หน่วยท่ี 3 วงจรไฟฟ้ าแสงสว่างสาระสาคญั แหลง่ กำเนดิ แสงสวำ่ งเกดิ ขนึ้ ได ้ 2 วธิ คี อื เกดิ จำกกำรเผำไหมจ้ นทำใหว้ ัตถเุ กดิ ควำมรอ้ น จนเปลง่ แสงออกมำ อกี วธิ หี นง่ึ เกดิ จำกกำรเปลยี่ นพลังงำนควำมรอ้ น ใหเ้ ป็ นพลังงำนแสง ไฟฟ้ำทใ่ี หแ้ สงสวำ่ งตำมอำคำรบำ้ นเรอื น หรอื หน่วยงำนตำ่ งๆ ไดม้ ำจำก ไฟฟ้ำกระแสสลบั ของกำรไฟฟ้ำ กอ่ นทห่ี ลอดไฟ จะใหแ้ สงสวำ่ งออกมำไดน้ ัน้ จะตอ้ งตอ่ สำยไฟ หรอื ประกอบวงจรใหถ้ กู ตอ้ ง ตำมหลกั กำรออกแบบของวงจรไฟฟ้ำ ประเภทตำ่ ง ๆจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 1. อธบิ ำยรำยละเอยี ดของแหลง่ กำเนดิ แสงสวำ่ งได ้ 2. เขยี นหลักกำรออกแบบวงจรไฟฟ้ำได ้ 3. เขยี นคณุ สมบัตขิ องหลอดไฟประเภทตำ่ ง ๆ ได ้ 4. ตดิ ตงั้ อปุ กรณแ์ ละตอ่ วงจรไฟฟ้ำแสงสวำ่ งได ้ 5. ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได ้แหลง่ กาเนดิ แสงสวา่ งแหลง่ กำเนดิ แสงสวำ่ งทพี่ บเห็นในปัจจบุ ันนน้ี อกจำกดวงอำทติ ยแ์ ลว้ เรำสำมำรถแบง่ แหลง่ กำเนดิ แสงสวำ่ งออกมำได ้ 2 กรณี คอื1. เกดิ จากการเผาไหมห้ รอื ทาใหว้ ตั ถรุ อ้ นจนเปลง่ แสงออกมา เรำเรยี กแหลง่ กำเนดิ แสงแบบนวี้ ำ่แหลง่ กำเนดิ แสงรอ้ น(Hot Source) แหลง่ กำเนดิ แสงแบบนี้ จะใหพ้ ลงั งำนของแสงสแี ดง มำกกวำ่ พลังงำนของแสงสนี ้ำเงนิ ถำ้ โลหะทถี่ กู ทำใหร้ อ้ น เป็ นแทง่ เหล็ก จะใหร้ ังสอี ลั ตรำไวโอเลต(Ultraviolet) และรังสอี นิ ฟรำเรด(Infrared) ออกมำดว้ ย ตวั อยำ่ งของแหลง่ กำเนดิ แสงแบบนไ้ี ดแ้ ก่ แสงจำกกำรเชอ่ื มโลหะ แสงจำกกำรเผำวสั ดุตำ่ ง ๆ แสงจำกหลอดไส(้ Incandescent Lamp) เป็ นตน้ แสดงแสงทเ่ี กดิ จำกกำรทำใหว้ ตั ถรุ อ้ นจนเปลง่ แสงออกมำ2. เกดิ จากการเปลยี่ นพลงั งานความรอ้ นใหเ้ ป็ นพลงั งานแสง ทเี่ กดิ จำกปฏกิ ริ ยิ ำทำงเคมี หรอื
39เกดิ จำกกำรเปลย่ี นแปลงของวงโคจรอเิ ล็กตรอน หรอื เกดิ จำกกำรปลอ่ ยประจขุ องกำ๊ ซ เรำเรยี กวำ่ แหลง่ กำเนดิแสงเย็น(Cold Source) หรอื แหลง่ กำเนดิ แสงแบบเรอื งแสง(Luminescence) ตวั อยำ่ งของแหลง่ กำเนดิ แสงแบบนไ้ี ดแ้ ก่ หลอดฟลอู อเรสเซนต(์ Fluorescent) และหลอดแสงจันทร(์ Mercury Lamp) เป็ นตน้ แสดงแสงทเี่ กดิ จำกกำรเปลยี่ นพลงั งำนควำมรอ้ นใหเ้ ป็ นพลงั งำนแสง กำรวดั ควำมสวำ่ งของแสง นยิ มวดั ออกมำในรปู ของควำมเขม้ แหง่ กำรสอ่ งสวำ่ ง หรอื ปรมิ ำณจำนวนเสน้แรงของแสงสวำ่ ง กำรวดั ควำมเขม้ แหง่ กำรสอ่ งสวำ่ ง สำมำรถวดั ไดต้ ำมพลงั งำน ทอี่ อกมำจำกแหลง่ กำเนดิ แสงซงึ่ มหี น่วยเป็ น แคนเดลำ(Candela) โดยท่ี 1 แคนเดลำมคี ำ่ เทำ่ กบั 1/60 ของควำมเขม้ แหง่ กำรสอ่ งสวำ่ งตอ่ตำรำงเซนตเิ มตร สว่ นกำรวดั ควำมสวำ่ ง ในรปู ของปรมิ ำณจำนวนเสน้ แรงของแสงสวำ่ ง ทเ่ี ปลง่ ออกมำจำกแหลง่ กำเนดิ แสง จะวดั ในหน่วยของลเู มน โดยเปรยี บเทยี บ หน่วยควำมเขม้ แหง่ กำรสอ่ งสวำ่ ง 1 แคนเดลำ จะสำมำรถเปลง่ จำนวนเสน้ แรง ของแสงสวำ่ งออกมำไดเ้ ทำ่ กับ 12.57 ลเู มน ควำมสวำ่ งทพี่ บสว่ นใหญ่ เกดิ จำกพลงั งำนไฟฟ้ำ ทจ่ี ำ่ ยออกมำตำมสำยไฟ แลว้ ตอ่ วงจรเขำ้ กับหลอดไฟโดยทไี่ ฟฟ้ำ แบง่ ออกเป็ นสองประเภท คอื ไฟฟ้ำสถติ (Static Electricity) และไฟฟ้ำกระแส(CurrentElectricity) ไฟฟ้ำสถติ เป็ นไฟฟ้ำทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยธรรมชำติ เชน่ เกดิ จำกกำรเสยี ดสขี องวตั ถุ ฟ้ำแลบ ฟ้ำผำ่ ฯลฯเป็ นตน้ สว่ นไฟฟ้ำกระแส เป็ นไฟฟ้ำทมี่ นุษยส์ รำ้ งขนึ้ เพอ่ื ใชง้ ำนตำ่ ง ๆ โดยผลติ แรงเคลอื่ นไฟฟ้ำ(ElectroMotiveForce) แลว้ จำ่ ยกระแสไฟฟ้ำผำ่ นสำยไฟ ไปยงั หน่วยงำนตำ่ ง ๆ ไฟฟ้ำกระแสจะแบง่ ออกเป็ น 2 ชนดิดว้ ยกันคอื 1. ไฟฟ้ ากระแสสลบั (Alternating Current : AC) ไฟฟ้ำประเภทนจี้ ะมกี ำรเปลย่ี นทศิ ทำง กำรไหล สลับขวั้ บวกลบตลอดเวลำ จงึ มชี อื่ เรยี กวำ่ ไฟฟ้ำกระแสสลบั เป็ นไฟฟ้ำประเภททใ่ี ชต้ ำมอำคำรบำ้ นเรอื น ท่ัวไป สำหรับประเทศไทยมขี นำด 220 โวลท์ มคี วำมถใ่ี นกำรสลับเฟสบวกลบ 50 เฮริ ท์ ซต์ อ่ วนิ ำที 2. ไฟฟ้ ากระแสตรง (Direct Current : DC) ไฟฟ้ำประเภทนจ้ี ะไมม่ กี ำรเปลย่ี นทศิ ทำง กำรไหลหรอื สลบั ขวั้ บวกลบ จงึ มชี อื่ เรยี กวำ่ ไฟฟ้ำกระแสตรง กำรตอ่ ใชง้ ำนจะตอ้ งตอ่ ใหถ้ กู ขวั้ มฉิ ะนัน้ จะเกดิ ควำม เสยี หำยได ้ ตัวอยำ่ งของแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ำกระแสตรง เชน่ ถำ่ นไฟฉำย แบตเตอร่ี ฯลฯ เป็ นตน้ แสดงไฟฟ้ำกระแสสลบั และไฟฟ้ำกระแสตรง
40หลกั การออกแบบวงจรไฟฟ้ าแสงสวา่ ง กำรออกแบบระบบแสงสวำ่ งทด่ี ี ควรจะกำหนดใหม้ แี สงสวำ่ งเพยี งพอ ไมท่ ำใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ สำยตำ มีควำมสมำ่ เสมอของแสงสวำ่ ง สเี งำตำ่ ง ๆ ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ กำรมองเห็นวตั ถุ ซงึ่ ทำใหม้ ผี ลตอ่ กำรลำ้ ของกลำ้ มเนอ้ื ตำ โดยมหี ลกั ในกำรพจิ ำรณำดงั นคี้ อื1. การกาจดั แสงแยงตาและเงาเพอ่ื ลดอนั ตรายทเี่ กดิ ขนึ้ กบั สายตา สำมำรถกระทำไดโ้ ดยกำรตดิ ตงั้ หลอดไฟใหส้ งู กวำ่ ระดับสำยตำ หรอื ตดิ ตัง้ บนฝ้ำเพดำน แลว้ ใชฝ้ ำครอบพลำสตกิ หรอื ตะแกรงอลมู เิ นยี มปิด เพอ่ื ลดควำมจำ้ ทเ่ี กดิ จำกแสงไฟ และควรออกแบบใหม้ แี สงสวำ่ งทั่วถงึ บรเิ วณใดทเ่ี ป็ นมมุ มดื ควรตดิ ตงั้หลอดไฟเพม่ิ เตมิ ในตำแหน่งทไ่ี มใ่ หแ้ สงแยงเขำ้ ตำเป็ นตน้ แสดงกำรตดิ ตงั้ หลอดไฟตำแหน่งทไ่ี มใ่ หเ้ กดิ แสงแยงตำ2. ความจา้ ของแสงไฟ คอื ปรมิ ำณของกำรสอ่ งสวำ่ ง ทส่ี ะทอ้ นจำกวตั ถทุ แี่ สงสวำ่ งตกกระทบ แลว้ สะทอ้ นเขำ้ ตำของเรำมำกเกนิ ไป จนทำใหเ้ กดิ กำรปวดกลำ้ มเน้ือตำ หรอื ทำใหน้ ้ำตำไหลเป็ นประจำในกำรออกแบบระบบแสงสวำ่ ง จะตอ้ งถงึ องคป์ ระกอบทอี่ ยรู่ อบ ๆ บรเิ วณทก่ี ำลังออกแบบ เชน่ ผนัง เพดำน พน้ื โตะ๊ และวตั ถตุ ำ่ งๆโดยจะตอ้ งจัดสง่ิ ของตำ่ งๆ ใหก้ ลมกลนื อันเป็ นผลทำใหเ้ กดิ ควำมรสู ้ กึ สบำยตำมำกยง่ิ ขน้ึ แสดงปรมิ ำณของกำรสอ่ งสวำ่ งทส่ี ะทอ้ นจำกวตั ถเุ ขำ้ ตำ
413. สแี ละความสามารถในการสะทอ้ นแสง สจี ะมบี ทบำทมำกทสี่ ดุ ในกำรทจ่ี ะทำใหเ้ กดิ กำรสะทอ้ นแสงของวตั ถุ กำรทำสจี งึ ควรเลอื กทำสที เ่ี หมำะสม เชน่ สที ม่ี คี วำมสำมำรถในกำรสะทอ้ นแสงมำก อำจทำใหห้ อ้ งมีควำมจำ้ มำกเกนิ ไป หรอื สที ม่ี คี วำมสะทอ้ นแสงตำ่ จะทำใหห้ อ้ งมดื เกนิ ไปสว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้ าแสงสวา่ ง กำรทจ่ี ะทำใหเ้ กดิ แสงสวำ่ งในวงจรไฟฟ้ำไดน้ ัน้ ในวงจรจะตอ้ งประกอบดว้ ย แหลง่ จำ่ ยไฟฟ้ำสำหรับป้ อนแรงดันและกระแสใหก้ ับหลอด โดยผำ่ นสำยไฟ โดยทแี่ หลง่ จำ่ ยไฟฟ้ำ จะเป็ นแบบไฟฟ้ำกระแสตรง หรอืกระแสสลับ ขนึ้ อยกู่ ับชนดิ ของหลอด ทต่ี อ้ งกำรใชก้ ับไฟฟ้ำประเภทใด แสดงสว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง ถำ้ เป็ นไฟฟ้ำทใ่ี ชต้ ำมอำคำรบำ้ นเรอื น ตอ้ งป้ อนไฟฟ้ำกระแสสลบั ใหก้ ับหลอดไฟ โดยทแ่ี หลง่ จำ่ ยไฟคอืโรงไฟฟ้ำบรเิ วณเขอื่ นตำ่ ง ๆ ทผี่ ลติ กระแสไฟฟ้ำ แลว้ สง่ มำตำมสำยไฟฟ้ำแรงสงู ผำ่ นหมอ้ แปลงทกี่ ำรไฟฟ้ำสถำนยี อ่ ย เพอ่ื แปลงแรงดนั ใหล้ ดลงเหลอื ประมำณ 12,000 โวลท์ แลว้ สง่ ตอ่ มำยังสำยไฟตำมถนนสำยตำ่ ง ๆกอ่ นทจ่ี ะตอ่ เขำ้ อำคำรบำ้ นเรอื น จะมหี มอ้ แปลงทใี่ ชใ้ นกำรแปลงไฟจำก 12,000 โวลทเ์ ป็ น 220 โวลท์ 1 เฟสโดยทส่ี ำยไฟจะมี 2 เสน้ คอื ไลน(์ Line) และ นวิ ตรอน(Neutral) ไลน์ เป็ นสำยทม่ี ไี ฟ สว่ นนวิ ตรอน เป็ นสำยดนิ ไมม่ ไี ฟ สำมำรถทดสอบไดโ้ ดยใชไ้ ขควงเช็คไฟ ถำ้ ไฟตดิ ทเ่ี สน้ ใดแสดงวำ่ เป็ นเสน้ ไลน์ นอกจำกนยี้ ังมรี ะบบไฟฟ้ำ ทจี่ ำ่ ยใหก้ บั โรงงำนอตุ สำหกรรม ประเภท 3 เฟส ซง่ึ แรงเคลอ่ื นทจ่ี ำ่ ยอำจจะเป็ น 220 โวลทห์ รอื 380โวลทข์ นึ้ อยกู่ ับควำมตอ้ งกำรใชง้ ำน โดยท่ัวไปโรงงำนอตุ สำหกรรม จะตอ้ งใชไ้ ฟมำก จงึ จำเป็ นทจ่ี ะตอ้ งใชไ้ ฟแบบ 3 เฟส อำจจะมี 3 สำยหรอื 4 สำยก็แลว้ แตค่ วำมตอ้ งกำรใชง้ ำนชนดิ ของหลอดไฟฟ้ า หลอดไฟทใ่ี ชง้ ำนในปัจจบุ ันมอี ยมู่ ำกมำยหลำยประเภทเชน่ หลอดไส ้ หลอดนอี อน หลอดแสงจนั ทร์หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดทังสเตนฮำโลเจน หลอดโลหะฮำไลด์ หลอดโซเดยี ม ฯลฯ เป็ นตน้ หลอดบำงประเภทเป็ นทคี่ นุ ้ เคยและพบเห็นไดท้ ่ัวไป เชน่ หลอดไส ้ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ เป็ นตน้หลอดไส้ (Incandescent Lamp) เป็ นหลอดไฟทใ่ี ชก้ ันในยคุ แรก ๆ บำงทเี รยี กกันวำ่ หลอดดวงเทยี นเพรำะมแี สงแดง ๆ เหมอื นแสงเทยี น มที ัง้ ชนดิ แกว้ ใสและแกว้ ฝ้ำ เมอ่ื กระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ นไสห้ ลอด จะเกดิควำมรอ้ น ยง่ิ ควำมรอ้ นมำกขน้ึ เทำ่ ใด แสงสวำ่ งทเี่ ปลง่ ออกมำจำกไสห้ ลอด ก็จะมำกขน้ึ เทำ่ นัน้ แตไ่ มค่ วรรอ้ นเกนิขดี จำกัดทจ่ี ะรับได ้ เพรำะไสห้ ลอดทท่ี ำจำกทังสเตนอำจขำดได ้ สว่ นประกอบของหลอดไส ้
42 แสดงสว่ นประกอบของหลอดไส ้ โครงสรำ้ งภำยในประกอบดว้ ยไสห้ ลอดทท่ี ำมำจำกทังสเตน กำ้ นยดึ ไสห้ ลอด ลวดนำกระแส แผน่ ฉนวนหกัเหควำมรอ้ น ฟิวส์ ทอ่ ดดู อำกำศ และขวั้ หลอด ภำยในหลอดแกว้ จะบรรจกุ ำ๊ ซเฉื่อย เชน่ อำรก์ อน หรอื ไนโตรเจนเพอ่ื ไมใ่ หห้ ลอดทร่ี อ้ น ขณะป้อนกระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ น ทำใหเ้ กดิ กำรเผำไหมไ้ สห้ ลอดอำจจะขำดได ้ กำรตอ่ วงจรใชง้ ำนเรม่ิ จำกตอ่ สำยไฟ 220 VAC เขำ้ กบั สวติ ช์ แลว้ ตอ่ เขำ้ หลอดไฟ สว่ นสำยไฟอกี เสน้หนง่ึ ตอ่ เขำ้ หลอดไฟโดยตรง เมอื่ ทำกำรปิดสวติ ชจ์ ะมกี ระแสไหลทำใหห้ ลอดไฟตดิ เป็ นกำรตอ่ วงจรใชง้ ำนทง่ี ำ่ ยกวำ่ หลอดประเภทอนื่ หลอดไฟประเภทนมี้ ขี นำดอตั รำทนกำลัง 25 วตั ต์ 40 วตั ต์ 60 วตั ตแ์ ละ 100 วตั ต์ หลอดไสข้ นำด 40 วตั ตม์ อี ำยกุ ำรใชง้ ำน 1,250 ชว่ั โมงใหแ้ สงสวำ่ ง 430 ลเู มน เป็ นตน้ แสดงกำรตอ่ วงจรใชง้ ำนของหลอดไส ้
43หลอดฟลอู อเรสเซนต(์ Fluorescent Lamp) เป็ นหลอดไฟฟ้ำทนี่ ยิ มใชก้ นั ทั่วไป เพรำะวำ่ ใหแ้ สงสวำ่ งนวลสบำยตำ และมอี ำยกุ ำรใชง้ ำนทย่ี ำวนำน กวำ่ หลอดไสถ้ งึ 8 เทำ่ ลกั ษณะของหลอดเป็ นรปู ทรงกระบอก รปูวงกลมและตัวยู มขี นำดอัตรำทนกำลงั 10 วตั ต์ 20 วตั ต์ 32 วตั ตแ์ ละ 40 วตั ตเ์ ป็ นตน้ ขนำด 40 วตั ตม์ อี ำยกุ ำรใช ้งำน 8,000 ถงึ 12,000 ชว่ั โมง ใหค้ วำมสวำ่ งของแสงประมำณ 3,100 ลเู มน แสดงสว่ นประกอบของหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ภำยในหลอดจะบรรจดุ ว้ ยกำ๊ ซเฉื่อย ประเภทอำรก์ อนและไอปรอท บรเิ วณหลอดแกว้ ดำ้ นในเคลอื บดว้ ยสำรเรอื งแสง กำ๊ ชทบ่ี รรจอุ ยภู่ ำยในหลอด จะแตกตวั เป็ นไอออน เมอ่ื แรงดันทขี่ วั้ แคโถด ทัง้ สองขำ้ งของหลอดมีคำ่ สงู พอ ควำมตำ้ นทำนภำยในหลอด ก็จะตำ่ ลงทันที ทำใหก้ ระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ นหลอดแกว้ ไปกระทบไอปรอททำใหไ้ อปรอท เปลง่ รังสอี ัลตรำไวโอเลตออกมำ และจะกระทบกับสำรเรอื งแสง ทเ่ี คลอื บผวิ ดำ้ นในของหลอดแกว้ หลอดจงึ สวำ่ งขน้ึกำรตอ่ วงจรใชง้ ำนเรมิ่ จำกตอ่ สำยไฟ 220 VAC เสน้ หนงึ่ ตอ่ เขำ้ กบั บำลำสต์ จำกบำลำสตต์ อ่ ไปยงั ขวั้ หลอดหนง่ึขวั้ หลอดสองตอ่ ไปยงั สตำรท์ เตอร์ และตอ่ เขำ้ ขวั้ หลอดอกี ดำ้ นหนง่ึ จำกขวั้ หลอดจะตอ่ เขำ้ ไฟAC อกี เสน้ หนง่ึ จนครบวงจร
44 แสดงกำรตอ่ วงจรใชง้ ำนของหลอดฟลอู อเรสเซนต์บลั ลาสต์์ ทใี่ ชก้ ับหลอดฟลอู อเรสเซนต์ มหี นำ้ ทอ่ี ยหู่ ลำยอยำ่ งคอื สรำ้ งแรงดนั ไฟฟ้ำสงู ในขณะทหี่ ลอดเรมิ่ ทำงำน เมอ่ื หลอดทำงำนแลว้ จะทำหนำ้ ทลี่ ดแรงดนั ไฟฟ้ำทต่ี กครอ่ มหลอดใหต้ ำ่ ลง และนอกจำกนยี้ งั ทำหนำ้ ทจี่ ำกดั กระแส ไมใ่ หไ้ หลผำ่ นหลอดมำกเกนิ ไป ในขณะทห่ี ลอดใหแ้ สงสวำ่ งออกมำ บัลลำสตท์ น่ี ยิ มใชอ้ ยมู่ ี3 ชนดิ คอื ชนดิ ขดลวด(Choke Coils Ballast) ชนดิ หมอ้ แปลงขดลวดชดุ เดยี ว (Autotranformer Ballast) และชนดิ บลั ลำสตอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส(์ Electronic Ballast)สตารท์ เตอร์ ทใี่ ชก้ ับหลอดฟลอู อเรสเซนต์ มหี นำ้ ทเี่ ป็ นสวติ ชเ์ พอ่ื ชว่ ยในกำรจดุ ไสห้ ลอด ใหท้ ำงำนมอี ยู่หลำยชนดิ คอื แบบมกี ำ๊ ชบรรจอุ ยภู่ ำย(Glow Type) แบบใชค้ วำมรอ้ น(Thermal Starter) แบบใชม้ อื ในกำรตัดตอ่(Manual Reset Cutout Starter) และสตำรต์ เตอร์ แบบตดั ตอ่ โดยอตั โนมตั (ิ Automatic Reset Cutout Starter) แสดงบำลำสตแ์ ละสตำรท์ เตอร์
45หลอดแสงจนั ทร์ (Mercury Lamp) เป็ นหลอดไฟฟ้ำ ทที่ ำงำนดว้ ยหลกั กำรปลอ่ ยประจคุ วำมเขม้ สงู มีปรมิ ำณเสน้ แรงของแสงสวำ่ ง ตอ่ วตั ตส์ งู กวำ่ หลอดชนดิ อน่ื สอ่ งสวำ่ งไดไ้ กลเหมำะกับงำนสนำม นยิ มใชต้ ำมถนนบรเิ วณเสำไฟฟ้ำ และโรงงำนอตุ สำหกรรม นยิ มตดิ ตงั้ ควบคกู่ บั ดวงโคมเสมอ แสดงหลอดแสงจนั ทรแ์ บบตำ่ งๆ หลอดแสงจันทร์ 40 วตั ตจ์ ะใหแ้ สงสวำ่ งประมำณ 1,600-2,400 ลเู มน มอี ำยกุ ำรใชง้ ำนเฉลยี่ ประมำณ24,000 ชว่ั โมง หลอดแสงจันทรม์ อี ยู่ 2 ชนดิ คอื ชนดิ ทใี่ ชบ้ ำลำสตก์ ับชนดิ ทไ่ี มใ่ ชบ้ ำลำสต์ ชนดิ ทไี่ มใ่ ชบ้ ำลำสต์จะมอี ำยกุ ำรใชง้ ำนทสี่ นั้ กวำ่ เมอื่ เรม่ิ ทำงำน กำ๊ ซทอี่ ยใู่ นหลอด จะเกดิ กำรแตกตัว โดยใชเ้ วลำประมำณ 10-15นำทแี ลว้ แตช่ นดิ ของหลอด หลอดจะคอ่ ย ๆ เรม่ิ เปลง่ แสงสวำ่ งออกมำ เมอ่ื หลอดดบั แลว้ ตอ้ งกำรใหห้ ลอดตดิใหม่ ตอ้ งรอใหห้ ลอดเย็นตวั กอ่ นหลอดนอี อน (Neon Lamp) เป็ นหลอดไฟฟ้ำชนดิ ทมี่ กี ำรบรรจกุ ำ๊ ซตำ่ ง ๆ เขำ้ ไปเพอ่ื ทำใหเ้ กดิ แสงสวำ่ งเป็ นสตี ำ่ ง ๆ ตำมชนดิ ของสำร หรอื กำ๊ ซทบี่ รรจเุ ขำ้ ไป สว่ นใหญจ่ ะใชเ้ ป็ นไฟประดับ หรอื ตดิ ป้ำยโฆษณำตำมสถำนทต่ี ำ่ ง ๆ บำงครัง้ อำจดดั หลอด ใหม้ รี ปู รำ่ งเป็ นตัวอักษรและขอ้ ควำมตำ่ ง ๆ โดยท่ัวไปหลอดนอี อน จะแบง่ประเภทตำมแรงดนั ได ้ 2 ประเภทคอื แรงดันสงู และแรงดันตำ่ หลอดนอี อนในรปู ท่ี 15.14 เป็ นหลอดนอี อนรนุ่TLX ทเ่ี ป็ นหลอดชนดิ ขวั้ เดยี่ ว สำมำรถจดุ ตดิ ไดท้ ันที ใชร้ ว่ มกบั บัลลำสตแ์ ละโคมโดยเฉพำะหลอดไฟทใ่ี ชใ้ นวงจรไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง ยังมอี กี หลำยแบบทผ่ี เู ้ ขยี นไมไ่ ดก้ ลำ่ วถงึ และมใี ชต้ ำมทต่ี ำ่ ง ๆ เพอ่ื ให ้นักศกึ ษำรจู ้ ัก และใชเ้ ป็ นแนวทำงในกำรศกึ ษำตอ่ ไป จะขอแสดงรปู ภำพของหลอดไฟบำงชนดิ ทค่ี วรรจู ้ ักดังน้ี
46แสดงหลอดไชนดิ ตำ่ งๆ ทใี่ ชใ้ นปัจจบุ นั
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: