมีผปู กครอง คือ พอขุนงาํ เมอื ง 4. พระมหากษตั รยิ เ สดจ็ ไปเยี่ยมราษฎรดว ยพระองคเอง เมอื งพะเยาเคยอยภู ายใตก ารปกครองของจังหวดั เชียงรายในฐานะอําเภอพะเยา และใน พ.ศ. 2520 ไดยกฐานะเปนจังหวดั ท่ี 72 ของประเทศไทย มมุ IT วเิ คราะหค าํ ตอบ การปกครองแบบพอ ปกครองลกู เปน รปู แบบการปกครอง ทแ่ี สดงถึงความใกลชดิ ของพระมหากษตั รยิ ใ นการดแู ลเอาใจใสร าษฎรทมี่ ี ครแู ละนักเรียนสามารถสบื คน ขอ มลู เพ่ิมเติมเกีย่ วกบั อาณาจกั รสุโขทัย ไดท่ี ความทกุ ขย าก โดยทรงเขา มาแกไ ขปญ หาใหก บั ราษฎรดว ยพระองคเ อง www.kwc.ac.th หรือ www.trueplookpanya.com ดงั นน้ั ขอ 3. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง 56 คมู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒) สถานะของผู้ปกครอง ในระยะแรกกรุงสุโขทัยยังมี ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคดิ เห็นและ ดนิ แดนไมก่ วา้ งใหญ่ ประชาชนมนี อ้ ย ทา� ใหผ้ ปู้ กครองสโุ ขทยั มคี วาม ตอบคาํ ถามที่กําหนดให เชน “ใพกล่อ้ชขิดุนก” 1ับสปมรัยะขชอาชงพนเ่อปขรุนียรบาเมหคม�าือแนหพงม่อกหับารลาูกช ผู้ปกครองจึงเรียกว่า กรุงสุโขทัย มีความ • การปกครองในสมยั สโุ ขทัยมีรูปแบบ ปมร่ันะคชงาทชานงอกยาา่ รงเใมกือลงช้ กดิ ารใปนกศคิลารจอางรึกพส่อโุ ขขทุนยั รหาลมกัคท�าแ่ี ๑ห2งหทรรอื งศปิลกาคจราอรึกง อยา งไรบาง พ่อขุนรามค�าแหงกล่าวถึงวิธีท่ี (แนวตอบ ในระยะแรก ปกครองแบบพอ พ่อขนุ รามค�าแหง ทรงใชเ้ พ่ือให้ ปกครองลกู คอื ผนู าํ มคี วามใกลช ดิ และดแู ล เกิดความสงบสุขแก่ราษฎร เช่น ประชาชนเหมอื นพอ ดแู ลลกู ในระยะตอ มา ทรงให้แขวนกระด่ิงไว้ที่ประตูวัง ปกครองแบบธรรมราชา คือ ผนู ําปกครอง เพื่อให้ประชาชนท่ีเดือดร้อนมา โดยยดึ หลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนา) สั่นกระด่ิงร้องทุกข์ และยังทรง อบรมส่ังสอนขุนนางและราษฎร • นักเรียนคิดวา การปกครองแบบพอปกครอง ใหร้ บู้ าป บญุ คณุ โทษ ▲ (ภาพวาดตามจนิ ตนาการ) ลูก มีผลดีอยา งไร พ่อขุนรามคา� แหงมหาราช เสด็จมาสอบสวน (แนวตอบ ทาํ ใหผ ปู กครองไดร บั รปู ญ หาของ คดคี วามท่รี าษฎรมารอ้ งทุกข์ ประชาชนอยา งใกลช ดิ และประชาชนสามารถ ต่อมาสุโขทัยได้รับพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท บอกเรอ่ื งทเ่ี ดอื ดรอ นใหผ ปู กครองรูได ลัทธิลังกาวงศ์จากนครพันและนครศรีธรรมราช ท�าให้รับแนวคิด จงึ ทําใหป ญ หาถูกแกไ ขไดอยา งรวดเร็ว) “ธรรมราชา” มาใช้ในการปกครอง โดยกษัตริย์ทรงปกครองตาม หลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนา ผปู้ กครองเรยี กวา่ “พระมหาธรรมราชา” • นกั เรยี นคิดวา เพราะเหตุใดจงึ มี หลักธรรมท่นี �ามาใชใ้ นการปกครอง เชน่ หลักทศพิธราชธรรมหรือ การเปลยี่ นแปลงการปกครองจากรปู แบบ พอ ปกครองลกู ไปเปน การปกครองแบบ ธรรมราชา (แนวตอบ ในระยะแรก สุโขทัยยงั มอี าณาเขต ไมกวา งมากจึงสามารถใชก ารปกครองแบบ พอ ปกครองลูกได แตเ มือ่ อาณาจักรขยาย ทําใหผ ูปกครองตอ งดูแลประชาชนจาํ นวน มาก จงึ ตอ งเปลี่ยนไปใชห ลกั ธรรมในการ ดูแลประชาชน เพอื่ ใหเ กิดความยตุ ธิ รรม กับทกุ คนแทน) หลกั ธรรม ๑๐ ประการสา� หรบั ผปู้ กครอง เชน่ การบรจิ าค การใหท้ าน การมีความซื่อตรง การยึดมั่นในศีลธรรม การไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน เปน็ ตน้ ๕๗ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู แนวคดิ ในการนาํ หลักธรรมของพระพุทธศาสนามาใชในการปกครอง 1 พอ ขุน นกั ประวัติศาสตรบางทา นใหท ศั นะวา คําวา “ขุน” นา จะใชเ รียก ในสมัยสโุ ขทัย เกิดข้ึนในชว งสมยั ของพระมหากษัตริยพ ระองคใ ด พระเจา แผน ดนิ ทคี่ รองแควน เลก็ ๆ สว นคาํ วา “พอ ” นา จะเปน หวั หนา ของขนุ ทง้ั ปวง ทําหนา ทดี่ ูแลหวั เมอื งใหส งบรม เยน็ และปกปอ งอาณาจกั รเมอื่ ถูกขา ศึกรกุ ราน 1. พอขุนบานเมอื ง 2 ศิลาจารกึ สโุ ขทัยหลกั ท่ี 1 หรือศลิ าจารกึ พอขุนรามคําแหง ทาํ จาก 2. พอ ขนุ ศรีอินทราทติ ย หนิ ทรายแปง มลี กั ษณะเปน หลกั สเี่ หลยี่ มดา นเทา ทรงกระโจม จารกึ อกั ษรไทย 3. พอขนุ รามคําแหงมหาราช ปจ จบุ นั ถกู เกบ็ รกั ษาไวท พี่ พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง ชาติ พระนคร 4. พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) วเิ คราะหค ําตอบ เกดิ ขนึ้ ในชวงสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ศลิ าจารกึ หลกั ที่ 1 เปน เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั พระราชประวัตขิ องพอขุนรามคาํ แหง ซ่ึงสงั เกตไดจ ากการขนานพระนามของพระมหากษตั รยิ ท ่ปี กครอง เหตุการณตา งๆ และขนบธรรมเนยี มของกรุงสโุ ขทัย และการกลา วสรรเสริญ กรงุ สโุ ขทยั วา พระมหาธรรมราชา ดังนน้ั ขอ 4. เปน คาํ ตอบท่ีถูกตอง และยอพระเกียรตพิ อขุนรามคาํ แหง คูมือครู 57

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูนาํ แผนทปี่ ระเทศไทยมาติดทีห่ นา หอ ง ๓) รูปแบบการปกครอง ในสมัยสุโขทัย การปกครอง 2. ใหนักเรยี นออกมาชต้ี าํ แหนงเขตการปกครอง ราชอาณาจักรแบง่ เขตการปกครองออกเป็น (๑) เมอื งหลวง เปน็ ศนู ยก์ ลางการปกครอง และเปน็ ในสมยั สุโขทยั ศูนย์กลางวัฒนธ(ร๒ร)ม เมบอื างงลสกู มหัยลเวมงอื 1 งเปหน็ลเวมงอืยงา้ ทยบี่ไปรรทดเ่ี ามลือกู งหพลิษวณงอโุ อลกกไป 3. ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายวา เมืองลกู หลวง ปกครอง ท�าหน้าที่เป็นเมืองหน้าด่าน เป็นที่สะสมเสบียงอาหาร และก�าลังคน เมอื งลกู หลวงประกอบด้วย มคี วามสาํ คญั ตอ กรุงสุโขทยั อยา งไร • เมอื งศรสี ชั นาลัย ทางเหนอื 4. ครตู ั้งประเด็นคาํ ถามใหนักเรียนชว ยกนั • เเมมืือองงสสอระงหแลคววง(พทษิางณใตโุ ล้ ก2) • ทางตะวันออก คน หาคาํ ตอบ เชน • เมอื งชากังราว (ก�าแพงเพชร) ทางตะวนั ตก • เมืองศรสี ัชนาลยั มีหลักฐานทาง บรเิ วณวัดพระแก้ว ประวัตศิ าสตรอ ะไรบาง ใจกลางเมืองกา� แพงเพชรโบราณ (แนวตอบ มีหลักฐานทีน่ า สนใจมากมาย เชน วดั พระศรีมหาธาตุ วัดชางลอ ม วัดนางพญา วัดเจดยี เ จด็ แถว เปนตน ) • เมอื งลูกหลวงอื่นๆ คอื เมอื งสระหลวง เมอื งสองแคว (พษิ ณโุ ลก) เมอื งชากังราว (กาํ แพงเพชร) มีหลักฐานทางประวัตศิ าสตร อะไรบา ง (แนวตอบ เชน วดั พระศรรี ัตนมหาธาตุ- วรมหาวิหาร (วัดใหญ) เมอื งพิษณโุ ลก ซง่ึ เคยเปนทปี่ ระดษิ ฐานพระพทุ ธชนิ ราช พระพุทธชินสหี  และพระศรีศาสดา ในสมยั พระมหาธรรมราชาที่ 1 ซึง่ ถอื เปนหลกั ฐาน ทางประวัติศาสตรท่นี า สนใจยง่ิ ) นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เมอื งลกู หลวงในสมยั สุโขทยั มลี ักษณะอยา งไร 1 เมืองลกู หลวง มีหนา ทเ่ี ตรยี มกําลงั ทหารไวปอ งกนั พ้นื ทข่ี องตนเองและของ แนวตอบ เปน เมืองที่บรรดาลูกหลวงออกไปปกครอง ทาํ หนา ทีเ่ ปน เมอื งหลวง หรอื สมทบกาํ ลังเขากับทัพหลวง จงึ เรียกวา เมอื งหนา ดา น ซึง่ เมือง หนาดานคอยปอ งกนั ขา ศกึ ทีย่ กทพั เขาตีเมอื งหลวง และมีหนา ที่สะสม เหลา น้ีจะต้งั อยูบ นเสน ทางเดนิ ทัพเขา สูเ มืองหลวงทัง้ สี่ทิศ ทจี่ ะตองใชเ วลาเดินทัพ เสบยี งอาหารและกําลังคนเพื่อสนับสนนุ ทพั หลวงเมอ่ื เกิดศึกสงคราม ประมาณ 2 วนั โดยเมืองลกู หลวงจะอยหู างจากราชธานเี ปน ระยะทางเดนิ ทัพ 2 วนั 2 พษิ ณโุ ลก ในอดตี เมอื งพษิ ณโุ ลกเปน เมอื งทมี่ คี วามสาํ คญั เมอื งหนงึ่ และมี ประวตั ศิ าสตรอ นั ยาวนานควบคกู บั ประเทศไทย มชี อื่ เรยี กตา งกนั ไปในแตล ะยคุ สมยั เชน เมอื งพระพษิ ณโุ ลกสองแคว นครสระหลวงสองแคว เมืองสองแคว เปน ตน 58 คูมือครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ (๓) เมอื งพระยามหานคร เปน็ เมอื งทต่ี งั้ อยหู่ า่ งจาก 1. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคดิ เห็นและตอบ เมอื งลกู หลวงออกไป เมืองหลวงอาจส่งคนไปเป็นเจา้ เมืองหรอื เป็น คําถามท่กี ําหนดให เชน เชื้อสายของเจ้าเมืองเดิม เเมชือ่นงพเมรือะงยเาชมียหงทานอคงร(มตาีอก�า)นาเมจือปงกชคมุ รพอรง1 • เมอื งพระยามหานครมีลักษณะอยางไร ตนเองแต่ขน้ึ ตรงต่อสโุ ขทัย (ตอบ เปน เมอื งทต่ี ง้ั อยหู า งจากเมืองลูกหลวง ออกไป โดยมีเจาเมอื งเปน ผูป กครอง) พระเจดีย์ ทีว่ ัดพระบรมธาตุ • เมอื งประเทศราชมลี กั ษณะอยา งไร จังหวัดตาก (ตอบ เมอื งท่ีมีกษตั ริยป กครอง แตย อม ออนนอ มตอ สโุ ขทัย และตองสง เครือ่ ง พระเจดียท์ รงพมุ่ ข้าวบณิ ฑ์ บรรณาการมาใหส ุโขทัย) จังหวัดตาก ทเ่ี ชอ่ื วา่ เปน็ เจดีย์ • เมืองนครศรธี รรมราชในอดีตมคี วาม ยทุ ธหตั ถขี องพ่อขนุ รามคา� แหง เมื่อ สาํ คญั อยางไร และปจ จบุ ันอยภู าคใด ชนชา้ งชนะขนุ สามชน เจา้ เมอื งฉอด ของประเทศไทย (แนวตอบ เมืองนครศรีธรรมราชมีความสาํ คัญ (๔) เมืองออกหรือเมืองประเทศราช เป็นเมืองท่ีมี ในดานศาสนา เพราะสโุ ขทัยรบั ศาสนาลทั ธิ กเคษรัตือ่ รงิยบ์ขรอรณงตานกปารก2คเมรอืองงปรแะตเ่ยทอศมราอช่ออนยนู่ห้อา่ มงตไก่อลสจุโาขกทเัยมดอื ้วงยหกลาวรงถเวชา่นย ลงั กาวงศผ านทางเมอื งนครศรีธรรมราช เมืองนครศรีธรรมราช เมาะตะมะ ซง่ึ เปน อาณาจกั รท่ีต้งั อยทู างภาคใตของไทย ในปจจุบนั ) ๕๙ • เมาะตะมะในอดีตเคยมีความสําคัญอยางไร และปจ จุบันอยูในประเทศใด (แนวตอบ เมาะตะมะเคยเปน เมืองหลวงของ ราชอาณาจักรหงสาวดี ในชว งศตวรรษที่ 13-14 ปจจุบันอยใู นประเทศเมยี นมา) 2. ใหนกั เรียนจัดทําผังแสดงรปู แบบการปกครอง ในสมัยสโุ ขทัย จากนัน้ นํามาแสดงทหี่ นาช้นั ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู ความสัมพนั ธร ะหวางเมืองพษิ ณุโลกกับอาณาจกั รสโุ ขทัยเปน ไปในดา นใด 1 เมอื งชุมพร ในสมัยสโุ ขทัยเมอื งชมุ พรเปนเมอื งทข่ี นึ้ ตอ อาณาจกั ร 1. เมอื งออก นครศรีธรรมราชในฐานะเมอื งอาณานิคม และเปน เมืองหนาดานฝา ยเหนอื 2. เมืองหลวง หรอื เมืองปม ะแม ถือตราแพะ เปน เมอื ง 1 ใน 12 เมอื ง หรือเรียกวา 3. เมอื งประเทศราช เมือง 12 นกั ษตั รของอาณาจักรนครศรธี รรมราช 4. เมอื งพระยามหานคร 2 เคร่ืองบรรณาการ เปน สงิ่ ของท่มี ีคา ทเี่ มืองประเทศราชตา งๆ ตอ งสง ให วิเคราะหคําตอบ อาณาจกั รสุโขทัยมีเมืองหลวง คือ เมอื งสุโขทยั เพอ่ื แสดงความภกั ดตี อ เมืองน้ัน แตในบางรัชสมยั เชน สมัยพระยาลิไทย ไดม กี ารยายเมืองหลวง ไปที่เมืองพษิ ณุโลก ดังนั้น ขอ 2. เปนคําตอบทีถ่ กู ตอง เครอื่ งบรรณาการอาจเปน ส่ิงของเครอ่ื งใชตางๆ เชน แกว แหวน เงนิ ทอง รวมถงึ บุตรธดิ าของเจา เมอื งน้ันๆ คูม อื ครู 59

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เห็นและตอบ ๔) ราษฎรในสมยั สุโขทยั ราษฎรมอี สิ ระในการดา� รงชวี ติ คําถามทกี่ าํ หนดให เชน และการประกอบอาชพี ดงั ทศี่ ลิ าจารกึ หลกั ท่ี ๑ ระบวุ า่ “ใครจกั ใครค่ า้ • จากขอ ความ “ใครจักใครคา ชาง คา ... ตชาอ้้ งงอคยา้ ภู่ ใาคยรใจตกั ก้ ใาครรปค่ กา้ คมรา้ อคงา้ทมี่ใคกี รฎจหกั มใคารยค่ า้ เเชงน่นิ คกา้ ทฎอหงมคายา้ ”ลกัปษระณชะาโชจนร1 คาเงนิ คาทอง คา ” แสดงใหเหน็ ถงึ ในยามสงบประชาชนท�าไร่ ไถนา ค้าขาย ในยามสงครามต้องท�า การดาํ รงชวี ิตในสมยั สุโขทัยเปน อยางไร หนา้ ทเ่ี ปน็ ทหาร (แนวตอบ ราษฎรมเี สรภี าพในการเลอื ก ประกอบอาชพี ตามท่ีตองการ) ๕) การสญู เสียอา� นาจของสุโขทัย การทีก่ รงุ สุโขทัยตอ้ ง • การมกี ฎหมายทาํ ใหเ กดิ ผลดตี อ อ่อนแอและตกเป็นของกรุงศรีอยุธยาเกิดข้ึนจากหลายสาเหตุ เช่น การปกครองอยางไร ความออ่ นแอทางดา้ นการทหาร การแยง่ ชงิ อา� นาจภายในของสโุ ขทยั (แนวตอบ ทาํ ใหส ังคมเกิดความเปนระเบียบ ปการระคก้าอกบับกตับ่ากงรปุงรศะรเทีอยศุธเรยิ่มา2ตทก่ีอตย่�าู่ทาทง�าตใอหน้อใ�าตน้มาีคจวทาามงเเขศร้มษแฐขก็งิจทหามงดด้าไปน เรียบรอ ย ทกุ คนปฏิบตั ติ ามหนาทีข่ องตน การเมอื ง การทหารเพมิ่ ขน้ึ และอยู่ในท�าเลทต่ี งั้ ท่ีดกี วา่ สุโขทยั คือมี และไมล ะเมิดสิทธิของผอู ่นื มฉิ ะน้นั จะตอ ง แมน่ ้�าหลายสายไหลผ่านและอยู่ใกล้กบั ทะเล จงึ ท�าใหก้ รงุ ศรีอยธุ ยา ถกู ลงโทษตามตวั บทกฎหมาย) กลายเปน็ ศูนยก์ ลางเศรษฐกิจแทนสโุ ขทัย • เพราะเหตุใด กรงุ ศรอี ยธุ ยาจงึ กลายเปน ศนู ยก ลางเศรษฐกจิ แทนกรงุ สโุ ขทยั (ตอบ เพราะกรุงสุโขทยั เกดิ ความออ นแอ ดา นการทหาร มีการแยงชงิ อาํ นาจภายใน การคา กบั ตา งประเทศเริม่ ตกตํา่ ทาํ ให กรุงศรีอยธุ ยาทม่ี ีความเขมแข็งกวา กลายเปนศูนยก ลางทางเศรษฐกจิ แทน) 2. ใหน ักเรียนรว มกนั อภิปรายเกยี่ วกับ ลักษณะการปกครองแบบพอ ปกครองลูก และการปกครองแบบธรรมราชา แลวเปรยี บเทยี บขอ ดขี องการปกครอง แตล ะแบบ นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 กฎหมายลักษณะโจร มีลักษณะเปน กฎหมายอาญา โดยรฐั มงุ ที่จะให ใหน กั เรยี นเขียนอธบิ ายขอ ความที่วา “ใครจกั ใครค าชา ง คา ประชาชนพยายามนาํ ตัวผูก ระทําผดิ มาลงโทษใหได เพ่อื เปน การสง เสรมิ ให ใครจกั ใครค ามา คา ใครจักใครคาเงนิ คา ทอง คา” ลงในสมดุ ประชาชนเปน พลเมอื งดี เชน การไมช ว ยจบั โจรมีความผิดเสมือนลกั ทรัพยผ อู ่นื เปนตน กิจกรรมทา ทาย 2 กรงุ ศรีอยุธยา เปน เมอื งหลวงของอาณาจักรอยธุ ยา ซงึ่ เคยเปนอาณาจกั ร ท่เี จริญรุงเรอื งและม่ังค่ังทสี่ ดุ ในภมู ภิ าคสวุ รรณภมู ใิ นอดตี มีความสมั พนั ธท าง ใหนกั เรยี นสืบคนสาเหตขุ องการสูญเสียอาํ นาจของสโุ ขทยั เพ่ิมเตมิ การคากับหลายชาติ เชน จนี เวยี ดนาม อินเดยี ญ่ีปุน เปอรเซีย โปรตเุ กส แลว สรุปเปนประเด็นสําคัญและบนั ทกึ ลงในสมดุ จากนน้ั ออกมานําเสนอ สเปน ดตั ช ฝรัง่ เศส เปน ตน จนถอื ไดว าเปนศูนยกลางการคา ในระดบั นานาชาติ ท่หี นาชนั้ 60 คมู ือครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ กิจกรรมพัฒนาการเรยี นร้ทู ่ี ๒ (ผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมขน้ึ อยกู ับดุลยพนิ ิจของครูผูสอน) 1. ใหน ักเรยี นรวมกนั อภปิ รายลักษณะของ เกษตรแบบพึ่งตนเองแลว สรุปผล ๑. แบง่ กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สรปุ พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครอง ในสมัยสุโขทัยมาพอสงั เขป 2. ครตู ้งั คําถามใหน ักเรียนชว ยกันตอบ • เศรษฐกจิ ในสมัยสุโขทัยขนึ้ อยกู ับสนิ คา ๒. รว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกับ ลกั ษณะการปกครอง ประเภทใดเปน สวนใหญ แบบพ่อปกครองลกู และการปกครองแบบธรรมราชา (ตอบ สินคาเกษตรกรรม) • การคา ขายภายในสมยั สโุ ขทยั มีลกั ษณะ ๒.๒ ดา้ นเศรษฐกจิ อยา งไร ๑) การเกษตร อาชีพหลักของประชาชนในสมัยสุโขทัย (แนวตอบ การคา ขายภายในสมยั สุโขทัย คือ เมกษะม1ต่วรงกรมรมะพแรบ้าบวพ่ึมงตะขนาเอมง พืชหลักท่ีปลูกคือข้าว พืชอ่ืนๆ จะคา ขายสินคาท่ใี ชในการดํารงชวี ิต เชน เช่น ต2าล หมาก พลู มีตลาดส�าหรับ สนิ คาเกษตร เครื่องถวยชาม มีด เปนตน) น�าสนิ คา้ มาขาย เรยี กวา่ “ปสาน” 3. ใหนักเรยี นลองคาดเดาวา ในสมยั สุโขทยั ตวั อย่าง สนิ คา้ ท่ีขายทปี่ สาน มีการคาขายอะไรบาง 4. ใหนักเรยี นจําลองสถานการณว า หอ งเรยี น เปน “ปสาน” ในสมยั สุโขทัย ถานักเรยี น จะนาํ สินคามาขาย นักเรยี นจะขายส่ิงใด เพราะเหตุใด หมาก มะมว่ ง ตาล พลู มะพร้าว มะขาม ๒) การคา้ ขาย การคา้ ของสโุ ขทยั มที ง้ั การคา้ ภายในและ การคา้ กับดินแดนภายนอก การคา้ ภายในเป็นการค้าขายเพ่ือแลกเปล่ียนสินคา้ ท่ี จา� เป็นในการดา� รงชวี ิต เช่น เคร่ืองถว้ ยชาม ผ้า เครื่องจักสาน มีด 6๑ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู “นายกองเกวยี นจะเดินทางไปทีป่ สาน” ขอ ความนีบ้ งบอกวา 1 มะ ในสมยั สโุ ขทยั เรยี กผลไมห รอื ลกู ไมว า หมาก เชน มะมว ง เรยี กวา หมากมว ง นายกองเกวยี นมกี ิจธรุ ะใด มะพรา ว เรยี กวา หมากพรา ว เปน ตน 2 ปสาน เปน แหลง ซอ้ื ขายแลกเปลย่ี นสนิ คา ทง้ั ของชาวเมอื งสุโขทัยและชาวเมอื ง 1. ติดตอซ้อื ขายสนิ คา ใกลเคียง ปสานตงั้ อยทู างตอนเหนือของเมอื งสโุ ขทัย มลี ักษณะเปนลานกวา งๆ 2. นําเรอ่ื งไปรอ งเรียนพอ ขุน เหมาะสําหรับเปนทช่ี ุมนุมซ้อื ขายของผซู ือ้ และผูข าย 3. ศึกษาธรรมจากพระสงฆ 4. ไปดูการทําเครื่องสังคโลก วเิ คราะหค าํ ตอบ ปสานมลี กั ษณะเปน ตลาด เปน แหลง กลางในการซอื้ ขาย แลกเปลยี่ นสินคา ดงั นนั้ ขอ 1. เปนคาํ ตอบทีถ่ ูกตอง คมู อื ครู 61

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain 1. ครนู ําแผนที่ประเทศไทยปจ จุบันหรือแผนท่ี ส่วนการค้าภายนอกแบ่งออกเป็นการค้ากับดินแดน แสดงอาณาจักรสุโขทัยมาตดิ ที่หนาชน้ั ต่างๆ บนผืนแผ่นดินไทย และการค้ากับต่างประเทศ ดังน้ี 2. ใหนกั เรยี นออกมาชเ้ี สน ทางตดิ ตอคาขายของ (๑) การคา้ กับภายนอก มคี วามสา� คญั อยา่ งมากต่อ สโุ ขทัยกบั ดนิ แดนภายนอก แลวรวมกันสรปุ วา เศรษฐกิจของสุโขทัย เพราะสโุ ขทยั เปน็ เมอื งที่อยู่ในเสน้ ทางการค้า การต้งั อยใู นเสน ทางการคาของอาณาจักร มาตั้งแต่ในสมัยโบราณ หัวเมืองต่างๆ ของสุโขทัยอยู่บนเส้นทาง สุโขทยั ทาํ ใหตดิ ตอ คา ขายกับเมอื งอ่ืนๆ บริเวณแม่น้า� ยม แมน่ ้�านา่ น แมน่ �า้ ปง และแมน่ า�้ ปาสัก ซึง่ สะดวก ไดส ะดวก ในการติดต่อกับเมืองรอบๆ เช่น ทางเหนือมีเส้นทางติดต่อจนถึง ลุ่มแม่น�้าโขง ทางตะวันตกมีเส้นทางจากสุโขทัยไปทางตะวันตก 3. ใหน กั เรยี นรว มกนั อภิปรายถงึ ผลดขี อง ผ่านเมืองตากไปออกยังเมืองเมาะตะมะของมอญ ซ่ึงเป็นเมืองท่า การคา ขายอยางเสรแี ละการไมเ กบ็ ภาษี สู่ทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล และอินเดียตอนใต้ ส่วนทางใต้ ทที่ ําใหการคา ขายของสุโขทยั เจรญิ รงุ เรือง มเี สน้ ทางผ่านแม่น้า� เจา้ พระยา และติดต่อไปจนถงึ นครศรีธรรมราช การตั้งอยู่ในเส้นทางการค้าท�าให้การติดต่อค้าขายกับดินแดน 4. ครูตั้งคาํ ถาม แลวใหน ักเรยี นชว ยกันตอบ เชน ภายนอกมีความสะดวก • ในสมัยสโุ ขทยั มกี ารติดตอ คาขายกับ ชาติใดบา ง ทางการได้ส่งเสริมการค้าขายให้สะดวกย่ิงขึ้นด้วย (แนวตอบ เชน จนี อินเดีย อาหรับ มลายู กหารรืออภนาญุ ษาีผต่าในหดค้ ่าา้ นข1ใาหย้แอกย่พา่ ง่อเสคร้าแีตล่าะงยถกิ่นเวน้ทก�าาใหรเ้มกีพบ็ ่อ“คจ้างั ตก่าองบถ”่ิน (จเขก้าอมบา) ลงั กา มอญ เปนตน ) ตดิ ตอ่ ค้าขายมาก ดงั ปรากฏในศลิ าจารกึ หลกั ท่ี ๑ วา่ • หลักฐานทีแ่ สดงวาไทยคาขายกับตา งชาติ คอื อะไร “...àÁè×ͪèÇÑ ¾‹Í¢Ø¹ÃÒÁ¤íÒá˧...à¨ÒŒ àÁ×ͧº‹àÍÒ¨¡Íº (ตอบ เชน สนิ คา อาหรบั เคร่ืองสงั คโลก ã¹ä¾Ã‹Å·Ù Ò‹ § à¾×è͹¨§Ù ÇÑÇ令Ҍ ¢ÕèÁŒÒ仢Ò ã¤Ã¨¡Ñ ã¤Ã¤‹ ÒŒ ªÒŒ § ¤ŒÒ เปน ตน ) ã¤Ã¨Ñ¡ã¤Ã‹¤ÒŒ ÁÒŒ ¤ŒÒ ã¤Ã¨¡Ñ ã¤Ã¤‹ ÒŒ à§¹Ô ¤ŒÒ·Í§ ¤ŒÒ...” (ขอ้ ความท่แี ปล) …ในสมัยพ่อขุนรามคา� แหง…เจา้ เมืองไมเ่ กบ็ ภาษผี า่ นดา่ น…ประชาชนเดินทางไปคา้ ขาย ไดอ้ ย่างสะดวก สามารถจงู วัว จงู ม้าไปขาย ค้าชา้ ง คา้ มา้ ค้าแรเ่ งิน ค้าแรท่ อง ได้ตามอิสระ… 6๒ นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดเปนนโยบายดานการคา ทีส่ ําคญั ท่ีชว ยจงู ใจใหพ อคาเขามาคาขาย 1 จังกอบ (จกอบ) หรือภาษีผา นดา น เปนภาษที ีเ่ รียกเก็บจากผูทน่ี ําสง่ิ ของ ในสโุ ขทัยมากข้นึ เขา มาจําหนา ย ในการจัดเกบ็ จงั กอบ รฐั จะต้งั เปน สถานทค่ี อยกกั เกบ็ ในสถานท่ี 1. การคาสัตวป าได ทีส่ ะดวก เชน ถา เปนทางบก ก็จะไปตงั้ ทป่ี ากทางหรอื ทางที่จะเขาเมือง ถา เปน 2. การไมเก็บภาษีผา นดาน ทางน้ํา กจ็ ะต้ังใกลทาแมน ํา้ หรอื เปน ทางรว มสายน้าํ 3. การใชเ งนิ หรอื ทองเปนอัตราแลกเปลี่ยนได 4. การใหพอ คาเขาไปซ้ือขายสินคา กบั ผูผลติ โดยตรงได วิเคราะหค าํ ตอบ การท่กี รุงสโุ ขทยั ไมเก็บจกอบหรอื ภาษผี า นดาน ทาํ ให เปน แรงจูงใจสาํ คญั ในการท่ีพอคา จากภายนอกจะเขามาคา ขายในสโุ ขทัย มากข้นึ ดังนั้น ขอ 2. เปนคําตอบท่ีถูกตอ ง 62 คมู ือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ (๒) การคา้ กบั ตา่ งประเทศ 1. ใหนกั เรียนยกตวั อยา งอาชพี ในสมยั สโุ ขทยั การค้าขายทางทะเลระหว่างไทยกับ พรอ มทง้ั บอกเหตผุ ล ต่างชาติมีตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว โดยมีชาวจีน อนิ เดีย และอาหรับ 2. ใหนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายปจจัยทชี่ วย เดนิ ทางเขา้ มาคา้ ขาย และมกี ารคา้ สง เสริมใหส ุโขทยั สามารถพฒั นาเศรษฐกิจ รูปแบบใหม่เกิดขึ้นในสมัยน้ี คือ ใหเ จรญิ กา วหนา การค้าภายใต้ระบบรัฐบรรณาการ 3. ใหนักเรยี นทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 แลว นําเสนอผลงานหนาชน้ั เครอ่ื งสงั คโลก ถอื เปน็ งานหัตถกรรม ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ท่สี �าคัญของสุโขทยั ประวตั ศิ าสตร ป.4 กิจกรรมรวบยอดที่ 3.1 ระหว่างไทยกบั จีน พอ่ คา้ จนี น�าผา้ ไหม เครือ่ งถว้ ยชามมาขาย และ แบบประเมินตวั ช้ีวัด ส 4.3 ป.4/1 ซอ้ื สนิ คา้ พน้ื เมอื ง เชน่ ของปา และสนิ คา้ ทส่ี โุ ขทยั เปน็ พอ่ คา้ คนกลาง แบบประเมินผลการเรยี นรูต ามตัวชีว้ ดั ประจาํ หนวยท่ี ๓ บทท่ี ๑ นา� มาขาย เช่น สินคา้ อาหรับ เปน็ ต้น กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๑ นอกจากนี้ สุโขทัยยังได้ผลิตเคร่ืองปันดินเผา แบบประเมินตัวช้ีวดั ส ๔.๓ ป.๔/๑  อธบิ ายพฒั นาการของอาณาจกั รสโุ ขทยั โดยสงั เขป ที่เรียกว่า “เครื่องสังคโลก” ท้ังเพื่อขายในราชอาณาจักรและได้ส่ง ชุดท่ี ๑ ๒๐ คะแนน ไปขายยังรฐั ใกลเ้ คียง เชน่ มลายู อินเดีย ลงั กา มอญ การค้ากบั ๑ ดูภาพ แลว บันทกึ ขอมลู ใหถกู ตอ ง ตา่ งประเทศในสมยั สโุ ขทยั ไมม่ หี ลกั ฐานแนช่ ดั วา่ เปน็ การดา� เนนิ การ โดยราชส�านกั หรอื เอกชน แตส่ มัยอยุธยา ๑) ภาพน้ี แสดงถึงพัฒนาการทางดาน การเมอื งการปกครอง…………………………………………………………………………………………. มรี ายละเอยี ดโดยยอ ดังนี้ …………………….. …พ…อ …ข…นุ……ร…า…ม…ค……าํ …แ…ห……ง…โ…ป…ร……ด…ใ…ห…แ……ข…ว…น……ก…ร…ะ…ด……งิ่ .. …ไ…ว…ท……่ีห…น……า…ป……ร…ะ…ต……ูว…ัง………เ…พ…่ือ……ใ…ห…ร……า…ษ……ฎ…ร……ม…า.. เฉฉบลบั ย …ร…อ …ง……ท…กุ ……ข… …แ…ล…ว…พ……ร…ะ…อ……ง…ค…จ……ะ…เป……น …ผ……ตู …ดั……ส…นิ….. คดคี วามดว ยพระองคเอง………………………………………………………………………………………….. การค้ากับต่างประเทศเป็นการ ๒) ภาพนี้ แสดงถงึ พฒั นาการทางดาน ผูกขาดของราชสา� นัก เศรษฐกิจ…………………………………………………………………………………………. มีรายละเอียดโดยยอ ดังน้ี …………………….. เตาเผาเครอ่ื งสงั คโลก …ก…า…ร……พ…บ……เ…ต…า…เ…ผ…า…เ…ค……ร…่ือ…ง…ส……ัง…ค……โ…ล…ก………ท…ํา……ใ…ห.. ทบี่ า้ นเกาะนอ้ ย อา� เภอศรสี ชั นาลยั …ท…ร……า…บ…ว…า…ส……ุโ…ข…ท……ัย…ม…ีก……า…ร…ผ……ล…ิต……เค……ร…อ่ื ……ง…ป…น ……-.. …ด…ิน……เ…ผ…า……ท……่ีเ…ร…ีย…ก……ว…า……ส……ัง…ค……โ…ล……ก……ท……้ัง…ข……า…ย.. จงั หวดั สโุ ขทยั …ใ…น…ป……ร…ะ…เ…ท…ศ………แ…ล……ะ…ส…ง……ไ…ป…ข…า…ย……ย…ัง…ร…ฐั……อ…่ืน……ๆ….. ………………………………………………………. ตัวชีว้ ดั ส ๔.๓ ขอ ๑ ñðไดคะแนน คะแนนเต็ม ๓๗ ขอ สอเบกเง็ นนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู เพราะเหตใุ ดเครือ่ งสงั คโลกจงึ เปนสนิ คา สงออกทส่ี าํ คญั ของสุโขทยั ถา มีโอกาส ครอู าจพานกั เรยี นไปทัศนศกึ ษาท่อี ุทยานประวตั ิศาสตรสโุ ขทัย แนวตอบ เพราะสุโขทยั ผลิตเคร่ืองสังคโลกท่มี คี ุณภาพดแี ละสวยงาม ตามโอกาสอนั เหมาะสม หรือนาํ ซดี ีสารคดแี นะนําจงั หวดั สุโขทยั มาเปด ให ไดเ ปน จาํ นวนมาก ซง่ึ แตกตางจากเครอื่ งปน ดนิ เผาทั่วไป รวมท้งั ยงั มี นักเรยี นชมกไ็ ด ราคาไมแ พง จึงเปนที่ตอ งการของผูคนในแวนแควนตางๆ ทําให เครื่องสงั คโลก กลายเปนสินคา สงออกสาํ คญั อยา งหนง่ึ ของสโุ ขทยั มุม IT นักเรยี นดขู อมูลเร่ืองเตาทุเรยี ง ไดท ี่ www.sukhothai.go.th ซ่ึงเปนเว็บไซต ของจังหวัดสโุ ขทยั คูมอื ครู 63

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ใหนกั เรียนแบง กลุม ใหแตละกลมุ สบื คน กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้ที่ ๓ เกยี่ วกบั พัฒนาการดานตางๆ ของสุโขทัย เพิม่ เติม แลว ทําเปน รายงาน จากน้ันออกมา ๑. ยกตัวอย่างอาชพี ท่ีเกดิ ในสมยั สุโขทยั มา ๒ อาชพี นําเสนอท่ีหนา ชัน้ แลว้ เขียนอธิบายลงในสมดุ 2. ใหน ักเรยี นอธิบายความหมายของคาํ ๒. อธบิ ายปจั จยั สา� คัญที่ชว่ ยสง่ เสริมให้สโุ ขทยั สามารถพัฒนา ในกจิ กรรมรวบยอด ขอ 2 หนา 64 เศรษฐกิจให้เจริญกา้ วหน้า แลวออกมานาํ เสนอทหี่ นา ชน้ั ๓. แบ่งกลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับพัฒนาการของ ตรวจสอบผล Evaluate สุโขทัยในดา้ นตา่ งๆ เพมิ่ เติม เช่น พฒั นาการดา้ นสงั คม พฒั นาการดา้ นศลิ ปวัฒนธรรม แล้วจัดท�าเปน็ รายงาน 1. ครูตรวจสอบความถูกตอ งของรายงาน พฒั นาการในสมัยสุโขทัย กิจกรรมรวบยอด 2. ครูตรวจสอบผลการทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.1 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 (ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ขอ 1,4 ข้ึนอยกู ับดุลยพินิจของครูผูส อน) หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๑. เขยี นเส้นเวลา แสดงล�าดบั การปกครองอาณาจกั รของ พระมหากษตั ริย์ในสมัยสุโขทยั 1. รายงานพฒั นาการในสมยั สโุ ขทัย ๒. ให้อธิบายความหมายของค�าที่ก�าหนดให้ แลว้ บอกถึงประโยชน์ 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 3.1 จากแบบวดั ฯ ทีม่ ตี อ่ อาณาจกั รสโุ ขทัย ประวัตศิ าสตร ป.4 - การปกครองแบบพอ่ ปกครองลูก - ปสาน - ใครจ่ กั ใคร่ค้าชา้ ง ค้า ใครจกั ใคร่คา้ มา้ ค้า - เครอ่ื งสังคโลก ๓. เปรยี บเทยี บขอ้ ดขี องการปกครองแบบพอ่ ปกครองลูกกับ การปกครองแบบธรรมราชา ๔. ครพู านักเรียนไปทศั นศึกษาแหล่งโบราณสถานที่เกย่ี วกับสุโขทยั แล้วบนั ทึกขอ้ มูลและจัดทา� เป็นรายงานส่งครู 64 เฉลย กิจกรรมพัฒนาการเรียนรทู ่ี 3 1. แนวตอบ เชน 1) อาชีพทาํ นา มกี ารผลติ เพื่อบรโิ ภคและนําขาวมาขาย 2) อาชีพคาขาย มีการตดิ ตอคาขายกบั ชุมชนภายนอก 2. แนวตอบ มีการคา ขายอยางเสรี และมีการยกเวนการเกบ็ ภาษผี านดาน ทาํ ใหมชี าวตา งชาติเขา มาคาขายจาํ นวนมาก 3. แนวตอบ ขน้ึ อยูกบั ดุลยพินจิ ของครผู ูสอน เฉลย กจิ กรรมรวบยอด 2. แนวตอบ 1) เปนรปู แบบการปกครองท่พี ระมหากษัตริยมีความใกลชิดกบั ราษฎรเหมือนพอกบั ลกู ทาํ ใหผ คู นในสุโขทัยอยดู วยกันอยา งมีความสุข 2) ปสาน หมายถึง ตลาด ซง่ึ เปน แหลงซ้ือขายแลกเปลย่ี นสินคา ทั้งของชาวเมืองสุโขทัยและชาวเมืองใกลเคียง ทําใหสโุ ขทยั มีความเจริญรงุ เรอื งดานเศรษฐกจิ 3) เปน ขอความท่แี สดงใหเ หน็ วา ในสมัยสุโขทยั ราษฎรมีอสิ ระในการเลือกประกอบอาชีพ ทาํ ใหชาวเมืองสโุ ขทัยอยดู กี ินดี 4) เปน เคร่ืองปนดนิ เผาในสมยั สโุ ขทยั เปนสินคา สง ออกท่ีสาํ คัญทาํ ใหชาวเมืองสโุ ขทยั เกิดรายไดจากเคร่อื งปนดนิ เผา 3. แนวตอบ การปกครองแบบพอปกครองลกู ทําใหพระมหากษตั ริยม ีความใกลชดิ ราษฎร เมอ่ื ราษฎรมเี รอ่ื งเดอื ดรอนสามารถนาํ มาแจง ใหพ ระมหากษตั ริยท ราบได เพ่ือหาทางแกไข สว นการปกครองแบบธรรมราชา พระมหากษตั รยิ ใชหลกั ธรรมในการปกครอง ทําใหสามารถปกครองอาณาจกั รทแ่ี ผขยายใหเปน ไปอยางยุตธิ รรม 64 คูมือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engaae Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู òบทที่ บอกประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาํ คัญสมยั สโุ ขทัยได (ส 4.3 ป.4/2) บคุ คลสําคัญสมยั สุโขทยั สมรรถนะของผเู รียน กจิ กรรมนําสูการเรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป ญหา 4. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี ¾‹Í¢¹Ø ÃÒÁ¤Òí á˧ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ÁºÕ ·ºÒ·ÊÒí ¤ÞÑ Í‹ҧäà 1. รกั ชาติ ศาสน กษัตริย µÍ‹ ¡Òþ²Ñ ¹Ò 2. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ ÍÒ³Ò¨¡Ñ ÃÊâØ ¢·Ñ 3. ใฝเ รยี นรู 4. มุงมั่นในการทํางาน 5. รักความเปนไทย กระตนุ้ ความสนใจ Engage ใหน ักเรียนดูภาพพอ ขุนรามคําแหงมหาราช แลวตอบคําถาม ดงั นี้ • พอ ขนุ รามคําแหงทรงเปน พระมหากษตั รยิ  ลาํ ดับท่เี ทาใดของสโุ ขทยั (ตอบ ลําดบั ท่ี 3) • พอ ขนุ รามคาํ แหงทรงมีบทบาทอยางไร á¹Ç¤´Ô ÊÒí ¤ÞÑ ตอการพัฒนาสโุ ขทัย (แนวตอบ พอขุนรามคาํ แหง ทรงทํา ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔ ÂÊÁÑÂÊØâ¢·ÑÂä´ŒÊÌҧÊÃ䏤ÇÒÁ ศึกสงครามเพ่อื ขยายดนิ แดน à¨ÃÔÞËÅÒ»ÃСÒà ¼Å§Ò¹·ÊèÕ ÃÒŒ §ÊÃ䢏 ¹Öé ËÅÒÂÊè§Ô สรา งความมน่ั คงใหบ า นเมอื ง ทรงคดิ Ê׺·Í´µ‹ÍÁÒ¨¹»˜¨¨ØºÑ¹ ઋ¹ µÑÇÍÑ¡ÉÃä·Â ÈÔÅ»- ประดษิ ฐอ กั ษรไทย ทาํ ใหคนไทย ÇѲ¹¸ÃÃÁ àÃÒ¤ÇÃÀÒ¤ÀÙÁÔã¨ã¹ºÃþºØÃÉØ ¢Í§àÃÒ áÅйÒí ä»à»š¹áººÍ‹ҧ㹡ÒÃ㪪Œ ÇÕ Ôµ 6๕ มีตวั อกั ษรใชบ นั ทกึ เรอื่ งราวหรอื เหตุการณต า งๆ) เกรด็ แนะครู ครูจดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนกั เรียนปฏบิ ัติ ดงั นี้ • อภิปรายเก่ยี วกับบคุ คลสําคัญสมัยสุโขทัย • สบื คนขอ มลู เกยี่ วกบั บคุ คลสําคญั สมัยสุโขทยั • จัดทํารายงานเกยี่ วกับบุคคลสาํ คัญสมัยสุโขทัย จนเกิดเปนความรคู วามเขาใจวา พระมหากษัตริยในสมยั สุโขทยั ทรงมบี ทบาท สําคัญในการสรางสรรคผลงาน ทาํ ใหสโุ ขทัยเจริญรงุ เรือง และมผี ลงานท่ีเปน มรดก ตกทอดมาจนถงึ ปจจุบัน เราจงึ ควรภาคภูมใิ จและระลึกถงึ พระมหากรุณาธิคณุ ของ พระมหากษัตริยไ ทย คูม ือครู 65

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore 1. ใหน ักเรยี นนาํ เสน เวลาแสดงลาํ ดบั การ สมัยสุโขทัยนับว่าเป็นสมัยหน่ึงท่ีมีความเจริญในด้านต่างๆ ปกครองของพระมหากษตั ริยจากกิจกรรม พระมหากษตั รยิ ส์ มยั สโุ ขทยั ไดเ้ ปน็ ผนู้ า� ในการสรา้ งสรรคค์ วามเจรญิ รวบยอด หนา 64 มาดู แลว รว มกนั คาดเดาวา ซึ่งได้สืบทอดต่อมาจนปัจจุบัน การรู้และเข้าใจผลงานของบุคคล เพราะเหตใุ ดสโุ ขทยั จงึ มคี วามเจรญิ มายาวนาน ส�าคัญในประวัติศาสตร์ท�าให้เราเกิดความภาคภูมิใจ และน�าไปเป็น แบบอย่างในการยกย่องเชิดชูได้ 2. ใหนกั เรียนอา นขอมูลเก่ียวกับพระมหากษตั รยิ  สมยั สุโขทัย หนา 66-71 ๑. พอ่ ขนุ ศรีอินทราทติ ย์ 3. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ ใหแ ตล ะกลมุ สบื คน พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ครองราชย์ประมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒ - ขอ มูลเกีย่ วกบั พระมหากษัตรยิ สมัยสโุ ขทยั 3 ปีใดไมป่ รากฏ) เปน็ กษัตรยิ ์พระองค์แรกแหง่ ราชวงศพ์ ระรว่ ง พระองค คือ พอขนุ ศรอี นิ ทราทิตย พอ ขนุ - ผลงานส�าคัญ รามคาํ แหงมหาราช พระมหาธรรมราชาท่ี 1 ดา้ นการสรา้ งความมนั่ คงใหแ้ กบ่ า้ นเมอื ง พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ จากแหลง ขอ มลู ตา งๆ เชน อนิ เทอรเนต็ มีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบางกลางหาว เป็นผู้น�าของชาวไทย หอ งสมดุ จากนน้ั นาํ ขอ มลู มาสนทนาแลกเปลย่ี น กลมุ่ หนงึ่ ท่ีได้ร่วมกบั พอ่ ขุนผาเมือง เจา้ เมอื งราด ตอ่ สูข้ บั ไลอ่ �านาจ ความรรู ะหวางกนั ในหอ งเรียน ของเขมรออกไปไดส้ า� เรจ็ ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ ตอ่ มาพอ่ ขนุ ผาเมอื ง ซึ่งมีอาวุโสกว่าพ่อขุนบางกลางหาวได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางหาว อธบิ ายความรู้ Explain เป็นกษตั ริย์ครองกรุงสุโขทยั เมอ่ื พ.ศ. ๑๗๙๒ 1. ใหนกั เรยี นรวมกนั ตอบคาํ ถาม เมื่อกรุงสุโขทัยได้รับการสถาปนาแล้ว พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ • ปฐมกษตั รยิ แ หง กรงุ สโุ ขทัยทรงมีพระนาม ได้ทรงสร้างความม่ันคงให้กับบ้านเมือง โดยการท�าสงครามกับ วา อะไร ขนุ สามชนเจา้ เมอื งฉอด ทยี่ กทพั มาตเี มอื งตากซงึ่ เปน็ เมอื งในอา� นาจ (ตอบ พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย) ของสุโขทัย การรบในคร้ังนั้นพระราชโอรส คือ พ่อขุนรามค�าแหง • พระองคทรงมีผลงานสําคัญอะไรบา ง ได้ช่วยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์รบ และได้ต่อสู้กับขุนสามชนอย่าง (แนวตอบ กล้าหาญจนไดช้ ัยชนะ 1. ทรงเปนผูนาํ คนหน่ึงในการขบั ไลอ าํ นาจ ขอมออกจากดนิ แดนสุโขทยั 2. ทรงทําศึกสงครามเพอื่ สรางความมนั่ คง ใหกับบา นเมือง) 2. ครูและนักเรียนรวมกนั สรปุ พระราชประวตั ิ และผลงานของพอขุนศรอี ินทราทติ ย โดยให นักเรียนบันทึกขอ มลู ลงในสมดุ 66 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดกลาวไมถกู ตองเกี่ยวกับพอ ขนุ ศรีอินทราทิตย ครนู าํ ภาพพระบรมราชานสุ าวรยี พ อ ขนุ ศรอี นิ ทรา- 1. พอ ขุนศรีอินทราทติ ยท รงสถาปนากรงุ สโุ ขทัย ทติ ยม าใหนกั เรยี นดู แลวอธิบายเพิม่ เติมวา ปจจบุ นั 2. พอ ขนุ ศรอี ินทราทิตยทรงเปน ปฐมกษัตรยิ แ หงราชวงศพ ระรว ง พระบรมราชานสุ าวรียพ อ ขุนศรีอินทราทิตย ต้ังอยทู ี่ 3. พอขนุ ศรอี ินทราทติ ยทรงเปน ผนู าํ สําคัญในการขบั ไลอ าํ นาจขอม อําเภอสวรรคโลก จงั หวดั สโุ ขทัย สรา งข้ึนเพือ่ ระลึกถึง ออกจากกรงุ สโุ ขทัย พระกรณุ าธิคณุ ของพระองค ผูทรงเปน ปฐมกษตั รยิ  4. พอขนุ ศรีอินทราทติ ยท รงเปนพระเชษฐาของพอขุนรามคําแหงมหาราช แหงราชวงศพระรวง วเิ คราะหค ําตอบ พอ ขุนศรอี นิ ทราทติ ยทรงเปน พระราชบิดาของ พอขนุ รามคําแหงมหาราช ดงั นน้ั ขอ 4. เปน คําตอบท่ถี ูกตอง 66 คมู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒. พอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๒ - ๑๘๔๑) 1. ใหนักเรยี นแบงกลมุ แลวใหแ ตล ะกลมุ พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราชทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคท์ ี่ ๓ นาํ เสนอพระราชประวัติและผลงานของ แหง่ อาณาจกั รสโุ ขทยั พระองคเ์ ปน็ พระราชโอรสของพอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ พอ ขุนรามคําแหงตามทอี่ านขอ มลู มา กับนางเสือง เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ ๑๙ ชพนรชรา้ ษงาชนทะขรนุงอสาอมกชรบน1 รว่ มกบั พระราชบดิ า ในครง้ั นนั้ พอ่ ขนุ รามคา� แหง 2. ใหน ักเรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็ วา เจา้ เมอื งฉอดได้ พ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ จึงพระราชทานพระนามวา่ การปกครองแบบพอ ปกครองลกู ในสมัย “รามคาํ แหง” หมายถงึ รามผกู้ ลา้ หาญ ตอ่ มาทรงขนึ้ ครองราชสมบตั ิ พอขนุ รามคาํ แหงมลี ักษณะอยา งไร สืบต่อจากพ่อขุนบานเมืองซ่ึงเป็นพระเชษฐา พ่อขุนรามค�าแหง- มหาราชทรงสร้างความม่ันคงใหแ้ ก่อาณาจกั รสโุ ขทยั 3. ใหนักเรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็ วา ผลงานสา� คัญ การแขวนกระดิ่งไวเพอื่ ใหราษฎรท่ี ๑) ด้านการปกครอง ÍÒ³Ò¨¡Ñ þ¡Ø ÒÁ Í‹Òǵ§Ñ à¡ÂëÕ เดือดรอนมาส่ันกระดง่ิ รอ งทุกขในสมยั ÍÒ³Ò¨¡Ñ ÃŌҹ¹Ò พอ ขุนรามคําแหงมหาราชมผี ลดีอยางไร (๑) ทรงปกครองราษฎร ÍÒ‹ Çວ¡ÍÅ ÊØâ¢·Ñ 4. ครตู ัง้ ประเด็นคาํ ถามใหนักเรยี นชว ยกนั ตอบ ปอยกา่ คงรใกอลงช้ แดิ บจบนเร“ยี พก่อกนัปตกอ่ คมราอวงา่ ลกูการ”2 Í‹ÒÇàÁÒеÐÁÐ ÍÂ¸Ø ÂÒ • นักเรียนคดิ วา พอขุนรามคาํ แหงมหาราช มวี รี กรรมใดท่นี า สนใจท่ีสุด เพราะอะไร ÁÐÃ´Ô ÍÒ³Ò¨¡Ñ âÍÁ (แนวตอบ คําตอบอาจแตกตางกนั ข้นึ อยูกบั ความคิดของนักเรยี นแตละคน เชน ชนชาง ชนะขนุ สามชนเจา เมืองฉอด เพราะทาํ ให สโุ ขทยั มีความมนั่ คงต้งั แตบ ดั น้นั สืบมา เปนตน ) โดยทรงเอาพระทัยใส่ทุกข์สุขของ ·ÐàÅÍ¹Ñ ´ÒÁѹ Í‹ÒÇä·Â ราษฎรด้วยการแขวนกระดิ่งไว้เพ่ือ ¹¤ÃÈÃÕ¸ÃÃÁÃÒª ให้ราษฎรท่ีเดือดร้อนมาส่ันกระดิ่ง ÍҳҨѡÃÈÃÕÇԪѠÁÐÅÐ¡Ò ·ÐàŨչ㵌 ร้องทุกข์ และทรงไต่สวนตัดสินคดี ด้วยพระองค์เอง ▲ แผนท่ีสังเขปแสดงอาณาจักรสุโขทัย ในสมยั พ่อขนุ รามค�าแหงมหาราช (๒) ทรงสรา้ งความมนั่ คงใหอ้ าณาจกั รโดยขยายอาณาเขต ของสุโขทัยออกไปอย่างกวา้ งขวาง 6๗ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู การท่ีพอขุนรามคาํ แหงใหประชาชนมารอ งทุกขต อพระองคโดยตรง 1 ขนุ สามชน เปนเจา เมืองฉอด (เมืองฉอดในปจ จุบนั คอื อ.แมส อด จ.ตาก) เกดิ ผลดีอยางไร เม่อื พอขนุ ศรอี นิ ทราทิตยไดค รองกรุงสุโขทยั ขนุ สามชนไดย กทพั มาตีเมอื งตาก แนวตอบ ทาํ ใหพ อ ขุนรามคําแหงทรงทราบปญ หาทีแ่ ทจรงิ ของราษฎร พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ยจ งึ ยกทพั ออกไปตอ สู แลว ไพรพ ลของพอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ยเ สียที และตัดสินปญ หาหรอื ชว ยแกไขปญ หาใหก บั ราษฎรไดอ ยา งรวดเร็ว ทําให พระรามคําแหงซ่งึ เปน พระราชโอรสจงึ ขับชางเบกพลเขาตอ สูกับขนุ สามชนซ่ึงข่ชี า ง ราษฎรมคี วามสขุ ในการดาํ เนนิ ชวี ติ และบา นเมอื งมคี วามสงบรม เยน็ ชือ่ มาสเมือง และพระรามคําแหงไดช ยั ชนะ 2 พอปกครองลกู มีชอ่ื เรียกอีกอยางหนงึ่ วา “ปตุลาธิปไตย” โดยพอขุนมฐี านะ เปนเสมอื นหัวหนา ครอบครัว สวนราษฎรมฐี านะเปนเสมือนลูก การปกครองแบบน้ี ใชในชว งแรกๆ ของอาณาจกั รสุโขทัย คมู อื ครู 67

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนักเรียนรวมกันสรุปพระราชกรณียกจิ ของ ๒) ด้านสังคมและวัฒนธรรม พอ ขนุ รามคําแหงมหาราชในดานสงั คมและ (๑) ทรงส่งเสริมการนับถือพระพุทธศาสนาโดยนิมนต์ วฒั นธรรมเปนขอๆ พระสงฆ์นิกายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราชมาอยู่ที่ 2. ใหนกั เรียนรวมกนั แสดงความคดิ เห็น สโุ ขทยั จดั ใหม้ กี ารเทศนาสงั่ สอนประชาชนทกุ วนั พระ และทรงสรา้ ง ในประเด็นที่กาํ หนดให เชน วดั หลายแหง่ เชน่ วดั มหาธาตุ ทรงวางรากฐานการนบั ถอื พระพทุ ธ- • การทพ่ี อขนุ รามคําแหงทรงสงเสรมิ ศาสนา ทา� ให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของรฐั ไทยสมัยต่อๆ มา การนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา ทําใหเ กิดผลดี อยา งไรบา ง (๒) ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ ทรงประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยหรอื ลายสอื ไทย (แนวตอบ ท�าให้คนไทยมตี ัวอักษรท่ีเป็นเอกลักษณข์ องชาติใชม้ าจนปจั จบุ ัน - ทําใหพ ระพทุ ธศาสนาเปนศาสนาของ ชาตไิ ทย - ทําใหประชาชนปฏบิ ัติตามหลักธรรม สง ผลใหสงั คมเกิดความสงบสขุ ) 3. ใหน กั เรยี นอานคาํ แปลของตวั อยา งขอความ ทป่ี รากฏในศิลาจารึก แลวใหชว ยกนั บอกวา ทราบขอ มูลเพิ่มเตมิ อะไรบา ง 4. ครตู ง้ั ประเดน็ คําถามใหน กั เรียนชว ยกันตอบ • นักเรยี นคดิ วา ถาคนไทยไมม ีอักษรใช จะมผี ลอยางไร (แนวตอบ ทาํ ใหไมม ีอกั ษรในการบันทึก เรือ่ งราวตา งๆ) ¶Í´à»¹š ÀÒÉÒä·Â»¨˜ ¨ºØ ¹Ñ ¤ÇÒÁÇ‹Ò “...àÁÍ×è ¡‹Í¹ÅÒÂÊÍ× ä·Â¹éÕ º‹ÁÕ ñòðõ È¡»Á‚ ÐáÁ ¾‹Í¢¹Ø ÃÒÁ¤Òí á˧ ËÒã¤Ãã‹ ¨ã¹ã¨áÅãÊÅ‹ ÒÂÊÍ× ä·Â¹Õé ÅÒÂÊ×Íä·Â¹é¨Õ Ö§ÁàÕ ¾è×͢ع¼¹ŒÙ ¹Ñé ãÊä‹ ÇŒ...” (ข้อความท่ีแปล) …เม่ือก่อนปี ๑๒๐๕ ยังไม่เคยมีรูปอักษรไทยปรากฏมาก่อน พ่อขุนรามค�าแหง ไดท้ รงประดิษฐ์ข้ึน รูปอกั ษรไทยจงึ ได้มขี ้นึ ใช…้ 68 มุม IT ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การท่ีพอขุนรามคาํ แหงทรงสงเสริมการนับถือพระพทุ ธศาสนา ทําใหเ กดิ ครูและนกั เรยี นดขู อมูลเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั ลายสือไทยไดจากเวบ็ ไซต ผลดตี อ คนไทยอยา งไร www.pasasiam.com หรือเวบ็ ไซต www.sukhothai.go.th โดยคลิกท่ี แนวตอบ ทาํ ใหค นไทยไดม หี ลกั ธรรมสาํ หรบั ใชใ นการดาํ เนนิ ชวี ติ รวมทง้ั กําเนดิ ลายสือไทยและศิลาจารึก พระพทุ ธศาสนากไ็ ดป ระดษิ ฐานอยา งมน่ั คงเปน ศาสนาหลกั ของชาติ สบื ตอ เนอื่ งกนั เรอื่ ยมาจนถงึ ปจ จบุ นั บรู ณาการอาเซียน ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหนักเรียนเขาใจวา พระพุทธศาสนาไดเ ผยแผเขา มา ในภูมิภาคอาเซียน ทาํ ใหประเทศตา งๆ หลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน เชน ไทย ลาว เมียนมา กัมพูชา เปนตน มีประชากรสว นใหญนบั ถือพระพุทธศาสนา ซ่งึ ทําใหไ ดรับอทิ ธิพลจากพระพทุ ธศาสนาในหลายๆ ดา นทคี่ ลา ยคลงึ กนั เชน การทาํ บญุ ตักบาตร การไหว เปน ตน 68 คูมือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓) ดา้ นเศรษฐกิจ 1. ใหนักเรียนรว มกนั แสดงความคิดเหน็ วา (๑) ทรงให้ต้ังเตาเผาเพือ่ ผลิตเคร่อื งสงั คโลก ทัง้ เพอ่ื ใชใ้ น การท่ีพอขนุ รามคําแหงมหาราชทรงสงเสริม สุโขทัยและสง่ ไปขายยังต่างถน่ิ ดานการคา โดยการไมจัดเกบ็ ภาษผี านดา น (๒) ทรงใหส้ รา้ งท�านบกกั เกบ็ น�้า เรียกวา่ สรีดภงส  1เพื่อ สงผลดีอยางไรบา ง แก้ปญั หาขาดแคลนน�้าในตัวเมอื งสุโขทัย (แนวตอบ ทาํ ใหก ารคาในสมัยสุโขทัย (๓) ทรงส่งเสริมการค้าด้วยการไม่เรียกเก็บภาษีผ่านด่าน มีความเจรญิ เติบโต และเกิดความมัง่ คั่ง (จังกอบ) จากพ่อค้าทเี่ ข้ามาคา้ ขาย ทา� ให้การค้าเตบิ โต ทางเศรษฐกิจเปน อยางมาก) ๔) ด้านความสมั พนั ธ์กบั เพ่อื นบ้าน แวน่ แควน้ (๑ต)า่ งทๆรงเสชรน่ ้างเคปว็นาพมนั สธัมมพติ ันร2ธก์ทับาพงญกาารมทงั ูตราแยละแวหัฒง่ นอธารณรามจกักับร 2. ครูตั้งประเด็นคําถามใหน ักเรยี นรวมกันแสดง ลา้ นนาและพญางา� เมอื งแหง่ อาณาจักรพะเยา ความคดิ เห็นและตอบคาํ ถาม เชน (๒) ทรงส่งทูตไปประเทศจีน • นกั เรยี นคิดวา การสรางสรดี ภงส มผี ลดตี อ เปน็ ครง้ั แรก เมอ่ื พ.ศ. ๑๘๓๕ และเมอ่ื เศรษฐกจิ ในสุโขทยั อยา งไร (แนวตอบ ทาํ ใหราษฎรมีน้ําใชใ นการปลกู พชื จงึ มีผลผลิตในการคาขาย) • การสรา งความสมั พนั ธทางการทูตกับ แวน แควนและประเทศอื่นๆ ในสมยั สุโขทยั กอใหเกดิ ผลดีอยา งไร (แนวตอบ ทาํ ใหสุโขทยั มคี วามมนั่ คง และสามารถคา ขายกับประเทศอื่นๆ ได) พ.ศ. ๑๘๓๖ ทูตจากจีนได้เดินทางมา ตอบแทนการสง่ ทตู ไปของไทย นบั เปน็ คณะทูตจีนชุดแรกท่ีได้เดินทางมายัง สโุ ขทัย และเชือ่ กนั วา่ สุโขทยั รับวิธีการ ท�าเครื่องสังคโลกมาจากจนี (ภาพวาดตามจนิ ตนาการ) ราชทูตไทยเขา้ เฝา พระจกั รพรรดิของจีน กิจกรรมพฒั นาการเรียนรทู้ ่ี ๑ (ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมขึน้ อยกู บั ดุลยพินจิ ของครูผูสอน) สรปุ พระราชประวัตแิ ละพระราชกรณยี กิจโดยสงั เขปของ พ่อขนุ ศรีอินทราทิตย์ และพอ่ ขุนรามคา� แหงมหาราช ลงในสมดุ 6๙ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู เราควรปฏิบัตติ ามขอ ใดเพอ่ื เปนการเทดิ ทนู พระคณุ ของ 1 สรีดภงส ตั้งอยูบรเิ วณเมอื งเกา ทาํ นบนี้เปนเขื่อนดนิ สาํ หรบั กั้นน้าํ พอ ขุนรามคาํ แหงมหาราช อยูระหวางซอกเขา คอื เขาพระบาทใหญ และเขากวิ่ อายมา เปนภมู ิปญญา ในสมยั สุโขทัยท่ีสรางขึ้นเพือ่ กักนํ้า และชกั นํ้าไปตามคลองสง นา้ํ มาเขา กาํ แพงเมอื ง 1. ใชภ าษาไทยใหถูกตอง เขา สระตระพงั เงนิ ตระพงั ทอง เพ่อื นาํ ไปใชใ นเมอื ง 2. นาํ หลักศิลาจารกึ มาเกบ็ ไวทบ่ี าน 2 พันธมิตร การเปน พันธมิตรระหวา ง 3 ผูนาํ อาณาจกั รสุโขทัย ลา นนา 3. ใชคําพดู เลียนแบบคนในสมัยสโุ ขทยั และพะเยา ปจจัยหนึ่งนา จะเปน การเตรยี มการเพอ่ื เตรยี มรับมือกบั การคกุ คาม 4. เดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรียของพระองคท กุ วนั ทางตอนเหนอื จากการขยายอทิ ธพิ ลของพวกมองโกล จากดนิ แดนจีน วเิ คราะหค ําตอบ พอ ขุนรามคาํ แหงทรงเปน ผูคิดประดษิ ฐอ กั ษรไทย ทาํ ใหค นไทยมอี กั ษรไทยใช และตวั อกั ษรไทยถอื เปน เอกลกั ษณข องชาตไิ ทย เราควรแสดงความเทดิ ทนู พระคุณของพอ ขุนรามคําแหงมหาราช โดยการ ใชภาษาไทยใหถ ูกตอ ง ดังน้ัน ขอ 1. เปน คําตอบท่ีถกู ตอง คูม ือครู 69

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน ักเรยี นผลัดกนั ตงั้ คําถามเกย่ี วกบั ๓. พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) พระราชประวตั แิ ละผลงานดา นการเมือง พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) เป็นหลานปูของพ่อขุน- การปกครองในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 รามคา� แหงมหาราช ครองราชสมบัติในช่วง พ.ศ. ๑๘๙๐ - ระหว่าง (ลิไทย) แลว ใหเ พ่อื นๆ ชวยกันตอบ พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๑๙๑๖ ผลงานส�าคัญ 2. ใหน กั เรียนรวมกนั สรปุ การเมอื งการปกครอง ๑) ดา้ นการเมืองการปกครอง ในสมยั พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) หลงั สมยั พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราช ความเขม้ แขง็ ในทาง เปนขอ ๆ แลวบนั ทกึ ลงในสมุด ทหารของสุโขทัยลดลง หัวเมืองประเทศราชหลายแห่งแยกตัวเป็น อิสระ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) ทรงมีพระราโชบายรวบรวม 3. ใหน ักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา เมืองต่างๆ เข้ามารวมกบั สโุ ขทัยดังเดมิ โดยอาศัยพระพทุ ธศาสนา เพราะเหตใุ ด กรุงสุโขทัยในสมยั พระมหา- เป็นส่ือกลางการเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรต่างๆ นอกจากน้ี ธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) แมไมสามารถขยาย ได้เสด็จไปประทับยังเมืองต่างๆ ของสุโขทัยเพ่ือสร้างความมั่นคง อาณาเขตไดกวางขวางเหมอื นสมยั ของ ให้กับอาณาจักร เช่น เสด็จไปประทับท่ีเมืองแพร่นาน ๗ เดือน พอขนุ รามคาํ แหงมหาราช แตยังสามารถ ประทับท่ีเมืองพิษณุโลกนาน ๗ ปี เพื่อปองกันการรุกรานของกรุง สรา งความสงบและความมั่นคงใหกบั ศรีอยุธยา แม้ในสมัยพระมหา- สุโขทัยไดเ ปน อยา งดี (แนวตอบ เพราะพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลิไทย) ทรงใชห ลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาใน การปกครองราษฎร ทําใหราษฎรอยูด ว ยกัน อยา งสงบสุข และทรงใชพระพทุ ธศาสนา มาเปน ส่อื กลางในการเจรญิ สมั พันธไมตรีกับ อาณาจกั รตางๆ เพือ่ ปองกนั การรกุ รานของ อาณาจักรอ่ืนๆ เปน ตน) ธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) สโุ ขทัย ไม่สามารถขยายอาณาเขตได้ กว้างขวางเหมือนสมัยพ่อขุน- รามคา� แหงมหาราช แตส่ ามารถ สร้างความสงบและความม่ันคง ให้กบั สุโขทัยไดเ้ ป็นอยา่ งดี 1 ▲ พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณโุ ลก ๗๐ นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พระมหากษัตริยพระองคใ ดในสมยั สโุ ขทยั ท่ที รงนํารปู แบบการปกครอง 1 พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยูท ี่วัดพระศรรี ัตนมหาธาตวุ รมหาวิหาร แบบธรรมราชามาใชในการปกครองบา นเมอื งเปนพระองคแ รก จงั หวดั พษิ ณโุ ลก สนั นษิ ฐานวา สรา งขน้ึ ในสมยั พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลิไทย) 1. พระยาลไิ ทย เปนพระพทุ ธรูปทม่ี ีพุทธลักษณะงดงาม 2. พระยาเลอไทย 3. พอขนุ ศรอี นิ ทราทิตย พระพทุ ธชนิ ราชเปนพระพุทธรูปคบู า นคเู มืองของไทยมาแตโ บราณ ตามตํานาน 4. พอ ขนุ รามคําแหงมหาราช กลา ววา พระพุทธชินราชถกู สรา งขึน้ พรอ มกับพระพทุ ธชินสีห และพระศรีศาสดา วิเคราะหค ําตอบ พระยาลไิ ทย เพราะพระองคทรงเหน็ วา การแกไ ข เมอื่ พ.ศ. 1900 เพ่อื ประดษิ ฐานในพระวิหารทิศของวัดพระศรีรตั นมหาธาตฯุ ปญหาบานเมืองดวยการใชอ ํานาจทหารอยา งเดียวนนั้ ไมสามารถทาํ ได เมอื งพิษณโุ ลก เพราะอํานาจทางการทหารในสมัยของพระองคไมเขม แขง็ พอ จงึ ทรง นาํ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาชวยในการปกครอง และทรงเปน 70 คมู ือครู ผปู ฏบิ ัติธรรมเปนตวั อยา งดว ยการออกผนวช สงเสรมิ พระพุทธศาสนา ในดานตางๆ เชน สรางถาวรวัตถทุ างพระพทุ ธศาสนา พระราชนิพนธ หนงั สอื เกยี่ วกับพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื ใหประชาชนยึดหลักธรรมใน การดํารงชวี ิต ดงั นั้น ขอ 1. เปนคาํ ตอบทถ่ี กู ตอง

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒) ด้านศาสนา 1. ครูซกั ถามนักเรยี นเก่ยี วกบั ขอมลู หนา 71 วา ในสมัยสุโขทัย พระพุทธศาสนาได้รับการเคารพนับถือ • จากขอ มูล ส่งิ ใดเปน หลกั ฐานแสดงวา พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลไิ ทย) ทรงมี มากและเจริญสงู สุดในสมัยของพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลไิ ทย) ซึ่ง พระราชศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา เป็นหลานของพ่อขุนรามค�าแหง โดยพระยาลิไทยทรงเป็นกษัตริย์ (ตอบ การทพ่ี ระองคทรงผนวช และทรง พที่มระีพรราชะรนาพิ ชนศธรห์ัทนธงัาสในอื เพกรยี่ ะวพกุทบั ธพศราะพสนทุ าธเศปา็นสอนยาเ่ารงอ่ื ยงิ่งไตพรรภะมู อพิ งรคะ์ทรรว่ งง1 พระราชนิพนธห นงั สอื ไตรภมู ิพระรว ง) เมอื่ พ.ศ. ๑๘๘๘ หนังสอื เร่อื งน้ีได้ถกู น�ามาใชเ้ ป็นหลักในการศึกษา พระพุทธศาสนามาจนปจั จบุ ัน 2. ใหน ักเรยี นสรปุ พระราชประวตั ิและผลงาน ของพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลไิ ทย) 3. ใหนกั เรยี นแบงกลมุ แลว อภปิ รายวา พระมหากษตั รยิ ใ นสมยั สโุ ขทยั มีความสําคัญ ตอการพัฒนาสโุ ขทยั อยางไร จากนั้น สง ตวั แทนออกมานาํ เสนอผลงานท่หี นาชน้ั 4. ใหนกั เรียนทําแบบฝกกิจกรรม จากแบบวัดฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 แลวนําเสนอหนาช้ัน ใบงาน ✓ แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ประวัติศาสตร ป.4 แบบฝก กจิ กรรม เรอ่ื ง บคุ คลสา� คญั ๒บทที่ บุคคลสาํ คญั สมัยสโุ ขทัย หนงั สือไตรภมู ิพระรว่ ง แบบฝก กจิ กรรม บคุ คลสาํ คญั เป็นพระราชนพิ นธ์ คาํ ชีแ้ จง : การศกึ ษาประวตั ิบุคคลสาํ คัญสมยั สโุ ขทัย ทําใหทราบประวตั ิและ ในพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลไิ ทย) ผลงานของบคุ คลสาํ คญั ในสมยั สโุ ขทยั และเกดิ ความภาคภมู ิใจใน วดั ปา มะมว่ ง จังหวดั สุโขทยั บรรพบุรษุ ไทย เป็นท่ีจา� พรรษาของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ นาํ ขอ ความทกี่ าํ หนดเตมิ ลงในตารางใหถ กู ตอ งและสมั พนั ธก นั ขณะทรงผนวช ● ทรงพระราชนพิ นธไตรภูมพิ ระรว ง ● ทรงรวบรวมหัวเมืองทีเ่ คยแยกตัว ๓) ด้านความสัมพนั ธ์กับเพื่อนบ้าน ● ทรงเปน ผปู ระดษิ ฐอ กั ษรไทย เปนอสิ ระเขา มารวมกบั สโุ ขทัยดังเดิม พระองค์ทรงใช้พระพุทธศาสนามาเป็นสื่อกลางในด้าน ● ทรงสง พระสงฆไปเผยแผพ ระพทุ ธศาสนา ● ทรงรว มมอื กบั พอ ขนุ ผาเมอื งขบั ไลข อม ทการงรสเจง่ รพิญระสสัมงพฆัน์ไปธเไผมยตแรผีแพ่ ลระะวพัฒทุ นธศธารสรมนากใับนแลวา้ น่นนแาค2ว้นต่างๆ เช่น ในลานนา ● ทรงนมิ นตพ ระสงฆจ ากนครศรธี รรมราช ● ทรงมพี ระนามเดมิ วา พอ ขนุ บางกลางหาว มาอยทู ก่ี รุงสโุ ขทยั ๗๑ ● ทรงใหแขวนกระดงิ่ เพ่อื ใหร าษฎรมา ● ชนชางชนะขนุ สามชน เจา เมืองฉอด เฉฉบลบั ย รอ งทุกขต อ พระองคได ● ทรงเปน ปฐมกษตั รยิ แ หง ราชวงศพ ระรว ง พอขุนศรอี ินทราทิตย พอขุนรามคาํ แหง พระมหาธรรมราชา (ลิไทย) …●……ท…ร……ง…ม…พี ……ร…ะ…น……า…ม…เ…ด…ิม……ว…า … …●……ท…ร…ง…เ…ป…น……ผ…ปู …ร…ะ…ด……ษิ …ฐ…………… ●………ท…ร……ง…พ……ร…ะ……ร…า…ช……น…ิพ……น……ธ… พอ ขุนบางกลางหาว อกั ษรไทย ไตรภูมพิ ระรว ง………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… …●……ท…ร…ง……ร…ว …ม…ม……อื …ก…บั……พ…อ……ข…นุ …-… …●……ท…ร……ง…ใ…ห……แ…ข…ว……น…ก……ร……ะ…ด…ิ่ง… ทรงสง พระสงฆ●………………………………………………………… ………ผ…า…เ…ม…ือ…ง……ข…ับ…ไ…ล……ข …อ…ม…………… ………เพ……อื่ …ใ…ห……ร …า…ษ……ฎ…ร…ม……า…………… ………ไป……เ…ผ…ย…แ…ผ……พ…ร……ะ…พ…ทุ ……ธ…-……… …●……ท…ร……ง…เ…ป…น……ป…ฐ……ม…ก……ษ…ัต……ร…ิย… ………ร…อ …ง…ท……กุ …ข…ต …อ… …พ…ร…ะ…อ……ง…ค…ไ…ด… ศาสนาในลา นนา………………………………………………………… ………แ…ห…ง……ร…า…ช…ว…ง……ศ…พ……ร…ะ…ร…ว…ง…… …●……ท…ร……ง…น……ิม…น……ต……พ…ร……ะ…ส……ง…ฆ… ●………ท…ร…ง……ร…ว…บ…ร……ว…ม…ห…ว…ั …เม…อื……ง…ท…่ี จากนครศรธี รรมราช เคยแยกตัวเปนอิสระ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… มาอยทู ่กี รุงสโุ ขทยั เขามารวมกับสุโขทัย………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ชนชางชนะขุนสามชน ดงั เดมิ………………………………………………………… …●……………………………………………………… ………………………………………………………… เจาเมอื งฉอด………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ๔๐ กจิ กรรมทา ทาย นักเรยี นควรรู ใหน ักเรยี นจดั ทาํ แผน พบั เพอื่ นําเสนอพระราชประวัติและผลงานของ 1 ไตรภูมพิ ระรวง หรอื ไตรภูมิกถา เปน เรอื่ งราวทพ่ี รรณนาถึงเรื่องการเกดิ พระมหากษตั ริยในสมัยสุโขทัยท่ีกําหนดให โดยเลอื ก 1 พระองค การตาย ของสตั วท ง้ั หลายวา การเวยี นวา ยตายเกดิ อยใู นภมู ทิ งั้ สาม คอื กามภมู ิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ดวยอาํ นาจของบญุ และบาปที่ตนไดทาํ ไว ทําใหผ ูอานเกิด 1. พอขนุ ศรีอนิ ทราทิตย ความเกรงกลวั ในการทาํ บาป และเกิดความปตยิ นิ ดีและมงุ ม่นั ในการทาํ บุญกศุ ล 2. พอ ขนุ รามคําแหงมหาราช 2 ลา นนา ตรงกับรัชสมัยของพระเจา กือนาแหงลา นนา โดยทางสุโขทยั ได 3. พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) อาราธนาพระสังฆราชสมุ นเถระ ใหเดนิ ทางไปเผยแผพ ระศาสนาทีเ่ มอื งเชียงใหม แลว นาํ เสนอผลงานหนาช้นั และสงครูตรวจ จากน้ันใหค รเู ก็บแผน พบั ไว เพ่อื ใชเ ปน ส่อื การเรียนการสอนในโอกาสตอๆ ไป คูม อื ครู 71

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. นักเรียนเขียนสรุปพระราชกรณยี กิจ กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ñ โดยสังเขปของพระมหากษตั ริยในสมัยสุโขทัย ลงในสมุด ๑. เขียนสรปุ พระราชกรณยี กจิ โดยสงั เขปของพระมหาธรรมราชา ท่ี ๑ (ลิไทย) ลงในสมุด 2. นกั เรียนแบง กลมุ ทํารายงานพระราชประวัติ ๒. แบง่ กลุม่ ร่วมกันอภปิ รายว่า “พระราชกรณยี กจิ ของ และพระราชกรณียกจิ ของพระมหากษตั รยิ  พระมหากษตั รยิ ในสมยั สโุ ขทัยมีความสําคญั ตอ่ การพฒั นา ในสมัยสโุ ขทัยเพ่มิ เติม สโุ ขทยั อย่างไร และสง่ ผลอยา่ งไรต่อประเทศไทยในปจจุบัน” ๓. แบง่ กลมุ่ สบื คน้ พระราชประวัตแิ ละพระราชกรณยี กิจของ 3. ใหน ักเรียนเขยี นสรุปคุณธรรมและ พระมหากษตั รยิ ์ในสมยั สโุ ขทยั เพม่ิ เตมิ แลว้ จดั ทา� เปน็ รายงาน ความประทบั ใจท่มี ีตอพระมหากษัตรยิ  ของสุโขทยั แลวออกมาอานท่ีหนาชั้น 4. ใหนกั เรยี นเขียนเรียงความเรอ่ื ง สโุ ขทัย ดนิ แดนแหง ความสขุ ดว ยพระบารมี แลว ผลดั กนั ออกมาอานท่ีหนาชั้น ตรวจสอบผล Evaluate กิจกรรมรวบยอด 1. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการเขยี นสรุป (ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมข้นึ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครผู ูส อน) พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตรยิ  ในสมยั สโุ ขทัย ๑. เขยี นบรรยายความประทบั ใจทม่ี ตี อ่ พระมหากษตั รยิ ข์ องสโุ ขทยั จากน้ันออกมาอ่านท่หี น้าชน้ั 2. ครตู รวจสอบความถกู ตองของรายงานและ การเขียนสรุปคุณธรรมและความประทับใจ ๒. สรปุ คุณธรรมของพระมหากษตั ริย์ในสมัยสุโขทยั ท่นี ่ายกย่อง ท่ีมีตอพระมหากษัตริยสุโขทยั ของนักเรยี น และนา� ไปเป็นแบบอย่างการปฏบิ ัติตนในชีวติ ประจา� วัน 3. ครตู รวจสอบความถกู ตองของเรียงความ ๓. เขียนแผนผงั ความคิดหรอื แผนภาพ เพ่อื สรปุ ความร้เู กี่ยวกบั และการนาํ เสนอผลงานของนกั เรียน พระราชกรณยี กิจในด้านตา่ งๆ ทีส่ �าคญั ของพระมหากษัตรยิ ์ ในสมัยสุโขทยั แลว้ นา� เสนอผลงานหน้าชนั้ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๔. เขียนเรยี งความเร่อื ง “สโุ ขทยั ดินแดนแหง่ ความสุข 1. ผลการสรปุ เร่อื งพระราชกรณียกจิ ของกษัตริย ดว้ ยพระบารม”ี จากนั้นผลัดกนั ออกมาอ่านทหี่ นา้ ชัน้ ในสมัยสุโขทยั แลว้ นา� ผลงานไปจดั ปา ยนเิ ทศ 2. ผลงานสรุปคุณธรรมของกษตั ริยใ นสมยั สโุ ขทัย 3. เรยี งความเรือ่ ง สโุ ขทัย ดนิ แดนแหง ความสุข ดว ยพระบารมี ๗๒ เฉลย กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรทู ี่ 2 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 1.,3. แนวตอบ ขึ้นอยกู บั ดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน การศกึ ษาประวตั บิ คุ คลสาํ คญั ในสมยั สโุ ขทยั เพอ่ื ประโยชนใ นดา นใดมากทสี่ ดุ 2. แนวตอบ พระมหากษตั ริยใ นสมยั สโุ ขทัยทรงเปน ผนู าํ ในการพัฒนาสุโขทยั เชน 1. ทําใหเกิดความรสู ึกชาตนิ ิยม 2. สามารถเลาใหชาวตางชาติฟง ได ทรงทําศึกกบั ศัตรผู รู กุ ราน ทรงสงเสริมการคา โดยการไมเ รยี กเก็บภาษีผานดา น 3. ดาํ รงตนอยใู นสงั คมไดอยา งมคี วามสุข ทรงสรา งสรรคศ ลิ ปะและวฒั นธรรมทสี่ ง ตอ มาถงึ ปจ จบุ นั เปน ตน 4. นาํ มาเปน แบบอยา งในการดําเนินชวี ิต พระราชกรณยี กจิ ตา งๆ เหลา นไ้ี ดส ง ผลใหส โุ ขทยั มกี ารพฒั นาในดา นตา งๆ วเิ คราะหค าํ ตอบ การศึกษาประวัตบิ คุ คลสาํ คัญก็เพื่อใหสามารถนํามา จนเจรญิ รงุ เรอื งตอ เนอ่ื งมาจนถงึ ปจ จบุ นั เปนแบบอยา งในการดําเนนิ ชีวติ ได เพราะพระมหากษัตริยทกุ พระองค ทรงเปน แบบอยา งในดา นตา งๆ เชน ความกลา หาญ ความเสียสละ การปฏบิ ัตติ ามหลักธรรม เปนตน ดงั น้ัน ขอ 4. เปนคาํ ตอบท่ถี ูกตอ ง 72 คูมอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engaae Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู óบทที่ อธิบายภมู ปิ ญญาไทยท่ีสําคัญสมัยสโุ ขทัย ทนี่ าภาคภูมใิ จและควรคา แกการอนรุ ักษไ ด ภมู ิปญ ญาสมัยสโุ ขทัย (ส 4.3 ป.4/3) กิจกรรมนาํ สกู ารเรยี น สมรรถนะของผเู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญ หา 4. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี ¨Ò¡ÀҾ໚¹ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ÀÁÙ »Ô ˜ÞÞÒÊÁÂÑ ÊâØ ¢·Ñ 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ ·Õèà¡ÕÂè Ç¡ºÑ àÃè×ͧ㴠2. ใฝเ รียนรู 3. มุงมนั่ ในการทาํ งาน 4. รกั ความเปน ไทย 5. มีจติ สาธารณะ กระตนุ้ ความสนใจ Engage á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÞÑ ใหน ักเรียนดภู าพจากหนังสอื หนา 73 แลว ชวยกันบอกวา ã¹ÊÁÑÂÊØâ¢·Ñ ¤¹ä·Âä´ŒÊÌҧÊÃäÀÙÁÔ»˜ÞÞÒ µ‹Ò§æ ·éѧà¾×èÍᡌ䢻˜ÞËÒ㹡ÒôíÒçªÕÇÔµ ઋ¹ • จากภาพบง บอกถงึ ภูมิปญญาดานใดบา ง ¡Òè´Ñ ÃкºªÅ»Ãзҹ ÀÁÙ »Ô Þ˜ ÞÒ㹡ÒÃÊÃÒŒ §ÊÃä (แนวตอบ ดา นสถาปตยกรรม และดาน ÈÅÔ »Ç²Ñ ¹¸ÃÃÁ હ‹ ¡ÒûÃдÉÔ °Í ¡Ñ ÉÃä·Â §Ò¹ÈÅÔ »Ð ประติมากรรม ที่แสดงออกถงึ เอกลักษณ ·ÕèÁÕÃٻẺ੾ÒÐ¢Í§ÊØâ¢·Ñ ÀÙÁÔ»˜ÞÞÒ㹡ÒûÃѺ เฉพาะทเ่ี ปนภมู ปิ ญญาสมยั สโุ ขทยั ) ËÅÑ¡¸ÃÃÁã¹¾Ãоط¸ÈÒʹÒÁÒ㪌 㹡Òû¡¤Ãͧ ·íÒãËŒ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔ Âä·ÂÊÁѵ‹Íæ ÁÒ ÂÖ´¶×Í ๗๓ ËÅÑ¡¸ÃÃÁ㹡Òû¡¤Ãͧ เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรูโดยการใหนกั เรยี นปฏิบัติ ดังนี้ • ศกึ ษาคน ควาเก่ียวกบั ภมู ปิ ญ ญาสมัยสโุ ขทัย • อภิปรายเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญาสมยั สุโขทยั • วิเคราะหจ ากประเดน็ คําถามและภาพเกย่ี วกบั ภูมิปญญาสมัยสโุ ขทัย จนเกิดเปนความรคู วามเขาใจวา ภูมิปญญาสมยั สโุ ขทัยมีคณุ คาและเปนมรดก ของชาติไทย ท่คี นไทยทกุ คนควรชวยกนั ดูแลรกั ษาใหอยูคชู าติไทยตลอดไป คูม ือครู 73

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore 1. ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายความหมาย ภมู ปิ ญั ญาในสมยั สโุ ขทยั มอี ยหู่ ลากหลาย ทง้ั ภมู ปิ ญั ญาทเ่ี กย่ี วกบั คาํ วา ภมู ิปญ ญาไทย การดา� รงชวี ติ การแกป้ ญั หาการดา� รงชวี ติ ภมู ปิ ญั ญาในการสรา้ งสรรค์ ความเจริญทางวัฒนธรรม ศาสนา ตัวอย่างภูมิปัญญาสมัยสุโขทัย 2. ใหนกั เรยี นรว มกนั ยกตวั อยางสิ่งท่เี ปน มดี งั นี้ ภมู ิปญ ญาไทยเทาท่ีนักเรียนทราบ ๑. ภูมิปัญญาในการด�ารงชีวิต 3. ใหนักเรียนอา นขอ มูลเกยี่ วกับภูมปิ ญ ญา ในสมัยสโุ ขทัยจากหนงั สือ หนา 74-79 ไม่ใชพ่ด้ืนินฐแาดนนททาี่องเุดศมรสษมฐบกูริจณขอ์ งเสพุโรขาทะอัยยคู่บือริเเวกณษทตรี่รกาบรรเมชิงเแขตา1่สซุโ่ึงขเปท็นัย และสบื คนขอมูลจากแหลง เรยี นรอู ่นื ๆ เชน อทตุี่ลราดดติ ถจ์ึงซมงึ่ ีปตัญง้ั อหยาู่ใกนาบรรเกิเว็บณนล�้าุ่มไวแ้ใมชน่้ �้านยอมก2แจลาะกแนมี้ศ่นรา้�ีสนัช่านนาลัยเป็นสแุโขหทลัยง่ อนิ เทอรเนต็ หองสมุด เปน ตน เพ่ือนํามา รับน�้าจากภูเขา ท�าให้มีปัญหาน้�าท่วมขัง การเพาะปลูกได้ผลไม่ดี เปนขอ มูลในการสนทนาแลกเปล่ียนความรู ชาวสุโขทัยจึงใช้ระบบชลประทานช่วยควบคุมน้�าที่ไหลมาจากภูเขา ระหวางกนั ในหอ งเรยี น และน�้าที่ท่วมตามล�าน�้าต่างๆ ด้วยการสร้างคันดินและสร้างท�านบ กั้นน�้า เรียกว่า สรีดภงส ในท่ีลุ่มก็สร้างฝายทดน้�าและขุดคลอง อธบิ ายความรู้ Explain ส่งน้�าเพื่อน�าน�้าไปใช้ในพ้ืนที่รอบเมืองสุโขทัย และขุดบ่อ สระน�้า ที่เรยี กวา่ ตระพงั ไวท้ วั่ เมืองสุโขทัย ปัจจุบนั ยังมตี ระพังจ�านวนมาก 1. ครนู ําแผนที่หรอื ภาพถายของสุโขทัยมาให เหลือให้เหน็ การพฒั นาระบบชลประทานเป็นการใชภ้ ูมิปญั ญาของ นักเรียนดู พรอ มท้งั อธบิ ายลกั ษณะท่ตี ั้งของ สโุ ขทยั ในการแก้ปัญหาน้า� ท�าให้มนี �้าเพียงพอในการอปุ โภคบริโภค สโุ ขทยั ทมี่ ีปญ หาเร่ืองนา้ํ 2. ครแู นะนําใหนกั เรยี นดภู าพจากหนังสือ หนา 74 หรอื นาํ ภาพตระพงั ในสโุ ขทยั มาใหด ู แลวอธิบายเพ่มิ เติมถึงประโยชนข องสรดี ภงส และตระพัง 3. ใหน กั เรยี นเปรยี บเทยี บวา สรดี ภงสแ ละตระพัง มลี กั ษณะเหมือนสง่ิ ใดในปจ จบุ นั 4. ใหนกั เรยี นรว มกันสรุปผลดีหรือคุณคาของ สรีดภงสแ ละตระพัง 5. ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ถึงภมู ิปญญาในการดาํ รง ชวี ิตของชาวเมอื งสุโขทยั วา มีพ้นื ฐานมาจาก การพัฒนาระบบการชลประทานที่สรางข้ึน เชน สรดี ภงสและตระพงั นกั เรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT สรดี ภงส มีลักษณะคลายกบั สง่ิ ใดในปจจบุ ัน 1 ทีร่ าบเชงิ เขา ลักษณะเดนจะมบี รเิ วณดานหนงึ่ ตดิ กับภูเขา อยา งราชธานี 1. ทงุ นา สโุ ขทยั จะมีบริเวณดานทิศตะวนั ตกติดกับเทือกเขาประทกั ษ 2. คลอง 2 แมน้าํ ยม มีตน กําเนิดทเ่ี ทือกเขาผปี นนํ้าและเทอื กเขาแดนลาว ซ่งึ อยใู นเขต 3. ถนน จงั หวัดเชยี งราย พะเยา และนาน มีความยาวประมาณ 700 กโิ ลเมตร ไหลผาน 4. เขื่อน จังหวดั แพร สุโขทัย พษิ ณุโลก พจิ ิตร ไปบรรจบกับแมนา้ํ นา นทอี่ ําเภอชุมแสง วเิ คราะหค าํ ตอบ สรดี ภงสม ลี ักษณะเปนคนั ดนิ หรอื ทํานบสําหรบั กั้นนา้ํ จงั หวัดนครสวรรค กอนจะไปรวมกบั แมน้าํ ปงทีป่ ากนา้ํ โพ อาํ เภอเมือง เพือ่ กกั เก็บนา้ํ ไวใช ซึง่ มีลกั ษณะเหมอื นเขอ่ื นในปจ จุบนั ดังนั้น ขอ 4. จังหวัดนครสวรรค เกิดเปนแมนาํ้ เจา พระยา เปน คําตอบท่ีถูกตอ ง 74 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒. ภูมปิ ัญญาในด้านศลิ ปวฒั นธรรม 1. ครูถามนักเรียนวา นกั เรยี นรูหรือไมวา คนไทย มีตัวอักษรไทยใชตง้ั แตเ มือ่ ไร ในสมัยสุโขทัยมีการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาด้านศิลปวัฒนธรรม หลายอย่าง ได้แก่ 2. ครูสนทนาพดู คยุ ใหนักเรยี นเขา ใจวา ในสมัยสุโขทยั มีผลงานทีม่ คี ุณคาทางดา น ๑) พ่อขุนรามค�าแหงคิดประดิษฐ์อักษรไทย หรือเรียกว่า ศิลปวัฒนธรรมและตกทอดมาถึงปจ จบุ ัน ลายสอื ไทย เมอ่ื พ.ศ. ๑๘๒๖ เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทมี่ คี ณุ คา่ ยงิ่ อยมู าก พรอมยกตวั อยางประกอบ เชน ทสี่ บื ทอดจนถงึ ปจั จบุ นั การมตี วั หนงั สอื ใชท้ า� ใหม้ กี ารจารกึ เรอื่ งราว ภาษาไทย งานศิลปะตางๆ ต่างๆ ลงบนศิลาจารึก ซึ่งกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ี สา� คัญ๒ท)ค่ี นการ่นุรผหลลิตงั ไเดค้ใรช่ือ้ศงกึ สษังาคคโลน้ กค1นวา้ับเป็นภูมิปัญญาหนึ่งของชาว 3. ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น สุโขทัย สันนิษฐานว่าชาวสุโขทัยได้เรียนรู้วิธีท�าเคร่ืองสังคโลกจาก เกย่ี วกับประโยชนข องภาษาไทย ชา่ งชาวจนี และได้น�ามาพัฒนาจนมีรูปแบบของตนเอง และเครือ่ งสงั คโลก 4. ใหนักเรียนรว มกันอภิปรายวา เพราะเหตใุ ด ภาษาไทยจงึ เปน ภมู ปิ ญญาของไทยในสมยั สโุ ขทัย 5. ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นสืบคน ขอมูลเกีย่ วกบั เคร่ืองสังคโลกจากเว็บไซตทีอ่ ยดู า นลางของ หนา นี้ แลวนาํ มาสนทนาแลกเปลย่ี นความรู ระหวา งกันในหองเรียน เครอื่ งสงั คโลกแบบตา่ งๆ ซึง� เปน็ ภูมปิ ญั ญาของชาวสุโขทัย à¾Íè× ¹æ ¨ÐÊÒÁÒöà¼Âá¾Ã‹ÀÁÙ »Ô Þ˜ ÞÒ ã¹ÊÁÑÂÊØâ¢·ÑÂä´ÍŒ ‹ҧäúҌ § าผภู ๗๕ การคดิมสะามหเมาตดานขมพิ� เอืรหขดลอสอบเนน นักเรียนควรรู O-NETแนว 1 เครือ่ งสงั คโลก แบง ตามเตาเผาได 3 แหง คอื หลักฐานสมัยสโุ ขทยั ในขอใดท่ไี ดร ับอิทธิพลมาจากจีน 1. เคร่ืองสงั คโลกเตาสุโขทัย หรือเรียกวา เตาทุเรยี งสุโขทัย เครือ่ งสงั คโลกทพ่ี บ 1. เจดียทรงพุม ขาวบณิ ฑ 2. พระพุทธรปู ปางลลี า คือ ภาชนะใชส อยประเภทถวยชาม เครอ่ื งปนเคลอื บลายสีดํา หรือสนี าํ้ ตาล เนอื้ ดิน 3. เครือ่ งสงั คโลก คอ นขา งหยาบ 4. ศลิ าจารกึ วเิ คราะหค าํ ตอบ เครอ่ื งสงั คโลกเปน เครอ่ื งปน ดนิ เผาทม่ี กี ารสนั นษิ ฐานวา 2. เครื่องสังคโลกเตาทุเรยี งปายาง สวรรคโลก (ศรสี ัชนาลยั ) สว นใหญ ชาวสุโขทัยไดเ รียนรวู ิธีทาํ มาจากชา งชาวจนี แลวนาํ มาพัฒนาเปนรูปแบบ เผาสังคโลกประเภทตกแตง เชน รปู ยักษ นาค มังกร ตกุ ตา เปน ตน กระเบ้ือง ของตนเอง ดงั นัน้ ขอ 3. เปนคาํ ตอบท่ถี กู ตอ ง ลวดลายท่ีเขียนจะเปนลายดํา พน้ื ขาวนวล ฝม ือประณตี และน้ํายาเคลือบสวยงาม 3. เครอ่ื งสงั คโลกเตาทเุ รยี งเกาะนอ ย เปน แหลง เตาเกา เครอื่ งสงั คโลกทพี่ บ เชน เครือ่ งถว ยเคลือบสนี ้ําตาล ทเ่ี รียกกนั วา “ชะเลยี ง” ท่ีพบมีสีน้ําตาลไหม นํา้ ตาลอมเหลอื ง ตอ มามีการพัฒนาการเผาไดง ดงาม โดยมกี ารเคลอื บสีเขียวไขกา หรอื ทเ่ี รยี กวา เซลาดอน คมู อื ครู 75

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน กั เรยี นดภู าพ หนา 76 แลว บอกความรูส กึ ๓) ชาวสุโขทัยได้สร้างสรรค์งาน เม่ือเหน็ ภาพเหลาน้ี ศิลปะท่ีมีเอกลักษณ์ของตนเอง ศิลปะ สมัยสุโขทัยจัดได้ว่าเป็นศิลปะไทยที่มี 2. ครูอธิบายลักษณะที่เปน เอกลกั ษณข องผลงาน ความงดงามที่สุดและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ศิลปะในสมัยสโุ ขทัย เชน การสรา งเจดียเ ปน ของไทยมากที่สุด เศจิลดปยี ะท์ ทรีเ่ งปพน็ มุ่ เอขกา้ วลบกั ณิษณฑ1์์ รปู ทรงพุม ขาวบิณฑ การสรางพระพุทธรูป สมยั สโุ ขทยั ไดแ้ ก่ ปางลีลา หรือทรงดอกบวั ตมู พระพุทธรปู ปางลลี า ตา่ งๆ เชน่ เจดยี ท์ ว่ี ดั มหาธาตุ กลางเมอื ง ▲ พระอฏั ฐารส วดั มหาธาตุ 3. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา ศิลปะ สุโขทัยเก่า เจดีย์ที่อยู่ในวัดเจดีย์เจ็ดแถว ในสมยั สโุ ขทยั ทีม่ เี อกลกั ษณเ ฉพาะตัว ทาํ ให ทกุ คนเกดิ ความภาคภูมิใจอยา งไร 4. ใหน ักเรยี นทําแบบฝกกิจกรรม ขอ 1 จากแบบวดั ฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 แลวนําเสนอผลงานหนา ชัน้ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ท่ีศรีสัชนาลัย พระพุทธรูปปางลีลาท่ีวัด ประวตั ศิ าสตร ป.4 แบบฝก กจิ กรรม พระศรรี ตั นมหาธาตุเชลียง ทศี่ รีสชั นาลัย เรอ่ื ง ภมู ิปญ ญาสุโขทัย ๓บทที่ ภมู ิปญญาสมยั สุโขทัย พระพทุ ธชนิ ราช ทว่ี ดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ แบบฝกกิจกรรม ภมู ปิ ญ ญาสโุ ขทยั จังหวดั พษิ ณโุ ลก คําชแ้ี จง : การศึกษาเกี่ยวกับภูมิปญญาสุโขทัย ทําใหเราเห็นความสําคัญ ของภมู ปิ ญญาไทยและอนรุ กั ษภมู ปิ ญ ญาไทย ๑ ดภู าพ แลว บอกคณุ คา ของภมู ปิ ญ ญาสมยั สโุ ขทยั ตามทก่ี าํ หนด เฉฉบลบั ย วัดมหาธาตุ จังหวดั สุโขทัย ▲ พระพทุ ธรปู ปางลลี า วัดตระพังเงิน ภาพน้ี คอื สรดี ภงส หรือทาํ นบพระรวง………………………………………………………………………………………………………………………………………………… มคี ุณคา ดงั นี้ ………เป……น ……ท……าํ …น……บ…ก……้นั ……น……ํา้ …ท……ีใ่ …ช…ป ……ร…ะ…โ…ย……ช…น……ใ…น……ท…า…ง……ช…ล……ป…ร……ะ…ท…า……น… …เพ……่ือ……ช…ว…ย…ค……ว…บ……ค……ุม…น……ํ้า…ท……ี่ไ…ห……ล…ม……า…จ…า……ก…ภ……เู …ข…า……แ…ล……ะ…น……ํา้ …ท……่ีท……ว…ม…ต……า…ม…ล……ํา…น……า้ํ …ต……า…ง…ๆ…. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔๔ นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 เจดยี ท รงพมุ ขาวบิณฑ หรือเจดยี ทรงดอกบัวตูม มักสรางฐานสีเ่ หล่ียม ใหนกั เรียนศกึ ษาขอ มูลเก่ยี วกับลกั ษณะของศลิ ปะทเี่ ปน เอกลักษณ ซอนกันสามชนั้ องคเ จดียเปน เหลี่ยมยอ มุม ยอดเปนทรงดอกบวั ตมู สมยั สโุ ขทยั เชน เจดยี ท รงพุม ขาวบณิ ฑ พระพทุ ธรูปปางลลี า เปน ตน การกอ สรางใชศิลาแลงเปน แกน ฉาบดว ยปูน แลว สรุปประเดน็ สาํ คญั ลงในสมดุ จากน้นั นาํ เสนอผลงานหนาช้ัน มมุ IT บรู ณาการเชอ่ื มสาระ ครบู รู ณาการความรใู นสาระสงั คมศกึ ษาฯ วชิ าประวตั ศิ าสตรก บั สาระศลิ ปะ นกั เรยี นดขู อมูลเร่ืองศลิ ปะสโุ ขทยั ไดท่ี http://www.archae.go.th วิชาทศั นศลิ ป เรื่องการวาดภาพ โดยใหน ักเรยี นนาํ ความรเู ร่ืองการใชส ี ซง่ึ เปน เวบ็ ไซตของสํานักโบราณคดี กรมศลิ ปากร กระทรวงวัฒนธรรม ระบายภาพใหเกดิ มิติ ใหเ กิดแสงเงา และใหเกดิ นํ้าหนกั วาดภาพศิลปะใน สมยั สโุ ขทัยท่ีประทับใจ เพ่อื ใหเ กิดความรสู กึ ภาคภูมใิ จในภูมปิ ญ ญาของไทย 76 คูมือครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓. ภูมิปัญญาดา้ นศาสนา 1. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา พระพทุ ธศาสนาเขามา มีบทบาทสําคัญในดินแดนไทยนานแลว ๑) ผู้ปกครองสุโขทัยได้ ซึ่งเหน็ ไดจากการสรางผลงานทเ่ี กย่ี วกับ น�าหลักธรรมในพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา มาปรับใช้ในการปกครอง ท�าให้ ผู้ปกครองเปรียบเหมือนธรรม- 2. ครถู ามนักเรียนวา ราชา ถือเป็นหลักการปกครอง • พระพทุ ธศาสนามีสวนทาํ ใหเ กดิ ของกษตั ริย์ไทยทุกยุคทกุ สมยั ภมู ปิ ญ ญาไทยในสมยั สโุ ขทัยอยา งไรบา ง (แนวตอบ ๒) การได้ศึกษาเก่ียวกับ 1. เปนหลกั ทก่ี ษัตรยิ นาํ มาใชใ นการปกครอง พระพทุ ธศาสนา ท�าให้พระมหา- 2. มีวรรณคดีท่เี ก่ียวกับพระพุทธศาสนา ธรรมราชาที่ ๑ (ลไิ ทย) ไดท้ รง 3. มีผลงานศลิ ปะทเี่ กี่ยวกบั พระพุทธศาสนา) พระราชนิพนธ์ หนังสือเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ท่ีเก่ียวข้องกับ 3. ครูนําภาพถา ยทเ่ี ปนภมู ิปญ ญาสมยั สโุ ขทัย พระพทุ ธศาสนา และสมัยอื่นๆ ใหนักเรียนดู แลว ใหนักเรยี น ชวยกนั บอกวา ภาพใดเปน ภูมปิ ญ ญาสมัย ๓) การเคารพนับถือใน สุโขทัย และภาพใดไมใ ชภ มู ิปญ ญาสมัย พระพุทธศาสนา ท�าให้ชาว สโุ ขทยั พรอ มบอกเหตผุ ลประกอบ สุโขทัยได้สร้างสรรค์งานศิลปะ มาพอเขา ใจ ที่มีความงดงาม เพื่ออุทิศแด่ พระพุทธศาสนา เชน่ วดั เจดีย์ พระพทุ ธรปู 1 พระพทุ ธรปู ปางลลี า ศลิ ปะสมยั สโุ ขทยั ปจั จบุ นั ประดษิ ฐานอยู่ ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตพิ ระนคร กรงุ เทพมหานคร ๗๗ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู เพราะเหตุใดพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไทย) จึงได ครูนําภาพพระพทุ ธรูปสมัยสุโขทัยมาใหน กั เรยี นดู แลวอธบิ ายลกั ษณะเดน ๆ พระราชนิพนธห นังสือเร่ืองไตรภูมพิ ระรวง ท่ีนักเรยี นควรจดจํา เพ่อื จะไดจ ําแนกและอธิบายไดว า พระพุทธรปู สมัยนี้ แนวตอบ พระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงตอ งการใหผ คู นยดึ มนั่ ใน มีลักษณะเดนอยางไร พระพทุ ธศาสนา อยใู นศลี ธรรม มรี ะเบยี บวนิ ยั รบู าปบญุ คณุ โทษ มคี วามเกรงกลวั ตอ บาป และมคี วามปต ยิ นิ ดใี นการทาํ ความดี นกั เรยี นควรรู 1 พระพุทธรูปปางลีลา เปน ปางท่แี สดงใหเห็นถึงพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของ สมเด็จพระผมู พี ระภาคเจา ทีไ่ ดเ สดจ็ จาริกไปเผยแผพระธรรมแกผ คู นในแวนแควน ตา งๆ ทงั้ น้ี พระพทุ ธรูปปางลลี าไดร บั การสรางขนึ้ ในสมยั สโุ ขทัย เปน พระพทุ ธรูป ที่มคี วามงดงามมากและถอื เปนเอกลักษณของพุทธปฏิมาสมยั สโุ ขทยั อยา งหนึง่ คูมอื ครู 77

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนกั เรยี นรว มกนั ยกตวั อยางภูมิปญ ญาไทย ๔. คณุ ค่าของภมู ปิ ัญญาสมัยสุโขทัย ในสมัยสุโขทยั มาใหมากทส่ี ดุ ภูมิปัญญาท่ีบรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์ข้ึนน้ีมีคุณค่าสืบมา 2. ใหน ักเรียนรวมกันบอกประโยชนแ ละความ ถงึ ปจั จุบัน เชน่ สาํ คญั ของภมู ปิ ญ ญาไทยในสมยั สุโขทยั ทีย่ ก ๑) ภาษาไทย การประดษิ ฐอ์ กั ษรไทย หรอื ทเ่ี รยี กวา่ ลายสอื ไทย ตวั อยา งมาพอเขาใจ เกดิ ขน้ึ เมือ่ ปี พ.ศ. ๑๘๒๖ โดยพอ่ ขุนรามค�าแหงมหาราช พระองค์ ทรงดัดแปลงตัวอักษรขอมและมอญ ซ่ึงนิยมใช้กันแถบลุ่มแม่น�้า 3. ใหน ักเรยี นรวมกนั แสดงความคิดเห็นวา เจ้าพระยาเดิม นอกจากนี้ตัวอักษรน่าจะได้รับอิทธิพลจากตัวอักษร ถาเราไมมภี าษาไทยใชในชวี ติ ประจาํ วัน ของลังกาและอนิ เดยี ด้วย จะเกิดผลอยา งไร ภมู ปิ ญั ญาในการประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยของพอ่ ขนุ รามคา� แหง- 4. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา ภาษาไทยทาํ ใหท กุ คน มหาราช มีลักษณะพิเศษและมีประโยชน์ต่อการใช้เขียนเป็น รูวา เราเปน คนไทย และมีความเจรญิ รงุ เรอื ง มายาวนาน อยา่ งมาก เชน่ การนา� สระมาเรยี ง อยู่ระดับเดียวกันกับพยัญชนะ 5. ใหนกั เรียนรว มกนั สรปุ คณุ คา ของภาษาไทย หรือการเขียนพยัญชนะทุกตัว 6. ใหนักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเหน็ วา เรยี งอยบู่ นบรรทดั เดียวกนั ไม่มี พยัญชนะซ้อนกันเหมือนกับ จะชวยกันอนรุ ักษภาษาไทยไดอ ยา งไรบาง ตัวหนังสือของเขมร มอญ พมา่ เปน็ ตน้ ทา� ใหเ้ กดิ ความสะดวกตอ่ การพมิ พ์ในยคุ หลงั เปน็ อยา่ งมาก µÇÑ ÍÑ¡ÉÃä·Â·¾Õè ‹Í¢Ø¹ÃÒÁ¤íÒá˧ÁËÒÃÒª·Ã§»ÃдÉÔ °¢é¹Ö มสะามหเมาตดา ¶×Í໚¹¡ÒÃ»ÃºÑ ãª¤Œ ÇÒÁÃŒàÙ ´ÔÁ·ÁÕè ÍÕ ÂÙ‹ à¾è×ÍÊÃÒŒ §Ê§èÔ ãËÁ·‹ Õè áÊ´§¶Ö§àÍ¡Å¡Ñ É³á ÅФÇÒÁ໚¹ªÒµÔ·èÃÕ §‹Ø àÃ×ͧ ÁÇÕ Ñ²¹¸ÃÃÁ áÅÐÀÁÙ Ô»Þ˜ ÞÒ໚¹¢Í§µ¹àͧ ¨¹¡ÅÒÂ໚¹Áô¡µ¡·Í´ ·¹èÕ Ò‹ ÀÒ¤ÀÙÁÔ㨢ͧ¤¹ä·Â¨¹¶Ö§·Ø¡Çѹ¹¤éÕ ÃѺ ๗8 เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเก่ยี วกับสุโขทัย ครอู าจใหนักเรยี นชว ยกันแตง คาํ ขวัญในการอนรุ กั ษภาษาไทย จากนั้น ความเจรญิ รุงเรอื งของอาณาจักรสุโขทยั ในขอใด มีความสาํ คัญทส่ี ุด เขียนลงในกระดาษ พรอมทง้ั ตกแตงใหสวยงาม แลว นาํ ไปติดทป่ี า ยนเิ ทศ ท่ีกอ ใหเกิดเอกลักษณข องชาติไทย 1. การใหเ สรภี าพในการคา ขาย 2. การประดษิ ฐต วั อักษรไทย 3. การตรี ะฆงั รองทกุ ข 4. การปกครองแบบพอ ปกครองลกู (วิเคราะหคําตอบ จากคาํ ถามตอ งพิจารณาวา เอกลักษณข องชาติไทย คืออะไร ซ่ึงเอกลกั ษณของชาตไิ ทย หมายถึง ส่ิงท่ีแสดงใหเ ห็นถงึ ความเปน ชาตไิ ทย คอื ตวั อกั ษรภาษาไทย ดงั นน้ั ขอ 2. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง) 78 คมู ือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ดังนั้นการประดิษฐ์อักษรไทยจึงท�าให้คนไทยมีตัวหนังสือ 1. ใหน ักเรียนรว มกนั แสดงความคดิ เห็นวา ของตนเองใชใ้ นการบนั ทกึ เรอ่ื งราว การสรา้ งสรรคง์ านเขยี นประเภท ภาษาไทยมีคุณคาอยา งไร แลว สรุปเปนขอๆ ต่างๆ ต้ังแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน เช่น ผลงานทางศาสนา ผลงาน จากนัน้ จดบันทึกลงในสมดุ ทางประวัติศาสตร์ นทิ าน โคลงกลอน 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา ถา เรา ภาษาไทยเป็นภาษาประจ�าชาติไทย และเป็นภาษาของ ไมชว ยกนั อนุรกั ษภาษาไทยอาจเกิดผล คนไทย เป็นสัญลักษณ์อย่างหน่ึงที่แสดงถึงความเป็นคนไทยและ อยา งไรบา ง ชาติไทย เราจึงควรนึกถึงคุณค่าของภาษาไทย และช่วยกันรักษา ภาษาไทย ดว้ ยการปฏบิ ัติ ดังน้ี 3. ใหน กั เรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา ถาเห็น เพอื่ นใชภาษาไทยไมถกู ตองควรแกปญ หาน้ี อยา งไร เพราะอะไร ¾´Ù ÍÍ¡àÊÂÕ §ÀÒÉÒä·Â áÅзÊÕè Òí ¤ÞÑ µÍŒ §à¢Õ¹¤íÒ ãËŒª´Ñ ਹ áÅÐäÁ¾‹ Ù´ ãËŒ¶Ù¡µŒÍ§µÒÁµÇÑ ÊС´ ÀÒÉÒä·Â¤íÒ ÀÒÉÒÍѧ¡ÄɤíÒ ¾ÃŒÍÁ·Ñé§¾´Ù ¤Çº¡ÅÒíé ã˶Œ Ù¡µÍŒ §´ÇŒ ¹ШÐ ๗๙ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ดเราจึงตองใชภ าษาไทยใหถกู ตอ ง ครเู นน ยํ้าใหนกั เรยี นใชภ าษาไทยใหถ กู ตองทงั้ ในการพดู การอา น และการเขยี น แนวตอบ เพราะภาษาไทยเปน ภาษาประจําชาตเิ ปนภาษาของคนไทย ในชวี ติ ประจําวันและชี้ใหเหน็ คณุ คา ของภาษาไทยที่เปนสัญลกั ษณของชาติ เปนสัญลักษณข องชาติไทยเราจงึ ควรนึกถึงคุณคาของภาษาไทย และชว ยกนั อนรุ ักษภาษาไทยดวยการใชภาษาใหถ ูกตอง คูมือครู 79

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนากบั นักเรยี นวา ผลงานศิลปะในสมยั ๒) ศิลปะ ศิลปะในสมัยสุโขทัย สโุ ขทยั มคี วามสวยงามและเปนเอกลกั ษณ เช่น เจดยี ท์ รงดอกบัวตูม พระพทุ ธรูป จนไดร บั การยกยอ งใหเ ปน มรดกโลก เป็นต้น เป็นศิลปะแบบไทยที่แสดงถึง ความงดงามและมีเอกลักษณ์เป็นของ 2. ใหน กั เรียนบอกความรูสกึ เมอื่ ไดท ราบวา ตนเอง ศิลปะและมรดกทางวฒั นธรรม สโุ ขทยั ไดรับการยกยอ งใหเ ปนมรดกโลก ที่บรรพบุรุษได้สร้างขึ้นน้ี ท�าให้ทาง 3. ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา จะมี สวนรวมในการอนุรักษศ ลิ ปะในสมัยสโุ ขทยั อยางไร อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้รับการ ยกย่องให้เป็นมรดกโลก ท�าให้คนไทย เกิดความภาคภูมิใจในศิลปะและมรดก ทางวัฒนธรรมที่งดงาม และยังแสดง ยเู นสโกประกาศขน้ึ ทะเบยี น ให้อทุ ยานประวัตศิ าสตร์ สุโขทัยเปน็ มรดกโลก ใหเ้ หน็ ถงึ เออทุ กยลากั นษปณรอะ์ วนั ตั โดศิ ดาสเดตน่ รขส์ โุอขงทชยัา1ตหิ รอื ในอดตี เมอื งเกา่ สโุ ขทยั เคยเปน็ ราชธานขี องไทยทมี่ คี วามเจรญิ ทางดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คมมากกวา่ ๗๐๐ ปี ภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ประกอบด้วย สถานทส่ี า� คญั มากมาย เชน่ วดั มหาธาตุ วดั พระพายหลวง วดั ศรชี มุ สรีดภงค์หรือท�านบพระร่วง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามค�าแหง เตาทเุ รียง เปน็ ต้น à¾èÍ× ¹æ ÃŒËÙ Ã×ÍäÁÇ‹ Ò‹ ÍØ·ÂÒ¹»ÃÐÇѵÈÔ ÒÊµÃÊØâ¢·ÑÂ໹š áËŧ‹ Áô¡·Ò§ Ç²Ñ ¹¸ÃÃÁä·Â·èÊÕ íÒ¤ÑÞá˧‹ ˹§Öè áÅÐ໚¹Ê¶Ò¹··èÕ èÕÁÕ¤ÇÒÁâ´´à´‹¹ ÃдѺÊÒ¡Å ¨Ö§·Òí ãËŒä´ÃŒ Ѻ¡ÒûÃСÒÈ¡ÂÍ‹ §¨Ò¡Í§¤¡ ÒÃà¾×Íè ¡ÒÃ È¡Ö ÉÒ Ç·Ô ÂÒÈÒʵÏ áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁá˧‹ ÊË»ÃÐªÒªÒµÔ (UNESCO) ËÃ×Í ÂàÙ ¹Êâ¡ ãËàŒ »š¹Áô¡âÅ¡ àÁèÍ× ¾.È. òõóô ÃÇÁ·Ñé§ÈÃÕÊѪ¹ÒÅÑ áÅСÒí ᾧྪà àÃÒ·¡Ø ¤¹¨§Ö ¤ÇÃÀÒ¤ÀÙÁÔã¨ã¹¤ÇÒÁ໚¹ä·Â ีดนสแม8ส๐ะามหเมาตดานขมพ�ิ เอรื หดáล ÅЪNj ¡ѹ´ÙáÅÃÑ¡ÉÒÁô¡¢Í§ªÒµÔãˤŒ §ÍÂʋ٠׺令ÃѺ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT การสรา งสรรคง านศลิ ปะใดทไี่ มไ ดเกิดจากความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา ครูอาจพานกั เรียนไปทัศนศึกษาทอ่ี ุทยานประวตั ิศาสตรส ุโขทัย หรือพิพธิ ภณั ฑ 1. วดั ท่เี กบ็ ผลงานในสมัยสโุ ขทยั เพอ่ื ใหน ักเรียนเกดิ ความซาบซึง้ และเขา ใจเพม่ิ ขน้ึ 2. เจดยี  3. ศาลเจาที่ นักเรียนควรรู 4. พระพุทธรูป วเิ คราะหคําตอบ ชาวพทุ ธทีม่ คี วามศรัทธาเล่ือมใสในพระพทุ ธศาสนา 1 อุทยานประวัติศาสตรส โุ ขทัย ไดร ับการยกยองจากองคการยเู นสโก มักสรา งสรรคงานศลิ ปะทีม่ ีความสวยงามเพอื่ เปนพทุ ธบชู า เชน วดั เจดยี  เมอื่ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 ใหเปนมรดกโลก เน่ืองจากในอดตี เมืองสโุ ขทยั เคย พระพุทธรูป เปน ตน สว นศาลเจา ทเ่ี ปน ความเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ- เปน ราชธานีของไทยที่มคี วามเจรญิ รุงเรือง เปนศนู ยก ลางการปกครอง เศรษฐกจิ ฮินดู ดังน้นั ขอ 3. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง และศาสนา ภายในอุทยานมสี ถานทีส่ าํ คัญท่ีเปนพระราชวงั ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมคี เู มือง กาํ แพงเมอื ง และประตเู มืองโบราณลอมรอบอยใู นลกั ษณะของ รปู สีเ่ หล่ียมจัตุรสั 80 คูม ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมของชาติมีความส�าคัญ และ 1. ใหน กั เรียนชว ยกันยกตวั อยา งศลิ ปะ ทรงคุณค่าเป็นมรดกตกทอดที่บรรพบุรุษของไทยได้สร้างสรรค์ไว้ สมัยสุโขทัยมาใหม ากทีส่ ุด ดังน้ันเราทุกคนจึงควรมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มรดกของชาติด้วย การปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 2. ใหนักเรียนรวมกันบอกประโยชนแ ละ ความสาํ คญั ของศลิ ปะสมยั สุโขทยั ที่ยกตวั อยา งมาพอเขาใจ 3. ใหน กั เรยี นรวมกันแสดงความคิดเห็นวา จะมวี ธิ เี ผยแพรศิลปะสมัยสุโขทัยใหผ ูอนื่ ไดร ับทราบอยา งไรบาง ขยายความเขา้ ใจ Expand ใหน กั เรยี นเตมิ ขอ มลู ในกจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 ไมปนปา ย ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.3 โบราณสถาน แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั ส 4.3 ป.4/3 เพราะอาจทําใหแ ตกหกั แบบประเมินผลการเรยี นรตู ามตัวชี้วัด ประจําหนวยที่ ๓ บทท่ี ๓ พังลงมาได ชว ยกันดแู ลรักษา กจิ กรรมรวบยอดท่ี ๓.๓ โบราณสถาน แบบประเมินตวั ชวี้ ดั ส ๔.๓ ป.๔/๓ โบราณวัตถุ  อธบิ ายภมู ปิ ญ ญาไทยทส่ี าํ คญั สมัยสโุ ขทยั ท่ีนา ภาคภมู ิใจ และควรคาแกการอนรุ ักษ ไมขีดเขียน ชุดท่ี ๑ ๒๐ คะแนน ภเปาน พภนมู ค้ี ปิ ือญ พญราะทพาทุ งธดราปู นปา…ง…ศ…ลา…ลีส……าน……า………. ๑ ดูภาพ แลว เติมขอ มลู ใหถูกตอ ง ลงบนโบราณสถาน …………………………………………………………………………………………… โบราณวตั ถุ ๑) มคี ณุ คา ดงั นี้ เปน ศลิ ปะสมยั สโุ ขทยั………………………………………………………. แคลงมือปฏิบตั ิ เฉฉบลบั ย ทมี่ คี วามงดงาม…………………………………………………………………………………………… เพอ่ื นๆ ไดม ีสวนรว มในการ ๒) …………………………………………………………………………………………… อนรุ ักษส มบัตขิ องชาติแลว ๔๖ …นใ…หัก…ค…เ…รว…าีย…ม…น…เคจ……ะา…รม…พ…ีว…สิธ……ีอกั …น…ก…ุรา…รัก……ะษ…พ…สร…่ิง…ะ…นพ…ี้…ทุ …ดธ……รัง…ปนู ….ี้ 8๑ …………………………………………………………………………………………… ภาพนค้ี อื หลกั ศลิ าจารกึ พอ ขนุ ราม- คําแหง …เศใปม……ป………นรคีลิ ………นส………ะณุป………ภวมว………คตั มู………ฒัยั า………ศิ ิปส………นาด………ญุโส………งัธข………ญนตรท………้ี………รารยั เ…………ทปมท……………า…น……ใ่ี …………งช…ห………ดค…………ล…า………น …………นกั …………ค…ฐ……………ว………า……………า น……………เ……ร………ท……………อ่ื ……………า……ง………ง……………ร……………า…………………ว……….. ……ทนช……ัวาํก……ล……ยเ……ราก……ียย……ัน……ไน……ปดจ…………ูะแ……ม…ล………ีวศ……ิธ……ิล……ีอ……าน……จ……ุร……าัก……ร……ษ……ึก……ส……ไิ่ง……ม……น……ใี้……ห……ด……ถ…ั…ง……ูนก…….ี้ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู เพราะเหตุใดเราจงึ ตอ งอนรุ ักษศ ลิ ปะของชาติ ครูเนนยํ้าใหน ักเรยี นเห็นคุณคา ของศลิ ปะของชาติ ซง่ึ เปน มรดกตกทอด แนวตอบ เพราะศลิ ปะของชาตเิ ปน สง่ิ ทแ่ี สดงถงึ ความงดงาม ความเปน ท่ีบรรพบรุ ุษของไทยไดส รา งสรรคไ วและถา ยทอดมาจนถึงปจ จบุ ัน เอกลกั ษณ ภมู ปิ ญ ญาทบ่ี รรพบรุ ษุ ของเราไดส รา งสรรคไ วใ หภ าคภมู ใิ จ คมู อื ครู 81

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engaae Expore Explain Expand Elaborate Evaluate ขยายความเขา ใจ 1. ใหนกั เรียนทาํ รายงานเร่ืองภมู ิปญญาไทย กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ที่ ๑ ñ ในสมัยสุโขทัยเพิม่ เติม แลว ออกมารายงาน ที่หนาชั้น ๑. ดภู าพ แล้วบอกวา่ สง่ิ ของในภาพคืออะไร มีคณุ ค่าอยา่ งไร และนกั เรยี นจะชว่ ย 2. ใหน ักเรียนดูภาพในกิจกรรมพฒั นาฯ ขอ 1 อนุรกั ษ์สิง่ นี้อยา่ งไร หนา 82 แลวบอกวา ส่งิ ของในภาพคืออะไร มีคณุ คา อยา งไร และนักเรียนจะชวยอนรุ กั ษ ๑) ๒) สง่ิ น้อี ยา งไร ๒. สบื ค้นขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภมู ิปญั ญาไทยในสมยั สโุ ขทัยเพ่มิ เติม 3. ใหน ักเรียนนาํ ภาพภูมปิ ญ ญาไทยในสมัย แล้วจดั ทา� เปน็ รายงานส่งครู สโุ ขทยั ทน่ี กั เรยี นชนื่ ชอบมาตดิ ลงในสมดุ พรอ มทง้ั บอกเหตผุ ลท่ชี ืน่ ชอบและวธิ ีดแู ล ๓. รว่ มกันอภิปรายว่า เพราะเหตใุ ด ภาษาไทยจึงเป็นภูมปิ ัญญา รักษาภูมปิ ญ ญาไทย ของไทยในสมัยสโุ ขทัย 4. ใหนักเรยี นเขียนอธิบายปจจยั ทีม่ ีผลตอ ๔. ร่วมกนั อภิปรายวา่ ภูมปิ ญั ญาสมยั สุโขทยั ดา้ นใดท่แี สดงออก การสรา งสรรคภ มู ิปญญาไทยในสมัยสโุ ขทัย ถงึ ความเปน็ ไทยได้อยา่ งชัดเจนทีส่ ดุ และน�าเสนอแนวทาง วา มอี ะไรบาง การอนุรักษภ์ มู ิปญั ญานั้น 5. ใหนักเรียนแบง กลุม จัดทาํ สมดุ ภาพ ภมู ปิ ญญาไทยในสมัยสโุ ขทัย พรอมท้งั เสนอแนะแนวทางในการอนรุ กั ษภ มู ปิ ญ ญาไทย ตรวจสอบผล Evaluate 1. ครูตรวจสอบความถูกตองของช้ินงาน (ผลการปฏิบัติกจิ กรรมขึน้ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน) กิจกรรมรวบยอด ภาพภมู ิปญญาไทยและวธิ ีดแู ลรกั ษาและ สมดุ ภาพภมู ปิ ญญาไทยในสมยั สโุ ขทยั ๑. นา� ภาพภูมปิ ญั ญาไทยในสมัยสุโขทยั ทีน่ ักเรียนช่ืนชอบมาติด ลงในสมุดพรอ้ มทงั้ บอกเหตุผลทชี่ ืน่ ชอบ และวิธีดูแลรกั ษา 2. ครูตรวจสอบผลการทาํ กิจกรรมรวบยอดท่ี 3.3 ภูมปิ ญั ญาไทย จากแบบวัดฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 ๒. แบง่ กลุ่ม จดั ทา� สมดุ ภาพภูมิปญั ญาไทยในสมัยสุโขทัย หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู พรอ้ มท้ังเสนอแนะแนวทางในการอนรุ ักษภ์ ูมปิ ัญญาไทย 1. ภาพภมู ปิ ญ ญาไทยและวธิ ีดูแลรักษา 8๒ 2. สมุดภาพภมู ิปญญาไทยในสมยั สโุ ขทยั 3. กจิ กรรมรวบยอดท่ี 3.3 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.4 บรู ณาการอาเซียน ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน ักเรยี นเขา ใจวา สถานท่สี ําคญั ๆ ในอาเซียนทีอ่ งคการยเู นสโกประกาศใหข้นึ ทะเบียนเปนมรดกโลก เชน • ไทย - เมืองประวัตศิ าสตรส โุ ขทยั และเมอื งบริวาร นครประวัติศาสตรพระนครศรีอยธุ ยาและเมืองบริวาร แหลง โบราณคดบี านเชยี ง เปน ตน • ลาว - เมอื งหลวงพระบาง เปน ตน • กมั พูชา - เขาพระวหิ าร เปน ตน • เวยี ดนาม - เมืองโบราณฮอยอนั เปนตน • มาเลเซยี - มะละกาและจอรจทาวน เมืองประวัติศาสตรบนชองแคบมะละกา เปน ตน • อินโดนเี ซีย - กลมุ วัดบรมพทุ โธ กลุมวดั พรมั บานนั เปน ตน • ฟล ปิ ปน ส - นครประวัติศาสตรว กี ัน เปน ตน เฉลย กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรูท่ี 1 1. แนวตอบ 1) เครอ่ื งสังคโลก เปนเครอ่ื งปนดินเผาทีส่ ุโขทยั ผลติ ขึน้ เองและเปน สินคาสง ออกในสมัยสุโขทัย วธิ ีอนรุ ักษ ไปเยย่ี มชมท่ีพิพธิ ภณั ฑ 2) พระพทุ ธรปู ปางลีลา เปนศิลปะในสมยั สโุ ขทยั วธิ อี นุรักษ ใหความเคารพพระพทุ ธรปู 2.- 4. แนวตอบ ขึน้ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครูผูส อน 82 คูม อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate คําสาํ คญั ค�าส�าคญั คา� อ่าน ความหมาย ๑. กะเทาะ กะ-เทาะ ๒. แคว้น แคว้น - สงิ่ ของที่หลุดล่อนออกมาจากพ้ืนเดิม - ดินแดนอันเป็นถิน่ ทอ่ี ยู่ของมนุษย์ ๓. ตา� นาน ต�า-นาน เดมิ หมายถงึ ประเทศ ๔. โบราณคดี โบ-ราน-นะ-คะ-ดี, - เป็นเร่ืองเลา่ ตอ่ กนั มาและถกู บนั ทกึ ข้นึ ภายหลงั โบ-ราน-คะ-ดี - วิชาที่ศกึ ษาเก่ียวกบั โบราณสถานและโบราณวตั ถุ ๕. โบราณวัตถุ โบ-ราน-นะ-วัด-ถุ, โบ-ราน-วัด-ถุ - สง่ิ ของโบราณทเี่ คลอื่ นที่ได้ เช่น พระพทุ ธรูป ๖. พงศาวดาร พง-สา-วะ-ดาน เทวรปู ศิลาจารึก มีอายุ ๑๐๐ ปขี ึน้ ไป - การบนั ทกึ เหตุการณ์ที่เกดิ ขึ้นตามล�าดบั เวลา ๗. เวลาและยุคสมยั เว-ลา-และ-ยุก-สะ-ไหม- ซึ่งส่วนใหญจ่ ะเปน็ เรอื่ งราวทเ่ี กย่ี วกับ ทางประวัต-ิ ทาง-ประ-หวัด-ติ-สาด พระมหากษตั รยิ แ์ ละราชส�านัก ศาสตร์ - เปน็ การศกึ ษาเรอื่ งการนบั เวลาและการแบง่ ชว่ งเวลา ตามระบบตา่ งๆ ทง้ั แบบไทย สากลศกั ราช ทสี่ า� คญั ๆ ๘. ศลิ าจารึก สิ-ลา-จา-รกึ ในภูมิภาคต่างๆ ของโลกและการแบ่งยุคสมัยทาง ๙. ส�าริด สา� -รดิ ประวตั ศิ าสตร์ ทงั้ น้ี เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมที กั ษะพนื้ ฐาน สา� หรบั การศกึ ษาหลกั ฐานสา� คญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ๑๐. อดีต อะ-ดีด สามารถเขา้ ใจในเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ทางประวตั ศิ าสตร์ ทสี่ ัมพนั ธ์กับอดตี ปจั จุบนั และอนาคต ตระหนักถึง ความส�าคัญในความต่อเนื่องของเวลาอิทธิพลและ ความส�าคัญของเวลาที่มีต่อวิถีการด�าเนินชีวิตของ มนษุ ย์ - แผน่ หินที่ใช้บนั ทึกเร่อื งราวท่ีเกดิ ขึ้น - โลหะเจอื ชนดิ หนึ่ง สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ย ทองแดงกบั ดบี ุก - เวลาทีล่ ว่ งมาแล้ว อดีตท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กลมุ่ คน ความส�าคญั ทีม่ ตี ่อเหตุการณแ์ ละกล่มุ คน จะถกู น�ามาเช่ือมโยงด้วยกัน 8๓ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู การศึกษาประวตั ศิ าสตรมีประโยชนอยา งไร ใหครูนําคําสําคญั ไปใชป ระกอบการเรียนการสอน โดยการนาํ ไปอธบิ าย แนวตอบ มปี ระโยชน เชน กอ ใหเ กดิ ความภมู ใิ จในชาตบิ า นเมอื งของตน ความหมายของคํา การอานคําสําคัญ เม่ือพบคาํ นนั้ ๆ ในเน้อื หาทเ่ี รียน รถู งึ ความเสยี สละของบรรพบรุ ษุ เกดิ ความหวงแหนในผนื แผน ดนิ ทต่ี นอยู เพ่อื ขยายความเขาใจใหกบั นักเรียน อาศยั นาํ เรอ่ื งราวในอดตี มาเปน บทเรยี น และนาํ ทกั ษะในการสบื คน ขอ มลู มา ประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ได เปน ตน คมู อื ครู 83

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate บรรณานุกรม กนกวลี ชูชยั ยะ, กฤษฎา บณุ ยสมติ . บุคคลส�าคญั ของไทยที่โลกยกยอ่ ง. กรุงเทพฯ : เมธที ปิ ส,์ ๒๕๔๖. คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาต,ิ ส�านกั งาน. สมาคมคอมพิวเตอร์แหง่ ประเทศไทย. ข้อมูลวฒั นธรรม ภาคกลาง. กรงุ เทพฯ : สา� นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาต,ิ ๒๕๔๕. . ขอ้ มลู วฒั นธรรมภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื . กรงุ เทพฯ: สา� นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาต,ิ ๒๕๔๕. . ขอ้ มลู วฒั นธรรมภาคเหนอื . กรงุ เทพฯ : ส�านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ, ๒๕๔๕. . ขอ้ มลู วัฒนธรรมภาคใต้. กรุงเทพฯ : ส�านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาต,ิ ๒๕๔๕. ถาวร อารศี ลิ ป. คมู่ อื แหลง่ เรยี นรู้เร่อื งสถานท่ีและบคุ คลสา� คัญของชาติไทย. กรงุ เทพฯ : สา� นกั พัฒนาการเรยี นรแู้ ละมาตรฐานการศึกษา สา� นักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาต,ิ ๒๕๔๔. ธดิ า สาระยา. ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ : ประวตั ศิ าสตรท์ ส่ี มั พนั ธก์ บั สงั คมมนษุ ย.์ กรงุ เทพฯ: เมอื งโบราณ, ๒๕๓๙. ประเสริฐ ณ นคร. สารนิพนธ์ ประเสริฐ ณ นคร. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร,์ ๒๕๔๑. วชิ าการ, กรม. ประวัตศิ าสตรไ์ ทย : จะเรียนจะสอนกันอย่างไร : ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ประวัตศิ าสตร.์ กรงุ เทพฯ : กรมวชิ าการ, ๒๕๔๓. วชิ าการ, กรม. สุโขทยั : รงุ่ อรุณแห่งความสุข หนังสืออ่านเพ่ิมเตมิ สงั คมศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษา. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ, ๒๕๓๙. วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สา� นกั คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, ส�านกั . ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คม ศาสนา และวฒั นธรรม. พิมพค์ รัง้ ที่ ๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ ุมชนสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จา� กัด, ๒๕๕๑. วินยั พงศศ์ รเี พยี ร. วันวาร กาลเวลา แลนานาศกั ราช. กรุงเทพฯ : ศูนย์พัฒนาหนังสอื กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๖. วณี า เอีย่ มประไพ. หลักฐานทางประวัติศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์, ๒๕๓๕. วุฒชิ ัย มูลศิลป์. ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธกิ ตเวทนิ ในพระบรมราชูปถัมภ์, ๒๕๔๗. ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง. สา� นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ. การสง่ เสรมิ และเผยแพรว่ ฒั นธรรม พน้ื บ้านไทย. กรุงเทพฯ : สา� นักงาน, ๒๕๓๑. ส. พลายน้อย. เกร็ดโบราณคดปี ระเพณีไทย. กรงุ เทพฯ : รวมสาส์น, ๒๕๓๙. สุภัทรดิศ ดศิ กลุ , ม.จ. ประวตั ิศาสตร์เอเชยี อาคเนย์ ถงึ พ.ศ. ๒๐๐๐. กรุงเทพฯ : สมาคม ประวตั ศิ าสตร์ในพระบรมราชปู ถมั ภ์สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร,ี ๒๕๔๙. เอกวทิ ย์ ณ ถลาง. ภาพรวมภูมปิ ัญญาไทย. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร,์ ๒๕๔๔. 84 84 ค่มู อื ครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ÍÀ¸Ô Ò¹È¾Ñ · »ÃÐÇµÑ ÔÈÒʵÏ ªÑ¹é »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ô เกรด็ แนะครู ใหครูนําอภธิ านศัพทไปใชป ระกอบการอธบิ ายคาํ ศพั ทในเนอื้ หา เพ่ือขยายความเขาใจใหก ับนกั เรยี น คมู อื ครู 85

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate อภิธานศพั ท ñหนว ยการเรียนรทู ี่ อ ิภธาน ัศพ ท กีฬาโอลิมปก เปนการจัดแขงขัน คทราิสงตศศาสักนราาชคร(ิสคต.ศ1.ซ) ่ึงเเรป่ิมนนศับักปราทชี่ กฬี าหลากหลายชนดิ จากหลากหลาย ประเทศทัว่ โลก จดั ข้นึ ทุกๆ ๔ ป พระเยซปู ระสตู เิ ปน ปท่ี ๑ ¤.È. òðñô ตํานาน เร่ืองท่ีเลาตอๆ กันมาและ ธรรมจักร เปนสัญลกั ษณท ่ีใชส่ือ ถกู บนั ทกึ ข้นึ ภายหลงั ความหมายถึงพระพทุ ธศาสนา โบราณวตั ถุ สง่ิ ของโบราณทสี่ ามารถ โบราณสถาน สิ่งของโบราณที่ พเครละ่ืพอนทุ ธยราปู ยไเทดว รเปู ช2น เคลอ่ื นยา ยไมไ ด เชน โบสถ วหิ าร วงั อ ิภธาน ัศพ ท ศิลาจารึก เปนตน เปนตน มอี ายเุ กา กวา ๑๐๐ ป ขน้ึ ไป มีอายุเกากวา ๑๐๐ ป ขนึ้ ไป พิเศษ ๒ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ถานกั เรียนเขา ชมพิพิธภณั ฑมนุษยย ุคกอนประวัติศาสตร นักเรยี นควรรู นกั เรียนจะไมพบโบราณวัตถขุ อ ใด 1. ศิลาจารึก 1 ศาสนาครสิ ต เปน ศาสนาท่มี ผี ูนบั ถือมากท่สี ดุ ในโลก (ค.ศ. 2012 มจี ํานวน 2. กาํ ไลสาํ รดิ ผนู บั ถือ ประมาณ 2,100-2,200 ลานคน ขอมลู จาก www.religions.mub.th) 3. เคร่ืองมือหนิ ขดั มีลักษณะเปนศาสนาเทวนยิ ม ซึง่ นับถือพระเจา องคเ ดียว คอื พระยะโฮวา 4. อาวุธท่ที ําจากเหลก็ มศี าสดา คอื พระเยซู ศาสนาคริสตเ นนสอนใหศาสนกิ ชนมีความรกั ตอกัน วเิ คราะหค าํ ตอบ ในยคุ กอนประวัตศิ าสตรเปน ยุคทม่ี นุษยยังไมมี 2 เทวรปู เปนประติมากรรมลอยตัว สรางขึ้นเพือ่ เปนตัวแทนของเทพเจา ตวั อักษรใช ดงั นัน้ หลกั ฐานที่พบสว นใหญจ ึงเปนสิ่งของเครอ่ื งใช เพอ่ื ใชในกิจกรรมหรือพธิ ีกรรมทางศาสนา โครงกระดูกมนษุ ยโ บราณ เปนตน แตไ มม ศี ิลาจารกึ ดงั นนั้ ขอ 1. เปนคําตอบทถ่ี ูกตอ ง 86 คูมอื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate พระไตรปฎ ก คมั ภรี ท ไ่ี ดบ นั ทกึ พทุ ธศักราช (พ.ศ.) เปนศักราช หลักธรรมในพระพทุ ธศาสนา ทางพระพุทธศาสนา เร่ิมนับเม่ือ พระพุทธเจาปรินิพพานแลว ๑ ป อภธิ านศพั ท ¾.È. òõõ÷ พพิ ธิ ภณั ฑ สถานทเ่ี กบ็ รวบรวมและ มัสยิด เปนศาสนสถานซ่ึงมุสลิมใช แสดงสิ่งตางๆ ท่ีมีความสําคัญดาน ประกอบศาสนกิจ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร โบราณคดี ลายสอื ไทย ตัวอักษรไทยที่ประดิษฐ ลกู ปด ทาํ ขน้ึ จากวสั ดทุ พ่ี บในทอ งถนิ่ อภธิ านศพั ท ขึ้นโดยพอขุนรามคําแหงมหาราช เชน แรธ าตุ เปลือกหอย กระดูกสตั ว ปะการัง หิน เปนท้ังเคร่ืองประดับ เปนของใชในพิธีกรรม เปนส่ือกลาง ในการแลกเปล่ยี น พิเศษ ๓ กิจกรรมทาทาย ใหนักเรยี นไปเยย่ี มชมพิพิธภณั ฑแหงชาตหิ รือพพิ ภิ ัณฑทอ งถ่ินของตน แลวจดบนั ทึกขอมูลสําคัญที่ไดท ราบ จากน้ันนาํ ขอ มูลมาจัดปายนิเทศ เพอ่ื เผยแพรความรู คมู อื ครู 87

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate สนามหลวง เดมิ เรยี กวา ทงุ พระเมร1ุ สมยั กอ นประวตั ศิ าสตร สมัยท่ีมนุษย ปจจุบันใชเปนที่ประกอบพระราชพิธี ยังไมมีตัวอักษรใช สาํ คญั ๆ อ ิภธาน ัศพ ท สมัยประวัติศาสตร สมัยท่ีมนุษย สมยั หนิ เปน สมยั ทมี่ นษุ ยใ ชเ ครอื่ งมอื มตี วั อกั ษรใช หินในการดํารงชีวิต เชน เปนอาวุธ ในการลา สัตว สมัยเหล็ก เปนสมัยท่ีมนุษยรูจักทํา สมัยสํารดิ เปนสมัยทม่ี นษุ ยน ําโลหะ เคร่ืองมือจากเหล็กเปนอาวุธหรือ สําริดท่ีประกอบดวยทองแดงผสม อ ิภธาน ัศพ ท ดบี ุกมาใชใ นการดาํ รงชีวติ เชน เครื่องประดับ เปนอาวธุ เปนเครื่องประดับ พเิ ศษ ๔ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นักเรยี นควรรู ขอใดเปนเครื่องมอื เคร่ืองใชข องมนษุ ยส มัยหนิ ใหม 1. ขวานหินขัด 1 ทุงพระเมรุ หรือสนามหลวงในปจจบุ ัน เคยเปนสถานทใี่ ชประกอบพระราช- 2. กลองมโหระทึก พธิ ีตางๆ เชน เปนทต่ี ง้ั พระเมรุมาศของพระมหากษัตรยิ แ ละพระบรมวงศานุวงศ 3. ถว ยชามสังคโลก มาต้งั แตสมัยรัชกาลที่ 1 ในสมัยรชั กาลที่ 3 ไดมีการใชสนามหลวงเปนทที่ าํ นา 4. เข็มทาํ จากกระดกู สตั ว ปลูกขา ว ตอ มาในป พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูห วั วเิ คราะหคําตอบ มนษุ ยส มยั หินใหมจ ะใชเ ครื่องมือหินอยแู ตทําได รชั กาลท่ี 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหเปล่ียนชื่อเรียกจาก “ทงุ พระเมรุ” ประณตี ขน้ึ มกี ารขดั ลบเหล่ยี มใหใชง านไดด ขี ้นึ กลองมโหระทึกอยใู นยุค เปน “ทอ งสนามหลวง” ต้งั แตน ้นั มาจนถงึ ปจจุบัน สาํ รดิ เครอื่ งสังคโลกอยใู นสมยั สโุ ขทยั สวนเขม็ ทําจากกระดกู ไมส ามารถ ระบุไดช ดั เจน ดงั น้ัน ขอ 1. เปนคาํ ตอบทถี่ กู ตอ ง 88 คูมอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate อดตี เวลาทผ่ี า นมาแลว อนุสาวรยี  สิ่งท่ีสรางไวเปนท่ีระลึก ถึงบุคคลหรือเหตุการณสําคัญ อภธิ านศพั ท òหนว ยการเรียนรทู ี่ ขวานหินขัด2 เคร่ืองมือสําหรับตัด ทที่ าํ จากหนิ มกี ารขดั ผวิ กลองมโหระทกึ 1 เปน กลองท่ีมี หนาใหเรียบ อาจจะ หนา เดียว ทาํ ดวย เปนดานเดียวหรือ สาํ ริด หนากลอง สองดานก็ได มักมีลวดลาย ตา งๆ เครอ่ื งปน ดนิ เผาลายเขยี นสี เจดียทรงลังกา เจดียซึ่งมีโครงสราง เปน ภาชนะดนิ เผาทมี่ กี ารทาํ ลวดลาย รูปทรงลักษณะโดยรวม สมัยกอ นประวัติศาสตร เปน อยา งรปู กรวยกลม อภธิ านศพั ท สว นใหญเ ปน ลาย เชอื กทาบ พิเศษ ๕ นักเรยี นควรรู 1 กลองมโหระทึก เปนกลองชนิดหนึง่ ทาํ ดว ยโลหะมีหนาเดยี ว ถกู ใชใ น พิธีมงคลและอวมงคลทเี่ กิดขน้ึ ในสมยั กอ นประวัติศาสตร ตอเน่อื งถึงชวงตน ประวัติศาสตร ประมาณ 2,000-3,000 ปม าแลว พบในวฒั นธรรมโบราณตา งๆ ในดนิ แดนเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต กลองมโหระทึกอยูในกลุมวัฒนธรรมดองซอน ทางตอนเหนือของประเทศเวยี ดนาม 2 ขวานหินขัด เปนเครอื่ งมือที่พฒั นามาจากขวานหนิ กะเทาะ โดยขดั เกลา จนบางเรยี บ เพ่ือใหม ีประสิทธภิ าพในการใชสอยมากย่ิงข้ึน และใชโดยการเขา ดามไมต ามลักษณะของประโยชนใ ชสอย เชน ขวานตดั ตน ไม ขวานผาฟน ขวานตัดกระดกู สัตว เปน ตน คมู อื ครู 89

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate เจดียทรงปรางค มที รงคลา ยกบั หมอสามขา เปนภาชนะดินเผา ฝก ขา วโพด ประกอบดว ย มขี า ๓ ขา ติดอยทู ่กี นภาชนะ สว นฐานรองรบั เรอื นธาตุ ขามีลกั ษณะกลมเรยี วและกลวง และสว นยอดเปน ชน้ั อ ิภธาน ัศพ ท ซอ นลดหลนั่ กนั óหนวยการเรียนรทู ี่ เครอ่ื งสงั คโลก เปนภาชนะเครอื่ งปน เจดยี ท รงพมุ ขา วบณิ ฑ เปน เจดยี ท มี่ ี ดนิ เผาทใี่ ชเ ปน เครอ่ื งใช ยอดดอกบัวตูม ซึ่งเปน และเครอื่ งประดบั เอกลักษณเฉพาะของ ผลิตในสมัย ศลิ ปะสโุ ขทยั สโุ ขทยั อ ิภธาน ัศพ ท ตระพงั สระนา้ํ หรอื หนองนาํ้ ไตรภูมิพระรวง เปนวรรณคดีทาง พระพุทธศาสนาเกี่ยวกับความเชื่อ ตา งๆ เชน นรก สวรรค การเวียนวาย ตายเกดิ เปน ตน พิเศษ ๖ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ถา ตองการศึกษาภูมปิ ญ ญาไทยที่เปน สินคา สง ออกที่สําคัญสมัยสโุ ขทัย ควรศึกษาขอใด 1. หมอสามขา 2. เครือ่ งสงั คโลก 3. กลองมโหระทึก 4. พระพทุ ธรูปปางลีลา วเิ คราะหคาํ ตอบ กลองมโหระทกึ และหมอ สามขาเปนโบราณวัตถสุ มยั กอ นประวตั ิศาสตร พระพุทธรปู ปางลีลาเปน ศาสนวตั ถุทเี่ ปนศลิ ปะใน สมัยสโุ ขทยั สว นเครอ่ื งสังคโลกเปนเครื่องถว ยชามท่มี ชี ่อื เสียงของสุโขทยั และสง เปน สนิ คา ออกไปขายยงั เมอื งตา งๆ ดงั นน้ั ขอ 2. เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง 90 คมู ือครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate 2 พญามงั รายมหาราช เปนกษตั รยิ  พอขุนผาเมือง เปนเจาเมืองราด องคสําคัญของ และทรงเปนผูนํา อาณาจกั รลา นนา คนไทยคนหนึ่ง ทรงตง้ั เมอื งนพ- ในการขบั ไลข อม อภธิ านศพั ท เบชรุ ียศี งรในี หคมร1พเปงิ นค และรว มสถาปนา ราชธานี อาณาจกั รสโุ ขทยั พอ ขนุ รามคาํ แหงมหาราช พอ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย พระนามเดมิ คอื พระมหากษัตริย พอขุนบางกลางหาว แหงกรุงสุโขทัยที่ ทรงเปนกษัตริย สรา งความเจรญิ พระองคแ รกแหง รุงเรอื งใหแ ก กรงุ สโุ ขทยั อาณาจกั รสโุ ขทยั มากท่สี ดุ พระพุทธรูปปางลีลา อยูในพระอิริยาบถยืน อภธิ านศพั ท ยกสน พระบาทขวาสงู ขึ้นจากพ้นื ปลายพระบาท ยังจรดอยกู ับพน้ื พระหตั ถข วาหอยอยูในทาไกว พระหัตถซาย (บางตํานานวาพระหัตถขวา) ยกเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝาพระหัตถปองไป เบอ้ื งหนา บางแบบจีบนวิ้ พระหตั ถ พเิ ศษ ๗ กจิ กรรมทา ทาย นักเรียนควรรู ใหน กั เรยี นเขียนเรยี งความเรื่อง “พระมหากษตั ริยไ ทยสมยั สุโขทยั ” 1 นพบรุ ีศรนี ครพิงคเ ชยี งใหม เปนราชธานีของอาณาจกั รลานนา สรา งขึ้นในป จากนัน้ นําผลงานมาอา นทีห่ นาชน้ั แลวนําไปตดิ ท่ีปา ยนิเทศ พ.ศ. 1839 โดยพญามังรายมหาราช ปฐมกษตั รยิ แ หง ราชวงศมังราย ราชวงศมังรายไดป กครองเมืองเชยี งใหมสบื ตอ มาอกี 200 ป เมืองนจ้ี ึงตกเปน เมอื งข้ึนของพมา ตอ มาในป พ.ศ. 2317 สมเดจ็ พระเจา ตากสินมหาราชทรงขบั ไล พมา จนพายแพไ ป หลังจากนัน้ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณา โปรดเกลา ฯ สถาปนาเจา กาวลิ ะขน้ึ เปน พระเจา บรมราชาธบิ ดกี าวิละ ใหป กครอง หวั เมอื งฝา ยเหนอื ในฐานะประเทศราชของกรงุ รัตนโกสินทร และเปล่ยี นช่อื เมอื ง เปนรัตนตงิ สาอภินวบรุ ีเชียงใหม 2 เมอื งราด เปน เมอื งของพอขนุ ผาเมือง ซง่ึ เปนพระสหายของพอ ขุน บางกลางหาว สันนษิ ฐานวา ตัง้ อยูทีบ่ า นหว ยโปง ตําบลบานหวาย อําเภอหลม สัก จังหวัดเพชรบรู ณใ นปจจุบนั คมู ือครู 91


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook