Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครอบครัวรักการอ่าน(ไตรมาส1-2)

ครอบครัวรักการอ่าน(ไตรมาส1-2)

Published by waryu06, 2022-06-14 05:44:56

Description: ครอบครัวรักการอ่าน

Search

Read the Text Version

บนั ทึกข้อความ ส่วนราชการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ที่ ศธ 0210.5403/ วันที่ 7 มนี าคม 2565 เรื่อง สรปุ ผลการปฏิบตั ิงานโครงการครอบครวั รักการอ่าน บา้ นแห่งการเรยี นรู้ เรยี น ผู้อำนวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอชนแดน ตามท่ี ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำโครงการครอบครัวรักการอ่าน เพื่อกระตุ้น และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมมีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ช่วยวางรากฐานให้เยาวชนเป็นผู้รักการ เรียนรู้ และสนใจเรยี นรู้ตลอดชวี ติ เพื่อนำไปสู่กระบวนการสร้างพลเมืองท่ีมคี ุณภาพเปน็ กำลังสำคัญท่ีจะพัฒนา ประเทศชาตบิ า้ นเมอื งต่อไปในอนาคต บัดน้ีโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรยี บร้อยแล้ว หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จงึ ขอสรุปผลการปฏบิ ัตงิ านโครงการดังกล่าวรายละเอียด ตามเอกสารท่ีแนบมาพร้อมน้ี จงึ เรียนมาเพ่อื โปรดทราบ (นางวารี ชูบวั ) บรรณารักษช์ ำนาญการ

คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนินการจัดทำโครงการครอบครัวรักการอ่าน เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กและ เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมมีนิสัยรักการอ่าน และการเรยี นรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต ช่วยวางรากฐานใหเ้ ยาวชนเป็นผู้รักการเรยี นรู้ และสนใจเรียนรู้ตลอด ชวี ิตเพอ่ื นำไปสกู่ ระบวนการสรา้ งพลเมืองทีม่ ีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญทจ่ี ะพฒั นาประเทศชาติบ้านเมืองต่อไปใน อนาคต นนั้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครงั้ ต่อไป ผ้จู ัดทำ มีนาคม 2565

สารบญั หนา้ 1-8 บทที่ 1 บทนำ 9 - 26 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 27 - 32 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การตามโครงการ 33 - 37 บทที่ 4 ผลการดำเนินการตามโครงการ 38 - 40 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รปู ภาพ รายชอื่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จัดทำ

1 บทที่ 1 บทนำ 1.ชื่อโครงการ โครงการจดั การศึกษาตามอัธยาศยั กจิ กรรมท่ี 7 โครงการครอบครัวรกั การอ่าน บ้านแห่งการเรยี นรู้ 2.  สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาติ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 ดา้ นการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารี มีวนิ ัย รกั ษาศลี ธรรม และเปน็ พลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดทถี่ ูกต้อง มีทกั ษะท่ีจ่าเปน็ ในศตวรรษที่ 21 มี ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง ต่อเน่ืองตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยท่มี ีทักษะสูง เปน็ นวัตกร นกั คดิ ผปู้ ระกอบการ เกษตรกรยคุ ใหมแ่ ละอื่น ๆ โดยมี สัมมาชพี ตามความถนดั ของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย (1) ชว่ งการตั้งครรภ์/ปฐมวัย เนน้ การเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการต้ังครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียน/ วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับ ศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ ผู้สงู อายเุ ปน็ พลงั ในการขับเคลอ่ื นประเทศ ประเด็นที่ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก ห้องเรยี น และ (4) การพฒั นาระบบฐานขอ้ มูลเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  สอดคล้องกับแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสรมิ สร้างและพฒั นาศกั ยภาพทนุ มนษุ ย์ 3.1 ปรับเปลย่ี นคา่ นยิ มคนไทยใหม้ ีคุณธรรม จริยธรรม มวี ินยั จิตสาธารณะ และพฤตกิ รรม ที่พงึ ประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุขอย่าง จรงิ จัง 3.2 พัฒนาศักยภาพคนให้มที ักษะความรู้และความสามารถในการดำรงชีวิตอยา่ งมีคุณค่า 1

2 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรยี นและวัยรุ่นใหม้ ีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มี ทกั ษะการทำงานและการใช้ชีวติ ทพี่ รอ้ มเข้าสู่ตลาดงาน 3.3 ยกระดบั คุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชวี ิต 3.3.6 จดั ทำสอ่ื การเรยี นรู้ท่ีเป็นสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละสามารถใชง้ านผ่านระบบอุปกรณส์ อื่ สารเคล่ือนที่ ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลติ หนงั สือ ส่ือการอ่านและการเรยี นรทู้ ีม่ คี ุณภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ โรงเรียนผูส้ ูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมใหม้ ีระบบการจัดการความรูท้ ี่เปน็ ภูมิ ปัญญาทอ้ งถนิ่  สอดคลอ้ งกบั นโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) 1. การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจัดการศึกษาเพ่ือคุณวุฒิ พัฒนาผู้เรยี นใหม้ คี วามรอบรแู้ ละทักษะชีวิต เพื่อเปน็ เครอ่ื งมือในการ ดำรงชีวิตและสรา้ งอาชีพ อาทิ การใช้เทคโนโลยดี ิจิทัล สุขภาวะและทัศนคติที่ดตี อ่ การดูแลสุขภาพ 1.2 การเรียนรู้ตลอดชีวิต - จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เน้นส่งเสริมและยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All)  สอดคลอ้ งกับนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน กศน. จุดเน้นการดาํ เนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2. ด้านการสรา้ งสมรรถนะและทักษะคณุ ภาพ 2.1 สง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษาตลอดชีวิตท่เี นน้ การพัฒนาทักษะทจี่ ําเปน็ สำหรบั แต่ละช่วงวยั และ การจดั การศกึ ษาและการเรียนร้ทู เี่ หมาะสมกับแตล่ ะกลุม่ เปา้ หมายและบริบทพ้นื ที่ 3. ด้านองค์กร สถานศกึ ษา และแหลง่ เรียนร้คู ณุ ภาพ 3.3 ปรบั รูปแบบกจิ กรรมในห้องสมดุ ประชาชน ทเี่ น้น Library Delivery เพอื่ เพ่ิมอัตราการอา่ น และการร้หู นงั สือของประชาชน 3.5 ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การสรา้ งพื้นที่การเรยี นรู้ ในรูปแบบ Public Learning Space/ Co- Learning Space เพ่ือการสร้างนเิ วศการเรยี นรู้ให้เกดิ ขนึ้ สังคม

3  สอดคลอ้ งกบั ตัวชวี้ ัดการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผู้รบั บริการการศึกษาตามอัธยาศยั ตวั บง่ ชีท้ ี่ 1.1 ผู้รบั บรกิ ารมคี วามรู้ หรือทักษะ หรือประสบการณ์ สอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์ของโครงการ หรอื กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ี่ 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตัวบง่ ช้ที ่ี 2.2 ผู้จัดกิจกรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย ตัวบ่งชท้ี ่ี 2.3 สือ่ หรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมทเี่ อ้ือตอ่ การจัดการศึกษาตาม อธั ยาศยั ตัวบ่งช้ที ่ี 2.4 ผรู้ ับบรกิ ารมคี วามพงึ พอใจต่อการจัดการศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานที่ 3 คณุ ภาพการบริหารจัดการของสถานศกึ ษา ตวั บ่งชี้ท่ี 3.1 การบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษาที่เน้นการมีส่วนรว่ ม ตัวบ่งชี้ที่ 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตวั บง่ ช้ที ่ี 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตัวบง่ ชีท้ ่ี 3.7 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครือขา่ ยให้มสี ว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา ตวั บ่งชีท้ ่ี 3.8 การสง่ เสริม สนบั สนุนการสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพิ่มข้อเหตุผล ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดขอ้ นน้ั จงึ ใหค้ ะแนนมากหรือนอ้ ย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถ้วนเป็นระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มีการออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ต่อเนอื่ งและนำผลการประเมินท่ีได้ไปวเิ คราะห์ถึงอุปสรรค และนำไปวางแผน ปรับปรงุ พัฒนาในปตี อ่ ไป

4 3. หลกั การและเหตุผล การอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตนเอง และเพื่อการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เป็นสิ่งจำเป็นมากในการพัฒนาคน และพัฒนาสังคม ปัจจุบันนี้การอ่านหนังสือของคนไทยเป็นกิจกรรมที่ไม่แพร่หลายแม้ในหมู่ผู้รู้หนังสือแล้ว การอ่าน หนังสือที่ดี และมีสาระยิ่งน้อยลงไปอีก สาเหตุมีอยู่หลายประการ เช่น มีสื่อสารสนเทศที่ทันสมยั อย่างแพร่หลาย เช่น โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง อินเทอร์เน็ต ฯลฯ รวมทั้งขาดการชักจูง การกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการอ่าน ตลอดจนมีนิสัยรักการอ่านทัง้ ในและนอกสถานศึกษา เมื่อเทียบความเพลิดเพลินและการได้ฟัง ได้รู้ ได้เห็นเรือ่ งต่างๆ จากโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงแลว้ การอา่ นหนงั สือเพื่อวัตถปุ ระสงค์ดังกล่าว ต้องใช้ความพยายามมากกว่า และ ต้องมีทักษะในการอ่าน ถ้าจะให้การอ่านหนังสือเกิดเป็นนิสัย จำเป็นต้องมีการปลูกฝังและชักชวนให้เกิดความสนใจ แต่สภาพปจั จบุ นั พบวา่ สังคมไทยยังไม่เป็นสังคมการอ่าน จงึ จำเป็นตอ้ งมกี ารสง่ เสรมิ นสิ ยั รักการอ่านอย่างต่อเน่ืองและ เพ่ิมมากขน้ึ ดังน้นั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุดประชาชน อำเภอบางมูลนาก จงึ ดำเนนิ การจดั ทำโครงการครอบครวั รกั การอา่ น เพอื่ กระตุ้นและสง่ เสรมิ ให้เด็กและเยาวชนมีนิสัย รักการอ่าน ส่งเสริมทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมมีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้อย่าง ต่อเน่อื งตลอดชวี ติ ชว่ ยวางรากฐานใหเ้ ยาวชนเป็นผู้รักการเรียนรู้ และสนใจเรียนรู้ตลอดชีวิตเพือ่ นำไปสกู่ ระบวนการ สรา้ งพลเมืองทีม่ ีคุณภาพเป็นกำลงั สำคญั ท่จี ะพัฒนาประเทศชาติบา้ นเมืองต่อไปในอนาคต 4. วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กและเยาวชนมีนิสยั รักการอ่านและการเรยี นรู้อยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิต 2. เพอื่ ส่งเสรมิ ทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจติ ใจของเด็กและเยาวชน 3. เพื่อสง่ เสริมให้เด็กและเยาวชนมคี วามคดิ สร้างสรรคแ์ ละมจี ินตนาการ 5. เป้าหมาย เชงิ ปริมาณ เดก็ และเยาวชน จำนวน 10 ครอบครัว เชิงคุณภาพ 1. สง่ เสรมิ ให้เด็กและเยาวชนมนี ิสยั รักการอ่านและการเรียนรูอ้ ยา่ งต่อเนื่องตลอดชวี ติ 2. สง่ เสรมิ ทักษะและพัฒนาการทางดา้ นร่างกายและจติ ใจของเด็กและเยาวชน 3. สง่ เสริมให้เด็กและเยาวชนมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์และมีจินตนาการ

6. วธิ ีดำเนินการ กิจกรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขั้นเตรียมการ ช เพื่อจัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการ ครูและบุคลากร ว 2. ประชุมกรรมการ ดำเนนิ งาน ศึกษา กศน. อำเภอชนแดน ช 3. จัดเตรยี มเอกสาร ข วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด จำนวน 21 คน จ ดำเนินโครงการ โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพ่อื อนมุ ัติ - แตง่ ตั้งกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ดำเนินงานทกุ ฝ่ายในการจดั กิจกรรม กศน. อำเภอชนแดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน 21 คน เพ่ือดำเนินการจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ การ มอบหมาย

5 กลุ่มเปา้ หมาย พ้นื ท่ดี ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ธ.ค.64 - กศน. อำเภอ ชแ้ี จงทำความเข้าใจ รายละเอียดและ ชนแดน วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชี้แจงวตั ถปุ ระสงค์ บทบาทหนา้ ท่ี กศน. อำเภอ ธ.ค.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน จัดซอ้ื วสั ดุอปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ม.ค.64 - ชนแดน 5

กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ ก 4. ดำเนินการจัด ครอบครวั รักการอา่ น กลุ่มเป้าหมาย กจิ กรรม - อ่านหนงั สือดว้ ยกันทกุ วัน จากสื่อ หนงั สือ สอ่ื ออนไลน์ เดก็ และเยาวชน ห - วาดภาพระบายสี เกม นนั ทนาการ - บันทึกการอา่ น/พัฒนาการ จำนวน 10 แ ครอบครัว เร ก 5. สรปุ /ประเมนิ ผล เพอ่ื ให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเกบ็ ตามกระบวนการ ส และรายงานผล รวบรวมข้อมลู และดำเนนิ การประเมินผล ประเมินโครงการ ต โครงการ การจัดกจิ กรรม 5 บท จำนวน 3 เลม่

6 กลมุ่ เป้าหมาย พน้ื ที่ดำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) โรงเรยี นบ้านผาทอง ก.พ.65 - ห้องสมุดประชาชนประจำตำบลเป็น ต.พุทธบาท อ.ชนแดน ถงึ แหล่งเรยี นรู้ของคนในชุมชน เปน็ แหลง่ รยี นรู้ตลอดชวี ิต พรอ้ มใหบ้ ริการแก่ จ.เพชรบรู ณ์ มี.ค.65 กลมุ่ เปา้ หมายต่างๆ สรปุ รายงานผลการดำเนนิ งาน กศน. อำเภอ มี.ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน

7 7. วงเงนิ งบประมาณ ไมใ่ ช้ 8. แผนการใช้จ่ายงบประมาณ แผนการใช้จา่ ยรายไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสท่ี 4 - - - - 9. ผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการ ตำแหนง่ : บรรณารักษ์ชำนาญการ ชอื่ - สกุล : นางวารี ชบู วั เบอร์โทรศัพทม์ ือถือ : 056 – 761667 เบอรโ์ ทรศัพทท์ ่ีทำงาน : 056 – 761667 อีเมลล์ : [email protected] ผู้ร่วมดำเนินการ นางสมบตั ิ มาเนตร์ ตำแหนง่ ครอู าสาสมัครฯ นางสาวลาวัณย์ สทิ ธกิ รววยแกว้ ตำแหนง่ ครูอาสาสมัครฯ นางลาวิน สีเหลือง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ นั ธ์ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหิทธิ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวอุษา ย่ิงสกุ ตำแหน่ง ครูประจำศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปัญญา ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนยก์ ารเรียนชุมชน นายปณั ณวัฒน์ สขุ มา ตำแหน่ง ครูประจำศูนยก์ ารเรยี นชุมชน นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรียนชุมชน นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหน่ง นักจัดการงานท่ัวไป

8 10. เครอื ขา่ ย 10.1 นกั ศึกษา กศน.อำเภอชนแดน 10.2 โรงเรยี นบ้านผาทอง 11.โครงการทเ่ี ก่ียวข้อง 11.1 โครงการจดั การศึกษาตามอัธยาศยั 11.2 โครงการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน 11.3 โครงการประชาสัมพันธง์ าน กศน. 11.4 โครงการสง่ เสรมิ และพฒั นาประสิทธภิ าพการทำงานร่วมกบั เครอื ข่าย 11.5 โครงการประกนั คุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กและเยาวชนมีนิสยั รกั การอ่านและการเรยี นรู้อยา่ งต่อเนื่องตลอดชวี ิต 12.2 สง่ เสริมทกั ษะและพฒั นาการทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน 12.3 ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนมคี วามคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ 13. ดชั นีวัดผลสำเรจ็ ของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 13.2 ตวั ชี้วดั ผลลัพธ์ ( outcome ) เด็ก และเยาวชน มนี ิสยั รักการอ่าน เพอ่ื พัฒนาคุณภาพชีวิตทด่ี ขี ึ้น 14. การตดิ ตามผลและประเมนิ ผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพงึ พอใจผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม / โครงการ 14.2 สรปุ /รายงานผลการจดั กิจกรรม

9 บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง การอา่ นคืออะไร การอา่ น คอื การแปลความหมายของตัวอักษรท่ีอา่ นออกมาเปน็ ความรคู้ วามคิด และเกดิ ความเขา้ ใจ เร่อื งราวทีอ่ ่านตรงกบั เรอ่ื ราวทผ่ี ู้เขียนเขียน ผอู้ า่ นสามารถนำความรู้ ความคิด หรอื สาระจากเร่ืองราวท่ีอา่ นไป ใช้ให้เกิดประโยชนไ์ ด้ การอ่านจึงมีความสำคัญ ดังนี้ 1) การอ่านเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะผู้ท่ีอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จำเป็นต้องอ่าน หนังสือเพื่อการศึกษาหาความร้ดู ้านตา่ ง ๆ 2) การอา่ นเปน็ เคร่อื งมอื ชว่ ยใหป้ ระสบความสำเรจ็ ในการประกอบอาชีพ เพราะสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้จาก การอ่านไปพัฒนางานของตนได้ 3) การอ่านเป็นเคร่อื งมอื สบื ทอดทางวฒั นธรรมของคนรนุ่ ตอ่ ๆ ไป 4) การอ่านเป็นวิธีการส่งเสริมให้คนมีความคิดอ่านและฉลาดรอบรู้ เพราะประสบการณ์ท่ีได้จากการอ่าน เมือ่ เก็บสะสมเพมิ่ พูนนานวันเข้า ก็จะทำใหเ้ กดิ ความคดิ เกิดสติปญั ญา เป็นคนฉลาดรอบรูไ้ ด้ 5) การอา่ นเป็นกจิ กรรมที่ก่อใหเ้ กิดความเพลดิ เพลนิ บนั เทิงใจ เปน็ วธิ หี นงึ่ ในการแสวงหาความสุขให้กบั ตนเองท่ีง่ายทีส่ ุด และไดป้ ระโยชนค์ ้มุ คา่ ที่สุด 6) การอ่านเปน็ การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ทำให้เปน็ คนท่ีสมบูรณ์ท้งั ด้านจิตใจและบุคลิกภาพ เพราะเม่อื อา่ น มากย่อมรูม้ าก สามารถนำความรไู้ ปใช่ในการดำรงชวี ติ ได้อย่างมคี วามสขุ 7) การอ่านเปน็ เครื่องมอื ในการพัฒนาระบบการเมือง การปกครอง ศาสนา ประวตั ิศาสตร์ และสงั คม 8) การอ่านเปน็ วธิ ีการหน่งึ ในการพัฒนาระบบการสื่อสารและการใชเ้ คร่ืองมือทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ตา่ ง ๆ พฒั นาการของเดก็ ในแต่ละช่วงวัย การเปลยี่ นแปลงทางด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาแตล่ ะชว่ งชีวิต 1.1 วยั ทารก คอื วยั ตั้งแตแ่ รกเกดิ จนถงึ 1 ปี มกี ารเปลีย่ นแปลงดา้ นต่าง ๆ ดังน้ี - ด้านร่างกาย น้ำหนักแรกคลอดประมาณ 3,000 กรมั เมอ่ื ครบ 1 ปี จะเพ่มิ ขน้ึ ประมาณ 3 เท่า - ส่วนสูงหรือความยาวประมาณ 54 เซนติเมตร และส่วนสูงจะเพ่ิมขึ้นประมาณ 1.5 เท่า เมื่ออายุ ครบ 1 ปี - ขนาดรอบศีรษะแรกคลอดประมาณ 35 เซนติเมตร เมื่อครบ 1 ปี จะมีขนาดรอบศีรษะ ประมาณ 45 เซนติเมตร - ฟนั ซี่แรกจะขนึ้ เมอ่ื อายุ 6-8 เดือน และเม่ือครบ 1 ปี จะมฟี นั ประมาณ 12 ซ่ี - ดา้ นจติ ใจและอารมณ์ 1-3 เดือน ส่งเสยี งร้องเมื่อรสู้ กึ หิว รจู้ กั ย้ิมเมื่อถูกหยอกล้อ รอ้ งไหเ้ มื่อโกรธ ทำเสียงดังเม่ือดีใจ

10 4-6 เดอื น หวั เราะเสยี งดัง รอ้ งไห้เม่ือโกรธหรอื ถูกขัดใจ อารมณ์เปลีย่ นแปลงรวดเร็ว 7-9 เดือน รอ้ งไหเ้ ม่ือไมพ่ อใจและมีอารมณ์กลวั มากขน้ึ แสดงความรักด้วยการโอบกอด ตอบสนองต่อการ ถกู ดุและร้องไห้ 10-12 เดือน แสดงอารมณด์ ีใจ เสยี ใจมากขึน้ เมื่อมีคนเลน่ ด้วยจะหัวเราะเสยี งดงั สามารถเขา้ ใจอารมณ์ ผู้อน่ื ได้ ดา้ นสังคม เร่ิมพฒั นาการทางสังคมกับบุคคลใกลช้ ดิ ในครอบครัว และผ้ทู เ่ี ลยี้ งดู 1-2 เดือน จอ้ งหน้าและตอบสนองผู้หยอกล้อได้ 3-5 เดือน ชอบให้คนอยู่ใกล้ๆ สนใจเสยี งคนพูดคยุ 12 เดือน จะสามารถเลน่ กับผู้อ่ืนได้ ดา้ นสติปญั ญา แสดงออกและโต้ตอบดว้ ยการเคลื่อนไหวรา่ งกายเร่ิมเรยี นรกู้ ารพดู คุยกบั ผู้อ่ืนด้วยการพูดทีละคำ 1.2 วยั กอ่ นเรยี น คือ วยั ตัง้ แต่ 1 ปี จนถึง 6 ปี มีการเปล่ียนแปลงดา้ นต่างๆดังนี้ ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นนำ้ หนกั และสว่ นสงู จะเพ่ิมข้นึ ช้ากว่าวยั ทารถเมอื่ อายุ 1 ปี จะมีฟันน้ำนมประมาณ 12 ซ่ีฟันน้ำนมจะรบ 20 ซ่ี เมอื่ อายุประมาณ 3 ปี และฟันนำ้ นมจะเริ่มหยดุ โดยมฟี นั แท้ขน้ึ มาแทนท่ี ดา้ นจิตใจและอารมณ์ มอี ารมณเ์ ปลีย่ นแปลงง่าย โดยอารมณโ์ กรธและดใี จจะเกิดขน้ึ บอ่ ยเมื่ออายคุ รบ 2 ปี จะเรม่ิ รู้จักอจิ ฉา ผู้อนื่ กลวั คนแปลกหนา้ สามารถควบคมุ อารมณ์ตนเองได้ดขี ้ึนเม่ืออายุประมาณ 4 ปี ดา้ นสงั คม สงั คมสว่ นใหญ่จะเป็นผ้ทู ี่เล้ียงดแู ละคนในครอบครวั เมื่อเรม่ิ เข้าโรงเรยี นจะมีความสัมพันธ์กบั เพื่อน แต่อาจมีการ ทะเลาะกัน เพราะยงั ขาดประสบการณใ์ นการเล่นกับเพอ่ื นรู้จักปรบั ตัวใหเ้ ข้ากบั ผใู้ หญ่ ด้านสติปญั ญา 1-3 ปี สนใจส่งิ ใหม่ๆ พูดร้เู ร่ือง ใช้ภาษาได้คล่อง 4 ปี สามารถพูดเป็นประโยคได้สมบรู ณ์ นบั เลขได้ รจู้ กั เวลา ชอบซักถาม 5 ปี มีความอยากรู้ อยากเห็น รู้จักใชเ้ หตผุ ลในการอธบิ ายข้อมลู 6 ปี พดู ได้คล่องแคลว่ ชา่ งซกั ถาม ทำงานร่วมกบั เพ่อื นและผู้ใหญ่ได้

11 1.3 วัยเรียน คือ วยั ทม่ี ีอายุตั้งแต่ 6-12 ปี มกี ารเปลี่ยนแปลงดา้ นตา่ งๆ ดังนี้ ด้านรา่ งกาย มกี ารเจรญิ เตบิ โตสม่ำเสมอ ร่างกายขยายออกทางส่วนสงู มากกว่าสว่ นกวา้ ง นำ้ หนกั เพ่ิมขึ้นเฉล่ียปีละ 2-3 กโิ ลกรัม สว่ นสูงเพ่ิมขึ้นเฉล่ียปลี ะ 4-5 เซนตเิ มตร โดยส่วนใหญเ่ พศหญิงจะตัวโตกว่าเพศชายวยั เดยี วกันมี กลา้ มเนื้อแขง็ แรง คล่องแคล่วว่องไว สามารถใช้มือและนว้ิ ทำงานได้ดี ด้านจติ ใจและอารมณ์ ต้องการการยอมรบั จากกลมุ่ เพอ่ื น มีอารมณ์โกรธเมอ่ื ถูกล้อเลียน มอี ารมณ์กลวั นอ้ ยลงรสู้ ึกอจิ ฉาเพื่อนที่ ไดร้ บั ความรักหรือความสนใจ ด้านสงั คม ชอบรวมตวั เล่นกันเปน็ กล่มุ ไม่ชอบอยู่คนเดียว เรียนรู้การอยูร่ ่วมกัน ภายใต้กฎ ระเบยี บ ร้จู ักเหน็ อกเห็น ใจชว่ ยเหลือเพ่อื นในกลมุ่ มีความซ่ือสัตยต์ ่อกลุ่ม ดา้ นสตปิ ัญญา มีความคดิ ท่เี ปน็ รูปธรรมมากข้นึ สามารถคิดได้อย่างมีเหตุผล เปรยี บเทยี บสง่ิ 2 ส่งิ ไดม้ ีความอยากรอู้ ยาก เหน็ อ่านและเขียนหนงั สือได้คลอ่ ง อ่านและเขียนหนงั สือได้คล่อง 1.4 วยั รนุ่ คอื วัยทีม่ ีอายุตงั้ แต่ 12-20 ปี มีการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ดงั นี้ ด้านร่างกาย น้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มขึน้ อย่างรวดเร็ว แขนขายาว มือและเท้าใหญข่ ึน้ มีลักษณะทางเพศชดั เจน เชน่ เพศหญิงมีหนา้ อกใหญข่ ึ้น สะโพกผาย เพศชายมีกลา้ มเน้อื เป็นมัดแข็งแรง ไหล่กว้าง มีขนหนา้ แข้ง เสยี งแตก เสียงแตก-ห้าว ด้านจติ ใจและอารมณ์ มอี ารมณเ์ ปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็ว มีความสนใจเพศตรงข้าม มีความเช่ือมน่ั ในตนเองสูง ตอ้ งการอสิ ระ ดา้ นสังคม มีพฤติกรรมการแต่งกายเลียนแบบเพื่อนในกลุ่มและเป็นเอกลกั ษณ์ของกลุม่ ต้องการเปน็ ที่ยอมรบั ของ กลมุ่ เพ่ือน และเป็นอิสระจากพ่อแมแ่ ละครอบครัว ด้านสติปญั ญา สามารถเขา้ ใจสิง่ ที่เปน็ นามธรรมไดด้ ี สามารถใชค้ ำพดู และถอ้ ยคำทีล่ กึ ซึ้งเปรียบเทียบสิ่งต่างๆได้ดี ชอบ เรยี นร้ดู ว้ ยการปฏิบัตเิ พ่ือให้ได้รบั ความรู้และประสบการณ์

12 อทิ ธิพลและความคาดหวงั ของสังคมต่อการเปลยี่ นแปลงของวยั รุ่น 2. อิทธพิ ลและความคาดหวงั ของสงั คมต่อการเปล่ยี นแปลงของวยั รุ่น 2.1 อิทธิพลของสังคมต่อการเปลี่ยนแปลงของวัยรุน่ 1) กลุม่ เพือ่ น การคบเพื่อนจะทำใหว้ ยั รนุ่ มีพฤติกรรม ความเช่อื เลียนแบบกลุ่มเพื่อน พยายาม เปลี่ยนแปลงตนเองเพ่ือให้เพ่ือนยอมรบั เขา้ กับเพ่ือนได้และเปน็ พฤติกรรมที่ยอมรับเข้ากับเพื่อนได้และเปน็ พฤติกรรมที่กลายเป็นนอกลกั ษณ์ของกลุ่ม 2) ส่ือตา่ ง ๆ ซง่ึ นำเสนอเร่อื งราวทีห่ ลากหลายผา่ นสอ่ื เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้วัยรนุ่ สนใจ อยากทดลองสิ่งต่าง ๆ หรอื เลียนแบบส่อื จนเกดิ เปน็ ค่านยิ ม สื่อจนเกิดเป็นคา่ นยิ ม ความเชอ่ื ตดิ ตวั วัยรุ่น 3) ครอบครวั ซงึ่ เปน็ สถานที่อบรมส่ังสอนและเลยี้ งดวู ัยรุน่ ตัง้ แตเ่ กิด ทำใหว้ ยั รนุ่ มพี ฤตกิ รรม แนวความคิด ความเช่ือ รวมทง้ั บุคลิกภาพตามทไี่ ด้รับการถ่ายทอดมาจากครอบครัว 4) การแขง่ ขนั ในสงั คม ทำให้วยั รุน่ มีความตน่ื ตัวกระตือรือรน้ และมุ่งมั่นทจ่ี ะบรรลุเป้าหมาย ตามทตี่ นเองต้องการเพ่ือใหส้ ามารถใชช้ ีวิตในสภาพสังคมที่เปล่ียนแปลงได้อย่างปกติสขุ 5) วฒั นธรรมตา่ งชาติ ซ่งึ มบี ทบาทสำคัญ ต่อการดำเนินชีวติ ของคนไทยในเรอ่ื งต่าง ๆ เชน่ การ รบั ประทานอาหาร การแต่งกาย การเขา้ สังคม การแสดงออกในเรื่องเพศ โดยนำเสนอผ่านส่ือตา่ งๆ ทำใหว้ ัยรุน่ เกดิ การเลียนแบบ เพราะคดิ ว่าเปน็ เรือ่ งทนั สมัย และไม่ใชส่ ่ิงทผ่ี ดิ จดเกิดพฤติกรรมท่ีไมเ่ หมาะสม และนำมาซ่ึง ปญั หาสงั คมในด้านตา่ ง ๆ 2.2 ความคาดหวงั ของสงั คมต่อการเปล่ียนแปลงของวยั รนุ่ สงั คมมีความคาดหวังว่าวัยรุน่ ทง้ั ชายและหญิงจะมีพฤติกรรมที่เหมาะสมกบั เพศ และดำรงตนอยู่ใน กรอบวฒั นธรรมประเพณีอันดีงามของไทย สามารถท่จี ะเรียนรูแ้ ละพัฒนาศกั ยภาพของตนเองอย่างต่อเน่ือง โดย ไม่สร้างปัญหาหรือความเดือดร้อนให้สังคม และเติบโตเปน็ ผใู้ หญ่ทีม่ คี ุณภาพเพื่อพฒั นาสังคมและประเทศชาตใิ ห้ เจรญิ กา้ วหน้าต่อไปสอื่ โฆษณาที่มอี ิทธิพลต่อการเจริญเติบโตและพฒั นาการของวัยรนุ่ 3. สือ่ โฆษณาทม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นสื่อโฆษณาที่มีอทิ ธิพลตอ่ การ เจริญเตบิ โตและพฒั นาการของวัยรนุ่ 3.1 อนิ เทอร์เน็ต เป็นสือ่ ทใ่ี ชม้ ากในกล่มุ วัยรนุ่ เพราะมีความรวดเรว็ มขี ้อมูลขา่ วสารทีท่ นั สมัย หนา้ เว็บไซต์ที่ไดร้ ับความนยิ ม จึงมกั มีโฆษณาตา่ ง ๆ ปรากฏอยู่ด้วย ทำให้ดงึ ดดู ใจ และเขา้ ถึงกลุ่มวัยรนุ่ ไดง้ ่าย ส่ือ โฆษณาในอนิ เทอร์เน็ตที่มอี ิทธิพลตอวยั ร่นุ เช่น ผลติ ภัณฑล์ ดน้ำหนกั อาหารเสริม เคร่อื งสำอางซง่ึ เป็นกลมุ่ ผลิตภณั ฑ์ทว่ี ัยร่นุ นยิ มใช้ 3.2 โทรทัศน์ เปน็ ส่ือทีม่ ีอิทธพิ ลต่อกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย เพราะสามารถเขา้ ถึงได้ทุกครวั เรือนโฆษณา ทางโทรทัศนจ์ งึ มอี ิทธพิ ลต่อบุคคลเป็นอยา่ งยง่ิ โดยเฉพาะการโฆษณาสินค้าทีใ่ ชศ้ ลิ ปินดารานักรอ้ งท่มี ชี ่อื เสียง ทำ ให้วยั รนุ่ ท่มี คี วามรกั และชน่ื ชอบในตวั ศิลปนิ ซื้อหรือใชส้ ินคา้ ชนิดนนั้ และคดิ วา่ เป็นคา่ นยิ มทที่ ันสมยั ในสังคม โดย ไมค่ ำนึงถึงประโยชน์และโทษที่มีตอ่ ร่างกาย

13 3.3 ส่ือสิ่งพิมพ์ เช่นนิตยสารหนังสือพิมพ์ จะมีการลงโฆษณาสินค้าประเภทต่าง ๆโดยเฉพาะนิตยสาร แฟช่ันทีมีเสื้อผ้า เคร่ืองประดับเคร่ืองสำอาง ท่ีกำลังได้รับความนิยม วัยรุ่นจึงซ้ือมาใช้ เพ่ือให้ตนเองดูทันสมัย สามารถเขา้ กับกลุ่มเพื่อนได้ ประวตั ิห้องสมดุ ในประเทศไทย สมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1800 - 1920) พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยข้ึนในปี พ.ศ. 1826 ได้จารึกเร่ืองราวต่างๆ ลงบนแผ่นหินหรือเสาหิน คล้ายกับหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง มหาราช ที่จารึกเม่ือประมาณ 700 ปีมาแล้ว ซึ่งหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชถือเป็นหนังสือ เล่มแรกของไทย เม่ือพ่อขุนรามคำแหงมหาราชส่งสมณฑูตไปสืบศาสนาที่ลังกา ก็รับพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ เข้าสู่กรุงสุโขทัย พร้อมท้ังคัมภีร์พระไตรปิฎก โดยสันนิษฐานว่าจารึกลงในใบลาน ดังน้ันพระในเมืองไทยจึงมี การคัดลอกพระไตรปิฎกท่ีเรียกว่า การสร้างหนังสือ ทำให้มีหนังสือทางพุทธศาสนาเกิดข้ึนจำนวนมากท่ี เรียกว่า หนังสือผูกใบลาน จึงสร้างเรือนเอกเทศสำหรับเก็บหนังสือทางพุทธศาสนา เรียกว่า หอไตร และใน ปลายสมัยกรุงสุโขทัยได้มีวรรณกรรมทางศาสนาที่สำคัญคือ ไตรภูมิพระร่วง ซ่ึงเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระ มหาธรรมราชาท่ี 1 พญาลิไทย สมัยกรงุ ศรอี ยุธยา (พ.ศ. 1893 - 2310) ได้มกี ารสร้างหอหลวงไวใ้ นพระบรมมหาราชวงั เปน็ ที่ สำหรับเกบ็ หนงั สือของทางราชการ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2310 ทง้ั หอไตรและหอหลวงไดถ้ ูกพม่าทำลายได้รบั ความ เสียหาย สมัยกรงุ ธนบุรี (พ.ศ. 2310 - 2325) พระเจ้าตากสินไดโ้ ปรดให้ขอยืมพระไตรปฎิ กจากเมอื ง นครศรีธรรมราชมาคัดลอกและโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งหอพระไตรปฎิ กหลวง หรอื เรียกวา่ หอหลวง สมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ (พ.ศ. 2325 - ปจั จบุ ัน) 1. หอพระมณเฑยี รธรรม พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลก ไดโ้ ปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอพระ มณเฑยี รธรรมขึ้นเม่ือ พ.ศ 2326 ในพระบรมมหาราชวังบริเวณวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม เพื่อเกบ็ พระไตรปิฎก หลวง แต่ถกู ไฟไหม้ จงึ โปรดใหส้ ร้างขนึ้ ใหม่และใช้นามเดิม 2. จารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรด เกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ ซึ่งสร้างข้ึนในสมัยกรุงศรีอยุธยา และให้รวบรวมเลือกสรรตำราต่างๆ มาตรวจตราแกไ้ ขแล้วจารึกลงบนแผ่นศิลาประดับไว้ในบริเวณต่างๆ ของวัด มีรูปเขียนและรูปป้ันประกอบตำรา น้ันๆ แต่ทรี่ ู้จักกันแพร่หลายคือ รปู ปั้นฤาษีดดั ตนในท่าตา่ งๆ ทถ่ี ือเปน็ ต้นตำรับการนวดและตำรายาไทย ซงึ่ เป็น ต้นตำรับการแพทย์แผนไทยมาจนกระท่ังทุกวันน้ี นอกจากนั้นยังมีความรู้อีกมากมายมที่จารึกไว้ จนทำให้จารึก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้ช่ือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย และได้รับการยกย่องให้เป็นห้องสมุด ประชาชนแห่งแรกของไทย 3. หอพระสมดุ วชิรญาณ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว โปรดให้สรา้ งขึ้นในปี พ.ศ.2424 เพ่ือเฉลมิ พระเกยี รตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว

14 4. หอพทุ ธศาสนสังคหะ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสรา้ งขึ้นทว่ี ดั เบญจมบพิตร เมื่อ พ.ศ. 2443 เพื่อเก็บหนังสอื ตา่ งๆ เกีย่ วกับพระพุทธศาสนา 5. หอสมุดสำหรบั พระนคร พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างข้นึ เมื่อ พ.ศ. 2448 โดยโปรดเกล้าฯ ใหร้ วมหอพระมณเฑยี รธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธศาสนา สงั คหะเข้าเปน็ หอเดียวกัน และพระราชทานนามวา่ หอพระสมดุ วชิรญาณสำหรับพระนคร 6. หอสมุดแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างข้นึ เม่ือ พ.ศ.2468 โดยใหแ้ ยก ห้องสมุดออกเป็น 2 หอ คือ แยกหนังสือตัวเขียน ได้แก่ สมุดไทย หนังสือจารึกลงในใบลาน สมุดข่อย ศิลาจารึก และตู้ลายรดน้ำไปเก็บไว้ท่ีพระท่ีน่ัง ศิวโมกขพิมาน ซ่ึงอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ใช้สำหรับเก็บหนังสือตัวเขียน และเรียกว่า หอพระวชิรญาณ ส่วนหอสมุดท่ีตั้งข้ึนท่ีตึกถาวรวัตถุใช้เก็บหนังสือ ตัวพิมพ์ เรยี กว่า หอพระสมุดวชิราวุธ 7. หอจดหมายเหตุ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกล้าเจา้ อย่หู วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2459 มีงานดังน้ี - งานจัดหาเอกสารและบนั ทึกเหตกุ ารณ์ - งานจัดเก็บเอกสาร - งานบรกิ ารเอกสาร - งานซอ่ มแซมและบรู ณะเอกสาร - งานไมโครฟิล์ม และถา่ ยสำเนาเอกสาร ประวตั ิห้องสมุดประชาชน กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อสนองพระราชปณิธานและแนวทางพระราชดำริในการ ส่งเสริมการศึกษาสำหรับประชาชน ตามท่ีทรงแสดงไวใ้ นโอกาสต่าง ๆ เช่น ในโอกาสทีท่ รงมพี ระมหกรุณาธิคุณ เสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุม สมัชชาสากลว่าด้วยการศึกษาผู้ใหญ่ วันท่ี 12 มกราคม พ.ศ. 2533 ได้ทรงพระราชทานลายพระหัตถ์เชิญชวนให้ กระทรวงศึกษาธิการจึงไดข้ อพระราชทานพระราชานุญาตดำเนนิ โครงการจัดต้งั ห้องสมดุ ประชาชน ซึ่งที่ ได้รับพระราชทานนามว่า ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” โดยจะเร่ิมก่อสร้างห้องสมุดรุ่นแรก จำนวน 37 แห่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสท่ี พระชนมายุ 36 พรรษา ในปี 2534 และจะวางแผนดำเนินการจัดต้ังอย่างต่อเน่ืองจนครบทุกอำเภอภายใน ระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2534 – 2543 ซึ่งเป็นเวลาท่ีองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นทศวรรษ แห่งการส่งเสรมิ การร้หู นงั สอื ห้องสมุดประชาชนแตล่ ะแห่งจะสร้างขึ้นด้วยความรว่ มมอื ของประชาชนในท้องถ่ินหน่วยงาน ภาครัฐและ เอกชน จากความจงรักภกั ดีและความสำนึกใน

15 พระมหากรณุ าธิคณุ ของสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี เพื่อพร้อมใจน้อมเกลา้ ฯ ถวายเพือ่ สนองพระราชปณธิ าน ในชมุ ชนมีแหลง่ ความรทู้ ี่พร้อมพร่ังสมบูรณ์ ซึง่ เปน็ แบบอย่างของการพัฒนา หอ้ งสมดุ สบื ต่อไปโดยมีการจัดส่วนบริการและกิจกรรมคือ 1. หอ้ งอ่านหนงั สือทั่วไป 2. มุมเด็กและครอบครัว 3. หอ้ งอเนกประสงค์ 4. หอ้ งโสตทศั นศึกษา 5. ห้องเฉลมิ พระเกยี รติ สาระสำคญั วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งมุ่งท่ีกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ชุมชนในชนบท ด้วยการจัดต้ังและ พัฒนาห้องสมุดประชาชนอำเภอ ให้เป็นแหล่งความรู้สำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย และเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนการผลิตและเผยแพร่เอกสารส่ิงพิมพ์ไปสู่ท่ีอ่านหนังสือในระดับหมู่บ้าน ทั้งนี้ โดยได้กำหนด วตั ถุประสงค์เฉพาะในการดำเนินการไว้ดังต่อไปนี้ 1. พัฒนารูปแบบของห้องสมุดประชาชนอำเภอ เพ่อื สนองตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้เปน็ ตัวอย่างของ หอ้ งสมุดในอนาคตท่ีจะเปน็ แหลง่ ความรู้และศนู ย์กลางสนับสนนุ เครือข่ายการเรยี นรู้ในระดับหมบู่ า้ น 2. จัดต้ังห้องสมุดประชาชนอำเภอให้ครบทุกอำเภอ โดยจะคัดเลือกอำเภอท่ีมีความพร้อมและความ จำเป็นเร่งด่วน ดำเนินการจัดตั้งเป็นรุ่นแรกจำนวน 37 แห่ง ในช่วงปี 2534 – 2535 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทยอยการจัดตั้งในอำเภออื่น จนครบทั่วทั้งประเทศ ในช่วงปี 2536 – 2543 3. พัฒนาหอ้ งสมุดประชาชนอำเภอท่จี ดั ต้ังอย่เู ดิมแลว้ ให้มีคุณภาพและมีความพร้อมที่จะใหบ้ รกิ ารตาม บทบาทและภารกิจของห้องสมดุ ในอนาคต 4. ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรณรงค์ส่งเสริการอ่าน เพ่ือกระตุ้นให้ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เห็นความสำคัญของการอ่าน และการจัดต้ังห้องสมุดประชาชน เพ่ือจะได้มีส่วน ร่ ว ม รั บ ผิ ด ช อ บ ใน ก า ร ด ำ เนิ น โ ค ร ง ก า ร แ ล ะ ใช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก ห้ อ ง ส มุ ด ที่ จ ะ จั ด ต้ั ง ข้ึ น จ า ก วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ดังกล่าว กรมการศึกษานอกโรงเรียน จึงมีนโยบายให้ห้องสมุดประชาชนทุกประเภท ซ่ึงรวมทั้งห้องสมุด ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ด้วย มีกจิ กรรมหลักการดงั นี้

16 1. ศูนย์ข้อมลู ขา่ วสารชุมชนมีกจิ กรรมที่จดั ในลักษณะดังนี้ 1.1) ด้านสง่ เสริมการอา่ นและการคน้ คว้า เชน่ การประกวดการอา่ น การจัดนิทรรศการ การเล่า นทิ าน การเล่าเรอื่ งจากหนงั สือ การประกวดยอดนักอ่าน การโต้วาที การปาฐกถา เปน็ ตน้ 1.2) ด้านการใช้ภมู ิปัญญาท้องถิน่ เชน่ การอภิปราย การบรรยาย การศกึ ษาดูงานในทอ้ งถน่ิ การ รวบรวบผลงานของภมู ปิ ญั ญาในทอ้ งถน่ิ เป็นตน้ 1.3) ด้านหอ้ งสมุดเคลือ่ นท่ีสู่ชมุ ชน เช่น การนำย่าม ถุง กระเปา๋ หบี เรือ รถยนต์ รถไฟเคล่ือน ไปตามชมุ ชน จดั หาหนงั สือไปบรกิ ารตามจุดหรือ หน่วยงานสำคญั เช่น เรอื นจำ โรงงาน บ้านพกั คนชรา โรงพยาบาล เป็นต้น 1.4) ดา้ นสง่ เสรมิ การรวมกล่มุ ประชาชนตาม ความรู้และความสนใจ เชน่ กลุ่มสนใจ กลมุ่ วิชาชพี ชุมชนต่าง ๆ เช่นชมรมนกั อา่ น ชมรมอนรุ กั ษธ์ รรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ชมรมสมุนไพร การแข่งขนั กีฬา เป็นต้น 1.5) ดา้ นครอบควั สัมพันธ์ เช่น จัดใหม้ สี นาม เด็กเล่น จดั มุมเดก็ และมมุ ครอบครวั จำตามวัน สำคัญ ๆ เชน่ วนั พ่อ วันแม่ วันครอบครัว วันตรวจสขุ ภาพ เป็นต้น 2. ศนู ย์สง่ เสริมการเรียนรู้ของชุมชนมกี ิจกรรมทีจ่ ดั ในลักษณะดังนี้ 2.1) ด้านแนะแนวการศึกษานอกโรงเรียน เช่น แนะแนวการศึกษาอาชีพทำเนียบตลาดแรงงาน แหล่งทรัพยากร จดั ปา้ ยนิเทศ ตลาดนดั ทวั ร์อาชพี ศกึ ษาดงู าน เป็นต้น 2.2) ด้านจัดและให้บริการชุดทดลอง ชุดสาธิตต่าง ๆ เช่น สาธิตการทดลองนวัตกรรม ใหม่ๆ เช่น เครื่องดักยุง ระบบน้ำหยด การทดสอบความชื้นของข้าว การทดลองการเป็นกรดเป็นด่างของ ดนิ เป็นตน้ 2.3) ด้านจัดพ้ืนที่สำหรับบริการตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนของสถาบันต่าง ๆ เช่น จัดมุม ทางไกล ตนเองช้นั เรยี น มมุ มสธ. มมุ มร. เปน็ ต้น 3. ศนู ย์กลางการจดั กจิ กรรมของชุมชน หรือเป็นศูนยป์ ระชาคมมีกิจกรรมทจ่ี ดั ในลักษณะ ดงั น้ี 3.1) บรกิ ารสถานท่จี ดั ประชุม สมั มนา การแสดงผลิตภณั ฑ์ เช่น การจัดประชมุ สมาชกิ ชุมชน สมาคม และ แสดงกิจกรรมชมรม จดั มมุ แสดงสินคา้ พื้นเมือง จัดแสดงศลิ ปวัฒนธรรมพนื้ บา้ น การ แตง่ งาน เป็นตน้ 3.2) กจิ กรรมเดก็ และครอบครวั เชน่ วันเด็ก วันแม่ วนั พ่อ การบรรยายเกี่ยวกบั เด็กและ ครอบครัว เป็นต้น 3.3) กิจกรรมอเนกประสงค์ของชมุ ชน เชน่ ศิลปวฒั นธรรม การแต่งงาน การดำเนินการเชงิ ธุรกจิ สนามเด็กเลน่ เป็นต้น

17 4. พฒั นาเครือขา่ ยการเขียนรู้ในชมุ ชน มีกิจกรรมท่ีจดั ในลกั ษณะ ดังนี้ 4.1) ดา้ นขอ้ มลู ขา่ วสารและสอื่ เช่น การหมุนเวียนสอ่ื สารนเิ ทศไปยังหอ้ งสมุดโรงเรียน 4.2) ด้านการพัฒนา การผลติ เผยแพรแ่ ละฝึกอบรม เชน่ ผลิตเอกสาร แผน่ ปลิว อบรมบุคลากร ทเ่ี กี่ยวข้องในดำเนนิ งานเพื่อท่จี ะให้การเผยแพร่ส่ือสารนเิ ทศสเู่ ครือขา่ ยอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ต้น จากวัตถุประสงค์ท้ัง 5 ข้อดังกล่าว กรมการศึกษานอกโรงเรียนจัดเพ่ือให้ประชาชนในชุมชนทุก เพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพได้รับการศึกษานอกโรงเรียนจากการจัดบริการและกิจกรรม ห้องสมุด เพ่ือใช้ในการปรับปรุงอาชีพ ความเป็นอยู่ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เป็นการศึกษาตามอัธยาศัยท่ี สง่ เสริมสนบั สนนุ การศึกษาในระบบและนอกระบบโรงเรียนอีกส่วนหนงึ่ ดว้ ย บทบาทหน้าที่ 1. ศูน ย์ข่าวสารและข้อ มูล ของชุม ช น ห มายถึ ง จัด ห้ อ งสมุ ดให้ เป็ น แห ล่งศึก ษ าห า ความรู้ คน้ ควา้ วจิ ัย โดยมกี ารจดั บรกิ ารหนงั สือ เอกสารสิง่ พิมพ์ สอื่ โสตทัศน์ 2. ศูนย์ส่งเสรมิ การเรียนรขู้ องชมุ ชน เป็นแหล่งสง่ เสริมสนับสนนุ และจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 3. ศูนย์กลางจัดกิจกรรมของชุมชน หมายถึง การให้บริการแก่ชุมชน ในการจัดกิจกรรม การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม เช่นการประชุมขององค์กร การจัดกิจกรรมวันสำคัญตามประเพณี การจัดสวน สขุ ภาพ สนามเดก็ เลน่ และสวนสาธารณะ เป็นตน้ 4. ศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึง การจัดให้เกิดกระบวนการท่ีจะเช่ือม ประสานระหวา่ งห้องสมุดและแหล่งความรู้ในชุมชนอ่ืน ๆ เชน่ ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน สถานศึกษา แหล่ง ประกอบการ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ สืบเน่อื งจากปี 2548 ซง่ึ เปน็ ปีท่สี มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญ พระชนมายุครบ 50 พรรษา ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันเน่ืองด้วยการศึกษา ศาสนาและ ศิลปวัฒนธรรม จึงได้พิจารณาเห็นสมควรสนองพระราชดำริในการส่งเสริมให้ชุมชนได้มี ห้องสมุดเพ่ือเป็นแหล่ง ความรู้ จังหวัดอำนาจเจริญจึงเริ่มริเร่ิมดำเนินโครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัด อำนาจเจริญ ข้ึนเพ่ือเป็นการเทิดพระเกียรติ ในวโรกาสท่ีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทรงเจริญพระชนมายุรบ 50 พรรษา ทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเทิดทูนบูชาท่ีประชาชนชาวไทยมีต่อ พระองค์ และเป็นการบุกเบิกพัฒนาในการจัดต้ังห้องสมุดประชาชน และบริการข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชนใน ลักษณะห้องสมดุ อิเล็กทรอนิกส์ โดยประชาชนและหนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนทมี่ ีความจงรักภกั ดี และสำนกึ ใน น้ำพระราชหฤทัยท่ีทรงมุ่งม่ัน และส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับประชาชน ซ่ึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ จังหวัดอำนาจเจริญท่ีว่า “ประชาสังคมเข้มแข็ง แห่งผลิตข้าวหอมมะลิคุณ ภาพดี มีโอกาสทาง การศึกษา พฒั นาคุณภาพชวี ิต”

18 ตามมติท่ีประชุมคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดอำนาจเจริญ เม่ือคราวประชุม วันท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ.2548 โดย นายสมพงษ์ อนุยทุ ธพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวดั อำนาจเจรญิ (ขณะนน้ั ) ได้มี มติให้ ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอำนาจเจริญ ก่อสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัด อำนาจเจริญ โดยก่อสรา้ งที่บริเวณใกล้ส่ีแยกไฟแดง อาคารสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองอำนาจเจริญเดิมบน พ้ืนท่ี 2 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา ในวงเงินงบประมาณ 7,500,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน) ประจำปี งบประมาณ 2548 โดยใช้แบบแปลนมาตรฐานห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” สำนักบริหารงาน การศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ชนิดขยายข้างสองช้ัน กระทรวงศึกษาธิการได้นำความข้ึนกราบ บังคมทูลขอพระราชทาน พระราชานุญาตเข้าร่วมโครงการก่อสร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”จังหวัด อำนาจเจริญ เปน็ ลำดบั ที่ 85 โดยทำสญั ญากอ่ สร้าง เมอื่ วนั ท่ี 15 กนั ยายน 2548 เร่มิ ดำเนินการก่อสรา้ งประมาณเดือนกมุ ภาพนั ธ์ 2549 กระท่งั สง่ มอบ ครง้ั สดุ ทา้ ยเมื่อวนั ที่ 25 ธันวาคม 2549 ภายในอาคารห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” จังหวัดอำนาจเจรญิ จดั เปน็ หอ้ งสมุดสำหรบั ปจั จุบนั และอนาคต ไม่ได้บริการเฉพาะยืม – คนื หนังสือเท่าน้ัน แต่จะมีกจิ กรรมต่าง ๆ ทีส่ นองความต้องการ ของประชาชน อาทิ ชนั้ ลา่ ง เปน็ สว่ นของการใหบ้ ริการ สอื่ /หนงั สือที่ครบถ้วน เชน่ มมุ หนังสือท่วั ไป มุมหนงั สอื วารสาร ห้องหนงั สอื นวนยิ าย ห้องหนังสืออ้างองิ ห้องเด็กและครอบครวั มมุ หนงั สอื พระราช นพิ นธ์ เครื่องคอมพวิ เตอร์ มัลตมิ ีเดีย มุมบริการอนิ เตอร์เน็ต ชนั้ บน ประกอบด้วย ห้องเฉลิมพระเกยี รติ หอ้ งอำนาจเจรญิ ซึ่งแสดงนิทรรศการความเป็นมา ศลิ ปวัฒนธรรมทอ้ งถิน่ จังหวัดอำนาจเจรญิ หอ้ ง พระพุทธศาสนา และห้องโสตทศั นศึกษา

19 กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่างๆ เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจท่ีจะอ่าน เห็นความสำคัญ ของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ทั้งนี้ การอ่านหนังสือ เปน็ ทักษะสำคัญทกั ษะหนง่ึ ในชีวติ ประจำวัน เพราะการอ่านหนงั สอื จะพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของคนเราได้เป็นอย่างดี ยิง่ เมื่อคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความเพลิดเพลิน การท่ีเด็ก จะเกิดทักษะการอ่านหนังสือได้น้ันจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย ทั้งครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ในการจัดกจิ กรรมส่งเสริมการอ่านใหแ้ ก่เด็ก

20 กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นคอื การกระต้นุ ดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่านสนใจการอา่ นจนกระทั่งมีนสิ ัยรัก การอา่ น และได้พฒั นาการอ่านจนกระทง่ั มคี วามสามารถในการอา่ น นำประโยชนจ์ าการอ่านไปใช้ได้ตรงตาม วัตถปุ ระสงค์ของการอ่านทุกประเภท (ฉวีวรรณ คหู าภนิ นั ทน์, 2542 : 93) กรมวชิ าการ (อ้างถงึ ใน ฉววี รรณ คหู าภินันทน์, 2542 : 93) ใหค้ วามหมายวา่ กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน คือ การกระทำเพื่อ 1. เร้าใจบุคคลหรือบุคคลทเ่ี ป็นเปา้ หมายให้เกิดความอยากรู้ อยากอ่านหนังสอื โดยเฉพาะหนังสอื ที่มี คณุ ภาพ 2. เพอื่ แนะนำชักชวนใหเ้ กิดความพยายามท่จี ะอ่านใหแ้ ตกฉาน สามารถนำความรู้จากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกิดความเข้าใจในเรอ่ื งตา่ งๆ ดีขึ้น 3. เพ่ือกระต้นุ แนะนำให้อยากรู้ อยากอา่ นหนังสือหลายอย่าง เปดิ ความคิดใหก้ ว้าง ให้มกี ารอ่านต่อเน่ือง จนเป็นนสิ ัย พฒั นาการอา่ นจนถงึ ขน้ั ที่สามารถวเิ คราะหเ์ รื่องที่อา่ นได้ 4. เพอ่ื สร้างบรรยากาศท่ีจูงใจให้อ่าน ดังนนั้ สามารถกลา่ วได้วา่ กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่าน หมายถงึ กิจกรรมต่างๆท่ีห้องสมุดจัด ขึ้นเพื่อส่งเสรมิ ให้ เกดิ การอา่ นอยา่ งต่อเนอ่ื งจนกระทั่งเป็นนสิ ัยรักการอา่ น เช่น การเล่านทิ าน การเชิดหุ่น การแสดงละคร การ แนะนำหนังสือทนี่ า่ สนใจ เป็นตน้ ลกั ษณะของกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านที่ดี 1. เรา้ ความสนใจ เชน่ การจัดนทิ รรศการที่ดงึ ดูความสนใจ การตอบปัญหา มีรางวัลต่างๆ การใช้ส่ือ เทคโนโลยใี หมๆ่ เข้ามาชว่ ย 2. จงู ใจให้อยากอ่านและกระตุน้ ใหอ้ ยากอ่าน เช่น ข่าวที่กำลงั เป็นทีส่ นใจ หรือหวั ขอ้ เรื่องท่เี ป็นท่ีสนใจ เชน่ การวจิ ยั การเตรียมตัวสอบ การสมัครงาน เปน็ ต้น 3. ไม่ใชเ้ วลานาน ความยากง่ายของกิจกรรมเหมาะสมกับเพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เปน็ กิจกรรมท่ีมุ่งไปสู่หนังสือ วสั ดกุ ารอ่าน โดยการนำหนังสือหรอื วัสดุการอา่ นมาแสดงทกุ คร้ัง 5. ให้ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แฝงการเรียนรู้ตามอัธยาศัยจากการรว่ มกจิ กรรมดว้ ย การอ่านหนังสือเป็นการพฒั นาตนเองและเป็นการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ซง่ึ เปน็ ส่ิงจำเป็นมากในการ พัฒนาคนและพัฒนาสังคม การอ่านหนังสือของคนไทยเป็นกิจกรรมท่ีไม่แพร่หลายแม้ในหมู่ผู้รู้หนังสือแล้ว โดยเฉพาะการอ่านหนังสือท่ีดีและมีสาระยิ่งมีน้อยข้ึนไปอีก สาเหตุมีอยู่หลายประการนับต้ังแต่การขาดแคลน หนังสือที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้อ่าน การขาดแคลนแหล่งหนังสือท่ีจะยืมอ่านได้ ไปจนถึงการดึงความ สนใจและการแย่งเวลาของสอ่ื อ่ืน ๆ เช่น โทรทศั น์ วิทยุ ฯลฯ รวมท้งั ขาดแรงจูงใจ และการชกั จูง การกระต้นุ และ มีนิสัยรักการอ่านท้ังในและนอกโรงเรียน เม่ือเทียบกับความเพลิดเพลินและการได้ฟังได้รู้เห็นเร่ืองต่าง ๆ จาก โทรทัศน์และวิทยุแล้ว การอ่านหนังสือเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวต้องใช้ความพยายามมากกว่าและต้องมีทักษะใน การอ่าน ถ้าจะให้การอ่านหนังเกิดเป็นนิสัยจำเป็นต้องมีการปลูกฝังและชักชวนให้เกิดความสนใจการอ่านอย่าง ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักอ่าน ซ่ึงควรมีลักษณะ ดังนี้ 1. เร้าใจให้เกิดความยาก

21 อา่ นหนังสือ 2. ให้เกิดความพยายามที่จะอ่านเพ่อื จะได้รเู้ รื่องที่น่ารู้ที่มอี ยู่ในหนังสือ และน่าสนุกตามกิจกรรมที่จัด ขึน้ 3. แนะนำ กระตุ้นให้อยากรู้อยากเห็นเร่ืองน่ารู้ต่าง ๆ เกิดความรอบรู้ คิดกว้าง และมีการอ่านต่อเนื่องจนเป็น นิสัย 4. สร้างบรรยากาศท่ีน่าอ่าน รวมทั้งให้มีวัสดุการอ่าน มีแหล่งการอ่านที่เหมาะสมและเพียงพอ ความหมายและความสำคญั ของห้องสมดุ ห้องสมุดประชาชน หมายถึง ห้องสมุดที่ตั้งข้ึนเพ่ือให้บริการแก่ประชาชน โดยไม่จำกัด เพศ วัย เชื้อชาติ ศาสนา และพื้นความรู้ ให้บริการสารสนเทศครบทุกหมวดวิชา และอาจมีการบริการบางเรือ่ งเป็นพิเศษตามความ ตอ้ งการของทอ้ งถิ่น และจะจดั ใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชนโดยไมค่ ิดมูลค่า บทบาทหนา้ ท่ีของห้องสมดุ ประชาชน มี 3 ประเภท คือ 1. หน้าท่ีทางการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเป็นแหล่งให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าท่ีให้ การศกึ ษาแกป่ ระชาชนทั่วไป ทุกระดบั การศึกษา 2. หน้าท่ีทางวัฒนธรรม ห้องสมุดปะชาชนเป็นแหล่งสะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ท่ีถ่ายทอดเป็น วฒั นธรรมท้องถิ่น ทห่ี ้องสมดุ ต้งั อยู่ 3. หน้าท่ีทางสังคม ห้องสมุดประชาชนเป็นสถาบันทางสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและท้องถ่ินมา ดำเนนิ กิจการ จึงมหี น้าท่ี แสวงหาข่าวสารข้อมูลท่ีมปี ระโยชนม์ าบริการประชาชน หอ้ งสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมหี นว่ ยงานตา่ ง ๆ รบั ผดิ ชอบ ดังน้ี 1. ห้องสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยังได้จัดที่อ่านหนังสือประจำ หมู่บา้ น ทอี่ ่านหนงั สือในวดั และหอ้ งสมุดเคลื่อนท่ี 2. ห้องสมุดประชาชน สังกัดกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี ห้องสมุดประชาชนซอยพระนาง หอ้ งสมุดประชาชนปทุมวัน ห้องสมดุ ประชาชนอนงคาราม ห้องสมดุ ประชาชนวัด สังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมุดประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมุดประชาชนวัดรัชฎาธิษฐาน วรวิหารตล่ิงชัน ห้องสมุดประชาชนประเวช ห้องสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุดประชาชนภาษีเจริญ ห้องสมุดประชาชนวัดราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เป็นห้องสมุดที่ธนาคารพาณิชย์เปิดข้ึนเพื่อบริการสังคม และ เพ่อื ประชาสัมพนั ธ์กจิ การของธนาคารใหเ้ ปน็ ที่รู้จกั แพรห่ ลาย เช่น ห้องสมุดประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกดั 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศ เช่น ห้องสมดุ บริติชเคานซ์ ิล ของรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ทต่ี ั้งอยบู่ รเิ วณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมุดประชาชนเสียค่าบำรุง ห้องสมุดประชาชนประเภทนี้ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น โดยผู้ท่ี เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงตามระเบียบของห้องสมุด ได้แก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ตั้งอยู่ที่ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของห้องสมสุดต่อสังคมในดา้ นตา่ งๆ

22 1. เปน็ สถานทเ่ี พ่ือสงวนรกั ษาและถ่ายทอดวัฒนธรรม ห้องสมดุ เปน็ แหลง่ สะสมววิ ฒั นาการของมนุษย์ ต้งั แตอ่ ดีตจนถึงปจั จบุ นั ถ้าไม่มีแหลง่ คน้ คว้าประเภทห้องสมุดเปน็ ศนู ย์กลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสญู หายหรือ กระจดั กระจายไปตามท่ีตา่ งๆ ยากแก่คนรุ่นหลังจะตดิ ตาม 2. เปน็ สถานท่เี พ่ือการศกึ ษา ค้นคว้าวจิ ัย หอ้ งสมดุ ทำหนา้ ท่ใี ห้การศึกษาแกป่ ระชาชนทุกรปู แบบ ทัง้ ใน และนอกระบบการศึกษา เริ่มจากการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานถงึ ระดับสูง 3. เปน็ สถานที่สรา้ งเสริมความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละความจรรโลงใจ หอ้ งสมดุ มหี น้าทร่ี วบรวมและเลอื กสรร ทรัพยากร สารสนเทศ เพ่ือบริการแก่ผใู้ ช้ ซ่งึ เปน็ สงิ่ ทม่ี คี ุณค่าผใู้ ช้ได้ความคิดสรา้ งสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกดิ ประโยชน์แกต่ นเองและสงั คมต่อไป 4. เป็นสถานที่ปลูกฝงั นิสยั รักการอา่ นและการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ห้องสมดุ จะช่วยให้บคุ คลสนใจในการอ่าน และรกั การอา่ นจนเป็นนิสัย 5. เป็นสถานท่ีส่งเสริมการาใช้เวลาว่างในเป็นประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานที่รวบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพ่ือบริการแก่ผู้ใช้ตามความสนใจและอ่านเพ่ือฆ่าเวลา อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน หรืออ่านเพื่อ สาระบนั เทงิ ไดท้ ง้ั สิน้ นบั วา่ เป็นการพักผอ่ นอย่างมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เป็นสถานที่สง่ เสรมิ ความเป็นประชาธปิ ไตย หอ้ งสมุดเป็นสาธารณะสมบัติ มสี ว่ นสง่ เสรมิ ให้บคุ คลรจู้ กั สิทธิและหนา้ ที่ของพลเมือง กลา่ วคอื เม่ือมีสทิ ธิในการใช้ก็ย่อมมีสิทธใิ นการบำรงุ รักษาร่วมกันและใหค้ วามรว่ มมือ กบั ห้องสมุดดว้ ยการปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ แบบแผนของหอ้ งสมุด ปญั หาการอ่านและการใช้ห้องสมดุ ปัญหาในการอา่ นที่ทำใหม้ ีผลทำให้เดก็ ไม่เกิดนิสัยรักการอ่าน ซึ่งมสี าเหตมุ าจาก 1.ไม่อา่ น 2. อ่านไม่ออก 3. ไม่มหี นังสอื อา่ น 4. ไมม่ เี วลาอา่ น 5. ไมม่ ที ่ีอา่ น 6. อ่านช้า 7. อา่ นไมเ่ ข้าใจ 8. อ่านแลว้ ไม่เกดิ ประโยชน์ ปัญหาในการใช้ห้องสมุดที่ทำให้เดก็ ไมอ่ ยากเข้าใช้บริการห้องสมดุ 1. กฎระเบียบ 2. สถานทีอ่ ยไู่ กลชมุ ชน 3. เจา้ หน้าทีไ่ ม่ให้ความสนใจ 4. มคี วามคดิ แบบเดิมๆ วา่ ห้องสมดุ น่าเบอ่ื 5.ไม่มี่แรงจูงใจ

23 6. สื่อไมท่ นั สมยั 7. การบริการไมเ่ ป็นท่ีพอใจ นอกจากน้ตี วั แปรท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ การใช้บรกิ ารห้องสมดุ ยงั สามารถสรุปได้ดงั น้ี 1. ตวั แปรทเ่ี กีย่ วกับผ้ใู ช้ ไดแ้ ก่ วุฒภิ าวะ ความพรอ้ ม การจงู ใจ สมรรถวสิ ยั ในการอ่านและคณุ ลักษณะ ทางบคุ ลกิ ภาพของผอู้ ่าน 2. ตัวแปรทีเ่ กย่ี วข้องกบั การอ่าน ได้แก่ ความแตกต่างของวสั ดุการอา่ น ซ่ึงอาจแตกต่างได้ในความยาก งา่ ย ความยาว ความคลา้ ยคลงึ กนั นอกจากนว้ี สั ดกุ ารอา่ นยังแตกต่างในดา้ นของความสนุก นา่ เรียนหรอื นา่ เบื่อ หน่าย 3. ตวั แปรที่เกยี่ วกบั การใชห้ ้องสมุด 4. ตวั แปรทเี่ ก่ยี วกบั สภาพสงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม ได้แก่ บา้ น โรงเรียน เพ่ือนและชมุ ชน จากข้อความท่ีกล่าวมาข้างตันสรปุ ได้ว่า การาใชห้ อ้ งสมดุ ขึ้นอยูก่ ับปจั จยั หลายประการ ไดแ้ ก่ สภาพสังคมและ สิง่ แวดลอ้ ม วสั ดุการอ่าน และตวั ของผู้อา่ นเอง การศกึ ษาตลอดชีวิต ความหมายของการศกึ ษาตลอดชีวิต คำจำกัดความของการศึกษาตลอดชีวิตได้มีผู้ให้ไว้หลายคนด้วยกันดังน้ีคือ สุมาลี สังข์ศรี กล่าวว่า การศึกษาตลอดชีวิต หมายถึง ภาพรวมของการศึกษาทุกประเภทที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นการศึกษาเพื่อมุ่งพัฒนาบุคคลใหป้ รับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงในทุกช่วงชีวิตของบุคคลและพัฒนาต่อเน่ือง ไปให้เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล การศึกษาตลอดชีวิตครอบคลุมการศึกษาทุกรูปแบบ ทุกวัย ทั้งการศึกษาสน ระบบโรงเรียน และการศึกษานอกระบบโรงเรียนและการศึกษาแบบไม่เป็นทางการจากทุกแหล่งความรู้ในชุมชน และสังคมและเกิดข้ึนได้ทุกที่ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานท่ี การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาท่ีสัมพันธ์กับชีวิต และผสมผสานกลมกลืนกับการดำเนินชีวิตของบุคคล สุนทร สุนันท์ชัย กล่าวว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็น การศึกษาท้ังหมดของชีวิตมนุษย์ จากเกิดจนตาย มุ่งพัฒนามนุษย์ให้ปรับตัวเข้ากับความเปล่ียนแปลงในโลก ปจั จุบนั และพฒั นาตอ่ เนื่องไปใหเ้ ตม็ ศักยภาพของบุคคลแต่ละคน เป็นการศกึ ษาท่ีเกิดจากแรงจูงใจที่จะเรยี นรู้ด้วย ตนเองจากแหล่งเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบและไม่เป็นทางการ ปฐม นิคมานนท์ กล่าวว่าการศึกษามิได้ หมายถึงเฉพาะกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเท่านั้น หากแต่เกิดขึ้นได้ทุกแห่งทุกหนและ ตลอดเวลา มีความเก่ยี วพันธ์และต่อเน่ืองกันตลอดชีวิต พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และท่ีแกไ้ ข เพิ่มเติม(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ให้ความหมายของการศึกษาตลอดชีวิต ว่า เป็นการศึกษาท่ีเกิดขึ้นจาก การผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อให้สามารถพัฒนา คุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต จากที่มีผู้กล่าวมาถึงความหมายของการศึกษาตลอดชีวิตไว้หลาย ความหมาย สามารถสรุปได้ว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็นกระบวนการที่มีผลต่อการเรียนรู้ โดยการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เกิดขึ้นกับบุคคลต้ังแต่เกิดจนตายเพ่ือให้บุคลได้พัฒนาตนให้ทัน ต่อการเปล่ยี นแปลงและพฒั นาต่อไปใหเ้ ตม็ ศักยภาพ โดยบุคคลนัน้ จะต้องมแี งจูงใจที่จะศกึ ษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง

24 ความสำคญั ของการศึกษาตลอดชีวติ สมุ าลี สงั ขศ์ รี สรุปความสำคัญของการศึกษาตลอดชีวติ ดงั นี้ 1. การศกึ ษาตลอดชวี ิตทำให้บุคคลมีโอกาส เรยี นรู้ทุกชว่ งชีวิต 2. การศึกษาตลอดชวี ิตทำใหบ้ คุ คลมีโอกาสทางการศึกษาอยา่ งเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกนั 3. การศกึ ษาตลอดชีวติ ทำใหบ้ คุ คลได้รบั โอกาสศึกษาในรปู แบบที่เหมาะสมกลมกลืนกับสภาพการดำเนิน ชีวติ จรงิ เพราะการศกึ ษาตลอดชวี ติ เปน็ การบูรณาการศึกษากบั ชวี ิต 4. การศกึ ษาตลอดชวี ิตทำให้บุคคลไดร้ ับการศึกษาทีส่ ามารถนำมาประยุกตใ์ ช้กบั ชวี ิตจริงได้ 5. การศกึ ษาตลอดชีวติ ทำให้บคุ คลไดร้ บั การศึกษาท่ีสอดคลช้องกับการทำงาน ช่วยให้บุคคล สามารถ เลอื กอาชพี แลละพฒั นาอาชพี ไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั สภาพการณท์ เี่ ปล่ยี นแปลง 6. การศึกษาตลอดชวี ติ ช่วยใหบ้ ุคคลมีความรู้ ทกั ษะที่จะแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองอยา่ งต่อเน่ืองตลอด ชีวติ 7. การศึกษาตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลมีอิสระในการเรียนรู้สามารถเลือกเรียนในสิ่งท่ีตรงกับระดับ ความสามารถของตน 8. การศึกษาตลอดชวี ิตชว่ ยให้บคุ คลสามารถพัฒนาตนเองได้เตม็ ศกั ยภาพ 9. การศึกษาตลอดชวี ิตช่วยใหบ้ ุคคลสามารถพง่ึ พาตนเองไดแ้ ละนำตนเองไดใ้ นการเรยี นรู้ 10. การศึกษาตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลได้พัฒนาตนเองตลอดทุกช่วงชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตของ ตนเองได้อย่างเหมาะสม 11. การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาที่ช่วยให้ผู้ท่ีด้อยโอกาสในสังคมได้มีโอกาสในการศึกษา ในการ พฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของตนเอง 12. การศึกษาตลอดชีวติ ช่วยใหบ้ ุคคลและองคก์ รในสงั คมมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา 13. การศึกษาตลอดชวี ติ ช่วยสรา้ งสังคมแหง่ การเรียนรู้ ความสำคญั ของครอบครวั 1. ครอบครัวเป็นเบ้าหลอมทางบุคลิกภาพและคุณลักษณะของสมาชิก การมีปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่างสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน มีการถ่ายโยงค่านิยม ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อ ความศรัทธาและ วัฒนธรรมการดำเนินชีวิตจากสมาชิกรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหน่ึง ตลอดจนมีการพักผ่อน สันทนาการ และการทำ กิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน บรรยากาศ และวิธีการ อบรมเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอนการเป็นพ่อแบบ-แม่แบบ ทั้งอย่าง เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทั้งโดยท่ีรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว สิ่งแวดล้อมภายในครอบครัวไม่ว่าจะในทางบวกหรือ ในทางลบได้ค่อยๆ หล่อหลอมพื้นฐานทางบุคลิกภาพและคุณลักษณะทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และจิตใจ ของสมาชิกในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ มีผลต่อโดยตรงต่อการการแสดงบทบาททางสังคมของสมาชิกในสถาบัน อืน่ ตอ่ ไป

25 2. ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานทางการศึกษาของสังคม ครอบครัวเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ ฝึกฝนและอบรมใหส้ มาชิกไดเ้ รียนรู้ระเบียบสงั คมหรือการขัดเกลาทางสงั คม (Socialization) ท้ังอย่างเป็นทางการ (Formal) และ ไม่เปน็ ทางการ (Informal) 3. ครอบครัวสร้างคุณภาพชีวิต คุณลักษณะต่างๆ ท่ีบ่งชี้ถึงลักษณะของชีวิตที่มีคุณภาพข้างต้นน้ี ครอบครัวจะเปน็ สถาบนั ท่ีจะเออ้ื อำนวยใหเ้ กิดขึน้ กบั ชวี ติ ของสมาชกิ ในครอบครวั ได้ 4. ครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานในการพัฒนาสังคม สถาบันท่ีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสังคม และชุมชน เช่นเดียวกบั สถาบันทางสังคมอ่ืนๆ วฏั จักรของการเกิด การเติบโต เข้าสู่วัยเรยี น วัยทำงาน วัยแตง่ งาน วัยเลี้ยงดูลูกของตนเอง วัยดูแลพ่อแม่เม่ือแก่ชราลง สอนและฝึกให้ทุกคนต้องมีบทบาทหน้าท่ีในฐานะต่างๆใน ครอบครัว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การเข้าไปมีบทบาท ภาระ หน้าที่และมีความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกของชุมชน หรอื สังคมนน้ั ๆ 5. ครอบครัวเป็นหน่วยวางรากฐานการปกครองในระดับต่างๆ ครอบครัวทำหน้าที่ปฐมภูมิท่ีสำคัญท่ีสุด คอื การใหก้ ำเนิดเดก็ ใหก้ ารเลย้ี งดูผู้เยาว์ ให้การศึกษา สรา้ งคนให้รูจกั ระเบยี บสงั คม ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลังรับไว้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพสังคมของชน กลุ่มน้ัน เด็กท่ีเกิดและเจริญเติบโตมาจากครอบครัวแบบใด ย่อมได้รับการถ่ายทอดแนวความคิด เจตคติและ พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ตดิ มาจากครอบครัวเดมิ ไม่มากกน็ ้อย และนำไปใชป้ ฏบิ ตั ิในสงั คมที่เขาอยอู่ าศัย สถาบันครอบครัว “ครอบครวั ” เปน็ สถาบนั (Institution) เปน็ องคก์ ร (Organization) หรอื เป็นหนว่ ย (Unit)ทางสงั คมที่ เล็กทส่ี ุด ครอบครวั ก่อต้งั ข้ึนด้วยสมาชกิ ชายและหญิงเพียงสองคน ได้ทำหนา้ ที่เป็นบิดา-มารดาเป็นพ่อแบบ- แมแ่ บบท่ีถ่ายทอดและให้การศกึ ษาในข้ันแรกแกส่ มาชกิ ใหม่ เป็นเบ้าหลอมทางบุคลิกภาพ เป็นแหลง่ ทจี่ ะ เสริมสรา้ งพลังกายและพลังใจให้แก่สมาชิกของครอบครัว ท่ีออกไปแสดงบทบาทตา่ ง ๆทางสังคมในสถาบันที่ เกย่ี วขอ้ ง ครอบครวั เป็นสถาบันทีส่ ามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนษุ ยไ์ ดใ้ นทุกระดับ ทงั้ ดา้ นความ ต้องการทางด้านร่างกาย (Physiological needs) ความตอ้ งการทางดา้ นจิตใจ (Psychological needs) และ ความต้องการทางด้านสังคม (Social needs) กจิ กรรมส่งเสริมนิสยั รักการอา่ น การจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจอยากรู้ อยากเห็น อยากอ่าน จนสามารถนำความรเู้ หลา่ นนั้ ไปใชป้ ระโยชน์ได้อย่างหลากหลาย โรงเรียนสามารถนำการ อ่านสอดแทรกในกระบวนการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาผู้เรียนได้ตามศักยภาพและต้องจัดกิจกรรมการอ่านเป็น กิจกรรมเสริมนอกเหนือเวลาเรียน เพ่อื กระต้นุ ให้เกดิ การอา่ นอย่างตอ่ เน่ือง และย่ังยืนเป็นนิสยั กิจกรรมส่งเสริม การอ่านที่เป็นกิจกรรมเสริมน้ี จะจัดให้กลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล รายกลุ่มหรือจัดให้กับผู้เรียนทุกคนก็ได้ แลว้ แต่ลกั ษณะของกิจกรรมมกี ารกำหนดระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมไวช้ ดั เจน ดังนี้

26 1. กิจกรรมรายวนั คือ กิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกวัน ในช่วงเวลาใดก็ไดต้ ามความเหมาะสม เช่น เรื่องเล่าเช้านี้ เสียงตามสาย 180 วนิ าทขี า่ ว เตมิ ความรู้ 5 นาที เปน็ ต้น 2. กิจกรรมรายสัปดาห์ คือ กิจกรรมท่ีจัดเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งโรงเรียน จะกำหนดจัดใน วันใดวันหนึ่งตามความเหมาะสม เช่น พ่ีเพ่ือนพ้อง ชวนน้องอ่านฟังแล้วคิดพิชิตรางวัล อ่านแล้วบันทึกรู้ลึกจำ นาน เป็นตน้ 3. กิจกรรมรายเดือน คือ กิจกรรมที่จัดเป็นประจำทุกเดือน ซ่ึงโรงเรียนอาจจะกำหนดจัด เดือนละ 1-2 คร้งั กไ็ ด้ ตามความเหมาะสม เชน่ กล่องนมอุดมความรู้ คน้ ฟ้าควา้ ดาวเป็นตน้ 4. กิจกรรมรายภาคเรียน คือ กิจกรรมท่ีจัดเป็นประจำทุกภาคเรียน เช่น เวที -นักประพันธ์ รุ่นเยาว์ หนังสือดีฝีมือเด็ก รวมพลคนรักการอ่าน หนอนหนังสือคือหนูคนเก่ง ห้องสมุดสัญจร สารานุกรมสั่ง สมปัญญา จบิ น้ำชาเสวนาประสาคนรักการอ่าน เปน็ ต้น 5. กิจกรรมรายปี คือ กิจกรรมท่ีจัดเป็นประจำทุกปี เช่น ประกวดสุดยอดนักอ่าน ระบาย บรรเลงเพลงวรรณกรรม สมุดบนั ทกึ ความดี หนนู ้อยหอ้ งสมุด นิทรรศการหนังสอื กฤตภาคจากสื่อสง่ิ พิมพ์ นิทรรศการแสดงผลงานนกั เรียน เป็นต้น การอ่านจะพัฒนาขึ้นมาไดต้ ้องมกี ารปฏบิ ัติเป็นประจำ การอา่ นควรเปน็ กิจกรรมประจำวัน เป็น กิจกรรมท่ีมีความต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งกิจกรรมเหล่าน้ีจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการอ่าน ตลอดจนเสริมสร้างความ สามัคคีในหมู่คณะและสร้างภาวะความเป็นผู้นำท่ีดี ทั้งนี้ โรงเรียนจะต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจึง จะบังเกดิ ผลและปลกู สร้างนสิ ยั รักการอ่านใหแ้ กน่ ักเรยี นอยา่ งย่ังยืน กจิ กรรมประเภทเร้าโสตประสาท กิจกรรมเร้าโสตประสาท ได้แก่ กิจกรรมประเภทชวนให้ฟัง มีการใช้เสียง และคำพูดเป็นหลัก เช่น กิจกรรมจิบนำ้ ชาเสวนาประสาคนรกั การอา่ น พิธีกรรุ่นจวิ๋ เร่อื งเล่าเช้านี้ พ่ีเพื่อนพ้องชวนน้องอา่ น เตมิ ความรู้ 5 นาที สื่อสารผ่านหนังสือ เสียงตามสาย ฟังแล้วคิดพิชิตรางวัล เป็นต้น ซ่ึงหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน กำหนดไว้ในสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน 3.1 คือ นักเรียน สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมี วิจารณญาณ อย่างสร้างสรรค์ โดยกำหนดให้ผู้เรียนรู้จักฟัง รู้ความหมายของคำ มีสมาธิในการฟัง มีมารยาท ในการฟัง เลือกเร่ืองที่จะฟังและสรุปเรื่องจากการฟังได้ เป็นต้น ดังนั้น กิจกรรมประเภทน้ีจึงเหมาะอย่างยิ่งที่ จะทำให้นกั เรียนเกดิ การเรยี นรวู้ ธิ ฟี งั และเรยี นรู้ดว้ ยการฟังได้เปน็ อยา่ งดี

27 บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วธิ ีการดำเนินงาน ขั้นเตรยี มการ เพอ่ื จัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา - ชี้แจงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ดโครงการ - ชแี้ จงแนวทางในการดำเนินโครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนินการเพื่ออนุมัติ - แตง่ ตัง้ กรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ ๆ ให้เปน็ ไปดว้ ยความเรยี บร้อย ประกอบดว้ ย ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.1 นายสมประสงค์ น้อยจันทร์ ครู กรรมการ 1.2 นายเกรยี งฤทธ์ิ เดตะอุด ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.3 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมคั รฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธิกรวยแกว้ บรรณารกั ษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานกุ าร 1.5 นางวารี ชูบัว 2. ฝ่ายตดิ ต่อประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานที่จัดการจดั กิจกรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสรุ ตั น์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณัฐชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอษุ า ยงิ่ สุก ครู ศรช.

28 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบกิ จ่ายพสั ดุ และการเงนิ ตามโครงการให้ถูกต้องเรียบรอ้ ยและทันต่อเวลาประกอบดว้ ย 3.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 3.3 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 4. ฝ่ายประชาสมั พนั ธ์ มหี น้าที่ ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบดว้ ย 4.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษช์ ำนาญการ 4.2 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสรุ ัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอุษา ยง่ิ สกุ ครู ศรช. 4.12 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานทว่ั ไป 5. ฝ่ายจัดกิจกรรม มีหน้าทจ่ี ัดกิจกรรมสง่ เสริมการอ่านและการเรียนรู้ วิทยากรการจัดกระบวนการเรียนรู้ จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และสื่อออนไลน์ สื่อการ เรียนการสอน เกม และกจิ กรรมนันทนาการ ดงั น้ี 5.1.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ 5.1.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.1.5 นางลาวิน สีเหลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.1.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.1.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.1.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล

29 5.1.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.1.10 นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.1.11 นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 5.1.12 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 5.1.13 นายศิวณชั ญ์ อศั วสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 5.1.14 นางสาวกญั ญาณัฐ จันปญั ญา ครู ศรช. 5.1.15 นายปัณณวฒั น์ สขุ มา ครู ศรช. 5.1.16 นางสาวอุษา ยิง่ สุก ครู ศรช. 5.1.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.1.18 นางสาวเยาวดี โสดา นักจัดการงานท่ัวไป 6. ฝ่ายรับลงลงทะเบียน ใหก้ รรมการมีหนา้ ท่ีจัดเตรียมเอกสารสำหรับการลงทะเบยี น และรบั ลงทะเบยี น ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ ดงั น้ี 6.1 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ ครู ศรช. 6.2 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพงึ พอใจ ประเมินผลการดำเนินงาน ประเมนิ ความพึงพอใจ ปญั หา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานหลงั เสร็จสิ้นโครงการ ดงั น้ี 7.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 7.2 นางสาวอุษา ย่ิงสุก ครู ศรช. 7.3 นางสาวกญั ญาณฐั จนั ปญั ญา ครู ศรช.

2. ข้นั ดำเนนิ การ กจิ กรรมหลัก วตั ถุประสงค์ ก 1. ขัน้ เตรียมการ กล่มุ เป้าหมาย เพ่ือจัดประชุมครูและบุคลากรทางการ ครแู ละบคุ ลากร ช 2. ประชมุ กรรมการ ศกึ ษา กศน. อำเภอชนแดน ว ดำเนนิ งาน - ช้ีแจงทำความเขา้ ใจรายละเอียด จำนวน 21 คน 3. จัดเตรียมเอกสาร โครงการ วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนินโครงการ ครูและบคุ ลากร ดำเนนิ โครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนินการ กศน. อำเภอชนแดน เพอื่ อนุมัติ - แตง่ ตง้ั กรรมการดำเนนิ งานตาม จำนวน 21 คน โครงการ กรรมการฝา่ ยท่ีไดร้ บั เพอื่ ประชุมทำความเข้าใจกบั กรรมการ ดำเนนิ งานทุกฝ่ายในการจัดกิจกรรม มอบหมาย โครงการและการดำเนินงาน เพื่อดำเนนิ การจดั ทำ จัดซื้อ วสั ดอุ ุปกรณ์ ท่ใี ช้ในการดำเนนิ การ

30 กลมุ่ เป้าหมาย พื้นทด่ี ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ธ.ค.64 - กศน. อำเภอ ช้ีแจงทำความเขา้ ใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ ชแ้ี จงวตั ถุประสงค์ บทบาทหน้าท่ี กศน. อำเภอ ธ.ค.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน จัดซ้อื วสั ดุอุปกรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ ม.ค.64 - ชนแดน

กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ ก กลุม่ เปา้ หมาย 4. ดำเนินการจัด ครอบครวั รกั การอ่าน เด็กและเยาวชน ห กจิ กรรม - อ่านหนังสือดว้ ยกนั ทุกวนั จากสื่อ จำนวน 10 เ หนงั สอื ส่อื ออนไลน์ - วาดภาพระบายสี เกม นันทนาการ ครอบครวั ต - บันทึกการอา่ น/พัฒนาการ ก 5. สรปุ /ประเมนิ ผล เพอ่ื ให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเกบ็ ตามกระบวนการ และรายงานผล รวบรวมขอ้ มูลและดำเนนิ การประเมนิ ผล ประเมนิ โครงการ โครงการ การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เลม่

31 กลุ่มเปา้ หมาย พนื้ ทดี่ ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) ก.พ.65 - ห้องสมดุ ประชาชนประจำตำบลเปน็ แหลง่ โรงเรยี นบ้านผาทอง ถงึ เรียนรู้ของคนในชมุ ชน เป็นแหลง่ เรยี นรู้ ต.พทุ ธบาท อ.ชนแดน มี.ค.65 ตลอดชวี ิต พร้อมให้บริการแก่ จ.เพชรบูรณ์ กลุม่ เป้าหมายต่างๆ สรุปรายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ม.ี ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน

32 3. ข้ันสรปุ การจัดกจิ กรรม 1. ดัชนีวัดผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 1.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ( outcome ) นักเรียน มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดขี น้ึ 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม

33 บทท่ี 4 ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรม ครอบครวั รักการอา่ น แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไป เพศ เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 9 64.29 หญงิ 5 35.71 รวม 14 100 จากตาราง สรปุ ได้ว่า ผูต้ อบแบบสอบถาม ในครัง้ น้ี เปน็ เพศชาย มากทสี่ ดุ จำนวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 64.29 อายุ ช่วงอายุ จำนวน ร้อยละ ตำ่ กว่า 15 ปี 14 14 15 - 29 ปี - - 30 – 39 ปี - - 40 - 49 ปี - - 50 - 59 ปี - - 60 ปีขึน้ ไป - - 14 100 รวม จากตาราง สรุปไดว้ ่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ในคร้งั น้ี เป็นช่วงอายุ ตำ่ กวา่ 15 ปี มากทสี่ ุด จำนวน 14 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 100

34 การศกึ ษา ระดบั การศึกษา จำนวน รอ้ ยละ ประถมศึกษา 14 100 - - ม.ต้น - - ม.ปลาย - - ปวช./ปวส. - - ปรญิ ญาตรี - - สูงกว่าปริญญาตรี 14 100 รวม จากตาราง สรุปไดว้ า่ ผู้ตอบแบบสอบถาม ในครั้งนี้ การศกึ ษาระดบั ประถม มากท่ีสุด จำนวน 14 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 อาชีพ อาชีพ จำนวน รอ้ ยละ รับจา้ ง - - เกษตรกรรม - - ผูน้ ำชุมชน - - คา้ ขาย - - รบั ราชการ - - นกั เรียน/นักศึกษา 14 100 อน่ื ๆ ระบุ - - รวม 14 100 จากตาราง สรุปได้วา่ ผู้ตอบแบบสอบถาม ในครั้งน้ี เป็นอาชีพนกั เรยี น/นกั ศึกษา มากทส่ี ดุ จำนวน 14 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100

35 ขอ้ มูลความคิดเห็นและความพึงพอใจต่อการจัดโครงการ/กิจกรรม 2.1 เกณฑ์การพิจารณาระดับความพงึ พอใจ 0.00 – 1.49 อยใู่ นระดบั น้อยที่สุด 1.50 – 2.49 อยใู่ นระดับ น้อย 2.50 – 3.49 อยู่ในระดบั ปานกลาง 3.50 – 4.49 อยู่ในระดับ มาก 4.50 - 5 อยูใ่ นระดบั มากทสี่ ุด 2.2 เกณฑ์การให้คะแนน มากท่สี ุด 5 อยู่ในระดบั มาก 4 อยใู่ นระดับ ปานกลาง 3 อยูใ่ นระดบั น้อย 2 อยู่ในระดับ นอ้ ยที่สุด 1 อยใู่ นระดบั

ตอนที่ 2 ความคิดเห็นตอ่ โครงการ/กิจกรรม จำนวน ผู้ ข้อ รายการ ประเมนิ (คน) มากทส่ี ุด 5 1 กิจกรรมท่ีจดั สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ 14 9 2 เนื้อหาของสือ่ การเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผรู้ บั บริการ 14 8 3 การจดั กจิ กรรมมสี ่อื การเรียนรู้ทห่ี ลากหลาย 14 8 4 กจิ กรรมส่งเสรมิ การมีมนุษย์สัมพนั ธ์อนั ดตี ่อกัน 14 9 5 สถานที่จัดกจิ กรรมเหมาะสมทเ่ี อ้ือตอ่ การเรยี นรู้ 14 8 6 ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมคี วามเหมาะสม 14 8 7 ทา่ นมคี วามประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมครงั้ นี้ 14 8 8 การประชาสัมพันธ์และชวนเชิญ 14 7 9 ความเหมาะสมวสั ดุ/อุปกรณ์ในการจดั กจิ กรรม 14 9 10 การนำประโยชน์ไปใช้ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมในครัง้ น้ี 14 8 11 ท่านคิดว่าควรมีการจดั กิจกรรมในลกั ษณะน้ีต่อเน่ือง 14 8 12 หากมโี อกาสในปตี ่อไปทา่ นยินดีเขา้ ร่วมโครงการน้ีอีก 14 10 รวมท้ังหมด 168 100 รอ้ ยละ 100 59.52

36 ระดบั ผลการประเมนิ ประมวล ผล เฉลยี่ S.D. ร้อยละ ด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทส่ี ดุ 4 321 5 0 0 0 4.64 0.50 มากทีส่ ดุ 92.86 5 1 0 0 4.50 0.65 มากทส่ี ุด 90.00 6 0 0 0 4.57 0.51 มากที่สุด 91.43 4 1 0 0 4.57 0.65 มากทส่ี ดุ 91.43 5 1 0 0 4.50 0.65 มากท่สี ุด 90.00 4 2 0 0 4.43 0.76 มาก 88.57 4 2 0 0 4.43 0.76 มาก 88.57 7 0 0 0 4.50 0.52 มากที่สดุ 90.00 3 2 0 0 4.50 0.76 มากที่สดุ 90.00 6 0 0 0 4.57 0.51 มากทส่ี ุด 91.43 3 3 0 0 4.36 0.84 มาก 87.14 3 1 0 0 4.64 0.63 มากทส่ี ดุ 92.86 55 13 0 0 4.52 0.64 มากท่สี ดุ 90.36 32.74 7.74 0 0

37 จากตาราง สรปุ ได้ว่า ความพงึ พอใจการจัดกิจกรรมรว่ มกับภาคเี ครือข่าย ในคร้งั น้ี ผลปรากฏวา่ ระดับความ พึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับ มากทสี่ ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.36 ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอ 1. ได้ความรเู้ พิ่มข้ึนอยากใหจ้ ัดโครงการแบบนี้อกี 2. อยากใหจ้ ัดกิจกรรมแบบน้ีอีก

38 บทที่ 5 สรปุ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การบูรณาการการเรียนรู้ • มีการนำความรูท้ ี่ได้รับไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ • จากกจิ กรรมช่วยสง่ เสรมิ ให้มีนิสยั รกั การอา่ นและการเรยี นรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ิต กระต้นุ และสง่ เสริม นิสยั ให้เดก็ และเยาวชนมีนสิ ยั รกั การอา่ น สง่ เสริมทักษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กและ เยาวชน และสง่ เสรมิ ให้เด็กและเยาวชนมีความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละมีจนิ ตนาการ ความรว่ มมือของกลุ่มเปา้ หมายและเครอื ข่าย - การมสี ่วนรว่ มของภาคีเครือขา่ ยในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย - การสนับสนุนให้ภาคเี ครือข่ายจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั การนำความรูไ้ ปใช้ - สง่ เสริมและสนบั สนุนการอ่านใหเ้ ป็นวาระแหง่ ชาติ นักเรยี น นักศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปเขา้ ถงึ และมีโอกาสได้อ่านหนงั สือ สง่ เสริมสนบั สนนุ ใหผ้ ูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม มีนสิ ัยรกั การอ่านนำไปสกู่ ารเรียนรู้ และ พฒั นาคณุ ภาพชีวติ ใหด้ ีข้ึน การดำเนินงานทั่วไป เชิงปรมิ าณ - กลุ่มเป้าหมาย เดก็ และเยาวชน จำนวน 10 คน - จำนวนกลุ่มตัวอยา่ ง เดก็ และเยาวชน จำนวน 14 คน 1) ชาย จำนวน 9 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 64.92 2) หญิง จำนวน 5 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.71 เชิงคุณภาพ 1. สง่ เสริมใหเ้ ดก็ และเยาวชนมีนิสัยรกั การอ่านและการเรียนรูอ้ ย่างต่อเนอื่ งตลอดชวี ติ 2. สง่ เสริมทกั ษะและพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กและเยาวชน 3. ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนมีความคดิ สร้างสรรคแ์ ละมีจินตนาการ

39 ผลการดำเนนิ งานตามตวั ช้ีวัดความสำเรจ็ 1. เปา้ หมาย จำนวน 10 คน มผี ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม จำนวน 14 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเปา้ หมาย 2. จำนวนผูร้ ่วมกจิ กรรม จำนวน 14 คน ผ่านกจิ กรรม จำนวน 14 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนินงานบรรลุเปา้ หมาย สรุปผลการดำเนนิ งาน - ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ความพึงพอใจการจดั กิจกรรมรว่ มกบั ภาคีเครอื ข่าย ในคร้ังนี้ ผล ปรากฏว่าระดบั ความพึงพอใจในภาพรวมอยูใ่ นระดับ มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 90.36 สรปุ ความพงึ พอใจต่อโครงการ/กจิ กรรม ท่เี ขา้ รว่ ม 1. กิจกรรมท่ีจัดสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 92.86 2. เน้ือหาของสื่อการเรียนรู้ตรงกับความตอ้ งการของผู้รบั บริการ อยู่ในระดับความพงึ พอใจ มากทีส่ ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 90.00 3. การจัดกิจกรรมมีส่ือการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 91.43 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 91.43 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นร้อยละ 88.57 6. ระยะเวลาการจดั กจิ กรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.57 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมคร้ังน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 90.00 8. การประชาสมั พันธแ์ ละชวนเชิญ อยใู่ นระดบั ความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 90.00 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 90.00 10. การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นรอ้ ยละ 91.43 11. ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเนื่อง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.14 12. หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการนี้อีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เป็นร้อยละ 92.86

40 ขอ้ เสนอแนะ 1. ได้ความรเู้ พิ่มขนึ้ อยากให้จัดโครงการแบบน้ีอีก 2. อยากใหจ้ ดั กิจกรรมแบบนี้อีก

ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook