บนั ทกึ ข้อความ ส่วนราชการ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ที่ ศธ 0210.5403/ วันท่ี 7 มีนาคม 2565 เรอ่ื ง สรุปผลการปฏิบตั ิงานโครงการห้องสมุดเคลือ่ นที่สูช่ ุมชน เรียน ผู้อำนวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอชนแดน ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำจัดทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สู่ชุมชน ระหวา่ ง เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ - มนี าคม ๒๕๖๕ ในพ้นื ที่อำเภอชนแดน เพ่ือสง่ เสริมใหป้ ระชาชนรักการอ่าน และการเรยี นรู้อย่างต่อเน่อื งตลอดชวี ติ จัดกจิ กรรมการศกึ ษาตามอัธยาศัยใหก้ บั ประชาชนกลมุ่ เป้าหมาย และ สนับสนุนการจัดการศึกษาให้กับประชาชนในชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย เปน็ การสร้างสงั คมแหง่ การเรียนรใู้ นชมุ ชน บัดน้ีโครงการดังกล่าวไดด้ ำเนินการเสร็จสนิ้ เรียบร้อยแล้ว ห้องสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จึงขอสรปุ ผลการปฏบิ ตั ิงานโครงการดังกลา่ วรายละเอียด ตามเอกสารท่ีแนบมาพรอ้ มนี้ จึงเรียนมาเพ่อื โปรดทราบ (นางวารี ชูบวั ) บรรณารักษ์ชำนาญการ
คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนินการจัดทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนท่ีสู่ชุมชน ระหว่าง เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ - มีนาคม ๒๕๖๕ ในพื้นที่อำเภอชนแดน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต จัดกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัยให้กบั ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และสนับสนุนการจัดการศกึ ษา ให้กับประชาชนในชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการสร้างสังคมแห่ง การเรยี นร้ใู นชมุ ชน นั้น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครงั้ ต่อไป ผูจ้ ดั ทำ มีนาคม 2565
สารบญั หนา้ 1-8 บทที่ 1 บทนำ 9 - 28 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 29 - 34 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การตามโครงการ 35 - 39 บทที่ 4 ผลการดำเนินการตามโครงการ 40 - 42 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รปู ภาพ รายชอื่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จัดทำ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชอ่ื โครงการ โครงการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศัย กจิ กรรมที่ 5 โครงการหอ้ งสมุดเคลื่อนที่สู่ชมุ ชน 2. สอดคล้องกบั ยุทธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ดา้ นการพัฒนาและเสริมสรา้ งศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบออ้ มอารี มวี ินัย รกั ษาศีลธรรม และเป็นพลเมอื งดขี องชาติ มีหลกั คดิ ทีถ่ กู ต้อง มที กั ษะท่ีจา่ เปน็ ในศตวรรษท่ี 21 มี ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง ต่อเน่อื งตลอดชีวติ สกู่ ารเป็นคนไทยท่ีมีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยคุ ใหมแ่ ละอื่น ๆ โดยมี สมั มาชพี ตามความถนดั ของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบดว้ ย (1) ชว่ งการต้ังครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรยี มความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียน/ วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษท่ี 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับ ศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ ผู้สงู อายุเปน็ พลงั ในการขับเคลื่อนประเทศ ประเด็นที่ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก ห้องเรียน และ (4) การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลเพอ่ื การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สอดคลอ้ งกบั แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การเสรมิ สรา้ งและพัฒนาศกั ยภาพทุนมนุษย์ 3.1 ปรบั เปลี่ยนค่านยิ มคนไทยให้มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีวินัย จติ สาธารณะ และพฤตกิ รรม ทพ่ี ึงประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุขอย่าง จรงิ จัง 3.2 พฒั นาศักยภาพคนใหม้ ีทกั ษะความรแู้ ละความสามารถในการดำรงชวี ิตอยา่ งมคี ุณค่า 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นให้มีทักษะการคิดวิเคราะหอ์ ย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มี ทกั ษะการทำงานและการใช้ชีวติ ทพี่ ร้อมเขา้ สู่ตลาดงาน
2 3.3 ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาและการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ 3.3.6 จัดทำสื่อการเรียนร้ทู ่ีเป็นสอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ ละสามารถใชง้ านผา่ นระบบอปุ กรณส์ อื่ สารเคลื่อนท่ี ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลิตหนงั สอื สอ่ื การอา่ นและการเรยี นรทู้ มี่ คี ณุ ภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ โรงเรียนผู้สูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมให้มีระบบการจัดการความรู้ท่ีเป็นภมู ิ ปญั ญาท้องถิ่น สอดคลอ้ งกบั นโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศึกษาธกิ าร) 1. การพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจดั การศึกษาเพ่ือคณุ วุฒิ พฒั นาผู้เรียนใหม้ คี วามรอบรู้และทกั ษะชีวติ เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการ ดำรงชีวติ และสรา้ งอาชีพ อาทิ การใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ลั สุขภาวะและทศั นคติที่ดตี อ่ การดูแลสขุ ภาพ 1.2 การเรียนรูต้ ลอดชวี ติ - จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เน้นส่งเสริมและยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All) สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการดำเนนิ งาน กศน. จุดเนน้ การดาํ เนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2. ด้านการสรา้ งสมรรถนะและทกั ษะคณุ ภาพ 2.1 สง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษาตลอดชีวติ ทเ่ี น้นการพฒั นาทักษะท่ีจําเปน็ สำหรบั แต่ละช่วงวยั และ การจัดการศกึ ษาและการเรียนรทู้ ี่เหมาะสมกับแต่ละกลุม่ เปา้ หมายและบรบิ ทพ้นื ที่ สอดคล้องกบั ตวั ชี้วัดการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผรู้ บั บรกิ ารการศกึ ษาตามอัธยาศัย ตวั บง่ ชที้ ่ี 1.1 ผูร้ บั บรกิ ารมคี วามรู้ หรอื ทักษะ หรอื ประสบการณ์ สอดคลอ้ งกับ วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ หรือกจิ กรรมการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานที่ 2 คณุ ภาพการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตวั บง่ ชีท้ ี่ 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย ตวั บ่งชี้ที่ 2.2 ผ้จู ดั กจิ กรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ตัวบง่ ชี้ท่ี 2.3 สื่อหรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการจดั การศกึ ษาตาม อธั ยาศยั ตวั บ่งชท้ี ี่ 2.4 ผรู้ ับบริการมีความพึงพอใจต่อการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย
3 มาตรฐานท่ี 3 คณุ ภาพการบริหารจดั การของสถานศกึ ษา ตวั บง่ ช้ที ี่ 3.1 การบรหิ ารจัดการของสถานศึกษาทเี่ น้นการมสี ว่ นร่วม ตวั บ่งชท้ี ่ี 3.2 ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตวั บง่ ชี้ที่ 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตัวบง่ ชท้ี ี่ 3.7 การส่งเสรมิ สนับสนนุ ภาคเี ครอื ขา่ ยใหม้ สี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา ตัวบง่ ชี้ท่ี 3.8 การสง่ เสริม สนับสนนุ การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพิ่มข้อเหตุผล ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดขอ้ นนั้ จงึ ใหค้ ะแนนมากหรือน้อย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถ้วนเป็นระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มีการออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ตอ่ เนื่องและนำผลการประเมินที่ได้ไปวิเคราะหถ์ ึงอุปสรรค และนำไปวางแผน ปรับปรุง พัฒนาในปตี ่อไป 3. หลกั การและเหตุผล ห้องสมุดประชาชน เป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญของชุมชน มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีสื่อความรู้ ในการให้บริการและจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับ การศึกษา สร้างนิสัยรักการอ่าน ศึกษาค้นคว้า สนองความสนใจใฝ่รู้ รู้จักวิธีการค้นคว้าด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา ตลอดชีวิต ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ได้มอบหมายให้ห้องสมุดประชาชน อำเภอชนแดนจัดทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สู่ชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่านและการเรียนรู้อย่าง ต่อเนือ่ งตลอดชีวติ จัดกจิ กรรมการศึกษาตามอัธยาศยั ให้กบั ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และสนบั สนุนการจดั การศึกษา ให้กับประชาชนในชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการสร้างสังคมแห่งการ เรียนรใู้ นชมุ ชน 4. วตั ถุประสงค์ 4.1 เพอ่ื เพมิ่ ชอ่ งทางการเข้าถึงการอ่านในแหล่งเรียนรใู้ กลต้ วั และมหี นงั สือที่หลากหลายใหบ้ ริการ 4.2 เพอ่ื ส่งเสริมสนับสนุนใหป้ ระชาชน ทกุ ชว่ งวยั ใหม้ ีนสิ ัยรกั การอ่าน 4.3 เพื่อสง่ เสริมและสนับสนุนใหป้ ระชาชนในพื้นที่มอี าชพี
4 5. เป้าหมาย เชงิ ปรมิ าณ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทัว่ ไป จำนวน 200 คน เชงิ คุณภาพ 1. เพ่มิ ชอ่ งทางการเข้าถึงการอา่ นในแหลง่ เรยี นรใู้ กลต้ ัว และมหี นงั สือท่หี ลากหลายให้บรกิ าร 2. สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ประชาชน ทุกชว่ งวยั ให้มนี ิสยั รกั การอ่าน 3. สง่ เสริมและสนบั สนุนใหป้ ระชาชนในพน้ื ทม่ี อี าชีพ
6. วธิ ีดำเนินการ กิจกรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขั้นเตรียมการ ช เพื่อจัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการ ครูและบุคลากร ว 2. ประชุมกรรมการ ดำเนนิ งาน ศึกษา กศน. อำเภอชนแดน ช 3. จัดเตรยี มเอกสาร ข วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด จำนวน 21 คน จ ดำเนินโครงการ โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพ่อื อนมุ ัติ - แตง่ ตั้งกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ดำเนินงานทกุ ฝ่ายในการจดั กิจกรรม กศน. อำเภอชนแดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน 21 คน เพ่ือดำเนินการจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ การ มอบหมาย
5 กลุ่มเปา้ หมาย พนื้ ท่ดี ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชิงคณุ ภาพ) ธ.ค.64 - กศน. อำเภอ ช้ีแจงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์ บทบาทหน้าที่ กศน. อำเภอ ธ.ค.64 - ของกรรมการดำเนนิ งานโครงการ ชนแดน ม.ค.64 3,900.-บาท จดั ซอื้ วัสดุอปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ชนแดน
กจิ กรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย ส 4. ดำเนินการจดั กลมุ่ เปา้ หมาย แ กิจกรรม 1. รถหอ้ งสมุดเคล่ือนท่ี น 2. อา่ นดีมีอาชีพ นกั เรียน นกั ศึกษา ช 5. สรุป/ประเมนิ ผล 3. กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ น และประชาชนท่ัวไป และรายงานผล 4. ศลิ ปะประดิษฐ์ จำนวน 200 คน โครงการ 5. อา่ นผา่ นควิ อารโ์ ค้ด เพอ่ื ให้กรรมการฝา่ ยประเมนิ ผลเกบ็ ตามกระบวนการ ส รวบรวมขอ้ มูลและดำเนินการประเมินผล ประเมินโครงการ ต การจดั กิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
6 เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) พ้นื ทีด่ ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ - สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้นกั เรยี น นกั ศึกษา ตลาดนดั สถานีขนสง่ ธ.ค.64 ถงึ และประชาชนทัว่ ไปมนี สิ ัยรักการอา่ น เทศบาลตำบลชนแดน ม.ี ค.65 นำไปสู่ การเรียนรู้ และพฒั นาคุณภาพ ชวี ิตให้ดขี น้ึ สรปุ รายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ม.ี ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
7 7. วงเงนิ งบประมาณ แผนงาน : ยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โครงการ ขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ งบรายจ่ายอื่น ค่าใช้จ่ายใน การพัฒนาห้องสมุดประชาชนเคลื่อนที่ (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - มีนาคม 2565) รหัสงบประมาณ 7,00018 จำนวน 3,900 บาท (สามพนั เก้าร้อยบาทถ้วน) รายละเอียดดังนี้คือ คา่ วสั ดุ เป็นเงนิ 3,900 บาท รวมเปน็ เงนิ 3,900 บาท 8. แผนการใชจ้ า่ ยงบประมาณ แผนการใช้จ่ายรายไตรมาส ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสท่ี 3 ไตรมาสท่ี 4 - 3,900 - - 9. ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ ตำแหน่ง : บรรณารักษ์ชำนาญการ ชื่อ - สกุล : นางวารี ชบู วั เบอรโ์ ทรศัพท์มือถือ : 056 – 761667 เบอรโ์ ทรศัพทท์ ่ีทำงาน : 056 – 761667 อเี มลล์ : [email protected] ผรู้ ว่ มดำเนินการ ตำแหนง่ ครูอาสาสมคั รฯ นางสมบตั ิ มาเนตร์ ตำแหนง่ ครูอาสาสมัครฯ นางสาวลาวณั ย์ สิทธิกรวยแก้ว ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางลาวิน สเี หลอื ง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวมุจลินท์ ภูยาธร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารัตน์ สีสะอาด ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวณัฐชา ทาแน่น ตำแหนง่ ครูประจำศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวอษุ า ย่งิ สกุ ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนยก์ ารเรยี นชมุ ชน นายปณั ณวฒั น์ สขุ มา
8 นางสาววรางคณา น้อยจนั ทร์ ตำแหนง่ ครูประจำศูนยก์ ารเรียนชมุ ชน นายศวิ ณชั ญ์ อศั วสมั ฤทธิ์ ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหน่ง นกั จดั การงานท่ัวไป นายอำพล เพชรสขุ ตำแหน่ง พนักงานบรกิ าร 10. เครอื ขา่ ย 10.1 บา้ นหนังสอื ชุมชนบ้านหนองกลอย หมู่ 5 ตำบลตะกุดไร 10.2 โรงเรียนผูส้ ูงอายุตำบลชนแดน 10.3 โรงเรยี นบา้ นดงลาน หมู่ 16 ตำบลลาดแค 10.4 บ้านหนงั สือชุมชนบ้านผาทอง หมู่ 8 ตำบลพทุ ธบาท 10.1 บ้านหนงั สือชุมชนบา้ นโคกเจรญิ เหนอื หมู่ 13 ตำบลชนแดน 11.โครงการท่เี กย่ี วข้อง 11.1 โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศยั 11.2 โครงการพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น 11.3 โครงการประชาสัมพันธง์ าน กศน. 11.4 โครงการสง่ เสรมิ และพฒั นาประสทิ ธภิ าพการทำงานร่วมกับเครือข่าย 11.5 โครงการประกันคุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 เพม่ิ ช่องทางการเข้าถึงการอา่ นในแหลง่ เรียนรใู้ กล้ตัว และมีหนังสอื ทห่ี ลากหลายให้บรกิ าร 12.2 สง่ เสริมสนบั สนนุ ให้ประชาชน ทุกช่วงวัย ใหม้ นี ิสยั รักการอ่าน 12.3 ส่งเสรมิ และสนับสนุนให้ประชาชนในพ้นื ท่ีมอี าชีพ 13. ดชั นวี ัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 13.2 ตัวชวี้ ัดผลลพั ธ์ ( outcome ) นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทว่ั ไปรักการอา่ น เพื่อพฒั นาคุณภาพ ชวี ิตที่ดีขน้ึ 14. การตดิ ตามผลและประเมนิ ผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพงึ พอใจผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม / โครงการ 14.2 สรปุ /รายงานผลการจดั กจิ กรรม
9 บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ียวข้อง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่าน กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจท่ีจะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินท่ีจะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันท่ีจะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ท้ังน้ี การอ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหนง่ึ ในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของ คนเราได้เปน็ อยา่ งดยี ิ่ง เมื่อคนเราอ่านหนังสอื จะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความ เพลิดเพลิน การท่ีเด็กจะเกิดทักษะการอ่านหนังสือได้นั้นจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย ท้ังครอบครวั โรงเรยี นและชมุ ชน ในการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่านใหแ้ ก่เดก็
10 กจิ กรรมส่งเสริมการอ่านคอื การกระตุ้นด้วยวธิ ีการต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่านสนใจการอ่านจนกระทั่งมีนิสัย รักการอ่าน และได้พัฒนาการอ่านจนกระท่ังมีความสามารถในการอ่าน นำประโยชน์จาการอ่านไปใช้ได้ตรง ตามวตั ถุประสงค์ของการอ่านทกุ ประเภท (ฉววี รรณ คหู าภินันทน์, 2542 : 93) กรมวิชาการ (อ้างถึงใน ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์, 2542 : 93) ให้ความหมายว่า กิจกรรมส่งเสริมการ อ่านคอื การกระทำเพ่ือ 1. เร้าใจบุคคลหรือบุคคลท่ีเป็นเป้าหมายให้เกิดความอยากรู้ อยากอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือท่ีมี คณุ ภาพ 2. เพื่อแนะนำชักชวนให้เกิดความพยายามที่จะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความรู้จากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกดิ ความเข้าใจในเร่อื งต่างๆ ดีขึ้น 3. เพ่ือกระตุ้น แนะนำให้อยากรู้ อยากอ่านหนังสือหลายอย่าง เปิดความคิดให้กว้าง ให้มีการอ่าน ต่อเน่ืองจนเปน็ นิสยั พัฒนาการอา่ นจนถึงข้นั ทส่ี ามารถวเิ คราะห์เรื่องที่อา่ นได้ 4. เพ่ือสรา้ งบรรยากาศที่จูงใจให้อ่าน ดังนนั้ สามารถกล่าวได้วา่ กิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ น หมายถึงกิจกรรมต่างๆที่หอ้ งสมดุ จัด ขึน้ เพอื่ ส่งเสริม ใหเ้ กดิ การอ่านอย่างต่อเน่ืองจนกระท่ังเปน็ นิสัยรักการอ่าน เช่น การเล่านิทาน การเชดิ หุ่น การแสดงละคร การ แนะนำหนังสอื ทีน่ า่ สนใจ เป็นตน้ ลกั ษณะของกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นทีด่ ี 1. เร้าความสนใจ เช่น การจัดนิทรรศการที่ดึงดูความสนใจ การตอบปัญหา มีรางวัลต่างๆ การใช้ส่ือ เทคโนโลยใี หม่ๆเข้ามาชว่ ย 2. จูงใจใหอ้ ยากอ่านและกระตุ้นใหอ้ ยากอ่าน เชน่ ข่าวท่กี ำลังเป็นทสี่ นใจ หรือหวั ขอ้ เร่อื งทเี่ ป็นที่สนใจ เช่น การวิจัย การเตรยี มตัวสอบ การสมคั รงาน เป็นตน้ 3. ไม่ใช้เวลานาน ความยากงา่ ยของกิจกรรมเหมาะสมกับเพศ ระดบั อายุ การศกึ ษา 4. เปน็ กจิ กรรมท่ีมงุ่ ไปสหู่ นงั สือ วสั ดกุ ารอา่ น โดยการนำหนังสือหรือวัสดุการอ่านมาแสดงทุกคร้ัง 5. ให้ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ แฝงการเรียนรู้ตามอธั ยาศัยจากการร่วมกจิ กรรมด้วย ความหมายและความสำคญั ของห้องสมดุ หอ้ งสมุดประชาชน หมายถงึ ห้องสมุดทีต่ งั้ ขึน้ เพอ่ื ให้บริการแก่ประชาชน โดยไมจ่ ำกดั เพศ วัย เชื้อชาติ ศาสนา และพื้นความรู้ ให้บริการสารสนเทศครบทุกหมวดวิชา และอาจมีการบริการบางเรื่องเป็น พเิ ศษตามความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน และจะจัดให้บริการแกป่ ระชาชนโดยไมค่ ิดมูลค่า บทบาทหนา้ ที่ของห้องสมดุ ประชาชน มี 3 ประเภท คือ 1. หน้าที่ทางการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเป็นแหล่งให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าที่ให้ การศึกษาแกป่ ระชาชนท่ัวไป ทุกระดับการศกึ ษา 2. หนา้ ที่ทางวัฒนธรรม ห้องสมุดปะชาชนเป็นแหลง่ สะสมมรดกทางปัญญาของมนษุ ย์ ท่ีถ่ายทอดเป็น วฒั นธรรมท้องถนิ่ ทีห่ อ้ งสมุดต้งั อยู่
11 3. หน้าที่ทางสังคม ห้องสมุดประชาชนเป็นสถาบันทางสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและท้องถิ่น มาดำเนินกจิ การ จึงมหี นา้ ท่ี แสวงหาข่าวสารขอ้ มูลทีม่ ปี ระโยชนม์ าบริการประชาชน ห้องสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมหี นว่ ยงานต่างๆรับผิดชอบ ดงั น้ี 1. ห้องสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยังได้จัดที่อ่านหนังสือประจำ หมบู่ ้าน ทอ่ี ่านหนงั สอื ในวดั และหอ้ งสมดุ เคลอื่ นที่ 2. หอ้ งสมุดประชาชน สังกัดกรงุ เทพมหานคร มีทง้ั หมด 12 แห่ง ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพนิ ี หอ้ งสมุดประชาชนซอยพระนาง ห้องสมุดประชาชนปทุมวัน หอ้ งสมุดประชาชนอนงคาราม หอ้ งสมุดประชาชน วัดสังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมุดประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมุดประชาชนวัดรัชฎาธิษ ฐานวรวิหารตล่ิงชัน ห้องสมุดประชาชนประเวช ห้องสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุดประชาชนภาษี เจริญ ห้องสมุดประชาชนวัดราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เป็นห้องสมุดท่ีธนาคารพาณิชย์เปิดข้ึนเพื่อบริการสังคม และเพ่ือประชาสัมพันธ์กจิ การของธนาคารให้เป็นทรี่ จู้ กั แพร่หลาย เช่น หอ้ งสมดุ ประชาชนของธนาคารกรงุ เทพ จำกัด 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศ เช่น ห้องสมุดบริติชเคาน์ซิล ของรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ทตี่ ้งั อยบู่ รเิ วณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมุดประชาชนเสียค่าบำรุง ห้องสมุดประชาชนประเภทน้ีให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่าน้ัน โดยผู้ ที่เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงตามระเบียบของห้องสมุด ได้แก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ต้ังอยู่ท่ีถนนสุริวงศ์ กรงุ เทพมหานคร บทบาทและความสำคญั ของหอ้ งสมสดุ ตอ่ สงั คมในดา้ นตา่ ง ๆ 1. เป็นสถานท่ีเพ่ือสงวนรักษาและถา่ ยทอดวัฒนธรรม ห้องสมุดเปน็ แหล่งสะสมวิวัฒนาการของมนุษย์ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่มีแหล่งค้นคว้าประเภทห้องสมุดเป็นศูนย์กลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสูญหาย หรือกระจัดกระจายไปตามทตี่ า่ งๆ ยากแก่คนรุน่ หลังจะตดิ ตาม 2. เป็นสถานท่ีเพื่อการศึกษา ค้นคว้าวิจัย ห้องสมุดทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกรูปแบบ ทั้ง ในและนอกระบบการศึกษา เรม่ิ จากการศึกษาขั้นพ้นื ฐานถงึ ระดบั สูง 3. เป็นสถานที่สร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์และความจรรโลงใจ ห้องสมุดมีหน้าท่ีรวบรวมและ เลอื กสรรทรัพยากร สารสนเทศ เพอ่ื บริการแก่ผใู้ ช้ ซึ่งเปน็ ส่ิงที่มีคุณค่าผู้ใช้ได้ความคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลง ใจนานาประการ เกิดประโยชนแ์ กต่ นเองและสังคมต่อไป 4. เป็นสถานที่ปลูกฝังนิสัยรกั การอ่านและการเรียนรูต้ ลอดชีวิต ห้องสมุดจะช่วยให้บุคคลสนใจในการ อา่ น และรักการอา่ นจนเป็นนสิ ัย
12 5. เป็นสถานที่ส่งเสริมการาใช้เวลาว่างในเป็นประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานท่ีรวบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ตามความสนใจและอ่านเพื่อฆ่าเวลา อ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน หรืออ่านเพ่ือ สาระบนั เทิงได้ทั้งส้ิน นบั ว่าเป็นการพกั ผอ่ นอยา่ งมคี วามหมายและใหป้ ระโยชน์ 6. เป็นสถานท่ีส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ห้องสมุดเป็นสาธารณะสมบัติ มีส่วนส่งเสริมให้บุคคล รูจ้ กั สิทธแิ ละหนา้ ท่ีของพลเมือง กลา่ วคอื เมอื่ มสี ิทธิในการใช้ก็ย่อมมีสทิ ธิในการบำรงุ รักษารว่ มกนั และให้ความ ร่วมมอื กบั ห้องสมุดดว้ ยการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ แบบแผนของหอ้ งสมดุ ความหมายของสือ่ ส่ิงพิมพ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคาที่เกี่ยวกับ“สื่อส่ิงพิมพ์”ไว้ว่า “ส่ิงพิมพ์ หมายถึง สมุด แผ่นกระดาษ หรอื วัตถุใด ๆ ทพ่ี มิ พ์ขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนท่ี แผนผงั แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ใบประกาศ แผ่นเสยี ง หรือสิง่ อน่ื ใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน” “สื่อ หมายถึง ก. ทาการติดต่อให้ ถึงกัน ชักนาให้รจู้ ักกัน น. ผหู้ รอื ส่ิงท่ีทาการตดิ ต่อให้ถึงกัน หรือชกั นาใหร้ ู้จกั กนั ” “พิมพ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ , ใช้เคร่ืองจักรกดตัวหนังสือหรือภาพ เป็นต้นให้ติดบนวัตถุ เช่น แผ่นกระดาษ ผ้า ทาให้เป็นตัวหนังสือหรือรูป รอยอย่างใด ๆ โดยการกดหรือการใช้พิมพ์หิน เคร่ืองกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใด อันอาจให้เกิดเป็นส่ิงพิมพ์ข้ึน หลายสาเนา น. รูป , รูปร่าง, ร่างกาย, แบบ” ดังน้ัน “สื่อส่ิงพิมพ์” จงึ มีความหมายวา่ “ส่ิงท่ีพิมพ์ขึ้น ไม่ว่าจะ เป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ อันเกิดเป็นช้ินงานท่ีมีลักษณะเหมือน ต้นฉบับข้ึนหลายสา เนาในปรมิ าณมากเพ่ือเปน็ ส่ิงท่ีทาการตดิ ต่อ หรือชักนาให้บคุ คลอน่ื ไดเ้ ห็นหรือทราบ ขอ้ ความต่าง ๆ” สิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา หมายถึง สิ่งท่ีพิมพ์ขึ้นในรูปแบบต่างๆ ทั้งหนังสือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ท่ีให้ความรู้ เนื้อหาสาระท่ีมีประโยชน์ เช่น หนังสือเรียนภาษาไทย ป. 6 หรืออาจเป็นชุดภาพประกอบ การศึกษา เช่น ภาพประกอบการศกึ ษาชดุ อาหารไทย เปน็ ต้น และสามารถนามาใช้ในการศึกษาได้ ความเปน็ มา ส่ิงพิมพ์ถือได้ว่าเป็นสิ่งท่ีความสำคัญย่ิงควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็น ส่ือมวลชนประเภทหนึ่งท่ีมีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และ
13 เพ่ือการติดต่อ ส่ือสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสิทธิ์ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและ ความสาคัญของ สิ่งพิมพ์ ว่า “ส่ิงพิมพ์” นับเป็นวัสดุที่แสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวห น้าทางด้าน สติปัญญา ของมนุษย์ ความคิด จินตนาการ เจตคติ ความฝนั ชีวิต วฒั นธรรม สังคม เหตุการณ์ เร่ืองราวต่าง ๆ ของมนุษย์แต่ลายุคสมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหน่ึงไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเร่ืองการพิมพ์นี้ นอกเหนือจาก เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตุการณ์ต่างๆ แล้วยังเป็น เครื่องแสดงให้เห็นว่าชนชาติต่าง ๆ ในโลกนี้ล้วนมีความพยายามท่ีจะพัฒนาความคิดของตนให้เจริญก้าวหน้า ทันสมัยอย่างตอ่ เนื่อง ความคดิ ในเร่ืองการพิมพ์ที่มีจุดประสงค์เร่ิมแรกก็คงเพ่ือให้มีการแพร่หลายเรื่องความคิด ความรู้ ไปสู่ชนรุ่นหลัง และเพ่ือให้มีหลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีน้ัน ในยุคปัจจุบันชนรุ่น หลังได้สานต่อความคิดเรื่องการพิมพ์จนกระทั่งกลายเป็นเทคโนโลยีท่ีทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิต ส่ิงพิมพ์ไดห้ ลากหลายชนิดตอบสนองวัตถุประสงค์ของมนุษยชาติไดก้ ว้างขวางนอกเหนือจากสือ่ สิ่งพิมพ์จะเป็น สื่อมวลชนท่ีมคี วามเก่ียวกนั กับมนุษยชาติมานานนบั พนั ๆ ปี และมคี วามเก่าแกก่ วา่ สือ่ มวลชนประเภทอื่นไม่ว่า จะเปน็ วิทยุกระจายเสียง วทิ ยโุ ทรทัศน์ หรืออนิ เตอรเ์ น็ต ซง่ึ เป็นส่อื ประเภทหนงึ่ ท่ีมีการใช้แพรห่ ลายไปท่ัวโลก เช่นในปัจจบุ ันก็ตาม แต่ส่ือสิ่งพิมพ์ก็ยังเป็นสื่อท่ีมีการใช้อยา่ งแพร่หลายเป็นที่นิยมของทุกชนชาติมิได้ย่ิงหย่อน ไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อส่ิงพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือส่ิงพิมพ์ ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญท่ีทาให้สื่อส่ิงพิมพ์ยังเป็นท่ีนิยมแพร่หลายมาโดยตลอด ก็เพราะบุคคลสามารถ เลอื กอา่ นไดต้ ามความเหมาะสม อีกทงั้ ยังใชเ้ ป็นเอกสารอา้ งองิ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ประวัตกิ ารพิมพ์ในประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา ครสิ ต์ขน้ึ และหลงั จากน้ันหมอบรัดเลยเ์ ขา้ มาเมืองไทย และได้เร่ิมดา้ นงานพมิ พ์จนสนใจเป็นธุรกิจดา้ นการพมิ พ์ ในเมืองไทย พ.ศ.2382 ได้พิมพ์เอกสารทางราชการเป็นช้ินแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝ่ิน ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเม่ือวันที่ 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรกขึ้น คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างส้ัน ออก เดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ได้พิมพ์หนังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซื้อลิขสิทธิ์จาก หนังสือนิราศ ลอนดอนของหม่อมราโชทัยและได้เริ่มต้นการซ้ือขาย ลิขสิทธิหน่ายในเมืองไทย หมอบรัดเลย์ได้ถึงแก่กรรมใน เมืองไทยกิจการ การพิมพ์ของไทยจึงเริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากน้ันใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เคร่ืองพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นคร้ังแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเครื่องหล่อ เรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยได้จัดโรงพิมพ์ธนบัตรในเมืองไทย ขน้ึ ใช้เอง ประเภทของสือ่ สิ่งพมิ พ์เพื่อการศึกษา สอื่ ส่งิ พมิ พป์ ระเภทหนังสอื 1. หนงั สอื ตำรา เป็นส่ือที่พิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเนื้อหาวิชาอย่างละเอียด ชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรือภาพเขียนประกอบเพื่อเพิ่มความสนใจของผู้เรียน หนังสือตารานี้อาจใช้เป็นส่ือการ
14 เรียนในวชิ านั้นโดยตรงนอกเหนือจากการบรรยายในช้นั เรียน หรืออาจใช้เปน็ หนังสอื อ่านประกอบหรือหนังสือ อ่านเพิ่มเติมก็ได้ การใช้หนังสือในการเรียนการสอนนับว่ามีประโยชน์แก่ผู้เรียนท้ังในด้านการศึกษารายบุคคล เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถใช้อ่านในเวลาท่ีต้องการ และในด้านเศรษฐกิจเนื่องจากสามารถใช้อ่านได้หลายคนและ เก็บไว้ไดเ้ ป็นเวลานาน 2. แบบฝกึ ปฏบิ ัติ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนโดยมีเนื้อหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือเป็นการเพิ่มทักษะ หรือทดสอบผู้เรียน อาจมเี น้ือหาในรูปแบบคาถามให้เลือกคาตอบ หรือเป็นต้นแบบเพ่ือใหผ้ ู้เรียนฝึกปฏิบัติตาม โดยอาจมีรปู ประกอบเพื่อใหเ้ ขา้ ใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น แบบคัดตวั อกั ษร ก ไก่ เป็นตน้ 3. พจนานกุ รม เป็นหนังสอื ที่มีเน้ือหาเป็นคาศพั ท์และคาอธบิ ายความหมายของคาศัพท์ แตล่ ะคาน้ัน โดยการเรียงตาม ลาดับจากอักษรตัวแจกถึงตวั สดุ ท้ายของภาษาที่ตอ้ งการจะอธิบาย คาศพั ทแ์ ละคาอธิบายจะเป็นภาษาเดียวกัน หรอื ต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธบิ ายเปน็ ภาษาไทย หรือทั้งคาศัพท์และคาอธิบายต่างก็ เป็นภาษาอังกฤษ เปน็ ตน้ 4. สารานุกรม เป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นเพื่ออธิบายหัวข้อหรือข้อความต่างๆ ตามลาดับของตัวอักษร เพื่อให้ผู้อ่าน สามารถค้นคว้าเพอ่ื ความรูแ้ ละการอา้ งอิง โดยมีรปู ภาพ แผนภมู ิ ฯลฯ ประกอบคาอธิบายใหช้ ัดเจนยิ่งข้ึน 5. หนงั สือภาพและภาพชดุ ต่างๆ เป็นหนังสือที่ประกอบด้วยภาพต่างๆ ท่ีเป็นเรื่องเดียวกันตลอดท้ังเล่ม ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือภาพที่ พิมพ์สอดสีสวยงาม เหมาะแก่การเก็บไว้ศึกษาหรือเป็นที่ระลึก เช่น หนังสือภาพชุดพระที่น่ังวิมานเมฆ หรือ หนงั สอื ภาพชดุ ทศั นียภาพของประเทศต่างๆ เป็นต้น 6. วิทยานพิ นธแ์ ละรายงานการวิจยั เป็นสิ่งพิมพ์ท่ีพิมพ์ออกมาจานวนไม่มากนักเพื่อเผยแพร่ไปยังห้องสมุด สถาบันการศึกษาต่างๆ หรือ หนว่ ยงานที่เกีย่ วขอ้ งกับงานวิจยั นนั้ เพื่อใหผ้ ู้สนใจใช้เป็นเอกสารค้นคว้าข้อมูลหรือใช้ในการอ้างอิง 7. สิง่ พมิ พย์ ่อส่วน (Microforms) หนังสือที่เก่าหรือชารุดหรือหนังสือพิมพ์ท่ีมีอยู่เป็นจานวนมากย่อมไม่เป็นที่สะดวกในการเก็บรักษาไว้ จึงจำเป็นต้องหาวิธีเก็บสิ่งพิมพ์เหล่าน้ีไว้โดยอาศัยลักษณะการย่อส่วนลงให้เหลือเล็กที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ เพื่อ ประหยัดเนื้อท่ีในการเก็บรกั ษาและสามารถท่ีจะนำมาใช้ได้สะดวก จงึ มีวิธีการต่างๆ โดยอาศัยเนื้อที่ในการเก็บ รักษาและสามารถทจ่ี ะนามาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มวี ิธีการต่างๆ โดยอาศยั เทคโนโลยใี นการทาส่งิ พิมพ์ย่อสว่ น ได้แก่ ก. ไมโครฟลิ ม์ (Microfilm) เป็นการถ่ายหนังสือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟิลม์ ที่มีความกว้างขนาด 16 หรือ 35 มิลลิเมตร โดยฟิล์ม 1 เฟรมจะ บรรจุหนา้ หนังสอื ได้ 1-2 หน้าเรยี งติดต่อกันไป หนงั สือเล่มหน่ึงจะสามารถบันทกึ ลงบนไมโครฟิล์มโดยใช้ความ
15 ยาวของฟิล์มเพียง 2-3 ฟุต ตามปกติจะใช้ฟิล์ม 1 ม้วนต่อหนังสือ 1 เล่ม และบรรจุม้วนฟิล์มลงในกล่องเล็กๆ กล่องละม้วนเม่ือจะใชอ้ า่ นก็ใสฟ่ ลิ ์มเข้าในเคร่ืองอ่านทมี่ ีจอภาพหรือจะอัดสาเนาหนา้ ใดก็ไดเ้ ช่นกัน ข. ไมโครฟชิ (Microfiche) เป็นแผ่นฟิล์มแข็งขนาด 4 x 6 น้ิว สามารถบันทึกข้อความจากหนังสือโดยย่อเป็นกรอบเล็กๆ หลายๆ กรอบ แผน่ ฟลิ ์มนี้จะมีเนื้อทมี่ ากพอท่ีจะบรรจุหน้าหนงั สือทย่ี ่อขนาดแล้วได้หลายรอ้ ยหน้า ตวั อักษรที่ย่อจะมีสีขาวบน พ้ืนหน้าหนังสือสีดา สามารถอ่านได้โดยวางแผ่นฟิล์มลงบนเครื่องฉายท่ีขยายภาพให้ไปปรากฏบนจอภาพสา หรบั อา่ นและจะอ่านหนา้ ใดกไ็ ด้เลอื่ นภาพไปมา และยังสามารถนาไปพมิ พ์บนกระดาษและอัดสาเนาได้ดว้ ย สื่อส่ิงพิมพเ์ พ่อื เผยแพรข่ า่ วสาร – หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นส่ือสิ่งพิมพ์ท่ีผลิตข้ึนโดยนาเสนอเรื่องราว ข่าวสารภาพและความ คดิ เห็น ในลักษณะของแผ่นพมิ พ์ แผ่นใหญ่ ที่ใช้วิธีการพับรวมกัน ซึ่งส่ือส่ิงพิมพ์ชนิดนี้ ได้พิมพ์ออกเผยแพร่ทั้ง ลักษณะ หนังสอื พิมพ์รายวนั , รายสปั ดาห์ และรายเดือน – วารสาร, นิตยสาร เป็นสื่อส่ิงพิมพ์ท่ีผลิตข้ึนโดยนาเสนอสาระ ข่าว ความบันเทิง ที่มีรูปแบบการนา เสนอ ท่ีโดดเด่น สะดดุ ตา และสร้างความสนใจให้กับผู้อ่าน ทั้งนี้การผลิตน้ัน มกี าร กาหนดระยะเวลาการออก เผยแพร่ที่แน่นอน ทงั้ ลักษณะวารสาร, นติ ยสารรายปกั ษ์ (15 วัน) และ รายเดือน – จุลสาร เป็นสื่อส่ิงพิมพ์ที่ผลิตขึ้นแบบไม่มุ่งหวังผลกาไร เป็นแบบให้เปล่าโดยให้ผู้อ่านได้ศึกษาหา ความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็นครั้ง ๆ หรอื ลาดับตา่ ง ๆ ในวาระพิเศษ แสดงเนื้อหาเป็นข้อความท่ีผอู้ ่าน อา่ นแล้วเขา้ ใจง่าย ส่งิ พิมพ์อเิ ล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อส่ิงพิมพ์ที่ผลิตข้ึนเพ่ือใช้งานในคอมพิวเตอร์ หรือระบบเค รือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เปน็ ตน้ บทบาทของสื่อสง่ิ พิมพเ์ พ่ือการศกึ ษา บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในสถานศึกษา สื่อสิ่งพิมพ์ถูกนาไปใช้ในสถานศึกษาโดยทั่วไป ซึ่งทาให้ผู้เรียน ผู้สอนเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น เช่น หนังสือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหัดสามารถพัฒนาได้เป็นเน้ือหาในระบบ เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตได้ แนวทางการประยุกต์ใช้ส่ือส่ิงพิมพ์เพ่ือการเรียนการสอน หรือการศึกษา การใช้สิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาในการ เรยี นการสอนนัน้ จำแนกได้เป็น 3 วิธี คือ 1. ใชเ้ ปน็ แหล่งข้อมลู เก่ยี วกับวชิ าทีเ่ รยี น 2. ใช้เป็นวสั ดุการเรยี นรว่ มกบั สื่ออน่ื ๆ 3. ใชเ้ ป็นส่ือเสริมในการเรียนรแู้ ละเพมิ่ พูนประสบการณ์
16 จากวิธีการใช้สิ่งพิมพ์ทั้ง 3 วิธีนั้น ผู้สอนสามารถนาส่ิงพิมพ์ท้ังที่เป็นส่ิงพิมพ์ทั่วไป หรือสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา โดยเฉพาะมาใช้ในการเรียนการสอนก็ได้ ทั้งน้ีโดยพิจารณาตามลักษณะของสิ่งพิมพ์และลักษณะของการใช้ ดงั น้ี 1. สิ่งพมิ พท์ เี่ ขียนขึ้นในลักษณะของหนังสือตารา ใช้เพ่ือการศึกษาในระบบโรงเรยี นตามหลกั สูตร 2. สิ่งพิมพ์ที่เขียนข้ึนในลักษณะบทเรียนสาเร็จรูปเพื่อง่ายต่อการศึกษาด้วยตนเอง เหมาะสาหรับใช้ใน การศกึ ษาทางไกลร่วมกับสือ่ อื่นๆ เช่น โทรทัศน์ เทปเสียงสรุปบทเรียน และการสอนเสรมิ เป็นตน้ 3. สิ่งพิมพ์เสริมการเรียนการสอน เช่น แบบฝึกปฏิบัติ คู่มือเรียน ฯลฯ อาจใช้ร่วมกับสื่อบุคคลหรือ สื่อมวลชนประเภทอืน่ ๆ ได้ 4. ส่ิงพิมพ์ทั่วๆ ไป เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ที่มีคอลัมน์หรือบทความท่ีให้ประโยชน์ ผู้สอนอาจ แนะนาให้ผูเ้ รียนอา่ นเพอ่ื เพิ่มพูนความรู้หรือเพ่ือนามาใชอ้ า้ งองิ ประกอบการค้นควา้ 5. ส่ิงพิมพ์ประเภทภาพชุด เป็นการให้ความรู้ทางรูปธรรมเพ่ือใช้ในการเสริมสร้างประสบการณ์ ทาให้ ผู้เรียนเข้าใจเหตุการณ์เรื่องราวหรือสงิ่ ที่เป็นนามธรรมได้ชดั เจนขึ้น เชน่ ภาพชุดชีวติ สัตว์ หรือภาพชุด พระราชพิธจี รดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นต้น (สานักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร, 9 กนั ยายน 2553) ประโยชน์และคณุ ค่าของสอื่ สิ่งพมิ พเ์ พือ่ การศกึ ษา 1. ส่อื ส่งิ พมิ พส์ ามารถเก็บไวไ้ ดน้ าน สามารถนามาอา่ นซา้ แล้วซา้ อกี ได้ 2. สอื่ สง่ิ พมิ พเ์ ปน็ สอื่ ท่มี ีราคาถูกเมื่อเทียบกบั สื่ออ่ืนๆ 3. สอื่ ส่ิงพิมพเ์ ป็นสื่อที่ใชง้ า่ ย ไม่ยุ่งยาก 4. ส่ือส่ิงพิมพ์เป็นสื่อท่ีจัดทาได้ง่าย โดยครูผู้สอนสามารถทาได้เองได้ มีวิธีทาท่ีไม่ยุ่งยากซับซ้อน เช่น ใบงาน ใบความรู้ เป็นต้น ขอ้ ดแี ละข้อจากดั ของสือ่ สงิ่ พิมพเ์ พ่ือการศกึ ษา ข้อดี 1. สามารถอ่านชา้ ทบทวน หรืออา้ งองิ ได้ 2. เปน็ การเรยี นรู้ทดี่ ีสาหรบั ผูท้ สี่ นใจ 3. เปน็ การกระตนุ้ ใหค้ นไทยรกั การอา่ น ขอ้ จำกดั 1. ผู้มปี ัญหาทางสายตา หรอื ผ้สู ูงอายอุ า่ นไมส่ ะดวกในการใช้
17 2. ขอ้ มูลไมส่ ามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ขได้ทันท่วงทไี ด้ 3. ผู้ไม่รหู้ นังสอื ไม่สามารถเข้าถงึ ได้ ความหมายของสอื่ ออนไลน์ ความหมายของสื่อสงั คมออนไลน์ ส่ือสังคมออนไลน์ หมายถึง ส่ือดิจิทัลที่เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคม(Social Tool) เพื่อใช้ ส่ือสารระหวา่ งกันในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผ่านทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกตบ์ นสื่อใดๆ ทม่ี กี ารเชื่อมต่อกบั อนิ เทอร์เน็ต โดยเน้นใหผ้ ู้ใช้ท้ังทีเ่ ป็นผสู้ ่งสารและผู้รับสารมสี ่วนร่วม (Collaborative) อย่าง สร้างสรรค์ ในการผลิตเน้อื หาขึ้นเอง (User-GenerateContent:UGC) ในรูปของขอ้ มลู ภาพและเสียง สำหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลีย่ งหรือหนคี ำวา่ Social Media ไปไม่ได้ เพราะไมว่ ่าจะไปทไี่ หน ก็จะพบ เห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมา รู้จักความหมายของมันกันครบั คำวา่ “Social” หมายถงึ สังคม ซง่ึ ในท่นี ี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมขี นาดใหม่มากในปัจจุบัน คำว่า “Media” หมายถงึ สือ่ ซงึ่ กค็ ือ เน้อื หา เรื่องราว บทความ วดี ีโอ เพลง รูปภาพ เปน็ ตน้ ดังน้ันคำว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลนท์ ี่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผา่ นเครือข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ พูดงา่ ยๆ กค็ อื เว็บไซต์ทบี่ ุคคลบนโลกน้สี ามารถมปี ฏิสัมพนั ธ์โ้ตต้ อบกันไดน้ ัน่ เอง พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อส่ือสาร หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บท่ีแสดงเน้ือหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่ สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมอื่ เทคโนโลยีเว็บพัฒนาเขา้ สูย่ ุค 2.0 ก็มกี ารพัฒนาเว็บไซต์ท่ีเรียกว่า web application ซ่ึงกค็ ือเว็บไซตม์ แี อพลิเคชนั หรอื โปรแกรมตา่ งๆ ที่มาและความสำคญั ส่ือสังคมออนไลน์กลับส่งอิทธิพลลบต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของคนในสัง คมอย่างชัดเจน มากยิ่งขึน้ จนกลายเปน็ ประเด็นทางสังคม ท่ีทง้ั สื่อ บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคัญในการ ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาเหล่าน้ี ส่ือสังคมออนไลน์ใช้ส่อื สารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม ผ่านทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์ บนสื่อใดๆ ท่ีมีการเช่ือมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ท้ังที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม อย่าง สรา้ งสรรค์ ในการผลติ เน้อื หาข้ึน ในรูปของขอ้ มูล ภาพ และเสียง ทั้งน้ีการใช้สื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เล่นในประมาณท่ีพอเหมาะ เพ่ือเป็นผลดตี ่อสายตาและรา่ งกาย ประเภทส่อื สังคมออนไลน์ ประเภทของส่ือสังคมออนไลน์ มีด้วยกันหลายชนิด ข้ึนอยู่กับลักษณะของการนำมาใช้โดยสามารถ แบง่ เป็นกลมุ่ หลกั ดังน้ี 1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ ว่า Blogs คือ สื่อส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตท่ีใช้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร
18 ความรู้ ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้าไปอ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ซ่ึงการแสดงเน้ือหาของบล็อกน้ันจะเรียงลำดับจากเน้ือหาใหม่ไปสู่เน้ือหาเก่า ผเู้ ขยี นและผู้อ่านสามารถคน้ หาเนอื้ หาย้อนหลงั เพอื่ อา่ นและแก้ไขเพิม่ เติมได้ตลอดเวลา เชน่ Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ต ซ่ึงเป็นเครือข่ายทางสังคมที่ใช้สำหรับ เชื่อมต่อระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล เพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม(Social Community) เพ่ือร่วมกันแลกเปลี่ยน แ ล ะ แ บ่ งปั น ข้ อ มู ล ร ะ ห ว่ า งกั น ท้ั ง ด้ า น ธุ ร กิ จ ก า ร เมื อ ง ก า ร ศึ ก ษ า เช่ น Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือที่เรียกกันวา่ “บล็อกจ๋ิว” ซึ่งเป็นเว็บเซอร์วสิ หรือเว็บไซต์ ท่ีให้บริการแก่บุคคลท่ัวไปสำหรับให้ผู้ใช้บริการเขียนข้อความส้ันๆ ประมาณ 140 ตัวอักษรที่ เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพื่อแสดงสถานะของตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่หรือแจ้งข่าวสารต่างๆแก่ กลุ่มเพื่อนในสังคมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ทั้งนี้การกำหนดให้ใช้ข้อมูลในรูป ข้อความสั้นๆ ก็เพื่อให้ผู้ใช้ท่ีเป็นทั้งผู้เขียนและผู้อ่านเข้าใจง่าย ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Twitter 4. Online Video เป็นเว็บไซต์ท่ีให้บริการวิดโี อออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันได้รบั ความนิยม อย่างแพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากเนื้อหาที่นำเสนอในวิดีโอออนไลน์ไม่ถูกจำกัดโดยผัง รายการที่แน่นอนและตายตัวทำให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างต่อเน่ืองเพราะไม่มีโฆษณาค่ัน รวมทั้งผู้ใช้สามารถเลือกชมเน้ือหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเช่ือมโยงไปยังเว็บวิดีโออ่ืนๆ ที่ เกี่ยวข้องได้จำนวนมากอกี ดว้ ยเช่น Youtube, MSN, Yahoo 5. Poto Sharing เป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลดและดาวน์ โหลดรปู ภาพเพื่อนำมาใช้งานได้ ที่สำคัญนอกเหนอื จากผู้ใช้บริการจะมีโอกาสแบ่งปันรูปภาพแล้ว ยังสามารถ ใช้ เป็ น พื้ น ท่ี เพื่ อ เส น อ ขายภ า พ ท่ี ต น เอ งน ำเข้ าไป ฝ ากได้ อี ก ด้ วย เช่ น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเว็บไซต์ท่ีมีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge)ซึ่งผู้เขียนส่วนใหญ่ อาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสร้างโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหนึ่งของชีวิตลงไป จัดเป็นส่ือสังคม อ อ น ไล น์ ท่ี บ ร ร ด าผู้ ท่ อ ง โล ก ไซ เบ อ ร์ ใช้ เพื่ อ สื่ อ ส าร ร ะ ห ว่ า งกั น บ น อิ น เท อ ร์ เน็ ต ใน ลั ก ษ ณ ะ โล ก เส มื อ น จริง (Virtual Reality) ซ่ึงผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษัทหรือองค์การด้านธุรกิจ ด้านการศึกษา รวมถึง องค์การด้านสื่อ เช่น สำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพ้ืนท่ีเพื่อให้บุคคล ในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางในการนำเสนอเร่ืองราวต่างๆ ไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ใช้ส่ือออนไลน์ ซ่ึงอาจจะ เป็นกลุ่ม ลูกค้าท้ังหลัก และรองหรอื ผูท้ ี่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ท่ีใช้
19 หลัก Virtual Worlds ท่ีประสบผลสำเรจ็ และมีช่ือเสยี ง คอื Second life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เป็นหลักการขอ ความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรูปของเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อค้นหาคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธุรกิจ การศึกษา รวมท้ังการส่ือสาร โดยอาจจะเป็นการ ดึงความร่วมมือจากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจสอบข้อมูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ กลุ่ม คนท่ีเข้ามาให้ขอ้ มูลอาจจะเป็นประชาชนท่ัวไปหรือผู้มีความเชยี่ วชาญเฉพาะด้านทีอ่ ยูใ่ นภาคธุรกิจหรือแม้แต่ ในสังคมนักข่าว ข้อดีของการใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิดเพื่อ นำ ไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคัดกรองข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาสาธารณะ รว่ มกนั ได้ เชน่ Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting ห รื อ Podcast ม า จ า ก ก า ร ร ว ม ตั ว ข อ ง ส อ ง ค ำ คื อ “Pod” กั บ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรือ PersonalOn - Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคล ส่วน “Broadcasting” เป็นการนำสื่อต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวง่ายๆ Podcast คือ การบันทึกภาพและเสียงแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพ่ือเผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ทส่ี นใจดาวน์โหลดเพือ่ นำไปใช้งาน เช่น Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดท่ีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความคิดเห็น โดย อาจจะเก่ียวกับ สินค้าหรือบริการ ประเด็นสาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp ประโยชน์ของ Social networks เครือข่ายสังคมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ความร้ใู นสิง่ ท่ีสนใจร่วมกันได้ 2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปล่ียนความรู้ หรือ ต้งั คาถามในเร่ืองต่างๆ เพ่ือใหบ้ คุ คลอนื่ ทสี่ นใจหรือมีคาตอบได้ชว่ ยกนั ตอบ 3. ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ต่อสอ่ื สารกบั คนอน่ื สะดวกและรวดเรว็ 4. เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพ่ือให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชม และแสดงความคิดเหน็ 5. ใช้เป็นส่ือในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรอื บริการลกู ค้าสาหรบั บริษทั และองค์กรตา่ งๆ ช่วยสร้างความ เชอ่ื มน่ั ใหล้ ูกค้า 6. ชว่ ยสร้างผลงานและรายไดใ้ หแ้ กผ่ ใู้ ช้งาน เกิดการจา้ งงานแบบใหม่ๆ ขึน้ 7. คลายเครียดได้สำหรบั ผู้ใชท้ ตี่ อ้ งการหาเพ่ือนคุยเลน่ สนุกๆ 8. สร้างความสมั พันธท์ ่ดี ีจากเพือ่ นส่เู พื่อนได้ ความหมายของอาชีพ
20 อาชีพ หมายถึง การทำกจิ กรรม การทำงาน การประกอบการที่ไม่เปน็ โทษแก่สังคม และมีรายได้ตอบ แทน โดยอาศัยแรงงาน ความรู้ ทักษะ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ วิธีการ แตกต่างกันไปกลุ่มอาชีพตามลักษณะการ ประกอบอาชีพ มี 2 ลักษณะ คือ อาชพี อสิ ระ และอาชพี รบั จา้ ง 1. อาชีพอิสระ หมายถงึ อาชีพทุกประเภทท่ีผปู้ ระกอบการดำเนินการดว้ ยตนเอง แต่เพียงผู้เดียวหรือ เป็นกลุ่ม อาชีพอสิ ระเป็นอาชีพท่ีไม่ต้องใชค้ นจำนวนมาก แต่หากมีความจำเป็นอาจมกี ารจา้ งคนอ่ืนมาช่วยงาน ได้ เจ้าของกิจการเป็นผู้ลงทุน และจำหน่ายเอง คิดและตัดสินใจด้วยตนเองทุกเรื่อง ซ่ึงช่วยให้การพัฒนางาน อาชีพ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ เช่น ขายอาหาร ขายของชำ ซ่อม รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ในการประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ ความสามารถในเร่ือง การ บรหิ าร การจัดการ เช่น การตลาด ทำเลท่ตี งั้ เงนิ ทุน การตรวจสอบ และประเมินผล เป็นต้น นอกจากน้ยี ังต้อง มีความอดทนต่องานหนัก ไม่ถ้อถอยต่อ ปัญหาอปุ สรรคทีเ่ กิดขึ้น มีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ และมองเห็นภาพ การดำเนนิ งาน ของตนเองไดท้ ะลุปรโุ ปรง่ 2. อาชีพรับจ้าง หมายถึง อาชีพท่ีมีผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการ โดยตัวเองเป็นผู้รับจ้าง ทำงานให้ และ ได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง หรือเงินเดือน อาชีพรับจ้างประกอบด้วย บุคคล 2 ฝ่าย ซ่ึงได้ตกลงว่าจ้างกัน บุคคลฝา่ ยแรกเรยี กว่า \"นายจ้าง\" หรือผู้ว่าจ้าง บุคคลฝ่ายหลังเรียกว่า \"ลูกจ้าง\" หรือผู้รับจ้าง มีค่าตอบแทนท่ีผู้ ว่าจ้างจะต้องจา่ ยใหแ้ ก่ ผรู้ ับจา้ งเรียกว่า \"คา่ จา้ ง\" การประกอบอาชีพรับจ้าง โดยทั่วไปมีลักษณะ เป็นการรับจ้างทำงานในสถาน ประกอบการหรือ โรงงาน เป็นการรับจ้างในลักษณะการขายแรงงาน โดยได้รับค่าตอบ แทนเป็นเงนิ เดือน หรือค่าตอบแทนท่ีคิด ตามชิน้ งานท่ที ำได้ อัตราค่าจา้ งขึน้ อยกู่ บั การกำหนด ของเจ้าของสถานประกอบการ หรือนายจ้าง การทำงานผู้รับจ้างจะทำอยู่ภายในโรงงาน ตามเวลาท่ี นายจ้างกำหนด การประกอบอาชีพรับจ้างในลักษณะนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องเสี่ยง กับกาลงทุน เพราะลูกจ้างจะใช้ เคร่ืองมือ อุปกรณ์ท่ีนายจ้างจัดไว้ให้ทำงานตามท่ีนายจ้าง กำหนด แต่มีข้อเสีย คือ มักจะเป็นงานท่ีทำซ้ำ ๆ
21 เหมือนกันทุกวัน และต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของนายจ้าง ในการประกอบอาชีพรับจ้างน้ัน มีปัจจัยหลาย อย่างท่ีเอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบอาชีพ รับจ้างมีความเจริญก้าวหน้าได้ เช่น ความรู้ ความชำนาญในงาน มีนิสัย การทำงานท่ีดี มีความกระตือรือร้น มานะ อดทน ในการทำงาน ยอมรับกฎเกณฑ์และเช่ือฟังคำส่ัง มีความ ซ่อื สัตย์ สุจริต ความขยันหมั่นเพียร รับผดิ ชอบ มมี นษุ ยสัมพันธท์ ่ีดี รวมท้งั สุขภาพอนามัยท่ีดี อาชีพต่าง ๆ ใน โลกมีมากมาย หลากหลายอาชีพ ซ่ึงบุคคลสามารถจะเลือกประกอบ อาชีพได้ตามความถนัด ความต้องการ ความชอบ และความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ ประเภทใด จะเป็นอาชีพอิสระ หรืออาชีพรับจ้าง ถ้าหากเป็น อาชีพท่ีสุจริตย่อมจะทำให้ เกิดรายได้มาสู่ตนเอง และครอบครัว ถ้าบุคคลผู้นั้นมีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ตลอดจน มีความรู้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ จะทำใหม้ องเห็นโอกาสในการเข้าสู่อาชพี และพัฒนา อาชพี ใหม่ ๆ ให้เกิดขนึ้ อยเู่ สมอ หอ้ งสมดุ เคลื่อนท่ี ความหมายของห้องสมดุ เคล่ือนท่ี ห้องสมุดเคล่ือนที่ (Mobile library) เป็นบริการสารสนเทศเคล่ือนที่ นับเป็นการจัดบริการในเชิงรุก โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมการอ่าน และการให้ความรู้และความบันเทิงแก่ผู้ที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งข้อมูล โดยนำทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น ส่ือสิ่งพิมพ์ ส่ือโสตทัศน์ เกมส์ ของเล่น ฯลฯ ไปยังชุมชนด้วย พาหนะ ประเภทต่างๆ เช่น รถ รถไฟ เรือ ฯลฯ หรือบางแห่งอาจใช้วิธีการเดินทางด้วยเท้าในกรณีท่ีสามารถ เขา้ ถงึ ดว้ ยพาหนะอนื่ การดำเนินการห้องสมุดเคลื่อนที่ สามารถใช้วัสดุ อุปกรณ์ประเภทต่างๆ บรรจุทรัพยากรสารสนเทศ เคลอื่ นยา้ ยไปยงั สถานท่ีต่างๆ เชน่ กล่องหนังสอื ถงุ หนงั สือ ยา่ มหนงั สือ กระเป๋าหนงั สือเป็นตน้ ส่วนใหญ่ การดำเนินการห้องสมุดเคล่ือนที่ของประเทศไทยอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานด้าน การศึกษาของรัฐ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งเป็นงานบริการประเภทหน่ึงของห้องสมุดประชาชน ยิ่งกว่าน้ัน ปัจจุบันห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ภาควิชาบรรรารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ รวมทั้งชมรม นักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับห้องสมุดเคล่ือนท่ี มีการจัดโครงการหลายโครงการที่ เข้าข่ายห้องสมดุ เคลอ่ื นท่ี การดำเนินงานห้องสมุดเคล่ือนท่ีจะประสบผลสำเร็จได้นั้น หน่วยงานที่ดำเนินการ ควรประสานขอ ความร่วมมือกับหน่วยงานอ่ืนๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมท้ังกลุ่มบุคคลหรือบุคคลท่ีเป็นผู้นำชุมชน เช่น พระ กำนัน ผู้ใหญบ่ ้าน เป็นตน้ สำหรับการขอความชว่ ยเหลอื จากหน่วยงานเอกชน อาจเป็นการขอรับการสนับสนุน พาหนะ วัสดอุ ุปกรณ์และงบประมาณในการดำเนินงาน การจัดกิจกรรมห้องสมุดเคล่ือนที่ เป็นการจดั บรกิ ารโดยใชแ้ นวคิดท้ังงานห้องสมดุ และศูนย์การเรียน ซ่ึงอาจจัดการเรียนการสอนหลักสูตรส้ันๆ ร่วมไปกับงานบริการพ้ืนฐานของห้องสมุด เช่น บริการการอ่าน บริการยืม-คืน เป็นต้น นอกจากน้ี อาจเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการในการออกให้บริการห้องสมุด เคลื่อนทีแ่ ตล่ ะครัง้ ด้วย
22 ความสำคญั ของหอ้ งสมดุ เคล่ือนที่ ห้องสมุดเคล่ือนท่ีนับเป็นรูปแบบหน่ึงของกาารบริการความรู้สู่ชุมชน ท่ีมีความสำคัญในด้านต่างๆ ดงั น้ี 1. เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาอยา่ งทั่วถึง และส่งเสริมการศกึ ษาตลอดชีวิตแกป่ ระชาชน เพ่ือ พัฒนาตนเอง สังคมประเทศชาตติ ่อไป ทั้งน้ีเพราะห้องสมุดเคลอ่ื นทม่ี ีลักษณะเคล่ือนย้ายความรู้ไปสู่พ้ืนที่ต่างๆ ซ่ึงสอดคล้องกับแนวศึกษาสมัยใหม่ของรฐั โดยเห็นได้จากพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมวด ท่ี 4 มาตราที่ 25 ระบุ ไว้ว่า “ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชน พพิ ิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสตั ว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อทุ ยานวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ศูนย์กีฬาและนันทนาการ และแหล่งเรียนรู้อื่นอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ” (สำนัก คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ 2542 : 14) 2. เป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งสารสนเทศ ทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ การ คมนาคมไม่สะดวก และด้อยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งสารสนเทศได้มีโอกาสสามารถรับรู้ข่าวสารในสาขาวิชา การตา่ งๆ ไดม้ ากขึ้น 3. เป็นการส่งเสริมการอ่านให้ประชาชนได้รับความรู้ความเพลิดเพลินจากการอ่าน เห็นคุณค่าของ การอา่ น และปลกู ฝังนสิ ัยรักการอา่ นรวมท้ังปอ้ งกนั การไมร่ ้แู ละการลืมการรหู้ นังสือ 4. เป็นการสง่ เสรมิ ให้ประชาชนรู้จกั ใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ เพื่อพัฒนาตนเอง อันเป็นพ้ืนฐานที่ จะนำไปสคู่ วามก้าวหน้าของสงั คมและประเทศชาติต่อไป ประเภทของห้องสมุดเคลอื่ นที่ ห้องสมุดเคลื่อนท่ีสามารถดำเนินการได้ในหลายลักษณะทั้งทางบกและทางน้ำ ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับสภาพ การคมนาคมหรือท้องถิ่นที่ชุมชนต้ังอยู่ เท่าท่ีผ่านมาหน่วยงานหลายแห่งได้จัดห้องสมุดเคลื่อนที่ในลักษณะ ต่างๆ ห้องสมุดเคลื่อนที่บางแห่งยุติการดำเนินงานไปแล้ว บางแห่งยังคงดำเนินการอยู่ ซ่ึงเป็นจุดด้อยของ ห้องสมุดเคล่ือนท่ี ท่ีมักดำเนินการไม่ต่อเน่ือง ด้วยเหตุผลจากการขาดการเอาใจใส่ การขาดงบประมาณและ บคุ ลากรในการดำเนินการอย่างต่อเน่อื งและจรงิ จงั 1. ห้องสมดุ เคลอื่ นท่ีทางน้ำ เป็นการบริการท่ีมุ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยใช้เรือเป็นพาหนะ หรือที่ เรียกว่าห้องสมุดเรือหรือห้องสมุดลอยน้ำ เพื่อบริการแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำหรือตามริมน้ำ เน่ืองจากประชาชนท่ีอาศัยอยู่ริมน้ำ มีวิถิชีวิตและการเดินทางสัญจร โดยทางน้ำเป็นหลัก ปัจจุบันหน่วยงานท่ี จัดหอ้ งสมุดเคลอ่ื นทีท่ ี่นา่ สนใจคอื - เรือห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ ดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้รับความร่วมมือจาก กองทัพเรือมอบเรือที่ปลดระวางการใช้งานแล้วและดัดแปลงเป็นห้องสมุดเคล่ือนที่ ทรัพยากรสารสนเทศท่ี ให้บริการ ประกอบด้วยหนังสือหลากหลายประเภท วีดิทัศน์และบทเรียนสำเร็จรูป บริการสารสนเทศที่จัดคือ
23 บริการการอ่าน บรกิ ารยืม-คนื บริการจองหนังสอื ส่วนการจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การใช้บริการนั้นมีหลายลักษณะ อาทิ การแข่งขนั ตอบปญั หาชงิ รางวลั การวาดภาพ การแขง่ ขันการอา่ นและการเขยี น เปน็ ตน้ การให้บริการจะแล่นลอยลำไปให้บริการตาามจุดต่างๆ ท่ีกำหนดไว้ ในแต่ละวันจอด ให้บรกิ ารตาม ท่าทกี่ ำหนด ทั้งน้จี ะมีตาราง ประชาสมั พันธ์การให้บรกิ ารลว่ งหนา้ - เรือนางนพมาศ ดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรือขนาด 2 ชั้น รูปแบบของ กจิ กรรมการให้บริการแบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะได้แก่เป็นห้องสมุดเคลื่อนทีแ่ ละศูนยก์ ารเรียนเคล่อื นทีท่ างน้ำ การจัดบริการเรือนางนพมาศน้ัน มีการจัดทรัพยากรสารสนเทศหลายประเภท โดยเน้นหนังสือท่ีมี เนื้อหาสอดคล้อง กับชีวติ ประชาชนริมนำ้ ท่ีเก่ียวกับด้านสุขภาพอนามยั กฎหมายท่ีเก่ียวกับชีวิตประจำวัน เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายครอบครัว กฎหมายที่ดิน เป็นต้น รวมท้ังหนังสือด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ของกรุงเทพมหานคร วัฒนธรรม ประเพณี และอารยธรรมแถบลุ่มน้ำ นอกจากนี้มีสอื่ โสตทศั น์ประเภทวีดิทัศน์ และแถบเสยี งท่ีมเี น้ือหาส่งเสรมิ ด้านอาชีพ สารคดี ธรรมะและบันเทงิ 2. ห้องสมดุ เคลอ่ื นท่ีทางบก เป็นการจัดห้องสมุดเคล่ือนที่โดยใช้รถประเภทต่างๆ เป็นพาหนะให้บริการเคลื่อนท่ีไปตามชุมชนใน ท้องที่ต่างๆ ทั้งในชนบทและในเขตเมือง เช่น ชุมชนแออัด เขตก่อสร้าง โรงงานเป็นต้น ห้องสมุดเคลื่อนท่ีทาง บกท่ีนา่ สนใจคือ - รถห้องสมุดศูนย์การเรียนเคล่ือนที่ เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ท่ีใช้รถประจำทางขององค์การขนส่ง มวลชนกรุงเทพเป็นพาหนะ และดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ มีรถใช้ดำเนินการอยู่ 3 คัน รถแต่ละคัน จัดบริการแตกต่างกัน รถคันที่ 1 สำหรับบริการเด็กในชุมชนแออัด เขตก้อสร้าง มูลนิธิสงเคราะห์ต่างๆ และ โรงเรียนที่ขาดแคลนหนังสือ โดยจัดบริการเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร รถคันท่ี 2 บริการกลุ่มนักศึกษา การศึกษานอกระบบที่มีการจัดกิจกรรมการพบกลุ่ม โดยจัดในบริเวณโรงเรียน วัด โรงงาน ส่วนรถคันท่ี 3 สำหรับบริการประชาชนท่ัวไป โดยจัดตามสถานที่ต่างๆ เช่นบ้านคนชราบางแค ชุมชนแออัด ฯลฯ ท้ังน้ี ทรัพยากรสารสนเทศ และกิจกรรมที่จัดในรถแต่ละคันจะเลือกหนังสือและกิจกรรมที่เหมาะสม กับ กล่มุ เป้าหมายทีม่ าใช้บรกิ าร - ห้องสมุดเคลื่อนท่ีรถพ่วงขนาดเล็ก เป็นห้องสมุดที่ใช้รถพ่วงขนาดเล็กเป็นพาหนะ ดำเนินการโดย ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โดยดัดแปลงภายในเป็นชั้นหนังสือ ด้านข้างของรถทั้ง 2 ด้าน เป็นบอร์ดนิทรรศการ ทรัพยากรสารสนเทศท่ีให้บริการ ประกอบด้วยหนังสือท่ีเน้น หนังสือเด็ก หนังสือแนะนำอาชีพ วีดิทัศน์ และเกมส์ต่างๆ นอกจากบริการห้องสมุดแล้ว ยังมีการฝึกฝนอาชีพ ง่ายๆ เช่น การตัดผม การซ่อมรถ เป็นต้น การออกให้บริการจะหมุนเวียนไปในชนบทท่ีขาดแคลน การรับรู้ ข่าวสารประมาณเดือนละ 2-3 คร้งั นอกจากนี้ การจัดห้องสมุดเคลื่อนท่ียังสามารถดำเนินการได้โดยนำทรัพยากรสารสนเทศ บรรจุใส่ใน อุปกรณ์ประเภทต่างๆ นำเคลื่อนย้ายออกให้บริการในสถานท่ีต่างๆ วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ บรรจุทรัพยากร
24 สารสนเทศเคลื่อนท่ีไปให้บริการในที่ต่างๆ มีหลายประเภท ตัวอย่างโครงการห้องสมุดเคลื่อนท่ีท่ีใช้ วัสดุ อปุ กรณบ์ รรจทุ รพั ยากรสารสนเทศท่ีนา่ สนใจ คือ - โครงการชุดความรู้สู่ชนบท ของสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ใช้กล่องหนงั สือเคล่ือนย้าย ไปสถานทีต่ ่างๆ ภายในกล่องบรรจหุ นงั สอื แผ่นพับ ภาพ ฯลฯ โยแต่ละกลอ่ งมีหัวเรื่องกำกบั ไว้ชัดเจน ภายใต้ ฝาเปิด - ปิด แต่ละกล่องมีการแจ้งรายการวัสดุ ที่อยู่ภายในกล่อง ผู้ประสงค์ใช้บริการสามารถเลือกอ่านตาม ความสนใจ และความต้องการ หนงั สอื มีหลายประเภท เชน่ หนังสอื เด็ก การวางแผนครอบครวั สุขภาพอนามัย ยาเสพติด ฯลฯ โดยนำกล่องหนังสือไปไว้ ณ ที่อ่านประจำหมมู่บา้ น โดยมีผู้นำชมุ ชนเช่น กำนัน หรือผู้ใหญ่บา้ น เป็นผู้รับผิดชอบในการให้บริการยืม-คืน ตลอดจนผู้ใช้สามารถ ยืมย่ามความรู้ไปอ่านที่บ้านได้ด้วย โดยกำหนด ชว่ งเวลา การยมื และการหมุนเวียน ไปในจุดตา่ งๆ ตามกำหนด - โครงการส่งเสริมการอ่านของสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ใช้ย่ามบรรจุทรัพยากร สารสนเทศเคล่ือนย้านไปในสถานที่ต่างๆ ย่ามความรู้จัดแจกเป็นใบๆ ตามหัวข้อเร่ืองท่ีกำหนดผุ้ใช้บริการ สามารถเลือกย่ามความรู้ในหัวข้อเรื่องตามความสนใจ จัดให้บริการตามห้องสมุดโรงเรียนในชนบท โดยมีครู บรรณารกั ษ์รบั ผดิ ชอบในบริการ ยมื -คืน ตลอดจนผู้ใช้สามมารถยมื ยา่ มความรไู้ ปอ่านท่ีบา้ นไดด้ ้วย โดยกำหนด ช่วงเวลาการยมื และการหมุนเวียน ท้งั น้จี ะเปล่ยี นทรัพยากรสารสนเทศในย่ามความรูส้ มำ่ เสมอ - ห้องสมุดเคล่ือนท่ีของศูนย์วิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ปัจจุบันมีศูนย์วิทพัฒนา จำนวน 10 ศูนย์ กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ การให้บริการมีลักษณะเช่น ใช้กระเป๋าหนังสือทำด้วยไม้ บรรจุทรัพยากรสารสนเทศ เคลือ่ นย้ายไปสถานท่ตี า่ งๆ ทกี่ ำหนดพรอ้ มการทำกิจกรรมอน่ื ๆ ของมหาวิทยาลัย - ห้องสมุดเคล่ือนที่ของห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี จังหวัดนครราชสีมา ใช้ถุงหนังสือบรรจุ ทรัพยากรสารสนเทศเคล่ือนท่ี ให้บริการรแก่ประชาชนท่ัวไป นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอก ระบบโรงเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นกลุ่มเด็กด้อยโอกาส คนพิการ ผู้ที่อยู่ห่างไกลจากห้องสมุดหรืออาจจะมาใช้ ห้องสมุดไม่สะดวก เพ่ือวัตถุประสงค์ เพ่ือวัตถุประสงค์ให้ได้รับข่าวสารที่ทันสมัย รวมทั้งส่งเสริมการเรียนและ การอ่าน ภายในถงุ หนังสอื บรรจุ หนังสอื ประเภทต่างๆ โดยมีอาสาสมัครบริการถุงหนงั สอื เคลื่อนทีไ่ ปบริการใน ชมุ ชน มีกำหนดระยะเวลาการเปลีย่ นทรัพยากรสารสนเทศในถุง รูปแบบและวธิ ีดำเนินงานห้องสมดุ เคลือ่ นที่ ห้องสมุดเคล่ือนที่ สามาดำเนินการได้ทั้งทางบกและทางน้ำโดยใช้พาหนะแตกต่างกัน ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เกวียน หรือเรือ ทั้งนี้แล้วแต่สภาพการคมนาคมหรือท้องถ่ินท่ีชุมชนน้ันตั้งอยู่ และเรียกช่ือ แตกตา่ งกนั ออกไป เชน่ ตหู้ นังสือเคล่ือนที่ หบี หนังสือสู่ประตบู า้ น หรอื หนังสือมขี า เปน็ ต้น รูปแบบหนงั สอื เคลอื่ นที่ หอ้ งสมุดเคลอื่ นท่ีสามารถจดั ได้หลายรูปแบบ ทส่ี ำคญั ได้แก่ 1. กระเป๋าหนังสือเคลื่อนที่ จดั โดยการคัดเลอื กหนังสอื ใส่กระเป๋า ซึ่งอาจทำโดยผ้าหรือไม้ขนาดตา่ งๆ กันแล้วแต่ขนาดของสถานท่ีที่จะนำออกไปให้บริการ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนท่ีด้อยโอกาสในการ เขา้ ถึงข่าวสารและด้อยโอกาสในการศึกษา เช่น ชาวชนบท ชาวเขา ท่ีดำเนนิ การห้องสมุดเคลอื่ นทใี่ นรูปแบบน้ี
25 ได้แก่ โครงการหนังสือสัญจรสำหรับผู้ใช้แรงงาน สโมสรเด็กเคล่ือนท่ี โครงการหนังสือสัญจรเพื่อเด็กในชนบท และเด็กในโรงเรียนของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก กระเป๋าหนังสือเคลื่อนที่ของสมาคมพัฒนาการอ่านของเด็ก เป็นตน้ ภาพท่ี 1.1 บรกิ ารในรปู แบบกระเป๋าหนังสือเคลื่อนท่ี 2. หบี หนังสอื จัดโดยการคดั เลือกหนังสือประเภทต่างๆ ใส่หีบซง่ึ อาจทำด้วยอีบุก ไม้ หรือสงั กะสี แล้ว นำออกไปให้บริการแก่ประชาชนถึงท่ีอยู่อาศัย เช่น โครงการหีบหนังสือสู่ประตูบ้าน โครงการหีบอีบุกบรรจุ หนงั สือ หรอื โครงการหบี หนังสอื ซึ่งใหบ้ รกิ ารแกป่ ระชาชนทั่วไป ภาพที่ 2.1 บรกิ ารในรูปแบบหีบหนังสือ
26 3. ถุงหนังสือ เป็นบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ของกรมการศึกษานอกโรงเรียน ท่ีจัดขึ้นโดยใช้ถุงบรรจุ หนงั สือประมาณ 20 เลม่ หมนุ เวียนใหช้ าวบา้ นในชนบทได้อ่าน โดยมีครูอาสาสมัครเป็นผู้เดินแจก ภาพท่ี 3.1 บรกิ ารในรปู แบบถุงหนงั สอื 4. ห้องสมุดเรอื หรือห้องสมุดลอยน้ำ เป็นบริการทจ่ี ัดให้ประชาชนท่ตี ง้ั บา้ นเรือนอย่รู มิ แม่นำ้ หรอื ทะเล เชน่ ห้องสมดุ เรือของโครงการศึกษานอกโรงเรยี น เรือควีนอลิซาเบทที่ 2 ซ่ึงเป็นเรือโดยสารข้ามทวีปทมี่ ี ห้องสมดุ อยบู่ นดาดฟา้ ของเรือ ภาพที่ 4.1 บรกิ ารในรูปแบบห้องสมุดเรือหรือห้องสมดุ ลอยนำ้
27 5. รถยนต์เคลื่อนที่ เป็นห้องสมุดเคล่ือนที่ที่จัดโดยใช้รถยนต์บรรทุกหนังสือออกให้บริการแก่ ประชาชนท่ีอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆ ท้ังในชนบทและในเมือง เช่น โครงการห้องสมุดเคลื่อนท่ีเพ่ือชุมชนในชนบท โครงการห้องสมดุ เคล่อื นท่สี ำหรบั ชมุ ชนชาวเขา โครงการตู้หนังสอื เคล่ือนท่สี ำหรับเดก็ ภาพท่ี 5.1 บริการในรปู แบบรถยนต์เคล่ือนที่ 6. หอ้ งสมดุ รถไฟ เปน็ การจดั บรกิ ารหนงั สือให้แกป่ ระชาชนทีเ่ ดนิ ทางดว้ ยรถไฟ เชน่ โครงการส่งเสริม การอ่านบนรถไฟ ภาพท่ี 6.1 บรกิ ารในรปู แบบห้องสมุดรถไฟ
28 บรกิ ารหอ้ งสมุดเคลื่อนท่ีนั้นสามารถจดั ไดห้ ลายรูปแบบแตกตา่ งกันตามสภาพของท้องถ่ิน แต่เปา้ หมายที่สำคัญ คือ การให้ข่าวสารและความรู้ในสาขาวชิ าต่างๆ เพื่อการส่งเสรมิ พัฒนาการทางสติปญั ญา เพอื่ ความเพลิดเพลิน และเพ่อื พัฒนาทักษะทางวิชาชีพของประชาชนกลมุ่ เป้าหมาย หรือบคุ คลอื่นๆ เพ่ือรว่ มจัดกจิ กรรมและเพอ่ื การ ประชาสมั พันธ์
29 บทท่ี 3 วธิ กี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วิธีการดำเนนิ งาน ขั้นเตรียมการ เพื่อจัดประชมุ ครูและบุคลากรทางการศึกษา - ชีแ้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอียดโครงการ - ชี้แจงแนวทางในการดำเนินโครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนินการเพอ่ื อนุมตั ิ - แตง่ ต้งั กรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรยี บร้อย ประกอบด้วย 1.1 นายสมประสงค์ นอ้ ยจนั ทร์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรียงฤทธิ์ เดตะอุด ครู กรรมการ 1.3 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ 2. ฝา่ ยติดต่อประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานท่ีจัดการจัดกิจกรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอษุ า ย่ิงสกุ ครู ศรช.
30 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบกิ จ่ายพัสดุ และการเงินตามโครงการใหถ้ ูกต้องเรียบร้อยและทันต่อเวลาประกอบด้วย 3.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 3.3 นายศิวณชั ญ์ อัศวสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 4. ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์ มีหนา้ ท่ี ส่งข่าวประชาสมั พันธ์ ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 4.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวิน สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารัตน์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอษุ า ยิ่งสกุ ครู ศรช. 4.12 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานทว่ั ไป 5. ฝา่ ยจดั กิจกรรม มหี น้าท่ีจดั กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านและการเรยี นรู้ วทิ ยากรการจัดกระบวนการเรียนรู้ จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และสื่อออนไลน์ สื่อการ เรียนการสอน เกม และกจิ กรรมนนั ทนาการ ดังนี้ 5.1.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.1.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแกว้ ครูอาสาสมัครฯ 5.1.4 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.1.5 นางลาวนิ สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.1.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.1.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.1.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.1.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล
31 -3– 5.1.10 นางสุรตั น์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.1.11 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.1.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.1.13 นายศิวณชั ญ์ อัศวสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 5.1.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.1.15 นายปัณณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.1.16 นางสาวอษุ า ยิง่ สกุ ครู ศรช. 5.1.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.1.18 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จดั การงานท่วั ไป 6. ฝ่ายรบั ลงลงทะเบียน ใหก้ รรมการมหี น้าทจ่ี ดั เตรียมเอกสารสำหรบั การลงทะเบียน และรบั ลงทะเบยี น ผู้เข้าร่วมโครงการ ดงั น้ี 6.1 นางสาวอษุ า ยง่ิ สุก ครู ศรช. 6.2 นางสาวกญั ญาณฐั จนั ปัญญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพึงพอใจ ประเมินผลการดำเนินงาน ประเมนิ ความพึงพอใจ ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ และจัดทำรายงานผลการดำเนนิ งานหลงั เสร็จส้นิ โครงการ ดงั น้ี 7.1 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 7.2 นางสาวอุษา ยงิ่ สุก ครู ศรช. 7.3 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช.
2. ข้นั ดำเนนิ การ กจิ กรรมหลัก วตั ถุประสงค์ ก 1. ขัน้ เตรียมการ กล่มุ เป้าหมาย เพ่ือจัดประชุมครูและบุคลากรทางการ ครแู ละบคุ ลากร ช 2. ประชมุ กรรมการ ศกึ ษา กศน. อำเภอชนแดน ว ดำเนนิ งาน - ช้ีแจงทำความเขา้ ใจรายละเอียด จำนวน 21 คน 3. จัดเตรียมเอกสาร โครงการ วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนินโครงการ ครูและบคุ ลากร ดำเนนิ โครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนินการ กศน. อำเภอชนแดน เพอื่ อนุมัติ - แตง่ ตง้ั กรรมการดำเนนิ งานตาม จำนวน 21 คน โครงการ กรรมการฝา่ ยท่ีไดร้ บั เพอื่ ประชุมทำความเข้าใจกบั กรรมการ ดำเนนิ งานทุกฝ่ายในการจัดกิจกรรม มอบหมาย โครงการและการดำเนินงาน เพื่อดำเนนิ การจดั ทำ จัดซื้อ วสั ดอุ ุปกรณ์ ท่ใี ช้ในการดำเนนิ การ
32 กลมุ่ เปา้ หมาย พ้ืนที่ดำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ธ.ค.64 - กศน. อำเภอ ชแ้ี จงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถปุ ระสงค์ของการจดั โครงการ ชแี้ จงวตั ถุประสงค์ บทบาทหนา้ ที่ กศน. อำเภอ ธ.ค.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน ม.ค.64 3,900.-บาท จดั ซอ้ื วสั ดุอุปกรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ชนแดน /กจิ กรรมหลกั ...
-6 กิจกรรมหลัก วัตถปุ ระสงค์ ก 4. ดำเนินการจัด กลุ่มเปา้ หมาย กิจกรรม 1. รถห้องสมดุ เคล่ือนที่ นักเรยี น นกั ศึกษา ส 2. อ่านดมี ีอาชพี และประชาชนทั่วไป แ 5. สรปุ /ประเมินผล 3. กิจกรรมสง่ เสริมการอา่ น จำนวน 200 คน น และรายงานผล 4. ศลิ ปะประดิษฐ์ โครงการ 5. อา่ นผา่ นคิวอาร์โค้ด ช เพือ่ ให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเก็บ รวบรวมข้อมลู และดำเนินการประเมินผล ตามกระบวนการ การจดั กิจกรรม ประเมนิ โครงการ 5 บท จำนวน 3 เล่ม
33 6– กลุ่มเปา้ หมาย พื้นทด่ี ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชิงคณุ ภาพ) ตลาดนดั สถานขี นส่ง ธ.ค.64 - ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษา เทศบาลตำบลชนแดน ถงึ และประชาชนทั่วไปมีนิสัยรักการอ่าน นำไปสู่ การเรยี นรู้ และพฒั นาคณุ ภาพ มี.ค.65 ชวี ิตให้ดีขึ้น สรปุ รายงานผลการดำเนนิ งาน กศน. อำเภอ มี.ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
34 3. ข้ันสรปุ การจัดกจิ กรรม 1. ดัชนีวัดผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 1.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ( outcome ) นักเรียน มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดขี น้ึ 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม
35 บทท่ี 4 ผลการดำเนินงานตามโครงการ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลมุ่ เป้าหมายทีร่ ่วมโครงการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย โครงการห้องสมุด เคลื่อนท่ีส่ชู ุมชน แบ่งออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไป เพศ เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 38 24.68 หญิง 116 75.32 รวม 154 100 จากตาราง สรุปไดว้ ่า ผตู้ อบแบบสอบถาม ในครัง้ นี้ เป็นเพศหญงิ มากทสี่ ดุ จำนวน 116 คน คิดเป็นร้อยละ 75.32 อายุ ช่วงอายุ จำนวน ร้อยละ ต่ำกวา่ 15 ปี 37 24.03 15 - 29 ปี 2 1.30 30 – 39 ปี 15 9.74 40 - 49 ปี 23 14.94 50 - 59 ปี 21 13.64 60 ปีขึน้ ไป 56 36.36 154 100 รวม จากตาราง สรปุ ไดว้ า่ ผตู้ อบแบบสอบถาม ในครง้ั นี้ เป็นช่วงอายุ 60 ปขี ้นึ ไป มากท่สี ดุ จำนวน 56 คน คิดเป็น ร้อยละ 36.36
36 การศึกษา ระดับการศกึ ษา จำนวน ร้อยละ ประถมศึกษา 56 36.36 42 27.27 ม.ต้น 43 27.92 ม.ปลาย - ปวช./ปวส. 13 - ปรญิ ญาตรี - 8.44 สงู กว่าปรญิ ญาตรี 154 รวม - 100 จากตาราง สรปุ ไดว้ า่ ผตู้ อบแบบสอบถาม ในคร้ังน้ี การศึกษาระดับ ประถม มากที่สุด จำนวน 56 คน คิดเปน็ ร้อยละ 36.36 อาชพี อาชพี จำนวน ร้อยละ รบั จา้ ง 46 29.87 เกษตรกรรม 40 25.97 ผ้นู ำชุมชน 6 3.90 คา้ ขาย 3 1.95 รับราชการ 15 9.74 นกั เรียน/นักศึกษา 37 24.03 อ่นื ๆ ระบุ 7 4.55 รวม 154 100 จากตาราง สรปุ ไดว้ ่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ในครัง้ น้ี เป็นอาชีพรับจา้ ง มากท่ีสดุ จำนวน 46 คน คิดเป็น ร้อยละ 29.87
37 สว่ นที่ 2 ขอ้ มูลความคดิ เหน็ และความพึงพอใจต่อการจัดโครงการ/กจิ กรรม 2.1 เกณฑ์การพจิ ารณาระดับความพงึ พอใจ 0.00 – 1.49 อยู่ในระดับ นอ้ ยท่สี ดุ 1.50 – 2.49 อย่ใู นระดับ นอ้ ย 2.50 – 3.49 อยใู่ นระดบั ปานกลาง 3.50 – 4.49 อยูใ่ นระดบั มาก 4.50 - 5 อยู่ในระดับ มากทีส่ ุด 2.2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน มากทส่ี ุด 5 อยใู่ นระดบั มาก 4 อยู่ในระดับ ปานกลาง 3 อยใู่ นระดับ น้อย 2 อย่ใู นระดบั น้อยที่สดุ 1 อยใู่ นระดับ
ตอนท่ี 2 ความคิดเหน็ ต่อโครงการ จำนวน ผู้ ขอ้ รายการ ประเมนิ (คน) มากท่สี ดุ 1 กิจกรรมที่จดั สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 154 5 2 เน้ือหาของสอ่ื การเรยี นรู้ตรงกับความตอ้ งการของผ้รู บั บริการ 154 115 3 การจัดกิจกรรมมสี อ่ื การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย 154 109 4 กิจกรรมสง่ เสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อนั ดีต่อกนั 154 104 5 สถานทจ่ี ัดกิจกรรมเหมาะสมท่เี อื้อต่อการเรยี นรู้ 154 101 6 ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 154 107 7 ท่านมีความประทบั ใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมครั้งน้ี 154 110 8 การประชาสัมพันธ์และชวนเชิญ 154 102 9 ความเหมาะสมวสั ดุ/อปุ กรณ์ในการจดั กิจกรรม 154 98 10 การนำประโยชน์ไปใชใ้ นการเขา้ รว่ มกิจกรรมในครั้งนี้ 154 115 11 ทา่ นคดิ วา่ ควรมีการจัดกิจกรรมในลกั ษณะนตี้ ่อเนื่อง 154 121 12 หากมโี อกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้ารว่ มโครงการน้ีอกี 154 108 124 รวมท้ังหมด 1848 1314 ร้อยละ 100 71.10
38 ระดบั ผลการประเมิน เฉล่ยี S.D. ประมวล ร้อยละ ด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยที่สุด ผล 93.12 93.77 4 321 91.30 89.74 25 14 0 0 4.66 0.64 มากทสี่ ุด 90.00 93.64 42 3 0 0 4.69 0.51 มากทส่ี ุด 88.70 88.57 33 17 0 0 4.56 0.69 มากท่สี ุด 91.30 94.29 27 26 0 0 4.49 0.77 มาก 92.99 93.90 17 30 0 0 4.50 0.80 มากที่สุด 91.77 39 5 0 0 4.68 0.53 มากทส่ี ดุ 17 35 0 0 4.44 0.84 มาก 24 32 0 0 4.43 0.82 มาก 11 28 0 0 4.56 0.78 มากที่สดุ 22 11 0 0 4.71 0.59 มากที่สุด 38 8 0 0 4.65 0.58 มากที่สุด 13 17 0 0 4.69 0.66 มากที่สุด 308 226 0 0 4.59 0.70 มากที่สุด 16.67 12.23 0 0
39 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย โครงการห้องสมดุ เคลือ่ นท่ีสูช่ ุมชน ในครั้ง นี้ ผลปรากฏว่าระดบั ความพงึ พอใจในภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่สี ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 91.77 ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ -
40 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การบรู ณาการการเรยี นรู้ • มีการนำความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปปรับใช้ในชวี ิตประจำวันได้ • จากกิจกรรมชว่ ยสง่ เสรมิ ให้มีนิสัยรกั การอา่ นและการเรียนรู้อย่างต่อเนือ่ งตลอดชีวิต กระตุ้นและสง่ เสริม นิสยั ให้เด็กและเยาวชนมีนิสยั รักการอา่ น สง่ เสรมิ ทักษะและพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกายและจติ ใจของเด็กและ เยาวชน และส่งเสรมิ ให้เดก็ และเยาวชนมีความคิดสร้างสรรคแ์ ละมีจินตนาการ ความรว่ มมือของกลุ่มเป้าหมายและเครอื ขา่ ย - การมสี ่วนร่วมของภาคีเครอื ข่ายในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย - การสนับสนุนใหภ้ าคเี ครอื ข่ายจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั การนำความรไู้ ปใช้ - ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การอ่านใหเ้ ปน็ วาระแห่งชาติ นกั เรียน นักศกึ ษา และประชาชนท่วั ไปเขา้ ถึง และมีโอกาสได้อ่านหนงั สือ ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกิจกรรม มนี ิสัยรักการอ่านนำไปสกู่ ารเรยี นรู้ และ พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ให้ดขี น้ึ การดำเนินงานทว่ั ไป เชงิ ปรมิ าณ - กล่มุ เปา้ หมาย นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนท่ัวไป จำนวน 206 คน - จำนวนกลุม่ ตัวอย่าง นกั เรยี น นักศึกษา และประชาชนท่วั ไป จำนวน 154 คน 1) ชาย จำนวน 38 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 24.68 2) หญงิ จำนวน 116 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 75.32 เชิงคณุ ภาพ ๑. เพ่มิ ช่องทางการเขา้ ถงึ การอา่ นในแหล่งเรียนรู้ใกล้ตวั และมหี นงั สือทห่ี ลากหลายใหบ้ ริการ ๒. สง่ เสริมสนับสนุนให้ประชาชน ทกุ ชว่ งวัย ให้มนี ิสยั รักการอ่าน ๓. ส่งเสริมและสนับสนนุ ใหป้ ระชาชนในพื้นที่มอี าชีพ
41 ผลการดำเนนิ งานตามตัวช้ีวัดความสำเรจ็ 1. เปา้ หมาย จำนวน 200 คน มีผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม จำนวน 206 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเป้าหมาย 2. จำนวนผู้รว่ มกิจกรรม จำนวน 206 คน ผา่ นกิจกรรม จำนวน 206 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 ผลการดำเนนิ งานบรรลุเป้าหมาย สรุปผลการดำเนนิ งาน - ผลการดำเนินงานบรรลเุ ป้าหมาย ความพึงพอใจการจัดกิจกรรมร่วมกบั ภาคีเครือข่าย ในครั้งนี้ ผลปรากฏวา่ ระดบั ความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดบั มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 91.77 สรปุ ความพงึ พอใจตอ่ โครงการ/กจิ กรรม ทเี่ ข้ารว่ ม 1. กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.12 2. เน้ือหาของสื่อการเรียนรู้ตรงกบั ความตอ้ งการของผู้รบั บริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากทสี่ ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.77 3. การจัดกิจกรรมมีส่ือการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 91.30 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็น รอ้ ยละ 89.74 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น รอ้ ยละ 90.00 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.64 7. ท่านมีความประทับใจในการเขา้ ร่วมกิจกรรมคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นร้อยละ 88.70 8. การประชาสมั พันธแ์ ละชวนเชญิ อยู่ในระดบั ความพงึ พอใจ มาก คิดเปน็ รอ้ ยละ 88.57 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 91.30 10. การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เปน็ ร้อยละ 94.29 11. ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะน้ีต่อเนื่อง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 92.99 12. หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการน้ีอีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นรอ้ ยละ 91.77
Search