บันทึกข้อความ สว่ นราชการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอชนแดน ท่ี ศธ ๐๒๑๐.๕๔๐๓/ วนั ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๔ เร่อื ง สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิงานโครงการสง่ เสริมการเรยี นรูส้ ำหรบั นกั เรยี น นักศึกษาและประชาชน กิจกรรมวนั รกั การอา่ น เรยี น ผอู้ ำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ตามท่ี ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษาและประชาชน กิจกรรมวันรักการอ่าน ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๔ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทวั่ ไป ไดศ้ ึกษาค้นควา้ เพมิ่ เติมด้วยตนเอง และรูจ้ ักแหล่งขอ้ มลู วิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ ถูกต้องและรวดเร็ว การประชาสัมพันธ์กิจกรรม และสามารถรับบริการต่างๆ ของห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนได้ ส่งเสริมให้มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น บัดนี้โครงการ ดงั กลา่ วไดด้ ำเนนิ การเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จงึ ขอสรปุ ผลการปฏิบัติงานโครงการดงั กล่าวรายละเอียดตาม เอกสารที่แนบมาพรอ้ มนี้ จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ นางวารี ชบู ัว บรรณารักษช์ ำนาญการ
คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนินการจัดทำโครงการสง่ เสรมิ การเรียนรู้สำหรับนักเรียนนักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมวันรกั การอ่าน ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๔ เพ่อื ส่งเสริมใหน้ ักเรียน นกั ศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเอง และรู้จักแหล่งข้อมูล วิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว การ ประชาสัมพันธ์กิจกรรม และสามารถรับบริการต่างๆ ของห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้ ส่งเสริมให้มี นสิ ัยรกั การอ่านนำไปสกู่ ารเรยี นรู้ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ให้ดขี ้ึน นั้น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครง้ั ต่อไป ผู้จัดทำ เมษายน 2564
สารบัญ หนา้ 1-9 บทท่ี 1 บทนำ 10 - 25 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ กี่ยวข้อง 26 - 34 บทที่ 3 วิธดี ำเนินการตามโครงการ 35 - 39 บทที่ 4 ผลการดำเนนิ การตามโครงการ 40 - 42 บทท่ี 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รูปภาพ รายชื่อผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม แบบประเมนิ ความพึงพอใจ คำส่งั โครงการ คณะผู้จัดทำ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชอ่ื โครงการ โครงการจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศยั กจิ กรรมท่ี 2 โครงการสง่ เสริมการเรียนรู้สำหรบั นักศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมวันรกั การอา่ น 2. สอดคลอ้ งกับยทุ ธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ดา้ นการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพือ่ พฒั นาคนในทุกมติ ิและในทุกชว่ งวัยใหเ้ ปน็ คนดี เก่งและมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารี มวี ินัย รักษาศลี ธรรม และเปน็ พลเมืองดีของชาติ มหี ลกั คิดทีถ่ กู ต้อง มีทักษะท่ีจา่ เปน็ ในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสือ่ สารภาษาองั กฤษและภาษาท่ี 3และอนุรกั ษ์ภาษาท้องถิ่น มนี ิสัยรักการเรียนรู้และการพฒั นาตนเองอย่าง ต่อเนือ่ งตลอดชีวติ สูก่ ารเปน็ คนไทยท่มี ที กั ษะสงู เปน็ นวตั กร นกั คิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอ่ืน ๆ โดย มสี ัมมาชพี ตามความถนัดของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย (1) ช่วงการตั้งครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัย เรียน/วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสรมิ ใหผ้ สู้ งู อายุเป็นพลงั ในการขับเคล่ือนประเทศ ประเดน็ ท่ี 6 การสรา้ งสภาพแวดล้อมทเ่ี อื้อต่อการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก หอ้ งเรยี น และ (4) การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลเพื่อการพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ สอดคล้องกบั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 การเสรมิ สรา้ งและพัฒนาศักยภาพทุนมนษุ ย์ 3.1 ปรบั เปลย่ี นคา่ นิยมคนไทยให้มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มวี ินัย จิตสาธารณะ และพฤตกิ รรม ทพี่ ึงประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุข อยา่ งจริงจัง 3.2 พัฒนาศกั ยภาพคนใหม้ ที กั ษะความรู้และความสามารถในการดำรงชีวิตอยา่ งมคี ุณคา่
2 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มที ักษะการทำงานและการใชช้ ีวติ ทพี่ ร้อมเข้าสูต่ ลาดงาน 3.3 ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ 3.3.6 จัดทำสื่อการเรียนรู้ที่เป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสามารถใช้งานผ่านระบบอุปกรณ์สื่อสาร เคลอื่ นที่ ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลิตหนงั สอื ส่อื การอา่ นและการเรยี นรทู้ มี่ ีคุณภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ ห้องสมดุ โบราณสถาน อุทยานประวตั ิศาสตร์ โรงเรียนผู้สงู อายุ รวมท้งั สง่ เสริมใหม้ รี ะบบการจัดการความรู้ท่ีเป็นภูมิ ปัญญาทอ้ งถ่นิ สอดคล้องกับนโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) 1. การพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจดั การศึกษาเพื่อคุณวฒุ ิ พัฒนาผ้เู รียนให้มีความรอบรู้และทักษะชวี ติ เพื่อเป็นเครือ่ งมือใน การดำรงชวี ติ และสร้างอาชีพ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดิจทิ ลั สขุ ภาวะและทัศนคติทีด่ ีตอ่ การดูแลสขุ ภาพ 1.2 การเรยี นร้ตู ลอดชีวติ - จัดการเรียนร้ตู ลอดชวี ิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เนน้ ส่งเสรมิ และยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All) สอดคล้องกบั นโยบายและจุดเนน้ การดำเนินงาน กศน. จดุ เนน้ การดาํ เนินงานประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 ภารกจิ ต่อเน่อื ง 1.4 การศึกษาตามอธั ยาศยั 1) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ที่มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านและพัฒนาศักยภาพ การเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เช่น การพัฒนา กศน . ตําบล ห้องสมุด ประชาชนทุกแห่งให้มีการบริการที่ทันสมัย ส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ ห้องสมุดชาวตลาด พร้อมหนังสือและอุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายให้บริการกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอ รวมทั้ง เสริมสร้างความพร้อมในด้านบุคลากร สื่ออุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการอ่าน และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่าน อยา่ งหลากหลายรปู แบบ 3) ประสานความร่วมมือหน่วยงาน องค์กร หรอื ภาคส่วนต่าง ๆ ท่ีมีแหล่งเรียนรู้อืน่ ๆ เพื่อส่งเสริม การจดั การศกึ ษาตามอัธยาศยั ให้มรี ูปแบบท่หี ลากหลาย และตอบสนองความต้องการของประชาชน เช่น พพิ ธิ ภณั ฑ์ ศนู ยเ์ รยี นรู้ แหล่งโบราณคดี วดั ศาสนาสถาน หอ้ งสมุด รวมถึงภูมิปญั ญาท้องถ่นิ เปน็ ต้น
3 สอดคล้องกับตวั ชี้วดั การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผูร้ บั บรกิ ารการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ่ี 1.1 ผู้รับบริการมีความรู้ หรอื ทักษะ หรอื ประสบการณ์ สอดคลอ้ งกับ วัตถุประสงค์ของโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบ่งช้ีที่ 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศกึ ษาตามอัธยาศัย ตัวบ่งชท้ี ี่ 2.2 ผ้จู ัดกจิ กรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ตัวบง่ ชีท้ ่ี 2.3 ส่ือหรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการจดั การศึกษาตาม อัธยาศัย ตวั บ่งช้ีท่ี 2.4 ผ้รู บั บริการมีความพงึ พอใจต่อการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศัย มาตรฐานที่ 3 คณุ ภาพการบรหิ ารจดั การของสถานศกึ ษา ตวั บง่ ช้ที ี่ 3.1 การบริหารจัดการของสถานศึกษาทีเ่ น้นการมสี ่วนร่วม ตัวบ่งชี้ที่ 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตัวบง่ ชท้ี ี่ 3.5 การกำกับ นิเทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตัวบง่ ชท้ี ่ี 3.7 การสง่ เสรมิ สนับสนนุ ภาคีเครอื ขา่ ยใหม้ สี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษา ตัวบง่ ชท้ี ่ี 3.8 การสง่ เสริม สนบั สนนุ การสรา้ งสงั คมแห่งการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพมิ่ ข้อเหตุผล ขอ้ คิดเหน็ หรอื ขอ้ เสนอแนะว่าเพราะเหตุใดข้อ นั้นจงึ ใหค้ ะแนนมากหรือน้อย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถว้ นเปน็ ระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงคเ์ ป็นรปู ธรรม มีการออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ตอ่ เนื่องและนำผลการประเมนิ ที่ได้ไปวเิ คราะหถ์ ึงอปุ สรรค และนำไปวางแผน ปรบั ปรงุ พัฒนาในปีต่อไป 3. หลักการและเหตุผล ห้องสมุดประชาชน เป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญของชุมชน มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีสื่อความรู้ ในการให้บริการและจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับ การศึกษา สร้างนิสัยรักการอ่าน ศึกษาค้นคว้า สนองความสนใจใฝ่รู้ รู้จักวิธีการค้นคว้าด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา ตลอดชีวิต การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนในชุมชน การจัดกิจกรรมในเชิงรุก เพื่อให้เกิดการ
4 เรียนรู้ของคนในชมุ ชน ปัจจุบนั ห้องสมุดประชาชนได้จัดหาทรัพยากรสารสนเทศหลากหลายรูปแบบสำหรบั ให้บริการ ได้แก่ สื่อส่ิงพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่อมัลติมีเดีย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใชแ้ ละผู้รบั บริการ และเพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อการใช้ทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยู่ในห้องสมุด ซึ่งผู้ใช้และผู้รับบริการต้องรู้แนวทางในการเข้าถึง ทรพั ยากรสารสนเทศแต่ละรปู แบบ เพอ่ื ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพและได้รบั ประโยชน์จากทรัพยากรสารสนเทศน้นั ๆ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมผู้ใช้และผู้รับบริการได้ศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมด้วยตนเอง และรู้จักแหล่งข้อมูล วิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สามารถรับบริการต่างๆของห้องสมุดได้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนจึงได้จัดโครงการ ส่งเสริมการเรยี นรูส้ ำหรบั นักเรยี น นกั ศกึ ษาและประชาชน 4. วัตถปุ ระสงค์ 4.1 เพือ่ ให้นักเรียน นกั ศึกษาและประชาชนทัว่ ไปเขา้ ถึง และมโี อกาสไดอ้ า่ นหนงั สอื 4.1 เพอ่ื กระตุ้นใหน้ ักเรียน นักศึกษาและประชาชนทัว่ ไปเข้ามารบั บริการในห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากข้ึน 4.2 เพื่อสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียน นกั ศกึ ษาและประชาชนทัว่ ไปมคี วามรู้ความเข้าใจการเขา้ ถึงแหลง่ สาร สารสนเทศไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพและตรงตามความต้องการ 4.4 เพอ่ื เป็นการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้นักเรียน นกั ศกึ ษา และประชาชนท่วั ไปมีนิสัยรักการอา่ นนำไปสู่ การเรยี นรู้ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ใหด้ ขี ้ึน 5. เป้าหมาย จำนวน 80 คน เชิงปรมิ าณ นักเรียน นกั ศึกษา และประชาชนทวั่ ไป เชงิ คุณภาพ 1. นกั เรียน นักศกึ ษาและประชาชนท่วั ไปเข้าถงึ และมีโอกาสไดอ้ า่ นหนงั สือ 2. นักเรียน นักศึกษาและประชาชนท่ัวไปเข้ามารบั บรกิ ารในหอ้ งสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากขนึ้ 3. นกั เรยี น นกั ศึกษาและประชาชนท่วั ไปมีความรคู้ วามเข้าใจการเข้าถึงแหลง่ สารสารสนเทศได้อย่าง ประสิทธิภาพและตรงตามความตอ้ งการ 4. นกั เรยี น นักศกึ ษา และประชาชนทั่วไปมนี สิ ัยรักการอา่ นนำไปสู่ การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพ ชีวติ ให้ดีข้ึน
6. วธิ ีดำเนินการ กิจกรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขั้นเตรียมการ ครูและบุคลากร เพื่อจัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการ กศน. อำเภอชนแดน ช ศึกษา จำนวน 20 คน ว - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพ่อื อนมุ ัติ - แตง่ ตั้งกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ 2. ประชุมกรรมการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ช กศน. อำเภอชนแดน ข ดำเนนิ งาน ดำเนินงานทกุ ฝ่ายในการจดั กิจกรรม จำนวน 20 คน โครงการและการดำเนนิ งาน 3. จัดเตรยี มเอกสาร เพ่ือดำเนินการจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั จ วัสดุ อุปกรณใ์ นการ ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ การ มอบหมาย ดำเนินโครงการ
5 กลมุ่ เปา้ หมาย พื้นทด่ี ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) เม.ย.64 - กศน. อำเภอ ชแ้ี จงทำความเขา้ ใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ ช้แี จงวตั ถปุ ระสงค์ บทบาทหนา้ ท่ี กศน. อำเภอ เม.ย.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน จดั ซ้ือวสั ดุอุปกรณ์ในการจัดโครงการ กศน. อำเภอ มิ.ย.64 2,496 ชนแดน บาท
กจิ กรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลมุ่ เปา้ หมาย ก นกั เรียน นกั ศึกษา 4. ดำเนินการจัด 1. รักการอ่านผา่ นส่ือออนไลน์ และประชาชนทัว่ ไป ส กจิ กรรม 2. วนั รักการอา่ น จำนวน 2,370 คน แ 3. หอ้ งสมดุ เคล่ือนทส่ี ่บู ้านหนังสือชุมชน น ปลูกฝงั คนรกั การอ่าน ช 4. เสรมิ การอ่าน สร้างการเรียนรู้ กบั หอ้ งสมุดประชาชน 5. ส่งเสรมิ การอ่าน สรา้ งสรรค์ปญั ญา นำพาส่อู าชีพ 6. บนั ทกึ รักการอ่าน 5. สรุป/ประเมนิ ผล เพอื่ ให้กรรมการฝ่ายประเมนิ ผลเก็บ ตามกระบวนการ ส และรายงานผล รวบรวมขอ้ มลู และดำเนนิ การประเมินผล ประเมินโครงการ ต โครงการ การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
6 กล่มุ เปา้ หมาย พืน้ ที่ดำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) พ้นื ที่อำเภอ เม.ย. 64 - ส่งเสริมสนับสนนุ ให้นกั เรียน นกั ศึกษา ชนแดน ถงึ และประชาชนท่วั ไปมีนิสัยรักการอา่ น นำไปสู่ การเรยี นรู้ และพฒั นาคณุ ภาพ ก.ย.64 ชวี ติ ใหด้ ีข้นึ สรปุ รายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ก.ย.64 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
7 7. วงเงินงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ไตรมาส 3 แผนงาน : พ้นื ฐานดา้ นการพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ผลผลิตที่ 5 ผู้รับบริการการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย งบดำเนินงาน ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน (ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน 2564) รหสั งบประมาณ 36005 เป็นเงนิ 2,496.- บาท (สองพันส่รี อ้ ยเกา้ สิบหกบาทถ้วน) รายละเอยี ดดงั น้คี อื ค่าวัสดุ เปน็ เงิน 2,496 บาท รวมเปน็ เงิน 2,496 บาท 8. แผนการใชจ้ ่ายงบประมาณ แผนการใช้จ่ายรายไตรมาส ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสท่ี 4 - - 2,496 - 9. ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ ตำแหนง่ : บรรณารักษ์ชำนาญการ ชื่อ - สกุล : นางวารี ชบู วั เบอรโ์ ทรศัพทม์ ือถือ : 056 – 761667 เบอร์โทรศัพท์ที่ทำงาน : 056 – 761667 อีเมลล์ : [email protected] ผรู้ ่วมดำเนินการ นางสมบตั ิ มาเนตร์ ตำแหนง่ ครอู าสาสมคั รฯ นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธิกรววยแกว้ ตำแหนง่ ครอู าสาสมัครฯ นางลาวิน สเี หลอื ง ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวมุจลินท์ ภูยาธร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพันธ์ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหิทธิ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสรุ ัตน์ จันทะไพร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวอษุ า ย่งิ สกุ ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนยก์ ารเรยี นชมุ ชน นางสาวกัญญาณฐั จันปัญญา ตำแหน่ง ครูประจำศูนยก์ ารเรยี นชุมชน นายปัณณวัฒน์ สขุ มา ตำแหนง่ ครูประจำศูนยก์ ารเรยี นชุมชน
8 นางสาววรางคณา นอ้ ยจนั ทร์ ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชมุ ชน นายศิวณชั ญ์ อศั วสมั ฤทธิ์ ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหนง่ นักจดั การงานท่ัวไป 10. เครอื ขา่ ย 10.1 บา้ นหนงั สือชมุ ชน 10.2 โรงพยาบาลชนแดน 10.3 โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบล 10.4 กศน.ตำบลท้ัง 9 แห่ง 10.5 หน่วยงานของรฐั และเอกชน 11.โครงการทเี่ กีย่ วข้อง 11.1 โครงการจัดการศกึ ษาตามอัธยาศยั 11.2 โครงการพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน 11.3 โครงการประชาสมั พนั ธง์ าน กศน. 11.4 โครงการส่งเสริมและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานรว่ มกบั เครอื ขา่ ย 11.5 โครงการประกันคุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 นกั เรยี น นกั ศึกษาและประชาชนทวั่ ไปเข้าถึง และมีโอกาสได้อา่ นหนงั สอื 12.2 นักเรยี น นกั ศึกษาและประชาชนทัว่ ไปเขา้ มารับบริการในห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากขึ้น 12.3 นักเรยี น นักศกึ ษาและประชาชนท่ัวไปมคี วามรู้ความเข้าใจการเข้าถงึ แหล่งสารสารสนเทศได้อย่าง ประสิทธภิ าพและตรงตามความต้องการ 12.4 นกั เรียน นกั ศึกษา และประชาชนทวั่ ไปมนี ิสยั รกั การอ่านนำไปสู่ การเรยี นรู้ และพฒั นาคณุ ภาพ ชวี ิตให้ดีข้ึน 13. ดชั นีวัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 13.2 ตวั ชว้ี ดั ผลลพั ธ์ ( outcome ) นกั เรียน นักศึกษา และประชาชนทวั่ ไปรักการอา่ น เพอ่ื พัฒนาคุณภาพ ชวี ติ ทด่ี ีข้ึน
9 14. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 14.1 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรม / โครงการ 14.2 สรุป/รายงานผลการจัดกจิ กรรม
10 บทที่ 2 เอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพ เม่ือวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ ท่ี 3 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรชั กาลท่ี 9 และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ พร้อมท้ังประทานคำแปลว่า นางแก้ว อันหมายถงึ หญงิ ผปู้ ระเสรฐิ และมีพระนามทีข่ า้ ราชบรพิ ารเรียกทวั่ ไปวา่ ทลู กระหม่อมน้อย พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลท่ีโรงเรียนจิตรลดา ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เม่ือ พ.ศ. 2501 จนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน พ.ศ. 2515 ทรงสอบไล่จบชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย ในแผนกศิลปะด้วยคะแนนสูงสุดของประเทศ จากนั้น พระองค์ทรงสอบเข้าศึ กษาต่อใน ระดับอดุ มศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ถือเป็นสมเด็จเจ้าฟา้ พระองค์แรกที่ทรงเข้าศึกษา ต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระทั่ง พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาอักษรศาสตร บณั ฑิต สาขาประวัตศิ าสตร์ เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั หน่ึง เหรยี ญทอง ดว้ ยคะแนนเฉลี่ย 3.98
11 สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบำเพญ็ พระองค์ ให้เปน็ ประโยชน์แก่ชาติบา้ นเมอื ง โดยเสดจ็ พระราชดำเนินไปทรงเยย่ี มเยยี นราษฎรในภูมิภาคตา่ งๆ อย่เู สมอ และ ทรงชว่ ยเหลือกิจการโครงการตามพระราชดำรทิ ุกโครงการ พรอ้ มทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการ สนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ในดา้ นตา่ งๆ นอกจากพระราชกรณียกิจหลากสาขา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์เป็นท่ีประจักษ์ พระองค์ทรงประพันธ์และแปล หนังสือมากมาย รวมทั้งหนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน โดยทรงใช้พระนามแฝงหลายช่ือ อาทิ แว่นแก้ว ที่ทรงใช้ เมอ่ื พ.ศ. 2521 ในหนังสอื พระราชนิพนธ์สำหรับเดก็ ได้แก่ แกว้ จอมซน แกว้ จอมแกน่ และขบวนการนกกางเขน
12 วันท่ี 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้วันท่ี 2 เมษายนของทุกปี ซ่ึงตรง กับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กมุ ารี เป็นวันหนังสือเด็กแห่งชาติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยใน พ.ศ. 2548 นับเป็นปีมหามงคลที่ทรงมี พระชนมายุ 50 พรรษา กระทรวงศึกษาธิการจึงเห็นสมควรน้อมเกล้าฯ ถวายพระเกียรติ เพื่อรำลึกในพระมหา กรุณาธิคุณที่ทรงส่งเสริมการอ่าน และทรงประพันธ์บทพระราชนิพนธ์สำหรับเด็กและเยาวชนมาแต่ครั้งทรงพระ เยาว์ การสถาปนาพระอิสรยิ ยศ
13 สยามบรมราชกุมารี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา พระอสิ รยิ ยศและพระอสิ ริยศกั ด์ใิ หส้ ูงข้ึนให้ทรงรับพระราชบัญชาและสปั ตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) พรอ้ ม ท้ังเฉลิมพระนามตามท่ีจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมา คุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี เม่อื วันท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 สมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าชเจา้ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยตามท่ีจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระ กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจกา รณิ พี ีรยพัฒน รัฐสมี าคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
14 กจิ กรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจที่จะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งมั่นที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ท้ังนี้ การ อ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหน่ึงในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเรา ได้เป็นอย่างดียิ่ง เม่ือคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความ เพลิดเพลิน การท่ีเด็กจะเกดิ ทักษะการอ่านหนังสือได้น้ันจำเป็นจะตอ้ งอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย ท้ัง ครอบครวั โรงเรยี นและชุมชน ในการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านใหแ้ ก่เด็ก กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านคอื การกระตนุ้ ดว้ ยวิธีการตา่ งๆ เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่านสนใจการอา่ นจนกระท่ังมนี สิ ยั รัก การอา่ น และได้พัฒนาการอ่านจนกระท่ังมีความสามารถในการอ่าน นำประโยชนจ์ าการอา่ นไปใช้ไดต้ รงตาม วัตถปุ ระสงค์ของการอา่ นทุกประเภท (ฉวีวรรณ คหู าภนิ ันทน์, 2542 : 93)
15 กรมวิชาการ (อ้างถึงใน ฉววี รรณ คูหาภนิ นั ทน์, 2542 : 93) ใหค้ วามหมายว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน คือ การกระทำเพ่ือ 1. เร้าใจบคุ คลหรอื บุคคลทีเ่ ป็นเปา้ หมายให้เกิดความอยากรู้ อยากอ่านหนงั สือ โดยเฉพาะหนงั สอื ท่ีมี คุณภาพ 2. เพ่ือแนะนำชกั ชวนใหเ้ กดิ ความพยายามที่จะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความรู้จากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกดิ ความเข้าใจในเรือ่ งต่างๆ ดีขึ้น 3. เพือ่ กระตุ้น แนะนำให้อยากรู้ อยากอา่ นหนังสือหลายอย่าง เปิดความคิดใหก้ ว้าง ให้มีการอ่านต่อเน่ือง จนเป็นนิสยั พฒั นาการอ่านจนถงึ ขน้ั ทสี่ ามารถวเิ คราะห์เรื่องท่ีอา่ นได้ 4. เพื่อสร้างบรรยากาศท่จี ูงใจใหอ้ า่ น ดงั นน้ั สามารถกล่าวได้ว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถงึ กิจกรรมต่างๆทหี่ ้องสมุดจัด ขน้ึ เพ่ือสง่ เสรมิ ให้ เกิดการอ่านอยา่ งต่อเน่ืองจนกระทั่งเปน็ นสิ ยั รกั การอ่าน เช่น การเล่านิทาน การเชิดหุ่น การแสดงละคร การ แนะนำหนังสือทน่ี า่ สนใจ เปน็ ตน้ ลกั ษณะของกจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ นท่ีดี 1. เรา้ ความสนใจ เชน่ การจดั นิทรรศการที่ดึงดคู วามสนใจ การตอบปัญหา มีรางวัลต่างๆ การใช้ส่อื เทคโนโลยีใหม่ๆเขา้ มาช่วย 2. จูงใจใหอ้ ยากอ่านและกระตนุ้ ใหอ้ ยากอา่ น เช่น ข่าวท่ีกำลงั เป็นที่สนใจ หรอื หัวข้อเรื่องท่เี ปน็ ท่ีสนใจ เชน่ การวิจยั การเตรยี มตวั สอบ การสมัครงาน เป็นต้น 3. ไมใ่ ชเ้ วลานาน ความยากง่ายของกิจกรรมเหมาะสมกบั เพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เปน็ กจิ กรรมที่มุ่งไปสหู่ นังสือ วสั ดกุ ารอ่าน โดยการนำหนังสอื หรอื วัสดกุ ารอา่ นมาแสดงทกุ คร้งั 5. ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ แฝงการเรยี นรู้ตามอัธยาศัยจากการรว่ มกิจกรรมดว้ ย ความหมายและความสำคัญของห้องสมุด หอ้ งสมุดประชาชน หมายถงึ หอ้ งสมดุ ทีต่ ง้ั ขน้ึ เพื่อให้บริการแกป่ ระชาชน โดยไม่จำกดั เพศ วัย เชือ้ ชาติ ศาสนา และพน้ื ความรู้ ใหบ้ ริการสารสนเทศครบทกุ หมวดวชิ า และอาจมกี ารบริการบางเร่อื งเป็นพิเศษ ตามความต้องการของท้องถ่ิน และจะจดั ให้บริการแกป่ ระชาชนโดยไมค่ ดิ มูลค่า บทบาทหนา้ ท่ขี องห้องสมดุ ประชาชน มี 3 ประเภท คือ 1. หน้าที่ทางการศกึ ษา หอ้ งสมดุ ประชาชนเปน็ แหลง่ ให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มหี น้าท่ีให้ การศึกษาแกป่ ระชาชนท่วั ไป ทกุ ระดับการศึกษา
16 2. หนา้ ทีท่ างวัฒนธรรม หอ้ งสมุดปะชาชนเป็นแหล่งสะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ที่ถ่ายทอดเป็น วฒั นธรรมท้องถ่ิน ที่ห้องสมุดต้งั อยู่ 3. หน้าท่ที างสังคม หอ้ งสมุดประชาชนเปน็ สถาบันทางสงั คมได้รับเงนิ อุดหนุนจากรัฐบาลและท้องถนิ่ มา ดำเนนิ กจิ การ จึงมีหนา้ ที่ แสวงหาขา่ วสารขอ้ มูลท่มี ปี ระโยชน์มาบริการประชาชน ห้องสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมีหนว่ ยงานตา่ งๆรับผิดชอบ ดงั น้ี 1. ห้องสมดุ ประชาชนสังกดั กระทรวงศึกษาธกิ าร สงั กัดกรมการศึกษานอกโรงเรยี น ได้แก่ หอ้ งสมดุ ประชาชนระดับจงั หวดั และระดับอำเภอ นอกจากน้ีกรมการศกึ ษานอกโรงเรยี นยงั ไดจ้ ัดทอี่ า่ นหนังสือประจำ หมูบ่ า้ น ที่อา่ นหนังสอื ในวดั และห้องสมดุ เคลื่อนที่ 2. หอ้ งสมดุ ประชาชน สังกัดกรงุ เทพมหานคร มีท้ังหมด 12 แห่ง ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชนสวนลุมพินี ห้องสมดุ ประชาชนซอยพระนาง ห้องสมุดประชาชนปทุมวัน ห้องสมุดประชาชนอนงคาราม ห้องสมุดประชาชนวัด สังข์กระจาย ห้องสมดุ ประชาชนบางเขน หอ้ งสมดุ ประชาชนบางขุนเทยี น ห้องสมุดประชาชนวดั รชั ฎาธษิ ฐาน วรวหิ ารตล่ิงชัน หอ้ งสมดุ ประชาชนประเวช หอ้ งสมุดประชาชนวดั ลาดปลาเคา้ หอ้ งสมุดประชาชนภาษเี จริญ ห้องสมดุ ประชาชนวดั ราชโอรส 3. ห้องสมดุ ประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เปน็ หอ้ งสมดุ ท่ีธนาคารพาณิชยเ์ ปิดขึ้นเพ่ือบรกิ ารสังคม และ เพ่ือประชาสัมพนั ธ์กจิ การของธนาคารให้เป็นท่ีร้จู ักแพรห่ ลาย เช่น หอ้ งสมุดประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกัด 4. ห้องสมุดประชาชนของรฐั บาลตา่ งประเทศ โดยได้รบั การสนับสนนุ จากรฐั บาลต่างประเทศ เช่น หอ้ งสมุดบรติ ิชเคาน์ซลิ ของรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ที่ตั้งอยบู่ รเิ วณสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร 5. ห้องสมดุ ประชาชนเสยี ค่าบำรุง หอ้ งสมุดประชาชนประเภทนใี้ ห้บริการเฉพาะสมาชิกเทา่ นั้น โดยผู้ท่ี เป็นสมาชกิ จะต้องเสียคา่ บำรุงตามระเบยี บของห้องสมุด ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดนีลสันเฮย์ ต้ังอยูท่ ี่ถนนสรุ ิวงศ์ กรงุ เทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของหอ้ งสมสุดต่อสังคมในดา้ นตา่ ง ๆ 1. เป็นสถานท่เี พื่อสงวนรกั ษาและถา่ ยทอดวัฒนธรรม ห้องสมุดเปน็ แหล่งสะสมวิวฒั นาการของมนุษย์ ตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปจั จุบนั ถ้าไม่มแี หลง่ คน้ คว้าประเภทห้องสมุดเป็นศูนย์กลางแลว้ ความรู้ต่างๆ อาจสญู หายหรือ กระจัดกระจายไปตามทตี่ า่ งๆ ยากแก่คนรุ่นหลงั จะตดิ ตาม 2. เปน็ สถานที่เพื่อการศกึ ษา คน้ ควา้ วจิ ยั หอ้ งสมุดทำหนา้ ที่ให้การศึกษาแกป่ ระชาชนทุกรปู แบบ ทงั้ ใน และนอกระบบการศึกษา เร่ิมจากการศึกษาข้ันพนื้ ฐานถงึ ระดับสงู
17 3. เป็นสถานทสี่ รา้ งเสริมความคดิ สรา้ งสรรค์และความจรรโลงใจ หอ้ งสมุดมหี นา้ ท่ีรวบรวมและเลอื กสรร ทรพั ยากร สารสนเทศ เพ่ือบริการแกผ่ ใู้ ช้ ซ่งึ เปน็ สิ่งทม่ี คี ุณค่าผูใ้ ชไ้ ดค้ วามคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกดิ ประโยชน์แกต่ นเองและสงั คมต่อไป 4. เปน็ สถานท่ีปลูกฝังนิสัยรกั การอา่ นและการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ห้องสมุดจะชว่ ยให้บคุ คลสนใจในการอ่าน และรกั การอา่ นจนเป็นนสิ ยั 5. เป็นสถานทส่ี ง่ เสรมิ การาใช้เวลาว่างในเปน็ ประโยชน์ ห้องสมดุ เปน็ สถานทรี่ วบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพ่ือบริการแกผ่ ู้ใช้ตามความสนใจและอา่ นเพ่ือฆา่ เวลา อา่ นเพ่ือความเพลดิ เพลิน หรืออา่ นเพอ่ื สาระบนั เทิงได้ท้ังสิ้น นบั ว่าเป็นการพักผ่อนอยา่ งมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เปน็ สถานทส่ี ่งเสรมิ ความเป็นประชาธปิ ไตย ห้องสมดุ เป็นสาธารณะสมบตั ิ มีส่วนส่งเสรมิ ให้บคุ คลร้จู กั สิทธแิ ละหน้าทข่ี องพลเมือง กลา่ วคอื เมอ่ื มีสทิ ธใิ นการใช้ก็ย่อมมีสิทธใิ นการบำรงุ รักษาร่วมกนั และให้ความร่วมมือ กับห้องสมุดด้วยการปฏบิ ัตติ ามระเบียบ แบบแผนของห้องสมดุ ความหมายของสื่อส่ิงพิมพ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคาทเ่ี กี่ยวกับ“สอื่ ส่ิงพิมพ”์ ไวว้ า่ “สง่ิ พมิ พ์ หมายถึง สมดุ แผน่ กระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ท่พี ิมพ์ขนึ้ รวมตลอดทง้ั บทเพลง แผนที่ แผนผงั แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบาย สี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรอื ส่ิงอ่นื ใดอนั มีลักษณะเชน่ เดียวกัน” “สอ่ื หมายถึง ก. ทาการติดตอ่ ให้ถงึ กัน ชักนาให้ รจู้ กั กนั น. ผ้หู รือส่งิ ที่ทาการตดิ ตอ่ ให้ถงึ กนั หรือชักนาให้รู้จกั กัน” “พิมพ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ, ใชเ้ ครื่องจักรกด ตวั หนงั สือหรือภาพ เป็นตน้ ใหต้ ิดบนวตั ถุ เชน่ แผน่ กระดาษ ผา้ ทาใหเ้ ปน็ ตัวหนังสอื หรือรปู รอยอย่างใด ๆ โดย การกดหรือการใช้พมิ พ์หนิ เครื่องกล วธิ เี คมี หรือวิธอี นื่ ใด อนั อาจใหเ้ กิดเปน็ สิง่ พิมพ์ขนึ้ หลายสาเนา น. รูป , รปู ร่าง, ร่างกาย, แบบ” ดงั นั้น “สอื่ สง่ิ พิมพ”์ จงึ มคี วามหมายวา่ “สงิ่ ทีพ่ ิมพ์ข้นึ ไมว่ ่าจะเปน็ แผน่ กระดาษหรือวัตถุ ใด ๆ ด้วยวิธกี ารต่าง ๆ อนั เกิดเป็นชิน้ งานทม่ี ลี ักษณะเหมือน ตน้ ฉบบั ขึ้นหลายสาเนาในปรมิ าณมากเพื่อเปน็ สง่ิ ที่ ทาการติดต่อ หรือชักนาให้บุคคลอื่นได้เหน็ หรือทราบ ขอ้ ความตา่ ง ๆ” สิง่ พมิ พ์เพื่อการศกึ ษา หมายถึง สงิ่ ทีพ่ มิ พ์ขนึ้ ในรปู แบบตา่ งๆ ทงั้ หนังสือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ท่ี ใหค้ วามรู้ เนอ้ื หาสาระที่มปี ระโยชน์ เช่น หนังสือเรยี นภาษาไทย ป. 6 หรอื อาจเป็นชดุ ภาพประกอบการศึกษา เช่น ภาพประกอบการศกึ ษาชดุ อาหารไทย เปน็ ต้น และสามารถนามาใชใ้ นการศกึ ษาได้
18 ความเปน็ มา ส่ิงพิมพ์ถือได้ว่าเป็นสิ่งท่ีความสำคัญยิ่งควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็นส่ือมวลชน ประเภทหนึ่งท่ีมีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และเพื่อการติดต่อ ส่ือสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสิทธิ์ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและความสาคัญของ สิ่งพิมพ์ ว่า “ส่ิงพิมพ์” นับเป็นวัสดุที่แสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวหน้าทางด้านสติปัญญา ของมนุษย์ ความคิด จินตนาการ เจตคติ ความฝนั ชวี ิต วัฒนธรรม สังคม เหตุการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ของมนุษย์แต่ลายคุ สมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหน่ึงไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเร่ืองการพิมพ์น้ีนอกเหนือจาก เพื่อเป็น เคร่ืองมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตกุ ารณ์ต่างๆ แล้วยังเป็นเคร่ืองแสดงให้เห็นว่าชนชาติ ต่าง ๆ ในโลกนลี้ ้วนมคี วามพยายามที่จะพัฒนาความคดิ ของตนให้เจริญก้าวหน้าทันสมยั อย่างต่อเนื่อง ความคิดใน เรือ่ งการพิมพท์ ่ีมีจดุ ประสงค์เรมิ่ แรกก็คงเพื่อให้มกี ารแพร่หลายเรอื่ งความคิด ความรู้ ไปสู่ชนรุ่นหลัง และเพื่อให้มี หลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีน้ัน ในยุคปัจจุบันชนรุ่นหลังได้สานต่อความคิดเร่ืองการพิมพ์ จนกระทั่งกลายเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิตส่ิงพิมพ์ได้หลากหลายชนิดตอบสนอง วัตถุประสงคข์ องมนุษยชาติไดก้ ว้างขวางนอกเหนือจากสอ่ื สิ่งพมิ พ์จะเป็นส่ือมวลชนท่มี ีความเกยี่ วกันกบั มนุษยชาติ มานานนับพนั ๆ ปี และมคี วามเก่าแก่กว่าสอ่ื มวลชนประเภทอ่นื ไม่ว่าจะเปน็ วทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยโุ ทรทัศน์ หรือ อินเตอร์เน็ต ซง่ึ เป็นสอื่ ประเภทหนึ่งที่มีการใช้แพร่หลายไปท่ัวโลกเช่นในปจั จุบนั ก็ตาม แต่ส่ือส่ิงพิมพ์ก็ยังเป็นสอ่ื ที่ มีการใช้อย่างแพร่หลายเป็นท่ีนิยมของทุกชนชาติมิได้ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อส่ิงพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญท่ีทาให้สื่อส่ิงพิมพ์ยังเป็นที่ นิยมแพรห่ ลายมาโดยตลอด กเ็ พราะบุคคลสามารถเลือกอ่านได้ตามความเหมาะสม อีกท้งั ยังใช้เป็นเอกสารอ้างอิง ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ประวตั กิ ารพิมพใ์ นประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรงุ ศรีอยุธยา ได้เร่ิมแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ ข้ึน และหลังจากน้ันหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เริ่มด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการพิมพ์ ใน เมอื งไทย พ.ศ.2382 ได้พมิ พ์เอกสารทางราชการเป็นช้ินแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝิน่ ซง่ึ พระบาทสมเด็จพระ น่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรก ขึ้น คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างส้ัน ออกเดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ไดพ้ ิมพ์หนังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซ้ือลิขสิทธ์ิจาก หนังสือนิราศลอนดอนของหมอ่ มราโชทัยและ ได้เร่ิมต้นการซ้ือขาย ลิขสิทธิหน่ายในเมอื งไทย หมอบรัดเลยไ์ ด้ถึงแก่กรรมในเมืองไทยกิจการ การพิมพ์ของไทยจึง เริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากนั้นใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เครื่องพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นคร้ังแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเครื่องหล่อเรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยไดจ้ ัดโรงพิมพธ์ นบตั รในเมืองไทยขนึ้ ใชเ้ อง
19 ประเภทของสอื่ ส่ิงพิมพ์เพื่อการศึกษา สื่อสิง่ พมิ พป์ ระเภทหนังสือ 1. หนังสือตำรา เป็นส่ือที่พิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเนื้อหาวิชาอย่างละเอียดชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรือภาพเขียนประกอบเพ่ือเพิม่ ความสนใจของผู้เรียน หนังสือตาราน้ีอาจใช้เป็นสื่อการเรียนในวิชา นน้ั โดยตรงนอกเหนือจากการบรรยายในช้นั เรียน หรอื อาจใชเ้ ป็นหนงั สอื อ่านประกอบหรอื หนงั สืออา่ นเพ่ิมเติมกไ็ ด้ การใช้หนังสือในการเรียนการสอนนับว่ามีประโยชน์แก่ผเู้ รยี นท้งั ในด้านการศึกษารายบุคคลเพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถ ใชอ้ ่านในเวลาท่ตี ้องการ และในด้านเศรษฐกิจเนือ่ งจากสามารถใช้อ่านได้หลายคนและเก็บไว้ได้เปน็ เวลานาน 2. แบบฝึกปฏิบตั ิ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนโดยมีเน้ือหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือเป็นการเพ่ิมทักษะหรือ ทดสอบผู้เรียน อาจมีเนื้อหาในรูปแบบคาถามให้เลือกคาตอบ หรือเป็นต้นแบบเพอื่ ให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบัติตามโดยอาจ มรี ูปประกอบเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจได้ง่ายย่ิงขึน้ เชน่ แบบคัดตัวอักษร ก ไก่ เปน็ ตน้ 3. พจนานกุ รม เปน็ หนังสือท่ีมีเน้อื หาเป็นคาศัพท์และคาอธิบายความหมายของคาศัพท์ แตล่ ะคาน้ัน โดยการเรียงตามลา ดับจากอักษรตัวแจกถึงตัวสุดท้ายของภาษาท่ีต้องการจะอธิบาย คาศัพท์และคาอธิบายจะเป็นภาษาเดียวกันหรือ ต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธิบายเป็นภาษาไทย หรือทั้งคาศัพท์และคาอธิบายต่างก็เป็น ภาษาอังกฤษ เปน็ ต้น 4. สารานุกรม เปน็ หนงั สือที่พิมพ์ขึ้นเพื่ออธิบายหัวขอ้ หรอื ขอ้ ความตา่ งๆ ตามลาดับของตัวอักษร เพ่อื ให้ผู้อ่านสามารถ คน้ ควา้ เพื่อความรู้และการอ้างอิง โดยมรี ูปภาพ แผนภูมิ ฯลฯ ประกอบคาอธบิ ายให้ชดั เจนยง่ิ ขน้ึ 5. หนงั สือภาพและภาพชุดตา่ งๆ เป็นหนงั สอื ท่ีประกอบดว้ ยภาพตา่ งๆ ที่เป็นเรื่องเดียวกันตลอดทั้งเลม่ ส่วนใหญจ่ ะเป็นหนังสือภาพท่ีพิมพ์ สอดสีสวยงาม เหมาะแก่การเกบ็ ไวศ้ ึกษาหรือเปน็ ทรี่ ะลึก เชน่ หนงั สอื ภาพชดุ พระทีน่ ่งั วิมานเมฆ หรือหนงั สอื ภาพ ชดุ ทศั นยี ภาพของประเทศต่างๆ เปน็ ตน้ 6. วทิ ยานพิ นธ์และรายงานการวิจัย เป็นสง่ิ พิมพท์ ี่พิมพอ์ อกมาจานวนไมม่ ากนักเพ่ือเผยแพรไ่ ปยงั ห้องสมุด สถาบันการศึกษาต่างๆ หรอื หนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้องกบั งานวจิ ัยนนั้ เพ่อื ให้ผ้สู นใจใช้เปน็ เอกสารค้นควา้ ข้อมลู หรือใช้ในการอา้ งองิ 7. ส่ิงพมิ พย์ ่อส่วน (Microforms) หนังสือทีเ่ ก่าหรอื ชารุดหรือหนงั สือพิมพ์ท่ีมีอยู่เป็นจานวนมากย่อมไมเ่ ป็นท่ีสะดวกในการเกบ็ รกั ษาไว้ จึง จำเป็นต้องหาวิธเี ก็บส่งิ พิมพเ์ หล่านไี้ ว้โดยอาศัยลกั ษณะการยอ่ สว่ นลงให้เหลือเลก็ ท่ีสุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้ เพื่อประหยัด เน้ือทใ่ี นการเก็บรักษาและสามารถทจ่ี ะนำมาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มีวธิ กี ารตา่ งๆ โดยอาศัยเนื้อท่ีในการเก็บรักษาและ สามารถทจี่ ะนามาใช้ไดส้ ะดวก จึงมีวิธกี ารต่างๆ โดยอาศยั เทคโนโลยใี นการทาสง่ิ พมิ พย์ อ่ ส่วน ได้แก่
20 ก. ไมโครฟิลม์ (Microfilm) เปน็ การถา่ ยหนงั สือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟลิ ์มที่มคี วามกวา้ งขนาด 16 หรือ 35 มลิ ลิเมตร โดยฟิล์ม 1 เฟรมจะ บรรจุหน้าหนงั สอื ได้ 1-2 หน้าเรยี งติดต่อกนั ไป หนังสือเล่มหนึ่งจะสามารถบันทกึ ลงบนไมโครฟลิ ์มโดยใชค้ วามยาว ของฟิลม์ เพยี ง 2-3 ฟุต ตามปกติจะใช้ฟิลม์ 1 ม้วนตอ่ หนังสอื 1 เล่ม และบรรจมุ ว้ นฟลิ ์มลงในกลอ่ งเล็กๆ กล่องละ ม้วนเม่อื จะใช้อ่านก็ใสฟ่ ิล์มเข้าในเคร่ืองอ่านที่มจี อภาพหรือจะอดั สาเนาหน้าใดก็ได้เชน่ กัน ข. ไมโครฟิช (Microfiche) เปน็ แผ่นฟลิ ์มแขง็ ขนาด 4 x 6 น้วิ สามารถบนั ทกึ ขอ้ ความจากหนงั สือโดยยอ่ เป็นกรอบเล็กๆ หลายๆ กรอบ แผ่นฟลิ ม์ นจี้ ะมเี นื้อท่มี ากพอทจ่ี ะบรรจหุ น้าหนงั สือที่ยอ่ ขนาดแลว้ ได้หลายรอ้ ยหน้า ตัวอักษรที่ย่อจะมีสีขาวบนพน้ื หนา้ หนังสือสีดา สามารถอ่านไดโ้ ดยวางแผ่นฟลิ ์มลงบนเครื่องฉายทีข่ ยายภาพใหไ้ ปปรากฏบนจอภาพสาหรบั อา่ น และจะอา่ นหน้าใดกไ็ ดเ้ ล่อื นภาพไปมา และยงั สามารถนาไปพมิ พ์บนกระดาษและอัดสาเนาไดด้ ้วย สอ่ื ส่ิงพมิ พ์เพ่ือเผยแพร่ข่าวสาร – หนงั สือพิมพ์ (Newspapers) เป็นส่ือส่งิ พมิ พท์ ี่ผลิตขึ้นโดยนาเสนอเร่อื งราว ข่าวสารภาพและความ คดิ เห็น ในลกั ษณะของแผน่ พิมพ์ แผ่นใหญ่ ที่ใช้วธิ กี ารพบั รวมกัน ซงึ่ สือ่ สิ่งพิมพช์ นดิ นี้ ได้พมิ พอ์ อกเผยแพร่ท้ัง ลักษณะ หนังสือพิมพร์ ายวนั , รายสปั ดาห์ และรายเดือน – วารสาร, นติ ยสาร เป็นส่ือสง่ิ พมิ พท์ ผ่ี ลิตขน้ึ โดยนาเสนอสาระ ขา่ ว ความบันเทิง ท่ีมรี ปู แบบการนาเสนอ ทโี่ ดดเด่น สะดดุ ตา และสร้างความสนใจใหก้ บั ผู้อา่ น ทัง้ น้ีการผลติ นน้ั มกี าร กาหนดระยะเวลาการออกเผยแพร่ท่ี แนน่ อน ท้ังลกั ษณะวารสาร, นิตยสารรายปักษ์ (15 วัน) และ รายเดือน – จลุ สาร เป็นส่อื สง่ิ พมิ พ์ท่ีผลิตขนึ้ แบบไมม่ ่งุ หวังผลกาไร เปน็ แบบให้เปลา่ โดยให้ผ้อู ่านได้ศึกษาหาความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็นคร้งั ๆ หรอื ลาดบั ตา่ ง ๆ ในวาระพเิ ศษ แสดงเนื้อหาเป็นข้อความทีผ่ ู้อา่ น อ่านแลว้ เขา้ ใจงา่ ย สง่ิ พิมพอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ เป็นสอ่ื ส่ิงพิมพท์ ่ผี ลติ ข้ึนเพ่ือใช้งานในคอมพวิ เตอร์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต็ ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เปน็ ต้น บทบาทของสื่อสิง่ พิมพเ์ พ่ือการศกึ ษา บทบาทของสื่อสงิ่ พิมพใ์ นสถานศกึ ษา ส่ือสิง่ พิมพ์ถกู นาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาโดยท่ัวไป ซงึ่ ทาให้ผเู้ รยี น ผสู้ อนเข้าใจในเน้ือหามากขึน้ เชน่ หนงั สือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหดั สามารถพัฒนาไดเ้ ปน็ เนือ้ หาในระบบ เครอื ข่ายอินเตอร์เน็ตได้
21 แนวทางการประยุกต์ใช้ส่ือสง่ิ พมิ พ์เพ่ือการเรยี นการสอน หรือการศึกษา การใช้สิง่ พิมพ์เพื่อการศึกษาในการเรียน การสอนน้นั จำแนกได้เป็น 3 วธิ ี คอื 1. ใชเ้ ป็นแหล่งข้อมูลเก่ยี วกบั วชิ าทเี่ รียน 2. ใชเ้ ป็นวัสดกุ ารเรยี นรว่ มกบั ส่ืออื่นๆ 3. ใชเ้ ปน็ สื่อเสริมในการเรียนรูแ้ ละเพม่ิ พูนประสบการณ์ .จากวิธกี ารใชส้ ่งิ พมิ พ์ทั้ง 3 วิธีนัน้ ผู้สอนสามารถนาสิง่ พิมพ์ท้ังท่ีเปน็ สง่ิ พิมพ์ทั่วไป หรอื สิง่ พมิ พ์เพื่อการศกึ ษา โดยเฉพาะมาใชใ้ นการเรียนการสอนก็ได้ ท้งั นี้โดยพจิ ารณาตามลักษณะของส่งิ พมิ พ์และลกั ษณะของการใช้ ดงั น้ี 1. สิ่งพิมพท์ ี่เขียนขึน้ ในลักษณะของหนงั สือตารา ใชเ้ พ่ือการศึกษาในระบบโรงเรียนตามหลักสตู ร 2. สง่ิ พมิ พท์ ีเ่ ขยี นข้ึนในลักษณะบทเรยี นสาเร็จรปู เพ่ือง่ายต่อการศกึ ษาด้วยตนเอง เหมาะสาหรบั ใช้ใน การศกึ ษาทางไกลร่วมกับสอ่ื อ่ืนๆ เช่น โทรทศั น์ เทปเสยี งสรปุ บทเรียน และการสอนเสริม เป็นต้น 3. สิง่ พิมพ์เสริมการเรียนการสอน เช่น แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ คมู่ อื เรียน ฯลฯ อาจใชร้ ว่ มกับสอื่ บุคคลหรือ สื่อมวลชนประเภทอื่นๆ ได้ 4. สง่ิ พิมพท์ วั่ ๆ ไป เชน่ นติ ยสาร หนังสอื พมิ พ์ ฯลฯ ทม่ี ีคอลัมนห์ รือบทความทีใ่ ห้ประโยชน์ ผสู้ อนอาจแนะ นาใหผ้ เู้ รยี นอา่ นเพ่อื เพิม่ พูนความรหู้ รือเพื่อนามาใชอ้ า้ งอิงประกอบการค้นควา้ 5. สิ่งพมิ พป์ ระเภทภาพชุด เป็นการใหค้ วามรู้ทางรปู ธรรมเพ่ือใช้ในการเสรมิ สร้างประสบการณ์ ทาใหผ้ ู้เรยี น เข้าใจเหตกุ ารณ์เร่ืองราวหรอื สงิ่ ทเี่ ป็นนามธรรมได้ชดั เจนข้ึน เช่น ภาพชดุ ชีวิตสัตว์ หรือภาพชดุ พระราช พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวญั เปน็ ตน้ (สานกั การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร, 9 กันยายน 2553) ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของสื่อส่งิ พิมพ์เพ่ือการศกึ ษา 1. ส่อื สิ่งพมิ พส์ ามารถเก็บไวไ้ ด้นาน สามารถนามาอา่ นซ้าแลว้ ซา้ อกี ได้ 2. สอ่ื สงิ่ พิมพ์เป็นสอ่ื ทีม่ รี าคาถูกเม่ือเทยี บกับสอ่ื อ่ืนๆ 3. สือ่ ส่ิงพมิ พเ์ ป็นสอ่ื ทใ่ี ชง้ ่าย ไมย่ ่งุ ยาก 4. สือ่ สงิ่ พมิ พ์เปน็ สอ่ื ทีจ่ ดั ทาไดง้ ่าย โดยครผู ้สู อนสามารถทาได้เองได้ มวี ิธีทาท่ีไม่ย่งุ ยากซับซ้อน เช่น ใบ งาน ใบความรู้ เปน็ ต้น
22 ขอ้ ดีและข้อจากดั ของส่ือส่ิงพมิ พเ์ พ่ือการศกึ ษา ข้อดี 1. สามารถอ่านซ้า ทบทวน หรอื อ้างอิงได้ 2. เปน็ การเรียนร้ทู ่ีดีสาหรับผูท้ ่ีสนใจ 3. เป็นการกระตุ้นให้คนไทยรักการอา่ น ขอ้ จำกัด 1. ผู้มีปญั หาทางสายตา หรอื ผสู้ ูงอายอุ ่านไม่สะดวกในการใช้ 2. ข้อมูลไมส่ ามารถปรบั ปรุงแกไ้ ขได้ทันท่วงทไี ด้ 3. ผู้ไม่รู้หนงั สอื ไมส่ ามารถเข้าถึงได้ ความหมายของส่ือออนไลน์ ความหมายของส่ือสังคมออนไลน์ ส่อื สงั คมออนไลน์ หมายถึง ส่ือดิจิทลั ท่ีเปน็ เครื่องมอื ในการปฏิบตั กิ ารทางสงั คม(Social Tool) เพื่อใช้ ส่ือสารระหว่างกนั ในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผา่ นทางเวบ็ ไซต์และโปรแกรมประยุกตบ์ นสอื่ ใดๆ ที่มี การเชอื่ มต่อกับอินเทอรเ์ น็ต โดยเนน้ ให้ผใู้ ชท้ งั้ ท่เี ป็นผูส้ ่งสารและผู้รบั สารมีส่วนร่วม (Collaborative) อยา่ ง สร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหาขนึ้ เอง (User-GenerateContent:UGC) ในรปู ของข้อมูลภาพและเสยี ง สำหรับในยคุ นี้ เราคงจะหลีกเล่ียงหรือหนีคำวา่ Social Media ไปไมไ่ ด้ เพราะไม่วา่ จะไปที่ไหน ก็จะพบ เหน็ มันอยตู่ ลอดเวลา ซง่ึ หลายๆ คนกอ็ าจจะยงั สงสยั วา่ “Social Media” มันคอื อะไรกันแน่ วนั นี้เราจะมารจู้ กั ความหมายของมนั กันครบั คำว่า “Social” หมายถงึ สงั คม ซ่ึงในทีน่ ้จี ะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึง่ มีขนาดใหม่มากในปจั จุบัน คำวา่ “Media” หมายถึง ส่ือ ซ่งึ ก็คือ เน้ือหา เร่ืองราว บทความ วีดีโอ เพลง รปู ภาพ เป็นต้น ดังนัน้ คำวา่ Social Media จงึ หมายถึง ส่ือสงั คมออนไลนท์ ่มี ีการตอบสนองทางสงั คมไดห้ ลายทิศทาง โดยผา่ นเครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ต พูดงา่ ยๆ ก็คอื เว็บไซตท์ ีบ่ ุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏสิ ัมพันธโ์ ต้ ้ตอบกนั ได้น่ันเอง พ้นื ฐานการเกดิ Social Media กม็ าจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราทีต่ ้องการติดตอ่ ส่ือสารหรอื มี ปฏิสมั พันธ์กัน จากเดิมเรามเี ว็บในยคุ 1.0 ซ่งึ กค็ ือเวบ็ ทแี่ สดงเนือ้ หาอยา่ งเดยี ว บุคคลแตล่ ะคนไม่สามารถตดิ ต่อ หรือโต้ตอบกนั ได้ แตเ่ มือ่ เทคโนโลยีเว็บพฒั นาเขา้ สยู่ ุค 2.0 กม็ กี ารพัฒนาเวบ็ ไซตท์ ีเ่ รียกวา่ web application ซง่ึ ก็คอื เวบ็ ไซต์มีแอพลเิ คชันหรือโปรแกรมต่างๆ
23 ทม่ี าและความสำคัญ สื่อสังคมออนไลน์กลับส่งอทิ ธิพลลบต่อชีวติ ประจำวนั และความสมั พันธ์ของคนในสังคมอยา่ งชัดเจนมาก ยิง่ ขึ้นจนกลายเป็นประเดน็ ทางสงั คม ที่ท้ังสือ่ บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคัญในการปอ้ งกัน และแก้ไขปัญหาเหลา่ นี้ ส่อื สงั คมออนไลนใ์ ชส้ ่ือสารระหว่างกนั ในเครือข่ายทางสงั คม ผา่ นทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์บน สอ่ื ใดๆ ทีม่ ีการเชื่อมตอ่ กบั อินเทอร์เน็ต โดยเน้นใหผ้ ้ใู ชท้ ้ังทีเ่ ปน็ ผู้ส่งสารและผรู้ ับสารมีสว่ นรว่ ม อยา่ งสร้างสรรค์ ในการผลติ เนอ้ื หาขึน้ ในรปู ของข้อมูล ภาพ และเสียง ทง้ั นก้ี ารใช้สือ่ ออนไลน์ตา่ งๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เล่นในประมาณทพี่ อเหมาะเพ่อื เป็นผลดีตอ่ สายตาและรา่ งกาย ประเภทสอ่ื สังคมออนไลน์ ประเภทของสือ่ สังคมออนไลน์ มีด้วยกนั หลายชนิด ข้ึนอยู่กับลกั ษณะของการนำมาใช้โดยสามารถแบ่งเป็นกลมุ่ หลกั ดังนี้ 1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ วา่ Blogs คือ ส่อื สว่ นบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้เผยแพร่ข้อมลู ข่าวสาร ความรู้ ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตวั โดยสามารถแบ่งปนั ให้บคุ คลอ่นื ๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้าไปอ่าน หรือแสดงความ คดิ เห็นเพ่ิมเติมได้ ซ่ึงการแสดงเน้อื หาของบล็อกนนั้ จะเรยี งลำดบั จากเน้ือหาใหม่ไปสูเ่ น้ือหาเกา่ ผู้เขยี นและผอู้ ่าน สามารถค้นหาเน้ือหาย้อนหลังเพือ่ อ่านและแก้ไขเพ่ิมเตมิ ได้ตลอดเวลา เช่น Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรอื เครือข่ายทางสงั คมในอินเทอร์เน็ต ซง่ึ เป็นเครือข่ายทางสังคมท่ีใชส้ ำหรบั เชือ่ มต่อ ระหวา่ งบุคคล กลุ่มบคุ คล เพ่ือให้เกดิ เป็นกลุ่มสังคม(Social Community) เพอ่ื ร่วมกันแลกเปล่ียนและแบง่ ปัน ข้อมูลระหวา่ งกนั ท้ังด้านธรุ กจิ การเมือง การศึกษา เช่น Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรอื ท่ีเรียกกันว่า “บลอ็ กจว๋ิ ” ซงึ่ เป็นเวบ็ เซอร์วสิ หรอื เวบ็ ไซต์ท่ี ให้บรกิ ารแก่บคุ คลทว่ั ไปสำหรับให้ผใู้ ชบ้ ริการเขยี นข้อความสน้ั ๆ ประมาณ 140 ตัวอักษรท่ี เรยี กว่า “Status” หรือ “Notice” เพ่ือแสดงสถานะของตัวเองวา่ กำลงั ทำอะไรอยู่หรือแจ้งขา่ วสารต่างๆแกก่ ล่มุ เพ่อื นในสงั คมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ท้ังน้กี ารกำหนดใหใ้ ชข้ อ้ มูลในรปู ข้อความ สั้นๆ กเ็ พื่อให้ผู้ใช้ทีเ่ ป็นท้ังผู้เขียนและผอู้ ่านเขา้ ใจง่าย ทน่ี ิยมใช้กันอย่างแพรห่ ลายคือ Twitter 4. Online Video เป็นเวบ็ ไซต์ที่ให้บริการวดิ ีโอออนไลนโ์ ดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซ่งึ ปจั จุบันได้รบั ความนยิ มอยา่ ง แพรห่ ลายและขยายตวั อยา่ งรวดเร็วเน่ืองจากเน้ือหาท่นี ำเสนอในวิดีโอออนไลน์ไม่ถูกจำกัดโดยผงั รายการที่ แน่นอนและตายตัวทำให้ผู้ใช้บรกิ ารสามารถติดตามชมไดอ้ ย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีโฆษณาคัน่ รวมท้งั ผใู้ ชส้ ามารถ เลือกชมเนื้อหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเช่อื มโยงไปยังเวบ็ วดิ ีโออื่นๆ ท่เี กย่ี วข้องไดจ้ ำนวนมากอกี ด้วย เชน่ Youtube, MSN, Yahoo
24 5. Poto Sharing เปน็ เว็บไซตท์ ีเ่ นน้ ให้บริการฝากรูปภาพโดยผใู้ ชบ้ รกิ ารสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลด รปู ภาพเพ่ือนำมาใช้งานได้ ท่ีสำคัญนอกเหนือจากผใู้ ช้บริการจะมีโอกาสแบง่ ปันรูปภาพแลว้ ยังสามารถใช้เป็น พนื้ ที่เพื่อเสนอขายภาพท่ีตนเองนำเข้าไปฝากได้อกี ด้วย เช่น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเวบ็ ไซตท์ มี่ ีลักษณะเปน็ แหล่งข้อมลู หรือความรู้ (Data/Knowledge)ซึง่ ผู้เขยี นส่วนใหญอ่ าจจะ เป็นนักวชิ าการ นักวิชาชพี หรือผูเ้ ชย่ี วชาญเฉพาะทางดา้ นต่างๆ ทงั้ การเมือง เศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม ซ่งึ ผใู้ ช้ สามารถเขยี นหรือแก้ไขขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสรา้ งโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหน่ึงของชวี ิตลงไป จดั เป็นส่ือสงั คมออนไลน์ท่ี บรรดาผูท้ อ่ งโลกไซเบอร์ใช้เพ่ือสอ่ื สารระหวา่ งกนั บนอนิ เทอร์เน็ตในลกั ษณะโลกเสมอื นจรงิ (Virtual Reality) ซึ่งผู้ ท่ีจะเขา้ ไปใช้บริการอาจจะบริษทั หรือองค์การด้านธรุ กิจ ดา้ นการศึกษา รวมถงึ องคก์ ารด้านสื่อ เชน่ สำนกั ข่าว รอยเตอร์ สำนกั ข่าวซเี อ็นเอ็น ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้ือพื้นทีเ่ พอื่ ให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางใน การนำเสนอเร่ืองราวตา่ งๆ ไปยงั กลุม่ เครือข่ายผใู้ ชส้ ่ือออนไลน์ ซ่ึงอาจจะเป็นกลุม่ ลูกค้าทงั้ หลัก และรองหรือ ผู้ที่ เก่ียวขอ้ งกบั ธรุ กจิ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปจั จบุ นั เวบ็ ไซต์ทใี่ ช้หลัก Virtual Worlds ทีป่ ระสบผลสำเร็จและ มีชื่อเสียง คือSecond life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เปน็ หลกั การขอความ รว่ มมือจากบุคคลในเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรปู ของเว็บไซต์ทม่ี ีวตั ถุประสงคห์ ลักเพอื่ คน้ หา คำตอบและวิธกี ารแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธุรกิจ การศกึ ษา รวมทัง้ การสอ่ื สาร โดยอาจจะเปน็ การดึงความรว่ มมือ จากเครือข่ายทางสงั คมมาช่วยตรวจสอบขอ้ มูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ กลมุ่ คนท่ีเขา้ มาให้ข้อมลู อาจจะเป็นประชาชนทัว่ ไปหรือผู้มีความเชยี่ วชาญเฉพาะด้านทอี่ ยู่ในภาคธุรกจิ หรอื แม้แต่ในสังคมนกั ข่าว ข้อดีของ การใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคดิ เพ่ือนำ ไปสู่การแก้ปัญหาท่มี ี ประสทิ ธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรอื คดั กรองขอ้ มลู ซ่ึงเปน็ ปัญหาสาธารณะรว่ มกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting หรอื Podcast มาจากการรวมตัวของสองคำ คือ “Pod” กับ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรอื PersonalOn - Demand คอื อปุ สงค์หรือความต้องการสว่ นบุคคล ส่วน “Broadcasting” เปน็ การนำสือ่ ต่างๆ มารวมกนั ในรปู ของภาพและเสยี ง หรอื อาจกลา่ วง่ายๆ Podcast คือ การ บนั ทึกภาพและเสยี งแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพื่อเผยแพรใ่ ห้บุคคลภายนอก (The public in general) ทีส่ นใจดาวน์โหลดเพ่อื นำไปใชง้ าน เชน่ Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเวบ็ บอร์ดท่ผี ใู้ ชอ้ นิ เทอร์เนต็ สามารถแสดงความคิดเหน็ โดยอาจจะ เกยี่ วกบั สนิ ค้าหรอื บริการ ประเดน็ สาธารณะทางการเมือง เศรษฐกจิ สงั คม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp
25 ประโยชนข์ อง Social networks เครือขา่ ยสังคมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปลีย่ นข้อมูลความร้ใู นสิ่งทส่ี นใจรว่ มกันได้ 2. เปน็ คลังข้อมลู ความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคดิ เห็น แลกเปล่ยี นความรู้ หรือตั้ง คาถามในเร่ืองต่างๆ เพ่ือใหบ้ ุคคลอนื่ ท่สี นใจหรือมีคาตอบได้ชว่ ยกันตอบ 3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตดิ ตอ่ ส่อื สารกบั คนอ่ืน สะดวกและรวดเรว็ 4. เปน็ ส่อื ในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขยี น รูปภาพ วีดโิ อต่างๆ เพื่อให้ผอู้ นื่ ไดเ้ ขา้ มารบั ชมและ แสดงความคิดเหน็ 5. ใช้เป็นส่อื ในการโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ หรือบริการลกู คา้ สาหรับบริษัทและองคก์ รต่างๆ ช่วยสร้างความ เชอื่ ม่ันให้ลูกค้า 6. ชว่ ยสรา้ งผลงานและรายไดใ้ ห้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหมๆ่ ข้ึน 7. คลายเครยี ดไดส้ ำหรบั ผใู้ ช้ท่ีต้องการหาเพ่ือนคุยเลน่ สนกุ ๆ 8. สรา้ งความสัมพนั ธ์ทด่ี ีจากเพ่ือนสู่เพ่ือนได้
26 บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วิธีการดำเนนิ งาน ขน้ั เตรยี มการ เพ่อื จัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการศึกษา - ชแ้ี จงทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการ - ชี้แจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนินการเพอ่ื อนมุ ัติ - แต่งต้ังกรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย ประกอบดว้ ย 1.1 นายสมประสงค์ นอ้ ยจนั ทร์ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรยี งฤทธ์ิ เดตะอุด ครู กรรมการ 1.3 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวัณย์ สทิ ธิกรวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ 2. ฝ่ายตดิ ต่อประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานท่ีจัดการจัดกิจกรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวิน สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอุษา ยิง่ สกุ ครู ศรช.
27 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบิกจ่ายพัสดุ และการเงนิ ตามโครงการใหถ้ ูกตอ้ งเรยี บรอ้ ยและทันต่อเวลาประกอบด้วย 3.1 นางวารี ชูบัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 3.3 นายศิวณชั ญ์ อศั วสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 4. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ส่งข่าวประชาสัมพันธ์วิทยุห้างทองเรดิโอ เสียงตามสาย วิทยุชุมชน ประชาสัมพันธท์ างออนไลน์ Facebook Line ประกอบดว้ ย 4.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 4.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวนิ สีเหลอื ง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอษุ า ยิง่ สุก ครู ศรช. 5. ฝ่ายจัดกิจกรรม มีหน้าที่ให้กรรมการมีหน้าที่จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษา และประชาชน มีหน้าที่จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และ สือ่ ออนไลน์ ส่ือการเรียนการสอน เกม และกจิ กรรมนันทนาการ ดงั นี้ 5.1 กิจกรรมรักการอ่านผ่านสอื่ ออนไลน์ 5.1.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครูอาสาสมัครฯ 5.1.4 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.1.5 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.1.6 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.1.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.1.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.1.9 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.1.10 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล
28 5.1.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.1.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.1.13 นายศิวณชั ญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.1.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.1.15 นายปณั ณวฒั น์ สขุ มา ครู ศรช. 5.1.16 นางสาวอุษา ยงิ่ สุก ครู ศรช. 5.1.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ครู ศรช. 5.1.18 นางสาวเยาวดี โสดา นักจดั การงานท่วั ไป 5.2 กจิ กรรมวันรักการอา่ น บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.2.1 นางวารี ชูบวั ครูอาสาสมัครฯ 5.2.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครู กศน. ตำบล 5.2.4 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.2.5 นางลาวิน สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 5.2.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.2.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ นั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.2.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.2.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.2.10 นางสุรัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.2.11 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.2.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู ศรช. 5.2.13 นายศิวณัชญ์ อัศวสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 5.2.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.2.15 นายปัณณวัฒน์ สขุ มา ครู ศรช. 5.2.16 นางสาวอุษา ย่งิ สกุ ครู ศรช. 5.2.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ นักจัดการงานทว่ั ไป 5.2.18 นางสาวเยาวดี โสดา 5.3 กจิ กรรมห้องสมดุ เคลอ่ื นทส่ี บู่ า้ นหนังสอื ชมุ ชน ปลูกฝังคนรกั การอา่ น 5.3.1 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 5.3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.3.3 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครูอาสาสมัครฯ
29 5.3.4 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.3.5 นางลาวิน สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 5.3.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.3.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.3.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.3.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.3.10 นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.3.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.3.12 นางสาวณัฐชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.3.13 นายศิวณชั ญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.3.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.3.15 นายปณั ณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.3.16 นางสาวอษุ า ยงิ่ สุก ครู ศรช. 5.3.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.3.18 นางสาวเยาวดี โสดา นักจัดการงานทว่ั ไป 5.4 กิจกรรมเสรมิ การอ่าน สรา้ งการเรยี นรู้ กับห้องสมุดประชาชน 5.4.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 5.4.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.4.3 นางสาวลาวัณย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ 5.4.4 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.4.5 นางลาวนิ สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 5.4.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.4.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.4.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.4.9 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.4.10 นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.4.11 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.4.12 นางสาวณัฐชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 5.4.13 นายศิวณัชญ์ อศั วสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 5.4.14 นางสาวกัญญาณัฐ จันปญั ญา ครู ศรช. 5.4.15 นายปัณณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.4.16 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ ครู ศรช.
30 5.4.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ครู ศรช. 5.4.18 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานท่ัวไป 5.5 กิจกรรมส่งเสริมการอา่ น สรา้ งสรรค์ปัญญา นำพาสอู่ าชพี 5.5.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.5.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.5.3 นางสาวณัฐชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.5.4 นางสาวอุษา ย่ิงสกุ ครู ศรช. 5.6 กจิ กรรมบนั ทึกรักการอ่าน บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.6.1 นางวารี ชูบวั ครอู าสาสมัครฯ 5.6.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.6.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครู กศน. ตำบล 5.6.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.6.5 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.6.6 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.6.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.6.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.6.9 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.6.10 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.6.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.6.12 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู ศรช. 5.6.13 นายศิวณชั ญ์ อัศวสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 5.6.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 5.6.15 นายปณั ณวัฒน์ สขุ มา ครู ศรช. 5.6.16 นางสาวอุษา ยง่ิ สุก ครู ศรช. 5.6.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ นกั จดั การงานท่ัวไป 5.4.18 นางสาวเยาวดี โสดา 6. ฝ่ายรบั ลงลงทะเบียน ใหก้ รรมการมหี นา้ ทจี่ ดั เตรยี มเอกสารสำหรับการลงทะเบยี น และรบั ลงทะเบยี น ผูเ้ ข้ารว่ มโครงการ ดังนี้ 6.1 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 6.2 นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปญั ญา ครู ศรช.
31 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพึงพอใจ ประเมินผลการดำเนนิ งาน ประเมินความพึงพอใจ ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ และจดั ทำรายงานผลการดำเนินงานหลังเสร็จสนิ้ โครงการ ดังน้ี 7.1 นางวารี ชูบวั บรรณารักษ์ชำนาญการ 7.2 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 7.3 นางสาวกญั ญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช.
2. ขัน้ ดำเนินการ กจิ กรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขนั้ เตรียมการ ครูและบุคลากร เพ่ือจดั ประชุมครูและบคุ ลากรทางการ กศน. อำเภอชนแดน ช ศกึ ษา จำนวน 20 คน ว - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพื่ออนมุ ัติ - แตง่ ต้ังกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ 2. ประชุมกรรมการ เพ่อื ประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ช กศน. อำเภอชนแดน ข ดำเนนิ งาน ดำเนินงานทกุ ฝา่ ยในการจดั กิจกรรม จำนวน 20 คน โครงการและการดำเนนิ งาน 3. จดั เตรยี มเอกสาร เพื่อดำเนนิ การจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั จ วสั ดุ อปุ กรณใ์ นการ ทใ่ี ชใ้ นการดำเนินการ มอบหมาย ดำเนินโครงการ
32 กลมุ่ เปา้ หมาย พน้ื ท่ดี ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) เม.ย.64 - กศน. อำเภอ ชแ้ี จงทำความเขา้ ใจ รายละเอียดและ ชนแดน วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชี้แจงวัตถุประสงค์ บทบาทหนา้ ท่ี กศน. อำเภอ เม.ย.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน จัดซอื้ วัสดอุ ุปกรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ม.ิ ย.64 2,496 ชนแดน บาท
กจิ กรรมหลัก วัตถปุ ระสงค์ กลมุ่ เปา้ หมาย ก นกั เรียน นกั ศึกษา 4. ดำเนินการจัด 1. รกั การอ่านผ่านส่ือออนไลน์ และประชาชนทัว่ ไป ส กจิ กรรม 2. วนั รักการอา่ น จำนวน 2,370 คน แ 3. ห้องสมุดเคล่ือนทส่ี ่บู ้านหนังสือชุมชน น ปลูกฝังคนรักการอ่าน ช 4. เสริมการอ่าน สร้างการเรยี นรู้ กบั หอ้ งสมดุ ประชาชน 5. ส่งเสรมิ การอา่ น สร้างสรรค์ปญั ญา นำพาสอู่ าชีพ 6. บนั ทึกรกั การอ่าน 5. สรุป/ประเมนิ ผล เพอื่ ใหก้ รรมการฝา่ ยประเมนิ ผลเก็บ ตามกระบวนการ ส และรายงานผล รวบรวมขอ้ มลู และดำเนินการประเมินผล ประเมินโครงการ ต โครงการ การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
33 กลุ่มเป้าหมาย พ้นื ทด่ี ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชิงคณุ ภาพ) พื้นท่ีอำเภอ เม.ย. 64 - ส่งเสริมสนบั สนุนให้นักเรยี น นกั ศกึ ษา ชนแดน ถงึ และประชาชนทั่วไปมีนสิ ยั รักการอา่ น นำไปสู่ การเรยี นรู้ และพัฒนาคณุ ภาพ ก.ย.64 ชีวติ ให้ดีขึน้ สรปุ รายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ก.ย.64 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
34 3. ขัน้ สรุปการจดั กิจกรรม 1. ดชั นีวัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 1.2 ตวั ช้ีวัดผลลัพธ์ (outcome) นักเรยี น นักศึกษา และประชาชนท่ัวไปรักการอ่าน เพื่อพัฒนาคุณภาพ ชวี ติ ทด่ี ีขนึ้ 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม
35 บทที่ 4 ผลการดำเนินงานตามโครงการ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการ สง่ เสริมการเรียนรู้สำหรบั นกั ศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมวันรกั การอา่ น แบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไป เพศ ร้อยละ จำนวน 31.96 เพศ 68.04 ชาย 62 100 หญิง 132 รวม 194 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัย กจิ กรรมที่ 2 โครงการสง่ เสริมการเรยี นร้สู ำหรับนักเรยี น นักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมวนั รกั การอา่ น ใน คร้งั นี้ เป็นเพศหญิง มากทสี่ ุด จำนวน 132 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 68.04 ชว่ งอายุ อายุ รอ้ ยละ ตำ่ กว่า 15 ปี จำนวน 1.03 15 - 29 ปี 67.01 30 – 39 ปี 2 9.28 40 - 49 ปี 130 10.82 50 - 59 ปี 18 7.73 60 ปีขึน้ ไป 21 4.13 15 100 รวม 8 194 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษาและประชาชน กิจกรรมวันรักการ อา่ น ในครง้ั นี้ เป็นช่วงอายุ 15-29 ปีขน้ึ ไป มากท่สี ดุ จำนวน 130 คน คิดเปน็ ร้อยละ 67.01
36 ระดบั การศึกษา การศกึ ษา ร้อยละ ประถมศกึ ษา จำนวน 10.31 29.90 ม.ต้น 20 57.73 ม.ปลาย 58 ปวช./ปวส. 112 - ปริญญาตรี - 2.06 สงู กว่าปริญญาตรี 4 รวม - - 194 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษาและประชาชน กิจกรรมวันรักการ อา่ น ในคร้ังน้ี การศึกษาระดับ ม.ปลาย มากทีส่ ดุ จำนวน 112 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 57.73 อาชีพ อาชีพ ร้อยละ รบั จ้าง จำนวน 46.91 เกษตรกรรม 23.20 ผู้นำชุมชน 91 2.57 คา้ ขาย 45 2.06 รับราชการ 5 นักเรียน/นักศึกษา 4 - อื่นๆ ระบุ - 23.20 รวม 45 2.06 4 100 194 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศยั กจิ กรรมท่ี 2 โครงการสง่ เสริมการเรยี นรูส้ ำหรับนักเรยี น นักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมวันรักการอา่ น ใน ครัง้ นี้ เป็นอาชีพรับจ้าง มากทส่ี ุด จำนวน 91 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 46.91
37 ส่วนท่ี 2 ขอ้ มลู ความคดิ เหน็ และความพึงพอใจต่อโครงการ 2.1 เกณฑ์การพจิ ารณาระดับความพึงพอใจ 0.00 – 1.50 อยูใ่ นระดับ น้อยท่ีสดุ 1.51 – 2.50 อยู่ในระดับ นอ้ ย 2.51 – 3.50 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง 3.51 – 4.50 อยู่ในระดบั มาก 4.51 - 5 อยใู่ นระดบั มากที่สุด 2.2 เกณฑ์การให้คะแนน 5 อยใู่ นระดับ มากทส่ี ดุ 4 อยู่ในระดับ มาก 3 อย่ใู นระดับ ปานกลาง 2 อยู่ในระดับ น้อย 1 อยู่ในระดบั นอ้ ยทส่ี ุด
ตอนท่ี 2 ความคิดเหน็ ต่อโครงการ จำนวน ผู้ ขอ้ รายการ ประเมิน (คน) มากท่สี ดุ 5 1 กิจกรรมที่จดั สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ 194 147 2 เน้ือหาของสอ่ื การเรยี นรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ 194 146 3 การจัดกิจกรรมมสี อ่ื การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 194 152 4 กิจกรรมสง่ เสริมการมีมนุษย์สัมพนั ธอ์ นั ดตี ่อกัน 194 154 5 สถานทจ่ี ัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 194 152 6 ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 194 151 7 ท่านมีความประทบั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรมคร้งั น้ี 194 154 8 การประชาสัมพันธ์และชวนเชิญ 194 151 9 ความเหมาะสมวสั ดุ/อปุ กรณใ์ นการจัดกิจกรรม 194 156 10 การนำประโยชน์ไปใชใ้ นการเขา้ รว่ มกจิ กรรมในคร้งั น้ี 194 148 11 ทา่ นคดิ วา่ ควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเน่ือง 194 156 12 หากมโี อกาสในปีต่อไปท่านยินดเี ข้าร่วมโครงการน้ีอีก 194 153 รวมท้ังหมด 2328 1820 ร้อยละ 100 78.18
38 ระดับผลการประเมิน เฉลยี่ S.D. ประมวล รอ้ ยละ ด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่สี ดุ ผล 93.40 93.40 4 321 93.81 95.46 32 13 2 0 4.67 0.65 มากที่สดุ 93.40 93.09 35 10 3 0 4.67 0.65 มากที่สดุ 94.02 93.09 28 10 4 0 4.69 0.67 มากที่สดุ 94.43 93.61 33 7 0 3 4.77 0.69 มากทส่ี ุด 93.92 93.30 27 10 3 2 4.67 0.74 มากทส่ี ดุ 93.63 25 14 2 2 4.65 0.75 มากที่สดุ 28 8 2 2 4.70 0.69 มากทส่ี ุด 24 15 3 1 4.65 0.73 มากทส่ี ุด 24 12 2 0 4.72 0.62 มากทส่ี ุด 35 8 1 2 4.68 0.68 มากที่สดุ 22 12 3 1 4.70 0.70 มากทส่ี ุด 24 11 5 1 4.66 0.75 มากที่สดุ 337 130 30 14 4.68 0.69 มากทส่ี ุด 14.48 5.58 1.29 0.6014
39 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ สำหรบั นกั เรียน นักศึกษาและประชาชน กจิ กรรมวนั รักการอ่าน ในครั้งนี้ ผลปรากฏวา่ ระดับความพึงพอใจใน ภาพรวมอยู่ในระดับ มากทส่ี ุด คดิ เป็นร้อยละ 93.63 ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ -
40 บทที่ 5 สรปุ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การบูรณาการการเรยี นรู้ • มีการนำความรู้ที่ไดร้ ับไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ • จากกิจกรรมช่วยส่งเสริม ให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนท่ัวไป มีนิสัยรักการอ่าน และมีความคิด สรา้ งสรรค์ มีนสิ ยั รกั การอา่ นนำไปสกู่ ารเรยี นรู้ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ให้ดีข้ึน ความรว่ มมือของกลุ่มเป้าหมายและเครอื ข่าย - การมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ข่ายในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย - การสนับสนนุ ใหภ้ าคเี ครอื ข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั การนำความรู้ไปใช้ - ส่งเสริมและสนับสนุนให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนท่ัวไปเข้าถึง และมีโอกาสได้อ่าน หนังสือ ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดีข้นึ การดำเนินงานท่วั ไป เชิงปริมาณ - กล่มุ เป้าหมาย นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป จำนวน 80 คน - จำนวนกลมุ่ ตัวอย่าง นักเรียน นกั ศึกษา และประชาชนทวั่ ไป จำนวน 194 คน 1) ชาย จำนวน 62 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 31.96 2) หญงิ จำนวน 132 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 68.04 เชงิ คุณภาพ 1. นักเรยี น นักศกึ ษาและประชาชนทวั่ ไปเข้าถึง และมีโอกาสได้อา่ นหนงั สอื 2. นกั เรยี น นกั ศึกษาและประชาชนท่วั ไปเข้ามารบั บรกิ ารในห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากขึ้น 3. นักเรียน นักศกึ ษาและประชาชนท่ัวไปมีความรคู้ วามเข้าใจการเขา้ ถึงแหล่งสาร สารสนเทศได้อย่างประสทิ ธภิ าพและตรงตามความต้องการ 4. นักเรยี น นักศึกษา และประชาชนท่วั ไปมีนิสัยรักการอา่ นนำไปสู่ การเรยี นรู้ และ พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตให้ดขี ึ้น
41 ผลการดำเนนิ งานตามตัวช้วี ัดความสำเรจ็ 1. เป้าหมาย จำนวน 80 คน มีผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม จำนวน 194 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเปา้ หมาย 2. จำนวนผรู้ ว่ มกจิ กรรม จำนวน 194 คน ผา่ นกจิ กรรม จำนวน 194 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานบรรลเุ ปา้ หมาย สรุปผลการดำเนินงาน - ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจกรรมวันรักการอ่าน ในภาพรวม อย่ใู นระดับ มากทสี่ ดุ คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.63 สรปุ ความพงึ พอใจต่อโครงการ/กิจกรรม ที่เขา้ รว่ ม 1. กจิ กรรมท่จี ดั สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ อยูใ่ นระดับความพงึ พอใจ มากทส่ี ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 93.40 2. เน้ือหาของสื่อการเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.40 3. การจัดกิจกรรมมีส่ือการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 93.81 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 95.46 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 93.40 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.09 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น รอ้ ยละ 94.02 8. การประชาสมั พนั ธแ์ ละชวนเชิญ อยู่ในระดับความพงึ พอใจ มากที่สดุ คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.09 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น รอ้ ยละ 94.43 10.การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 93.61 11.ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะน้ีต่อเน่ือง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.92
Search