บนั ทึกขอ้ ความ สว่ นราชการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอชนแดน ที่ ศธ ๐๒๑๐.๕๔๐๓/ วันที่ ๓๑ มนี าคม ๒๕๖๔ เรอื่ ง สรปุ ผลการปฏิบัติงานโครงการสง่ เสรมิ การเรยี นรสู้ ำหรบั นกั ศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่าน สื่อออนไลน์ เรยี น ผ้อู ำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอชนแดน ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนไดจ้ ัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและ ประชาชน กิจกรรมรัการอ่านผ่านสื่อออนไลน์ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ - มีนาคม ๒๕๖๔ เพื่อส่งเสริมให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเอง และรู้จักแหล่งข้อมูล วิธีการ เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว การประชาสัมพันธ์กิจกรรม และสามารถรับบริการต่างๆ ของห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดนได้ ส่งเสริมให้มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน บดั น้ีโครงการดังกล่าวไดด้ ำเนินการเสร็จสน้ิ เรียบรอ้ ยแล้ว หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จึงขอสรุปผลการปฏิบัติงานโครงการดงั กล่าวรายละเอียดตาม เอกสารทีแ่ นบมาพรอ้ มนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ
คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนินการจัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจ กรรมรกั ารอา่ นผา่ นสอ่ื ออนไลน์ ประจำเดือนตุลาคม 2563 - มีนาคม 2564 เพ่อื ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี น นกั ศกึ ษา และประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเอง และรู้จักแหล่งข้อมูล วิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และรวดเร็ว การประชาสัมพันธ์กิจกรรม และสามารถรับบริการต่างๆ ของห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน ได้ ส่งเสริมให้มนี สิ ยั รกั การอา่ นนำไปสู่การเรียนรู้ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตใหด้ ขี ึน้ นนั้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครั้งตอ่ ไป ผู้จดั ทำ มีนาคม 2564
สารบญั หนา้ 1-6 บทที่ 1 บทนำ 7 - 20 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 21 - 27 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การตามโครงการ 28 - 32 บทที่ 4 ผลการดำเนินการตามโครงการ 33 - 34 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รปู ภาพ รายชอื่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จัดทำ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชือ่ โครงการ โครงการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรยี นรสู้ ำหรบั นกั ศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมรักการอ่านผา่ นสอ่ื ออนไลน์ 2. สอดคล้องกับนโยบาย/ยุทธศาสตรแ์ ละจุดเน้นการดำเนนิ งาน สำนกั งาน กศน. : 2.1 12 ภารกิจ “เร่งดว่ น” ข้อท่ี 2 ขบั เคลื่อนนโยบายของรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณฏั ฐพล ทปี สุวรรณ) และ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร (ดร.กนกวรรณ วิลาวลั ย์) ให้เกดิ ผลเปน็ รปู ธรรม 2.2 สอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน กศน. มาตรฐานการศึกษาตามอธั ยาศัย มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผรู้ บั บริการการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบง่ ชี้ท่ี 1.1 ผู้รบั บรกิ ารมีความรู้ หรอื ทักษะ หรือประสบการณ์ สอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์ของโครงการ หรือกจิ กรรมการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจดั การศึกษาตามอธั ยาศยั ตวั บง่ ชท้ี ่ี 2.1 การกำหนดโครงการหรือกจิ กรรมการศกึ ษาตามอัธยาศยั ตวั บง่ ชท้ี ่ี 2.2 ผ้จู ัดกจิ กรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย ตัวบง่ ชี้ที่ 2.3 สื่อหรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อตอ่ การจัดการศกึ ษาตาม อัธยาศยั ตัวบ่งชี้ที่ 2.4 ผรู้ บั บรกิ ารมีความพงึ พอใจต่อการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศยั มาตรฐานที่ 3 คณุ ภาพการบรหิ ารจดั การของสถานศึกษา ตวั บง่ ชี้ที่ 3.1 การบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษาทีเ่ น้นการมสี ว่ นรว่ ม ตัวบง่ ช้ที ่ี 3.2 ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตัวบ่งช้ที ่ี 3.5 การกำกับ นิเทศ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา ตวั บ่งชี้ท่ี 3.7 การสง่ เสรมิ สนับสนนุ ภาคเี ครอื ขา่ ยใหม้ ีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา ตัวบ่งช้ที ี่ 3.8 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนการสร้างสงั คมแหง่ การเรยี นรู้
2 2.3 ของเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมนิ ความพึงพอใจ ควรเพิ่มขอ้ เหตุผล ขอ้ คิดเห็นหรอื ขอ้ เสนอแนะว่าเพราะเหตุใดข้อ นั้นจึงใหค้ ะแนนมากหรือนอ้ ย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถว้ นเปน็ ระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มกี ารออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ตอ่ เนอื่ งและนำผลการประเมนิ ที่ได้ไปวเิ คราะห์ถงึ อปุ สรรค และนำไปวางแผน ปรบั ปรงุ พัฒนาในปตี อ่ ไป 3. หลกั การและเหตุผล ห้องสมุดประชาชน เป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญของชุมชน มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีสื่อความรู้ ในการให้บริการและจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับ การศึกษา สร้างนิสัยรักการอ่าน ศึกษาค้นคว้า สนองความสนใจใฝ่รู้ รู้จักวิธีการค้นคว้าด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา ตลอดชีวิต การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนในชุมชน การจัดกิจกรรมในเชิงรุก เพื่อให้เกิดการ เรียนรู้ของคนในชุมชน ปัจจุบนั ห้องสมุดประชาชนได้จัดหาทรัพยากรสารสนเทศหลากหลายรูปแบบสำหรับให้บริการ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ และสื่อมัลติมเี ดีย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้และผู้รบั บรกิ าร และเพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อการใช้ทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยู่ในห้องสมุด ซึ่งผู้ใช้และผู้รับบริการต้องรู้แนวทางในการเข้าถึง ทรพั ยากรสารสนเทศแตล่ ะรูปแบบ เพ่อื ให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพและได้รบั ประโยชนจ์ ากทรัพยากรสารสนเทศนน้ั ๆ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมผู้ใช้และผู้รับบริการได้ศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมด้วยตนเอง และรู้จักแหล่งข้อมูล วิธีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สามารถรับบริการต่างๆของห้องสมุดได้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนจึงได้จัดโครงการ ส่งเสรมิ การเรยี นรสู้ ำหรบั นกั ศึกษาและประชาชน 4. วัตถปุ ระสงค์ 4.1 เพ่อื ให้นักเรียน นักศกึ ษาและประชาชนทว่ั ไปเข้าถงึ และมีโอกาสไดอ้ า่ นหนงั สือ 4.1 เพือ่ กระตุ้นใหน้ ักเรียน นักศกึ ษาและประชาชนท่วั ไปเข้ามารบั บริการในห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากข้ึน 4.2 เพ่ือสง่ เสริมให้นักเรยี น นกั ศึกษาและประชาชนทว่ั ไปมีความรู้ความเขา้ ใจการเขา้ ถงึ แหลง่ สาร สารสนเทศไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและตรงตามความตอ้ งการ 4.4 เพื่อเปน็ การสง่ เสรมิ สนบั สนุนให้นกั เรียน นกั ศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปมนี สิ ยั รักการอ่านนำไปสู่ การเรียนรู้ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิตให้ดีขึ้น
3 5. เปา้ หมาย จำนวน 1,000 คน เชงิ ปริมาณ นกั เรยี น นักศึกษา และประชาชนทว่ั ไป เชงิ คณุ ภาพ 1. นักเรยี น นกั ศึกษาและประชาชนทัว่ ไปเขา้ ถงึ และมโี อกาสได้อ่านหนังสอื 2. นกั เรียน นกั ศึกษาและประชาชนทัว่ ไปเขา้ มารับบรกิ ารในหอ้ งสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากข้ึน 3. นกั เรยี น นกั ศึกษาและประชาชนท่วั ไปมคี วามร้คู วามเขา้ ใจการเขา้ ถึงแหลง่ สารสารสนเทศไดอ้ ยา่ ง ประสทิ ธิภาพและตรงตามความตอ้ งการ 4. นักเรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทั่วไปมีนิสัยรักการอา่ นนำไปสู่ การเรยี นรู้ และพัฒนาคุณภาพ ชีวติ ให้ดขี น้ึ 6. วธิ ีดำเนนิ การ กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ กล่มุ เปา้ หมาย เปา้ หมาย พ้ืนท่ี ระยะเวลา งบประมาณ ดำเนินการ - 1. ขน้ั เพือ่ จัดประชมุ ครูและ ครแู ละบุคลากร 20 คน กศน. อำเภอ พ.ย.63 เตรียมการ บคุ ลากรทางการศึกษา กศน. อำเภอ - ชี้แจงทำความเข้าใจ ชนแดน ชนแดน 2. ประชุม รายละเอียดโครงการ กรรมการ - ชแ้ี จงแนวทางในการ กศน. อำเภอ 14 ธ.ค.63 - ดำเนินงาน ดำเนินโครงการ ชนแดน - จัดทำโครงการและ แผนการดำเนนิ การเพื่อ อนุมตั ิ - แตง่ ต้งั กรรมการ ดำเนนิ งานตามโครงการ เพ่อื ประชุมทำความเข้าใจ ครูและบุคลากร 20 คน กบั กรรมการดำเนนิ งานทุก กศน. อำเภอ ฝา่ ยในการจดั กิจกรรม ชนแดน โครงการและการดำเนินงาน
4 กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ กลมุ่ เปา้ หมาย เป้าหมาย พน้ื ท่ี ระยะเวลา งบประมาณ 3. จัดเตรียม กรรมการฝ่ายท่ี ดำเนนิ การ 15 ธ.ค.63 5,750 เอกสาร วสั ดุ เพอื่ ดำเนินการจัดทำ จดั ซ้ือ ไดร้ ับมอบหมาย อุปกรณ์ในการ วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการ - กศน. อำเภอ ต.ค.63 - ดำเนนิ โครงการ ดำเนินการ นกั เรียน - 4. ดำเนินการ นักศกึ ษา และ ชนแดน จัดกจิ กรรม 1. รักการอา่ นผา่ นสื่อ ประชาชนทั่วไป ม.ี ค.64 ออนไลน์ 600 คน พื้นท่ีอำเภอ 5. สรปุ / 2. กิจกรรมสบื สาน ตาม ชนแดน ม.ี ค.64 - ประเมนิ ผล วฒั นธรรมประเพณี กระบวนการ และรายงานผล ลอยกระทง ประเมนิ 50 คน โครงการ 3. ปริศนา...อา่ นคำ โครงการ 5 บท 4. อา่ นดีมรี างวัล 20 คน กศน. อำเภอ 5. อา่ นสร้างอาชีพ 50 คน ชนแดน 6. สภุ าษิต สำนวนไทย 100 คน 180 คน เพ่อื ใหก้ รรมการฝา่ ย รวม ประเมินผลเก็บรวบรวม 1,000 ข้อมลู และดำเนินการ คน ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรม 2 เล่ม 7. วงเงินงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ผลผลติ ที่ 5 ผรู้ ับบรกิ ารการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย งบดำเนินงาน ค่าจัดกิจกรรมสำหรับห้องสมุดประชาชน รหัสงบประมาณ 36005 เป็นเงิน 5,750.- บาท (ห้าพนั เจ็ดร้อยหา้ สิบบาทถว้ น) รายละเอยี ดดังนี้คือ ค่าวัสดุ เป็นเงิน 5,750 บาท รวมเป็นเงนิ 5,750 บาท
8. แผนการใช้จ่ายงบประมาณ 5 แผนการใช้จ่ายรายไตรมาส ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสท่ี 2 ไตรมาสท่ี 3 - 5,750 - - 9. ผู้รบั ผิดชอบโครงการ 9.1 นางวารี ชูบวั ตำแหนง่ บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 9.2 นางสาวอษุ า ยง่ิ สุก ตำแหน่ง ครปู ระจำศูนย์การเรยี นชุมชน 9.4 ครู กศน.ตำบล 9.5 ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน 9.6 ครูประจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน 10. เครอื ข่าย 10.1 วัดพระพทุ ธบาทชนแดน 10.2 โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบลนำ้ ลดั 10.3 โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำบลโคกสำราญ 10.4 กศน.ตำบลทั้ง 9 แห่ง 11.โครงการที่เกีย่ วข้อง 11.1 โครงการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย 11.2 โครงการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น 11.3 โครงการประชาสมั พันธง์ าน กศน. 11.4 โครงการส่งเสรมิ และพฒั นาประสทิ ธภิ าพการทำงานรว่ มกบั เครอื ขา่ ย 12. ผลลัพธ์ 12.1 นักเรียน นกั ศกึ ษาและประชาชนท่วั ไปเขา้ ถงึ และมโี อกาสได้อา่ นหนงั สอื 12.2 นกั เรียน นกั ศึกษาและประชาชนท่วั ไปเขา้ มารับบรกิ ารในห้องสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดนมากข้นึ 12.3 นักเรยี น นักศึกษาและประชาชนท่ัวไปมีความรคู้ วามเขา้ ใจการเขา้ ถึงแหลง่ สารสารสนเทศได้อย่าง ประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการ 12.4 นกั เรียน นกั ศกึ ษา และประชาชนทั่วไปมนี สิ ัยรกั การอ่านนำไปสู่ การเรียนรู้ และพฒั นา คุณภาพชีวิตใหด้ ีขนึ้
6 13. ดัชนวี ดั ผลสำเร็จของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 13.2 ตัวช้วี ัดผลลัพธ์ ( outcome ) นักเรยี น นกั ศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปรกั การอา่ น เพือ่ พัฒนาคุณภาพ ชวี ิตท่ีดีข้ึน 14. การติดตามผลประเมินผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพึงพอใจผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม / โครงการ 14.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม
7 บทที่ 2 เอกสารทเี่ กย่ี วข้อง กจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ น กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจท่ีจะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันท่ีจะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ท้ังนี้ การ อ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหน่ึงในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเรา ได้เป็นอย่างดียิ่ง เม่ือคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความ เพลิดเพลนิ การที่เด็กจะเกดิ ทักษะการอ่านหนังสือได้นั้นจำเป็นจะตอ้ งอาศัยความรว่ มมือจากบุคคลหลายฝ่าย ทั้ง ครอบครัว โรงเรยี นและชุมชน ในการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอา่ นใหแ้ ก่เด็ก
8 กจิ กรรมส่งเสริมการอ่านคอื การกระตุ้นดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ เพือ่ ใหผ้ ู้อ่านสนใจการอ่านจนกระท่ังมนี สิ ยั รกั การอา่ น และได้พฒั นาการอ่านจนกระทั่งมคี วามสามารถในการอา่ น นำประโยชน์จาการอา่ นไปใชไ้ ดต้ รงตาม วตั ถุประสงค์ของการอา่ นทุกประเภท (ฉววี รรณ คหู าภนิ นั ทน์, 2542 : 93) กรมวิชาการ (อ้างถงึ ใน ฉววี รรณ คหู าภนิ ันทน์, 2542 : 93) ใหค้ วามหมายวา่ กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น คือ การกระทำเพ่ือ 1. เรา้ ใจบคุ คลหรือบุคคลที่เป็นเปา้ หมายให้เกิดความอยากรู้ อยากอา่ นหนงั สือ โดยเฉพาะหนังสอื ที่มี คุณภาพ 2. เพอ่ื แนะนำชักชวนใหเ้ กิดความพยายามทีจ่ ะอา่ นใหแ้ ตกฉาน สามารถนำความรจู้ ากหนังสอื ไปใช้ ประโยชน์ เกดิ ความเข้าใจในเรอ่ื งตา่ งๆ ดีข้นึ 3. เพอ่ื กระต้นุ แนะนำให้อยากรู้ อยากอา่ นหนังสือหลายอยา่ ง เปิดความคิดใหก้ วา้ ง ให้มกี ารอ่านตอ่ เนื่อง จนเป็นนสิ ยั พัฒนาการอ่านจนถงึ ข้นั ทีส่ ามารถวิเคราะหเ์ ร่ืองท่ีอ่านได้ 4. เพอ่ื สรา้ งบรรยากาศทีจ่ ูงใจให้อา่ น ดังน้ัน สามารถกล่าวได้ว่า กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น หมายถงึ กจิ กรรมตา่ งๆทีห่ ้องสมดุ จัด ข้ึนเพ่ือส่งเสรมิ ให้ เกดิ การอา่ นอย่างต่อเน่ืองจนกระทั่งเป็นนิสัยรักการอ่าน เช่น การเล่านทิ าน การเชิดหนุ่ การแสดงละคร การ แนะนำหนงั สือทน่ี า่ สนใจ เปน็ ตน้ ลักษณะของกิจกรรมสง่ เสริมการอา่ นท่ดี ี 1. เร้าความสนใจ เชน่ การจดั นทิ รรศการท่ีดึงดคู วามสนใจ การตอบปัญหา มีรางวลั ตา่ งๆ การใช้ส่อื เทคโนโลยใี หมๆ่ เข้ามาช่วย 2. จงู ใจใหอ้ ยากอา่ นและกระตนุ้ ให้อยากอ่าน เช่น ข่าวที่กำลังเปน็ ท่สี นใจ หรอื หัวขอ้ เรื่องทเ่ี ป็นทีส่ นใจ เช่น การวิจยั การเตรยี มตวั สอบ การสมัครงาน เป็นต้น 3. ไมใ่ ช้เวลานาน ความยากง่ายของกิจกรรมเหมาะสมกับเพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เปน็ กิจกรรมท่ีมงุ่ ไปสู่หนงั สือ วัสดกุ ารอา่ น โดยการนำหนังสือหรือวัสดุการอา่ นมาแสดงทกุ ครั้ง 5. ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ แฝงการเรียนรตู้ ามอธั ยาศัยจากการรว่ มกิจกรรมด้วย ความหมายและความสำคญั ของหอ้ งสมดุ ห้องสมดุ ประชาชน หมายถึง ห้องสมุดทีต่ ัง้ ขึ้นเพอื่ ให้บริการแกป่ ระชาชน โดยไมจ่ ำกดั เพศ วัย เชอื้ ชาติ ศาสนา และพน้ื ความรู้ ใหบ้ รกิ ารสารสนเทศครบทกุ หมวดวชิ า และอาจมีการบรกิ ารบางเร่ืองเป็นพิเศษ ตามความต้องการของท้องถน่ิ และจะจัดให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่คิดมลู คา่ บทบาทหน้าทข่ี องห้องสมุดประชาชน มี 3 ประเภท คือ
9 1. หน้าทที่ างการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเปน็ แหลง่ ให้การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น มีหนา้ ทใี่ ห้ การศึกษาแก่ประชาชนท่วั ไป ทุกระดับการศึกษา 2. หน้าท่ที างวฒั นธรรม หอ้ งสมุดปะชาชนเปน็ แหลง่ สะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ท่ีถา่ ยทอดเป็น วฒั นธรรมท้องถนิ่ ทีห่ ้องสมดุ ตัง้ อยู่ 3. หนา้ ทที่ างสงั คม ห้องสมดุ ประชาชนเป็นสถาบนั ทางสงั คมไดร้ ับเงนิ อุดหนนุ จากรัฐบาลและทอ้ งถน่ิ มา ดำเนนิ กจิ การ จึงมหี นา้ ที่ แสวงหาขา่ วสารขอ้ มลู ท่มี ีประโยชน์มาบริการประชาชน หอ้ งสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมีหน่วยงานต่างๆรับผิดชอบ ดงั นี้ 1. หอ้ งสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกดั กรมการศึกษานอกโรงเรียน ไดแ้ ก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากน้ีกรมการศึกษานอกโรงเรียนยงั ได้จดั ท่ีอ่านหนังสือประจำ หมู่บา้ น ท่อี ่านหนังสือในวัด และหอ้ งสมุดเคลอ่ื นท่ี 2. ห้องสมุดประชาชน สงั กัดกรงุ เทพมหานคร มที ง้ั หมด 12 แหง่ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชนสวนลมุ พนิ ี ห้องสมุดประชาชนซอยพระนาง หอ้ งสมุดประชาชนปทมุ วัน หอ้ งสมดุ ประชาชนอนงคาราม หอ้ งสมุดประชาชนวัด สังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมดุ ประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมดุ ประชาชนวัดรัชฎาธิษฐาน วรวหิ ารตลง่ิ ชัน ห้องสมดุ ประชาชนประเวช หอ้ งสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุดประชาชนภาษีเจรญิ หอ้ งสมุดประชาชนวดั ราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เปน็ หอ้ งสมุดที่ธนาคารพาณิชยเ์ ปดิ ขึ้นเพ่ือบริการสังคม และ เพ่อื ประชาสมั พันธ์กจิ การของธนาคารให้เป็นท่ีรจู้ ักแพรห่ ลาย เช่น หอ้ งสมดุ ประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกดั 4. หอ้ งสมดุ ประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยไดร้ ับการสนับสนุนจากรฐั บาลตา่ งประเทศ เช่น หอ้ งสมดุ บรติ ชิ เคาน์ซิล ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยบู่ ริเวณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. หอ้ งสมดุ ประชาชนเสียคา่ บำรงุ หอ้ งสมุดประชาชนประเภทนีใ้ หบ้ รกิ ารเฉพาะสมาชกิ เทา่ นัน้ โดยผทู้ ่ี เปน็ สมาชกิ จะต้องเสยี ค่าบำรุงตามระเบยี บของหอ้ งสมดุ ไดแ้ ก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ตง้ั อยทู่ ถ่ี นนสรุ วิ งศ์ กรงุ เทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของหอ้ งสมสุดต่อสังคมในด้านตา่ ง ๆ 1. เปน็ สถานท่เี พ่ือสงวนรักษาและถา่ ยทอดวัฒนธรรม หอ้ งสมุดเปน็ แหลง่ สะสมววิ ฒั นาการของมนุษย์ ต้งั แตอ่ ดีตจนถึงปจั จุบัน ถ้าไม่มแี หลง่ ค้นคว้าประเภทหอ้ งสมดุ เป็นศนู ย์กลางแลว้ ความรู้ต่างๆ อาจสญู หายหรือ กระจัดกระจายไปตามทีต่ ่างๆ ยากแก่คนรนุ่ หลังจะตดิ ตาม 2. เป็นสถานทีเ่ พ่ือการศึกษา ค้นคว้าวจิ ยั ห้องสมดุ ทำหนา้ ที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกรปู แบบ ทงั้ ใน และนอกระบบการศึกษา เริ่มจากการศึกษาข้นั พ้นื ฐานถึงระดบั สูง
10 3. เป็นสถานทส่ี ร้างเสริมความคดิ สรา้ งสรรค์และความจรรโลงใจ ห้องสมดุ มหี นา้ ท่ีรวบรวมและเลอื กสรร ทรพั ยากร สารสนเทศ เพื่อบริการแกผ่ ใู้ ช้ ซ่งึ เปน็ สิ่งทม่ี ีคุณค่าผูใ้ ชไ้ ดค้ วามคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกดิ ประโยชน์แก่ตนเองและสงั คมต่อไป 4. เป็นสถานท่ีปลกู ฝังนสิ ัยรกั การอา่ นและการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ห้องสมุดจะช่วยใหบ้ คุ คลสนใจในการอา่ น และรกั การอา่ นจนเป็นนสิ ัย 5. เปน็ สถานท่ีสง่ เสรมิ การาใชเ้ วลาว่างในเปน็ ประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานทรี่ วบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพ่ือบริการแกผ่ ู้ใช้ตามความสนใจและอา่ นเพ่ือฆา่ เวลา อา่ นเพ่ือความเพลดิ เพลิน หรืออา่ นเพอ่ื สาระบนั เทิงไดท้ ้ังสิ้น นบั ว่าเป็นการพักผ่อนอยา่ งมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เปน็ สถานทส่ี ง่ เสรมิ ความเปน็ ประชาธปิ ไตย ห้องสมดุ เป็นสาธารณะสมบตั ิ มีส่วนส่งเสรมิ ให้บคุ คลร้จู ัก สิทธแิ ละหน้าทขี่ องพลเมือง กลา่ วคอื เมอ่ื มีสทิ ธใิ นการใช้ก็ย่อมมีสิทธใิ นการบำรงุ รักษาร่วมกันและให้ความร่วมมือ กับห้องสมุดดว้ ยการปฏิบัตติ ามระเบียบ แบบแผนของห้องสมดุ ความหมายของสื่อส่ิงพิมพ์ พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคาทีเ่ กี่ยวกับ“ส่อื ส่ิงพิมพ์”ไว้วา่ “ส่ิงพมิ พ์ หมายถงึ สมดุ แผน่ กระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ท่พี ิมพ์ขึน้ รวมตลอดทง้ั บทเพลง แผนท่ี แผนผงั แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบาย สี ใบประกาศ แผ่นเสยี ง หรอื ส่ิงอ่นื ใดอันมีลักษณะเชน่ เดยี วกนั ” “ส่ือ หมายถึง ก. ทาการติดต่อให้ถึงกัน ชักนาให้ รจู้ กั กนั น. ผ้หู รอื ส่งิ ที่ทาการติดตอ่ ให้ถงึ กนั หรือชักนาให้รู้จักกัน” “พมิ พ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ, ใชเ้ ครื่องจักรกด ตวั หนงั สือหรือภาพ เป็นต้นให้ติดบนวตั ถุ เชน่ แผน่ กระดาษ ผา้ ทาใหเ้ ปน็ ตัวหนังสอื หรือรปู รอยอย่างใด ๆ โดย การกดหรือการใช้พมิ พ์หนิ เครื่องกล วธิ เี คมี หรือวิธอี นื่ ใด อนั อาจใหเ้ กดิ เปน็ สิง่ พิมพ์ขนึ้ หลายสาเนา น. รูป , รปู ร่าง, ร่างกาย, แบบ” ดงั นั้น “สอื่ สง่ิ พิมพ”์ จงึ มคี วามหมายว่า “สิง่ ทีพ่ มิ พข์ ึ้น ไมว่ ่าจะเปน็ แผน่ กระดาษหรือวัตถุ ใด ๆ ด้วยวิธกี ารต่าง ๆ อนั เกิดเป็นชิน้ งานท่มี ลี ักษณะเหมือน ต้นฉบับขน้ึ หลายสาเนาในปรมิ าณมากเพื่อเปน็ สง่ิ ที่ ทาการติดต่อ หรือชักนาให้บุคคลอื่นได้เหน็ หรือทราบ ขอ้ ความตา่ ง ๆ” สิง่ พมิ พ์เพื่อการศึกษา หมายถึง สงิ่ ทีพ่ มิ พ์ขนึ้ ในรปู แบบต่างๆ ทงั้ หนงั สือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ท่ี ใหค้ วามรู้ เนอ้ื หาสาระที่มีประโยชน์ เช่น หนังสือเรยี นภาษาไทย ป. 6 หรอื อาจเป็นชดุ ภาพประกอบการศึกษา เช่น ภาพประกอบการศกึ ษาชุดอาหารไทย เปน็ ต้น และสามารถนามาใชใ้ นการศกึ ษาได้
11 ความเปน็ มา ส่ิงพิมพ์ถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ีความสำคัญย่ิงควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็นสื่อมวลชน ประเภทหนึ่งท่ีมีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และเพ่ือการติดต่อ สื่อสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสิทธ์ิ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและความสาคัญของ ส่ิงพิมพ์ ว่า “ส่ิงพิมพ์” นับเป็นวัสดุที่แสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวหน้าทางด้านสติปัญญา ของมนุษย์ ความคิด จินตนาการ เจตคติ ความฝนั ชีวิต วัฒนธรรม สงั คม เหตุการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ของมนุษย์แต่ลายุคสมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหน่ึงไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเร่ืองการพิมพ์นี้นอกเหนือจาก เพ่ือเป็น เคร่ืองมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตุการณ์ต่างๆ แล้วยังเป็นเคร่ืองแสดงให้เห็นว่าชนชาติ ต่าง ๆ ในโลกนลี้ ้วนมคี วามพยายามที่จะพัฒนาความคิดของตนให้เจริญก้าวหนา้ ทันสมัยอย่างต่อเน่ือง ความคิดใน เรือ่ งการพิมพท์ ่ีมีจุดประสงค์เร่มิ แรกก็คงเพื่อให้มกี ารแพร่หลายเรือ่ งความคดิ ความรู้ ไปสชู่ นรนุ่ หลัง และเพ่ือให้มี หลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีน้ัน ในยุคปัจจุบันชนรุ่นหลังได้สานต่อความคิดเรื่องการพิมพ์ จนกระทั่งกลายเป็นเทคโนโลยีท่ีทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิตสิ่งพิมพ์ได้หลากหลายชนิดตอบสนอง วตั ถปุ ระสงคข์ องมนุษยชาติได้กว้างขวางนอกเหนือจากสือ่ สิ่งพมิ พ์จะเปน็ ส่ือมวลชนท่ีมีความเกย่ี วกันกับมนุษยชาติ มานานนับพนั ๆ ปี และมคี วามเกา่ แก่กว่าสอื่ มวลชนประเภทอน่ื ไมว่ า่ จะเปน็ วทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยโุ ทรทัศน์ หรือ อนิ เตอร์เน็ต ซง่ึ เป็นสอ่ื ประเภทหนึ่งท่ีมีการใช้แพร่หลายไปท่ัวโลกเช่นในปัจจุบันก็ตาม แต่สื่อส่ิงพิมพ์ก็ยงั เป็นส่อื ที่ มีการใช้อย่างแพร่หลายเป็นที่นิยมของทุกชนชาติมิได้ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือส่ิงพิมพ์ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญท่ีทาให้สื่อส่ิงพิมพ์ยังเป็นท่ี นยิ มแพรห่ ลายมาโดยตลอด กเ็ พราะบุคคลสามารถเลอื กอ่านได้ตามความเหมาะสม อีกท้ังยังใช้เป็นเอกสารอ้างอิง ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประวตั กิ ารพิมพใ์ นประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรงุ ศรีอยุธยา ได้เริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ ขึ้น และหลังจากนั้นหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เริ่มด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการพิมพ์ ใน เมอื งไทย พ.ศ.2382 ไดพ้ มิ พเ์ อกสารทางราชการเป็นช้ินแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝ่นิ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระ น่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเม่ือวันที่ 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรก ข้ึน คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างส้ัน ออกเดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ได้พิมพห์ นังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซ้ือลิขสิทธิจ์ าก หนังสือนริ าศลอนดอนของหม่อมราโชทัยและ ไดเ้ รมิ่ ตน้ การซ้ือขาย ลขิ สิทธิหน่ายในเมืองไทย หมอบรัดเลย์ไดถ้ ึงแกก่ รรมในเมืองไทยกิจการ การพิมพข์ องไทยจึง เร่ิมต้นเป็นของไทย หลังจากน้ันใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เคร่ืองพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นครั้งแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเครื่องหล่อเรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยได้จัดโรงพิมพธ์ นบตั รในเมืองไทยขึน้ ใช้เอง
12 ประเภทของส่อื ส่ิงพิมพ์เพ่ือการศึกษา สื่อส่ิงพิมพ์ประเภทหนังสือ 1. หนังสือตำรา เป็นสื่อท่ีพิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเน้ือหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเน้ือหาวิชาอย่างละเอียดชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรอื ภาพเขียนประกอบเพื่อเพิ่มความสนใจของผู้เรียน หนังสือตารานี้อาจใช้เป็นส่ือการเรียนในวิชา น้นั โดยตรงนอกเหนือจากการบรรยายในชน้ั เรียน หรอื อาจใชเ้ ปน็ หนังสอื อ่านประกอบหรอื หนงั สืออ่านเพิ่มเติมกไ็ ด้ การใช้หนังสือในการเรียนการสอนนับว่ามีประโยชน์แก่ผูเ้ รยี นทัง้ ในด้านการศึกษารายบุคคลเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถ ใช้อา่ นในเวลาท่ีตอ้ งการ และในดา้ นเศรษฐกิจเนอื่ งจากสามารถใชอ้ ่านได้หลายคนและเกบ็ ไวไ้ ดเ้ ปน็ เวลานาน 2. แบบฝึกปฏิบัติ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนโดยมีเน้ือหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือเป็นการเพ่ิมทักษะหรือ ทดสอบผู้เรียน อาจมเี นื้อหาในรูปแบบคาถามใหเ้ ลือกคาตอบ หรือเป็นต้นแบบเพ่ือให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบัติตามโดยอาจ มีรปู ประกอบเพ่อื ให้เขา้ ใจไดง้ า่ ยยิ่งขึ้น เชน่ แบบคดั ตวั อักษร ก ไก่ เปน็ ตน้ 3. พจนานุกรม เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเปน็ คาศัพท์และคาอธิบายความหมายของคาศัพท์ แตล่ ะคานั้น โดยการเรียงตามลา ดับจากอักษรตัวแจกถึงตัวสุดท้ายของภาษาที่ต้องการจะอธิบาย คาศัพท์และคาอธิบายจะเป็นภาษาเดียวกันหรือ ต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธิบายเป็นภาษาไทย หรือทั้งคาศัพท์และคาอธิบายต่างก็เป็น ภาษาอังกฤษ เปน็ ต้น 4. สารานกุ รม เป็นหนังสือท่ีพมิ พข์ น้ึ เพือ่ อธิบายหวั ข้อหรอื ข้อความตา่ งๆ ตามลาดบั ของตวั อักษร เพือ่ ให้ผู้อ่านสามารถ ค้นคว้าเพื่อความรู้และการอา้ งองิ โดยมีรูปภาพ แผนภมู ิ ฯลฯ ประกอบคาอธบิ ายให้ชัดเจนย่งิ ขึ้น 5. หนังสอื ภาพและภาพชุดตา่ งๆ เป็นหนงั สือที่ประกอบด้วยภาพตา่ งๆ ที่เปน็ เร่ืองเดียวกันตลอดทั้งเล่ม สว่ นใหญจ่ ะเป็นหนังสือภาพที่พิมพ์ สอดสสี วยงาม เหมาะแก่การเก็บไว้ศึกษาหรือเปน็ ทีร่ ะลกึ เช่น หนังสือภาพชุดพระทีน่ ง่ั วิมานเมฆ หรือหนังสือภาพ ชุดทัศนียภาพของประเทศตา่ งๆ เป็นต้น 6. วิทยานิพนธ์และรายงานการวิจัย เปน็ ส่งิ พิมพท์ ่ีพมิ พ์ออกมาจานวนไม่มากนักเพ่อื เผยแพรไ่ ปยังหอ้ งสมุด สถาบนั การศึกษาต่างๆ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกบั งานวิจัยนั้น เพือ่ ใหผ้ ูส้ นใจใช้เป็นเอกสารค้นควา้ ข้อมูลหรือใชใ้ นการอา้ งอิง 7. สง่ิ พิมพ์ย่อส่วน (Microforms) หนงั สือท่ีเก่าหรอื ชารดุ หรือหนังสือพิมพ์ท่ีมีอยู่เป็นจานวนมากย่อมไม่เป็นท่ีสะดวกในการเก็บรักษาไว้ จงึ จำเปน็ ต้องหาวิธีเกบ็ ส่งิ พิมพ์เหลา่ น้ีไวโ้ ดยอาศยั ลักษณะการยอ่ ส่วนลงให้เหลอื เลก็ ทีส่ ุดเทา่ ทีจ่ ะทาได้ เพื่อประหยดั เนอื้ ทใ่ี นการเกบ็ รักษาและสามารถทจี่ ะนำมาใช้ได้สะดวก จงึ มีวธิ กี ารต่างๆ โดยอาศัยเน้ือทใ่ี นการเก็บรักษาและ สามารถท่ีจะนามาใช้ได้สะดวก จึงมวี ิธีการตา่ งๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีในการทาสง่ิ พมิ พ์ย่อส่วน ได้แก่
13 ก. ไมโครฟิลม์ (Microfilm) เป็นการถา่ ยหนงั สือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟลิ ม์ ที่มีความกว้างขนาด 16 หรอื 35 มลิ ลิเมตร โดยฟลิ ม์ 1 เฟรมจะ บรรจุหน้าหนงั สอื ได้ 1-2 หน้าเรยี งตดิ ต่อกนั ไป หนังสือเลม่ หน่ึงจะสามารถบันทกึ ลงบนไมโครฟลิ ม์ โดยใช้ความยาว ของฟิลม์ เพยี ง 2-3 ฟุต ตามปกติจะใช้ฟิลม์ 1 ม้วนตอ่ หนังสอื 1 เลม่ และบรรจุม้วนฟิล์มลงในกล่องเล็กๆ กล่องละ ม้วนเม่อื จะใช้อ่านก็ใสฟ่ ิล์มเข้าในเครอื่ งอ่านที่มจี อภาพหรือจะอัดสาเนาหน้าใดก็ไดเ้ ชน่ กัน ข. ไมโครฟิช (Microfiche) เป็นแผ่นฟลิ ์มแข็งขนาด 4 x 6 นวิ้ สามารถบนั ทกึ ขอ้ ความจากหนังสือโดยย่อเป็นกรอบเลก็ ๆ หลายๆ กรอบ แผ่นฟลิ ม์ นจี้ ะมเี นื้อท่มี ากพอทจ่ี ะบรรจหุ น้าหนงั สอื ที่ย่อขนาดแลว้ ไดห้ ลายรอ้ ยหนา้ ตวั อักษรท่ีย่อจะมสี ีขาวบนพ้นื หนา้ หนังสือสีดา สามารถอ่านไดโ้ ดยวางแผ่นฟลิ ์มลงบนเครื่องฉายทขี่ ยายภาพให้ไปปรากฏบนจอภาพสาหรบั อา่ น และจะอา่ นหน้าใดกไ็ ดเ้ ล่ือนภาพไปมา และยงั สามารถนาไปพมิ พบ์ นกระดาษและอัดสาเนาไดด้ ้วย สอ่ื ส่ิงพมิ พ์เพ่ือเผยแพร่ข่าวสาร – หนงั สอื พิมพ์ (Newspapers) เป็นส่ือส่งิ พมิ พ์ที่ผลติ ขน้ึ โดยนาเสนอเรือ่ งราว ขา่ วสารภาพและความ คดิ เห็น ในลกั ษณะของแผน่ พิมพ์ แผน่ ใหญ่ ที่ใช้วธิ ีการพบั รวมกนั ซ่ึงสอ่ื สิ่งพิมพ์ชนิดนี้ ได้พิมพอ์ อกเผยแพร่ทง้ั ลักษณะ หนังสือพิมพร์ ายวนั , รายสปั ดาห์ และรายเดือน – วารสาร, นติ ยสาร เป็นส่ือสง่ิ พิมพ์ทผ่ี ลติ ข้นึ โดยนาเสนอสาระ ขา่ ว ความบนั เทิง ท่ีมรี ปู แบบการนาเสนอ ทโี่ ดดเด่น สะดดุ ตา และสร้างความสนใจใหก้ บั ผู้อ่าน ทงั้ น้ีการผลิตนน้ั มกี าร กาหนดระยะเวลาการออกเผยแพร่ที่ แนน่ อน ท้ังลกั ษณะวารสาร, นิตยสารรายปักษ์ (15 วัน) และ รายเดอื น – จลุ สาร เป็นสือ่ สง่ิ พมิ พ์ที่ผลิตขึน้ แบบไมม่ ุ่งหวังผลกาไร เป็นแบบใหเ้ ปลา่ โดยให้ผอู้ า่ นไดศ้ กึ ษาหาความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็นครง้ั ๆ หรอื ลาดบั ต่าง ๆ ในวาระพิเศษ แสดงเนื้อหาเป็นข้อความท่ผี ู้อา่ น อ่านแล้ว เขา้ ใจงา่ ย สง่ิ พิมพอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ เป็นสอ่ื ส่ิงพิมพท์ ่ผี ลติ ข้ึนเพื่อใช้งานในคอมพวิ เตอร์ หรือระบบเครือข่ายอนิ เตอร์เนต็ ไดแ้ ก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เปน็ ต้น บทบาทของสื่อสิ่งพิมพเ์ พ่ือการศึกษา บทบาทของสื่อสิง่ พิมพใ์ นสถานศกึ ษา ส่ือส่งิ พิมพ์ถกู นาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาโดยทั่วไป ซ่ึงทาให้ผูเ้ รียน ผสู้ อนเข้าใจในเนื้อหามากขึน้ เชน่ หนงั สือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหัดสามารถพฒั นาได้เปน็ เน้อื หาในระบบ เครอื ข่ายอินเตอร์เน็ตได้
14 แนวทางการประยุกต์ใช้ส่อื สิง่ พมิ พ์เพื่อการเรยี นการสอน หรือการศึกษา การใชส้ ่งิ พิมพ์เพ่อื การศึกษาในการเรียน การสอนนน้ั จำแนกได้เป็น 3 วธิ ี คือ 1. ใช้เปน็ แหลง่ ขอ้ มลู เกีย่ วกบั วิชาทเ่ี รยี น 2. ใช้เป็นวัสดุการเรยี นร่วมกบั สื่ออน่ื ๆ 3. ใชเ้ ป็นสอื่ เสริมในการเรียนรู้และเพม่ิ พนู ประสบการณ์ .จากวิธกี ารใช้สิ่งพมิ พ์ทง้ั 3 วิธีน้นั ผู้สอนสามารถนาสิ่งพิมพท์ ้งั ที่เปน็ สง่ิ พิมพ์ท่ัวไป หรอื สิ่งพมิ พเ์ พ่ือการศกึ ษา โดยเฉพาะมาใชใ้ นการเรยี นการสอนก็ได้ ทงั้ น้โี ดยพิจารณาตามลกั ษณะของส่ิงพมิ พแ์ ละลักษณะของการใช้ ดงั น้ี 1. สิ่งพมิ พ์ทีเ่ ขียนขึ้นในลักษณะของหนงั สือตารา ใชเ้ พื่อการศึกษาในระบบโรงเรยี นตามหลักสตู ร 2. สิ่งพิมพ์ท่ีเขยี นขนึ้ ในลักษณะบทเรยี นสาเรจ็ รูปเพ่ือง่ายต่อการศึกษาดว้ ยตนเอง เหมาะสาหรบั ใช้ใน การศกึ ษาทางไกลรว่ มกบั สอ่ื อื่นๆ เช่น โทรทศั น์ เทปเสยี งสรปุ บทเรียน และการสอนเสริม เป็นต้น 3. สิ่งพิมพ์เสริมการเรยี นการสอน เช่น แบบฝึกปฏิบตั ิ คู่มอื เรียน ฯลฯ อาจใชร้ ่วมกบั สื่อบุคคลหรือ ส่ือมวลชนประเภทอืน่ ๆ ได้ 4. สง่ิ พมิ พ์ท่วั ๆ ไป เชน่ นติ ยสาร หนงั สือพิมพ์ ฯลฯ ทีม่ ีคอลัมน์หรอื บทความทีใ่ ห้ประโยชน์ ผู้สอนอาจแนะ นาให้ผเู้ รียนอ่านเพ่อื เพิ่มพูนความรู้หรอื เพื่อนามาใช้อ้างองิ ประกอบการค้นคว้า 5. สิ่งพมิ พป์ ระเภทภาพชุด เปน็ การให้ความรู้ทางรปู ธรรมเพ่ือใชใ้ นการเสริมสรา้ งประสบการณ์ ทาใหผ้ ู้เรยี น เข้าใจเหตุการณ์เรื่องราวหรอื สง่ิ ทเ่ี ปน็ นามธรรมได้ชัดเจนขึ้น เชน่ ภาพชุดชีวิตสัตว์ หรอื ภาพชดุ พระราช พิธจี รดพระนังคลั แรกนาขวัญ เป็นตน้ (สานักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร, 9 กันยายน 2553) ประโยชน์และคณุ ค่าของส่ือส่งิ พิมพเ์ พือ่ การศกึ ษา 1. สือ่ ส่งิ พมิ พส์ ามารถเกบ็ ไว้ได้นาน สามารถนามาอ่านซ้าแล้วซ้าอีกได้ 2. ส่อื สง่ิ พมิ พ์เปน็ สือ่ ท่มี ีราคาถกู เมื่อเทยี บกบั ส่อื อื่นๆ 3. ส่ือสิ่งพมิ พ์เป็นสื่อที่ใชง้ า่ ย ไมย่ ุ่งยาก 4. สื่อสงิ่ พมิ พเ์ ปน็ สือ่ ทจี่ ัดทาไดง้ ่าย โดยครผู ู้สอนสามารถทาได้เองได้ มวี ิธีทาทไี่ ม่ยุง่ ยากซบั ซ้อน เช่น ใบ งาน ใบความรู้ เปน็ ต้น
15 ขอ้ ดีและข้อจากดั ของส่ือส่ิงพมิ พเ์ พ่ือการศกึ ษา ข้อดี 1. สามารถอ่านซ้า ทบทวน หรอื อ้างอิงได้ 2. เปน็ การเรียนรทู้ ่ีดีสาหรับผูท้ ่ีสนใจ 3. เป็นการกระตุ้นให้คนไทยรักการอา่ น ขอ้ จำกัด 1. ผู้มีปญั หาทางสายตา หรอื ผสู้ ูงอายอุ ่านไม่สะดวกในการใช้ 2. ข้อมูลไมส่ ามารถปรบั ปรุงแกไ้ ขไดท้ ันท่วงทีได้ 3. ผไู้ ม่รู้หนงั สอื ไมส่ ามารถเข้าถึงได้ ความหมายของส่ือออนไลน์ ความหมายของส่ือสังคมออนไลน์ ส่อื สงั คมออนไลน์ หมายถึง ส่ือดิจิทลั ท่ีเปน็ เครื่องมือในการปฏิบัตกิ ารทางสงั คม(Social Tool) เพื่อใช้ ส่ือสารระหว่างกนั ในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผ่านทางเวบ็ ไซตแ์ ละโปรแกรมประยุกตบ์ นสอื่ ใดๆ ที่มี การเชอื่ มต่อกับอินเทอรเ์ น็ต โดยเนน้ ให้ผู้ใชท้ งั้ ท่เี ป็นผูส้ ง่ สารและผูร้ ับสารมสี ่วนร่วม (Collaborative) อยา่ ง สร้างสรรค์ ในการผลิตเนื้อหาขนึ้ เอง (User-GenerateContent:UGC) ในรูปของข้อมูลภาพและเสยี ง สำหรับในยคุ นี้ เราคงจะหลีกเล่ียงหรือหนีคำวา่ Social Media ไปไมไ่ ด้ เพราะไม่วา่ จะไปที่ไหน ก็จะพบ เหน็ มันอยตู่ ลอดเวลา ซง่ึ หลายๆ คนกอ็ าจจะยังสงสยั วา่ “Social Media” มันคอื อะไรกันแน่ วนั นี้เราจะมารจู้ กั ความหมายของมนั กันครบั คำว่า “Social” หมายถงึ สงั คม ซ่ึงในทีน่ จ้ี ะหมายถงึ สังคมออนไลน์ ซง่ึ มีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน คำวา่ “Media” หมายถึง ส่ือ ซ่งึ ก็คือ เนื้อหา เร่ืองราว บทความ วดี โี อ เพลง รปู ภาพ เป็นตน้ ดังนั้นคำวา่ Social Media จงึ หมายถึง ส่ือสงั คมออนไลนท์ ่มี ีการตอบสนองทางสงั คมไดห้ ลายทิศทาง โดยผา่ นเครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ต พูดงา่ ยๆ ก็คือเว็บไซตท์ บี่ ุคคลบนโลกน้สี ามารถมีปฏสิ ัมพันธโ์ ้ต้ตอบกนั ได้น่ันเอง พ้นื ฐานการเกดิ Social Media กม็ าจากความตอ้ งการของมนษุ ยห์ รือคนเราทีต่ ้องการติดตอ่ ส่ือสารหรอื มี ปฏิสมั พันธ์กัน จากเดิมเรามเี ว็บในยคุ 1.0 ซึง่ กค็ ือเวบ็ ทแ่ี สดงเนอ้ื หาอย่างเดยี ว บุคคลแตล่ ะคนไม่สามารถตดิ ต่อ หรือโต้ตอบกนั ได้ แตเ่ มือ่ เทคโนโลยีเว็บพฒั นาเข้าสูย่ ุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซตท์ ีเ่ รียกวา่ web application ซง่ึ ก็คอื เวบ็ ไซต์มีแอพลเิ คชันหรือโปรแกรมต่างๆ
16 ทม่ี าและความสำคัญ สื่อสังคมออนไลน์กลับส่งอทิ ธิพลลบต่อชวี ติ ประจำวันและความสมั พันธข์ องคนในสังคมอย่างชัดเจนมาก ยิง่ ขึ้นจนกลายเป็นประเดน็ ทางสังคม ที่ท้ังสือ่ บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคญั ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาเหลา่ นี้ ส่อื สงั คมออนไลนใ์ ชส้ ่อื สารระหว่างกนั ในเครอื ข่ายทางสังคม ผา่ นทางเวบ็ ไซต์และโปรแกรมประยุกต์บน สอ่ื ใดๆ ทีม่ ีการเชื่อมตอ่ กบั อินเทอร์เน็ต โดยเน้นใหผ้ ้ใู ช้ทั้งทีเ่ ป็นผู้ส่งสารและผรู้ ับสารมสี ว่ นรว่ ม อย่างสร้างสรรค์ ในการผลติ เนอ้ื หาขึน้ ในรปู ของข้อมูล ภาพ และเสียง ทง้ั นก้ี ารใช้สือ่ ออนไลน์ตา่ งๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เลน่ ในประมาณทพ่ี อเหมาะเพ่อื เป็นผลดีตอ่ สายตาและรา่ งกาย ประเภทสอ่ื สังคมออนไลน์ ประเภทของสือ่ สังคมออนไลน์ มีดว้ ยกนั หลายชนิด ข้ึนอยู่กบั ลกั ษณะของการนำมาใช้โดยสามารถแบ่งเปน็ กลุ่ม หลกั ดังนี้ 1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ ว่า Blogs คือ สอ่ื สว่ นบุคคลบนอินเทอร์เนต็ ท่ีใชเ้ ผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสาร ความรู้ ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตวั โดยสามารถแบ่งปนั ให้บคุ คลอน่ื ๆ โดยผ้รู บั สารสามารถเข้าไปอ่าน หรือแสดงความ คดิ เห็นเพ่ิมเติมได้ ซ่ึงการแสดงเนอ้ื หาของบล็อกนน้ั จะเรียงลำดับจากเน้ือหาใหม่ไปส่เู นอื้ หาเกา่ ผู้เขยี นและผอู้ ่าน สามารถค้นหาเน้ือหาย้อนหลังเพ่อื อ่านและแก้ไขเพ่ิมเตมิ ได้ตลอดเวลา เช่น Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรอื เครือข่ายทางสังคมในอินเทอรเ์ นต็ ซึง่ เป็นเครือขา่ ยทางสังคมท่ีใชส้ ำหรับเชอื่ มต่อ ระหวา่ งบุคคล กลุ่มบุคคล เพ่ือให้เกดิ เป็นกล่มุ สงั คม(Social Community) เพือ่ ร่วมกันแลกเปล่ียนและแบ่งปัน ข้อมูลระหวา่ งกนั ท้ังดา้ นธรุ กจิ การเมือง การศึกษา เช่น Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือท่ีเรยี กกันว่า “บล็อกจ๋ิว” ซงึ่ เป็นเว็บเซอร์วสิ หรือเวบ็ ไซต์ท่ี ให้บรกิ ารแก่บคุ คลทว่ั ไปสำหรับใหผ้ ใู้ ชบ้ ริการเขียนข้อความสน้ั ๆ ประมาณ 140 ตวั อักษรที่ เรยี กว่า “Status” หรอื “Notice” เพ่ือแสดงสถานะของตัวเองว่ากำลงั ทำอะไรอยู่หรอื แจง้ ขา่ วสารตา่ งๆแก่กล่มุ เพ่อื นในสงั คมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ท้ังน้กี ารกำหนดให้ใช้ขอ้ มลู ในรปู ข้อความ สั้นๆ กเ็ พื่อให้ผู้ใช้ทีเ่ ป็นท้ังผู้เขียนและผอู้ ่านเขา้ ใจง่าย ทนี่ ิยมใช้กันอยา่ งแพร่หลายคอื Twitter 4. Online Video เป็นเวบ็ ไซต์ที่ให้บริการวิดีโอออนไลน์โดยไม่เสียคา่ ใชจ้ า่ ย ซึ่งปัจจบุ ันได้รบั ความนยิ มอยา่ ง แพรห่ ลายและขยายตัวอยา่ งรวดเร็วเน่ืองจากเน้ือหาทน่ี ำเสนอในวิดโี อออนไลนไ์ ม่ถูกจำกัดโดยผังรายการท่ี แน่นอนและตายตัวทำให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างตอ่ เนื่องเพราะไม่มีโฆษณาค่นั รวมท้ังผใู้ ช้สามารถ เลือกชมเนื้อหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเช่อื มโยงไปยังเวบ็ วิดโี ออ่ืนๆ ท่เี ก่ียวข้องไดจ้ ำนวนมากอกี ด้วย เชน่ Youtube, MSN, Yahoo
17 5. Poto Sharing เปน็ เว็บไซตท์ ีเ่ นน้ ให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บรกิ ารสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลด รปู ภาพเพ่ือนำมาใช้งานได้ ท่ีสำคัญนอกเหนอื จากผใู้ ช้บรกิ ารจะมีโอกาสแบ่งปนั รปู ภาพแล้ว ยงั สามารถใช้เปน็ พนื้ ที่เพื่อเสนอขายภาพท่ีตนเองนำเข้าไปฝากได้อกี ด้วย เช่น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเวบ็ ไซตท์ มี่ ีลกั ษณะเปน็ แหล่งข้อมลู หรือความรู้ (Data/Knowledge)ซึง่ ผูเ้ ขียนสว่ นใหญอ่ าจจะ เป็นนักวชิ าการ นักวิชาชพี หรือผูเ้ ชย่ี วชาญเฉพาะทางดา้ นต่างๆ ทง้ั การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม ซ่ึงผใู้ ช้ สามารถเขยี นหรือแก้ไขขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสรา้ งโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหนงึ่ ของชวี ิตลงไป จัดเป็นสอ่ื สงั คมออนไลน์ท่ี บรรดาผูท้ อ่ งโลกไซเบอร์ใช้เพ่ือสอ่ื สารระหว่างกนั บนอนิ เทอร์เนต็ ในลกั ษณะโลกเสมอื นจรงิ (Virtual Reality) ซง่ึ ผู้ ท่ีจะเขา้ ไปใช้บรกิ ารอาจจะบริษทั หรือองค์การด้านธรุ กิจ ด้านการศึกษา รวมถงึ องคก์ ารด้านสือ่ เชน่ สำนกั ขา่ ว รอยเตอร์ สำนักข่าวซเี อ็นเอ็น ตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้ือพ้ืนทเี่ พื่อใหบ้ ุคคลในบริษทั หรือองค์กรได้มชี ่องทางใน การนำเสนอเร่ืองราวตา่ งๆ ไปยงั กลุม่ เครือข่ายผใู้ ช้ส่ือออนไลน์ ซงึ่ อาจจะเป็นกล่มุ ลกู ค้าท้งั หลกั และรองหรือ ผู้ที่ เก่ียวขอ้ งกบั ธุรกจิ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบนั เวบ็ ไซตท์ ่ใี ช้หลัก Virtual Worlds ทีป่ ระสบผลสำเรจ็ และ มีชื่อเสียง คือSecond life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เปน็ หลักการขอความ รว่ มมือจากบุคคลในเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรปู ของเวบ็ ไซต์ทม่ี ีวัตถุประสงคห์ ลกั เพอ่ื คน้ หา คำตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธุรกิจ การศึกษา รวมท้ังการสื่อสาร โดยอาจจะเป็นการดึงความรว่ มมือ จากเครือข่ายทางสงั คมมาช่วยตรวจสอบข้อมูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ กลุม่ คนทเ่ี ข้ามาให้ข้อมูล อาจจะเป็นประชาชนทัว่ ไปหรือผู้มีความเชย่ี วชาญเฉพาะดา้ นทอี่ ยใู่ นภาคธรุ กจิ หรือแม้แต่ในสังคมนกั ขา่ ว ข้อดขี อง การใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิดเพ่ือนำ ไปสู่การแกป้ ัญหาท่มี ี ประสทิ ธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคดั กรองขอ้ มลู ซึง่ เปน็ ปัญหาสาธารณะรว่ มกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting หรอื Podcast มาจากการรวมตัวของสองคำ คือ “Pod” กับ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรอื PersonalOn - Demand คอื อปุ สงค์หรือความต้องการสว่ นบุคคล สว่ น “Broadcasting” เปน็ การนำสือ่ ต่างๆ มารวมกนั ในรปู ของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวงา่ ยๆ Podcast คือ การ บันทึกภาพและเสยี งแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพือ่ เผยแพรใ่ หบ้ ุคคลภายนอก (The public in general) ทีส่ นใจดาวน์โหลดเพ่อื นำไปใชง้ าน เชน่ Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เปน็ เวบ็ บอรด์ ทผ่ี ใู้ ช้อินเทอร์เนต็ สามารถแสดงความคิดเห็น โดยอาจจะ เกยี่ วกบั สนิ ค้าหรอื บริการ ประเดน็ สาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp
18 ประโยชน์ของ Social networks เครอื ข่ายสังคมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมลู ความรูใ้ นสิง่ ทีส่ นใจรว่ มกันได้ 2. เปน็ คลังข้อมูลความรู้ขนาดยอ่ มเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเหน็ แลกเปล่ียนความรู้ หรือต้ัง คาถามในเรอ่ื งตา่ งๆ เพ่ือให้บุคคลอืน่ ท่ีสนใจหรอื มีคาตอบไดช้ ว่ ยกันตอบ 3. ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยในการติดต่อสอ่ื สารกับคนอนื่ สะดวกและรวดเร็ว 4. เปน็ ส่ือในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขยี น รปู ภาพ วีดโิ อต่างๆ เพ่ือให้ผู้อืน่ ไดเ้ ข้ามารบั ชมและ แสดงความคดิ เหน็ 5. ใชเ้ ปน็ ส่อื ในการโฆษณา ประชาสัมพนั ธ์ หรอื บริการลูกค้าสาหรับบริษัทและองคก์ รต่างๆ ชว่ ยสรา้ งความ เช่อื ม่ันใหล้ กู ค้า 6. ชว่ ยสร้างผลงานและรายได้ใหแ้ กผ่ ู้ใชง้ าน เกิดการจา้ งงานแบบใหม่ๆ ข้นึ 7. คลายเครียดไดส้ ำหรบั ผู้ใช้ท่ีตอ้ งการหาเพื่อนคุยเล่นสนกุ ๆ 8. สร้างความสัมพนั ธท์ ด่ี จี ากเพ่ือนสู่เพ่ือนได้ เมื่อสังคมออนไลนม์ าแทนที่สงั คมกระดาษ เราจะอ่านหนังสือกันแบบไหน ในยุคท่ี “อะไรๆ ก็ดิจิทัล” ต้องยอมรับว่าเป็นยุคของการเปล่ียนแปลงท่ีส่ือต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตมี อิทธพิ ลสูงต่อวถิ ีการดำเนินชีวิตประจำวนั ของผคู้ นท่ัวไป สง่ ผลให้เกิดการปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมการอา่ นของผู้อ่าน หนังสือจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและคนหนุ่มสาวที่หันไปอ่านหนังสือ รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และเรื่องราวท่ี ตนเองสนใจผ่านอินเทอร์เนต็ โดยการอ่านบนหน้าจอ โทรศพั ทม์ ือถอื (smart phone) หรือคอมพวิ เตอร์ แทนการ อ่านหนังสือท่พี ิมพ์เป็นเล่ม (printed book, p-book) มีมากข้ึน เทคโนโลยีดิจทิ ัลจึงมสี ่วนอยา่ งสำคัญในการทำให้ หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ สเ์ กดิ ข้ึนอย่างมากมาย หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (electronic book, e-book) ท่ีเกิดข้ึนในยุคดิจิทัล 4.0 พร้อมเคร่ืองอ่าน e-book (e-book reader) เช่น Kindle, Kepler ฯลฯ กับการมี “แอป” ในการอ่าน e-book รูปแบบใหม่ๆ ที่ สามารถดาวน์โหลดได้สบายๆ จาก smart phone สำหรบั ใชเ้ ป็นสอ่ื กลางส่งผ่านการเล่าเรือ่ งจากผ้เู ขียนไปส่ผู ูอ้ า่ น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างแอป เช่น จอยลดา, ธัญวลัย, Fictionlog, ReadAWrite และ Ookbee ซึ่งขยายตลาดไปในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยมีสำนักงานในหลาย ประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ตัวอย่างร้าน e-book ท่ีเปิดเว็บไซต์เป็นหน้าร้านขาย e-book ได้แก่ Meb, Naiin, The MATTER (เว็บไซต์ข่าวท่ีเสนอเป็นข่าวส้ันๆ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านคร้ังใหญ่น้ีมาจากพฤติกรรมการอ่านของผู้คนในยุค 4.0 โดยเฉพาะผู้อ่าน 3 กลุ่ม ซึ่งช่ืนชอบการใช้อนิ เทอร์เน็ต 6-7 ช่ัวโมงต่อวัน นิยมอ่าน รับรู้ หรือเสพ (ติด) เรื่องราวต่างๆ ทางออนไลน์ ผ่านหน้าจอโทรศัพทม์ ือถือหรือคอมพิวเตอร์ ซึง่ ก็คือผู้อา่ นกลุ่ม Gen X, Gen Y, Gen Z นนั่ เอง
19 ผู้อ่านทั้ง Gen X, Gen Y, Gen Z มักไม่อดทนที่จะอ่านหนังสือที่หนามากๆ เป็นเวลานานๆ ไม่ชอบอ่าน อะไรที่ยาวๆ เป็น การอ่านแบบที่เรียกว่า “hyper reading” คือ อ่านแบบสมาธิส้ัน หรือ อ่านแบบเร็วๆ เพราะ พวกเขาคุ้นชินกับการใช้โปรแกรม สื่อออนไลน์ และเล่มเกมคอมพิวเตอร์ จึงชอบความสนุก เห็นผลรวดเร็ว เพียง แค่กดปุ่มด้วยปลายนิ้วเท่าน้ัน จึงได้มีการพัฒนา e-book ให้อ่านได้สนุกยิ่งขึ้น โดยลงเนื้อหาเป็นตอนสั้นๆ ติดต่อกนั ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ ผู้อ่านกลุ่มน้ีได้ติดตามอ่านได้ตลอดต่อเนื่อง ถ้าเนื้อเรอื่ งขาดหายไปหรือลง ไม่ต่อเน่ือง ผู้อ่านก็จะไม่สนใจติดตามอ่านอีกต่อไป ข้อควรระวังสำหรับการที่อ่านเร็วไป คือ ผู้อ่านเก็บข้อมูลได้ น้อย ไม่สามารถวิเคราะห์เนื้อหาที่แท้จริงได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อน ตีความหมายผดิ ไป นำไปสรา้ งกระแสต่างๆ ทีเ่ ปน็ ทางลบในโลกโซเชยี ลได้ ตัวอย่างพฤติกรรมการอ่านแบบ “hyper reading” ที่ชัดเจนมากๆ คือ การอ่าน “นิยายแชต” ท่ีเป็น นิยาย e-book รูปแบบใหม่ผ่านแอป “นิยายแชต” มีสไตล์การเขียนและการเล่าเรื่องผ่านการแชตที่เป็นบท สนทนาของตัวละคร โดยไม่มีบทบรรยายเหมือนนิยายทั่วไป ทำให้ผู้อ่านโดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว รู้สึกมี ส่วนร่วม เหมือนกำลังอ่านไปแชตไป ชอบเพราะอ่านได้เร็ว ท้ังยังใช้งานง่าย คือ ถ้าจะอ่านแบบ “แชตออโต้” บท สนทนาที่แชตอยู่บนหน้าจอจะเลื่อนไปเร่ือยๆ โดยท่ีไม่ต้องสไลด์หน้าจอให้เม่ือยนิ้ว แต่ถ้าอ่านไม่ทัน สามารถแตะ ทีห่ น้าจอเพอ่ื หยดุ ได้ ท้ังยงั สามารถปรบั ความเร็วในการอา่ นนิยายแชตแบบช้า ปกติ และเรว็ ได้ตามตอ้ งการ นอกจากนี้ การอ่าน e-book ทางออนไลน์ ยังทำให้ e-book มีคุณสมบัติท่ีโดดเด่น ซ่ึง p-book ทำไม่ได้ คือ การเปน็ social book ด้วย เพราะเปิดโอกาสให้ผู้อ่านเข้าไปเขียน comment ไดเ้ ลย เกดิ สังคมที่มสี ่วนร่วมใน การแลกเปลี่ยนความเห็น ตอบโต้ ต่อเติม ในหมู่ผูอ้ ่านด้วยกัน การเข้าไป chat หรือคุยกับนักเขียนท่ีเขยี นหนังสือ เล่มนั้น ผ่านส่ือโซเชียล กลายเป็นว่าการอ่านหนังสือจะไม่ใช่การอ่านแบบเดิมท่ีอ่านอยู่ในใจคนเดียว อ่านเงียบๆ และมีสมาธิ แต่จะเป็นการอ่านแบบมี interaction ระหว่างคนหลายคน สร้างวัฒนธรรมการอ่านบนอินเตอร์เน็ต แบบอ่านร่วมกัน (collective experience via internet reading) อ่านไป คุยไป ผู้อ่านแต่ละคน อ่านแล้วมี ความคิดเห็นอย่างไรกม็ า share หรือ comment กัน และ share กับนักเขียนดว้ ย เรียกว่า “รวี ิว” อาจช่วยเสนอ นักเขียนให้ปรับเปลี่ยนเน้ือหา ผู้อ่านมักอ่านแบบไม่เรียงลำดับ อ่านเจาะเป็นตอนตามที่สนใจก่อน หรือตาม “รวี วิ ” ที่กำลัง share กันเพ่ือจะไดเ้ ขียนรีววิ ตอบได้ทนั ทว่ งที จึงเกิดเป็นประสบการณ์รว่ มที่แสนจะสนุกสนานและ ได้อารมณ์ไปด้วยกัน นอกจากนี้ e-book มักใช้กลยุทธ์การขายแบบเปิดให้อ่านฟรีก่อน พออ่านๆ ไป ย่ิงอ่านยิ่ง สนุก จนผู้อ่านติดแล้ว เกิดเป็นกระแสแล้ว จึงค่อยขาย ดังนั้น e-book จึงมีคุณูปการข้อหน่ึง คือ การเร้าใจและ กระตุ้นให้เกิดการอ่านหนังสือมากข้ึน แต่ควรตระหนักว่า e-book ท่ีขายดีและอยู่ในความนิยมของผู้อ่านในโลก ออนไลน์ อาจจะไม่ใชง่ านทมี่ ีคณุ ภาพมากนักก็ได้ ในทางตรงกันข้าม พฤติกรรมการอ่านของคนท่ีอ่าน p-book คือ การอ่านแบบ “close reading” เป็น การอ่านในใจ อย่างจดจ่อ มีสมาธิ อ่านช้าๆ ไม่ชอบการรบกวน อ่านเรียงลำดับเน้ือหา เพ่ือให้เข้าใจเรื่องราว ซึม ซับ ด่ืมด่ำ ละเมียดละไมในทุกตัวอักษรที่นักเขียนร้อยเรียง ใส่รูป รส กลิ่น เสียง ลงไป เพ่ือส่ือสารให้ผู้อ่านเกิด จินตนาการ รับรู้ และสัมผัสลึกๆ กับเร่ืองราวที่เขียน การอ่านแบบนี้จึงเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตแบบ slow life นั่นเอง ซ่ึงพฤติกรรมการอ่านทั้งแบบ “hyper reading” และ “close reading” น้ัน มีอธิบายไว้ทำนองเดียวกัน
20 ใน ห นั งสื อ เรื่อ ง “ How We Think: Digital Media and Contemporary Technogenesis” ที่ เขีย น โด ย N. Katherine Hayles จากพฤติกรรมการอ่านดังกล่าว ให้ข้อคดิ ว่า หนงั สือบางประเภทเทา่ น้ันทเ่ี หมาะจะทำเป็น p-book เชน่ หนังสือสำหรับเดก็ เลก็ เพราะพฤตกิ รรมของเด็กเล็กที่ยงั ต้องการหยิบ จับ และเล่นกบั ตัวเล่มหนังสือ และหนังสือวรรณกรรม เพราะการเขียนงานวรรณกรรม ต้องใช้เวลาในการเขียนและสรรค์สร้างอย่างประณีต จึง ไม่เหมาะกับ e-book เพราะธรรมชาติของผู้อ่านหนังสือทางออนไลน์มักชอบการส่ือสารท่ีรวดเร็ ว ข้อดีของ e-book ในมุมมองด้านการขาย การผลิต และการจัดจำหน่าย คือ สามารถต้ังราคาขาย หนังสือให้ต่ำลงได้ ทำให้โอกาสขายหนังสือมีมากขึ้น ท้ังน้ีเพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า p-book เนื่องจากตัด ค่าจ้างพิมพ์ออกไป ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคากระดาษและวัตถุดิบอื่นๆ ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนลดให้สาย ส่งและร้านหนังสือ ไม่มีต้นทุนและปัญหาเร่ืองการจัดส่ง เพราะผู้ซ้ือสามารถดาวน์โหลดเองได้ นอกจากน้ียังไม่มี ข้อจำกัดวา่ ตอ้ งจัดทำขายเฉพาะเล่มทค่ี าดว่าจะขายไดเ้ ท่าน้นั เพราะตน้ ทุนไม่ได้ขึน้ กับจำนวนพิมพ์ นอกจากน้อี าจ จ่ายค่าลิขสิทธ์ิในงานเขียนได้มากขึ้นเพ่ือจูงใจนักเขียนหนังสือท่ีขายดี ทำให้นักเขียนบางคนท่ีเข้าใจและรับรู้ พฤติกรรมการอ่านของผู้อ่านกลุ่มเป้าหมายของ e-book และ p-book ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน จึงใช้โอกาสน้ีเขียน หนงั สือขายทั้งสองแบบ ณ ปัจจุบัน หลายๆ สำนักพิมพ์จึงปรับตัวด้วยการผลิตเน้ือหาหรือ content ของหนังสือออกมาท้ังใน รูปแบบ e-book และ p-book ควบคู่กับ e-book ที่เปิดขายออนไลน์ได้ท้ังคู่ โดย e-book นั้นมีการจัดทำเป็น รูปเล่มเช่นเดียวกับ p-book ด้วยโปรแกรมหรือแอปสำหรับจัดทำ e-book โดยเฉพาะ ในเมื่อ content ของ หนังสือเหมือนกัน ดังน้ัน e-book และ p-book อาจเปรียบได้กับบรรจุภัณฑ์คนละรูปแบบท่ีออกแบบมาเพื่อ บรรจแุ ละใชง้ าน content น้ัน ให้กบั กล่มุ เป้าหมายท่ีมพี ฤติกรรมการอ่านท่แี ตกต่างกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าใด content ของหนังสอื จะยังคงอยู่ ไม่มีวนั ตาย แต่รูปแบบการนำเสนอ การเขา้ ถงึ เพ่อื อ่าน เคร่ืองมือท่ีใช้อา่ น บรรจุ ภณั ฑท์ ี่ใช้บรรจแุ ละสอ่ื สารถงึ ตวั content นัน้ ต่างหากทีจ่ ะแปรเปลยี่ นไปตามเทคโนโลยีในแตล่ ะยคุ สมัย
21 บทท่ี 3 วิธีการดำเนินงานตามโครงการ 1. วธิ ีการดำเนินงาน ข้ันเตรียมการ เพอื่ จดั ประชมุ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา - ชแ้ี จงทำความเข้าใจรายละเอยี ดโครงการ - ชแ้ี จงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การเพ่อื อนุมัติ - แต่งตง้ั กรรมการดำเนินงานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย ประกอบด้วย 1.1 นายสมประสงค์ น้อยจันทร์ ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรียงฤทธ์ิ เดตะอุด ครผู ้ชู ่วย กรรมการ 1.3 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธิกรวยแกว้ ครอู าสาสมคั รฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานกุ าร 2. ฝา่ ยตดิ ตอ่ ประสานงาน มีหนา้ ท่ี ตดิ ตอ่ ประสานงานสถานที่จดั การจดั กิจกรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 2.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารัตน์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณัฐชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบิกจ่ายพสั ดุ และการเงินตามโครงการให้ถูกต้องเรียบร้อยและทันต่อเวลาประกอบดว้ ย 3.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษช์ ำนาญการ
22 3.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 3.3 นายศิวณชั ญ์ อศั วสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 4. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ส่งข่าวประชาสัมพันธ์วิทยุห้างทองเรดิโอ เสียงตามสาย วิทยุชุมชน ประชาสมั พนั ธ์ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 4.2 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวิน สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ นั ธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอุษา ยงิ่ สกุ ครู ศรช. 5. ฝ่ายจัดกิจกรรม มีหน้าท่ีให้กรรมการมีหน้าที่จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษา และประชาชน มีหน้าที่จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และ สอ่ื ออนไลน์ สื่อการเรยี นการสอน เกม และกจิ กรรมนันทนาการ ดังนี้ 5.1 กจิ กรรมรกั การอ่านผ่านสือ่ ออนไลน์ 5.1.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ 5.1.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.1.5 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.1.6 นางสาวนภารัตน์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.1.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.1.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.1.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.1.10 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.1.11 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.1.12 นางสาวณัฐชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล
23 5.1.13 นายศวิ ณชั ญ์ อศั วสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.1.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 5.1.15 นายปัณณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.1.16 นางสาวอุษา ยง่ิ สุก ครู ศรช. 5.1.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจนั ทร์ ครู ศรช. 5.2 กจิ กรรมสบื สานวัฒนธรรมประเพณลี อยกระทง 5.2.1 นางวารี ชูบัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.2.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครูอาสาสมัครฯ 5.2.4 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.2.5 นางลาวนิ สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.2.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.2.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.2.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.2.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.2.10 นางสรุ ัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.2.11 นายเกรียงไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.2.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.2.13 นายศวิ ณัชญ์ อศั วสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.2.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 5.2.15 นายปณั ณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.2.16 นางสาวอุษา ยิ่งสกุ ครู ศรช. 5.2.17 นางสาววรางคณา น้อยจนั ทร์ ครู ศรช. 5.3 กจิ กรรมปริศนา...อา่ นคำ บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.3.1 นางวารี ชูบัว ครู กศน. ตำบล 5.3.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู ศรช. 5.3.3 นายปณั ณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.3.4 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 5.3.5 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์
24 5.4 กจิ กรรมอ่านดีมรี างวัล บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 5.4.1 นางวารี ชบู ัว ครูอาสาสมัครฯ 5.4.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครู กศน. ตำบล 5.4.3 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.4.4 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู ศรช. 5.4.5 นายศวิ ณชั ญ์ อัศวสมั ฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.4.6 นางสาวกญั ญาณฐั จนั ปญั ญา ครู ศรช. 5.4.7 นางสาวอษุ า ย่ิงสุก 5.5 กจิ กรรมอ่านสรา้ งอาชีพ บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.5.1 นางวารี ชบู วั ครูอาสาสมัครฯ 5.5.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.5.3 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครู กศน. ตำบล 5.5.4 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.5.5 นางลาวิน สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.5.6 นางสาวนภารัตน์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.5.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.5.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.5.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.5.10 นางสุรตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.5.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.5.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู ศรช. 5.5.13 นายศิวณัชญ์ อศั วสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 5.5.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 5.5.15 นายปณั ณวัฒน์ สขุ มา ครู ศรช. 5.5.16 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 5.5.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจนั ทร์ 5.6 กิจกรรมสภุ าษติ สำนวนไทย บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 5.6.1 นางวารี ชบู วั ครอู าสาสมัครฯ 5.6.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.6.3 นางสาวลาวณั ย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครู กศน. ตำบล 5.6.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร
25 5.6.5 นางลาวนิ สเี หลือง ครู กศน. ตำบล 5.6.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.6.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.6.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.6.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.6.10 นางสุรัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.6.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.6.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.6.13 นายศิวณชั ญ์ อศั วสัมฤทธิ์ ครู ศรช. 5.6.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.6.15 นายปณั ณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.6.16 นางสาวอุษา ยิง่ สกุ ครู ศรช. 5.6.17 นางสาววรางคณา นอ้ ยจนั ทร์ ครู ศรช. 6. ฝา่ ยรบั ลงลงทะเบยี น ใหก้ รรมการมหี นา้ ทจี่ ัดเตรียมเอกสารสำหรบั การลงทะเบยี น และรบั ลงทะเบียน ผเู้ ข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 6.1 นางสาวอุษา ยงิ่ สุก ครู ศรช. 6.2 นางสาวกัญญาณัฐ จนั ปัญญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพึงพอใจ ประเมนิ ผลการดำเนนิ งาน ประเมินความพึงพอใจ ปัญหา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะ และจดั ทำรายงานผลการดำเนนิ งานหลงั เสร็จส้ินโครงการ ดังน้ี 7.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 7.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 7.3 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 7.4 นางสาวอุษา ยง่ิ สุก ครู ศรช.
26 2. ขัน้ ดำเนินการ กิจกรรมหลัก วัตถปุ ระสงค์ กล่มุ เปา้ หมาย เป้าหมาย พืน้ ท่ี ระยะเวลา งบประมาณ 20 คน ดำเนนิ การ - 1. ขนั้ เพอื่ จัดประชุมครูและ ครูและบคุ ลากร 20 คน กศน. อำเภอ พ.ย.63 - เตรียมการ บคุ ลากรทางการศึกษา กศน. อำเภอ 5,750 - ชแี้ จงทำความเข้าใจ ชนแดน - ชนแดน - 2. ประชมุ รายละเอยี ดโครงการ กรรมการ - ช้แี จงแนวทางในการ ครแู ละบุคลากร 600 คน กศน. อำเภอ 14 ธ.ค.63 ดำเนินงาน ดำเนนิ โครงการ กศน. อำเภอ 50 คน ชนแดน 3. จดั เตรียม - จดั ทำโครงการและ ชนแดน 20 คน เอกสาร วัสดุ แผนการดำเนนิ การเพื่อ กรรมการฝ่ายท่ี 50 คน กศน. อำเภอ 15 ธ.ค.63 อปุ กรณ์ในการ อนุมตั ิ ไดร้ ับมอบหมาย 100 คน ชนแดน ดำเนินโครงการ - แต่งตัง้ กรรมการ 180 คน 4. ดำเนนิ การ ดำเนินงานตามโครงการ นักเรียน รวม พืน้ ที่อำเภอ ต.ค.63 จัดกจิ กรรม เพอ่ื ประชุมทำความเข้าใจ นักศกึ ษา และ 1,000 คน ชนแดน - กับกรรมการดำเนนิ งานทุก ประชาชนทั่วไป ฝ่ายในการจัดกิจกรรม ม.ี ค.64 โครงการและการดำเนินงาน เพอื่ ดำเนนิ การจัดทำ จดั ซ้อื วสั ดอุ ุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการ ดำเนินการ 1. รกั การอ่านผ่านสื่อ ออนไลน์ 2. กิจกรรมสืบสาน วฒั นธรรมประเพณี ลอยกระทง 3. ปริศนา...อา่ นคำ 4. อา่ นดีมีรางวัล 5. อ่านสรา้ งอาชีพ 6. สภุ าษติ สำนวนไทย
27 กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ กลุ่มเปา้ หมาย เป้าหมาย พืน้ ท่ี ระยะเวลา งบประมาณ ดำเนนิ การ ม.ี ค.64 - 5. สรุป/ เพื่อใหก้ รรมการฝ่าย ตาม 2 เลม่ กศน. อำเภอ ประเมินผล ประเมนิ ผลเกบ็ รวบรวม และรายงานผล ข้อมลู และดำเนนิ การ กระบวนการ ชนแดน โครงการ ประเมินผลการจดั กิจกรรม ประเมิน โครงการ 5 บท 3. ขน้ั สรปุ การจัดกจิ กรรม 1. ดชั นวี ดั ผลสำเรจ็ ของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 1.2 ตัวชีว้ ดั ผลลพั ธ์ (outcome) นกั เรยี น นักศกึ ษา และประชาชนทัว่ ไปรักการอา่ น เพอื่ พัฒนาคุณภาพ ชีวติ ทีด่ ีขน้ึ 2. การตดิ ตามผลประเมินผลโครงการ 2.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรุป/รายงานผลการจัดกิจกรรม
28 บทท่ี 4 ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการ สง่ เสริมการเรยี นรู้สำหรับนกั ศึกษาและประชาชน กิจกรรมรกั การอ่านผา่ นสอ่ื ออนไลน์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป เพศ รอ้ ยละ จำนวน 31.38 เพศ 134 68.62 ชาย 293 100 หญิง 427 รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตาม อธั ยาศยั กิจกรรมท่ี 2 โครงการสง่ เสริมการเรยี นรสู้ ำหรบั นักศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอา่ นผ่านส่อื ออนไลน์ ในครั้งน้ี เปน็ เพศหญงิ มากท่ีสดุ จำนวน 293 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 68.62 ช่วงอายุ อายุ ร้อยละ ตำ่ กวา่ 15 ปี จำนวน 1.87 15 - 29 ปี 70.49 30 – 39 ปี 8 11.48 40 - 49 ปี 301 8.43 50 - 59 ปี 49 4.45 60 ปขี น้ึ ไป 36 3.28 19 100 รวม 14 427 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่านสื่อ ออนไลน์ ในคร้ังนี้ เปน็ ชว่ งอายุ 15 – 29 ปี มากท่ีสุด จำนวน 301 คน คดิ เป็นร้อยละ 70.49
29 ระดบั การศกึ ษา การศกึ ษา ร้อยละ ประถมศึกษา จำนวน 6.09 31.85 ม.ตน้ 26 55.74 ม.ปลาย 136 0.47 ปวช./ปวส. 238 5.39 ปรญิ ญาตรี 2 0.47 สงู กว่าปรญิ ญาตรี 23 100 รวม 2 427 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่านสื่อ ออนไลน์ ในครงั้ น้ี การศกึ ษาระดับ ม.ปลาย มากท่สี ุด จำนวน 238 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 55.74 อาชพี อาชพี ร้อยละ รบั จา้ ง จำนวน 39.34 เกษตรกรรม 168 6.79 ผ้นู ำชุมชน คา้ ขาย 29 - รับราชการ - 7.96 นกั เรียน/นกั ศึกษา 34 3.51 อ่ืนๆ ระบุ 15 33.26 รวม 142 9.14 39 100 427 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายโครงการจัดการศึกษาตาม อธั ยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้สำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรักการอา่ นผา่ นส่ือออนไลน์ ในคร้ังน้ี เป็นอาชพี รบั จ้างมากทส่ี ุด จำนวน 103 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 39.34
30 ส่วนท่ี 2 ขอ้ มลู ความคดิ เหน็ และความพึงพอใจต่อโครงการ 2.1 เกณฑ์การพจิ ารณาระดับความพึงพอใจ 0.00 – 1.49 อยูใ่ นระดับ น้อยท่ีสดุ 1.50 – 2.49 อยู่ในระดับ นอ้ ย 2.50 – 3.49 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง 3.50 – 4.49 อยู่ในระดบั มาก 4.50 - 5 อยใู่ นระดบั มากที่สุด 2.2 เกณฑ์การให้คะแนน 5 อยใู่ นระดับ มากทส่ี ดุ 4 อยู่ในระดับ มาก 3 อย่ใู นระดับ ปานกลาง 2 อยู่ในระดับ น้อย 1 อยู่ในระดบั นอ้ ยทส่ี ุด
ตอนท่ี 2 ความคิดเหน็ ต่อโครงการ จำนวน ผู้ ขอ้ รายการ ประเมิน (คน) มากท่สี ดุ 5 1 กิจกรรมที่จดั สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ 427 255 2 เน้ือหาของสอ่ื การเรยี นรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ 427 243 3 การจัดกิจกรรมมสี อ่ื การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 427 260 4 กิจกรรมสง่ เสริมการมีมนุษย์สัมพนั ธอ์ นั ดตี ่อกัน 427 268 5 สถานทจ่ี ัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 427 261 6 ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 427 254 7 ท่านมีความประทบั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรมคร้งั น้ี 427 278 8 การประชาสัมพันธ์และชวนเชิญ 427 256 9 ความเหมาะสมวสั ดุ/อปุ กรณใ์ นการจัดกิจกรรม 427 252 10 การนำประโยชน์ไปใชใ้ นการเขา้ รว่ มกจิ กรรมในคร้งั น้ี 427 258 11 ทา่ นคดิ วา่ ควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเน่ือง 427 256 12 หากมโี อกาสในปีต่อไปท่านยินดเี ข้าร่วมโครงการน้ีอีก 427 278 รวมท้ังหมด 5124 3119 ร้อยละ 100 60.87
31 ระดบั ผลการประเมนิ เฉลี่ย S.D. ประมวล ร้อยละ ด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยที่สดุ ผล 88.10 86.70 4 321 89.13 86.18 103 59 7 3 4.41 0.84 มาก 89.27 87.92 103 67 9 5 4.33 0.90 มาก 90.21 114 44 6 3 4.46 0.79 มาก 88.73 99 28 8 4 4.31 0.80 มาก 87.96 88.48 112 47 5 2 4.46 0.77 มาก 88.29 89.65 107 50 13 3 4.40 0.86 มาก 88.21 98 44 5 2 4.51 0.76 มากทส่ี ดุ 108 52 9 2 4.42 0.82 มาก 106 59 7 3 4.40 0.84 มาก 106 52 8 3 4.42 0.83 มาก 105 56 7 3 4.41 0.83 มาก 93 45 6 5 4.58 0.83 มาก 1254 603 90 38 4.41 0.82 มาก 24.47 11.77 1.76 0.7416
32 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่านสื่อออนไลน์ ในครั้งนี้ ผลปรากฏว่าระดับความพึง พอใจในภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก คิดเป็นรอ้ ยละ 88.37 ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ -
33 บทท่ี 5 สรปุ ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ การบรู ณาการการเรยี นรู้ • มกี ารนำความร้ทู ี่ได้รบั ไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวันได้ • จากกิจกรรมช่วยส่งเสริม ให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนท่ัวไป มีนิสัยรักการอ่าน และมีความคิด สรา้ งสรรค์ มนี ิสยั รกั การอา่ นนำไปส่กู ารเรยี นรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวติ ให้ดีข้ึน ความร่วมมือของกลุ่มเปา้ หมายและเครือขา่ ย - การมสี ่วนรว่ มของภาคีเครือขา่ ยในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย - การสนบั สนุนให้ภาคเี ครือข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย การนำความรไู้ ปใช้ - ส่งเสริมและสนับสนุนให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนท่ัวไปเข้าถึง และมีโอกาสได้อ่าน หนังสือ ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดีข้นึ การดำเนนิ งานทวั่ ไป เชงิ ปริมาณ - กลมุ่ เป้าหมาย นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทว่ั ไป จำนวน 600 คน - จำนวนกลมุ่ ตัวอยา่ ง นกั เรียน นกั ศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไป จำนวน 427 คน 1) ชาย จำนวน 134 คน คิดเปน็ ร้อยละ 31.38 2) หญิง จำนวน 293 คน คิดเป็นร้อยละ 68.62 เชงิ คณุ ภาพ 1. นกั เรียน นกั ศึกษาและประชาชนท่ัวไปเข้าถึง และมโี อกาสไดอ้ า่ นหนังสือ 2. นักเรยี น นกั ศึกษาและประชาชนท่ัวไปเข้ามารบั บริการในห้องสมุดประชาชนอำเภอ ชนแดนมากขึ้น 3. นักเรยี น นักศกึ ษาและประชาชนทั่วไปมคี วามรู้ความเข้าใจการเขา้ ถงึ แหล่งสาร สารสนเทศไดอ้ ยา่ งประสิทธภิ าพและตรงตามความต้องการ 4. นกั เรียน นกั ศกึ ษา และประชาชนทวั่ ไปมีนิสยั รักการอ่านนำไปสู่ การเรียนรู้ และ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ใหด้ ีข้นึ
34 ผลการดำเนนิ งานตามตัวช้วี ัดความสำเร็จ 1. เปา้ หมาย จำนวน 600 คน มผี ู้เขา้ ร่วมกิจกรรม จำนวน 611 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเป้าหมาย 2. จำนวนผรู้ ว่ มกิจกรรม จำนวน 611 คน ผา่ นกจิ กรรม จำนวน 611 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนินงานบรรลเุ ป้าหมาย สรปุ ผลการดำเนินงาน - ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมที่ 2 โครงการส่งเสริมการเรียนร้สู ำหรับนักศึกษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่านสอ่ื ออนไลน์ ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.21 สรปุ ความพึงพอใจต่อโครงการ/กิจกรรม ที่เขา้ รว่ ม 1. กจิ กรรมที่จัดสอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์ อยูใ่ นระดบั ความพงึ พอใจ มาก คดิ เป็นร้อยละ 88.10 2. เนื้อหาของสื่อการเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นรอ้ ยละ 86.70 3. การจดั กจิ กรรมมสี ่อื การเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย อยใู่ นระดบั ความพึงพอใจ มาก คิดเป็นร้อยละ 89.13 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็น ร้อยละ 86.18 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นร้อยละ 89.27 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมคี วามเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเปน็ รอ้ ยละ 87.92 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 90.21 8. การประชาสัมพนั ธแ์ ละชวนเชิญ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเปน็ รอ้ ยละ 88.43 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็น รอ้ ยละ 87.96 10.การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเปน็ รอ้ ยละ 88.48 11.ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณ ะน้ีต่อเน่ือง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นรอ้ ยละ 88.29 12.หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการนี้อีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เปน็ ร้อยละ 89.65 ขอ้ เสนอแนะ -
35 ภาคผนวก
ภาพ โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศยั กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนรู้สำหรบั นกั ศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรักการอา่ นผ่านส่อื ออนไลน์ ประจำเดือน ตุลาคม 2563
ภาพ โครงการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนรู้สำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผ่านส่อื ออนไลน์ ประจำเดอื น พฤศจกิ ายน 2563
ภาพ โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการสง่ เสริมการเรยี นรสู้ ำหรบั นกั ศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรักการอ่านผา่ นส่ือออนไลน์ ประจำเดอื น ธันวาคม 2563
ภาพ โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสริมการเรียนร้สู ำหรบั นักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรกั การอา่ นผ่านสื่อออนไลน์ ประจำเดอื น มกราคม 2564
ภาพ โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสริมการเรียนร้สู ำหรบั นักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรกั การอา่ นผ่านสื่อออนไลน์ ประจำเดอื น มกราคม 2564
ภาพ โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสริมการเรียนร้สู ำหรบั นักศกึ ษาและประชาชน กิจกรรมรกั การอา่ นผ่านสื่อออนไลน์ ประจำเดอื น มกราคม 2564
ภาพ โครงการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนร้สู ำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมรักการอ่านผา่ นสือ่ ออนไลน์ ประจำเดือน กมุ ภาพนั ธ์ 2564
ภาพ โครงการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนร้สู ำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมรักการอ่านผา่ นสือ่ ออนไลน์ ประจำเดือน กมุ ภาพนั ธ์ 2564
ภาพ โครงการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนร้สู ำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมรักการอ่านผา่ นสือ่ ออนไลน์ ประจำเดือน กมุ ภาพนั ธ์ 2564
ภาพ โครงการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 2 โครงการส่งเสรมิ การเรียนร้สู ำหรับนกั ศกึ ษาและประชาชน กจิ กรรมรักการอ่านผา่ นสือ่ ออนไลน์ ประจำเดือน กมุ ภาพนั ธ์ 2564
Search