Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันพืชมงคล

วันพืชมงคล

Published by waryu06, 2022-08-04 06:47:11

Description: วันพืชมงคล

Search

Read the Text Version

บนั ทึกข้อความ สว่ นราชการ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอชนแดน ท่ี ศธ ๐๒๑๐.๕๔๐๓/ วันที่ สงิ หาคม ๒๕๖๕ เรือ่ ง รายงานผลการดำเนินงานโครงการพฒั นาห้องสมดุ ประชาชนใหเ้ ป็นศนู ย์เรยี นรตู้ ลอดชีวติ Co-Learning Space กิจกรรมวนั พชื มงคล เรียน ผ้อู ำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำจัดทำโครงการพัฒนาห้องสมุดประชาชนให้ เปน็ ศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวติ Co-Learning Space กจิ กรรมวนั พืชมงคล ประจำเดอื นพฤษภาคม ๒๕๖๕ เพื่อ สร้างนิสัยรักการอ่าน พัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาปรับปรุงห้องสมุด จัดบรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีอำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการของ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเกิดนิสัย รักการอ่านมากขึ้น บัดนโ้ี ครงการดังกล่าวได้ดำเนนิ การเสร็จส้นิ เรยี บร้อยแล้ว ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จึงขอรายงานผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว รายละเอยี ดตามเอกสารทแี่ นบมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ (นางวารี ชูบวั ) บรรณารกั ษ์ชำนาญการ

คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนนิ การจัดทำโครงการพัฒนาหอ้ งสมดุ ประชาชนใหเ้ ปน็ ศนู ยเ์ รียนรู้ตลอดชวี ิต Co- Learning Space กิจกรรมวันพืชมงคล ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อสร้างนิสัยรักการอ่าน พัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาปรับปรุงห้องสมุด จัด บรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการของนักเรียน นักศึกษาและ ประชาชนท่ัวไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเกิดนิสัยรักการอ่านมากขึ้น นน้ั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน คร้ังตอ่ ไป ผู้จัดทำ สงิ หาคม 2565

สารบัญ หนา้ 1-9 บทที่ 1 บทนำ 10 - 36 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วข้อง 37 - 42 บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินการตามโครงการ 43 - 47 บทที่ 4 ผลการดำเนนิ การตามโครงการ 48 – 50 บทท่ี 5 สรุปผลการดำเนนิ งานตามโครงการ บรรณานุกรม ภาคผนวก รปู ภาพ รายช่อื ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพึงพอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จดั ทำ

1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชอื่ โครงการ โครงการจัดการศกึ ษาตามอัธยาศยั กจิ กรรมท่ี 1 โครงการพัฒนาหอ้ งสมดุ ประชาชนให้เปน็ ศูนยเ์ รียนรู้ตลอดชีวติ Co-Learning Space 2.  สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบออ้ มอารี มีวนิ ยั รักษาศลี ธรรม และเป็นพลเมอื งดขี องชาติ มหี ลักคดิ ทถี่ ูกต้อง มีทกั ษะที่จ่าเป็นในศตวรรษที่ 21 มี ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง ตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ สกู่ ารเปน็ คนไทยท่ีมีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหมแ่ ละอ่ืน ๆ โดยมี สมั มาชพี ตามความถนัดของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบดว้ ย (1) ชว่ งการต้งั ครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียน/ วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับ ศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ ผู้สูงอายเุ ปน็ พลังในการขบั เคลอื่ นประเทศ ประเด็นที่ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก ห้องเรียน และ (4) การพัฒนาระบบฐานข้อมลู เพ่ือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  สอดคล้องกบั แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทนุ มนุษย์ 3.1 ปรับเปลย่ี นค่านยิ มคนไทยให้มีคณุ ธรรม จริยธรรม มวี ินยั จติ สาธารณะ และพฤติกรรม ทพ่ี ึงประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุขอย่าง จรงิ จัง 3.2 พัฒนาศักยภาพคนให้มที กั ษะความรู้และความสามารถในการดำรงชวี ติ อย่างมคี ุณค่า 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นใหม้ ีทักษะการคิดวิเคราะหอ์ ย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มี ทักษะการทำงานและการใช้ชีวิตที่พร้อมเข้าสู่ตลาดงาน

2 3.3 ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาและการเรยี นรู้ตลอดชีวิต 3.3.6 จัดทำส่ือการเรยี นรู้ท่เี ปน็ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์และสามารถใชง้ านผา่ นระบบอปุ กรณส์ อ่ื สารเคลื่อนท่ี ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลิตหนังสอื สอื่ การอา่ นและการเรยี นร้ทู ่ีมคี ุณภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ โรงเรียนผูส้ ูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมให้มีระบบการจดั การความรู้ที่เป็นภมู ิ ปัญญาทอ้ งถิน่  สอดคล้องกับนโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) 1. การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจัดการศึกษาเพ่ือคณุ วฒุ ิ พฒั นาผ้เู รยี นให้มคี วามรอบรูแ้ ละทักษะชีวติ เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการ ดำรงชีวติ และสรา้ งอาชีพ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล สุขภาวะและทัศนคติที่ดตี ่อการดูแลสุขภาพ 1.2 การเรียนรตู้ ลอดชีวิต - จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เน้นส่งเสริมและยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All)  สอดคล้องกบั นโยบายและจุดเน้นการดำเนนิ งาน กศน. จดุ เนน้ การดาํ เนนิ งานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2. ด้านการสร้างสมรรถนะและทกั ษะคุณภาพ 2.1 สง่ เสรมิ การจดั การศึกษาตลอดชีวติ ที่เนน้ การพฒั นาทกั ษะที่จาํ เปน็ สำหรับแต่ละช่วงวัย และ การจัดการศึกษาและการเรยี นรู้ทีเ่ หมาะสมกบั แตล่ ะกลุม่ เปา้ หมายและบริบทพ้นื ท่ี 2.4 ส่งเสริมการจัดการศึกษาของผู้สูงอายุเพื่อให้เป็น Active Ageing Workforce และมี Life Skill ในการดํารงชีวิตทเ่ี หมาะกบั ช่วงวัย 3. ด้านองค์กร สถานศึกษา และแหลง่ เรียนรูค้ ุณภาพ 3.3 ปรับรูปแบบกจิ กรรมในหอ้ งสมดุ ประชาชน ทเ่ี น้น Library Delivery เพื่อเพิม่ อัตราการอ่าน และการรู้หนงั สือของประชาชน 3.5 สง่ เสริมและสนับสนนุ การสร้างพ้นื ท่ีการเรียนรู้ ในรปู แบบ Public Learning Space/ Co- Learning Space เพอื่ การสร้างนเิ วศการเรียนรู้ใหเ้ กิดข้นึ สังคม

3  สอดคลอ้ งกบั ตัวชวี้ ัดการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผู้รบั บริการการศึกษาตามอัธยาศยั ตวั บง่ ชี้ท่ี 1.1 ผู้รบั บรกิ ารมคี วามรู้ หรือทักษะ หรือประสบการณ์ สอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์ของโครงการ หรอื กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ่ี 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตัวบ่งช้ที ่ี 2.2 ผู้จัดกิจกรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย ตวั บ่งชท้ี ่ี 2.3 สือ่ หรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมทเี่ อ้ือตอ่ การจัดการศึกษาตาม อธั ยาศยั ตวั บ่งชท้ี ่ี 2.4 ผรู้ ับบรกิ ารมคี วามพงึ พอใจต่อการจัดการศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานที่ 3 คณุ ภาพการบริหารจัดการของสถานศกึ ษา ตัวบ่งชี้ท่ี 3.1 การบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษาที่เน้นการมีส่วนรว่ ม ตวั บ่งชี้ที่ 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตวั บ่งชท้ี ่ี 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตัวบง่ ชีท้ ่ี 3.7 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครือขา่ ยให้มสี ว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา ตวั บง่ ชีท้ ่ี 3.8 การสง่ เสริม สนบั สนุนการสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพิ่มข้อเหตุผล ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดขอ้ นน้ั จงึ ใหค้ ะแนนมากหรือนอ้ ย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถ้วนเป็นระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มีการออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ต่อเนอื่ งและนำผลการประเมินทไ่ี ด้ไปวเิ คราะห์ถึงอุปสรรค และนำไปวางแผน ปรับปรงุ พัฒนาในปตี อ่ ไป

4 3. หลักการและเหตุผล วิถีชีวิต การเรียนรู้ การทํางานของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป รูปแบบการทํางาน มักจะไปนั่งทํางาน อ่าน หนังสือ ประชุม หรือทํางานกลุ่มตามสถานที่สาธารณะ มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ห้องสมุด หรือตาม Co - working Space ต่าง ๆ ด้วยเหตุผลหลากหลายไม่ว่าจะเป็นต้องการพื้นที่ในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อ การเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการทํางาน หรือบางครั้งจะรู้สึกว่ามีสมาธิมากกว่าที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่ทํางาน แต่พื้นที่ ลักษณะเช่นน้ีท่ีมีใหบ้ รกิ ารอยู่ในปัจจุบนั ยังเปน็ ข้อจํากัดในการเข้าถึงของหลาย ๆ คน ไม่วา่ จะเป็นเรื่องของระยะเวลา การเปิด – ปิดบริการ ค่าใช้จ่าย หรือถ้าเปิดให้ใช้บริการฟรีสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ หรือบรรยากาศ อาจยังไม่ ตอบโจทย์สําหรับการทํางาน หรือการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ รวมไปถึงความปลอดภัยต่าง ๆ ในการเดินทางไปใช้ บริการตามสถานทีเ่ หล่านั้น ประกอบกบั สภาพสงั คมท่ีเปลย่ี นแปลงไปทาํ ให้รูปแบบการเรยี นรู้ของผู้รบั บริการห้องสมุด เปลี่ยนไปด้วยคนในปัจจุบันเปลี่ยนไปมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการค้นคว้าหาความรู้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ห้องสมุด ประชาชนจึงจําเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ การเรียนรู้ต้องพัฒนาให้มีรูปแบบที่หลากหลายเป็นไปตาม ความต้องการของผู้รับบริการทุกช่วงวัยยิ่งขึ้น จากแนวคิดดังกล่าวสู่การพัฒนาห้องสมุดประชาชนให้เป็นศูนย์การ เรียนรู้ Co - Learning Space ซึ่งสํานักงาน กศน. เป็นหน่วยงานหนึ่งซึ่งมีภารกิจหลักในการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัยให้กับประชาชนทุกช่วงวัย และมีแหล่งเรียนรู้ให้บริการหลากหลายรูปแบบ ห้องสมุดประชาชนก็เป็นหนึ่งใน แหล่งเรียนรู้ที่ให้บริการประชาชนควบคู่กับภารกิจอื่น ๆ ของ กศน. จึงถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สําหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ได้มีโอกาสเข้าถึงได้ง่ายสามารถตอบทุกโจทย์ปัญหาความต้องการของประชาชน อย่างแท้จริง ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ (Co - Learning Space) หรือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกัน จึงเกิดขึ้นภายใต้ แนวคิดทว่ี ่า การใหท้ ่มี ากกว่าแค่เพียง “พืน้ ท”ี่ แตย่ งั เป็นสถานทใ่ี นการสร้างแรงบันดาลใจ และแสดงถึงการแบ่งปัน ที่ ไม่เพียงแค่แบง่ ปันพื้นที่สําหรับทุกคน ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแต่ทุกคนที่มายังได้ความรู้และแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไป ด้วยเสมอ การนําแนวคิดในการปรับเปลี่ยนการให้บริการห้องสมุดประชาชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในลักษณะศูนย์ การ เรียนรู้ต้นแบบ (Co - Learning Space) ภายใต้นโยบายในการขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน.WOW ของรัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงศึกษาธกิ าร (นางกนกวรรณ วลิ าวลั ย์) ในการพั ฒ นา กศน. ตําบล ใหม้ ีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่อการเรียนรู้ : Good Place – Best Check in ข้อหน่ึงโดยการจัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน. ใน 5 ภมู ิภาค เป็น ศูนย์การเรยี นรตู้ ้นแบบ (Co - Learning Space) และกําหนดให้ศูนยก์ ารเรียนรูต้ ้นแบบ (Co - Learning Space) มีพื้นที่บริการการเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจและความต้องการของผู้รับบริการการศึกษาตามอัธยาศั ยทุก ช่วงวัย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุดประชาชน อำเภอชนแดนดำเนินการพฒั นาห้องสมุดประชาชนให้เปน็ ศนู ย์การเรียนรู้ Co - Learning Space เพื่อสร้างนิสัยรัก การอ่าน เพ่ือเป็นการพัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เอ้ือต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุงห้องสมุด จัดบรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเกิดนิสัยรักการอ่านมาก ข้ึน

5 4. วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื สง่ เสรมิ ให้หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดนเปน็ แหล่งเรยี นรู้ตน้ แบบ Co – Learning Space 2. เพื่อส่งเสริมนิสยั รักการอ่าน ผ่านกิจกรรมอย่างเปน็ รูปธรรม 3. เพื่อปรับปรุงบรรยากาศและภูมิทัศน์ทั้งภายในและภายนอกห้องสมุดให้น่าใช้บริการ เอื้อต่อการอ่านและ การเรยี นรู้ 5. เป้าหมาย เชงิ ปรมิ าณ ๑. หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จำนวน 1 แห่ง ๒. นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทั่วไป จำนวน 247 คน เชงิ คุณภาพ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ที่มีระบบการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มี ชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดยให้บริการการศึกษาค้นแก่นกั ศึกษาการศึกษานอกโรงเรยี นและ ผู้รบั บริการหอ้ งสมุด ทำให้เกดิ สงั คมแห่งการเรียนรู้ และนกั ศึกษา กศน. ผ้รู บั บริการหอ้ งสมุด สามารถนำความรู้ท่ี ไดไ้ ปใช้ในการดำเนินชวี ิตไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ

6. วธิ ีดำเนินการ กิจกรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขัน้ เตรียมการ ช เพื่อจัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการ ครูและบุคลากร ว 2. ประชุมกรรมการ ดำเนนิ งาน ศึกษา กศน. อำเภอชนแดน ช 3. จดั เตรยี มเอกสาร ข วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด จำนวน 21 คน จ ดำเนินโครงการ โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพ่อื อนมุ ัติ - แตง่ ตั้งกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ดำเนินงานทกุ ฝ่ายในการจดั กิจกรรม กศน. อำเภอชนแดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน 21 คน เพ่ือดำเนินการจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ การ มอบหมาย

6 กลุ่มเป้าหมาย พน้ื ทีด่ ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) กศน. อำเภอ เม.ย.65 - ช้แี จงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชแี้ จงวตั ถุประสงค์ บทบาทหน้าที่ กศน. อำเภอ เม.ย.65 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน เม.ย.65 - จดั ซื้อวสั ดุอปุ กรณใ์ นการจัดโครงการ กศน. อำเภอ ชนแดน

กจิ กรรมหลกั วัตถุประสงค์ ก กลุ่มเปา้ หมาย ๔. ดำเนินการจัด กจิ กรรม เพอื่ ดำเนินการปรับปรุงภมู ิทัศนห์ อ้ งสมุด ให้ 1.หอ้ งสมุดประชาชน ห 5. สรปุ /ประเมินผล เป็นCo-Learning Space แหลง่ เรียนรขู้ อง อำเภอชนแดน ได และรายงานผล โครงการ คนในชมุ ชน จำนวน 1 แห่ง เป ๑. กิจกรรมรกั การอ่านผา่ นสื่อออนไลน์ 2. นักเรียน นกั ศกึ ษา ข ๒. กจิ กรรมวนั รักการอ่าน และประชาชนทั่วไป ช ๓. กจิ กรรมวันสำคัญตา่ งๆ จำนวน 247 คน ต ๔. กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นและการเรยี นรู้ สำหรบั นักศึกษา กศน. เพ่อื ใหก้ รรมการฝา่ ยประเมนิ ผลเกบ็ ตามกระบวนการ ส รวบรวมขอ้ มลู และดำเนินการประเมินผล ประเมนิ โครงการ ต การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม

7 กล่มุ เปา้ หมาย พนื้ ที่ดำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) หอ้ งสมุดประชาชน เม.ย. ถึง - ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน อำเภอชนแดน ก.ย.65 ดร้ ับการปรับปรุงภูมทิ ศั นห์ ้องสมุด ให้ ป็นCo-Learning Space แหล่งเรียนรู้ ของคนในชมุ ชน เป็นแหลง่ เรียนรตู้ ลอด ชีวิต พร้อมใหบ้ ริการแก่กลุม่ เปา้ หมาย ต่างๆ สรุปรายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ก.ย.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน

8 7. วงเงนิ งบประมาณ ไมใ่ ช้ 8. แผนการใช้จ่ายงบประมาณ แผนการใช้จา่ ยรายไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสท่ี 2 ไตรมาสท่ี 3 ไตรมาสท่ี 4 - - - - 9. ผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการ ตำแหน่ง : บรรณารักษ์ชำนาญการ ชอื่ - สกุล : นางวารี ชบู วั เบอร์โทรศัพทม์ ือถือ : 056 – 761667 เบอรโ์ ทรศัพทท์ ่ีทำงาน : 056 – 761667 อีเมลล์ : [email protected] ผู้ร่วมดำเนินการ นางสมบตั ิ มาเนตร์ ตำแหน่ง ครอู าสาสมัครฯ นางสาวลาวัณย์ สทิ ธกิ รววยแกว้ ตำแหน่ง ครอู าสาสมคั รฯ นางลาวิน สีเหลือง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพันธ์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหิทธิ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวอุษา ย่ิงสกุ ตำแหน่ง ครูประจำศูนยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปัญญา ตำแหน่ง ครูประจำศูนย์การเรียนชุมชน นายปณั ณวัฒน์ สขุ มา ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชมุ ชน นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ตำแหน่ง ครูประจำศนู ย์การเรยี นชุมชน นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธิ์ ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหน่ง นักจดั การงานทว่ั ไป

9 10. เครอื ข่าย 10.1 นักศึกษา กศน.อำเภอชนแดน 10.2 บ้านหนังสือชมุ ชน 11.โครงการท่เี ก่ยี วข้อง 11.1 โครงการจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศัย 11.2 โครงการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น 11.3 โครงการประชาสมั พนั ธง์ าน กศน. 11.4 โครงการส่งเสรมิ และพฒั นาประสทิ ธิภาพการทำงานรว่ มกบั เครอื ข่าย 11.5 โครงการประกันคุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ตน้ แบบ Co – Learning Space 12.2 หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน สง่ เสริมการจดั กระบวนการเรยี นรู้ภายในห้องสมดุ 12.3 หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน เปน็ แหลง่ เรยี นร้ทู ่ีสำคญั ของชุมชน ปรับปรุงบรรยากาศภูมิทัศน์ทั้ง ภายในและภายนอกห้องสมุดใหน้ ่าใชบ้ รกิ าร เอือ้ ตอ่ การอ่านและการเรยี นรู้ 13. ดัชนีวดั ผลสำเร็จของโครงการ 13.1 ตวั ช้วี ัดผลผลิต (output) หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จำนวน 1 แห่ง เป็นแหล่งเรียนรใู้ นชุมชน ที่มีระบบการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดยให้บริการ การศึกษาค้นแก่นักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียนและประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ และนักศึกษา กศน. รวมท้ังประชาชนทว่ั ไป สามารถนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิตได้อย่างมีความสขุ 13.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (outcome) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 14. การตดิ ตามผลและประเมนิ ผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพึงพอใจผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรม / โครงการ 14.2 สรุป/รายงานผลการจดั กจิ กรรม

10 บทที่ 2 เอกสารทเ่ี ก่ยี วข้อง วันพชื มงคล 2565 พิธีแรกนาขวญั วนั พืชมงคล หมายถึงอะไร วันพืชมงคล คือ วันท่ีกำหนดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีเก่ามาแต่โบราณท่ี เสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรที่มีต่อเศรษฐกิจ ไทย โดยการจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีสืบเนื่องมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซง่ึ พระราชพิธนี ้ีจะกระทำทที่ ้องสนามหลวง ประกอบด้วย 2 พระราชพิธี คือ พระราชพิธีพืชมงคล และพระราชพธิ ี จรดพระนงั คัลแรกนาขวญั พิธีพชื มงคล เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพืชพันธ์ุต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน เป็นต้น ฯลฯ มีจุดมุ่งหมายท่ีจะให้เมล็ดพันธุ์เหล่าน้ันปราศจากโรคภัย และให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี พิธีแรกนาขวัญ เป็นพธิ ีเรมิ่ ตน้ การไถนาเพื่อหว่านเมลด็ ขา้ ว มจี ดุ มุ่งหมายทจ่ี ะให้เป็นอาณตั ิสญั ญาณวา่ บดั นี้ฤดูกาลแห่ง การทำนาและเพาะปลูกไดเ้ ร่ิมขึ้นแล้ว ประวัติวันพืชมงคล พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พิธีแรกนา เป็นพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณ ตั้งแต่คร้ังสุโขทัยเป็นราชธานี ซ่ึงในสมัยน้ันพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงมือไถนาเอง เป็นแต่เพียงเสด็จฯ ไปเป็นองค์ ประธานในพระราชพิธีเท่าน้ัน คร้ันถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ไม่ได้เสด็จฯ ไปเป็นองค์ประธาน แต่จะ มอบอาญาสิทธ์ใิ ห้โดยทรงทำเหมือนอย่างออกอำนาจจากกษัตริย์ และจะทรงจำศีลเงียบ 3 วัน ซึ่งวธิ ีน้ีได้ใช้ตลอด มาถงึ ปลายสมัยกรุงศรีอยธุ ยา ต่อมา สมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่เป็นผู้ประกอบพระราชพิธี แรกนาขวัญแทนพระองค์ และมิได้ถือว่าเป็นพิธีหน้าพระที่น่ัง เว้นแต่เม่ือมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตร สถานที่ประกอบพิธีในตอนแรก ๆ จึงไม่ตายตัว แล้วแต่จะทรงกำหนดให้ ครั้นในสมัยรัชกาลท่ี 4 โปรดเกล้าฯ ให้ จัดพิธีสงฆ์เพม่ิ ขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ทุกพิธี ดังนั้น \"พระราชพิธพี ืชมงคล\" จึงไดเ้ ริ่มมขี ึ้นแต่บัดน้นั มา โดยได้จัด รวมกบั พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และมีชอื่ เรยี กรวมกันวา่ \"พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรก นาขวญั \"

11 ส่วนพิธีกรรมนอกเหนือจากการทำให้เป็นตัวอย่างตามท่ีทรงจำแนกไว้ 3 อย่าง โดย 2 อย่างแรก ที่ว่า \"อาศัยคำอธิษฐานเอาความสัตย์เป็นที่ต้ังบ้าง ทำการซ่ึงไม่มีโทษนับว่าเป็นการสวัสดิมงคลตามซ่ึงมาใน พระพุทธศาสนาบ้าง\" ทรงหมายถงึ \"พธิ พี ืชมงคล\" อันเป็นพิธีสงฆ์ท่ีกระทำ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนอีก อย่างหนึ่งที่ว่า \"บูชาเซ่นสรวงตามทมี่ าทางไสยศาสตร์บ้าง\" ทรงหมายถงึ พิธจี รดพระนังคลั แรกนาขวญั อันเป็นพธิ ี พราหมณ์ ดังนน้ั จงึ พอจะสรุปความมุ่งหมายอันเป็นมูลเหตใุ ห้เกิดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ น้ีได้วา่ พิธีแรกนามุ่งหมายทีจ่ ะให้เป็นตวั อย่างแก่ราษฎร เพ่ือชักนำให้มีความมั่นใจในการทำนา อันเป็นอาชีพหลัก ที่สำคัญของคนไทยที่มีมาแต่ช้านานสืบมาจนปัจจุบันยังคงเป็นอยู่อย่างน้ัน เพราะการเกษตรซ่ึงมีการทำนาเป็น หลกั น้ัน เปน็ ส่ิงสำคญั แก่ชวี ิตความเปน็ อย่แู ละเศรษฐกจิ ของประเทศทุกสมัย ส่วนวันประกอบพิธีน้ันต้องเป็นวันที่ดีที่สุดของแต่ละปี ประกอบด้วย ขึ้น แรม ฤกษ์ยาม ให้ได้วันอันเป็น อุดมฤกษ์ตามตำราโหราศาสตร์ แต่ต้องอยู่ในระหว่างเดือน 6 เพราะเดือนนี้เร่ิมจะเข้าฤดูฝน เป็นระยะเวลาท่ี เหมาะสมสำหรับเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จะได้เตรียมทำนา เมื่อโหรหลวงคำนวณได้วันอุดมมงคลพระฤกษ์ที่จะ ประกอบพระราชพิธีจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั แล้ว สำนักพระราชวังจะไดล้ งไว้ในปฏิทินหลวงท่ีพระราชทานในวัน ขึ้นปีใหม่ทุกปี และได้กำหนดไว้ว่าวันใดเป็นวันพืชมงคล วันใดเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวั ญ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แต่เดิมมาทำท่ีทุ่งนาพญาไท เม่ือได้มีการฟื้นฟูพระราชพิธีจรด พระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นใหม่ จึงจัดให้มีข้ึนที่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้ วันแรกนาขวัญเป็นวันสำคัญของชาติ คณะรัฐมนตรมี มี ติใหห้ ยดุ ราชการ 1 วัน และมีประกาศใหช้ ักธงชาติตามระเบียบทางราชการ

12 การประกอบพระราชพธิ วี ันพชื มงคล พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีทำขวัญพืชพรรณธัญญาหารท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอธิษฐาน เพ่ือความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหารแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงข้าวที่นำเข้าพิธีพืชมงคลน้ันเป็น ข้าวเปลือก มีท้ังข้าวเจ้าและข้าวเหนียว นอกจากน้ียังมีเมล็ดพืชต่าง ๆ รวม 40 อย่าง แต่ละอย่างบรรจุถุงผ้าขาว และยังมีข้าวเปลือกท่ีหว่านในพิธีแรกนา บรรจุกระเช้าทองคู่หน่ึงและเงินคู่หนึ่ง เป็นข้าวพันธุ์ดีท่ีโปรดเกล้าฯ ให้ ปลูกในสวนจติ รลดา และพระราชทานมาเข้าพธิ พี ืชมงคล โดยพันธุ์ข้าวพระราชทานนี้จะใช้หว่านในพระราชพิธีแรกนาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหน่ึงที่เหลือทางการจะ บรรจุซองแล้วส่งไปแจกจ่ายแก่ชาวนาและประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ให้เป็นม่ิงขวัญและเป็นสิริมงคลแก่พืชผลท่ี จะเพาะปลูกในปีน้ี ท้ังน้ี พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในปัจจุบันน้ีได้ดำเนินตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี เว้นแตบ่ างอย่างได้มีการดัดแปลงให้เหมาะแก่กาลสมัย อาทิ พิธีของพราหมณ์ก็มีการตัดทอนให้เหลือน้อยลง พระ ยาแรกนาก็ให้ตกเป็นหน้าท่ีของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนเทพีนั้นคัดเลือกจากข้าราชการสตรีโสดใน สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระดับ 3-4 คือขั้นโทข้ึนไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพระราชพิธีทุกปี มีข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ ทูตานุทูต และ ประชาชน มาชมการแรกนาเป็นจำนวนมาก สำหรับการประกอบพิธีน้นั ก็จะถูกกำหนดขนึ้ โดยโหรหลวง ในระหว่างพธิ ีอันสวยงามนี้ก็จะมีการทำนาย ปรมิ าณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนท่กี ำลงั จะมาถงึ และแลว้ พระยาแรกนาก็จะทำการเลอื กผ้า 3 ผืนทม่ี ีความยาวต่างขนาด กันตามชอบใจ ผ้าทั้ง 3 ผืนนจ้ี ะดูคลา้ ยกนั ถา้ พระยาแรกนาเลือกผนื ที่ยาวทสี่ ุด ทายว่า ปีน้ีปรมิ าณนำ้ ฝนจะมีน้อย ถ้าเลือกผืนที่สั้นท่ีสุด ทายว่า ปีน้ีปริมาณน้ำฝนจะมาก และถ้าเลือกผืนท่ีมีความยาวปานกลาง ทายว่า มีปริมาณ นำ้ ฝนพอประมาณ หลังจากสวมเส้ือผ้าเรียกว่า \"ผ้านุ่ง\" เรียบร้อยแล้ว พระยาแรกนาก็จะไถลงไปบนพ้ืนท่ีท้องสนามหลวง ดว้ ยพระนังคลั สีแดงและสีทอง ซึ่งลากโดยพระโคผูส้ ีขาว ตามขบวนด้วยเทพีทัง้ ส่ี ผูซ้ ่งึ หาบกระเชา้ ทองและกระเช้า เงนิ ท่ีบรรจดุ ้วยเมล็ดข้าวเปลือก นอกจากน้ีก็มคี ณะพราหมณ์เดินคู่ไปกับขบวน พร้อมท้ังสวดและเป่าสงั ขไ์ ปพร้อม กัน เม่ือเสร็จจากการไถแล้วพระโคก็จะได้รับการป้อนพระกระยาหารและเคร่ืองด่ืม 7 ชนิด คือ เมล็ดข้าว ถวั่ ข้าวโพด หญ้า เมล็ดงา น้ำ และเหล้า ไม่ว่าพระโคจะเลือกกินหรอื ดื่มส่ิงใด ทายว่าปีน้ีจะอุดมสมบูรณ์ด้วย สิ่งทพี่ ระโคเลอื กน้ัน เม่อื เสร็จพิธีแล้วประชาชนจะพากนั แย่งเก็บเมลด็ ข้าวที่หว่านโดยพระยาแรกนา เพราะว่าเมล็ดข้าวนี้ถอื ว่า เป็นส่ิงศักดิ์สิทธิ์ อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง ชาวนาก็จะใช้ เมล็ดขา้ วนี้ผสมกบั เมลด็ ข้าวของตน เพื่อใหพ้ ชื ผลในปที ี่จะมาถึงนอ้ี ุดมสมบูรณ์

13 สำหรับพระโคที่จะเขา้ พระราชพิธีแรกนาขวัญจะถูกเลย้ี งดอู ย่างดีในท่งุ หญ้าที่จังหวัดราชบุรี พระโคท่ใี ช้ใน พระราชพธิ ีจะต้องมีลักษณะท่ีดี ขาดเกินไมไ่ ด้ คือ หูดี ตาดี แข็งแรง เขาท้ังสองตัง้ ตรงสวยงาม พระโคแต่ละคู่ต้อง สีเหมือนกัน ซ่ึงจะมีการคัดเลือกพระโคเพียงสองสีเท่านั้น คือ สีขาวสำลี และสีน้ำตาลแดง และเจาะจงแต่เพศผู้ เท่านัน้ โดยต้องผ่านการ \"ตอน\" เสียกอ่ นดว้ ย อนึ่ง นับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นวันเกษตรกรประจำปีอีกด้วย ทั้งนี้ เพ่ือให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลึกถึง ความสำคัญของการเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อเป็นสิ ริ มงคลแกอ่ าชีพของตน กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี วรปฏิบัติในวันพชื มงคล 1. ประดบั ธงชาติตามอาคารบ้านเรอื นและสถานท่รี าชการ 2. จัดนิทรรศการ แสดงประวัตคิ วามเปน็ มา และความสำคัญของวันพชื มงคล รวมท้ังพระราชพิธจี รดพระ นังคลั แรกนาขวัญ

14 พระราชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2565 สำหรบั พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนงั คัลแรกนาขวญั 2565 จดั พิธีพราหมณ์ ณ มณฑลพธิ ีสนามหลวง โดยมีนายทองเปลว กองจนั ทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหนา้ ท่ีพระยาแรกนา เทพี คูห่ าบทอง ไดแ้ ก่ 1. นางสาวณฐั ชยา ศรสี ุขสวสั ด์ิ นักวชิ าการปฏริ ูปทดี่ นิ ชำนาญการพิเศษ สำนกั งานการปฏริ ปู ท่ีดินเพอื่ เกษตรกรรม 2. นางสาวอาทิตยา ทองแกมแกว้ นักวชิ าการเกษตรชำนาญการ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร เทพคี ู่หาบเงิน ได้แก่ 1. นางสาวกันยารตั น์ เศวตนันทิกลุ นกั ทรัพยากรบุคคลชำนาญการพเิ ศษ สำนักงานปลัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ 2. นางสาวชลธชิ า ทองอ่อน นายสตั วแพทยช์ ำนาญการกรมปศสุ ัตว์ สำหรบั พระโคแรกนาขวัญทีใ่ ช้ประกอบพระราชพธิ ีฯ ปี 2565 คือ พระโคพอ และพระโคเพียง โดยมี พระโคเพม่ิ และพระโคพลู เป็นพระโคสำรอง ท้งั น้ี กรมการขา้ ว ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าต จากพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดี ศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจ้าอยู่หัว นำเมล็ดพนั ธ์ุขา้ วทรงปลูกพระราชทาน จำนวน 1,728 กิโลกรัม เข้าพระราชพธิ พี ืชมงคลเพ่ือปลกุ เสกเมลด็ พันธ์ขุ า้ วพระราชทาน ณ พระอโุ บสถวดั พระศรีรัตนศาสดาราม โดยจะ ถกู นำไปหว่านในพระราชพิธีฯ และนำไปบรรจซุ องพลาสตกิ แจกจา่ ยให้พสกนิกรและชาวนาทวั่ ประเทศ ประกอบด้วย 6 สายพนั ธุ์ ดงั น้ี 1. ขาวดอกมะลิ 105 2. ปทมุ ธานี 1 3. กข43 4. กข6 5. กข87 6. กข85

15 ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกับการอา่ น การอ่าน เป็นส่ิงจำเป็นสำหรับคนท่ัวไป โดยเฉพาะผู้ท่ีอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน เพราะปัจจุบันเป็นยุค ของข่าวสาร ซ่ึงข้อมูลความรู้ในทุกด้านได้เผยแพร่ในรูปของหนังสือแสะสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ ผู้อ่านหนังสือมาก จะ ได้รับคุณค่าทางปัญญา เกิดความรู้ ความรอบรู้ มีความก้าวหน้าและทันสมัยอยู่เสมอ ดังบทพระราชนิพนธ์ ใน สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี หนงั สอื นี้มีมากมายหลายชนดิ นำดวงจติ เรงิ รน่ื ชื่นสดใส ให้ความรู้สกเริงบนั เทิงใจ ฉนั จึงใฝ่ใจสมานอา่ นทกุ วัน มวี ิชาหลายอยา่ งตา่ งจำพวก ล้วนสะดวกค้นได้ให้สุขสนั ต์ วชิ าการสรรมาสารพนั ชวั่ ชีวันฉันอ่านไดไ้ ม่เบอ่ื เลย บทกลอนข้างต้นชื่อ “ฉันชอบหนังสือ” ปรากฏในจดหมายข่าวกรมวิชาการ (1 เมษายน 2526 หน้า 11) เน้ือความกล่าวถึงคุณค่าของหนังสือ ซึ่งให้ทั้งความบันเทิงใจและความรู้แสดงให้เห็นว่า ทรงพอพระราช หฤทัยท่ีจะทรงอ่านหนังสือทุกวัน ไมท่ รงเบ่อื หน่ายแตป่ ระการใด และให้แนวความสำคัญว่า การอ่านหนงั สอื มี ความจำเป็นตอ่ ชีวติ ความสำคัญของการอา่ น การอ่านเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างหนึ่งของมนุษย์ ท่ีใช้สายตาและสมองรับรู้ความหมาย รวมท้ัง ความเข้าใจจากส่ิงท่ีอ่าน หากมนุษย์ไม่มีการจดบันทึกเรื่องราวความเป็นมาของตนเอง อีกท้ังมนุษย์ไม่รู้จัก ความหมายของภาษาที่กลุ่มชนน้ัน ๆ ใช้บันทึกโดยเฉพาะไม่รู้จักการอ่าน ย่อมทำให้มนุษย์ขาดการเรียนรู้ และ ความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกัน ปัจจุบันมีส่ือมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เข้ามาแย่งเวลาของเราไป แต่การอ่านก็ยังถือว่า เป็นส่ิงท่ีดี ไม่อาจนำเอาสิ่งใดมาทดแทนได้ หนังสือจะเป็นกญุ แจไขความรู้และความลี้ลับต่าง ๆ ในโลกให้แก่เรา ตามต้องการ และจากการอ่านเราจะได้ความรู้สึกละเอียดอ่อน ความซาบซ้ึงไปกับความไพเราะและรสของภาษา เกดิ ภาพพจนไ์ ด้เปน็ อยา่ งดี ซง่ึ สือ่ อยา่ งอ่นื จะไมม่ สี ง่ิ เหลา่ นี้ การอ่าน เป็นส่ิงจำเป็นต่อชีวิต ต่อความเจริญด้านต่าง ๆ ของมนุษย์มาก การอ่านหนังสือนอกจากจะ ทำให้ผู้อ่านเป็นผู้หูตากว้างแล้ว คนอ่านจะเป็นผู้ทันต่อเหตุการณ์ ความเคล่ือนไหวของโลกปัจจุบัน และอาจเป็น เครื่องกระตุ้นให้เกิดความสงบในใจ ส่งเสริมวิจารณญาณและประสบการณ์ให้เพิ่มพูนข้ึน การอ่านยังทำให้บุคคล เป็นผู้มีคุณค่าในสังคม มีประสบการณ์ชีวิต และช่วยยกฐานะของสังคม สังคมมีบุคคลท่ีมีประสิทธิภาพในการอ่าน อยู่มาก สังคมนั้นย่อมจะเจริญพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยที ำใหค้ วามรตู้ ่าง ๆ ล้าสมยั เรว็ ขึน้ หนังสือเทา่ นั้นทส่ี ามารถทนั ความก้าวหน้าเหล่านี้ การอา่ น เปน็ สง่ิ จำเป็นต่อชีวติ ตอ่ ความเจริญในด้านตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์มาก การอ่านหนงั สอื นอกจากจะ ทำให้ผู้อ่านเป็นผหู้ ูตากว้างแลว้ คนอ่านจะเป็นผทู้ ันต่อเหตุการณ์ ความเคลื่อนไหวของโลกปัจจุบัน และอาจเป็น

16 เครื่องกระตุ้นให้เกดิ ความสงบในใจ ส่งเสริมวิจารณญาณและประสบการณ์ให้เพิ่มพูนขึ้น การอ่านยังทำให้บุคคล เป็นผู้มีคุณค่าในสังคม มีประสบการณ์ชีวิต และช่วยยกฐานะของสังคม สังคมมีบุคคลท่ีมีประสิทธิภาพในการอ่าน อยู่มาก สังคมน้นั ย่อมจะเจริญพัฒนาไปไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ปัจจุบนั ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีทำให้ความรตู้ ่าง ๆ ล้าสมัยเรว็ ข้ึน หนังสอื เท่านั้นท่สี ามารถทันความก้าวหน้าเหลา่ น้ี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เม่ือครั้งเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิด การประชุใหญ่สามัญประจำปี 2530 ของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ได้ทรงบรรยายพิเศษในหัวข้อ เร่ือง “การสร้างสงั คมการอ่านและการใช้สารนเิ ทศ” ณ โรงแรมบางกอกพาเลส เม่ือ วันท่ี 21 ธนั วาคม 2530 ทรง กล่าวถึง เหตุท่ีพระองค์โปรดการอ่านหนังสือ และความสำคัญของการอ่านหนังสือไว้ 8 ประการ คือ (อ้างถึงใน อมั พร ทองใบ, 2540 : 9) 1. การอ่านหนงั สือทำให้ไดเ้ นือ้ หาสาระความรู้ มากกวา่ การศกึ ษาหาความร้ดู ้วยวธิ ีอืน่ ๆ 2. ผู้อา่ นสามารถอา่ นหนงั สือไดโ้ ดยไมจ่ ำกัดเวลาและสถานท่ี สามารถนำตดิ ตัวไปได้ 3. หนังสือเกบ็ ไวไ้ ด้นานกว่าสือ่ อยา่ งอ่ืน 4. ผอู้ ่านสามารถฝึกการคดิ และสรา้ งจินตนาการไดเ้ องขณะทอ่ี ่าน 5. การอา่ นส่งเสริมให้มีสมองดี มีสมาธินานกวา่ และมากกว่าส่ืออยา่ งอ่นื เพราะขณะอ่านจิตใจต้องมงุ่ มั่น อยกู่ บั ข้อความ พินิจพเิ คราะห์ขอ้ ความ 6. ผู้อ่านเป็นผู้กำหนดการอา่ นไดด้ ้วยตนเอง จะอ่านคร่าว ๆ หรืออ่านอย่างละเอยี ด อ่านขา้ มหรือ อ่านทกุ ตวั อักษรก็ได้ จะเลือกอ่านเล่มไหก็ได้ 7. หนังสือมีหลายรปู แบบ และราคาถกู กว่าสือ่ อย่างอื่น 8. ผู้อ่านเกิดความคิดเห็นได้ด้วยตนเองในขณะท่ีอ่าน สามารถวินิจฉัยเนื้อหาสาระได้ หนังสือบางเล่ม สามารถนำไปปฏิบัติไดด้ ้วย และเม่ือปฏิบตั แิ ล้วก็เกิดผลดี ส. ศิวรักษ์ (2512 : นำเรื่อง) ได้แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการอ่านหนังสือไว้ว่า “การอ่านหนังสือ เป็นกิจท่ีจำเป็นสำหรับทุก ๆ คน ที่อ่านออกเสียงได้ ย่ิงได้อ่านหนังสืออียิ่งมีค่ามาก สมดังคำของ ฟรานซิล เบคอน ทวี่ ่า “การอ่านชว่ ยให้คนเปน็ คนเตม็ ที”่ นายตำรา ณ เมืองใต้ (2515 : 298-299) กล่าวถงึ ความสำคญั ของตัวหนังสือและหนังสือว่า “...บางทีการที่เราได้อ่านหนังสือกนั อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จะทำให้เราลืมนึกถึงความสำคัญของตัวอักษร อัน ปรากฏอยขู่ ้างหน้าเราเสียกไ็ ด้ ตัวอักษรน้ีเป็นส่ิงจารึกและรักษาความคิดเห็นอันล้ำค่าของปราชญ์และกวีไว้ให้เรา ...การท่ีเราจะหาประโยชน์ในการอ่านให้ได้เตม็ ที่ ก็ควรระลึกได้ หรอื แลเห็นความสำคัญของตัวหนังสือ ซึ่งเราได้ พบอยู่ทุกวนั จนกลายเป็นสิ่งธรรมดานั้นเสยี กอ่ น” รัญจวน อินทรกำแหง และคณะ (2523 : 27-28) กล่าวถึง ความสำคัญของการอ่านหนังสือไว้ว่า “การอ่านหนังสือความจำเป็นต่อชีวิตของคนในยุคปัจจุบันย่ิงกว่ายุคที่ผ่านมา เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกที่หมุน เรว็ ท้ังในด้านวัตถุ วิทยาการ และแปรเปลย่ี นเร็ว ฉะนน้ั จึงจำเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องอา่ นหนังสือ เพื่อให้สามารถ ติดตามความเคลอื่ นไหว ความก้าวหน้า และความเปลย่ี นแปรทงั้ หลายไดท้ ันกาล”

17 สมถวลิ วเิ ศษสมบัติ (2528 : 73) ได้กล่าวถึงทักษะการอ่านไว้ สรุปได้ว่า การอ่านเป็นทักษะที่สำคัญ และใช้มากในชีวิตประจำวัน ผู้ที่มีนิสัยรักการอ่านและมีทักษะในการอ่านมีอัตราเร็วในการอ่านสูง ย่อมแสวงหา ความรู้และการศึกษาเล่าเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ท่ีได้จากการอ่านไปใช้ในการพูดและการ เขียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี ยุพร แสงทักษิณ (2531 : 1) กล่าวว่า “การอ่านหนังสือ เป็นเร่ืองจำเป็นสำหรับมนุษย์ การอ่านทำ ให้เราสามารถก้าวตามโลกได้ทัน เพราะโลกปัจจุบันนี้ไม่ได้หยุดน่ิง มีความก้าวหน้าเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ท้ังในด้านวัตถุ วทิ ยาการ ความคิด ฯลฯ ด้วยเหตุที่เราตอ้ งมคี วามสัมพนั ธก์ ับสงั คมและสงิ่ แวดล้อม เราจึงควรตอ้ ง ปรับตัวเราให้สอดคล้องไปด้วย มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นคนโง่ ล้าหลัง อาจประพฤติปฏิบัติผิด ๆ พลาด ๆ ก็ได้ ด้วยความรู้เทา่ ไม่ถึงการณ์” สุจรติ เพยี รชอบ และสายใจ อินทรมั พรรย์ (2538 : 136) กล่าวถึง ทกั ษะการอ่านไวว้ ่า “ทักษะการ อ่านเป็นทักษะที่สำคัญ และใช้มากในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นทักษะท่ีนักเรียนใช้แสวงหาสรรวิทยาการต่าง ๆ เพ่ือความบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจ ผู้ที่มีนิสัยรักการอ่านและ มีทักษะในการอ่าน มีอัตราเร็วในการ อา่ นสงู ย่อมแสวงหาความรู้ และศึกษาเล่าเรียนได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ท่ีได้จากการอ่านไปใช้ ในการพูดและการเขยี นได้เปน็ อย่างด”ี ซง่ึ สอดคล้องกับแนวคิดของ จินตนา ใบกาซูยี (2534 : 57) ที่กล่าวถงึ ความสำคัญของ การอ่าน มี ใจความโดยสรุปว่า การอ่านเป็นสิง่ จำเป็นสำหับชวี ิตปจั จุบนั ทง้ั ในด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้านการศกึ ษา หาความรู้เพอ่ื ประกอบอาชีพในอนาคต เป็นการพัฒนาความเจริญงอกงามทางสมองและปัญญา รวมท้ังเป็นการ พักผ่อนหยอ่ นใจจากชวี ิตประจำวัน อัมพร สุขเกษม (2542 : 1) ได้กล่าวถึง การอ่านหนังสือว่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต มนุษย์ และมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศด้วย เพราะการอ่านหนังสือช่วยให้ผู้อ่านรู้จักวิธีบำรุงรักษา สุขภาพของตน รู้จักวิธีการใหม่ ๆ สำหรับใช้พัฒนาอาชีพ ช่วยผ่อนคลายความเครียด มีความเพลิดเพลิน เกิด ความคิดสรา้ งสรรค์ เข้าใจความเคลื่อนไหวทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สามารถรับรู้และปรบั ตัวให้เข้ากับ ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งล้วนแต่เปน็ ประโยชน์ทง้ั สิน้ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และคณะ (2546 : 55-56) กลา่ วถงึ ความสำคญั ของการอ่านสรุปได้ ดงั น้ี 1. การอ่านเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะผู้ท่ีอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จำเป็นต้องอ่าน หนงั สอื เพื่อการศกึ ษาหาความรู้ตา่ ง ๆ 2. การอ่านเป็นเครอ่ื งมือช่วยให้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ เพราะสามารถนำความรู้ท่ีได้ จากการอ่านไปพฒั นางานของตนได้ 3. การอา่ นเป็นเคร่ืองมอื สืบทอดมรดกทางวฒั นธรรมของคนรุน่ หน่ึง ไปสูค่ นรนุ่ ตอ่ ๆ ไป 4. การอ่านเป็นวิธีการส่งเสริมให้คนมีความคิดอ่านและฉลาดรอบรู้ เพราะประสบการณ์ ท่ีได้จาก การอา่ น เมอื่ เกบ็ สะสมเพิ่มพนู นานวันเขา้ ก็จะทำให้เกดิ ความคดิ เกิดสติปญั ญา เป็นคนฉลาดรอบรไู้ ด้

18 5. การอ่านเป็นกจิ กรรมท่ีกอ่ ให้เกิดความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นวิธีหนึ่งในการแสวงหาความสุขให้กับ ตนเองทง่ี ่ายที่สดุ และไดป้ ระโยชนค์ ุม้ ค่าทส่ี ดุ 6. การอ่านเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์ท้ังด้านจิตใจและบุคลิกภาพ เพราะเมื่อ อา่ นยอ่ มรู้มาก สามารถนำความรู้ไปใชใ้ นการดำรงชีวิตได้อย่างมคี วามสขุ 7. การอา่ นเป็นเครือ่ งมือในการพฒั นาระบบการเมือง การปกครอง ศาสนา ประวตั ศิ าสตร์ และสังคม 8. การอา่ นเปน็ วิธกี ารหนึ่งในการพฒั นาระบบการส่อื สารและการใช้เครื่องมือทางอเิ ล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ กล่าวโดยสรุป การอ่านมีความสำคัญและจำเป็นอย่างย่ิงในสังคมปัจจุบัน เพราะเราต้องแสวงหาความรู้ ข้อมูลข่าวสาร การเคล่ือนไหวทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การอ่านส่งเสริมให้ผู้อ่านมีพัฒนาการใน ความรู้และความคิด มองโลกท่ีกว้างไกล เข้าใจปัญหาท่ีเกิดข้ึนในสังคมผ่านส่ือการสอน ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีจะช่วยให้ สามารถตัดสินใจไดอ้ ยา่ งถูกต้อง มีความเฉลยี วฉลาด สามารถประกอบอาชพี และเป็นพลเมืองท่ีดีของประเทศชาติ ได้ ความหมายของการอา่ น มีผใู้ ห้คำจำกัดความ ให้นยิ าม หรือให้ความหมายของการอ่านไว้ต่าง ๆ กัน ดงั น้ี พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 (2556 : 1405) ให้คำจำกัดความว่า “อ่าน ก. ว่า ตามตัวหนังสือ ; ถ้าออกเสียงด้วย เรียกว่า อ่านออกเสียง ถ้าไม่ต้องออกเสียง เรียกว่า อ่านในใจ ; สังเกต หรือพิจารณาดูเพ่ือใหเ้ ข้าใจ” เช่น อ่านสีหนา้ อ่านรมิ ฝีปาก อ่านในใจ ; ตีความ เช่น อ่านรหัส อา่ นลายแทง ; คิด, นับ (ไทยเดิม) ประทีป วาทกิ ทนิ กร และ สมพนั ธุ์ เลขะพันธ์ุ (2534 : 2) ให้ความหมายไวว้ า่ “การอา่ น คือ การรบั รู้ ขอ้ ความในข้อเขียนของตนเอง หรือของผู้อื่น รวมทงั้ การรับรู้เคร่ืองหมายสื่อสารต่าง ๆ” เช่น เครื่องหมายจราจร และเครอ่ื งหมายทแี่ สดงในแผนภมู ิ เป็นตน้ กุสุมา รักษมณี และ คณะ (2536 : 77) นิยามความหมายของการอ่านว่า “การอ่านเป็นพฤติกรรม การสนทนาโต้ตอบระหว่างผู้อ่านกับผู้เขียน โดยการส่ือสารผ่านสาร หรือข้อเขียนท่ีเรียบเรียงเป็นข้อความภาษา ซ่งึ มีรปู แบบและวตั ถปุ ระสงคแ์ ตกต่างกนั ไป แทนการพดู คุยกันโดยตรง” เปลื้อง ณ นคร (2538 : 14) การอ่าน (หนังสือ) คือ กระบวนการที่จะเข้าใจความหมาย ท่ีติดอยู่ กับตัวอักษรหรือตัวหนงั สอื พันธ์ุทิพา หลาบเลิศบุญ และ คณะ (2539 : 45) กล่าวว่า การอ่าน คือ การแปลความหมายของ ตัวอักษรออกมาเป็นความคิด และนำความคิดไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นหัวใจของการอ่านอยู่ที่การเข้าใจ ความหมายของคำ ศรีสุดา จริยากุล (2545 : 5) ให้ความหมายของการอ่านไว้ใน “ความเข้าใจท่ัวไปเกี่ยวกับการอ่าน” ว่า “การอ่าน คือ การรับรู้ความหมายของสารจากลายลักษณ์อักษร ซึ่งอาจจะเป็น การอ่านในลักษณะการ อ่านออกเสียง หรือการอา่ นในใจก็ได”้

19 ทพิ ยส์ ุเนตร อนัมบุตร (2551 : 5) ใหค้ ำจำกดั ความว่า การอ่าน คือ การรับสารในการใช้ภาษาไม่ว่าจะ เป็นภาษาใด ย่อมประกอบด้วย 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายส่ง > สาร > ฝ่ายรบั ฝา่ ยส่งสารย่อมส่งโดยการพูดหรือการเขยี น ฝ่ายรับสารจึงรับไดโ้ ดยการฟังหรอื การอ่าน นอกจากความหมายของการอ่านท่ีได้กล่าวมานี้แล้ว ยังมีนักการศึกษาผู้เช่ียวชาญด้านการสอนอ่านและ ดา้ นการอา่ นชาวตา่ งประเทศ ไดใ้ ห้ความหมายของการอ่านไว้ ดังตอ่ ไปน้ี อัลเฟรด สเตปเฟอรุด (Alfred Stefferud, 1953 : 84) ให้คำจำกัดความของการอ่านไว้ว่า เป็นการ กระทำทางจติ ใจ ทผ่ี ้อู า่ นยอมรับความหมายจากความคิดเหน็ ของบคุ คลอนื่ จอร์จ ดี. สปาช และ พอล ซี. เบิร์ก (George D. Spache and Paul C. Berg, 1955 : 3-4) กล่าวว่า การอ่าน เป็นการผสมผสานระหว่างทักษะหลายชนิด เพ่ือสร้างความเข้าใจ โดยเป็นไปตามจุดประสงค์ตาม ต้องการ และวิธีการของผอู้ า่ น พอล ดี. ลิดดี (Paul D. Leedy, 1965 : 3) ให้นิยามการอ่านไว้ว่า คือ การรวบรวมความคิดและ ตคี วามหมาย ตลอดจนประเมินคา่ ความคิดเหลา่ นั้นทปี่ รากฏอยตู่ ามสิ่งพิมพ์แต่ละหน้า เอดการ์ เดล (Edgar Dale, 1956 : 89) ให้ความหมายไวว้ ่า การอ่าน หมายถึง กระบวนการค้นหา ความหมายจากสิ่งพิมพ์ เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ของผู้อ่าน การอ่านไม่ได้หมายความเฉพาะการมองผ่านา แตล่ ะประโยค หรือแตล่ ะย่อหน้าเท่าน้ัน แต่ผอู้ า่ นตอ้ งเขา้ ใจความคดิ น้นั ๆ ด้วย มอร์ติเมอร์ เจ. แอดเลอร์ (Mortimer J. Adler, 1959 : 27) กล่าวว่า การอ่าน ห มายถึง กระบวนการตีความหมาย หรือสร้างความเข้าใจจากตัวอักษร หรือสัญลักษณ์อ่ืน ๆ ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น กระบวนการต่าง ๆ ท่กี อ่ ให้เกดิ ความเข้าใจน้ี เรยี กวา่ ศิลปะในการอ่าน กูดแมน (Goodman, 1970 : 5-11) ได้ให้คำจำกัดความของการอ่านว่า “การอ่านเป็นกระบวนการท่ี สลับซับซ้อนเกีย่ วกับการแสดงปฏิกิริยาร่วมกัน ระหว่างความคิดและภาษา เน่ืองจากผู้อ่านจะตอ้ งพยายามสร้าง ความหมายขึ้นจากตัวอักษร การอ่านจึงเป็นกระบวนการที่ต้องใชค้ วามคิดอยู่ตลอดเวลา ผอู้ ่านจะตอ้ งอาศัยการ พินิจพิจารณาสิ่งที่ปรากฏอยู่ในข้อความท่ีอ่าน เพื่อใช้เป็นเคร่ืองช่วยในการเลือกความหมายท่ีเหมาะสมที่สุดจาก เนื้อความทีอ่ า่ น จากคำจำกัดความนิยามดังกล่าวมาแล้ว อาจสรุปและเพิ่มเติมความหมายของการอ่านได้ว่า การอ่าน เป็นพฤติกรรมการสนทนาโต้ตอบระหวา่ งผู้อ่านกับผูเ้ ขยี น เปน็ กระบวนการของการรับร้แู ละเข้าใจสาระทเี่ ขยี นขึ้น เป็นการรวบรวมความคิด ตีความ ทำความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน เพื่อพัฒนาตนเองทั้งในด้านสติปัญญา อารมณ์ และ สังคม ประโยชน์ของการอา่ น หนังสอื ที่ดี ย่อมให้คุณค่าแก่ผู้อ่านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนงั สือทางวิชาการ หรือเร่ืองอ่านเล่น ทันทีท่ีหยิบ หนังสือขนึ้ มาอ่าน แม้จะเพียง 2-3 นาที ผู้อา่ นก็จะ “ได”้ ประโยชนไ์ มด่ ้านก็ด้านหนง่ึ เชน่ ประโยคทไ่ี พเราะ ประทับใจ มีข้อคิดซ่ึงอาจแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกอยู่นาแล้ว ประโยชน์ของ การอ่านมีหลายประการ ดังท่ี เทอื ก กุสมุ า ณ อยุธยา (2511 : 47) กลา่ วว่า การอา่ นหนังสือมปี ระโยชน์ ดงั นี้

20 1. ประโยชน์ในฐานท่ีเป็นวรรณคดี คือ ผู้อ่านได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดอารมณ์สะเทือน ใจ และความนึกฝนั ไปตามทอ้ งเรือ่ ง 2. ประโยชน์อันเกิดแก่ผู้เขียนเอง ได้แก่ การระบายอารมณ์ การแสดงความคิด การให้ทัศนะ หลกั เกณฑ์ชวี ิตแก่ผอู้ ่าน 3. ประโยชน์ในฐานที่เป็นเครื่องบันเทิง ทั้งยังมีการประยุกต์เป็นละครวิทยุ ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เปน็ ต้น 4. ประโยชน์ในด้านความรู้ เช่น สภาพความเป็นอยู่ ภูมิฐานสงา่ ของบ้านเมอื ง วัฒนธรรม ฯลฯ หรือ เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นสภาพชีวิตในเรื่องท่ีแต่งก็ได้ เช่น เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ จะทำให้ผู้อ่านทราบรายล เอียดของชวี ิตได้ดีกว่าหนงั สือประวตั ิศาสตร์ 5. ประโยชนใ์ นด้านภาษา ผูอ้ ่านจะได้รับรสไพเราะทางภาษา ที่รอ้ ยกรองไวอ้ ย่างประณีตบรรจงแล้ว 6. ประโยชน์ทางด้านคติธรรม เป็นเคร่อื งชำระจติ ใจผู้อ่าน ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ถ้าเป็นวรรณคดีท่ี ดี 7. ประโยชน์ทางการเมือง อาจทำให้การเมืองผันแปรได้ โดยผู้แต่งใช้นวนิยายเป็นส่ือคัดค้านความอ ยุติธรรม และทำใหผ้ ู้อา่ นเห็นดว้ ยได้ ฐะปะนยี ์ นาครทรรพ และ คณะ (2546 : 56-57) กลา่ วถงึ ประโยชน์ของการอ่าน สรปุ ได้ดงั นี้ 1. ทำให้มคี วามรู้ในวชิ าการด้านตา่ ง ๆ อาจเป็นความรทู้ ่วั ไป หรือความรู้เฉพาะด้านกไ็ ด้ 2. ทำให้รอบรู้ทันโลก ทันเหตกุ ารณ์ ซึง่ นอกจากจะทำให้รูท้ ันข่าวสารบ้านเมืองและสภาพการณ์ตา่ ง ๆ ในสมัยสังคมท้ังภายในและภายนอกประเทศแล้ว ยังจะได้ทราบข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง บทความวิจารณ์ ตลอดจนการโฆษณาสินค้าต่าง ๆ อีกด้วย ซ่ึงจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิง ในการปรับความเป็นอยู่ให้เหมาะสม สอดคล้องกบั สภาพสังคมของตนในขณะนั้น 3. ทำให้ค้นหาคำตอบที่ต้องการได้ การอ่านหนังสือจะช่วยตอบคำถามท่ีเราข้องใจ สงสัยต้องการรู้ได้ เช่น อา่ นพจนานุกรม เพื่อหาความหมายของคำ อ่านหนงั สอื กฎหมาย เพอ่ื ตอ้ งการร้ขู ้อปฏบิ ัติ เปน็ ตน้ 4. ทำให้เราเกิดความเพลิดเพลิน การอ่านหนังสือท่ีมีเน้ือหาดี น่าอ่าน น่าสนใจ ย่อมทำให้ผู้อ่านมี ความสุขความเพลิดเพลิน เกิดอารมณ์คล้องตามอารมณ์ของเร่ืองน้ัน ๆ ผ่อนคลายความตึงเครียด ได้ข้อคิด และ ยังเปน็ การยกระดบั จติ ใจผู้อ่านใหส้ ูงขึ้นได้อีกด้วย 5. ทำให้เกิดทักษะและพัฒนาการในการอ่าน ผู้ที่อ่านหนังสือสม่ำเสมอ ย่อมเกิดความชำนาญในการ อ่าน สามารถอ่านได้เร็ว เข้าใจเร่ืองราวที่อ่านได้ง่าย จังใจความได้ถูกต้อง เข้าใจประเด็นสำคัญของเรื่อง และ สามารถประเมนิ คุณค่าเร่ืองทีอ่ า่ นไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล 6. ทำให้ชีวิตมีพัฒนาการเป็นชีวิตท่ีสมบูรณ์ ผู้ที่อ่านมากย่อมรู้เร่ืองราวต่าง ๆ มาก เกิดความรู้ ความคิดท่ีหลากหลายกว้างไกล สามารถนำมาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนให้ชีวิต มีคุณค่าและมี ระเบยี บแบบแผนท่ีดีย่ิงขน้ึ

21 7. ทำให้เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีและเสริมสร้างบุคลิกภาพ ผู้อ่านมากย่อมรอบรู้มาก มีข้อมูลต่าง ๆ สั่งสมไว้มาก เมื่อสนทนากับผู้อื่นย่อมมีความมั่นใจไม่ขัดเขิน เพราะมีภูมิรู้ สามารถถ่ายทอดความรู้ ให้คำแนะนำ แกผ่ ู้อืน่ ในทางที่กอ่ ให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ ผู้รอบรู้จึงมักได้รบั การยอมรบั และเป็นที่เชือ่ ถือจากผ้อู ่ืน การอ่านหนังสือจะให้ประโยชน์มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการ “อ่านเป็น” ซึ่งจะต้องฝึก การอ่าน อย่างสม่ำเสมอจนเกิดความเข้าใจ ความซาบซึ้ง รู้จักวิเคราะห์ และเกิดความคิดจากการอ่านหนังสือ ซ่ึงถือว่า สำคัญมาก ดังที่ รัญจวน อินทรกำแหง (2518 : 36-37) กล่าวไว้ในวรรณกรรมวิจารณ์ ตอท่ี 2 ว่า “...การ อ่านหนังสือที่จะได้รับ “ค่า” ของหนังสือจริง ๆ นั้น ต้องอ่านให้ได้ “ความคิด” ท่ีแฝงอยู่เบ้ืองหลังตัวหนังสือ นัน้ มิฉะนน้ั แล้ว การอา่ นนนั้ ก็หาความหมายอันใดไม่ และกเ็ ปน็ ที่น่าเสียดายเวลาอันมีค่าท่ีจะเสยี ไปในการอ่าน น้นั ...” การอ่านที่จะให้ผู้เรียนเกิด “ความคิด” จากหนังสือที่อ่านก็โดยการที่ครูหรือผู้ปกครองช่วยช้ีแนะ หรือ ช่วยเลือกหนังสืออ่านให้เหมาะสมกับวัย เช่น เนื้อเรื่องเป็นเร่ืองราวท่ีอยู่ในความสนใจของเด็กตาวัยของเขา สำนวนภาษาท่ีเด็กในวยั นั้น ๆ จะเขา้ ใจได้ ตวั ละครเป็นบุคคลท่ีอยู่ในวัยเดยี วกนั หรือใกล้เคียงกัน ถ้าเปน็ เช่นนั้น เด็กจะเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก เปล้ือง ณ นคร (2538 : 16) ได้ยกคำของ จางจื้อ นกั ปราชญ์โบราณผู้มีช่ือเสียงของจีน มากล่าวไว้ใน “ศิลปะแห่งการอ่าน” ว่า “ถ้าในโลกนี้ไม่มหี นังสือก็แล้วไป เถดิ แต่เมอ่ื หนงั สือมีอยู่ในโลก เราก็ควรจะอา่ น” จุดม่งุ หมายในการอา่ น การอ่าน มีจุดประสงค์ที่กำหนดข้ึนตามความต้องการของผู้อ่าน ซ่ึงอาจต้องการศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพ่ือ ประโยชน์เชิงวิชาการ หรืออ่านเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ การอ่านของแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายแตกต่างกันออกไป อาจจำแนกไดก้ ว้าง ๆ ดังน้ี 1. อ่านเพ่ือหาความรู้หรอื เพ่ิมพูนความรู้ เปน็ ความรู้จากหนงั สือประเภทตำราทางวิชาการ สารคดที าง วิชาการ การวิจัยประเภทต่าง ๆ หรือการอ่านผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ การอ่านจากหนังสือท่ีมีสาระเดียวกัน ควร อ่านจากผู้เขียนหลาย ๆ คน เพ่ือเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง แม่นยำของเนื้อหา ผู้อ่านจะมีความรอบรู้ ได้ แนวคิดท่ีหลากหลาย การอ่านเพื่อศึกษาหาความร้นู ี้ เป็นการอ่านเพ่อื สั่งสมความรแู้ ละประสบการของผอู้ า่ น 2. อ่านเพ่ือให้ทราบข่าวสาร ความคิด เป็นการอ่านเพื่อให้ทราบข่าวสารความคิด เข้าใจแนวคิด ซึ่ง ได้แก่ การอ่านหนังสือประเภทบทวิจารณ์ข่าว รายงานการประชุม ผู้อ่านไม่เคยเลือกอ่านหนังสือที่สอดคล้องกับ ความคดิ และความชอบของตน ควรเลอื กอ่านอย่างหลากหลาย จะทำให้มมี ุมมอทกี่ ว้างข้ึน จะช่วยให้เรามีเหตุผล อน่ื ๆ มาประกอบการวจิ ารณ์ วิเคราะห์ ไดล้ ุม่ ลึกมากขนึ้ 3. อ่านเพ่ือความเพลิดเพลนิ หรือเพ่อื ความบันเทิง ความชื่นชม การอา่ นเป็นอาหารใจ ใหเ้ กดิ ความ บันเทิงใจ อ่านแล้วเกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน ที่ได้จากการอ่านหนังสือประเภทบันเทิงคดี เช่น นวนิยาย เร่ืองสั้น เรื่องแปล การ์ตูน หรืออ่านบทละคร อ่านบทกวีนิพนธ์ บทเพลง บทขำขัน เป็นต้น นอกจากจะ เพลิดเพลนิ ไปกับภาษาและเรือ่ งราวท่สี นุกสนานแลว้ ยงั ได้ความรู้ และคติข้อคิดควบคูไ่ ปด้วย

22 4. อา่ นเพ่ือพัฒนาวิจารณญาณและค่านิยม การอา่ นเพ่ือพัฒนาวิจารณญาณและคา่ นยิ ม จะเก่ียวข้อง กบั การพัฒนาทักษะการอ่านของนักเรียนในระดับท่ีสูงข้ึน และมีการเพ่ิมพูนมวลประสบการณ์ทางโลกและชีวิตที่ เจนจัดมากข้ึน นักเรียนจึงจะเข้าใจคติธรรมท่ีแทรกอยู่ในวรรณกรรมท่ีอ่าน ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่าง สมเหตุสมผล สามารถเลือกและประยุกต์ส่ิงท่ีมีคุณค่ามาพัฒนาตนเองให้เป็นทรัพยากรบุคคลท่ีมีคุณภาพ และ ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่า สามารถ รับใช้สังคมประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ตามกำลังสติปัญญาท่ี เพ่ิมพนู ข้ึน อนั สบื เน่ืองมาจากนักเรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ สภาพแวดล้อมของชีวิตในด้านที่เป็นสัจธรรมความ จรงิ สมบูรณ์ข้นึ (กุสุมา รักษมณี และคณะ, 2536 : 79) 5. การอ่านเพื่อกิจธุระหรือประโยชน์อ่ืน ๆ การอ่านเพ่ือกิจธุระอื่น ๆ นอกเหนือจากจุดมุ่งหมายท่ี กล่าวมาแล้ว เป็นการอ่านเพื่อประโยชน์เฉพาะกิจ เช่น อ่านแบบฟอร์มชนิดต่าง ๆ อ่านหนังสือสัญญาเงินกู้ จำนอง และซ้ือขาย อ่านใบสมัครและระเบียบการ อ่านคำส่ังและสญั ญาณบง่ บอกที่มคี วามหมายต่าง ๆ เป็นต้น เราถือว่าสารเหล่านี้จะมีแบบแผนและรายละเอียดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะองค์การ หรือเฉพาะสังคม ซึ่งการ ติดต่อส่ือสารในโลกปัจจุบัน เราไม่อาจหลีกเลี่ยงการอ่านส่ิงเหล่านี้ได้เลย หากอ่านผิดพลาดหรือไม่เข้าใจ วัตถปุ ระสงคท์ แี่ ทจ้ รงิ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหาย หรอื เสยี ผลประโยชน์ของเราได้ นอกจากนี้ ยังมีผู้อ่านหลายท่านที่นิยมอ่านหนังสือเพื่อเสริมโลกทรรศน์ของตนเอง ให้ทันสมัยรู้ทัน เหตุการณ์ความเคล่ือนไหวในสังคม เช่น นักธุรกิจ จำเป็นต้องอ่านบทความหรือข่าวเศรษฐกิจจากหนังสือพิมพ์ วารสาร แ ละนิตยสาร ทีเ่ กี่ยวข้องกับงานของตนอยู่ตลอดเวลา เพอ่ื เพิ่มพูนประสทิ ธภิ าพในการทำงาน และการ ตดั สินใจท่ีสอดคลอ้ งกับสถานการณ์ต่าง ๆ บางท่านสนใจอ่านติดตามข่าวสารการเมอื ง การปกครอง หรือประวัติ บคุ คล และบทบาทของเขาที่กำลังดำเนินอยู่ในสงคม เช่น ผู้นำประเทศ ผู้นำความคดิ ทางสังคม เพื่อประโยชน์ ในการสมาคมกับผู้อ่ืน จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเขาให้น่านิยมศรัทธามากย่ิงข้ึน เพราะเป็นผู้ที่มีโลกทรรศน์ ดีกวา่ ผู้ท่ไี มส่ นใจอา่ น หรอื ตดิ ตามเหตกุ ารณเ์ หล่าน้ีเลย กล่าวโดยสรุป จุดประสงค์ของการอ่านแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามความต้องการ ผู้อ่านจะกำหนด จุดประสงค์ของการอ่าน เพื่อตอบสนองความต้องการโดยเฉพาะของตนเอง การอ่าน แต่ละครั้งย่อม ก่อให้เกดิ ประโยชนแ์ กผ่ ู้อ่านท้ังส้ิน ข้อควรคำนงึ สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยเรียน คอื ควรใชว้ ิจารณญาณในการเลือกเรื่อง ที่จะอ่าน และรู้จักแยกแยะ นำสิ่งที่เป็นประโยชน์จากการอา่ นไปใช้ในการประอบกิจกรมทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับการดำเนิน ชีวิตในแต่ละด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจัดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ของการอ่านให้บรรลุ จดุ มุ่งหมายแต่ละข้อตามที่กล่าวมา ประเภทของการอา่ น การอ่านสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ทงั้ นี้ขน้ึ อยู่กับวา่ จะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้า หากพิจารณาการอ่านโดยดูจากจุดมุง่ หมายของผู้อ่านเป็นหลัก เราอาจจะแบ่งได้ ดังนี้ (อมั พร ทองใบ, 2540 : 18-19)

23 1. อ่านผ่าน ๆ หรืออ่านเอาเร่ือง ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับความสนใจของผู้อ่าน เช่น การพลิกตำราบางเล่ม เพื่อดูว่าเน้ือหาครอบคลุมเร่ืองท่ีจะค้นคว้าหรือไม่ อาจจะอ่านเพียงหัวเรื่องหรืออ่านหน้าสารบัญ หรืออ่านหน้า ผนวกท้ายเล่ม เป็นต้น 2. การอ่านในใจ เป็นการอา่ นเพ่อื เกบ็ ใจความและเพื่อทำความเข้าใจ เป็นการอา่ นเพ่ือแสวงหาความรู้ ความบันเทิงให้แก่ตนเอง ผู้อ่านจะต้องมีความรู้เก่ียวกับคำศัพท์ และสามารถเข้าใจเรื่องราวที่ได้อ่านโดยตลอด การอ่านหนังสอื เมื่ออ่านไปโดยตลอดก็พอจะเก็บใจความได้ว่า เร่ืองที่อ่านมีเนื้อหาเรอื่ งราวว่าอย่างไร หากมีบาง ตอนที่อาจจะไม่เข้าใจ เพราะเรอ่ื งทอ่ี า่ นนั้นยากเกินความรู้ของผู้อ่านทจ่ี ะทำความเข้าใจได้ ผ้อู ่านควรจะพยายาม เอาชนะดว้ ยการอ่านอยา่ งมีสมาธิ และรับรู้ความหมายทุกถ้อยคำจนเกิดความเขา้ ใจเนอ้ื เร่ืองได้ตลอด สอางค์ ดำเนนิ สวัสดิ์ และคณะ (2546 : 88) แบง่ ลักษณะการอ่านเป็น 5 ชนิด คือ 1. การอ่านอย่างคร่าว ๆ เป็นการอ่านเพ่ือสำรวจว่า ควรจะอ่านหนังสือเล่มน้ีอย่างละเอียดต่อไป หรือไม่ โดยอา่ นเพยี งช่อื เรื่อง หวั ข้อเร่ือง ชอื่ ผู้แต่ง คำนำ หรือการอา่ นเน้อื หาบางตอนโดยรวดเรว็ 2. การอ่านเพ่ือจับใจความสำคัญ เป็นการอ่านเพื่อเก็บแนวคิดที่ต้องการ และอ่านข้ามตอนท่ีไม่ ต้องการ 3. การอ่านเพ่ือสำรวจเน้ือหา เป็นการอ่านเพ่ือทำเป็นบนั ทึกย่อ หรือทบทวนเพ่ือสรุปสาระสำคัญของ เรือ่ งท้ังหมด 4. การอา่ นเพ่อื ศกึ ษาอย่างลึกซงึ้ เป็นการอ่านละเอียด เพ่อื ให้เข้าใจเรอื่ งที่อ่านอยา่ งชัดเจน 5. การอ่านเพ่ือวิเคราะห์และวิจารณ์ เป็นการอ่านละเอียด เพื่อวเิ คราะห์เนื้อหาว่ามีความหมายและมี ความสำคัญอย่างไร รวมทงั้ แสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผลเก่ยี วกับเรื่องท่อี ่าน การอ่านแต่ละชนิดมีจุดประสงค์ต่างกัน และใช้เนื้อหาต่างกัน ผู้อ่านควรพิจารณาว่า ใช้การอ่านใน ลักษณะใดบ้างในชีวติ ประจำวัน และพจิ ารณาวา่ ตนมปี ระสทิ ธิภาพในการอา่ นหรือไม่โดยใช้เกณฑ์ข้นั ตน้ ดังนี้ 1. เขา้ ใจรายละเอยี ดของเน้อื เรอื่ ง 2. จับใจความสำคัญของเรอื่ งได้ 3. สรุปความคิดหลกั ของเรอ่ื งได้ 4. ลำดบั ความคิดในเร่ืองได้ 5. คาดคะเนเหตุการณ์ท่ีไม่ปรากฏในเรื่อง หรอื เหตุการณท์ ี่จะเกดิ ข้นึ ต่อไปได้ นอกจากการเบ่งประเภทของการอ่าน ตามเกณฑ์ท่ีกล่าวมาแล้วน้ัน ยังมีการแบ่งประเภทท่ีแตกต่างกัน ไปอีก ดังเช่น สนุ ันทา มั่นเศรษฐวิทย์ (2551 : 17 : 20) ไดแ้ บง่ ประเภทของการอ่านไว้ 4 ประเภท แต่ละประเภทมี จดุ มุ่งหมายของการใช้ท่แี ตกตา่ งกนั ดังน้ี

24 1. การอ่านเคร่า ๆ จุดประสงค์ของการอ่านประเภทน้ี เพื่อค้นหาเอกสารอ้างอิงสำหรับใช้ในการ คน้ คว้า หรือการหาส่อใหม่ ๆ ในห้องสมุด นอกจากนั้นยังเป็นการค้นหาคำสำคัญที่เก่ยี วข้องกับเร่ืองใหม่ ๆ เพื่อ รวบรวมความคิดของผู้เขียน อีกท้ังยังใช้เพื่อการอ่านสันทนาการ ได้แก่ การอ่านวารสารบันเทิง การอ่าน เร่ืองราวต่าง ๆ ทใ่ี ห้ความสนุกสนานเพลดิ เพลิน วิธีการอ่าน ผู้อ่านจะใช้การเคล่ือนสายตาอย่างรวดเร็ว จากบรรทัดบนสุดสู่บรรทัดล่าง โดยข้ามคำ กลุ่มคำ และประโยคท่ไี ม่สำคัญ เพือ่ ตรวจดูเฉพาะหวั ขอ้ หรือคำสำคัญ หรือคำตอบตามที่ต้องการ โดยสังเกตคำ ท่ีขีดเสน้ ใต้ หรอื คำทเี่ ป็นตัวหนา 2. การอ่านเร็ว จุดประสงค์ของการอ่านเร็ว เพ่ือเป็นการทบทวนสารที่อ่าน อีกทั้งยังใช้เพ่ือการค้นหา แนวคิดหลักและแนวคิดย่อย เป็นการนำข้อมูลจากสารที่อ่านไปใช้ประโยชน์ การอ่านวิธีน้ียังใช้เพ่ืออ่านสารที่ทำ ให้เกดิ ความเพลิดเพลิน เชน่ การอ่านนิทาน นิยาย นวนิยาย และสื่อการอ่านอ่นื ๆ ที่ช่วยใหผ้ ูอ้ ่านได้รบั การผ่อน คลายทางจติ ใจ วิธีการอ่าน ผู้อา่ นจะเคลื่อนสายตาอย่างรวดเร็ว จากซ้ายไปขวา โดยไม่เคล่ือนใบหน้าเปน็ การอ่านที่ใช้ การเคล่ือนตาอย่างรวดเร็ว โดยการรับรู้เป็นคำ เป็นกลุ่มคำ หรือประโยคเป็นการอ่านท่ีเร่งรีบ เพื่อความเข้าใจ เรอื่ งราวโดยใช้เวลาทจี่ ำกดั 3. การอ่านปกติ จุดประสงค์ของการอ่านปกติ เพื่อค้นหาข้อมูลและตอบคำถามอาจใช้ในการทำ แบบฝึกหัด หรือการทำรายงาน อ่านแล้วจดบันทึกเพ่ือสรุปเนื้อเร่ืองแต่ละตอน เป็นการอ่านเพ่ือนำข้อมูลมาไข ปริศนา อ่านเพื่อคำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดหลักกับแนวคิดย่อย การอ่านปกติมักจะใช้กับการ อ่านสารท่ีมีความยากง่ายอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งหมายความว่า ผู้อ่านรู้จักคำท่ีอยู่ในสารมากกว่าร้อยละ 70 และอา่ นได้ 250 คำ/นาที ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ งร้อยละ 60 ขึ้นไป วิธีการอ่าน ผู้อ่านจะเคล่ือนสายตาจากซ้ายไปขวา โดยมิได้เร่งรีบ เพื่อรับรู้คำกลุ่มคำ ประโยค และ เรื่องทั้งหมด การอ่านปกติเป็นการอ่านโดยมิได้เร่งรัด แต่ต้องการความเข้าใจในเร่ืองราวโดยมิได้พลาดประเด็น สำคัญ และต้องการใหบ้ รรลุผลตามจุดประสงค์มากกวา่ ที่จะเนน้ ในเร่อื งของเวลา 4. การอ่านละเอียด จุดประสงค์ของการอ่านาเพ่ือตรวจรายละเอียดของเร่ืองในทุกประเด็น โดยไม่ พลาดความหมายของคำ กลุ่มคำ และประโยค นอกจากนั้นยงั เป็นการประเมนิ ค่าเร่ืองทอ่ี ่านเรยี งลำดับเหตกุ ารณ์ แ ละติดตามทิศทางของเรื่อง เพ่ือมิให้พลาดประเด็นสำคัญ สรุปเร่ืองด้วยภาษาของตนเอง รวมทั้งวิเคราะห์การ นำเสนอผลงานของผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง การอ่านวิธีนี้ยังใช้ประโยชน์ในการอ่านสารประเภทวรรณกรรมและ วรรณคดีอย่างละเอียด เพ่ือให้เกิดความเข้าใจและเกิดความซาบซึ้งในการใช้ภาษา การวิเคราะห์รูปแบบ ตลอดจนลักษณะของการใช้ภาษา คุณค่าทีไ่ ดร้ ับทางภาษาจำเปน็ ต้องใช้การอ่านอย่างละเอียดเช่นกัน วิธีการอ่าน ผู้อ่านจะเคลื่อนสายตา ผ่านทุกตัวอักษรของคำ กลุ่มคำ และประโยคทำความเข้าใจ ความหมายทั้งทางตรงและทางนัย เพ่ือให้ได้ข้อมูลตรงตามจุดประสงค์ท่ีต้องการ สารที่ใช้วิธีอ่านประเภทน้ี มักจะเป็นสารวิชาการ ใช้ภาษาที่ยากและมีเรื่องราวซับซ้อน ซ่ึงต้องใช้เวลาในการอ่านมากกว่าการอ่านประเภท อ่ืน ๆ เพราะตอ้ งการความละเอยี ดรอบคอบ

25 กล่าวโดยสรุป การอ่านเป็นการรับรู้ความหมายของสาร การอ่านมีความสำคัญเพราะเป็นเคร่ืองมือ แสวงหาความรู้และความบันเทิง ผู้อ่านแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายในการอ่านไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านเพ่ือ แสวงหาความรู้ บางคนชอบอ่านเพ่ือแสวงหาความบันเทิง และบางคนอ่านเพ่ือนำความรู้จากการอ่านไปใช้เพ่ือ ประโยชน์อื่น ๆ การแบ่งประเภทของการอ่าน สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไร เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา อาจแบง่ โดยพิจารณาจดุ มงุ่ หมายเป็นหลกั หรืออาจแบ่งโดยพจิ ารณาจากลักษณะการ อา่ นเป็นหลกั คือ การอ่านในใจ แลการอ่านออกเสียง โดยจะมีวิธีการอ่านแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามการ อ่านจะบรรลุจุดประสงค์ได้ ผู้อ่านควรมีจุดหมายในการอ่าน และเข้าวิธีที่จะอ่าน เพ่ือให้ได้ประโยชน์สมตาม ความมุ่งหมาย กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่าน กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจท่ีจะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ท้ังน้ี การ อ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเรา ได้เป็นอย่างดียิ่ง เม่ือคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความ เพลิดเพลิน การที่เด็กจะเกดิ ทักษะการอ่านหนังสือได้น้ันจำเป็นจะต้องอาศัยความรว่ มมือจากบุคคลหลายฝ่าย ทั้ง ครอบครวั โรงเรียนและชุมชน ในการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่านให้แก่เด็ก

26 กิจกรรมส่งเสริมการอ่านคอื การกระตุน้ ด้วยวิธกี ารต่างๆ เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่านสนใจการอา่ นจนกระท่ังมีนสิ ยั รกั การอ่าน และได้พัฒนาการอา่ นจนกระทั่งมีความสามารถในการอ่าน นำประโยชนจ์ าการอา่ นไปใช้ไดต้ รงตาม วัตถปุ ระสงค์ของการอา่ นทุกประเภท (ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์, 2542 : 93) กรมวชิ าการ (อ้างถึงใน ฉวีวรรณ คหู าภนิ ันทน์, 2542 : 93) ให้ความหมายว่า กิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่าน คือ การกระทำเพ่ือ 1. เรา้ ใจบุคคลหรือบุคคลที่เป็นเปา้ หมายใหเ้ กิดความอยากรู้ อยากอ่านหนงั สือ โดยเฉพาะหนงั สอื ที่มี คณุ ภาพ 2. เพื่อแนะนำชักชวนให้เกดิ ความพยายามทีจ่ ะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความร้จู ากหนงั สือไปใช้ ประโยชน์ เกดิ ความเข้าใจในเรอื่ งต่างๆ ดีขนึ้ 3. เพือ่ กระตุ้น แนะนำให้อยากรู้ อยากอา่ นหนังสือหลายอย่าง เปดิ ความคิดใหก้ ว้าง ให้มกี ารอ่านต่อเน่ือง จนเปน็ นิสัย พัฒนาการอ่านจนถึงขนั้ ท่ีสามารถวเิ คราะห์เรื่องที่อ่านได้ 4. เพื่อสรา้ งบรรยากาศทจ่ี ูงใจใหอ้ ่าน ดังนน้ั สามารถกลา่ วได้ว่า กจิ กรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึงกิจกรรมต่างๆที่ห้องสมดุ จัด ข้ึนเพื่อส่งเสรมิ ให้ เกิดการอา่ นอย่างต่อเน่ืองจนกระท่ังเปน็ นสิ ัยรักการอ่าน เช่น การเลา่ นทิ าน การเชิดห่นุ การแสดงละคร การ แนะนำหนงั สือทนี่ า่ สนใจ เปน็ ต้น ลกั ษณะของกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านที่ดี 1. เร้าความสนใจ เช่น การจดั นิทรรศการท่ีดึงดูความสนใจ การตอบปัญหา มีรางวลั ตา่ งๆ การใช้สือ่ เทคโนโลยีใหม่ๆเขา้ มาช่วย 2. จงู ใจให้อยากอา่ นและกระต้นุ ให้อยากอา่ น เช่น ข่าวที่กำลงั เป็นที่สนใจ หรือหวั ข้อเรื่องทีเ่ ป็นท่สี นใจ เชน่ การวิจยั การเตรยี มตัวสอบ การสมัครงาน เปน็ ตน้ 3. ไมใ่ ชเ้ วลานาน ความยากง่ายของกิจกรรมเหมาะสมกบั เพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เปน็ กิจกรรมท่ีมงุ่ ไปสู่หนงั สือ วสั ดกุ ารอ่าน โดยการนำหนังสอื หรอื วัสดกุ ารอา่ นมาแสดงทกุ ครัง้ 5. ให้ความสนุกสนานเพลดิ เพลิน แฝงการเรยี นร้ตู ามอัธยาศัยจากการรว่ มกจิ กรรมดว้ ย ความหมายและความสำคัญของห้องสมดุ

27 ห้องสมุดประชาชน หมายถงึ ห้องสมดุ ทีต่ งั้ ข้ึนเพ่อื ให้บริการแก่ประชาชน โดยไม่จำกดั เพศ วัย เชอื้ ชาติ ศาสนา และพืน้ ความรู้ ใหบ้ ริการสารสนเทศครบทกุ หมวดวชิ า และอาจมกี ารบริการบางเรอื่ งเปน็ พิเศษ ตามความต้องการของท้องถิ่น และจะจัดให้บริการแก่ประชาชนโดยไมค่ ดิ มลู ค่า บทบาทหน้าทขี่ องห้องสมุดประชาชน มี 3 ประเภท คือ 1. หนา้ ที่ทางการศกึ ษา หอ้ งสมดุ ประชาชนเปน็ แหล่งให้การศกึ ษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าท่ใี ห้ การศกึ ษาแก่ประชาชนท่ัวไป ทุกระดับการศึกษา 2. หน้าทท่ี างวัฒนธรรม หอ้ งสมดุ ปะชาชนเปน็ แหลง่ สะสมมรดกทางปญั ญาของมนุษย์ ท่ีถา่ ยทอดเปน็ วัฒนธรรมท้องถ่ิน ท่หี ้องสมุดตง้ั อยู่ 3. หนา้ ทที่ างสังคม ห้องสมดุ ประชาชนเปน็ สถาบันทางสังคมไดร้ บั เงินอดุ หนุนจากรฐั บาลและทอ้ งถนิ่ มา ดำเนนิ กจิ การ จงึ มหี น้าท่ี แสวงหาขา่ วสารขอ้ มูลทมี่ ีประโยชน์มาบรกิ ารประชาชน หอ้ งสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมีหนว่ ยงานต่างๆรับผิดชอบ ดังน้ี 1. หอ้ งสมดุ ประชาชนสังกดั กระทรวงศึกษาธิการ สงั กัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุด ประชาชนระดับจงั หวดั และระดบั อำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยงั ไดจ้ ัดท่อี ่านหนังสือประจำ หมู่บ้าน ทอ่ี ่านหนังสอื ในวดั และห้องสมุดเคลอ่ื นท่ี 2. หอ้ งสมุดประชาชน สงั กัดกรงุ เทพมหานคร มที ั้งหมด 12 แหง่ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี หอ้ งสมุดประชาชนซอยพระนาง ห้องสมดุ ประชาชนปทมุ วัน หอ้ งสมุดประชาชนอนงคาราม ห้องสมุดประชาชนวดั สงั ข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมดุ ประชาชนบางขนุ เทียน ห้องสมดุ ประชาชนวดั รชั ฎาธิษฐาน วรวิหารตล่ิงชัน หอ้ งสมุดประชาชนประเวช หอ้ งสมุดประชาชนวัดลาดปลาเคา้ หอ้ งสมดุ ประชาชนภาษเี จรญิ ห้องสมดุ ประชาชนวดั ราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณชิ ย์ เปน็ ห้องสมุดท่ีธนาคารพาณชิ ย์เปิดขน้ึ เพ่ือบริการสังคม และ เพอ่ื ประชาสัมพันธ์กจิ การของธนาคารใหเ้ ป็นทร่ี ้จู กั แพรห่ ลาย เช่น หอ้ งสมุดประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกัด 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลตา่ งประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรฐั บาลต่างประเทศ เชน่ หอ้ งสมดุ บรติ ิชเคาน์ซิล ของรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ท่ีตัง้ อยบู่ ริเวณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมดุ ประชาชนเสยี ค่าบำรงุ ห้องสมดุ ประชาชนประเภทนี้ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่าน้นั โดยผทู้ ี่ เปน็ สมาชกิ จะต้องเสยี คา่ บำรุงตามระเบียบของห้องสมดุ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมดุ นีลสนั เฮย์ ต้งั อยทู่ ถ่ี นนสุริวงศ์ กรงุ เทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของห้องสมสุดต่อสังคมในดา้ นตา่ ง ๆ 1. เป็นสถานท่เี พื่อสงวนรักษาและถา่ ยทอดวัฒนธรรม หอ้ งสมดุ เปน็ แหลง่ สะสมวิวัฒนาการของมนษุ ย์ ต้งั แต่อดีตจนถึงปจั จบุ นั ถ้าไม่มแี หลง่ คน้ คว้าประเภทหอ้ งสมดุ เปน็ ศนู ยก์ ลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสูญหายหรือ กระจัดกระจายไปตามท่ตี ่างๆ ยากแก่คนรุ่นหลังจะตดิ ตาม

28 2. เป็นสถานที่เพื่อการศึกษา คน้ คว้าวิจัย หอ้ งสมดุ ทำหน้าท่ีใหก้ ารศึกษาแกป่ ระชาชนทุกรปู แบบ ทั้งใน และนอกระบบการศึกษา เริ่มจากการศึกษาขน้ั พน้ื ฐานถงึ ระดบั สงู 3. เป็นสถานทส่ี รา้ งเสริมความคิดสร้างสรรคแ์ ละความจรรโลงใจ หอ้ งสมดุ มีหนา้ ท่ีรวบรวมและเลอื กสรร ทรพั ยากร สารสนเทศ เพื่อบริการแก่ผ้ใู ช้ ซ่ึงเปน็ สง่ิ ท่มี คี ุณค่าผใู้ ชไ้ ดค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกิดประโยชนแ์ กต่ นเองและสงั คมต่อไป 4. เป็นสถานทป่ี ลกู ฝังนสิ ัยรกั การอ่านและการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ ห้องสมดุ จะชว่ ยใหบ้ ุคคลสนใจในการอ่าน และรักการอา่ นจนเป็นนิสยั 5. เปน็ สถานที่ส่งเสริมการาใชเ้ วลาวา่ งในเปน็ ประโยชน์ หอ้ งสมุดเปน็ สถานท่รี วบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพื่อบรกิ ารแกผ่ ู้ใชต้ ามความสนใจและอา่ นเพื่อฆา่ เวลา อ่านเพือ่ ความเพลดิ เพลิน หรืออ่านเพ่ือ สาระบันเทิงได้ท้งั สิ้น นบั ว่าเป็นการพักผอ่ นอยา่ งมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เปน็ สถานที่สง่ เสรมิ ความเป็นประชาธิปไตย หอ้ งสมดุ เป็นสาธารณะสมบัติ มีส่วนส่งเสรมิ ใหบ้ ุคคลรูจ้ กั สิทธแิ ละหน้าทขี่ องพลเมือง กลา่ วคือ เมอ่ื มีสิทธใิ นการใชก้ ็ย่อมมสี ทิ ธใิ นการบำรงุ รักษารว่ มกันและให้ความรว่ มมอื กบั หอ้ งสมุดด้วยการปฏิบตั ิตามระเบยี บ แบบแผนของหอ้ งสมุด ความหมายของสื่อสิ่งพิมพ์ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถานไดใ้ ห้ความหมายคาท่ีเก่ียวกับ“สื่อสิ่งพมิ พ์”ไว้ว่า “สง่ิ พมิ พ์ หมายถึง สมุด แผ่นกระดาษ หรือวตั ถุใด ๆ ที่พิมพ์ข้ึน รวมตลอดท้ังบทเพลง แผนที่ แผนผงั แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบาย สี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิง่ อื่นใดอันมีลักษณะเชน่ เดยี วกัน” “ส่อื หมายถึง ก. ทาการตดิ ตอ่ ให้ถึงกนั ชักนาให้ รจู้ กั กัน น. ผูห้ รอื ส่ิงทท่ี าการติดตอ่ ให้ถึงกนั หรือชกั นาใหร้ ู้จกั กัน” “พิมพ์ หมายถงึ ก. ถ่ายแบบ, ใช้เครื่องจักรกด ตวั หนงั สือหรือภาพ เป็นตน้ ใหต้ ิดบนวตั ถุ เชน่ แผน่ กระดาษ ผา้ ทาใหเ้ ปน็ ตัวหนงั สือหรือรปู รอยอย่างใด ๆ โดย การกดหรือการใช้พมิ พ์หิน เคร่ืองกล วธิ เี คมี หรือวิธอี ื่นใด อนั อาจให้เกิดเปน็ สง่ิ พิมพ์ขึน้ หลายสาเนา น. รปู , รปู ร่าง, ร่างกาย, แบบ” ดงั น้ัน “ส่อื สง่ิ พมิ พ์” จึงมีความหมายว่า “ส่งิ ท่ีพิมพ์ข้นึ ไมว่ า่ จะเป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุ ใด ๆ ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ อนั เกิดเป็นช้นิ งานท่ีมีลกั ษณะเหมือน ตน้ ฉบบั ขนึ้ หลายสาเนาในปรมิ าณมากเพ่ือเปน็ ส่งิ ที่ ทาการตดิ ต่อ หรือชกั นาให้บคุ คลอืน่ ได้เหน็ หรือทราบ ขอ้ ความต่าง ๆ” สงิ่ พมิ พ์เพื่อการศึกษา หมายถึง สิ่งทพี่ ิมพ์ขึน้ ในรูปแบบต่างๆ ทง้ั หนงั สือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ท่ี ให้ความรู้ เนือ้ หาสาระทม่ี ปี ระโยชน์ เช่น หนังสือเรยี นภาษาไทย ป. 6 หรืออาจเปน็ ชุดภาพประกอบการศึกษา เช่น ภาพประกอบการศึกษาชดุ อาหารไทย เป็นตน้ และสามารถนามาใช้ในการศกึ ษาได้

29 ความเป็นมา ส่ิงพิมพ์ถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ีความสำคัญยิ่งควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็นสื่อมวลชน ประเภทหนึ่งท่ีมีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และเพื่อการติดต่อ สื่อสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสิทธ์ิ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและความสาคัญของ สิ่งพิมพ์ ว่า “สิ่งพิมพ์” นับเป็นวัสดุท่ีแสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวหน้าทางด้านสติปัญญา ของมนุษย์ ความคิด จินตนาการ เจตคติ ความฝัน ชีวิต วัฒนธรรม สังคม เหตุการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ของมนุษย์แต่ลายคุ สมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหน่ึงไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเรื่องการพิมพ์น้ีนอกเหนือจาก เพ่ือเป็น เคร่ืองมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตุการณ์ต่างๆ แล้วยังเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าชนชาติ ตา่ ง ๆ ในโลกนล้ี ้วนมีความพยายามท่จี ะพัฒนาความคิดของตนให้เจริญก้าวหน้าทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ความคิดใน เรอ่ื งการพิมพ์ท่ีมีจดุ ประสงค์เรมิ่ แรกก็คงเพื่อให้มกี ารแพร่หลายเร่ืองความคดิ ความรู้ ไปสู่ชนรุน่ หลัง และเพื่อให้มี หลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีนั้น ในยุคปัจจุบันชนรุ่นหลังได้สานต่อความคิดเรื่องการพิมพ์ จนกระทั่งกลายเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิตสิ่งพิมพ์ได้หลากหลายชนิดตอบสนอง วตั ถปุ ระสงค์ของมนษุ ยชาติได้กว้างขวางนอกเหนือจากสอื่ ส่งิ พมิ พ์จะเปน็ ส่ือมวลชนท่ีมคี วามเก่ยี วกันกบั มนุษยชาติ มานานนับพนั ๆ ปี และมีความเก่าแกก่ ว่าสอ่ื มวลชนประเภทอื่นไมว่ ่าจะเปน็ วิทยุกระจายเสียง วิทยโุ ทรทัศน์ หรือ อนิ เตอร์เน็ต ซง่ึ เป็นสื่อประเภทหน่ึงท่ีมีการใช้แพร่หลายไปทั่วโลกเช่นในปัจจุบันก็ตาม แต่สื่อส่ิงพิมพ์ก็ยังเป็นสอื่ ที่ มีการใช้อย่างแพร่หลายเป็นท่ีนิยมของทุกชนชาติมิได้ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อส่ิงพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญท่ีทาให้สื่อส่ิงพิมพ์ยังเป็นที่ นยิ มแพร่หลายมาโดยตลอด ก็เพราะบุคคลสามารถเลือกอา่ นไดต้ ามความเหมาะสม อีกทั้งยังใช้เป็นเอกสารอ้างอิง ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ประวตั กิ ารพิมพ์ในประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ ขึ้น และหลังจากนั้นหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เร่ิมด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการพิมพ์ ใน เมอื งไทย พ.ศ.2382 ไดพ้ ิมพเ์ อกสารทางราชการเปน็ ช้ินแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝิ่น ซงึ่ พระบาทสมเด็จพระ

30 น่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเม่ือวันที่ 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรก ข้ึน คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างส้ัน ออกเดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ได้พิมพ์หนังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซ้อื ลิขสิทธ์ิจาก หนังสือนิราศลอนดอนของหมอ่ มราโชทัยและ ไดเ้ ร่ิมตน้ การซ้ือขาย ลขิ สิทธิหน่ายในเมอื งไทย หมอบรัดเลยไ์ ดถ้ ึงแก่กรรมในเมืองไทยกิจการ การพิมพข์ องไทยจึง เริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากน้ันใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เคร่ืองพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นคร้ังแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเครื่องหล่อเรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แหง่ ประเทศไทยไดจ้ ัดโรงพิมพ์ธนบตั รในเมืองไทยข้นึ ใชเ้ อง ประเภทของส่ือสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา สื่อสิง่ พมิ พป์ ระเภทหนงั สือ 1. หนงั สือตำรา เป็นส่ือท่ีพิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเน้ือหาวิชาอย่างละเอียดชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรอื ภาพเขียนประกอบเพื่อเพ่ิมความสนใจของผู้เรียน หนังสือตารานี้อาจใช้เป็นสอ่ื การเรียนในวิชา นัน้ โดยตรงนอกเหนือจากการบรรยายในชั้นเรียน หรืออาจใช้เปน็ หนังสืออ่านประกอบหรือหนงั สืออา่ นเพ่ิมเติมก็ได้ การใชห้ นังสือในการเรียนการสอนนับวา่ มีประโยชน์แก่ผูเ้ รยี นทงั้ ในด้านการศึกษารายบุคคลเพอ่ื ให้ผู้เรียนสามารถ ใช้อา่ นในเวลาที่ตอ้ งการ และในดา้ นเศรษฐกจิ เน่ืองจากสามารถใชอ้ า่ นได้หลายคนและเก็บไวไ้ ด้เปน็ เวลานาน 2. แบบฝึกปฏบิ ัติ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนโดยมีเนื้อหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพื่อเป็นการเพ่ิมทักษะหรือ ทดสอบผู้เรียน อาจมีเนื้อหาในรูปแบบคาถามให้เลอื กคาตอบ หรือเป็นต้นแบบเพ่ือใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏิบตั ิตามโดยอาจ มรี ปู ประกอบเพอ่ื ให้เขา้ ใจได้งา่ ยยิ่งขนึ้ เช่น แบบคดั ตวั อักษร ก ไก่ เป็นต้น 3. พจนานุกรม เป็นหนังสือท่ีมเี นือ้ หาเปน็ คาศพั ท์และคาอธิบายความหมายของคาศัพท์ แตล่ ะคานั้น โดยการเรียงตามลา ดับจากอักษรตัวแจกถึงตัวสุดท้ายของภาษาท่ีต้องการจะอธิบาย คาศัพท์และคาอธิบายจะเป็นภาษาเดียวกันหรือ ต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธิบายเป็นภาษาไทย หรือทั้งคาศัพท์และคาอธิบายต่างก็เป็น ภาษาอังกฤษ เปน็ ต้น 4. สารานกุ รม เป็นหนงั สือท่ีพิมพ์ขึน้ เพ่อื อธบิ ายหวั ขอ้ หรือข้อความตา่ งๆ ตามลาดับของตวั อักษร เพอื่ ให้ผ้อู า่ นสามารถ คน้ คว้าเพ่ือความรู้และการอ้างอิง โดยมรี ูปภาพ แผนภมู ิ ฯลฯ ประกอบคาอธิบายให้ชดั เจนยิ่งข้ึน 5. หนังสอื ภาพและภาพชุดตา่ งๆ เปน็ หนังสอื ท่ีประกอบด้วยภาพต่างๆ ท่เี ปน็ เรือ่ งเดียวกันตลอดท้ังเล่ม สว่ นใหญ่จะเป็นหนังสือภาพที่พมิ พ์ สอดสีสวยงาม เหมาะแก่การเกบ็ ไวศ้ ึกษาหรือเป็นทร่ี ะลกึ เช่น หนังสือภาพชุดพระทน่ี ่ังวิมานเมฆ หรือหนังสือภาพ ชดุ ทศั นียภาพของประเทศตา่ งๆ เปน็ ต้น 6. วิทยานพิ นธแ์ ละรายงานการวิจัย

31 เปน็ สงิ่ พิมพท์ ่ีพิมพอ์ อกมาจานวนไม่มากนักเพอื่ เผยแพร่ไปยงั ห้องสมดุ สถาบนั การศึกษาต่างๆ หรือ หน่วยงานที่เกย่ี วข้องกับงานวจิ ัยนน้ั เพ่อื ใหผ้ สู้ นใจใชเ้ ป็นเอกสารคน้ ควา้ ข้อมลู หรือใชใ้ นการอา้ งองิ 7. ส่งิ พิมพ์ย่อส่วน (Microforms) หนังสือทเี่ ก่าหรือชารดุ หรือหนงั สอื พิมพท์ ี่มอี ยู่เป็นจานวนมากย่อมไมเ่ ป็นที่สะดวกในการเกบ็ รกั ษาไว้ จึง จำเป็นต้องหาวธิ เี กบ็ สงิ่ พิมพ์เหลา่ น้ีไว้โดยอาศัยลักษณะการย่อส่วนลงให้เหลือเลก็ ทสี่ ุดเทา่ ท่ีจะทาได้ เพื่อประหยัด เนื้อที่ในการเกบ็ รักษาและสามารถท่จี ะนำมาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มวี ิธีการต่างๆ โดยอาศยั เนื้อท่ใี นการเก็บรักษาและ สามารถทจี่ ะนามาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มีวธิ ีการต่างๆ โดยอาศยั เทคโนโลยใี นการทาสิง่ พิมพย์ ่อสว่ น ได้แก่ ก. ไมโครฟลิ ม์ (Microfilm) เปน็ การถ่ายหนังสือแตล่ ะหน้าลงบนมว้ นฟิลม์ ที่มีความกว้างขนาด 16 หรือ 35 มิลลเิ มตร โดยฟิล์ม 1 เฟรมจะ บรรจุหน้าหนังสอื ได้ 1-2 หน้าเรยี งตดิ ต่อกันไป หนังสือเล่มหนง่ึ จะสามารถบนั ทึกลงบนไมโครฟิล์มโดยใช้ความยาว ของฟิล์มเพียง 2-3 ฟุต ตามปกตจิ ะใช้ฟลิ ม์ 1 มว้ นตอ่ หนังสอื 1 เลม่ และบรรจมุ ว้ นฟลิ ม์ ลงในกล่องเล็กๆ กล่องละ มว้ นเมอื่ จะใช้อา่ นก็ใสฟ่ ลิ ์มเข้าในเครื่องอา่ นที่มจี อภาพหรอื จะอดั สาเนาหน้าใดก็ไดเ้ ชน่ กัน ข. ไมโครฟชิ (Microfiche) เป็นแผน่ ฟิล์มแข็งขนาด 4 x 6 นิ้ว สามารถบนั ทกึ ขอ้ ความจากหนังสอื โดยย่อเปน็ กรอบเลก็ ๆ หลายๆ กรอบ แผน่ ฟลิ ม์ นี้จะมเี นื้อทม่ี ากพอทจ่ี ะบรรจุหน้าหนังสอื ที่ย่อขนาดแล้วได้หลายร้อยหน้า ตัวอักษรทยี่ ่อจะมีสีขาวบนพื้น หน้าหนังสือสดี า สามารถอ่านไดโ้ ดยวางแผ่นฟลิ ม์ ลงบนเคร่ืองฉายท่ีขยายภาพใหไ้ ปปรากฏบนจอภาพสาหรบั อ่าน และจะอ่านหน้าใดก็ได้เลื่อนภาพไปมา และยงั สามารถนาไปพมิ พบ์ นกระดาษและอดั สาเนาไดด้ ้วย สอ่ื สิ่งพมิ พ์เพื่อเผยแพร่ขา่ วสาร – หนงั สอื พิมพ์ (Newspapers) เปน็ สอื่ ส่ิงพมิ พ์ท่ผี ลิตขนึ้ โดยนาเสนอเรือ่ งราว ขา่ วสารภาพและความ คดิ เหน็ ในลักษณะของแผน่ พิมพ์ แผ่นใหญ่ ท่ีใช้วิธีการพบั รวมกนั ซ่ึงสอื่ สงิ่ พมิ พ์ชนิดนี้ ได้พมิ พ์ออกเผยแพร่ทั้ง ลกั ษณะ หนังสอื พิมพ์รายวนั , รายสัปดาห์ และรายเดือน – วารสาร, นติ ยสาร เปน็ สื่อสงิ่ พิมพ์ทผี่ ลติ ขน้ึ โดยนาเสนอสาระ ข่าว ความบนั เทงิ ที่มีรูปแบบการนาเสนอ ทีโ่ ดดเด่น สะดุดตา และสร้างความสนใจให้กบั ผู้อ่าน ทั้งนี้การผลิตนัน้ มีการ กาหนดระยะเวลาการออกเผยแพร่ที่ แน่นอน ทงั้ ลกั ษณะวารสาร, นิตยสารรายปกั ษ์ (15 วนั ) และ รายเดอื น – จลุ สาร เป็นส่ือสง่ิ พิมพ์ที่ผลิตขึ้นแบบไมม่ ุง่ หวังผลกาไร เป็นแบบให้เปลา่ โดยให้ผู้อ่านได้ศกึ ษาหาความรู้ มกี าหนดการออกเผยแพรเ่ ป็นครั้ง ๆ หรอื ลาดบั ต่าง ๆ ในวาระพิเศษ แสดงเนื้อหาเปน็ ข้อความทผ่ี ู้อา่ น อ่านแล้ว เข้าใจง่าย สงิ่ พิมพ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์

32 เป็นสอื่ สิง่ พมิ พ์ท่ีผลติ ขึ้นเพ่ือใชง้ านในคอมพวิ เตอร์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็ ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เป็นต้น บทบาทของสอื่ ส่ิงพิมพ์เพื่อการศึกษา บทบาทของส่ือสงิ่ พิมพ์ในสถานศึกษา สื่อสงิ่ พิมพ์ถกู นาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาโดยทั่วไป ซง่ึ ทาให้ผเู้ รยี น ผู้สอนเขา้ ใจในเนื้อหามากข้นึ เช่น หนังสือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหดั สามารถพัฒนาได้เป็นเน้ือหาในระบบ เครือข่ายอนิ เตอร์เน็ตได้ แนวทางการประยุกต์ใชส้ อื่ สิ่งพิมพ์เพื่อการเรยี นการสอน หรอื การศึกษา การใชส้ ่ิงพิมพเ์ พ่อื การศึกษาในการเรยี น การสอนนัน้ จำแนกได้เปน็ 3 วิธี คือ 1. ใช้เปน็ แหล่งข้อมลู เกยี่ วกบั วิชาทเ่ี รียน 2. ใชเ้ ป็นวสั ดกุ ารเรียนร่วมกบั ส่ืออื่นๆ 3. ใช้เปน็ สื่อเสรมิ ในการเรยี นร้แู ละเพิ่มพนู ประสบการณ์ .จากวิธีการใช้ส่ิงพมิ พ์ท้ัง 3 วิธีนัน้ ผูส้ อนสามารถนาสิง่ พิมพท์ ้ังที่เป็นสง่ิ พิมพ์ทั่วไป หรือสิง่ พมิ พ์เพื่อการศกึ ษา โดยเฉพาะมาใช้ในการเรียนการสอนกไ็ ด้ ทง้ั น้โี ดยพจิ ารณาตามลกั ษณะของส่ิงพิมพแ์ ละลักษณะของการใช้ ดังนี้ 1. สิ่งพมิ พ์ทีเ่ ขยี นขึ้นในลักษณะของหนงั สือตารา ใชเ้ พื่อการศึกษาในระบบโรงเรียนตามหลักสูตร 2. สง่ิ พิมพ์ทีเ่ ขยี นขนึ้ ในลกั ษณะบทเรียนสาเร็จรปู เพื่องา่ ยต่อการศึกษาดว้ ยตนเอง เหมาะสาหรบั ใช้ใน การศกึ ษาทางไกลร่วมกับสือ่ อื่นๆ เชน่ โทรทัศน์ เทปเสียงสรปุ บทเรียน และการสอนเสริม เปน็ ตน้ 3. สง่ิ พิมพ์เสริมการเรยี นการสอน เช่น แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ คู่มอื เรียน ฯลฯ อาจใช้รว่ มกับส่อื บุคคลหรือ สอ่ื มวลชนประเภทอื่นๆ ได้ 4. ส่ิงพมิ พ์ทว่ั ๆ ไป เชน่ นติ ยสาร หนงั สือพมิ พ์ ฯลฯ ที่มีคอลัมนห์ รือบทความทใ่ี หป้ ระโยชน์ ผสู้ อนอาจแนะ นาให้ผเู้ รียนอ่านเพ่ือเพ่ิมพูนความรู้หรอื เพื่อนามาใช้อา้ งอิงประกอบการค้นควา้ • ส่ิงพมิ พ์ประเภทภาพชดุ เปน็ การให้ความรู้ทางรูปธรรมเพื่อใช้ในการเสรมิ สร้างประสบการณ์ ทาใหผ้ ู้เรียน เข้าใจเหตุการณ์เร่ืองราวหรอื สง่ิ ทเ่ี ปน็ นามธรรมไดช้ ดั เจนขึ้น เช่น ภาพชดุ ชวี ิตสัตว์ หรือภาพชุดพระราช พิธจี รดพระนังคัลแรกนาขวญั เปน็ ต้น (สานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, 9 กนั ยายน 2553)

33 ประโยชน์และคุณคา่ ของส่ือสิ่งพมิ พ์เพื่อการศึกษา 1. สือ่ สง่ิ พิมพส์ ามารถเก็บไว้ไดน้ าน สามารถนามาอา่ นซ้าแลว้ ซ้าอีกได้ 2. ส่อื สิง่ พมิ พ์เปน็ สอ่ื ท่มี ีราคาถูกเมื่อเทยี บกับส่อื อ่ืนๆ 3. สื่อส่ิงพิมพเ์ ป็นส่อื ท่ใี ชง้ า่ ย ไมย่ งุ่ ยาก 4. สื่อสง่ิ พมิ พเ์ ปน็ สอ่ื ที่จดั ทาไดง้ ่าย โดยครูผสู้ อนสามารถทาได้เองได้ มีวิธีทาทไี่ ม่ยงุ่ ยากซับซ้อน เชน่ ใบ งาน ใบความรู้ เป็นตน้ ข้อดแี ละข้อจากัดของส่ือส่ิงพิมพเ์ พื่อการศกึ ษา ข้อดี 1. สามารถอ่านซ้า ทบทวน หรอื อ้างอิงได้ 2. เปน็ การเรยี นรู้ทีด่ สี าหรบั ผู้ทส่ี นใจ 3. เปน็ การกระตุ้นให้คนไทยรักการอ่าน ข้อจำกัด 1. ผู้มีปญั หาทางสายตา หรือผสู้ ูงอายุอ่านไม่สะดวกในการใช้ 2. ขอ้ มูลไม่สามารถปรับปรงุ แกไ้ ขได้ทันทว่ งทไี ด้ 3. ผู้ไมร่ ูห้ นงั สอื ไมส่ ามารถเข้าถงึ ได้ ความหมายของส่ือออนไลน์ ความหมายของส่ือสังคมออนไลน์ สอื่ สังคมออนไลน์ หมายถึง สื่อดิจิทลั ทเ่ี ป็นเคร่ืองมือในการปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คม(Social Tool) เพื่อใช้ สื่อสารระหวา่ งกันในเครือข่ายทางสงั คม (Social Network) ผา่ นทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกตบ์ นส่อื ใดๆ ที่มี การเชื่อมต่อกับอนิ เทอรเ์ น็ต โดยเน้นใหผ้ ู้ใช้ทั้งทเ่ี ปน็ ผ้สู ่งสารและผรู้ บั สารมสี ว่ นร่วม (Collaborative) อยา่ ง สร้างสรรค์ ในการผลติ เนอื้ หาข้นึ เอง (User-GenerateContent:UGC) ในรปู ของข้อมลู ภาพและเสยี ง สำหรับในยคุ นี้ เราคงจะหลกี เลี่ยงหรือหนีคำวา่ Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่วา่ จะไปท่ีไหน ก็จะพบ เหน็ มันอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสยั วา่ “Social Media” มนั คืออะไรกันแน่ วนั นี้เราจะมารจู้ ัก ความหมายของมนั กนั ครบั คำว่า “Social” หมายถงึ สังคม ซึง่ ในท่นี ี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซ่งึ มขี นาดใหม่มากในปจั จุบัน คำวา่ “Media” หมายถงึ สอื่ ซง่ึ ก็คือ เน้ือหา เร่ืองราว บทความ วดี โี อ เพลง รปู ภาพ เป็นตน้ ดังน้ันคำวา่ Social Media จึงหมายถงึ สื่อสังคมออนไลน์ท่ีมีการตอบสนองทางสงั คมไดห้ ลายทศิ ทาง โดยผา่ นเครือขา่ ยอินเตอร์เนต็ พดู งา่ ยๆ ก็คือเว็บไซต์ทบ่ี ุคคลบนโลกนี้สามารถมปี ฏสิ ัมพันธ์โต้ ้ตอบกนั ไดน้ ัน่ เอง

34 พน้ื ฐานการเกดิ Social Media กม็ าจากความต้องการของมนษุ ย์หรือคนเราท่ตี ้องการติดต่อส่ือสารหรอื มี ปฏสิ มั พนั ธ์กัน จากเดิมเรามเี วบ็ ในยคุ 1.0 ซง่ึ ก็คือเวบ็ ทแี่ สดงเน้อื หาอยา่ งเดยี ว บุคคลแต่ละคนไมส่ ามารถตดิ ต่อ หรือโต้ตอบกันได้ แตเ่ มือ่ เทคโนโลยีเวบ็ พัฒนาเข้าสยู่ คุ 2.0 ก็มีการพฒั นาเว็บไซต์ท่เี รยี กวา่ web application ซง่ึ ก็คอื เว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรอื โปรแกรมต่างๆ ที่มาและความสำคญั ส่อื สังคมออนไลน์กลบั สง่ อทิ ธพิ ลลบต่อชวี ิตประจำวันและความสัมพนั ธข์ องคนในสังคมอย่างชดั เจนมาก ย่ิงข้ึนจนกลายเปน็ ประเด็นทางสงั คม ทท่ี ั้งสือ่ บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคญั ในการป้องกนั และแก้ไขปัญหาเหลา่ น้ี สอื่ สงั คมออนไลน์ใช้สอ่ื สารระหวา่ งกนั ในเครอื ข่ายทางสงั คม ผา่ นทางเวบ็ ไซต์และโปรแกรมประยกุ ตบ์ น ส่อื ใดๆ ทมี่ ีการเชือ่ มต่อกบั อินเทอร์เนต็ โดยเนน้ ใหผ้ ู้ใช้ท้ังทเี่ ปน็ ผูส้ ง่ สารและผู้รบั สารมสี ่วนร่วม อยา่ งสรา้ งสรรค์ ในการผลิตเนอื้ หาขึน้ ในรูปของข้อมลู ภาพ และเสยี ง ท้ังนกี้ ารใชส้ ื่อออนไลน์ตา่ งๆ กต็ อ้ งอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เล่นในประมาณทพ่ี อเหมาะเพือ่ เป็นผลดีต่อสายตาและรา่ งกาย ประเภทส่อื สังคมออนไลน์ ประเภทของสือ่ สงั คมออนไลน์ มีดว้ ยกันหลายชนิด ขน้ึ อยู่กับลักษณะของการนำมาใช้โดยสามารถแบง่ เปน็ กลุม่ หลกั ดงั น้ี 1. Weblogs หรอื เรียกสั้นๆ วา่ Blogs คือ ส่อื ส่วนบุคคลบนอนิ เทอร์เนต็ ที่ใชเ้ ผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสาร ความรู้ ขอ้ คิดเหน็ บันทกึ ส่วนตัว โดยสามารถแบง่ ปันให้บคุ คลอน่ื ๆ โดยผู้รับสารสามารถเขา้ ไปอ่าน หรอื แสดงความ คิดเห็นเพิ่มเตมิ ได้ ซ่งึ การแสดงเน้อื หาของบล็อกน้ันจะเรยี งลำดับจากเนอ้ื หาใหม่ไปสเู่ น้ือหาเก่า ผู้เขียนและผู้อา่ น สามารถค้นหาเนื้อหาย้อนหลงั เพ่อื อา่ นและแก้ไขเพ่ิมเตมิ ได้ตลอดเวลา เชน่ Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรือเครือขา่ ยทางสงั คมในอินเทอรเ์ นต็ ซง่ึ เป็นเครือขา่ ยทางสงั คมที่ใช้สำหรบั เชือ่ มต่อ ระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล เพื่อใหเ้ กิดเป็นกลุ่มสงั คม(Social Community) เพ่อื รว่ มกันแลกเปลยี่ นและแบ่งปนั ขอ้ มลู ระหว่างกันทั้งดา้ นธรุ กจิ การเมอื ง การศึกษา เชน่ Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรอื ท่เี รยี กกันวา่ “บลอ็ กจ๋วิ ” ซึง่ เปน็ เวบ็ เซอรว์ ิสหรอื เวบ็ ไซต์ที่ ให้บริการแก่บุคคลทวั่ ไปสำหรับใหผ้ ูใ้ ช้บรกิ ารเขยี นข้อความสน้ั ๆ ประมาณ 140 ตวั อักษรที่ เรยี กว่า “Status” หรอื “Notice” เพอ่ื แสดงสถานะของตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่หรือแจ้งข่าวสารต่างๆแก่กลมุ่ เพ่ือนในสงั คมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ท้ังนีก้ ารกำหนดใหใ้ ชข้ ้อมูลในรปู ขอ้ ความ สนั้ ๆ ก็เพื่อให้ผู้ใชท้ เี่ ป็นท้ังผเู้ ขียนและผอู้ ่านเข้าใจง่าย ทน่ี ิยมใช้กนั อยา่ งแพร่หลายคอื Twitter 4. Online Video เป็นเวบ็ ไซต์ท่ีให้บรกิ ารวดิ โี อออนไลน์โดยไม่เสียค่าใชจ้ ่าย ซ่ึงปัจจุบนั ไดร้ บั ความนิยมอย่าง

35 แพรห่ ลายและขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ เนื่องจากเนื้อหาทีน่ ำเสนอในวิดีโอออนไลนไ์ ม่ถกู จำกัดโดยผังรายการท่ี แนน่ อนและตายตัวทำใหผ้ ู้ใช้บรกิ ารสามารถติดตามชมไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องเพราะไม่มีโฆษณาค่นั รวมทั้งผใู้ ช้สามารถ เลือกชมเนื้อหาได้ตามความต้องการและยงั สามารถเช่ือมโยงไปยังเว็บวดิ ีโออน่ื ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องไดจ้ ำนวนมากอีกด้วย เชน่ Youtube, MSN, Yahoo 5. Poto Sharing เปน็ เว็บไซตท์ ี่เน้นใหบ้ ริการฝากรปู ภาพโดยผูใ้ ช้บริการสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลด รปู ภาพเพื่อนำมาใชง้ านได้ ที่สำคญั นอกเหนือจากผ้ใู ชบ้ รกิ ารจะมโี อกาสแบ่งปนั รูปภาพแล้ว ยังสามารถใช้เปน็ พ้นื ทเ่ี พ่ือเสนอขายภาพที่ตนเองนำเข้าไปฝากได้อกี ดว้ ย เช่น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเวบ็ ไซตท์ ีม่ ีลกั ษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge)ซง่ึ ผ้เู ขยี นส่วนใหญ่อาจจะ เป็นนกั วิชาการ นักวชิ าชีพหรือผู้เชยี่ วชาญเฉพาะทางดา้ นต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม ซง่ึ ผู้ใช้ สามารถเขยี นหรือแก้ไขข้อมูลได้อยา่ งอสิ ระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสรา้ งโลกจนิ ตนาการโดยจำลองส่วนหนง่ึ ของชวี ติ ลงไป จดั เป็นส่ือสงั คมออนไลน์ที่ บรรดาผู้ท่องโลกไซเบอรใ์ ชเ้ พื่อสือ่ สารระหว่างกันบนอนิ เทอร์เน็ตในลกั ษณะโลกเสมอื นจริง (Virtual Reality) ซ่ึงผู้ ท่ีจะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษทั หรอื องค์การด้านธุรกจิ ด้านการศกึ ษา รวมถึงองค์การด้านสื่อ เช่น สำนักข่าว รอยเตอร์ สำนักขา่ วซเี อน็ เอ็น ตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้ือพื้นที่เพอ่ื ให้บุคคลในบริษทั หรือองค์กรได้มชี ่องทางใน การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลมุ่ เครือข่ายผู้ใชส้ ่ือออนไลน์ ซึ่งอาจจะเปน็ กลุ่ม ลกู ค้าท้งั หลกั และรองหรอื ผู้ท่ี เก่ยี วข้องกบั ธรุ กิจ ของบริษัท หรอื องค์การก็ได้ ปัจจุบนั เว็บไซต์ทใ่ี ช้หลัก Virtual Worlds ทป่ี ระสบผลสำเร็จและ มีช่อื เสยี ง คอื Second life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เปน็ หลกั การขอความ รว่ มมือจากบุคคลในเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรูปของเว็บไซตท์ ี่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหา คำตอบและวิธีการแกป้ ัญหาต่างๆท้ังทางธรุ กิจ การศึกษา รวมทัง้ การสอ่ื สาร โดยอาจจะเป็นการดึงความรว่ มมือ จากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจสอบขอ้ มลู เสนอความคิดเหน็ หรอื ให้ขอ้ เสนอแนะ กลมุ่ คนท่ีเขา้ มาใหข้ ้อมูล อาจจะเปน็ ประชาชนทัว่ ไปหรือผมู้ คี วามเช่ียวชาญเฉพาะดา้ นทอี่ ยู่ในภาคธรุ กจิ หรอื แมแ้ ต่ในสังคมนักขา่ ว ข้อดีของ การใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคดิ เพ่ือนำ ไปสู่การแก้ปัญหาที่มี ประสทิ ธิภาพ ตลอดจนชว่ ยตรวจสอบหรือคดั กรองขอ้ มูลซ่ึงเป็นปัญหาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting หรอื Podcast มาจากการรวมตวั ของสองคำ คือ “Pod” กบั “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรอื PersonalOn - Demand คือ อุปสงคห์ รือความต้องการส่วนบุคคล สว่ น “Broadcasting” เป็นการนำส่ือตา่ งๆ มารวมกนั ในรูปของภาพและเสยี ง หรอื อาจกลา่ วงา่ ยๆ Podcast คอื การ บนั ทกึ ภาพและเสียงแลว้ นำมาไวใ้ นเว็บเพจ (Web Page) เพื่อเผยแพรใ่ ห้บุคคลภายนอก (The public in general) ทีส่ นใจดาวน์โหลดเพื่อนำไปใช้งาน เชน่ Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดทผี่ ใู้ ชอ้ ินเทอรเ์ นต็ สามารถแสดงความคิดเห็น โดยอาจจะ

36 เกีย่ วกับ สินค้าหรอื บริการ ประเดน็ สาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เชน่ Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp ประโยชน์ของ Social networks เครือขา่ ยสังคมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปลย่ี นข้อมูลความรูใ้ นสิ่งท่สี นใจรว่ มกนั ได้ 2. เปน็ คลังข้อมลู ความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเหน็ แลกเปลี่ยนความรู้ หรอื ต้ัง คาถามในเร่ืองตา่ งๆ เพ่ือให้บุคคลอื่นทสี่ นใจหรอื มีคาตอบไดช้ ว่ ยกันตอบ 3. ประหยัดค่าใช้จา่ ยในการติดตอ่ ส่อื สารกบั คนอ่ืน สะดวกและรวดเรว็ 4. เปน็ ส่อื ในการนำเสนอผลงานของตวั เอง เชน่ งานเขยี น รปู ภาพ วดี โิ อต่างๆ เพื่อให้ผอู้ น่ื ไดเ้ ข้ามารบั ชมและ แสดงความคดิ เหน็ 5. ใชเ้ ป็นสอ่ื ในการโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ หรอื บริการลกู ค้าสาหรบั บรษิ ัทและองค์กรตา่ งๆ ช่วยสร้างความ เชือ่ ม่ันให้ลูกค้า 6. ชว่ ยสรา้ งผลงานและรายไดใ้ หแ้ กผ่ ้ใู ชง้ าน เกิดการจ้างงานแบบใหมๆ่ ขึ้น 7. คลายเครียดได้สำหรับผใู้ ช้ท่ตี ้องการหาเพื่อนคยุ เล่นสนกุ ๆ 8. สร้างความสมั พันธ์ทด่ี ีจากเพื่อนสู่เพ่ือนได้

37 บทท่ี 3 วธิ กี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วิธีการดำเนนิ งาน ขั้นเตรียมการ เพื่อจัดประชมุ ครูและบุคลากรทางการศึกษา - ชีแ้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอียดโครงการ - ชี้แจงแนวทางในการดำเนินโครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนินการเพอ่ื อนุมตั ิ - แตง่ ต้งั กรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรยี บร้อย ประกอบด้วย 1.1 นายสมประสงค์ นอ้ ยจนั ทร์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรียงฤทธิ์ เดตะอุด ครู กรรมการ 1.3 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ 2. ฝา่ ยติดต่อประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานท่ีจัดการจัดกิจกรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอษุ า ย่ิงสกุ ครู ศรช.

38 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบิกจา่ ยพสั ดุ และการเงินตามโครงการใหถ้ กู ตอ้ งเรยี บร้อยและทันต่อเวลาประกอบดว้ ย 3.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 3.3 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 4. ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์ มหี นา้ ที่ ส่งข่าวประชาสัมพนั ธ์ ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 4.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวนิ สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรียงไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณัฐชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 4.12 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จดั การงานท่ัวไป 5. ฝา่ ยจดั กจิ กรรม มหี นา้ ที่จดั กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านและการเรียนรู้ วทิ ยากรการจดั กระบวนการเรียนรู้ จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และสื่อออนไลน์ สื่อการ เรียนการสอน เกม และกจิ กรรมนนั ทนาการ ดังน้ี 5.1 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 5.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ 5.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.5 นางลาวนิ สีเหลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล

39 5.10 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.11 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.13 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.14 นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปญั ญา ครู ศรช. 5.15 นายปัณณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.16 นางสาวอุษา ย่ิงสุก ครู ศรช. 5.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ครู ศรช. 5.18 นางสาวเยาวดี โสดา นักจัดการงานทว่ั ไป 6. ฝ่ายรบั ลงลงทะเบยี น ใหก้ รรมการมหี นา้ ทจี่ ัดเตรยี มเอกสารสำหรบั การลงทะเบยี น และรบั ลงทะเบยี น ผ้เู ข้ารว่ มโครงการ ดังนี้ 6.1 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 6.2 นางสาวกัญญาณัฐ จนั ปญั ญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพงึ พอใจ ประเมนิ ผลการดำเนินงาน ประเมินความพึงพอใจ ปญั หา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะ และจดั ทำรายงานผลการดำเนินงานหลังเสรจ็ สิน้ โครงการ ดังน้ี 7.1 นางวารี ชูบัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 7.2 นางสาวอุษา ยง่ิ สุก ครู ศรช. 7.3 นางสาวกัญญาณัฐ จนั ปัญญา ครู ศรช.

2. ข้ันดำเนนิ การ กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ ก 1. ข้ันเตรียมการ กลมุ่ เปา้ หมาย 2. ประชมุ กรรมการ เพอื่ จัดประชมุ ครูและบคุ ลากรทางการ ครูและบคุ ลากร ช ดำเนินงาน 3. จัดเตรียมเอกสาร ศึกษา กศน. อำเภอชนแดน ว วัสดุ อปุ กรณ์ในการ ดำเนนิ โครงการ - ชแ้ี จงทำความเข้าใจรายละเอียด จำนวน 21 คน โครงการ - ชแี้ จงแนวทางในการดำเนินโครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนินการ เพ่ืออนมุ ัติ - แต่งตัง้ กรรมการดำเนินงานตาม โครงการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครแู ละบคุ ลากร ช ดำเนนิ งานทุกฝ่ายในการจดั กิจกรรม กศน. อำเภอชนแดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน 21 คน เพือ่ ดำเนนิ การจัดทำ จดั ซอื้ วัสดอุ ปุ กรณ์ กรรมการฝ่ายท่ีได้รบั ทใ่ี ช้ในการดำเนินการ มอบหมาย

40 กลุ่มเป้าหมาย พืน้ ทดี่ ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) กศน. อำเภอ เม.ย.65 - ชแี้ จงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชแ้ี จงวตั ถปุ ระสงค์ บทบาทหนา้ ท่ี กศน. อำเภอ เม.ย.65 - ของกรรมการดำเนนิ งานโครงการ ชนแดน เม.ย.65 - จดั ซ้ือวัสดอุ ปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ชนแดน

กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ ก ๔. ดำเนินการจัด กลมุ่ เป้าหมาย กจิ กรรม เพอื่ ดำเนนิ การปรบั ปรงุ ภูมิทัศนห์ อ้ งสมุด ให้ 1.หอ้ งสมุดประชาชน ห 5. สรปุ /ประเมนิ ผล และรายงานผล เป็นCo-Learning Space แหล่งเรยี นร้ขู อง อำเภอชนแดน ไ โครงการ คนในชุมชน จำนวน 1 แห่ง เ ๑. กจิ กรรมรักการอ่านผ่านสื่อออนไลน์ 2. นักเรียน นกั ศกึ ษา ข ๒. กจิ กรรมวนั รักการอ่าน และประชาชนทว่ั ไป ช ๓. กจิ กรรมวันสำคัญตา่ งๆ จำนวน 247 คน ต ๔. กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่านและการเรยี นรู้ สำหรบั นักศกึ ษา กศน. เพอ่ื ให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเก็บ ตามกระบวนการ ส รวบรวมขอ้ มูลและดำเนนิ การประเมินผล ประเมินโครงการ การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เลม่

41 กลุ่มเปา้ หมาย พืน้ ทด่ี ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) ห้องสมุดประชาชน เม.ย. ถงึ - ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน อำเภอชนแดน ก.ย.65 ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์ห้องสมุด ให้ เป็นCo-Learning Space แหล่งเรียนรู้ ของคนในชมุ ชน เปน็ แหลง่ เรยี นร้ตู ลอด ชีวิต พร้อมให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมาย ตา่ งๆ สรุปรายงานผลการดำเนนิ งาน กศน. อำเภอ ก.ย.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน

42 3. ข้ันสรปุ การจัดกจิ กรรม 1. ดัชนีวัดผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 1.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ( outcome ) นักเรียน มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดขี น้ึ 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook