บนั ทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอชนแดน ท่ี ศธ 0210.5403/ วันท่ี 20 สงิ หาคม 2564 เร่อื ง สรุปผลการปฏบิ ัตงิ านโครงการสง่ เสรมิ การเรยี นรสู้ ำหรับเด็กและเยาวชน กจิ กรรมครอบครัวรกั การอ่าน เรียน ผู้อำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอชนแดน ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็ก และเยาวชน ในระหว่าง เดือนเมษายน 2564 ถึง เดอื นกนั ยายน 2564 โดยม่งุ เน้นให้มนี ิสัยรักการอา่ นและการ เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต กระตุ้น ส่งเสริมนิสัยให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน มีทักษะและ พัฒนาการทางด้านรา่ งกาย จิตใจของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมให้เดก็ และเยาวชนมีความคิดสร้างสรรค์ และมี จินตนาการ บดั นี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนนิ การเสร็จส้นิ เรยี บรอ้ ยแล้ว หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จงึ ขอสรปุ ผลการปฏบิ ัติงานโครงการดงั กล่าวรายละเอียด ตามเอกสารทแ่ี นบมาพรอ้ มน้ี จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ (นางวารี ชบู วั ) บรรณารกั ษช์ ำนาญการ
คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน ในระหวา่ ง เดอื นเมษายน 2564 ถึง เดือนกนั ยายน 2564 โดยมุ่งเนน้ ให้มนี สิ ัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่องตลอดชีวิต กระตุ้น ส่งเสริมนิสัยให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน มีทักษะและพัฒนาการทางด้าน รา่ งกาย จติ ใจของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมใหเ้ ดก็ และเยาวชนมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ และมจี นิ ตนาการ นน้ั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครง้ั ตอ่ ไป ผู้จดั ทำ สงิ หาคม 2564
สารบญั หนา้ 1-8 บทที่ 1 บทนำ 9 - 25 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 26 - 31 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การตามโครงการ 32 - 36 บทที่ 4 ผลการดำเนินการตามโครงการ 37 - 38 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รปู ภาพ รายชอื่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จัดทำ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชือ่ โครงการ โครงการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย กิจกรรมที่ 1 โครงการสง่ เสรมิ การเรียนรสู้ ำหรับเดก็ และเยาวชน 2. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 ด้านการพัฒนาและเสรมิ สร้างศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาตดิ ้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษยม์ ีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพ่อื พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยใหเ้ ปน็ คนดี เกง่ และมคี ุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมท้ังกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รกั ษาศีลธรรม และเปน็ พลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถกู ต้อง มที ักษะที่จา่ เป็นในศตวรรษท่ี 21 มที กั ษะสื่อสารภาษาองั กฤษและภาษาที่ 3 และอนุรักษ์ภาษาท้องถนิ่ มีนสิ ยั รกั การเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง ต่อเน่ืองตลอดชีวิต สกู่ ารเปน็ คนไทยทม่ี ที ักษะสูง เป็นนวตั กร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยคุ ใหม่และอื่น ๆ โดย มีสมั มาชพี ตามความถนัดของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย (1) ช่วงการตั้งครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัย เรียน/วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมใหผ้ ูส้ ูงอายเุ ป็นพลงั ในการขบั เคล่อื นประเทศ ประเดน็ ที่ 6 การสรา้ งสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก หอ้ งเรียน และ (4) การพัฒนาระบบฐานข้อมลู เพอื่ การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 การเสรมิ สร้างและพฒั นาศกั ยภาพทนุ มนษุ ย์ 3.1 ปรับเปล่ียนค่านยิ มคนไทยใหม้ คี ุณธรรม จริยธรรม มีวนิ ัย จิตสาธารณะ และพฤตกิ รรม ทีพ่ งึ ประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุข อยา่ งจริงจงั 3.2 พัฒนาศกั ยภาพคนให้มที ักษะความร้แู ละความสามารถในการดำรงชีวิตอย่างมคี ุณคา่ 3.2.1 ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั มีการพฒั นาทกั ษะทางสมองและทักษะทางสังคมท่เี หมาะสม
2 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มีทักษะการท างานและการใชช้ ีวิตทพี่ ร้อมเข้าสูต่ ลาดงาน 3.3 ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและการเรยี นรตู้ ลอดชีวิต 3.3.6 จัดทำสื่อการเรียนรู้ที่เป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสามารถใช้งานผ่านระบบอุปกรณ์สื่อสาร เคลือ่ นท่ี ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลิตหนงั สือ ส่อื การอ่านและการเรียนรทู้ ่ีมีคณุ ภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ หอ้ งสมุด โบราณสถาน อุทยานประวัตศิ าสตร์ โรงเรยี นผูส้ ูงอายุ รวมท้ังส่งเสริมให้มีระบบการจดั การความรูท้ เ่ี ป็นภูมิ ปญั ญาท้องถ่ิน สอดคล้องกับนโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศึกษาธิการ) 1. การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจัดการศึกษาเพ่ือคณุ วุฒิ พัฒนาผู้เรียนให้มคี วามรอบรแู้ ละทักษะชีวติ เพ่ือเปน็ เคร่อื งมือใน การดำรงชวี ิตและสร้างอาชีพ อาทิ การใช้เทคโนโลยดี จิ ิทลั สุขภาวะและทัศนคติทด่ี ีต่อการดูแลสขุ ภาพ 1.2 การเรยี นรตู้ ลอดชีวิต - จัดการเรยี นรตู้ ลอดชวี ิตสำหรับประชาชนทุกชว่ งวยั เนน้ สง่ เสรมิ และยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All) สอดคล้องกบั นโยบายและจุดเน้นการดำเนนิ งาน กศน. จดุ เน้นการดาํ เนนิ งานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ภารกจิ ต่อเนอื่ ง 1.4 การศึกษาตามอัธยาศยั 1) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ที่มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านและพัฒนาศักยภาพ การเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น การพัฒนา กศน . ตําบล ห้องสมุด ประชาชนทุกแห่งให้มีการบริการที่ทันสมัย ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ ห้องสมุดชาวตลาด พร้อมหนังสือและอุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายให้บริการกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอ รวมทั้ง เสริมสร้างความพร้อมในด้านบุคลากร สื่ออุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการอ่าน และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่าน อยา่ งหลากหลายรูปแบบ 3) ประสานความร่วมมือหนว่ ยงาน องค์กร หรือภาคสว่ นต่าง ๆ ทมี่ ีแหล่งเรยี นรู้อื่น ๆ เพือ่ สง่ เสริม การจัดการศกึ ษาตามอัธยาศยั ใหม้ รี ูปแบบที่หลากหลาย และตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน เชน่ พิพธิ ภัณฑ์ ศูนยเ์ รยี นรู้ แหล่งโบราณคดี วัด ศาสนาสถาน ห้องสมดุ รวมถงึ ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ เป็นต้น
3 สอดคลอ้ งกบั ตัวชี้วัดการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา มาตรฐานการศกึ ษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผ้รู ับบรกิ ารการศึกษาตามอธั ยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ่ี 1.1 ผูร้ บั บริการมีความรู้ หรือทักษะ หรอื ประสบการณ์ สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ หรือกจิ กรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานท่ี 2 คุณภาพการจัดการศกึ ษาตามอัธยาศัย ตัวบ่งชี้ท่ี 2.1 การกำหนดโครงการหรือกจิ กรรมการศึกษาตามอธั ยาศยั ตัวบง่ ชท้ี ี่ 2.2 ผจู้ ดั กจิ กรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจัดการศกึ ษาตาม อธั ยาศัย ตวั บง่ ชีท้ ่ี 2.3 ส่ือหรือนวัตกรรม และสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อตอ่ การจัดการศกึ ษาตาม อัธยาศยั ตัวบง่ ช้ที ี่ 2.4 ผรู้ บั บริการมคี วามพึงพอใจต่อการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานท่ี 3 คุณภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษา ตวั บ่งชี้ท่ี 3.1 การบรหิ ารจดั การของสถานศกึ ษาท่เี น้นการมสี ่วนรว่ ม ตวั บง่ ช้ที ่ี 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตัวบ่งชท้ี ี่ 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา ตวั บ่งชี้ที่ 3.7 การส่งเสรมิ สนับสนุนภาคเี ครอื ข่ายใหม้ สี ่วนรว่ มในการจัด การศกึ ษา ตัวบ่งชี้ที่ 3.8 การส่งเสริม สนับสนนุ การสร้างสงั คมแหง่ การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพมิ่ ขอ้ เหตุผล ขอ้ คิดเหน็ หรือข้อเสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดข้อ น้นั จึงใหค้ ะแนนมากหรอื น้อย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถว้ นเปน็ ระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกจิ กรรมควรกำหนดวัตถปุ ระสงคเ์ ป็นรปู ธรรม มกี ารออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ตอ่ เนอื่ งและนำผลการประเมินทีไ่ ดไ้ ปวิเคราะหถ์ งึ อุปสรรค และนำไปวางแผน ปรบั ปรุง พฒั นาในปตี ่อไป
4 3. หลกั การและเหตผุ ล เด็กเป็นทรัพยากรบุคลากรที่มีคุณค่า และเป็นอนาคตที่สำคัญของชาติ ในหลายประเทศล้วนมุ่งเน้นการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะต้องเริ่มจากเด็ก โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิด 0 – 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการพัฒนาใน ด้านต่างๆอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จิตใจ และสังคม เด็กในวัยนี้ถา้ จะได้รบั การเล้ียงดูที่ เหมาะสม มีการตอบสนองความต้องการขั้นพืน้ ฐาน และมีการส่งเสริมพัฒนาการท่ดี ีในแตล่ ะด้าน ก็จะทำให้เด็กน้ัน เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตซึ่งพัฒนาการเด็กเกิดจากการเปลี่ยนแปลงหลายด้านผสมผสานกัน โดย พัฒนาการทุกด้านไมว่ า่ จะเป็นดา้ นทางรา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ จติ ใจ และสังคม ลว้ นมคี วามสำคญั และเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันหมด การเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการด้านหนึ่งย่อมมีผลให้พัฒนาการอีกด้านหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น เด็กทีมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์มักเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มีอารมณ์แจ่มใส รู้จัก ควบคุมอารมณ์ เข้ากับผู้อื่นได้ดี และมีความสนใจเรียนรู้สิ่งรอบตัว ในทางตรงข้ามเด็กที่มีสุขภาพไม่ดี มักประสบ ปัญหาด้านการเจริญเติบโตของร่างกายล่าช้า หรือหยุดชะงักช่ัวขณะ อารมณ์หงุดหงิดงา่ ย มีอาการเศร้าซมึ ปรับตัว เข้ากับผู้อื่นยาก และขาดสมาธิในการเรียนรู้สิง่ ตา่ งๆ หอ้ งสมุดประชาชน เปน็ แหลง่ ความรู้ท่ีสำคัญของชุมชน มบี ทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีสื่อความรู้ ในการให้บริการและจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับ การศกึ ษา สรา้ งนสิ ยั รักการอ่าน ศึกษาคน้ คว้า สนองความสนใจใฝ่รู้ รู้จกั วิธกี ารค้นควา้ ด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา ตลอดชีวิต การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงเป็นสิง่ ที่จำเป็นสำหรบั คนในชุมชน การจัดกิจกรรมในเชิงรกุ เพื่อให้เกิดการ เรยี นรขู้ องคนในชมุ ชน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน จึงมอบหมายให้ห้องสมุดประชาชน อำเภอชนแดน จัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กและ เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมมีนิสัยรักการอ่านและ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชวี ิต ช่วยวางรากฐานให้เยาวชนเปน็ ผูร้ ักการเรียนรู้ และสนใจเรียนรู้ตลอดชีวิตเพ่อื นำไปสกู่ ระบวนการสรา้ งพลเมอื งที่มีคุณภาพเปน็ กำลังสำคัญที่จะพัฒนาประเทศชาตบิ ้านเมืองต่อไปในอนาคต 4. วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหม้ ีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ติ 2. เพือ่ กระต้นุ และสง่ เสริมนิสัยใหเ้ ด็กและเยาวชนมนี สิ ัยรักการอา่ น 3. เพอื่ สง่ เสรมิ ทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจติ ใจของเดก็ และเยาวชน 4. เพอื่ ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กและเยาวชนมีความคดิ สร้างสรรค์และมีจนิ ตนาการ
5 5. เป้าหมาย จำนวน 10 คน เชงิ ปริมาณ เด็กและเยาวชน เชงิ คณุ ภาพ 1. สง่ เสรมิ ให้มนี ิสยั รักการอ่านและการเรยี นรู้อยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวติ 2. กระตุ้นและส่งเสรมิ นิสัยให้เด็กและเยาวชนมีนสิ ัยรกั การอ่าน 3. สง่ เสรมิ ทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน 4. สง่ เสริมให้เดก็ และเยาวชนมีความคิดสรา้ งสรรค์และมีจินตนาการ
6. วิธดี ำเนินการ กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลุม่ เป้าหมาย 1. ขน้ั เตรียมการ ครูและบุคลากร กศน เพอื่ จดั ประชมุ ครูและบคุ ลากรทางการ 2. ประชมุ กรรมการ ศกึ ษา อำเภอชนแดน ดำเนินงาน - ชีแ้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด จำนวน 20 คน 3. จัดเตรียมเอกสาร โครงการ วัสดุ อปุ กรณใ์ นการ - ชี้แจงแนวทางในการดำเนนิ ครแู ละบุคลากร กศน ดำเนินโครงการ โครงการ อำเภอชนแดน - จดั ทำโครงการและแผนการ จำนวน 20 คน ดำเนนิ การเพื่ออนุมัติ - แต่งตัง้ กรรมการดำเนินงานตาม กรรมการฝ่ายท่ีได้รับ โครงการ มอบหมาย เพอื่ ประชุมทำความเข้าใจกับกรรมการ ดำเนินงานทุกฝ่ายในการจดั กิจกรรม โครงการและการดำเนินงาน เพอ่ื ดำเนินการจดั ทำ จัดซอื้ วสั ดุ อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการดำเนนิ การ
5 กลมุ่ เป้าหมาย พ้ืนที่ดำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) กศน. อำเภอ เม.ย.64 - น. ชแ้ี จงทำความเข้าใจ รายละเอียด ชนแดน และวตั ถปุ ระสงค์ของการจัด โครงการ น. ช้ีแจงวตั ถุประสงค์ บทบาทหน้าที่ กศน. อำเภอ เม.ย.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน มิ.ย.64 - บ จัดซอื้ วัสดุอุปกรณใ์ นการจดั กศน. อำเภอ โครงการ ชนแดน
กจิ กรรมหลกั วัตถุประสงค์ กลุม่ เปา้ หมาย เด็กและเยาวชน 4. ดำเนินการจัด 1. นิทานจานกระดาษ กจิ กรรม 2. นิทานหุ่นถงุ มือ จำนวน 3. ครอบครัวรกั การอ่าน 50 คน 5. สรุป/ประเมินผล และ เพื่อให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเก็บ ตามกระบวนการ รายงานผลโครงการ รวบรวมข้อมลู และดำเนนิ การ ประเมนิ โครงการ ประเมินผลการจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
6 กลุ่มเปา้ หมาย พื้นที่ดำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) - เม.ย. 64 ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและ 1.ศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเลก็ ถึง เยาวชนมีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่ เทศบาลตำบลทา่ ขา้ ม ก.ย.64 การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพ 2. ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ ชีวิตใหด้ ีขน้ึ เทศบาลตำบลชนแดน 3. โรงเรยี นอนุบาล เทศบาลตำบลชนแดน 4. พ้ืนทอี่ ำเภอชนแดน สรปุ รายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ก.ย.64 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
7 7. วงเงนิ งบประมาณ ไม่ใช้ 8. แผนการใชจ้ ่ายงบประมาณ แผนการใช้จา่ ยรายไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสท่ี 4 - - - - ๙. ผู้รับผิดชอบโครงการ ตำแหนง่ : บรรณารักษ์ชำนาญการ ชื่อ - สกุล : นางวารี ชบู วั เบอร์โทรศัพท์มือถือ : 056 – 761667 เบอร์โทรศัพทท์ ี่ทำงาน : 056 – 761667 อเี มลล์ : [email protected] ผู้ร่วมดำเนินการ นางสมบตั ิ มาเนตร์ ตำแหนง่ ครอู าสาสมัครฯ นางสาวลาวณั ย์ สิทธิกรววยแก้ว ตำแหน่ง ครอู าสาสมัครฯ นางลาวิน สเี หลอื ง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวอุษา ยงิ่ สกุ ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวกัญญาณัฐ จันปญั ญา ตำแหนง่ ครูประจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน นายปัณณวฒั น์ สขุ มา ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนยก์ ารเรยี นชุมชน นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นายศิวณัชญ์ อัศวสัมฤทธิ์ ตำแหนง่ ครูประจำศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหนง่ นกั จดั การงานทว่ั ไป
8 10. เครือขา่ ย 10.2 โรงเรียนอนุบาลชนแดน 10.3 โรงเรียนเทศบาลตำบลชนแดน 10.4 ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็กเทศบาลตำบลชนแดน 10.5 หนว่ ยงานของรฐั และเอกชน 11.โครงการที่เกย่ี วข้อง 11.1 โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศยั 11.2 โครงการประชาสัมพันธง์ าน กศน. 11.3 โครงการส่งเสริมและพัฒนาประสทิ ธิภาพการทำงานรว่ มกับเครือข่าย 11.4 โครงการประกันคุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 สง่ เสรมิ ให้มีนสิ ยั รักการอา่ นและการเรียนรู้อยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดชวี ติ 12.2 กระตุ้นและสง่ เสรมิ นสิ ัยให้เด็กและเยาวชนมีนิสยั รักการอา่ น 12.3 ส่งเสริมทกั ษะและพัฒนาการทางด้านรา่ งกายและจิตใจของเดก็ และเยาวชน 12.4 ส่งเสรมิ ให้เด็กและเยาวชนมีความคิดสร้างสรรคแ์ ละมจี ินตนาการ 13. ดชั นีวัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 13.2 ตวั ชวี้ ดั ผลลพั ธ์ ( outcome ) นกั เรียน มนี สิ ัยรกั การอ่านนำไปสู่การเรยี นรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดีขึน้ 14. การตดิ ตามผลประเมนิ ผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพึงพอใจผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม / โครงการ 14.2 สรุป/รายงานผลการจัดกจิ กรรม
9 บทที่ 2 เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง การอา่ นคอื อะไร การอ่าน คอื การแปลความหมายของตัวอักษรที่อา่ นออกมาเป็นความร้คู วามคิด และเกดิ ความเขา้ ใจ เรอื่ งราวทอ่ี ่านตรงกับเรอ่ื ราวทีผ่ ู้เขยี นเขยี น ผู้อา่ นสามารถนำความรู้ ความคดิ หรอื สาระจากเรื่องราวที่อ่านไป ใช้ใหเ้ กิดประโยชนไ์ ด้ การอา่ นจงึ มคี วามสำคัญ ดังนี้ 1) การอ่านเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จำเป็นต้องอ่าน หนังสอื เพอ่ื การศึกษาหาความร้ดู ้านต่าง ๆ 2) การอ่านเปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยใหป้ ระสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ เพราะสามารถนำความรู้ท่ีไดจ้ าก การอา่ นไปพัฒนางานของตนได้ 3) การอา่ นเปน็ เครอื่ งมือสืบทอดทางวัฒนธรรมของคนรนุ่ ต่อ ๆ ไป 4) การอ่านเป็นวิธีการส่งเสริมให้คนมีความคิดอ่านและฉลาดรอบรู้ เพราะประสบการณ์ท่ีได้จากการอ่าน เมอื่ เกบ็ สะสมเพ่ิมพนู นานวันเข้า กจ็ ะทำให้เกดิ ความคดิ เกิดสตปิ ญั ญา เป็นคนฉลาดรอบร้ไู ด้ 5) การอ่านเป็นกิจกรรมทกี่ ่อให้เกิดความเพลิดเพลินบันเทงิ ใจ เป็นวธิ หี นึ่งในการแสวงหาความสุขให้กบั ตนเองที่งา่ ยท่ีสดุ และไดป้ ระโยชนค์ มุ้ ค่าทส่ี ุด 6) การอา่ นเปน็ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้เป็นคนท่ีสมบูรณ์ท้งั ดา้ นจิตใจและบุคลิกภาพ เพราะเมอื่ อา่ น มากย่อมรูม้ าก สามารถนำความรู้ไปใช่ในการดำรงชวี ิตได้อยา่ งมีความสุข 7) การอ่านเป็นเครอื่ งมือในการพัฒนาระบบการเมือง การปกครอง ศาสนา ประวัติศาสตร์ และสงั คม 8) การอ่านเปน็ วิธีการหนึง่ ในการพฒั นาระบบการสื่อสารและการใชเ้ ครื่องมือทางอิเลก็ ทรอนิกส์ต่าง ๆ พฒั นาการของเด็กในแตล่ ะช่วงวัย การเปลีย่ นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญาแตล่ ะช่วงชีวติ 1.1 วัยทารก คอื วยั ตั้งแต่แรกเกดิ จนถึง 1 ปี มีการเปล่ียนแปลงดา้ นตา่ ง ๆ ดังน้ี - ดา้ นร่างกาย น้ำหนักแรกคลอดประมาณ 3,000 กรัม เมื่อครบ 1 ปี จะเพิ่มขน้ึ ประมาณ 3 เทา่ - ส่วนสูงหรือความยาวประมาณ 54 เซนติเมตร และส่วนสูงจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 เท่า เมื่ออายุ ครบ 1 ปี - ขนาดรอบศีรษะแรกคลอดประมาณ 35 เซนติเมตร เมื่อครบ 1 ปี จะมีขนาดรอบศีรษะ ประมาณ 45 เซนตเิ มตร - ฟันซีแ่ รกจะขน้ึ เมอื่ อายุ 6-8 เดอื น และเมอ่ื ครบ 1 ปี จะมีฟันประมาณ 12 ซ่ี - ด้านจิตใจและอารมณ์ 1-3 เดือน ส่งเสยี งร้องเมื่อรูส้ กึ หิว ร้จู กั ยิ้มเมื่อถูกหยอกล้อ ร้องไหเ้ มื่อโกรธ ทำเสียงดังเมื่อดีใจ 4-6 เดือน หวั เราะเสยี งดัง ร้องไห้เม่ือโกรธหรอื ถูกขัดใจ อารมณ์เปล่ียนแปลงรวดเรว็
10 7-9 เดือน รอ้ งไห้เมื่อไมพ่ อใจและมีอารมณ์กลวั มากข้ึนแสดงความรักดว้ ยการโอบกอด ตอบสนองต่อการ ถกู ดุและรอ้ งไห้ 10-12 เดือน แสดงอารมณด์ ีใจ เสียใจมากข้ึน เม่ือมีคนเลน่ ด้วยจะหวั เราะเสียงดงั สามารถเข้าใจอารมณ์ ผอู้ น่ื ได้ ดา้ นสังคม เรมิ่ พฒั นาการทางสงั คมกับบุคคลใกลช้ ดิ ในครอบครวั และผทู้ ี่เลีย้ งดู 1-2 เดือน จอ้ งหน้าและตอบสนองผหู้ ยอกล้อได้ 3-5 เดือน ชอบให้คนอยู่ใกล้ๆ สนใจเสียงคนพูดคุย 12 เดอื น จะสามารถเล่นกบั ผูอ้ ื่นได้ ดา้ นสตปิ ญั ญา แสดงออกและโต้ตอบดว้ ยการเคล่ือนไหวร่างกายเร่ิมเรยี นร้กู ารพดู คุยกบั ผู้อ่นื ด้วยการพูดทีละคำ 1.2 วัยก่อนเรียน คอื วยั ต้งั แต่ 1 ปี จนถงึ 6 ปี มกี ารเปล่ยี นแปลงด้านต่างๆดังนี้ ดา้ นร่างกาย ด้านนำ้ หนักและส่วนสูง จะเพิ่มขึ้นช้ากวา่ วยั ทารถเมอ่ื อายุ 1 ปี จะมีฟนั น้ำนมประมาณ 12 ซ่ีฟันน้ำนมจะรบ 20 ซ่ี เมอ่ื อายปุ ระมาณ 3 ปี และฟันน้ำนมจะเร่มิ หยุดโดยมีฟนั แท้ขน้ึ มาแทนที่ ดา้ นจิตใจและอารมณ์ มีอารมณ์เปล่ียนแปลงงา่ ย โดยอารมณ์โกรธและดใี จจะเกิดข้นึ บอ่ ยเมื่ออายคุ รบ 2 ปี จะเรม่ิ ร้จู ักอิจฉา ผู้อน่ื กลัวคนแปลกหน้าสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้นเมอ่ื อายุประมาณ 4 ปี ด้านสังคม สังคมสว่ นใหญ่จะเป็นผูท้ ี่เลีย้ งดแู ละคนในครอบครัวเมื่อเร่ิมเขา้ โรงเรยี นจะมีความสัมพันธก์ บั เพ่ือน แต่อาจมีการ ทะเลาะกนั เพราะยงั ขาดประสบการณ์ในการเลน่ กับเพื่อนรู้จักปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผใู้ หญ่ ด้านสตปิ ัญญา 1-3 ปี สนใจส่ิงใหมๆ่ พดู รู้เรื่อง ใชภ้ าษาได้คล่อง 4 ปี สามารถพดู เป็นประโยคไดส้ มบรู ณ์ นบั เลขได้ รู้จักเวลา ชอบซักถาม 5 ปี มคี วามอยากรู้ อยากเหน็ รู้จกั ใชเ้ หตุผลในการอธบิ ายข้อมูล 6 ปี พูดได้คลอ่ งแคล่วช่างซกั ถาม ทำงานร่วมกบั เพอื่ นและผูใ้ หญ่ได้ 1.3 วัยเรยี น คือ วัยท่มี อี ายุตง้ั แต่ 6-12 ปี มีการเปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆ ดังนี้
11 ดา้ นร่างกาย มีการเจริญเตบิ โตสม่ำเสมอ ร่างกายขยายออกทางสว่ นสงู มากกวา่ สว่ นกวา้ ง นำ้ หนักเพม่ิ ข้นึ เฉลยี่ ปลี ะ 2-3 กโิ ลกรมั ส่วนสงู เพ่ิมขึน้ เฉล่ียปีละ 4-5 เซนติเมตร โดยสว่ นใหญเ่ พศหญงิ จะตัวโตกว่าเพศชายวยั เดยี วกนั มี กลา้ มเนอื้ แข็งแรง คลอ่ งแคล่วว่องไว สามารถใช้มือและนิ้วทำงานได้ดี ด้านจติ ใจและอารมณ์ ตอ้ งการการยอมรับจากกลุ่มเพ่อื น มีอารมณ์โกรธเม่ือถูกล้อเลียน มอี ารมณ์กลัวนอ้ ยลงรูส้ ึกอจิ ฉาเพ่ือนที่ ไดร้ บั ความรักหรือความสนใจ ดา้ นสงั คม ชอบรวมตวั เลน่ กันเป็นกลมุ่ ไมช่ อบอยู่คนเดียว เรยี นรู้การอยรู่ ่วมกนั ภายใต้กฎ ระเบยี บ รจู้ ักเห็นอกเหน็ ใจช่วยเหลือเพ่ือนในกลมุ่ มีความซอ่ื สตั ย์ต่อกลุ่ม ดา้ นสตปิ ญั ญา มคี วามคิดที่เปน็ รูปธรรมมากข้ึน สามารถคดิ ได้อย่างมีเหตุผล เปรียบเทยี บสงิ่ 2 ส่ิงไดม้ ีความอยากร้อู ยาก เหน็ อ่านและเขียนหนังสือได้คล่อง อ่านและเขยี นหนังสือไดค้ ลอ่ ง 1.4 วยั รุ่น คือ วยั ทม่ี อี ายตุ ้งั แต่ 12-20 ปี มีการเปล่ียนแปลงด้านตา่ งๆ ดังน้ี ดา้ นร่างกาย นำ้ หนักและสว่ นสูงเพิ่มข้ึนอย่างรวดเรว็ แขนขายาว มือและเทา้ ใหญข่ ้นึ มลี ักษณะทางเพศชดั เจน เช่น เพศหญิงมหี นา้ อกใหญ่ข้ึน สะโพกผาย เพศชายมีกล้ามเนอ้ื เป็นมัดแข็งแรง ไหลก่ ว้าง มีขนหนา้ แข้ง เสียงแตก เสียงแตก-ห้าว ด้านจิตใจและอารมณ์ มีอารมณเ์ ปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ มคี วามสนใจเพศตรงข้าม มีความเช่ือมนั่ ในตนเองสงู ต้องการอสิ ระ ด้านสังคม มพี ฤติกรรมการแต่งกายเลยี นแบบเพื่อนในกลุ่มและเปน็ เอกลกั ษณ์ของกลมุ่ ต้องการเปน็ ทย่ี อมรบั ของ กลุม่ เพ่ือน และเป็นอสิ ระจากพอ่ แมแ่ ละครอบครวั ดา้ นสติปัญญา สามารถเขา้ ใจสงิ่ ที่เปน็ นามธรรมได้ดี สามารถใช้คำพดู และถอ้ ยคำท่ีลึกซ้ึงเปรียบเทียบสง่ิ ตา่ งๆไดด้ ี ชอบ เรียนร้ดู ้วยการปฏิบตั ิเพ่ือให้ได้รบั ความรู้และประสบการณ์
12 อิทธิพลและความคาดหวังของสังคมต่อการเปล่ียนแปลงของวยั รุ่น 2. อิทธิพลและความคาดหวงั ของสังคมต่อการเปล่ียนแปลงของวัยรนุ่ 2.1 อิทธพิ ลของสงั คมตอ่ การเปลี่ยนแปลงของวัยรนุ่ 1) กล่มุ เพอื่ น การคบเพื่อนจะทำใหว้ ัยรุ่นมพี ฤติกรรม ความเชื่อ เลียนแบบกลมุ่ เพ่ือน พยายาม เปล่ียนแปลงตนเองเพ่ือใหเ้ พื่อนยอมรบั เขา้ กับเพื่อนได้และเป็นพฤติกรรมท่ียอมรบั เข้ากับเพอ่ื นไดแ้ ละเป็น พฤติกรรมท่ีกลายเป็นนอกลักษณ์ของกลุ่ม 2) สอ่ื ต่าง ๆ ซึง่ นำเสนอเร่ืองราวทห่ี ลากหลายผ่านสอื่ เทคโนโลยีทท่ี นั สมยั ทำให้วยั ร่นุ สนใจ อยากทดลองสิ่งต่าง ๆ หรอื เลียนแบบส่อื จนเกดิ เป็นคา่ นยิ ม สอ่ื จนเกิดเปน็ คา่ นิยม ความเช่อื ติดตวั วัยรุ่น 3) ครอบครัว ซง่ึ เป็นสถานท่ีอบรมสั่งสอนและเลย้ี งดวู ยั รนุ่ ตงั้ แตเ่ กดิ ทำให้วัยรนุ่ มพี ฤตกิ รรม แนวความคดิ ความเชื่อ รวมทั้งบุคลิกภาพตามที่ได้รบั การถ่ายทอดมาจากครอบครัว 4) การแข่งขันในสงั คม ทำใหว้ ัยร่นุ มคี วามตืน่ ตัวกระตือรือร้นและมุง่ มั่นท่ีจะบรรลุเป้าหมาย ตามทตี่ นเองต้องการเพ่ือให้สามารถใช้ชวี ติ ในสภาพสังคมท่ีเปลีย่ นแปลงได้อย่างปกติสุข 5) วฒั นธรรมต่างชาติ ซ่งึ มบี ทบาทสำคญั ต่อการดำเนนิ ชีวิตของคนไทยในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เช่น การ รบั ประทานอาหาร การแต่งกาย การเข้าสงั คม การแสดงออกในเร่ืองเพศ โดยนำเสนอผ่านสอ่ื ตา่ งๆ ทำให้วยั รนุ่ เกดิ การเลียนแบบ เพราะคิดว่าเปน็ เรือ่ งทนั สมัย และไม่ใชส่ ิ่งทผี่ ิด จดเกิดพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม และนำมาซ่ึง ปญั หาสังคมในด้านตา่ ง ๆ 2.2 ความคาดหวงั ของสังคมต่อการเปลย่ี นแปลงของวัยร่นุ สงั คมมคี วามคาดหวงั วา่ วัยรนุ่ ท้ังชายและหญงิ จะมีพฤติกรรมท่ีเหมาะสมกบั เพศ และดำรงตนอยู่ใน กรอบวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย สามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาศกั ยภาพของตนเองอยา่ งต่อเนือ่ ง โดย ไม่สรา้ งปญั หาหรือความเดือดรอ้ นให้สงั คม และเตบิ โตเป็นผูใ้ หญท่ ่มี คี ุณภาพเพอ่ื พัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ เจรญิ กา้ วหน้าต่อไปสือ่ โฆษณาทีม่ ีอิทธพิ ลต่อการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น 3. สือ่ โฆษณาทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นสอื่ โฆษณาที่มีอิทธิพลตอ่ การ เจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของวยั รุ่น 3.1 อนิ เทอร์เนต็ เป็นสื่อท่ใี ชม้ ากในกลมุ่ วัยรนุ่ เพราะมีความรวดเร็ว มีข้อมูลขา่ วสารทที่ นั สมยั หนา้ เวบ็ ไซตท์ ่ีได้รับความนยิ ม จึงมกั มีโฆษณาต่าง ๆ ปรากฏอยู่ด้วย ทำให้ดึงดดู ใจ และเขา้ ถึงกลมุ่ วัยรุ่นได้ง่าย ส่ือ โฆษณาในอนิ เทอร์เนต็ ท่ีมีอิทธิพลตอวยั รุน่ เช่น ผลิตภัณฑล์ ดน้ำหนกั อาหารเสรมิ เคร่ืองสำอางซ่งึ เป็นกลุม่ ผลติ ภณั ฑ์ทว่ี ัยรนุ่ นยิ มใช้ 3.2 โทรทศั น์ เปน็ สื่อทมี่ ีอทิ ธิพลต่อกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย เพราะสามารถเขา้ ถึงได้ทกุ ครัวเรือนโฆษณา ทางโทรทศั น์จึงมอี ิทธพิ ลต่อบุคคลเป็นอย่างยิง่ โดยเฉพาะการโฆษณาสินคา้ ทีใ่ ช้ศิลปินดารานกั ร้องทีม่ ชี ่ือเสียง ทำ ใหว้ ัยร่นุ ท่ีมคี วามรกั และช่ืนชอบในตวั ศลิ ปิน ซ้ือหรือใชส้ นิ ค้าชนิดนน้ั และคดิ วา่ เปน็ ค่านิยมที่ทันสมัยในสงั คม โดย ไมค่ ำนึงถงึ ประโยชนแ์ ละโทษท่มี ีต่อรา่ งกาย
13 3.3 ส่ือส่ิงพิมพ์ เช่นนิตยสารหนังสือพิมพ์ จะมีการลงโฆษณาสินค้าประเภทต่าง ๆโดยเฉพาะนิตยสาร แฟช่ันทีมีเส้ือผ้า เคร่ืองประดับเคร่ืองสำอาง ท่ีกำลังได้รับความนิยม วัยรุ่นจึงซ้ือมาใช้ เพ่ือให้ตนเองดูทันสมัย สามารถเขา้ กับกลุ่มเพอ่ื นได้ ประวัตหิ อ้ งสมุดในประเทศไทย สมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1800 - 1920) พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นในปี พ.ศ. 1826 ได้จารึกเร่ืองราวต่างๆ ลงบนแผ่นหินหรือเสาหิน คล้ายกับหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง มหาราช ท่ีจารึกเมื่อประมาณ 700 ปีมาแล้ว ซึ่งหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชถือเป็นหนังสือ เล่มแรกของไทย เม่ือพ่อขุนรามคำแหงมหาราชส่งสมณฑูตไปสืบศาสนาที่ลังกา ก็รับพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ เข้าสู่กรุงสุโขทัย พร้อมทั้งคัมภีร์พระไตรปิฎก โดยสันนิษฐานว่าจารึกลงในใบลาน ดังน้ันพระในเมืองไทยจึงมี การคัดลอกพระไตรปิฎกท่ีเรียกว่า การสร้างหนังสือ ทำให้มีหนังสือทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นจำนวนมากที่ เรียกว่า หนังสือผูกใบลาน จึงสร้างเรือนเอกเทศสำหรับเก็บหนังสือทางพุทธศาสนา เรียกว่า หอไตร และใน ปลายสมัยกรุงสุโขทัยได้มีวรรณกรรมทางศาสนาท่ีสำคัญคือ ไตรภูมิพระร่วง ซ่ึงเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระ มหาธรรมราชาท่ี 1 พญาลิไทย สมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893 - 2310) ได้มีการสร้างหอหลวงไว้ในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ สำหรับเก็บหนังสือของทางราชการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 ทั้งหอไตรและหอหลวงได้ถูกพม่าทำลายได้รับความ เสยี หาย สมัยกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310 - 2325) พระเจ้าตากสินได้โปรดให้ขอยืมพระไตรปิฎกจากเมือง นครศรีธรรมราชมาคัดลอกและโปรดเกล้าฯ ให้สรา้ งหอพระไตรปิฎกหลวง หรอื เรยี กว่า หอหลวง สมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ (พ.ศ. 2325 - ปจั จุบนั ) 1. หอพระมณเฑยี รธรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้โปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างหอพระ มณเฑียรธรรมขึ้นเมื่อ พ.ศ 2326 ในพระบรมมหาราชวงั บรเิ วณวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม เพอื่ เก็บพระไตรปิฎก หลวง แต่ถูกไฟไหม้ จงึ โปรดใหส้ รา้ งขนึ้ ใหมแ่ ละใช้นามเดิม 2. จารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรด เกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และให้รวบรวมเลือกสรรตำราต่างๆ มาตรวจตราแก้ไขแล้วจารึกลงบนแผ่นศิลาประดับไว้ในบริเวณต่างๆ ของวัด มีรูปเขียนและรูปป้ันประกอบตำรา น้นั ๆ แตท่ รี่ จู้ ักกนั แพร่หลายคือ รูปปั้นฤาษีดดั ตนในท่าตา่ งๆ ท่ีถอื เปน็ ต้นตำรับการนวดและตำรายาไทย ซง่ึ เป็น ตน้ ตำรับการแพทย์แผนไทยมาจนกระท่ังทุกวันน้ี นอกจากนั้นยังมีความรู้อีกมากมายมที่จารกึ ไว้ จนทำให้จารึก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้ช่ือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย และได้รับการยกย่องให้เป็นห้องสมุด ประชาชนแห่งแรกของไทย 3. หอพระสมดุ วชิรญาณ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั โปรดให้สรา้ งข้ึนในปี พ.ศ.2424 เพ่ือเฉลมิ พระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว
14 4. หอพทุ ธศาสนสังคหะ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสรา้ งขึ้นทว่ี ดั เบญจมบพิตร เมื่อ พ.ศ. 2443 เพื่อเก็บหนังสอื ตา่ งๆ เกีย่ วกับพระพุทธศาสนา 5. หอสมุดสำหรบั พระนคร พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างข้นึ เมื่อ พ.ศ. 2448 โดยโปรดเกล้าฯ ใหร้ วมหอพระมณเฑยี รธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธศาสนา สงั คหะเข้าเปน็ หอเดียวกัน และพระราชทานนามวา่ หอพระสมดุ วชิรญาณสำหรับพระนคร 6. หอสมุดแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างข้นึ เม่ือ พ.ศ.2468 โดยใหแ้ ยก ห้องสมุดออกเป็น 2 หอ คือ แยกหนังสือตัวเขียน ได้แก่ สมุดไทย หนังสือจารึกลงในใบลาน สมุดข่อย ศิลาจารึก และตู้ลายรดน้ำไปเก็บไว้ท่ีพระท่ีน่ัง ศิวโมกขพิมาน ซ่ึงอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ใช้สำหรับเก็บหนังสือตัวเขียน และเรียกว่า หอพระวชิรญาณ ส่วนหอสมุดท่ีตั้งข้ึนท่ีตึกถาวรวัตถุใช้เก็บหนังสือ ตัวพิมพ์ เรยี กว่า หอพระสมุดวชิราวุธ 7. หอจดหมายเหตุ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกล้าเจา้ อย่หู วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2459 มีงานดังน้ี - งานจัดหาเอกสารและบนั ทึกเหตกุ ารณ์ - งานจัดเก็บเอกสาร - งานบรกิ ารเอกสาร - งานซอ่ มแซมและบรู ณะเอกสาร - งานไมโครฟิล์ม และถา่ ยสำเนาเอกสาร ประวตั ิห้องสมุดประชาชน กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อสนองพระราชปณิธานและแนวทางพระราชดำริในการ ส่งเสริมการศึกษาสำหรับประชาชน ตามท่ีทรงแสดงไวใ้ นโอกาสต่าง ๆ เช่น ในโอกาสทีท่ รงมพี ระมหกรุณาธิคุณ เสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุม สมัชชาสากลว่าด้วยการศึกษาผู้ใหญ่ วันท่ี 12 มกราคม พ.ศ. 2533 ได้ทรงพระราชทานลายพระหัตถ์เชิญชวนให้ กระทรวงศึกษาธิการจึงไดข้ อพระราชทานพระราชานุญาตดำเนนิ โครงการจัดต้งั ห้องสมดุ ประชาชน ซึ่งที่ ได้รับพระราชทานนามว่า ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” โดยจะเร่ิมก่อสร้างห้องสมุดรุ่นแรก จำนวน 37 แห่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสท่ี พระชนมายุ 36 พรรษา ในปี 2534 และจะวางแผนดำเนินการจัดต้ังอย่างต่อเน่ืองจนครบทุกอำเภอภายใน ระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2534 – 2543 ซึ่งเป็นเวลาท่ีองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นทศวรรษ แห่งการส่งเสรมิ การร้หู นงั สอื ห้องสมุดประชาชนแตล่ ะแห่งจะสร้างขึ้นด้วยความรว่ มมอื ของประชาชนในท้องถ่ินหน่วยงาน ภาครัฐและ เอกชน จากความจงรักภกั ดีและความสำนึกใน
15 พระมหากรุณาธิคณุ ของสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกุมารี เพื่อพร้อมใจน้อมเกลา้ ฯ ถวายเพื่อสนองพระราชปณิธาน ในชมุ ชนมแี หลง่ ความรทู้ ี่พร้อมพร่ังสมบรู ณ์ ซ่งึ เปน็ แบบอย่างของการพัฒนา หอ้ งสมดุ สืบต่อไปโดยมีการจัดส่วนบริการและกจิ กรรมคือ 1. หอ้ งอา่ นหนงั สือทัว่ ไป 2. มุมเดก็ และครอบครัว 3. หอ้ งอเนกประสงค์ 4. หอ้ งโสตทัศนศึกษา 5. หอ้ งเฉลมิ พระเกียรติ สาระสำคัญ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งมุ่งที่กระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ชุมชนในชนบท ด้วยการจัดต้ังและ พัฒนาห้องสมุดประชาชนอำเภอ ให้เป็นแหล่งความรู้สำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย และเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนการผลิตและเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ไปสู่ท่ีอ่านหนังสือในระดับหมู่บ้าน ท้ังนี้ โดยได้กำหนด วัตถปุ ระสงค์เฉพาะในการดำเนินการไว้ดังต่อไปนี้ 1. พัฒนารูปแบบของห้องสมุดประชาชนอำเภอ เพ่อื สนองตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้เปน็ ตวั อยา่ งของ ห้องสมดุ ในอนาคตทจ่ี ะเปน็ แหลง่ ความรู้และศูนย์กลางสนับสนนุ เครือขา่ ยการเรยี นรู้ในระดับหมู่บา้ น 2. จัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอให้ครบทุกอำเภอ โดยจะคัดเลือกอำเภอท่ีมีความพร้อมและความ จำเป็นเร่งด่วน ดำเนินการจัดตั้งเป็นรุ่นแรกจำนวน 37 แห่ง ในช่วงปี 2534 – 2535 เพ่ือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทยอยการจัดต้ังในอำเภออ่ืน จนครบทั่วท้ังประเทศ ในชว่ งปี 2536 – 2543 3. พฒั นาห้องสมุดประชาชนอำเภอท่ีจดั ต้งั อยูเ่ ดมิ แลว้ ใหม้ ีคณุ ภาพและมีความพร้อมท่จี ะใหบ้ ริการตาม บทบาทและภารกจิ ของห้องสมุดในอนาคต 4. ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรณรงค์ส่งเสริการอ่าน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เห็นความสำคัญของการอ่าน และการจัดตั้งห้องสมุดประชาชน เพ่ือจะได้มีส่วน ร่ ว ม รั บ ผิ ด ช อ บ ใน ก า ร ด ำ เนิ น โ ค ร ง ก า ร แ ล ะ ใช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก ห้ อ ง ส มุ ด ท่ี จ ะ จั ด ต้ั ง ขึ้ น จ า ก วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ดังกล่าว กรมการศึกษานอกโรงเรียน จึงมีนโยบายให้ห้องสมุดประชาชนทุกประเภท ซ่ึงรวมทั้งห้องสมุด ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ด้วย มีกิจกรรมหลกั การดงั นี้ 1. ศูนยข์ ้อมูลข่าวสารชุมชนมกี ิจกรรมทจี่ ดั ในลักษณะดังน้ี 1.1) ด้านสง่ เสรมิ การอ่านและการคน้ คว้า เช่น การประกวดการอ่าน การจดั นิทรรศการ การเล่า นทิ าน การเล่าเร่อื งจากหนงั สอื การประกวดยอดนักอ่าน การโตว้ าที การปาฐกถา เป็นตน้ 1.2) ดา้ นการใช้ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน เช่น การอภิปราย การบรรยาย การศึกษาดูงานในทอ้ งถิ่น การ รวบรวบผลงานของภมู ปิ ัญญาในทอ้ งถ่ิน เป็นตน้
16 1.3) ดา้ นห้องสมุดเคล่อื นทส่ี ู่ชุมชน เช่น การนำย่าม ถงุ กระเปา๋ หีบ เรือ รถยนต์ รถไฟเคลอ่ื น ไปตามชุมชน จดั หาหนงั สอื ไปบรกิ ารตามจุดหรือ หนว่ ยงานสำคัญ เชน่ เรอื นจำ โรงงาน บา้ นพกั คนชรา โรงพยาบาล เป็นตน้ 1.4) ด้านสง่ เสริมการรวมกลมุ่ ประชาชนตาม ความรู้และความสนใจ เชน่ กลุม่ สนใจ กลมุ่ วิชาชพี ชุมชนต่าง ๆ เช่นชมรมนกั อา่ น ชมรมอนุรกั ษธ์ รรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ชมรมสมุนไพร การแขง่ ขนั กีฬา เปน็ ตน้ 1.5) ด้านครอบควั สัมพนั ธ์ เช่น จดั ให้มีสนาม เดก็ เลน่ จดั มุมเด็กและมมุ ครอบครวั จำตามวัน สำคัญ ๆ เชน่ วนั พ่อ วนั แม่ วนั ครอบครัว วันตรวจสุขภาพ เป็นตน้ 2. ศูนยส์ ง่ เสริมการเรียนร้ขู องชุมชนมกี ิจกรรมทจ่ี ดั ในลักษณะดังน้ี 2.1) ด้านแนะแนวการศึกษานอกโรงเรียน เช่น แนะแนวการศึกษาอาชีพทำเนียบตลาดแรงงาน แหล่งทรัพยากร จัดปา้ ยนเิ ทศ ตลาดนัดทัวร์อาชีพ ศกึ ษาดงู าน เป็นตน้ 2.2) ด้านจัดและให้บริการชุดทดลอง ชุดสาธิตต่าง ๆ เช่น สาธิตการทดลองนวัตกรรม ใหม่ๆ เช่น เคร่ืองดักยุง ระบบน้ำหยด การทดสอบความช้ืนของข้าว การทดลองการเป็นกรดเป็นด่างของ ดนิ เป็นตน้ 2.3) ด้านจัดพ้ืนที่สำหรับบริการตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนของสถาบันต่าง ๆ เช่น จัดมุม ทางไกล ตนเองชนั้ เรียน มุม มสธ. มมุ มร. เปน็ ต้น 3. ศนู ยก์ ลางการจดั กจิ กรรมของชุมชน หรือเปน็ ศนู ย์ประชาคมมีกจิ กรรมที่จัด ในลักษณะ ดังนี้ 3.1) บริการสถานที่จดั ประชุม สัมมนา การแสดงผลิตภณั ฑ์ เชน่ การจดั ประชุมสมาชกิ ชมุ ชน สมาคม และ แสดงกิจกรรมชมรม จดั มุมแสดงสนิ คา้ พน้ื เมอื ง จดั แสดงศิลปวัฒนธรรมพน้ื บ้าน การ แตง่ งาน เปน็ ตน้ 3.2) กิจกรรมเดก็ และครอบครวั เชน่ วนั เดก็ วนั แม่ วนั พ่อ การบรรยายเกีย่ วกบั เด็กและ ครอบครัว เป็นต้น 3.3) กจิ กรรมอเนกประสงคข์ องชมุ ชน เชน่ ศิลปวฒั นธรรม การแตง่ งาน การดำเนนิ การเชิง ธุรกจิ สนามเดก็ เล่น เป็นตน้ 4. พฒั นาเครอื ข่ายการเขียนรู้ในชมุ ชน มกี ิจกรรมทีจ่ ดั ในลกั ษณะ ดังนี้ 4.1) ดา้ นข้อมูลขา่ วสารและส่ือ เช่น การหมุนเวียนสอื่ สารนิเทศไปยังหอ้ งสมดุ โรงเรียน 4.2) ดา้ นการพัฒนา การผลิต เผยแพรแ่ ละฝึกอบรม เชน่ ผลติ เอกสาร แผน่ ปลิว อบรมบคุ ลากร ทเี่ กี่ยวข้องในดำเนนิ งานเพ่ือท่ีจะให้การเผยแพรส่ ่ือสารนิเทศสู่เครือขา่ ยอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ตน้ จากวัตถุประสงค์ทั้ง 5 ข้อดังกล่าว กรมการศึกษานอกโรงเรียนจัดเพ่ือให้ประชาชนในชุมชนทุก เพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพได้รับการศึกษานอกโรงเรียนจากการจัดบริการและกิจกรรม ห้องสมุด เพ่ือใช้ในการปรับปรุงอาชีพ ความเป็นอยู่ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เป็นการศึกษาตามอัธยาศัยท่ี ส่งเสรมิ สนับสนนุ การศกึ ษาในระบบและนอกระบบโรงเรยี นอีกสว่ นหนง่ึ ด้วย
17 บทบาทหนา้ ท่ี 1. ศูน ย์ข่าวสารและข้อ มูล ของชุม ช น ห มายถึ ง จัด ห้ อ งสมุ ดให้ เป็ น แห ล่งศึก ษ าห า ความรู้ คน้ ควา้ วจิ ยั โดยมีการจดั บริการหนงั สือ เอกสารสงิ่ พิมพ์ ส่ือโสตทศั น์ 2. ศนู ย์ส่งเสริมการเรยี นรู้ของชมุ ชน เป็นแหล่งสง่ เสรมิ สนับสนุน และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. ศูนย์กลางจัดกิจกรรมของชุมชน หมายถึง การให้บริการแก่ชุมชน ในการจัดกิจกรรม การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม เช่นการประชุมขององค์กร การจัดกิจกรรมวันสำคัญตามประเพณี การจัดสวน สขุ ภาพ สนามเดก็ เลน่ และสวนสาธารณะ เป็นต้น 4. ศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึง การจัดให้เกิดกระบวนการท่ีจะเช่ือม ประสานระหวา่ งห้องสมุดและแหล่งความรู้ในชุมชนอื่น ๆ เชน่ ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน สถานศึกษา แหล่ง ประกอบการ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ สบื เน่อื งจากปี 2548 ซึ่งเป็นปีทส่ี มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญ พระชนมายุครบ 50 พรรษา ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันเนื่องด้วยการศึกษา ศาสนาและ ศิลปวัฒนธรรม จึงได้พิจารณาเห็นสมควรสนองพระราชดำริในการส่งเสริมให้ชุมชนได้มี ห้องสมุดเพื่อเป็นแหล่ง ความรู้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงเริ่มริเริ่มดำเนินโครงการจัดต้ังห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัด อำนาจเจริญ ขึ้นเพ่ือเป็นการเทิดพระเกียรติ ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทรงเจริญพระชนมายุรบ 50 พรรษา ทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเทิดทูนบูชาท่ีประชาชนชาวไทยมีต่อ พระองค์ และเป็นการบุกเบิกพัฒนาในการจัดต้ังห้องสมุดประชาชน และบริการข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชนใน ลักษณะห้องสมุดอิเลก็ ทรอนิกส์ โดยประชาชนและหนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนท่มี ีความจงรักภกั ดี และสำนกึ ใน น้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่น และส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับประชาชน ซ่ึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ จังหวัดอำนาจเจริญท่ีว่า “ประชาสังคมเข้มแข็ง แห่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณ ภาพดี มีโอกาสทาง การศึกษา พฒั นาคุณภาพชวี ติ ” ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อคราวประชุม วนั ท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ.2548 โดย นายสมพงษ์ อนุยทุ ธพงษ์ ผวู้ ่าราชการจังหวดั อำนาจเจริญ (ขณะนั้น) ได้มี มติให้ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอำนาจเจริญ ก่อสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัด อำนาจเจริญ โดยก่อสร้างท่ีบรเิ วณใกลส้ ี่แยกไฟแดง อาคารสำนกั งานสาธารณสุขอำเภอเมืองอำนาจเจรญิ เดิมบน พ้ืนท่ี 2 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา ในวงเงินงบประมาณ 7,500,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน) ประจำปี งบประมาณ 2548 โดยใช้แบบแปลนมาตรฐานห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” สำนักบริหารงาน การศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ชนิดขยายข้างสองชั้น กระทรวงศึกษาธิการได้นำความขึ้นกราบ บังคมทูลขอพระราชทาน พระราชานุญาตเข้าร่วมโครงการก่อสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”จังหวัด อำนาจเจริญ เป็นลำดบั ท่ี 85 โดยทำสญั ญากอ่ สรา้ ง เมอื่ วนั ที่ 15 กนั ยายน 2548 เรม่ิ ดำเนนิ การก่อสร้างประมาณเดือนกมุ ภาพันธ์ 2549 กระทงั่ สง่ มอบ ครง้ั สดุ ท้ายเม่ือวันที่ 25 ธันวาคม 2549
18 ภายในอาคารห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัดอำนาจเจริญ จัดเป็นห้องสมุดสำหรับ ปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้บริการเฉพาะยืม – คืนหนังสือเท่านั้น แต่จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่สนองความต้องการ ของประชาชน อาทิ ช้ันล่าง เป็นส่วนของการให้บริการ ส่ือ/หนังสือที่ครบถ้วน เช่น มุมหนังสือทั่วไป มุมหนังสือวารสาร ห้องหนังสือนวนิยาย ห้องหนังสืออ้างอิง ห้องเด็กและครอบครัว มุมหนังสือพระราช นิพนธ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย มุมบริการอินเตอร์เน็ต ช้ันบน ประกอบด้วย ห้องเฉลิมพระเกียรติ ห้องอำนาจเจริญ ซ่ึงแสดงนิทรรศการความเป็นมา ศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ินจังหวัดอำนาจเจริญ ห้อง พระพทุ ธศาสนา และห้องโสตทัศนศึกษา กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ น กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำตา่ งๆ เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจทีจ่ ะอ่าน เหน็ ความสำคัญ ของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ทั้งน้ี การอ่านหนังสือ เป็นทักษะสำคัญทกั ษะหนงึ่ ในชวี ติ ประจำวัน เพราะการอ่านหนังสอื จะพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของคนเราไดเ้ ป็นอย่างดี ยิ่ง เม่ือคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความเพลิดเพลิน การท่ีเด็ก จะเกิดทักษะการอ่านหนังสือได้น้ันจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย ทั้งครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้แก่เดก็
19 กจิ กรรมส่งเสรมิ การอา่ นคอื การกระตุน้ ดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ เพือ่ ให้ผู้อา่ นสนใจการอา่ นจนกระทั่งมีนิสัยรัก การอ่าน และได้พัฒนาการอา่ นจนกระท่ังมคี วามสามารถในการอา่ น นำประโยชน์จาการอา่ นไปใชไ้ ดต้ รงตาม วตั ถุประสงค์ของการอ่านทุกประเภท (ฉวีวรรณ คหู าภนิ ันทน์, 2542 : 93) กรมวิชาการ (อ้างถงึ ใน ฉวีวรรณ คหู าภินันทน์, 2542 : 93) ใหค้ วามหมายว่า กิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่าน คือ การกระทำเพื่อ 1. เร้าใจบุคคลหรือบุคคลท่ีเป็นเป้าหมายใหเ้ กิดความอยากรู้ อยากอา่ นหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือท่ีมี คุณภาพ 2. เพอื่ แนะนำชักชวนใหเ้ กดิ ความพยายามทจี่ ะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความร้จู ากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกิดความเข้าใจในเร่ืองต่างๆ ดีขน้ึ 3. เพอ่ื กระต้นุ แนะนำให้อยากรู้ อยากอ่านหนงั สือหลายอยา่ ง เปิดความคิดให้กวา้ ง ให้มกี ารอ่านต่อเนื่อง จนเปน็ นสิ ัย พัฒนาการอา่ นจนถงึ ขน้ั ที่สามารถวิเคราะหเ์ รื่องท่ีอา่ นได้ 4. เพ่อื สร้างบรรยากาศท่ีจูงใจใหอ้ ่าน ดงั นนั้ สามารถกล่าวได้ว่า กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ น หมายถงึ กจิ กรรมต่างๆทห่ี ้องสมดุ จดั ขนึ้ เพ่ือส่งเสรมิ ให้ เกิดการอา่ นอย่างต่อเนือ่ งจนกระท่ังเป็นนสิ ยั รกั การอา่ น เช่น การเลา่ นทิ าน การเชดิ หุ่น การแสดงละคร การ แนะนำหนังสือทน่ี า่ สนใจ เปน็ ต้น ลกั ษณะของกจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นท่ดี ี 1. เรา้ ความสนใจ เชน่ การจดั นทิ รรศการที่ดึงดูความสนใจ การตอบปัญหา มรี างวัลตา่ งๆ การใชส้ อื่ เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วย 2. จูงใจให้อยากอ่านและกระต้นุ ใหอ้ ยากอ่าน เช่น ขา่ วที่กำลังเป็นทสี่ นใจ หรอื หวั ขอ้ เร่ืองทีเ่ ปน็ ท่สี นใจ เช่น การวจิ ัย การเตรียมตวั สอบ การสมัครงาน เป็นต้น 3. ไม่ใช้เวลานาน ความยากง่ายของกจิ กรรมเหมาะสมกบั เพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เป็นกิจกรรมที่มงุ่ ไปส่หู นงั สือ วัสดุการอ่าน โดยการนำหนังสอื หรือวัสดกุ ารอา่ นมาแสดงทุกครัง้ 5. ให้ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ แฝงการเรยี นรู้ตามอธั ยาศัยจากการร่วมกิจกรรมด้วย
20 การอา่ นหนังสอื เป็นการพฒั นาตนเองและเปน็ การใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ ซึง่ เปน็ ส่งิ จำเป็นมากในการ พัฒนาคนและพัฒนาสังคม การอ่านหนังสือของคนไทยเป็นกิจกรรมที่ไม่แพร่หลายแม้ในหมู่ผู้รู้หนังสือแล้ว โดยเฉพาะการอ่านหนังสือท่ีดีและมีสาระยิ่งมีน้อยข้ึนไปอีก สาเหตุมีอยู่หลายประการนับต้ังแต่การขาดแคลน หนังสือท่ีดีและตรงกับความต้องการของผู้อ่าน การขาดแคลนแหล่งหนังสือที่จะยืมอ่านได้ ไปจนถึงการดึงความ สนใจและการแยง่ เวลาของสื่ออืน่ ๆ เช่น โทรทศั น์ วทิ ยุ ฯลฯ รวมท้งั ขาดแรงจูงใจ และการชกั จงู การกระตุน้ และ มีนิสัยรักการอ่านทั้งในและนอกโรงเรียน เมื่อเทียบกับความเพลิดเพลินและการได้ฟังได้รู้เห็นเร่ืองต่าง ๆ จาก โทรทัศน์และวิทยุแล้ว การอ่านหนังสือเพ่ือวัตถุประสงค์ดังกล่าวต้องใช้ความพยายามมากกว่าและต้องมีทักษะใน การอ่าน ถ้าจะให้การอ่านหนังเกิดเป็นนิสัยจำเป็นต้องมีการปลูกฝังและชักชวนให้เกิดความสนใจการอ่านอย่าง ต่อเน่ืองและสม่ำเสมอ โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักอ่าน ซึ่งควรมีลักษณะ ดังนี้ 1. เร้าใจให้เกิดความยาก อา่ นหนังสอื 2. ให้เกิดความพยายามท่ีจะอ่านเพื่อจะได้ร้เู ร่ืองที่น่ารู้ท่ีมอี ยู่ในหนังสือ และน่าสนุกตามกิจกรรมท่ีจัด ขน้ึ 3. แนะนำ กระตุ้นให้อยากรู้อยากเห็นเร่ืองน่ารู้ต่าง ๆ เกิดความรอบรู้ คิดกว้าง และมีการอ่านต่อเน่ืองจนเป็น นิสัย 4. สร้างบรรยากาศที่น่าอ่าน รวมทั้งให้มีวัสดุการอ่าน มีแหล่งการอ่านท่ีเหมาะสมและเพียงพอ ความหมายและความสำคญั ของหอ้ งสมดุ ห้องสมุดประชาชน หมายถึง ห้องสมุดท่ีต้ังขึ้นเพ่ือให้บริการแก่ประชาชน โดยไม่จำกัด เพศ วยั เช้ือชาติ ศาสนา และพ้ืนความรู้ ให้บริการสารสนเทศครบทุกหมวดวิชา และอาจมีการบริการบางเร่ืองเป็นพิเศษตามความ ต้องการของทอ้ งถน่ิ และจะจัดให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนโดยไมค่ ิดมลู ค่า บทบาทหน้าท่ขี องห้องสมดุ ประชาชน มี 3 ประเภท คือ 1. หน้าที่ทางการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเป็นแหล่งให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าที่ให้ การศึกษาแก่ประชาชนทว่ั ไป ทุกระดบั การศึกษา 2. หน้าท่ีทางวัฒนธรรม ห้องสมุดปะชาชนเป็นแหล่งสะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ท่ีถ่ายทอดเป็น วัฒนธรรมท้องถนิ่ ทีห่ ้องสมดุ ตง้ั อยู่ 3. หน้าท่ีทางสังคม ห้องสมุดประชาชนเป็นสถาบันทางสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและท้องถ่ินมา ดำเนินกจิ การ จึงมีหน้าท่ี แสวงหาขา่ วสารขอ้ มูลที่มปี ระโยชนม์ าบริการประชาชน ห้องสมุดประชาชนในประเทศไทยมหี น่วยงานต่าง ๆ รับผดิ ชอบ ดังน้ี 1. ห้องสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยังได้จัดท่ีอ่านหนังสือประจำ หม่บู ้าน ท่ีอ่านหนงั สอื ในวดั และห้องสมุดเคล่ือนที่ 2. ห้องสมุดประชาชน สังกัดกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี หอ้ งสมุดประชาชนซอยพระนาง หอ้ งสมดุ ประชาชนปทมุ วนั หอ้ งสมดุ ประชาชนอนงคาราม หอ้ งสมดุ ประชาชนวัด สังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมุดประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมุดประชาชนวัดรัชฎาธิษฐาน วรวิหารตล่ิงชัน ห้องสมุดประชาชนประเวช ห้องสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุดประชาชนภาษีเจริญ ห้องสมดุ ประชาชนวดั ราชโอรส
21 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เป็นห้องสมุดท่ีธนาคารพาณิชย์เปิดข้ึนเพ่ือบริการสังคม และ เพอื่ ประชาสมั พันธก์ ิจการของธนาคารให้เปน็ ท่รี ูจ้ ักแพรห่ ลาย เช่น ห้องสมดุ ประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกัด 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศ เช่น หอ้ งสมุดบรติ ิชเคาน์ซิล ของรฐั บาลสหราชอาณาจกั ร ทีต่ ้ังอยู่บรเิ วณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมุดประชาชนเสียค่าบำรุง ห้องสมุดประชาชนประเภทนี้ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่าน้ัน โดยผู้ที่ เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงตามระเบียบของห้องสมุด ได้แก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ตั้งอยู่ที่ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของห้องสมสุดต่อสังคมในด้านตา่ งๆ 1. เป็นสถานท่ีเพื่อสงวนรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรม ห้องสมุดเป็นแหล่งสะสมวิวัฒนาการของมนุษย์ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่มีแหล่งค้นคว้าประเภทห้องสมุดเป็นศูนย์กลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสูญหายหรือ กระจดั กระจายไปตามทีต่ ่างๆ ยากแกค่ นรุ่นหลงั จะตดิ ตาม 2. เป็นสถานที่เพื่อการศึกษา ค้นคว้าวิจัย ห้องสมุดทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกรูปแบบ ทั้งใน และนอกระบบการศึกษา เรม่ิ จากการศึกษาขั้นพื้นฐานถงึ ระดับสงู 3. เป็นสถานที่สร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์และความจรรโลงใจ ห้องสมุดมีหน้าที่รวบรวมและเลือกสรร ทรัพยากร สารสนเทศ เพ่ือบริการแก่ผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าผู้ใช้ได้ความคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกิดประโยชน์แกต่ นเองและสงั คมตอ่ ไป 4. เปน็ สถานที่ปลูกฝังนิสยั รักการอา่ นและการเรยี นรู้ตลอดชีวติ ห้องสมุดจะช่วยใหบ้ คุ คลสนใจในการอา่ น และรกั การอา่ นจนเป็นนิสยั 5. เป็นสถานท่ีส่งเสริมการาใช้เวลาว่างในเป็นประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานที่รวบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ตามความสนใจและอ่านเพื่อฆ่าเวลา อ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน หรืออ่านเพ่ือ สาระบนั เทิงไดท้ ้งั สิ้น นับวา่ เปน็ การพักผอ่ นอยา่ งมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เป็นสถานที่ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ห้องสมุดเป็นสาธารณะสมบัติ มีส่วนส่งเสริมให้บุคคลรู้จัก สทิ ธิและหน้าท่ีของพลเมือง กล่าวคอื เม่ือมีสทิ ธใิ นการใช้ก็ยอ่ มมีสทิ ธิในการบำรุงรกั ษารว่ มกนั และใหค้ วามร่วมมือ กบั ห้องสมดุ ด้วยการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ แบบแผนของหอ้ งสมดุ ปญั หาการอา่ นและการใชห้ ้องสมุด ปัญหาในการอา่ นท่ีทำใหม้ ผี ลทำให้เดก็ ไมเ่ กดิ นิสยั รักการอา่ น ซงึ่ มีสาเหตมุ าจาก 1.ไม่อ่าน 2. อา่ นไม่ออก 3. ไมม่ ีหนงั สืออา่ น 4. ไม่มเี วลาอา่ น 5. ไมม่ ที ่ีอ่าน
22 6. อ่านช้า 7. อา่ นไม่เขา้ ใจ 8. อา่ นแลว้ ไม่เกดิ ประโยชน์ ปญั หาในการใช้ห้องสมุดท่ีทำใหเ้ ดก็ ไมอ่ ยากเข้าใช้บริการห้องสมุด 1. กฎระเบียบ 2. สถานที่อยูไ่ กลชมุ ชน 3. เจา้ หน้าท่ไี ม่ให้ความสนใจ 4. มคี วามคดิ แบบเดมิ ๆ ว่าห้องสมุดนา่ เบื่อ 5.ไมม่ ีแ่ รงจูงใจ 6. สอื่ ไมท่ ันสมัย 7. การบริการไม่เปน็ ท่ีพอใจ นอกจากนี้ตัวแปรท่ีมีอิทธิพลต่อการใช้บรกิ ารหอ้ งสมุดยังสามารถสรปุ ได้ดังน้ี 1. ตัวแปรทเ่ี กี่ยวกับผใู้ ช้ ไดแ้ ก่ วุฒภิ าวะ ความพรอ้ ม การจงู ใจ สมรรถวิสัยในการอา่ นและคุณลักษณะ ทางบุคลกิ ภาพของผ้อู ่าน 2. ตัวแปรที่เกี่ยวขอ้ งกับการอ่าน ได้แก่ ความแตกตา่ งของวสั ดุการอา่ น ซ่งึ อาจแตกต่างได้ในความยาก ง่าย ความยาว ความคล้ายคลงึ กนั นอกจากน้วี ัสดุการอา่ นยังแตกต่างในดา้ นของความสนกุ น่าเรียนหรอื นา่ เบื่อ หน่าย 3. ตัวแปรท่ีเกยี่ วกบั การใช้หอ้ งสมุด 4. ตัวแปรที่เกย่ี วกับสภาพสังคมและสิง่ แวดล้อม ไดแ้ ก่ บ้าน โรงเรยี น เพอ่ื นและชุมชน จากข้อความท่ีกลา่ วมาข้างตันสรปุ ได้ว่า การาใชห้ อ้ งสมุดข้ึนอยู่กับปจั จยั หลายประการ ไดแ้ ก่ สภาพสงั คมและ สงิ่ แวดล้อม วัสดุการอ่าน และตัวของผู้อ่านเอง การศึกษาตลอดชีวิต ความหมายของการศกึ ษาตลอดชีวติ คำจำกัดความของการศึกษาตลอดชีวิตได้มีผู้ให้ไว้หลายคนด้วยกันดังน้ีคือ สุมาลี สังข์ศรี กล่าวว่า การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง ภาพรวมของการศึกษาทุกประเภทที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นการศึกษาเพ่ือมุ่งพัฒนาบุคคลใหป้ รับตัวเขา้ กับความเปลี่ยนแปลงในทุกช่วงชีวิตของบุคคลและพัฒนาต่อเน่ือง ไปให้เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล การศึกษาตลอดชีวิตครอบคลุมการศึกษาทุกรูปแบบ ทุกวัย ท้ังการศึกษาสน ระบบโรงเรียน และการศึกษานอกระบบโรงเรียนและการศึกษาแบบไม่เป็นทางการจากทุกแหล่งความรู้ในชุมชน และสังคมและเกิดขึ้นได้ทุกที่ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานท่ี การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาท่ีสัมพันธ์กับชีวิต และผสมผสานกลมกลืนกับการดำเนินชีวิตของบุคคล สุนทร สุนันท์ชัย กล่าวว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็น การศึกษาทั้งหมดของชีวิตมนุษย์ จากเกิดจนตาย มุ่งพัฒนามนุษย์ให้ปรับตัวเข้ากับความเปล่ียนแปลงในโลก ปจั จุบนั และพัฒนาตอ่ เนื่องไปให้เตม็ ศกั ยภาพของบุคคลแต่ละคน เป็นการศึกษาทีเ่ กิดจากแรงจูงใจที่จะเรยี นรู้ด้วย
23 ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบและไม่เป็นทางการ ปฐม นิคมานนท์ กล่าวว่าการศึกษามิได้ หมายถึงเฉพาะกิจกรรมท่ีเกิดข้ึนในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเท่าน้ัน หากแต่เกิดข้ึนได้ทุกแห่งทุกหนและ ตลอดเวลา มีความเกี่ยวพันธ์และต่อเนื่องกันตลอดชีวิต พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ให้ความหมายของการศึกษาตลอดชีวิต ว่า เป็นการศึกษาท่ีเกิดขึ้นจาก การผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยเพ่ือให้สามารถพัฒนา คุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากที่มีผู้กล่าวมาถึงความหมายของการศึกษาตลอดชีวิตไว้หลาย ความหมาย สามารถสรุปได้ว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็นกระบวนการท่ีมีผลต่อการเรียนรู้ โดยการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เกิดข้ึนกับบุคคลตั้งแต่เกิดจนตายเพ่ือให้บุคลได้พัฒนาตนให้ทัน ตอ่ การเปลี่ยนแปลงและพฒั นาต่อไปใหเ้ ตม็ ศักยภาพ โดยบุคคลน้ันจะตอ้ งมแี งจูงใจทจ่ี ะศึกษาหาความร้ดู ว้ ยตนเอง ความสำคัญของการศึกษาตลอดชีวติ สุมาลี สงั ขศ์ รี สรปุ ความสำคัญของการศึกษาตลอดชีวิต ดังน้ี 1. การศกึ ษาตลอดชีวติ ทำให้บุคคลมโี อกาส เรียนรทู้ ุกช่วงชีวติ 2. การศกึ ษาตลอดชีวิตทำใหบ้ คุ คลมีโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคอย่างเท่าเทยี มกัน 3. การศกึ ษาตลอดชีวติ ทำให้บุคคลไดร้ บั โอกาสศึกษาในรปู แบบท่เี หมาะสมกลมกลนื กับสภาพการดำเนิน ชีวติ จรงิ เพราะการศกึ ษาตลอดชวี ิตเป็นการบรู ณาการศึกษากบั ชวี ิต 4. การศกึ ษาตลอดชวี ิตทำให้บุคคลไดร้ ับการศึกษาทีส่ ามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชวี ิตจริงได้ 5. การศกึ ษาตลอดชวี ิตทำให้บุคคลได้รบั การศึกษาท่สี อดคลช้องกับการทำงาน ชว่ ยใหบ้ ุคคล สามารถ เลือกอาชีพแลละพัฒนาอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับสภาพการณท์ ่เี ปลยี่ นแปลง 6. การศกึ ษาตลอดชวี ิตช่วยให้บุคคลมคี วามรู้ ทักษะท่ีจะแสวงหาความร้ดู ้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอด ชวี ิต 7. การศึกษาตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลมีอิสระในการเรียนรู้สามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตรงกับระดับ ความสามารถของตน 8. การศกึ ษาตลอดชวี ติ ช่วยใหบ้ ุคคลสามารถพัฒนาตนเองไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ 9. การศึกษาตลอดชวี ติ ช่วยให้บุคคลสามารถพงึ่ พาตนเองได้และนำตนเองไดใ้ นการเรยี นรู้ 10. การศึกษาตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลได้พัฒนาตนเองตลอดทุกช่วงชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตของ ตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 11. การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาท่ีช่วยให้ผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคมได้มีโอกาสในการศึกษา ในการ พฒั นาคณุ ภาพชีวิตของตนเอง 12. การศึกษาตลอดชีวิตชว่ ยให้บุคคลและองค์กรในสังคมมีสว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา 13. การศึกษาตลอดชีวติ ชว่ ยสร้างสงั คมแห่งการเรยี นรู้
24 ความสำคัญของครอบครวั 1. ครอบครัวเป็นเบ้าหลอมทางบุคลิกภาพและคุณลักษณะของสมาชิก การมีปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน มีการถ่ายโยงค่านิยม ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อ ความศรัทธาและ วัฒนธรรมการดำเนินชีวิตจากสมาชิกรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหน่ึง ตลอดจนมีการพักผ่อน สันทนาการ และการทำ กิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน บรรยากาศ และวิธีการ อบรมเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอนการเป็นพ่อแบบ-แม่แบบ ท้ังอย่าง เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทั้งโดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว สิ่งแวดล้อมภายในครอบครัวไม่ว่าจะในทางบวกหรือ ในทางลบได้ค่อยๆ หล่อหลอมพ้ืนฐานทางบุคลิกภาพและคุณลักษณะทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และจิตใจ ของสมาชิกในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ มีผลต่อโดยตรงต่อการการแสดงบทบาททางสังคมของสมาชิกในสถาบัน อนื่ ตอ่ ไป 2. ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานทางการศึกษาของสังคม ครอบครัวเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ ฝึกฝนและอบรมให้สมาชกิ ได้เรียนรูร้ ะเบยี บสังคมหรือการขัดเกลาทางสงั คม (Socialization) ทัง้ อย่างเป็นทางการ (Formal) และ ไมเ่ ปน็ ทางการ (Informal) 3. ครอบครัวสร้างคุณภาพชีวิต คุณลักษณะต่างๆ ท่ีบ่งช้ีถึงลักษณะของชีวิตท่ีมีคุณภาพข้างต้นน้ี ครอบครัวจะเปน็ สถาบันทีจ่ ะเอ้ืออำนวยให้เกดิ ขน้ึ กบั ชีวิตของสมาชิกในครอบครวั ได้ 4. ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานในการพัฒนาสังคม สถาบันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสังคม และชุมชน เช่นเดียวกับสถาบันทางสงั คมอนื่ ๆ วฏั จักรของการเกิด การเติบโต เข้าส่วู ัยเรียน วัยทำงาน วัยแตง่ งาน วัยเลี้ยงดูลูกของตนเอง วัยดูแลพ่อแม่เมื่อแก่ชราลง สอนและฝึกให้ทุกคนต้องมีบทบาทหน้าที่ในฐานะต่างๆใน ครอบครัว หรืออีกนัยหน่ึงก็คือ การเข้าไปมีบทบาท ภาระ หน้าที่และมีความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกของชุมชน หรอื สังคมนนั้ ๆ 5. ครอบครัวเป็นหน่วยวางรากฐานการปกครองในระดับต่างๆ ครอบครัวทำหน้าที่ปฐมภูมิที่สำคัญท่ีสุด คือการให้กำเนิดเดก็ ให้การเลย้ี งดูผูเ้ ยาว์ ให้การศกึ ษา สรา้ งคนให้รจู กั ระเบยี บสงั คม ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลังรับไว้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพสังคมของชน กลุ่มนั้น เด็กท่ีเกิดและเจริญเติบโตมาจากครอบครัวแบบใด ย่อมได้รับการถ่ายทอดแนวความคิด เจตคติและ พฤติกรรมตา่ ง ๆ ติดมาจากครอบครัวเดิมไม่มากก็น้อย และนำไปใชป้ ฏบิ ัติในสังคมทเี่ ขาอยู่อาศยั สถาบันครอบครัว “ครอบครัว” เปน็ สถาบนั (Institution) เปน็ องค์กร (Organization) หรือ เป็นหน่วย (Unit) ทางสงั คม ท่เี ล็กที่สุด ครอบครัวก่อตง้ั ขน้ึ ดว้ ยสมาชกิ ชายและหญงิ เพยี งสองคน ได้ทำหนา้ ทีเ่ ปน็ บดิ า – มารดาเป็นพ่อแบบ - แมแ่ บบท่ีถา่ ยทอดและให้การศกึ ษาในข้ันแรกแก่สมาชกิ ใหม่ เปน็ เบ้าหลอมทางบคุ ลิกภาพ เปน็ แหล่งท่จี ะ เสริมสร้างพลังกายและพลงั ใจให้แก่สมาชิกของครอบครัว ที่ออกไปแสดงบทบาทตา่ ง ๆทางสงั คมในสถาบนั ที่ เกย่ี วข้อง ครอบครัวเปน็ สถาบันทสี่ ามารถตอบสนองความต้องการพ้นื ฐานของมนษุ ยไ์ ดใ้ นทกุ ระดับ ท้ังดา้ นความ ตอ้ งการทางด้านร่างกาย (Physiological needs) ความต้องการทางด้านจิตใจ (Psychological needs) และ ความตอ้ งการทางด้านสังคม (Social needs)
25 กจิ กรรมส่งเสริมนิสัยรักการอา่ น การจัดกิจกรรมส่งเสรมิ นิสัยรักการอ่าน เป็นกิจกรรมที่มุ่งกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจอยากรู้ อยากเห็น อยากอ่าน จนสามารถนำความรู้เหล่าน้นั ไปใช้ประโยชน์ได้อยา่ งหลากหลาย โรงเรียนสามารถนำการ อ่านสอดแทรกในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผู้เรียนได้ตามศักยภาพและต้องจัดกิจกรรมการอ่านเป็น กิจกรรมเสรมิ นอกเหนือเวลาเรียน เพ่อื กระตนุ้ ใหเ้ กิดการอา่ นอยา่ งต่อเน่ือง และยัง่ ยนื เปน็ นสิ ยั กจิ กรรมส่งเสริม การอ่านท่ีเป็นกิจกรรมเสริมน้ี จะจัดให้กลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล รายกลุ่มหรือจัดให้กับผู้เรียนทุกคนก็ได้ แลว้ แต่ลักษณะของกิจกรรมมกี ารกำหนดระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมไว้ชดั เจน ดงั น้ี 1. กิจกรรมรายวัน คือ กิจกรรมท่ีจัดเป็นประจำทุกวัน ในช่วงเวลาใดก็ได้ตามความเหมาะสม เช่น เร่ืองเล่าเชา้ นี้ เสยี งตามสาย 180 วนิ าทีขา่ ว เติมความรู้ 5 นาที เปน็ ต้น 2. กิจกรรมรายสัปดาห์ คือ กิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งโรงเรียน จะกำหนดจัดในวันใดวัน หน่ึงตามความเหมาะสม เชน่ พี่เพื่อนพ้อง ชวนนอ้ งอา่ นฟงั แลว้ คิดพิชิตรางวลั อ่านแลว้ บนั ทึกรู้ลกึ จำนาน เปน็ ตน้ 3. กิจกรรมรายเดือน คือ กิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งโรงเรียนอาจจะกำหนดจัดเดือนละ 1-2 ครงั้ กไ็ ด้ ตามความเหมาะสม เช่น กลอ่ งนมอุดมความรู้ ค้นฟ้าคว้าดาวเปน็ ต้น 4. กิจกรรมรายภาคเรียน คือ กิจกรรมท่ีจัดเป็นประจำทุกภาคเรียน เช่น เวที -นักประพันธ์รุ่นเยาว์ หนังสือดีฝีมือเด็ก รวมพลคนรักการอ่าน หนอนหนังสือคือหนูคนเก่ง ห้องสมดุ สัญจร สารานุกรมสั่งสมปัญญา จิบ น้ำชาเสวนาประสาคนรักการอา่ น เปน็ ตน้ 5. กิจกรรมรายปี คือ กิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกปี เช่น ประกวดสุดยอดนักอ่าน ระบายบรรเลงเพลง วรรณกรรม สมุดบนั ทึกความดี หนนู อ้ ยห้องสมุด นิทรรศการหนงั สอื กฤตภาคจากส่ือส่ิงพมิ พ์ นิทรรศการแสดงผลงานนักเรียน เปน็ ต้น การอ่านจะพัฒนาข้ึนมาได้ต้องมีการปฏิบัติเป็นประจำ การอ่านควรเป็นกิจกรรมประจำวัน เป็น กิจกรรมท่ีมีความต่อเนื่องตลอดชีวิต ซ่ึงกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการอ่าน ตลอดจนเสริมสร้างความ สามคั คใี นหมูค่ ณะและสร้างภาวะความเป็นผู้นำที่ดี ทง้ั นี้ โรงเรียนจะตอ้ งกระทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ืองจึงจะ บังเกดิ ผลและปลูกสร้างนสิ ยั รักการอ่านให้แก่นักเรียนอยา่ งย่ังยนื กิจกรรมประเภทเร้าโสตประสาท กิจกรรมเร้าโสตประสาท ได้แก่ กิจกรรมประเภทชวนให้ฟัง มีการใช้เสียง และคำพูดเป็นหลัก เช่น กิจกรรมจิบน้ำชาเสวนาประสาคนรักการอ่าน พิธีกรรุ่นจ๋ิว เรื่องเล่าเช้านี้ พี่เพื่อนพ้องชวนน้องอ่าน เติมความรู้ 5 นาที ส่ือสารผ่านหนังสือ เสียงตามสาย ฟังแล้วคิดพิชติ รางวลั เป็นต้น ซึ่งหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กำหนด ไว้ในสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน 3.1 คือ นักเรียนสามารถเลือกฟัง และดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ อย่าง สร้างสรรค์ โดยกำหนดให้ผู้เรียนรู้จักฟัง รู้ความหมายของคำ มีสมาธิในการฟัง มีมารยาทในการฟัง เลือกเรื่องที่ จะฟงั และสรปุ เรื่องจากการฟังได้ เปน็ ต้น ดงั นัน้ กิจกรรมประเภทนี้จึงเหมาะอยา่ งยิ่งท่ีจะทำให้นักเรียนเกิดการ เรียนร้วู ิธฟี งั และเรยี นรู้ด้วยการฟงั ได้เป็นอยา่ งดี
26 บทที่ 3 วธิ ีการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วธิ ีการดำเนินงาน ขนั้ เตรยี มการ เพ่อื จดั ประชุมครูและบุคลากรทางการศกึ ษา - ช้ีแจงทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการ - ช้แี จงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนนิ การเพ่อื อนุมตั ิ - แต่งตัง้ กรรมการดำเนินงานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ใหเ้ ปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย ประกอบดว้ ย 1.1 นายสมประสงค์ นอ้ ยจนั ทร์ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรียงฤทธิ์ เดตะอุด ครผู ู้ช่วย กรรมการ 1.3 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวณั ย์ สิทธิกรวยแกว้ ครูอาสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ กรรมการและเลขานุการ 2. ฝ่ายตดิ ตอ่ ประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานทีจ่ ดั การจดั กจิ กรรม ประกอบด้วย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสรุ ัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.5 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 3. ฝ่ายการเงินและพสั ดุ มหี นา้ ที่ จัดซื้อพัสดแุ ละยมื เงนิ สำรองจา่ ยตามโครงการ และจัดทำเอกสารเบกิ จ่ายพสั ดุ และการเงินตามโครงการใหถ้ ูกตอ้ งเรยี บร้อยและทนั ต่อเวลาประกอบดว้ ย 3.1 นางวารี ชูบัว บรรณารักษช์ ำนาญการ 3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 3.3 นายศวิ ณัชญ์ อศั วสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 4. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ส่งข่าวประชาสัมพันธ์วิทยุห้างทองเรดิโอ เสียงตามสาย วิทยุชุมชน ประชาสัมพนั ธ์ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชูบวั บรรณารักษช์ ำนาญการ
27 4.2 นางสาวมุจลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวณชั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 5. ฝ่ายจัดกิจกรรม มีหน้าที่ให้กรรมการมีหน้าที่จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กและ เยาวชน มีหน้าที่จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และส่ือ ออนไลน์ สอ่ื การเรยี นการสอน เกม และกิจกรรมนันทนาการ ดงั นี้ 5.1 กิจกรรมนิทานจานกระดาษ 5.1.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน.ตำบล 5.1.4 นางสาวผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน.ตำบล 5.1.5 นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน.ตำบล 5.1.6 นางสาวณัชชา ทาแน่น ครู กศน.ตำบล 5.1.7 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน.ตำบล 5.1.8 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ ครู ศรช. 5.2 กจิ กรรมวนั เด็กแห่งชาติ 2564 นิทานหนุ่ ถงุ มือ 5.2.1 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.2.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ 5.2.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.2.5 นางลาวิน สีเหลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.2.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.2.8 นายศวิ ณชั ญ์ อศั วสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 5.2.9 นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปญั ญา ครู ศรช. 5.2.10 นายปณั ณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.2.11 นางสาวอษุ า ยิ่งสกุ ครู ศรช. 5.2.12 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ครู ศรช.
28 5.3 กจิ กรรมครอบครวั รกั การอ่าน บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.3.1 นางวารี ชบู ัว ครอู าสาสมัครฯ 5.3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.3.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครู กศน. ตำบล 5.3.4 นางสาวมุจลินท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.3.5 นางสาวณชั ชา ทาแน่น ครู ศรช. 5.3.6 นายปัณณวัฒน์ สขุ มา ครู ศรช. 5.3.7 นางสาวอุษา ยงิ่ สกุ ครู ศรช. 5.3.8 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ นกั จัดการงานท่ัวไป 5.3.9 นางสาวเยาวดี โสดา 6. ฝา่ ยรับลงลงทะเบยี น ให้กรรมการมหี นา้ ที่จัดเตรียมเอกสารสำหรบั การลงทะเบยี น และรับลงทะเบยี น ผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการ ดงั น้ี 6.1 นางสาวเยาวดี โสด นกั จดั การงานทว่ั ไป 6.2 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพึงพอใจ ประเมนิ ผลการดำเนนิ งาน ประเมนิ ความพึงพอใจ ปญั หา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ และจดั ทำรายงานผลการดำเนนิ งานหลังเสร็จสนิ้ โครงการ ดังนี้ 7.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษช์ ำนาญการ 7.2 นางสาวอษุ า ยงิ่ สกุ ครู ศรช. 7.3 นางสาวกัญญาณฐั จนั ปญั ญา ครู ศรช.
2. ข้นั ดำเนินการ กจิ กรรมหลัก วตั ถุประสงค์ กล่มุ เปา้ หมาย กล ๑. ขน้ั เตรยี มการ ครูและบุคลากร ชแ้ี เพ่ือจดั ประชุมครูและบุคลากรทางการ กศน. อำเภอชน ศึกษา - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอียด แดน โครงการ จำนวน ๒๐ คน - ชีแ้ จงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการ ดำเนนิ การเพื่ออนมุ ตั ิ - แต่งตง้ั กรรมการดำเนินงานตาม โครงการ ๒. ประชุม เพอื่ ประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครแู ละบุคลากร กศน. อำเภอชน กรรมการดำเนินงาน ดำเนินงานทุกฝ่ายในการจดั กิจกรรม แดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน ๒๐ คน กรรมการฝา่ ยที่ ๓. จดั เตรยี ม เพอื่ ดำเนนิ การจัดทำ จดั ซ้ือ วสั ดุ ได้รบั มอบหมาย จดั เอกสาร วัสดุ อปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการดำเนินการ อปุ กรณ์ในการ ดำเนนิ โครงการ
29 ลุม่ เป้าหมาย พน้ื ทดี่ ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) กศน. อำเภอ เม.ย.๖๔ - แจงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถุประสงค์ของการจดั โครงการ ช้แี จงวัตถุประสงค์ บทบาทหน้าท่ี กศน. อำเภอ เม.ย.๖๔ - ของกรรมการดำเนนิ งานโครงการ ชนแดน ดซอ้ื วสั ดุอปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ม.ิ ย.๖๔ - ชนแดน
กิจกรรมหลกั วัตถุประสงค์ กลุม่ เปา้ หมาย กล เดก็ และเยาวชน ๔. ดำเนนิ การจัด ๑. นทิ านจานกระดาษ ส่ง กิจกรรม ๒. นิทานหุ่นถงุ มอื จำนวน นิส ๓. ครอบครวั รักการอา่ น ๕๐ คน แล ๕. สรุป/ประเมนิ ผล เพื่อใหก้ รรมการฝ่ายประเมินผลเกบ็ ตามกระบวนการ ประเมินโครงการ และรายงานผล รวบรวมขอ้ มูลและดำเนนิ การ ๕ บท โครงการ ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรม จำนวน ๓ เลม่
30 ลุ่มเป้าหมาย พืน้ ท่ีดำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชิงคณุ ภาพ) - เม.ย. ๖๔ งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมี ๑.ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เล็ก ถึง สัยรักการอ่านนำไปสู่ การเรียนรู้ เทศบาลตำบลทา่ ขา้ ม ก.ย.๖๔ ละพฒั นาคุณภาพชีวิตใหด้ ขี ึน้ ๒. ศูนย์พฒั นาเดก็ เล็ก เทศบาลตำบลชนแดน ๓. โรงเรยี นอนุบาล เทศบาลตำบลชนแดน ๔. พ้ืนท่อี ำเภอชนแดน สรุปรายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ก.ย.๖๔ - ตามระบบ PDCA ชนแดน
31 3. ข้ันสรปุ การจัดกจิ กรรม 1. ดัชนีวัดผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 1.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ( outcome ) นักเรียน มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดขี น้ึ 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม
32 บทที่ 4 ผลการดาเนิ นงานตามโครงการ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมครอบครัว รกั การอา่ น แบ่งออกเปน็ 3 ส่วน ดังนี้ สว่ นท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป เพศ เพศ จำนวน รอ้ ยละ ชาย 5 50.00 หญิง 5 50.00 รวม 10 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัย กิจกรรมครอบครัว รักการอ่าน ในครั้งนี้ เป็นเพศหญิง เพศชาย จำนวนเท่ากัน จำนวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 50 อายุ ช่วงอายุ จำนวน ร้อยละ ตำ่ กวา่ 15 ปี 10 100 15 - 29 ปี - - 30 – 39 ปี - - 40 - 49 ปี - - 50 - 59 ปี - - 60 ปขี ้ึนไป - - 10 100 รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมครอบครัว รักการอ่าน ในครั้งนี้ เป็นช่วงอายุ ต่ำกว่า 15 ปี มากที่สุด จำนวน 10 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 100
33 การศึกษา ระดบั การศึกษา จำนวน รอ้ ยละ ประถมศกึ ษา 10 100 - - ม.ต้น - - ม.ปลาย - - ปวช./ปวส. - - ปรญิ ญาตรี - - สูงกว่าปริญญาตรี 10 100 รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมครอบครัว รักการอ่าน ในครั้งนี้ การศึกษาระดับ ประถมศึกษา มากที่สุด จำนวน 10 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 อาชีพ อาชีพ จำนวน รอ้ ยละ รับจ้าง - - เกษตรกรรม - - ผ้นู ำชมุ ชน - - คา้ ขาย - - รบั ราชการ - - นักเรยี น/นักศึกษา 10 100 อน่ื ๆ ระบุ - - รวม 10 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัย กิจกรรมครอบครัว รักการอ่าน ในครั้งนี้ เป็นนักเรียน/นักศึกษา มากที่สุด จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100
34 สว่ นที่ 2 ขอ้ มูลความคิดเห็นและความพงึ พอใจตอ่ โครงการ 2.1 เกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจ 0 – 60 อยใู่ นระดับ น้อยทสี่ ดุ 61 – 70 อยู่ในระดับ นอ้ ย 71 – 80 อยู่ในระดับ ปานกลาง 81 – 90 อยใู่ นระดับ มาก 91 – 100 อยู่ในระดบั มากท่ีสดุ 2.2 เกณฑ์การให้คะแนน 5 อยใู่ นระดับ มากท่สี ุด 4 อยใู่ นระดบั มาก 3 อยใู่ นระดบั ปานกลาง 2 อยใู่ นระดบั น้อย 1 อยูใ่ นระดับ นอ้ ยที่สุด
2.3 สาระความพึงพอใจ ความคดิ เห็นต่อโครงการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย กิจกรรมค จำนวน ข้อ รายการ ผ้ปู ระเมนิ (คน) มาก 1 กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ 10 5 2 เน้ือหาของสอ่ื การเรยี นรูต้ รงกับความต้องการของผ้รู ับบริการ 10 7 8 3 การจดั กิจกรรมมสี ่อื การเรยี นรูท้ หี่ ลากหลาย 10 7 4 กจิ กรรมสง่ เสริมการมมี นุษยส์ ัมพันธอ์ นั ดีต่อกัน 10 8 5 สถานทจี่ ดั กจิ กรรมเหมาะสมท่เี อื้อตอ่ การเรยี นรู้ 10 7 6 ระยะเวลาการจดั กจิ กรรมมคี วามเหมาะสม 10 6 7 ทา่ นมีความประทบั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรมคร้ังนี้ 10 8 8 การประชาสมั พันธแ์ ละชวนเชญิ 10 7 9 ความเหมาะสมวัสดุ/อปุ กรณ์ในการจัดกจิ กรรม 10 7 10 การนำประโยชนไ์ ปใชใ้ นการเขา้ ร่วมกิจกรรมในครัง้ น้ี 10 8 11 ทา่ นคดิ วา่ ควรมีการจดั กจิ กรรมในลักษณะน้ตี ่อเนื่อง 10 8 12 หากมโี อกาสในปีต่อไปทา่ นยินดีเขา้ ร่วมโครงการน้ีอกี 10 7 รวมทั้งหมด 120 8 รอ้ ยละ 100 73
35 ครอบครัว รกั การอา่ น ระดับผลการประเมิน เฉลี่ย S.D. ประมวล ผล กทส่ี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ รอ้ ยละ มากที่สุด 5 4 3 21 มากท่สี ดุ 92.00 มากที่สดุ 94.00 7 2 1 0 0 4.60 0.70 มากทส่ี ุด 92.00 มากทีส่ ดุ 94.00 8 1 1 0 0 4.70 0.67 92.00 มาก 90.00 7 2 1 0 0 4.60 0.70 มากที่สุด 94.00 90.00 8 1 1 0 0 4.70 0.67 มาก 92.00 มากท่สี ุด 94.00 7 2 1 0 0 4.60 0.70 มากที่สดุ 94.00 มากทส่ี ุด 94.00 6 3 1 0 0 4.50 0.71 มากท่ีสุด 92.67 มากที่สุด 8 1 1 0 0 4.70 0.67 7 1 2 0 0 4.50 0.85 7 2 1 0 0 4.60 0.70 8 1 1 0 0 4.70 0.67 8 1 1 0 0 4.70 0.67 7 3 0 0 0 4.70 0.48 88 20 12 0 0 4.63 0.66 3.33 16.67 10.00 0 0
36 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมครอบครัว รักการอ่าน ในครงั้ น้ี ผลปรากฏว่าระดบั ความพงึ พอใจในภาพรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ คดิ เป็นรอ้ ยละ 92.67 ตอนท่ี 3 ข้อเสนอ 1. ไดค้ วามรู้เพ่ิมขึน้ อยากใหจ้ ัดโครงการแบบนี้อกี 2. อยากให้จัดกิจกรรมแบบนี้อีก
37 บทท่ี 5 สรปุ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การบรู ณาการการเรยี นรู้ • มกี ารนำความรู้ทีไ่ ดร้ ับไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ • จากกจิ กรรมชว่ ยส่งเสริมใหม้ ีนิสยั รกั การอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเนอ่ื งตลอดชวี ิต กระต้นุ และส่งเสริม นิสยั ให้เดก็ และเยาวชนมีนิสยั รกั การอา่ น ส่งเสรมิ ทักษะและพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกายและจิตใจของเด็กและ เยาวชน และส่งเสรมิ ให้เด็กและเยาวชนมคี วามคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละมีจินตนาการ ความรว่ มมือของกลุ่มเปา้ หมายและเครือข่าย - การมสี ว่ นร่วมของภาคเี ครือขา่ ยในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย - การสนบั สนุนให้ภาคีเครอื ข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย การนำความรู้ไปใช้ - สง่ เสริมและสนบั สนุนการอ่านใหเ้ ปน็ วาระแห่งชาติ นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทัว่ ไปเข้าถงึ และมโี อกาสได้อ่านหนังสือ สง่ เสริมสนบั สนุนใหผ้ ู้เข้าร่วมกิจกรรม มีนิสัยรักการอ่านนำไปส่กู ารเรียนรู้ และ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ให้ดขี ้นึ การดำเนินงานทัว่ ไป เชงิ ปริมาณ - กลุ่มเปา้ หมาย เด็ก และเยาวชน จำนวน 10 คน - จำนวนกล่มุ ตัวอยา่ ง นกั ศกึ ษา กศน.อำเภอชนแดน และประชาชนท่ัวไป จำนวน 10 คน 1) ชาย จำนวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 50.00 2) หญิง จำนวน 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 50.00 เชิงคณุ ภาพ 1. สง่ เสริมใหม้ นี สิ ัยรกั การอา่ นและการเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่ืองตลอดชวี ิต 2. กระต้นุ และสง่ เสรมิ นสิ ัยให้เด็กและเยาวชนมนี ิสยั รักการอา่ น 3. ส่งเสรมิ ทกั ษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจติ ใจของเด็กและเยาวชน 4. ส่งเสรมิ ให้เดก็ และเยาวชนมคี วามคิดสร้างสรรคแ์ ละมจี ินตนาการ ผลการดำเนนิ งานตามตัวชว้ี ัดความสำเรจ็ 1. เปา้ หมาย จำนวน 10 คน มีผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ผลการดำเนินงานตามเป้าหมาย
38 2. จำนวนผู้รว่ มกจิ กรรม จำนวน 10 คน ผา่ นกจิ กรรม จำนวน 10 คน คดิ เป็นร้อยละ 100 ผลการดำเนินงานบรรลเุ ป้าหมาย สรปุ ผลการดำเนินงาน - ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรม ครอบครวั รักการอ่าน ในภาพรวมอย่ใู นระดับ มากที่สดุ คดิ เป็นร้อยละ 85.83 สรุปความพึงพอใจต่อโครงการ/กจิ กรรม ที่เขา้ รว่ ม 1. กิจกรรมท่จี ดั สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อยใู่ นระดบั ความพึงพอใจ มากที่สดุ คิดเปน็ รอ้ ยละ 96.00 2. เน้ือหาของส่ือการเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นรอ้ ยละ 98.00 3. การจัดกิจกรรมมีส่ือการเรียนรู้ที่หลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 92.00 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 94.00 5. สถานท่ีจัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 98.00 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 100.00 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 100.00 8. การประชาสมั พนั ธ์และชวนเชิญ อย่ใู นระดบั ความพึงพอใจ มากท่สี ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.00 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 98.00 10.การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 94.00 11.ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเน่ือง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 98.00 12.หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการนี้อีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเปน็ ร้อยละ 96.50 ขอ้ เสนอแนะ 1. ไดค้ วามรู้เพ่ิมข้ึนอยากให้จัดโครงการแบบนี้อีก 2. อยากใหจ้ ดั กจิ กรรมแบบน้ีอกี
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรม โครงการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้สำหรับเดก็ และเยาวชน กิจกรรม ครอบครัวรักการอา่ น ประจำเดอื น สงิ หาคม 2564 หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน
Search