บนั ทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ที่ ศธ ๐๒๑๐.๕๔๐๓/ วันที่ ๗ มนี าคม ๒๕๖๕ เรื่อง สรปุ ผลการปฏิบัตงิ านโครงการพัฒนาหอ้ งสมดุ ประชาชนให้เป็นศูนยเ์ รียนรตู้ ลอดชีวิต Co-Learning Space เรยี น ผู้อำนวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน ตามท่ี ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำจัดทำโครงการพัฒนาห้องสมุดประชาชนให้ เป็นศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิต Co-Learning Space ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๔๖๕ - มีนาคม ๒๕๖๕ เพื่อ สร้างนิสัยรักการอ่าน เพ่ือเป็นการพัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ท่ีเอื้อต่อการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ พัฒนาปรับปรุงห้องสมุด จัดบรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการ ใช้บริการของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนท่ัวไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง และเกิดนิสัยรักการอ่านมากข้ึน บดั นโี้ ครงการดงั กล่าวไดด้ ำเนินการเสรจ็ สิ้นเรียบรอ้ ยแลว้ หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จึงขอสรปุ ผลการปฏบิ ัติงานโครงการดงั กล่าวรายละเอียด ตามเอกสารทแี่ นบมาพรอ้ มนี้ จึงเรียนมาเพือ่ โปรดทราบ (นางวารี ชบู วั ) บรรณารกั ษ์ชำนาญการ
คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนนิ การจัดทำโครงการพฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชนใหเ้ ป็นศูนย์เรียนรู้ตลอดชวี ิต Co- Learning Space ในระหวา่ งเดอื นพฤศจิกายน 2564 - มีนาคม 2565 เพ่ือสร้างนิสัยรักการอ่าน เพ่ือเป็นการ พัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาปรับปรุง ห้องสมุด จัดบรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเกิดนิสัยรักการ อ่านมากขึ้น นน้ั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครั้งตอ่ ไป ผ้จู ัดทำ มีนาคม 2565
สารบัญ หนา้ 1-9 บทท่ี 1 บทนำ 10 - 26 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ กี่ยวข้อง 27 - 34 บทที่ 3 วิธดี ำเนินการตามโครงการ 35 - 39 บทที่ 4 ผลการดำเนนิ การตามโครงการ 40 - 42 บทท่ี 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รูปภาพ รายชื่อผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม แบบประเมนิ ความพึงพอใจ คำส่งั โครงการ คณะผู้จัดทำ
1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ชอื่ โครงการ โครงการจัดการศกึ ษาตามอัธยาศยั กจิ กรรมท่ี 1 โครงการพัฒนาหอ้ งสมดุ ประชาชนให้เปน็ ศูนยเ์ รียนรู้ตลอดชีวติ Co-Learning Space 2. สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มี พัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบออ้ มอารี มีวนิ ยั รักษาศลี ธรรม และเป็นพลเมอื งดขี องชาติ มหี ลักคดิ ทถี่ ูกต้อง มีทกั ษะที่จ่าเป็นในศตวรรษที่ 21 มี ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง ตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ สกู่ ารเปน็ คนไทยท่ีมีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหมแ่ ละอ่ืน ๆ โดยมี สมั มาชพี ตามความถนัดของตนเอง ประเด็นที่ 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบดว้ ย (1) ชว่ งการต้งั ครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียน/ วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับศตวรรษที่ 21 (3) ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับ ศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ (4) ช่วงวัยผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ ผู้สูงอายเุ ปน็ พลังในการขบั เคลอื่ นประเทศ ประเด็นที่ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดย (1) การสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย (2) การส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (3) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอก ห้องเรียน และ (4) การพัฒนาระบบฐานข้อมลู เพ่ือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สอดคล้องกบั แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทนุ มนุษย์ 3.1 ปรับเปลย่ี นค่านยิ มคนไทยให้มีคณุ ธรรม จริยธรรม มวี ินยั จติ สาธารณะ และพฤติกรรม ทพ่ี ึงประสงค์ 3.1.2 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความมีวินัย จิตสาธารณะ รวมทั้งเร่งสร้างสภาพแวดล้อมภายในและโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอด จากอบายมุขอย่าง จรงิ จัง 3.2 พัฒนาศักยภาพคนให้มที กั ษะความรู้และความสามารถในการดำรงชวี ติ อย่างมคี ุณค่า 3.2.2 พัฒนาเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นใหม้ ีทักษะการคิดวิเคราะหอ์ ย่างเป็นระบบ มีความคิด สร้างสรรค์ มี ทักษะการทำงานและการใช้ชีวิตที่พร้อมเข้าสู่ตลาดงาน
2 3.3 ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาและการเรยี นรู้ตลอดชีวิต 3.3.6 จัดทำส่ือการเรยี นรู้ท่เี ปน็ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์และสามารถใชง้ านผา่ นระบบอปุ กรณส์ อ่ื สารเคลื่อนท่ี ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ทั่วถึง ไม่จากัดเวลาและสถานที่ และใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้ ภาคเอกชนผลิตหนังสอื สอื่ การอา่ นและการเรยี นร้ทู ่ีมคี ุณภาพและราคาถูก 3.3.7 ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต อาทิพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ โรงเรียนผูส้ ูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมให้มีระบบการจดั การความรู้ที่เป็นภมู ิ ปัญญาทอ้ งถิน่ สอดคล้องกับนโยบาลของรัฐบาล (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) 1. การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1.1 การจัดการศึกษาเพ่ือคณุ วฒุ ิ พฒั นาผ้เู รยี นให้มคี วามรอบรูแ้ ละทักษะชีวติ เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการ ดำรงชีวติ และสรา้ งอาชีพ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล สุขภาวะและทัศนคติที่ดตี ่อการดูแลสุขภาพ 1.2 การเรียนรตู้ ลอดชีวิต - จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เน้นส่งเสริมและยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ (English for All) สอดคล้องกบั นโยบายและจุดเน้นการดำเนนิ งาน กศน. จดุ เนน้ การดาํ เนนิ งานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 2. ด้านการสร้างสมรรถนะและทกั ษะคุณภาพ 2.1 สง่ เสรมิ การจดั การศึกษาตลอดชีวติ ที่เนน้ การพฒั นาทกั ษะที่จาํ เปน็ สำหรับแต่ละช่วงวัย และ การจัดการศึกษาและการเรยี นรู้ทีเ่ หมาะสมกบั แตล่ ะกลุม่ เปา้ หมายและบริบทพ้นื ท่ี 2.4 ส่งเสริมการจัดการศึกษาของผู้สูงอายุเพื่อให้เป็น Active Ageing Workforce และมี Life Skill ในการดํารงชีวิตทเ่ี หมาะกบั ช่วงวัย 3. ด้านองค์กร สถานศึกษา และแหลง่ เรียนรูค้ ุณภาพ 3.3 ปรับรูปแบบกจิ กรรมในหอ้ งสมดุ ประชาชน ทเ่ี น้น Library Delivery เพื่อเพิม่ อัตราการอ่าน และการรู้หนงั สือของประชาชน 3.5 สง่ เสริมและสนับสนนุ การสร้างพ้นื ท่ีการเรียนรู้ ในรปู แบบ Public Learning Space/ Co- Learning Space เพอื่ การสร้างนเิ วศการเรียนรู้ใหเ้ กิดข้นึ สังคม
3 สอดคลอ้ งกบั ตัวชวี้ ัดการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผู้รบั บริการการศึกษาตามอัธยาศยั ตวั บง่ ชี้ท่ี 1.1 ผู้รบั บรกิ ารมคี วามรู้ หรือทักษะ หรือประสบการณ์ สอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์ของโครงการ หรอื กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ่ี 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตัวบ่งช้ที ่ี 2.2 ผู้จัดกิจกรรมมคี วามรู้ ความสามารถในการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย ตวั บ่งชท้ี ่ี 2.3 สือ่ หรอื นวัตกรรม และสภาพแวดล้อมทเี่ อ้ือตอ่ การจัดการศึกษาตาม อธั ยาศยั ตวั บ่งชท้ี ่ี 2.4 ผรู้ ับบรกิ ารมคี วามพงึ พอใจต่อการจัดการศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานที่ 3 คณุ ภาพการบริหารจัดการของสถานศกึ ษา ตัวบ่งชี้ท่ี 3.1 การบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษาที่เน้นการมีส่วนรว่ ม ตวั บ่งชี้ที่ 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตวั บ่งชท้ี ่ี 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา ตัวบง่ ชีท้ ่ี 3.7 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครือขา่ ยให้มสี ว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา ตวั บง่ ชีท้ ่ี 3.8 การสง่ เสริม สนบั สนุนการสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมินความพึงพอใจ ควรเพิ่มข้อเหตุผล ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดขอ้ นน้ั จงึ ใหค้ ะแนนมากหรือนอ้ ย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถ้วนเป็นระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกิจกรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มีการออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ต่อเนอื่ งและนำผลการประเมินทไ่ี ด้ไปวเิ คราะห์ถึงอุปสรรค และนำไปวางแผน ปรับปรงุ พัฒนาในปตี อ่ ไป
4 3. หลักการและเหตุผล วิถีชีวิต การเรียนรู้ การทํางานของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป รูปแบบการทํางาน มักจะไปนั่งทํางาน อ่าน หนังสือ ประชุม หรือทํางานกลุ่มตามสถานที่สาธารณะ มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ห้องสมุด หรือตาม Co - working Space ต่าง ๆ ด้วยเหตุผลหลากหลายไม่ว่าจะเป็นต้องการพื้นที่ในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อ การเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการทํางาน หรือบางครั้งจะรู้สึกว่ามีสมาธิมากกว่าที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่ทํางาน แต่พื้นที่ ลักษณะเช่นน้ีท่ีมีใหบ้ รกิ ารอยู่ในปัจจุบนั ยังเปน็ ข้อจํากัดในการเข้าถึงของหลาย ๆ คน ไม่วา่ จะเป็นเรื่องของระยะเวลา การเปิด – ปิดบริการ ค่าใช้จ่าย หรือถ้าเปิดให้ใช้บริการฟรีสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ หรือบรรยากาศ อาจยังไม่ ตอบโจทย์สําหรับการทํางาน หรือการอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิ รวมไปถึงความปลอดภัยต่าง ๆ ในการเดินทางไปใช้ บริการตามสถานทีเ่ หล่านั้น ประกอบกบั สภาพสงั คมท่ีเปลย่ี นแปลงไปทาํ ให้รูปแบบการเรยี นรู้ของผู้รบั บริการห้องสมุด เปลี่ยนไปด้วยคนในปัจจุบันเปลี่ยนไปมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการค้นคว้าหาความรู้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ห้องสมุด ประชาชนจึงจําเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ การเรียนรู้ต้องพัฒนาให้มีรูปแบบที่หลากหลายเป็นไปตาม ความต้องการของผู้รับบริการทุกช่วงวัยยิ่งขึ้น จากแนวคิดดังกล่าวสู่การพัฒนาห้องสมุดประชาชนให้เป็นศูนย์การ เรียนรู้ Co - Learning Space ซึ่งสํานักงาน กศน. เป็นหน่วยงานหนึ่งซึ่งมีภารกิจหลักในการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัยให้กับประชาชนทุกช่วงวัย และมีแหล่งเรียนรู้ให้บริการหลากหลายรูปแบบ ห้องสมุดประชาชนก็เป็นหนึ่งใน แหล่งเรียนรู้ที่ให้บริการประชาชนควบคู่กับภารกิจอื่น ๆ ของ กศน. จึงถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สําหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ได้มีโอกาสเข้าถึงได้ง่ายสามารถตอบทุกโจทย์ปัญหาความต้องการของประชาชน อย่างแท้จริง ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ (Co - Learning Space) หรือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกัน จึงเกิดขึ้นภายใต้ แนวคิดทว่ี ่า การใหท้ ่มี ากกว่าแค่เพียง “พืน้ ท”ี่ แตย่ งั เป็นสถานทใ่ี นการสร้างแรงบันดาลใจ และแสดงถึงการแบ่งปัน ที่ ไม่เพียงแค่แบง่ ปันพื้นที่สําหรับทุกคน ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันแต่ทุกคนที่มายังได้ความรู้และแรงบันดาลใจดี ๆ กลับไป ด้วยเสมอ การนําแนวคิดในการปรับเปลี่ยนการให้บริการห้องสมุดประชาชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในลักษณะศูนย์ การ เรียนรู้ต้นแบบ (Co - Learning Space) ภายใต้นโยบายในการขับเคลื่อน กศน. สู่ กศน.WOW ของรัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงศึกษาธกิ าร (นางกนกวรรณ วลิ าวลั ย์) ในการพั ฒ นา กศน. ตําบล ใหม้ ีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่อการเรียนรู้ : Good Place – Best Check in ข้อหน่ึงโดยการจัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน. ใน 5 ภมู ิภาค เป็น ศูนย์การเรยี นรตู้ ้นแบบ (Co - Learning Space) และกําหนดให้ศูนยก์ ารเรียนรูต้ ้นแบบ (Co - Learning Space) มีพื้นที่บริการการเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจและความต้องการของผู้รับบริการการศึกษาตามอัธยาศั ยทุก ช่วงวัย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุดประชาชน อำเภอชนแดนดำเนินการพฒั นาห้องสมุดประชาชนให้เปน็ ศนู ย์การเรียนรู้ Co - Learning Space เพื่อสร้างนิสัยรัก การอ่าน เพ่ือเป็นการพัฒนา ปรับปรุงให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เอ้ือต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุงห้องสมุด จัดบรรยากาศและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้บริการของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป มีแหล่งเรียนรู้สำหรับศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองและเกิดนิสัยรักการอ่านมาก ข้ึน
5 4. วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื สง่ เสรมิ ให้หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดนเปน็ แหล่งเรยี นรู้ตน้ แบบ Co – Learning Space 2. เพื่อส่งเสริมนิสยั รักการอ่าน ผ่านกิจกรรมอย่างเปน็ รูปธรรม 3. เพื่อปรับปรุงบรรยากาศและภูมิทัศน์ทั้งภายในและภายนอกห้องสมุดให้น่าใช้บริการ เอื้อต่อการอ่านและ การเรยี นรู้ 5. เป้าหมาย เชงิ ปรมิ าณ ๑. หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน จำนวน 1 แห่ง ๒. นกั เรยี น นกั ศึกษา และประชาชนทั่วไป จำนวน 630 คน เชงิ คุณภาพ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ที่มีระบบการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มี ชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดยให้บริการการศึกษาค้นแก่นกั ศึกษาการศึกษานอกโรงเรยี นและ ผู้รบั บริการหอ้ งสมุด ทำให้เกดิ สงั คมแห่งการเรียนรู้ และนกั ศึกษา กศน. ผ้รู บั บริการหอ้ งสมุด สามารถนำความรู้ท่ี ไดไ้ ปใช้ในการดำเนินชวี ิตไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
6. วธิ ีดำเนินการ กิจกรรมหลกั วัตถปุ ระสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ก 1. ขัน้ เตรียมการ ช เพื่อจัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการ ครูและบุคลากร ว 2. ประชุมกรรมการ ดำเนนิ งาน ศึกษา กศน. อำเภอชนแดน ช 3. จดั เตรยี มเอกสาร ข วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ชแี้ จงทำความเขา้ ใจรายละเอยี ด จำนวน 21 คน จ ดำเนินโครงการ โครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนนิ การ เพ่อื อนมุ ัติ - แตง่ ตั้งกรรมการดำเนินงานตาม โครงการ เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจกบั กรรมการ ครูและบุคลากร ดำเนินงานทกุ ฝ่ายในการจดั กิจกรรม กศน. อำเภอชนแดน โครงการและการดำเนนิ งาน จำนวน 21 คน เพ่ือดำเนินการจดั ทำ จดั ซ้อื วัสดุอุปกรณ์ กรรมการฝ่ายที่ได้รบั ทใ่ี ช้ในการดำเนนิ การ มอบหมาย
6 กลมุ่ เปา้ หมาย พื้นทดี่ ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ต.ค.64 - กศน. อำเภอ ชี้แจงทำความเขา้ ใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถปุ ระสงค์ของการจัดโครงการ ชแี้ จงวัตถปุ ระสงค์ บทบาทหน้าท่ี กศน. อำเภอ ต.ค.64 - ของกรรมการดำเนนิ งานโครงการ ชนแดน ต.ค.64 2,290 จดั ซ้ือวัสดุอปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ บาท ชนแดน
กจิ กรรมหลกั วัตถุประสงค์ ก 4. ดำเนนิ การจดั กลมุ่ เปา้ หมาย กจิ กรรม เพ่อื ดำเนนิ การปรบั ปรุงภูมิทัศน์หอ้ งสมดุ 1.หอ้ งสมดุ ประชาชน ห 5. สรปุ /ประเมนิ ผล และรายงานผล ใหเ้ ป็นCo-Learning Space แหล่งเรยี นรู้ อำเภอชนแดน ได โครงการ ของคนในชุมชน จำนวน 1 แห่ง เป 1. กิจกรรมรกั การอ่านผ่านส่ือออนไลน์ 2. นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ข 2. กจิ กรรมภาษาจีนวันละนิด และประชาชนทว่ั ไป ช 3. กจิ กรรมสบื สานวัฒนธรรมประเพณี จำนวน 630 คน ต ลอยกระทง 4. กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นและการเรยี นรู้ สำหรับนักศกึ ษา กศน. 5.กิจกรรมปรศิ นาสุภาษติ ไทย เพอื่ ให้กรรมการฝ่ายประเมินผลเกบ็ ตามกระบวนการ ส รวบรวมข้อมูลและดำเนินการประเมินผล ประเมินโครงการ ต การจัดกจิ กรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
7 กลุ่มเปา้ หมาย พ้ืนท่ีดำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เปา้ หมาย (เชิงคณุ ภาพ) ห้องสมุดประชาชน ต.ค.64 ถึง - ห้องสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน อำเภอชนแดน มี.ค.65 ด้รับการปรบั ปรุงภูมทิ ัศน์ห้องสมดุ ให้ ป็นCo-Learning Space แหล่งเรยี นรู้ ของคนในชุมชน เปน็ แหล่งเรียนร้ตู ลอด ชีวิต พรอ้ มให้บรกิ ารแก่กลุม่ เป้าหมาย ต่างๆ สรปุ รายงานผลการดำเนนิ งาน กศน. อำเภอ ม.ี ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
8 7. วงเงินงบประมาณ แผนงาน : พื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ผลผลิตที่ 5 ผู้รับบริการ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั กิจกรรมจดั การศึกษาตามอัธยาศยั งบดำเนนิ งาน ค่าบรหิ าร/ล่วงเวลา (ตงั้ แต่เดือนตุลาคม 2564 - มีนาคม 2565) รหัสงบประมาณ 36005 จำนวน 2,290 บาท (สองพันสองร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) รายละเอยี ดดังนคี้ ือ คา่ วัสดุ เปน็ เงิน 2,290 บาท รวมเปน็ เงิน 2,290 บาท 8. แผนการใชจ้ ่ายงบประมาณ แผนการใชจ้ ่ายรายไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสท่ี 4 2,290 - - - 9. ผู้รับผดิ ชอบโครงการ ตำแหนง่ : บรรณารักษช์ ำนาญการ ช่ือ - สกุล : นางวารี ชูบัว เบอร์โทรศัพทม์ ือถือ : 056 – 761667 เบอรโ์ ทรศัพทท์ ่ีทำงาน : 056 – 761667 อีเมลล์ : [email protected] ผรู้ ่วมดำเนินการ นางสมบัติ มาเนตร์ ตำแหน่ง ครูอาสาสมคั รฯ นางสาวลาวัณย์ สิทธิกรววยแกว้ ตำแหน่ง ครอู าสาสมัครฯ นางลาวนิ สเี หลอื ง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภูยาธร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวนภารัตน์ สีสะอาด ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ ันธ์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวพชั ราภรณ์ นริศชาติ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสรุ ตั น์ จันทะไพร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล นางสาวณัฐชา ทาแน่น ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล นางสาวอษุ า ยง่ิ สุก ตำแหน่ง ครูประจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปญั ญา ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน
9 นายปณั ณวัฒน์ สขุ มา ตำแหน่ง ครูประจำศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชุมชน นายศิวณชั ญ์ อศั วสมั ฤทธ์ิ ตำแหน่ง ครูประจำศูนยก์ ารเรียนชมุ ชน นางสาวเยาวดี โสดา ตำแหน่ง นักจัดการงานท่ัวไป 10. เครือขา่ ย 10.1 นกั ศึกษา กศน.อำเภอชนแดน 10.2 บ้านหนังสอื ชุมชน 11.โครงการทเี่ กี่ยวขอ้ ง 11.1 โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย 11.2 โครงการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน 11.3 โครงการประชาสมั พนั ธง์ าน กศน. 11.4 โครงการส่งเสรมิ และพฒั นาประสทิ ธิภาพการทำงานรว่ มกับเครือขา่ ย 11.5 โครงการประกันคุณภาพสถานศึกษา 12. ผลลัพธ์ 12.1 เปน็ แหล่งเรยี นรตู้ ้นแบบ Co – Learning Space 12.2 ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน ส่งเสรมิ การจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในห้องสมุด 12.3 หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดน เป็นแหล่งเรียนร้ทู สี่ ำคัญของชุมชน ปรับปรงุ บรรยากาศภูมิทัศน์ท้ัง ภายในและภายนอกหอ้ งสมดุ ใหน้ ่าใชบ้ รกิ าร เออื้ ต่อการอ่านและการเรียนรู้ 13. ดชั นวี ดั ผลสำเรจ็ ของโครงการ 13.1 ตัวชวี้ ัดผลผลติ (output) หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จำนวน 1 แห่ง เปน็ แหล่งเรยี นร้ใู นชุมชน ที่มีระบบการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดยให้บริการ การศึกษาค้นแก่นักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียนและประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ และนักศึกษา กศน. รวมท้ังประชาชนทัว่ ไป สามารถนำความร้ทู ่ไี ดไ้ ปใช้ในการดำเนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข 13.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (outcome) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กิจกรรม 14. การติดตามผลและประเมินผลโครงการ 14.1 แบบประเมินความพงึ พอใจผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม / โครงการ 14.2 สรปุ /รายงานผลการจัดกิจกรรม
10 บทที่ 2 เอกสารท่เี กย่ี วขอ้ ง การตกแต่งสถานที่ มีคำท่ีถูกนำมาใช้กันหลายอย่าง เช่นการจัดสวน : Gardening การจัดภูมิ ทัศน์ : Landscaping การจัดสวนจะเป็นคำท่ีใช้เรียกกันทั่วไป เข้าใจได้ง่ายกว่าการจัดภูมิทัศน์ซึ่งเป็นคำท่ี เรียกใช้กันมากขึ้นในปัจจุบันคำว่า Landscape หมายถึงภูมิประเทศ (ทางกายภาพ) หรือภาพภูมิประเทศซึ่ง ไม่มีการปรุงแต่ง Landscaping หมายถึงการจัดภูมิทัศน์อาศัยการปรุงแต่งจากธรรมชาติท่ีมีอยู่เดิม รวมท้ัง เพ่ิมเติมบางส่ิงบางอย่างเข้าไป Gardening หมายถึง การจัดสวนคล้ายกับการจัดภูมิทัศน์ เพียงแต่มีขอบเขต หรือพื้นท่แี คบกวา่ เช่น การจัดสวนหย่อม การจัดสวนหลังบา้ น เป็นตน้ เหตุผลในการจัดภูมิทศั น์หรอื จัดสวน ปัจจุบันมนุษย์ห่างจากธรรมชาติมากข้ึน สภาพแวดล้อมต่างๆ เริ่มเปล่ียนแปลง ทรัพยากรธรรมชาติ เริ่มขาดแคลนและมีการแก่งแย่งกันใช้ ในเมืองใหญ่ ๆ มีการสร้างอาคารสูงขึ้นสภาพป่าท่ีเคยสมบูรณ์ถูก ปรับเปลี่ยนเป็นสนามกอล์ฟ ทำรีสอร์ท จนทำให้ระบบนิเวศน์เปล่ียนแปลงไป ท้ัง ๆ ท่ีองค์ประกอบหลักของ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมจะต้องคำนึงถงึ องค์ประกอบ 3 ประการคือ อาคาร-สวนและธรรมชาติ การ จัดวางผังอาคารต่าง ๆ นอกจากจะให้สัมพันธ์กับทิศทางลม และทางโคจรของดวงอาทิตย์แล้วยังต้องคำนึงถึง สภาพแวดลอ้ ม ไมท่ ำลายธรรมชาติจนเสยี สมดลุ เม่อื อาคารมีความสัมพนั ธ์กับธรรมชาติรอบข้างแลว้ วงจรของ ระบบนิเวศน์จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทุกองค์ประกอบจะเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทุกชีวิตที่อยู่รว่ มกันก็ จะมคี วามสขุ การพัฒนามนุษย์ให้มีคุณภาพตามความต้องการของสังคมน้ัน จะต้องพัฒนาท้ังร่างกาย สมองและ จติ ใจ การท่ีจะให้มนษุ ยม์ รี ่างกายแขง็ แรงมสี ุขภาพพลานามัยสมบรู ณ์น้ัน จำเป็นจะต้องบริโภคอาหารท่ีเป็น ประโยชน์ในอัตราที่เหมาะสม รวมทั้งมีการออกกำลังกายท่ีถูกต้อง ส่วนการพัฒนาด้านสมอง จำเป็นจะต้อง ให้การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาอย่างมีระบบ หรือการศึกษานอกระบบก็ตาม การศึกษาจะก่อให้เกิดการ อา่ นออกเขียนได้และมีการเรียนรตู้ ่าง ๆ มีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในทางท่ีดีขน้ึ หากขบวนการพัฒนาเป็นไป อย่างถูกต้อง ส่วนการพัฒนาจิตใจนั้น มนุษย์ทุกคนมีความปรารถนาที่จะมีความสุข ความสุขท่ีเกิดข้ึนเกิดได้ จากความพึงพอใจในความสำเร็จพึงพอใจในความสวยงาม ในอดีตที่ผ่านมาโลกอุดมไปด้วยธรรมชาติท่ีสวยสด งดงามมีพืชพรรณนานาชนิด องค์ประกอบต่าง ๆ ทางธรรมชาติ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขทางใจ เม่ือจำนวน ประชากรของโลกเพิ่มมากขึ้น สภาพความสวยงามตามธรรมชาติบางส่วนถูกทำลายไป ผลกระทบที่เกิดกับ มนุษย์คือ จิตใจและอารมณ์ สภาพจิตจะว้าวุ่น ขาดความสุขุมเยือกเย็น ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสัมคมใน ปจั จบุ ัน ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มในปัจจุบันถูกนำมากลา่ วถึงกนั มากขึน้ การอนรุ กั ษ์รัพยากรธรรมชาติเพ่ือให้คนรุ่น หลังได้ใช้ประโยชน์ถูกนำมาถือปฏิบัติ มีการตราพระราชบัญญัติจัดต้ังอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน มีการ ปรับปรุงและรักษาสภาพที่งดงามให้คงไว้ รวมท้ังรวบรวมรักษาพืชพรรณต่าง ๆ เพ่ือการศึกษา เช่นการทำ สวนพฤกษศาสตร์ (Botanical Garden) มีการสรา้ งสวนสาธารณะ (City Park) สวนรมิ ทางหลวง
11 (Road Side Park) และท่ีพักริมทาง (Rest Area) จนกระท่ังมีการดึงเอาธรรมชาติเข้ามาใกล้ตัวมากข้ึน จึง ทำให้เกดิ การจดั สวน หรอื การจัดภมู ทิ ัศนข์ ึน้ ในปจั จบุ ัน วัตถุประสงค์ของการจัดภมู ิทัศนห์ รอื จดั สวน การจัดสวนในบริเวณบ้านมีจุดมุ่งหมายท่ีสำคัญคือตกแต่งบริเวณบ้านให้สวยงามน่าอยู่ ทำให้เกิด ความสุขสดชื่นท้งั กายและใจแกเ่ จ้าของบา้ นและผู้อยอู่ าศัย รวมถงึ เปน็ ทส่ี ขุ ตาสุขใจแกผ่ ้อู ่ืนท่ีได้พบเหน็ สว่ นการจัดสวนหรือจดั ภมู ทิ ัศน์โดยท่ัว ๆ ไปแล้ว จะจัดเพ่อื ความสวยงามและอำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชน เช่น การจัดทำสวนสาธารณะ การจัดสวนดังกล่าวจะสนองตอบหรือเกี่ยวข้องกับกิจกรรม ของผู้ท่ีมาใช้ นอกจากความสวยงามแล้วจะต้องจัดองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ทางเดิน ศาลาพัก ลานจอดรถ ท่ีออกกำลังกาย เหล่านี้เปน็ ตน้ ประโยชน์และคุณคา่ ทีไ่ ดร้ บั จากการจดั สวน 1. ทำใหพ้ ้ืนทม่ี ขี อบเขต มีความปลอดภยั เพม่ิ ความสวยงาม เพ่มิ คุณคา่ ให้แกอ่ าคารบา้ นเรือน 2. ลดเสยี งรบกวนจากภายนอก จากถนน เพราะต้นไม้ทป่ี ลูกไวส้ ามารถ กรองเสยี งได้ 3. ทำให้บริเวณพ้ืนที่สะอาด ได้รับอากาศบริสุทธิ์ เพราะพรรณไม้จะช่วยกรองฝุ่นละอองในอากาศให้ ความร่มเย็นแกพ่ ื้นท่นี ัน้ 4. ทำใหม้ พี ืน้ ทเ่ี ฉพาะเปน็ สัดส่วน มมี ุมสงบส่วนตัว 5. ทำให้สามารถปิดบังสภาพท่ีไม่เหมาะ ซึ่งไม่ต้องการให้เห็นเด่นชัด การปลูกพรรณไม้จะช่วยปิดบัง สภาพไม่นา่ ดไู ด้ 6. เพื่อความสุข ความสะดวก ของครอบครัวในการพักอาศัย และใช้บ้านให้เป็นประโยชน์มากขึ้น เช่น มีการจัดสถานที่ออกกำลงั กาย ทำสนามเด็กเล่น สระวา่ ยนำ้ ทำแปลงไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ผล รวมท้ังการ ปลกู ผักสวนครัวไว้ใชบ้ ริโภค ทำให้มีโอกาสใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลถึงเศรษฐกิจในครอบครัว เพราะมี ผลิตผลภายในบ้านไวใ้ ช้เอง 7. ทำให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีข้ึน เพราะได้ออกกำลังกาย ได้พบความพึงพอใจในความสำเร็จ และความสวยงามที่ตนเองได้ทำขึ้น พร้อมทั้งเกดิ ความใกลช้ ดิ ภายในครอบครวั รวมท้ังฝึกเด็ก ๆ ใหร้ ู้จกั ทำงาน และเรยี นรู้ธรรมชาติวิทยาไปดว้ ย 8. การจัดสวนสาธารณะและท่ีพักผ่อนหย่อนใจต่าง ๆ จะช่วยให้ประชากรในบริเวณนั้น ๆ ได้ พักผ่อน คลายความเครียดและความกังวลต่าง ๆ ให้ได้กลับสู่ธรรมชาติมากข้ึน ช่วยให้ประชากรมีสุขภาพกาย สขุ ภาพจิตดี ส่งผลให้อยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ สถานทท่ี ี่ควรจัดสวน
12 1. บริเวณบ้านท่ีอยู่อาศยั บ้านเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต ทุกคนต้องการมีบ้านเป็น ของตนเอง บ้านจะเป็นบ้านได้ก็เพราะสมาชิกภายในครอบครัวมีความเคารพในธรรมชาติของกันและกัน ขณะเดียวกันบ้านจะนา่ อยู่ อยสู่ บายกต็ ่อเม่ือมกี ารวางแผนท่ีดี มสี ภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม มีธรรมชาติท่สี วย สดงดงาม ดังนั้นการจัดสวนบริเวณบ้าน นอกจากจะทำให้บ้านน่าอยู่ดูสวยงามแล้ว ยังได้ใช้ประโยชน์จาก พืชพรรณตา่ ง ๆ ท่ปี ลกู ไวอ้ กี ดว้ ย 2. บริเวณอาคารสถานท่ีราชการ โดยเฉพาะเทศบาลเมือง ถือเป็นหน้าที่ท่ีจะต้องวางแผนตกแต่ง เมอื งใหน้ ่าดู ร่มรน่ื มรี ะเบียบเปน็ สงา่ ราศรีแก่ทอ้ งถิน่ นนั้ 3. บริเวณสิ่งก่อสร้างสาธารณะสถาน ได้แก่ โรงพยาบาล สถานศึกษา สถานท่ีทางศาสนา สถานี รถไฟ เป็นต้น อาคารสิ่งก่อสร้างดังกล่าว หากมีการตกแต่งอย่างถูกต้องแล้วจะทำให้ผู้ใช้สถานท่ีน้ัน ๆ มี ความสุข เช่น โรงพยาบาล การปลกู ไมด้ อกประดับตกแต่ง จะช่วยให้ผู้ป่วยมจี ิตใจที่ดขี ึ้น สดช่ืน สถานท่ีศึกษา การจัดสวนนอกจากจะช่วยให้เกิดความสวยงามร่มร่ืนแล้ว อาจจะใช้พรรณไม้ต่าง ๆ เป็นวัสดุอุปกรณ์ในการ เรยี นได้ สถานรี ถไฟกเ็ ช่นกัน การตกแต่งด้วยไมด้ อกไม้ประดับจะช่วยให้ผโู้ ดยสารได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลีย่ น ทิวทศั นจ์ ากปา่ เขา ทงุ่ นามาเป็นภาพอืน่ บา้ ง 4. บรเิ วณรมิ ถนนหรือบาทวิถี จะช่วยใหค้ วามร่มรื่นแก่ผู้สญั จรไปมา โดยเฉพาะที่พกั ริมทาง ซ่งึ เป็น ท่ีพักรถในการเดินทางไกลจะช่วยให้ผู้ใช้ถนนได้ผ่อนคลายอิริยาบทหลังจากน่ังอยใู่ นยานพาหนะเป็นเวลานาน สบายตา เพ่อื จะไดเ้ ดินทางต่อไปอย่างมีความสขุ 5. บริเวณที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นสิ่งจำเป็นอยา่ งยิ่งในการให้บริการแก่ประชาชนท่ีไม่สามารถมีสวน ไม้ดอกไม้ประดับด้วยตนเองได้ ก็จะได้ใช้สถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นที่พักผ่อนออกกำลังกาย สวนสาธารณะ หรอื อุทยานต่าง ๆ ที่ถกู จัดตกแต่งใหน้ า่ ดนู ั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงออกของจิตใจและวัฒนธรรมของคนในทอ้ งถ่ิน นนั้ ๆ ด้วย ในเชิงของการพัฒนาโครงการ \"งานภูมิทัศน์\" หมายถึงพื้นที่ภายนอกอาคารที่มีการปรับแต่งพ้ืนท่ีให้มี ประโยชน์ใช้สอยท่ีมีประสิทธิภาพ มีความร่มรื่นสวยงามและมีเอกลักษณ์ รวมท้ังการมีองค์ประกอบพ้ืนฐาน เช่น ระบบการให้แสงสว่าง ระบบให้น้ำต้นไม้ ระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบอำนวยความ สะดวก เช่น มา้ นั่ง ถังขยะ ปา้ ย ตลอดจนสง่ิ ประเทอื งใจ เช่น น้ำพุ น้ำตก หรือประติมากรรม งานภูมิทัศน์มีท้ังขนาดเล็กที่ไม่ซับซ้อนท่ีเรียกว่า สวนประดับ หรือ สวนหย่อม ไปจนถึงงานซับซ้อนและมี ขนาดใหญ่ เช่น สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมือง งานภูมิทัศน์โรงแรมพักผ่อนหรูขนาดใหญ่ งานผังบริเวณ โครงการขนาดใหญ่ งานลานเมอื งและสถานท่ีสำคัญอื่นๆ ในเชิงการออกแบบและก่อสร้าง “งานภูมิทัศน์” หมายถึงชุดงานที่แยกออกจากงานอาคารและงาน ภายในเพ่ือความสะดวกในการประมูลและก่อสร้างเน่ืองจากผู้รับเหมาก่อสร้างภูมิทัศน์มีความ ชำนาญและมี ลกั ษณะการทำงานทีแ่ ตกตา่ งจากผู้รับเหมางานอาคารและงานภายใน
13 ปกติงานภูมิทัศน์จะแยกแบบออกเป็นสองชุดแต่สัมพันธ์กัน ได้แก่งาน ภูมิทัศน์แข็ง (Hardscape) ได้แก่ สว่ นของงานทเี่ ป็นองค์ประกอบแขง็ เช่น ผิวพืน้ โครงสรา้ งและงานระบบตา่ งๆ และ \"งานภูมทิ ัศน์นมุ่ \" ได้แกส่ ่วน ของงานท่เี ป็นงานดนิ งานปลูก โดยการประชาสัมพนั ธม์ ีคำจำกดั ความ 3 ประการด้วยกนั ไดแ้ ก่ 1. เผยแพรช่ ้แี จงให้ประชาชนทราบ 2. ชักชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วม และเหน็ ด้วยกบั วัตถุประสงคแ์ ละวธิ ีการดำเนินงานของสถาบนั 3. ประสานความคิดของกลุ่มประชาชนท่เี กี่ยวข้องใหส้ อดคลอ้ งกบั จุดมุ่งหมายและวิธกี ารดำเนินงานของ สถาบัน วตั ถปุ ระสงค์ในการประชาสัมพันธ์ 1. เพอ่ื เผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารไปสู่ผใู้ ช้บริการ 2. เพื่อชแี้ จงข้อมูลขา่ วสารขอ้ เท็จจรงิ 3. เพอื่ ให้ความรู้ สร้างความเขา้ ใจทถี่ กู ต้องให้เกดิ กับหน่วยงาน 4. เพือ่ ป้องกนั การเขา้ ใจผิด หรอื เกิดการขัดแยง้ ตามมา 5. เพอ่ื ให้ผ้ใู ช้บรกิ ารมที ศั นคติทด่ี ีต่อหน่วยงาน 6. เพอื่ สรา้ งภาพลกั ษณ์ท่ีดีใหแ้ ก่ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และบคุ ลากรทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 7. เพื่อสร้างและรักษาช่อื เสยี ง เกียรติคุณให้คงอยู่ตลอดไป 8. เพอ่ื กระตุ้น และเรยี กรอ้ งความสนใจจากกลุ่มบคุ คล 9. เพอ่ื ใหผ้ ู้ใชบ้ รกิ ารยอมรับการดำเนนิ งานของหนว่ ยงาน 10. เพื่อตรวจสอบประชามติ ค้นหาข้อบกพรอ่ งและความตอ้ งการของประชาชน 11. เพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดี ความเป็นมิตรระหว่างหน่วยงานกับบุคลากร และประชาชน ทง้ั ภายในและภายนอก 12. เพื่อให้การดำเนินงานของหนว่ ยงานเป็นไปดว้ ยความราบรืน่ เรยี บรอ้ ย และบรรลุเป้าหมาย 13. เพื่อแสวงหาความร่วมมอื และสนับสนุนจากผ้ใู ช้บรกิ ารหรือบุคคลท่ีเกยี่ วขอ้ ง ตัวอย่างองค์กรท่ีมีการนำการประชาสัมพันธ์มาใช้ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีการนำนโยบายการ ประชาสัมพันธ์องค์กร โดยใช้ส่ือประชาสัมพันธ์ประเภทสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ได้กำหนดให้ องคก์ รมีตัวตนในสงั คมออนไลน์ทกุ ช่องทาง ไมว่ า่ จะเปน็ Facebook Twitter หรอื YouTube เปน็ ต้น
14 ห้องสมุดและการประชาสัมพนั ธ์ การประชาสัมพันธ์ของห้องสมุดเป็นกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและบริการห้องสมุดเพื่อให้ ผู้ใช้รับทราบและเห็นประโยชน์ในการใช้ห้องสมุด ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจและเพิ่มความนิยมการเข้าใช้ หอ้ งสมดุ แต่เดิมนั้นห้องสมุดจะมงุ่ เน้นการประชาสัมพนั ธ์ในรปู แบบการพดู แบบปากต่อปากเพียงอย่างเดียวใน ขณะท่ปี จั จบุ นั ไดม้ ีใช้หลักการตลาดแบบ Marketing Mix แบบ 7Ps มาประกอบด้วย ดังน้ันการนำการตลาดมาใช้เป็นส่วนผสมในการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ห้องสมุดเพ่ือให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูล ข่าวสารที่ห้องสมุดต้องการนำเสนออย่างถูกต้อง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีของห้องสมุด และเพื่อให้การ ดำเนินงานของหน่วยงานเป็นไปอย่างราบร่ืน โดยนอกจากน้ีในส่วนของการส่งเสริมการตลาด (Promotion) ยังมหี ลกั ทเี่ รยี กวา่ สว่ นผสมการสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Mix) ประกอบด้วย 1. การโฆษณา คือ การเสนอขายสินคา้ บรกิ าร หรอื ความคดิ โดยการใช้สื่อ 2. การประชาสัมพันธ์ เป็นการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างทัศนคติ ความน่าเชื่อถือ และสร้างภาพลักษณ์ท่ีดี ให้เกดิ แก่องคก์ รกบั กลุ่มต่าง ๆ 3. การขายโดยบุคคล คือ การขายโดยใชพ้ นกั งานทำหน้าที่เสนอขายผลิตภัณฑ์ไปยังลกู ค้าเป้าหมาย โดย หวังว่าจะเปล่ียนแปลงสถานภาพของผู้ทคี่ าดหวังให้เป็นลกู คา้ 4. การส่งเสริมการขาย คือ การจูงใจท่ีเสนอคุณค่าพิเศษ หรือการจูงใจผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภค โดยมี วัตถุประสงค์เพ่ือการสร้างยอดขายในทันที การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ พนกั งานขาย 5. การตลาดทางตรง หมายถึง การทำการตลาดไปสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรง โดยอาศัยส่ือใดส่ือหน่ึงท่ี สามารถเขา้ ถึงผ้บู รโิ ภค หรือกลุม่ เปา้ หมาย
15 วตั ถปุ ระสงค์ในการประชาสมั พันธห์ อ้ งสมุด เพื่องสร้างความนิยม เช่ือถือ แก่ห้องสมุด ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับห้องสมุด สามารถแก้ไขทัศนคติที่ผิดๆต่อห้องสมุดและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในระยาว อีกท้ังเพื่อแจ้งข่าวสารให้แก่ ประชาชนได้ทราบถึง นโยบาย วัตถุประสงค์ และงานบริการต่างๆของห้องสมุด เพื่อให้ได้รับการสนับสนุน ทางด้านการเงิน หรือ แนวคิดอันจะนำมาปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการ และเพ่ือให้ประชาชนตระหนักถึง ความสำคัญของหอ้ งสมดุ สง่ เสริมการใชบ้ ริการของหอ้ งสมดุ อีกดว้ ย กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจที่จะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งมั่นที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ท้ังน้ี การอ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหนงึ่ ในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของ คนเราได้เป็นอย่างดีย่ิง เม่ือคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความเพลิดเพลิน การท่ีเด็กจะเกิดทักษะการอ่านหนังสือได้นั้นจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคล หลายฝ่าย ท้งั ครอบครัว โรงเรยี นและชุมชน ในการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นใหแ้ กเ่ ด็ก
16 กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่านคอื การกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ เพ่ือให้ผู้อ่านสนใจการอ่านจนกระท่ังมนี ิสัย รักการอ่าน และได้พัฒนาการอ่านจนกระทั่งมีความสามารถในการอ่าน นำประโยชน์จาการอ่านไปใช้ได้ตรง ตามวัตถปุ ระสงค์ของการอ่านทกุ ประเภท (ฉวีวรรณ คหู าภินนั ทน์, 2542 : 93) กรมวิชาการ (อ้างถึงใน ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์, 2542 : 93) ให้ความหมายว่า กิจกรรมส่งเสริมการ อ่านคอื การกระทำเพ่อื 1. เร้าใจบุคคลหรือบุคคลที่เป็นเป้าหมายใหเ้ กดิ ความอยากรู้ อยากอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือท่ีมี คณุ ภาพ 2. เพื่อแนะนำชักชวนให้เกิดความพยายามที่จะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความรู้จากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกิดความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ดขี ึ้น 3. เพื่อกระตุ้น แนะนำให้อยากรู้ อยากอ่านหนังสือหลายอย่าง เปิดความคิดให้กว้าง ให้มีการอ่าน ต่อเน่อื งจนเปน็ นสิ ัย พัฒนาการอ่านจนถงึ ขนั้ ทส่ี ามารถวเิ คราะหเ์ ร่ืองที่อา่ นได้ 4. เพ่ือสรา้ งบรรยากาศท่ีจูงใจใหอ้ ่าน ดังน้ัน สามารถกล่าวได้ว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึงกิจกรรมต่างๆที่ห้องสมุดจัด ขึ้นเพื่อ ส่งเสริมให้เกิดการอ่านอย่างต่อเนื่องจนกระท่ังเป็นนิสัยรักการอ่าน เช่น การเล่านิทาน การเชิดหุ่น การแสดง ล ะ ค ร ก า ร แ น ะ น ำ ห นั ง สื อ ที่ น่ า ส น ใ จ เ ป็ น ต้ น ลักษณะของกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านท่ดี ี 1. เรา้ ความสนใจ เชน่ การจัดนิทรรศการที่ดึงดูความสนใจ การตอบปัญหา มีรางวัลต่างๆ การใชส้ ื่อ เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาชว่ ย 2. จูงใจให้อยากอ่านและกระตุ้นให้อยากอ่าน เช่น ข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจ หรือหัวข้อเร่ืองที่เป็นที่ สนใจ เช่น การวจิ ัย การเตรยี มตัวสอบ การสมัครงาน เปน็ ต้น 3. ไมใ่ ชเ้ วลานาน ความยากงา่ ยของกิจกรรมเหมาะสมกบั เพศ ระดับอายุ การศึกษา 4. เปน็ กิจกรรมท่ีมุง่ ไปสูห่ นังสอื วัสดุการอ่าน โดยการนำหนงั สอื หรือวัสดกุ ารอา่ นมาแสดงทกุ ครง้ั 5. ใหค้ วามสนุกสนานเพลดิ เพลนิ แฝงการเรียนรู้ตามอัธยาศยั จากการร่วมกจิ กรรมดว้ ย ความหมายและความสำคัญของหอ้ งสมุด ห้องสมุดประชาชน หมายถึง หอ้ งสมุดที่ตั้งขึน้ เพอ่ื ให้บริการแกป่ ระชาชน โดยไมจ่ ำกดั เพศ วยั เช้ือชาติ ศาสนา และพื้นความรู้ ให้บริการสารสนเทศครบทุกหมวดวิชา และอาจมีการบริการบางเรื่องเป็น พเิ ศษตามความต้องการของท้องถิ่น และจะจดั ให้บรกิ ารแก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า บทบาทหนา้ ทขี่ องห้องสมดุ ประชาชน มี 3 ประเภท คือ
17 1. หน้าที่ทางการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเป็นแหล่งให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าที่ให้ การศึกษาแก่ประชาชนท่ัวไป ทุกระดับการศกึ ษา 2. หน้าทท่ี างวัฒนธรรม หอ้ งสมุดปะชาชนเป็นแหล่งสะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ทถ่ี า่ ยทอดเป็น วัฒนธรรมท้องถนิ่ ที่ห้องสมดุ ตั้งอยู่ 3. หน้าท่ีทางสังคม ห้องสมุดประชาชนเป็นสถาบันทางสังคมไดร้ ับเงินอดุ หนุนจากรฐั บาลและท้องถ่ิน มาดำเนนิ กิจการ จงึ มหี นา้ ที่ แสวงหาข่าวสารข้อมลู ท่ีมปี ระโยชน์มาบรกิ ารประชาชน ห้องสมุดประชาชนในประเทศไทยมีหนว่ ยงานตา่ งๆรับผดิ ชอบ ดังน้ี 1. ห้องสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยังได้จัดท่ีอ่านหนังสือประจำ หมูบ่ ้าน ทอ่ี ่านหนงั สือในวัด และห้องสมุดเคล่อื นที่ 2. ห้องสมุดประชาชน สังกัดกรุงเทพมหานคร มีท้ังหมด 12 แห่ง ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวน ลุมพินี ห้องสมุดประชาชนซอยพระนาง ห้องสมุดประชาชนปทุมวัน ห้องสมุดประชาชนอนงคาราม ห้องสมุด ประชาชนวัดสังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมุดประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมุดประชาชนวัด รัชฎาธิษฐานวรวิหารตลิ่งชัน ห้องสมุดประชาชนประเวช ห้องสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุด ประชาชนภาษีเจรญิ หอ้ งสมดุ ประชาชนวัดราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เป็นห้องสมุดท่ีธนาคารพาณิชย์เปิดข้ึนเพื่อบริการสังคม และเพื่อประชาสัมพันธ์กิจการของธนาคารให้เป็นท่ีรู้จักแพร่หลาย เช่น ห้องสมุดประชาชนของธนาคาร กรงุ เทพจำกดั 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศ เช่น ห้องสมุดบรติ ิชเคาน์ซิล ของรฐั บาลสหราชอาณาจกั ร ท่ตี ั้งอยบู่ ริเวณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมุดประชาชนเสียค่าบำรุง ห้องสมดุ ประชาชนประเภทนี้ให้บริการเฉพาะสมาชกิ เท่าน้ัน โดยผู้ ที่เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงตามระเบียบของห้องสมุด ได้แก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ตั้งอยู่ท่ีถนนสุริวงศ์ กรุงเทพมหานคร บทบาทและความสำคัญของหอ้ งสมสุดตอ่ สังคมในด้านต่าง ๆ 1. เปน็ สถานท่เี พือ่ สงวนรกั ษาและถ่ายทอดวัฒนธรรม ห้องสมุดเป็นแหลง่ สะสมววิ ัฒนาการของมนษุ ย์ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่มีแหล่งค้นคว้าประเภทห้องสมุดเป็นศูนย์กลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสูญหาย หรือกระจดั กระจายไปตามทีต่ า่ งๆ ยากแกค่ นร่นุ หลังจะติดตาม 2. เป็นสถานที่เพ่ือการศึกษา ค้นคว้าวิจยั ห้องสมุดทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกรูปแบบ ทั้ง ในและนอกระบบการศึกษา เร่มิ จากการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานถงึ ระดับสูง
18 3. เป็นสถานที่สร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์และความจรรโลงใจ ห้องสมุดมีหน้าที่รวบรวมและ เลอื กสรรทรัพยากร สารสนเทศ เพ่อื บริการแกผ่ ู้ใช้ ซ่ึงเป็นสิง่ ท่ีมีคุณค่าผใู้ ช้ได้ความคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลง ใจนานาประการ เกิดประโยชน์แกต่ นเองและสังคมต่อไป 4. เป็นสถานทีป่ ลกู ฝังนิสัยรกั การอ่านและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ห้องสมุดจะช่วยให้บุคคลสนใจในการ อา่ น และรักการอ่านจนเป็นนิสัย 5. เป็นสถานท่ีส่งเสริมการาใช้เวลาว่างในเป็นประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานท่ีรวบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ตามความสนใจและอ่านเพ่ือฆ่าเวลา อ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน หรืออ่านเพ่ือ สาระบนั เทงิ ไดท้ ั้งสิน้ นบั ว่าเป็นการพักผอ่ นอย่างมคี วามหมายและใหป้ ระโยชน์ 6. เป็นสถานท่ีส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ห้องสมุดเป็นสาธารณะสมบัติ มีส่วนส่งเสริมให้บุคคล รู้จักสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง กล่าวคือ เม่ือมีสิทธิในการใช้ก็ย่อมมีสิทธิในการบำรุงรักษาร่วมกันและให้ ความรว่ มมอื กับหอ้ งสมดุ ดว้ ยการปฏบิ ตั ติ ามระเบียบ แบบแผนของห้องสมดุ ความหมายของสอื่ สง่ิ พิมพ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคาท่ีเก่ียวกับ“สื่อส่ิงพิมพ์”ไว้ว่า “สิ่งพิมพ์ หมายถึง สมุด แผ่นกระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ท่ีพิมพ์ข้ึน รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนท่ี แผนผัง แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิ่งอื่นใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน” “ส่ือ หมายถึง ก. ทา การตดิ ตอ่ ให้ถึงกนั ชักนาให้ร้จู กั กัน น. ผหู้ รือสิง่ ทีท่ าการติดต่อใหถ้ ึงกัน หรอื ชกั นาให้ร้จู ักกนั ” “พิมพ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ, ใช้เครื่องจักรกดตัวหนังสือหรือภาพ เป็นต้นให้ติดบนวัตถุ เช่น แผ่นกระดาษ ผ้า ทาให้เป็น ตวั หนังสอื หรือรูปรอยอย่างใด ๆ โดยการกดหรือการใช้พิมพ์หิน เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใด อันอาจให้เกิด เป็นสิ่งพิมพ์ขึ้นหลายสาเนา น. รูป , รูปร่าง, ร่างกาย, แบบ” ดังน้ัน “ส่ือสิ่งพิมพ์” จึงมีความหมายว่า “สิ่งที่ พิมพ์ข้ึน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ อันเกิดเป็นชิ้นงานที่มีลักษณะเหมือน ต้นฉบับขึ้นหลายสาเนาในปริมาณมากเพ่ือเป็นส่ิงที่ทาการติดต่อ หรือชักนาให้บุคคลอื่นได้เห็นหรือทราบ ขอ้ ความตา่ ง ๆ” ส่งิ พิมพเ์ พื่อการศกึ ษา หมายถึง สิ่งท่ีพิมพ์ขึ้นในรปู แบบต่างๆ ท้ังหนังสือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ท่ีให้ความรู้ เน้ือหาสาระท่ีมีประโยชน์ เช่น หนังสือเรียนภาษาไทย ป. 6 หรืออาจเป็นชุดภาพประกอบ การศึกษา เช่น ภาพประกอบการศึกษาชุดอาหารไทย เป็นตน้ และสามารถนามาใช้ในการศึกษาได้
19 ความเป็นมา ส่ิงพิมพ์ถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ีความสำคัญยิ่งควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็น สื่อมวลชนประเภทหนึ่งท่ีมีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และ เพ่ือการติดต่อ ส่ือสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสทิ ธ์ิ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและ ความสาคัญของ ส่ิงพิมพ์ ว่า “สิ่งพิมพ์” นับเป็นวัสดุที่แสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวหน้าทางด้าน สตปิ ญั ญา ของมนุษย์ ความคดิ จนิ ตนาการ เจตคติ ความฝนั ชีวิต วัฒนธรรม สังคม เหตกุ ารณ์ เรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ของมนุษย์แต่ลายุคสมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเร่ืองการพิมพ์น้ี นอกเหนือจาก เพื่อเป็นเครื่องมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตุการณ์ต่างๆ แล้วยังเป็น เครื่องแสดงให้เห็นว่าชนชาติต่าง ๆ ในโลกน้ีล้วนมีความพยายามที่จะพัฒนาความคิดของตนให้เจริญก้าวหน้า ทนั สมัยอยา่ งต่อเน่ือง ความคดิ ในเรอ่ื งการพิมพท์ ี่มีจุดประสงค์เริ่มแรกกค็ งเพอื่ ให้มีการแพร่หลายเร่อื งความคิด ความรู้ ไปสู่ชนรุ่นหลัง และเพื่อให้มีหลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีน้ัน ในยุคปัจจุบันชนรุ่น หลังได้สานต่อความคิดเรื่องการพิมพ์จนกระทั่งกลายเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิต สง่ิ พิมพ์ได้หลากหลายชนิดตอบสนองวัตถุประสงค์ของมนุษยชาติได้กว้างขวางนอกเหนือจากสื่อสิ่งพิมพ์จะเป็น สื่อมวลชนท่ีมีความเก่ียวกันกับมนุษยชาติมานานนับพัน ๆ ปี และมีความเก่าแก่กว่าสื่อมวลชนประเภทอื่นไม่ วา่ จะเป็น วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรืออินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นสื่อประเภทหนึ่งท่ีมีการใช้แพร่หลายไปทั่ว โลกเช่นในปัจจุบันก็ตาม แต่ส่ือสิ่งพิมพ์ก็ยังเป็นสื่อที่มีการใช้อย่างแพร่หลายเป็นท่ีนิยมของทุกชนชาติมิได้ย่ิง หย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นส่ือสิ่งพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือ สิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญท่ีทาให้ส่ือส่ิงพิมพ์ยังเป็นท่ีนิยมแพร่หลายมาโดยตลอด ก็เพราะบุคคล สามารถเลอื กอา่ นได้ตามความเหมาะสม อกี ทง้ั ยังใชเ้ ป็นเอกสารอา้ งองิ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประวัตกิ ารพิมพ์ในประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา ได้เร่ิมแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ข้ึน และหลังจากน้ันหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เร่ิมด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการ พิมพ์ ในเมืองไทย พ.ศ.2382 ได้พิมพ์เอกสารทางราชการเป็นช้ินแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝ่ิน ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรกข้ึน คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างสั้น ออก เดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ได้พิมพห์ นังสือเลม่ ออกจำหน่ายโดยซ้ือลิขสิทธิ์จาก หนังสือนิราศ ลอนดอนของหม่อมราโชทัยและได้เร่ิมต้นการซื้อขาย ลิขสิทธิหน่ายในเมืองไทย หมอบรดั เลย์ได้ถึงแก่กรรมใน เมืองไทยกิจการ การพิมพ์ของไทยจึงเริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากน้ันใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เครื่องพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นครั้งแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเคร่ืองหล่อ เรยี งพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยได้จัดโรงพิมพธ์ นบัตรในเมืองไทย ข้ึนใช้เอง
20 ประเภทของส่อื ส่งิ พมิ พ์เพอื่ การศึกษา สื่อส่ิงพมิ พป์ ระเภทหนังสือ 1. หนังสือตำรา เป็นสื่อที่พิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเน้ือหาวิชาอย่างละเอียด ชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรือภาพเขียนประกอบเพ่ือเพ่ิมความสนใจของผู้เรียน หนังสือตารานี้อาจใช้เป็นสื่อการ เรยี นในวิชานั้นโดยตรงนอกเหนอื จากการบรรยายในชั้นเรยี น หรืออาจใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบหรอื หนังสือ อ่านเพ่ิมเติมก็ได้ การใช้หนังสือในการเรียนการสอนนับว่ามีประโยชน์แก่ผู้เรียนท้ังในด้านการศึกษารายบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้อ่านในเวลาท่ีต้องการ และในด้านเศรษฐกิจเนื่องจากสามารถใช้อ่านได้หลายคนและ เก็บไว้ได้เป็นเวลานาน 2. แบบฝกึ ปฏบิ ัติ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ขึ้นโดยมีเน้ือหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือเป็นการเพิ่มทักษะ หรอื ทดสอบผูเ้ รยี น อาจมีเน้อื หาในรูปแบบคาถามให้เลอื กคาตอบ หรือเป็นตน้ แบบเพ่ือให้ผเู้ รียนฝึกปฏิบตั ิตาม โดยอาจมรี ูปประกอบเพือ่ ใหเ้ ข้าใจได้ง่ายยงิ่ ขึ้น เชน่ แบบคดั ตัวอกั ษร ก ไก่ เป็นตน้ 3. พจนานุกรม เป็นหนังสือท่ีมีเน้ือหาเป็นคาศัพท์และคาอธิบายความหมายของคาศัพท์ แต่ละคานั้น โดยการเรียง ตามลาดับจากอักษรตัวแจกถึงตัวสุดท้ายของภาษาท่ีต้องการจะอธิบาย คาศัพท์และคาอธิบายจะเป็นภาษา เดียวกันหรือต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธิบายเป็นภาษาไทย หรือท้ังคาศัพท์และคา อธิบายตา่ งก็เป็นภาษาองั กฤษ เปน็ ตน้ 4. สารานกุ รม เป็นหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนเพ่ืออธิบายหัวข้อหรือข้อความต่างๆ ตามลาดับของตัวอักษร เพ่ือให้ผู้อ่าน สามารถคน้ คว้าเพ่ือความรูแ้ ละการอ้างอิง โดยมีรปู ภาพ แผนภมู ิ ฯลฯ ประกอบคาอธบิ ายใหช้ ดั เจนย่งิ ขึ้น 5. หนงั สอื ภาพและภาพชดุ ตา่ งๆ เป็นหนังสือที่ประกอบด้วยภาพต่างๆ ท่ีเป็นเร่ืองเดียวกันตลอดทั้งเล่ม ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือภาพท่ี พิมพ์สอดสีสวยงาม เหมาะแก่การเก็บไว้ศึกษาหรือเป็นที่ระลึก เช่น หนังสือภาพชุดพระที่น่ังวิมานเมฆ หรือ หนงั สือภาพชุดทัศนียภาพของประเทศต่างๆ เป็นต้น 6. วิทยานพิ นธแ์ ละรายงานการวจิ ัย เป็นส่ิงพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาจานวนไม่มากนักเพื่อเผยแพร่ไปยังห้องสมุด สถาบันการศึกษาต่างๆ หรือ หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องกับงานวจิ ัยนั้น เพอ่ื ให้ผสู้ นใจใชเ้ ปน็ เอกสารคน้ คว้าขอ้ มลู หรือใช้ในการอ้างองิ 7. สิง่ พิมพย์ อ่ สว่ น (Microforms) หนังสือที่เก่าหรือชารุดหรือหนังสือพิมพ์ท่ีมีอยู่เป็นจานวนมากย่อมไม่เป็นท่ีสะดวกในการเก็บรักษาไว้ จึงจำเป็นต้องหาวิธีเก็บสิ่งพิมพ์เหล่านี้ไว้โดยอาศัยลักษณะการย่อส่วนลงให้เหลือเล็กที่สุดเท่าที่จะทาได้ เพ่ือ ประหยัดเน้ือที่ในการเก็บรักษาและสามารถที่จะนำมาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มวี ิธกี ารต่างๆ โดยอาศัยเน้ือท่ีในการเก็บ รักษาและสามารถทจี่ ะนามาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มีวิธกี ารตา่ งๆ โดยอาศยั เทคโนโลยใี นการทาสิง่ พิมพย์ ่อส่วน ไดแ้ ก่
21 ก. ไมโครฟิล์ม (Microfilm) เป็นการถ่ายหนังสือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟิลม์ ที่มีความกว้างขนาด 16 หรอื 35 มลิ ลิเมตร โดยฟิล์ม 1 เฟรมจะ บรรจุหน้าหนังสือได้ 1-2 หน้าเรียงติดต่อกันไป หนังสอื เล่มหนงึ่ จะสามารถบันทึกลงบนไมโครฟิล์มโดยใช้ความ ยาวของฟิล์มเพียง 2-3 ฟุต ตามปกติจะใช้ฟิล์ม 1 ม้วนต่อหนังสือ 1 เล่ม และบรรจุม้วนฟิล์มลงในกล่องเล็กๆ กลอ่ งละมว้ นเมือ่ จะใช้อา่ นกใ็ ส่ฟิล์มเข้าในเคร่ืองอ่านท่ีมจี อภาพหรือจะอดั สาเนาหน้าใดก็ไดเ้ ชน่ กนั ข. ไมโครฟิช (Microfiche) เป็นแผ่นฟิล์มแข็งขนาด 4 x 6 นิ้ว สามารถบันทึกข้อความจากหนังสือโดยย่อเป็นกรอบเล็กๆ หลายๆ กรอบ แผ่นฟิล์มนี้จะมีเนื้อที่มากพอท่ีจะบรรจุหน้าหนังสือท่ีย่อขนาดแล้วได้หลายร้อยหน้า ตัวอักษรท่ีย่อจะมีสีขาว บนพื้นหน้าหนังสือสีดา สามารถอ่านได้โดยวางแผ่นฟิล์มลงบนเคร่ืองฉายที่ขยายภาพให้ไปปรากฏบนจอภาพ สาหรบั อ่านและจะอา่ นหนา้ ใดกไ็ ด้เลื่อนภาพไปมา และยังสามารถนาไปพิมพบ์ นกระดาษและอัดสาเนาไดด้ ้วย สอ่ื สงิ่ พมิ พ์เพื่อเผยแพรข่ ่าวสาร – หนังสือพมิ พ์ (Newspapers) เป็นส่ือส่ิงพิมพ์ที่ผลิตขึ้นโดยนาเสนอเรอ่ื งราว ข่าวสารภาพและความ คิดเห็น ในลักษณะของแผ่นพมิ พ์ แผ่นใหญ่ ทใ่ี ช้วิธกี ารพับรวมกัน ซึ่งสอ่ื สง่ิ พิมพ์ชนิดน้ี ไดพ้ ิมพ์ออกเผยแพร่ท้ัง ลกั ษณะ หนังสือพิมพร์ ายวนั , รายสัปดาห์ และรายเดือน – วารสาร, นิตยสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตข้ึนโดยนาเสนอสาระ ข่าว ความบันเทิง ท่ีมีรปู แบบการนา เสนอ ทโี่ ดดเด่น สะดุดตา และสร้างความสนใจให้กับผู้อา่ น ทั้งน้ีการผลิตนัน้ มีการ กาหนดระยะเวลาการออก เผยแพร่ท่แี น่นอน ทั้งลักษณะวารสาร, นติ ยสารรายปกั ษ์ (15 วัน) และ รายเดอื น – จุลสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ท่ีผลิตขึ้นแบบไม่มุ่งหวังผลกาไร เป็นแบบให้เปล่าโดยให้ผู้อ่านได้ศึกษาหา ความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็นครั้ง ๆ หรือลาดบั ต่าง ๆ ในวาระพิเศษ แสดงเน้ือหาเป็นข้อความที่ผู้อ่าน อา่ นแล้วเข้าใจงา่ ย สิง่ พมิ พ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เป็นส่ือสิ่งพิมพ์ท่ีผลิตข้ึนเพ่ือใช้งานในคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เป็นต้น บทบาทของส่อื สิ่งพิมพ์เพ่ือการศกึ ษา บทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์ในสถานศึกษา สื่อสิ่งพิมพ์ถูกนาไปใช้ในสถานศึกษาโดยท่ัวไป ซึ่งทาให้ผู้เรียน ผู้สอนเข้าใจในเนื้อหามากข้ึน เช่น หนังสือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหัดสามารถพัฒนาได้เป็นเน้ือหาในระบบ เครอื ข่ายอินเตอร์เน็ตได้
22 แนวทางการประยุกต์ใช้ส่ือสิ่งพิมพ์เพ่ือการเรียนการสอน หรือการศึกษา การใช้ส่ิงพิมพ์เพ่ือการศึกษาในการ เรียนการสอนนน้ั จำแนกได้เป็น 3 วธิ ี คอื 1. ใช้เปน็ แหล่งข้อมูลเกยี่ วกบั วชิ าที่เรยี น 2. ใช้เป็นวสั ดุการเรียนรว่ มกบั สอ่ื อืน่ ๆ 3. ใช้เปน็ ส่ือเสรมิ ในการเรยี นรู้และเพมิ่ พนู ประสบการณ์ .จากวิธีการใช้ส่ิงพิมพ์ท้ัง 3 วิธีนั้น ผู้สอนสามารถนาส่ิงพิมพ์ทั้งท่ีเป็นส่ิงพิมพ์ทั่วไป หรือสิ่งพิมพ์เพ่ือการศึกษา โดยเฉพาะมาใช้ในการเรียนการสอนก็ได้ ท้ังน้ีโดยพิจารณาตามลักษณะของสิ่งพิมพ์และลักษณะของการใช้ ดังนี้ 1. ส่ิงพิมพ์ท่ีเขียนข้นึ ในลกั ษณะของหนงั สือตารา ใชเ้ พอื่ การศึกษาในระบบโรงเรยี นตามหลกั สูตร 2. ส่ิงพิมพ์ท่ีเขียนข้ึนในลักษณะบทเรียนสาเร็จรูปเพ่ือง่ายต่อการศึกษาด้วยตนเอง เหมาะสาหรับใช้ใน การศึกษาทางไกลร่วมกับสอ่ื อ่ืนๆ เชน่ โทรทัศน์ เทปเสยี งสรปุ บทเรยี น และการสอนเสรมิ เป็นตน้ 3. ส่ิงพิมพ์เสริมการเรียนการสอน เช่น แบบฝึกปฏิบัติ คู่มือเรียน ฯลฯ อาจใช้ร่วมกับส่ือบุคคลหรือ สอื่ มวลชนประเภทอ่นื ๆ ได้ 4. สิ่งพิมพ์ทั่วๆ ไป เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ท่ีมีคอลัมน์หรือบทความท่ีให้ประโยชน์ ผู้สอนอาจ แนะนาใหผ้ ู้เรยี นอ่านเพ่ือเพิ่มพนู ความรหู้ รือเพื่อนามาใชอ้ ้างองิ ประกอบการคน้ ควา้ 5. ส่ิงพิมพ์ประเภทภาพชุด เป็นการให้ความรู้ทางรูปธรรมเพื่อใช้ในการเสริมสร้างประสบการณ์ ทาให้ ผู้เรยี นเข้าใจเหตกุ ารณเ์ รื่องราวหรือส่งิ ทีเ่ ป็นนามธรรมได้ชดั เจนขึ้น เชน่ ภาพชุดชวี ติ สตั ว์ หรือภาพชุด พระราชพธิ ีจรดพระนังคัลแรกนาขวญั เปน็ ตน้ (สานักการศกึ ษา กรุงเทพมหานคร, 9 กันยายน 2553) ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของส่อื สิ่งพมิ พเ์ พ่ือการศกึ ษา 1. สอ่ื สง่ิ พิมพส์ ามารถเก็บไวไ้ ด้นาน สามารถนามาอา่ นซา้ แล้วซ้าอีกได้ 2. สอ่ื ส่งิ พิมพเ์ ปน็ สอ่ื ท่มี รี าคาถกู เมื่อเทียบกบั ส่ืออน่ื ๆ 3. ส่ือส่ิงพิมพเ์ ปน็ สอื่ ท่ีใช้ง่าย ไมย่ ่งุ ยาก 4. ส่ือส่ิงพิมพ์เป็นสื่อที่จัดทาได้ง่าย โดยครูผู้สอนสามารถทาได้เองได้ มีวิธีทาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เช่น ใบงาน ใบความรู้ เป็นตน้
23 ขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของสอื่ ส่งิ พมิ พ์เพ่อื การศึกษา ขอ้ ดี 1. สามารถอา่ นซ้า ทบทวน หรอื อ้างอิงได้ 2. เป็นการเรยี นรู้ท่ดี ีสาหรบั ผู้ท่สี นใจ 3. เป็นการกระตนุ้ ใหค้ นไทยรักการอ่าน ข้อจำกัด 1. ผมู้ ีปัญหาทางสายตา หรือผู้สูงอายุอ่านไม่สะดวกในการใช้ 2. ขอ้ มลู ไม่สามารถปรบั ปรุงแก้ไขได้ทันท่วงทไี ด้ 3. ผู้ไมร่ ูห้ นังสือ ไมส่ ามารถเขา้ ถึงได้ ความหมายของสอื่ ออนไลน์ ความหมายของส่ือสงั คมออนไลน์ ส่ือสังคมออนไลน์ หมายถึง สอ่ื ดิจิทัลท่ีเป็นเครื่องมอื ในการปฏิบัติการทางสังคม(Social Tool) เพ่ือใช้ สอื่ สารระหว่างกันในเครือข่ายทางสงั คม (Social Network) ผา่ นทางเวบ็ ไซต์และโปรแกรมประยุกตบ์ นส่ือใดๆ ที่ มี ก ารเชื่ อ ม ต่ อ กั บ อิ น เท อ ร์เน็ ต โด ย เน้ น ให้ ผู้ ใช้ ท้ั งท่ี เป็ น ผู้ ส่ งส ารแ ล ะผู้ รับ ส ารมี ส่ ว น ร่ว ม (Collaborative) อย่างสร้างสรรค์ ในการผลิตเน้ือหาข้ึนเอง (User-GenerateContent:UGC) ในรูปของ ขอ้ มลู ภาพและเสียง สำหรับในยุคนี้ เราคงจะหลกี เลี่ยงหรอื หนคี ำวา่ Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่วา่ จะไปที่ไหน กจ็ ะพบ เห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมา รจู้ กั ความหมายของมนั กันครับ คำว่า “Social” หมายถงึ สงั คม ซ่ึงในท่ีนจ้ี ะหมายถึงสงั คมออนไลน์ ซ่งึ มีขนาดใหมม่ ากในปจั จบุ นั คำวา่ “Media” หมายถึง ส่ือ ซ่ึงก็คือ เน้อื หา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รปู ภาพ เปน็ ต้น ดังนั้นคำว่า Social Media จึงหมายถึง สอ่ื สงั คมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผา่ นเครือขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ พดู ง่ายๆ กค็ อื เวบ็ ไซต์ทีบ่ คุ คลบนโลกนีส้ ามารถมีปฏสิ ัมพนั ธโ์ ้ตต้ อบกนั ไดน้ น่ั เอง พ้ืนฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราท่ีต้องการติดต่อส่ือสาร หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บท่ีแสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่ สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยเี ว็บพฒั นาเข้าสู่ยคุ 2.0 ก็มีการพัฒนาเวบ็ ไซตท์ ่เี รียกว่า web application ซ่ึงก็คือเวบ็ ไซต์มีแอพลเิ คชันหรอื โปรแกรมตา่ งๆ
24 ทีม่ าและความสำคัญ สื่อสังคมออนไลน์กลับส่งอิทธิพลลบต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของคนในสังคมอย่างชัดเจน มากยงิ่ ขึ้นจนกลายเป็นประเด็นทางสังคม ที่ท้ังส่อื บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคญั ในการ ป้องกนั และแก้ไขปญั หาเหลา่ นี้ ส่อื สังคมออนไลนใ์ ช้ส่อื สารระหว่างกันในเครือขา่ ยทางสังคม ผา่ นทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์ บนส่ือใดๆ ท่ีมีการเช่ือมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งท่ีเป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม อย่าง สร้างสรรค์ ในการผลิตเน้อื หาข้ึน ในรปู ของข้อมลู ภาพ และเสยี ง ท้ังนี้การใช้ส่ือออนไลน์ต่างๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เล่นในประมาณที่พอเหมาะ เพื่อเปน็ ผลดีตอ่ สายตาและรา่ งกาย ประเภทสื่อสงั คมออนไลน์ ประเภทของสือ่ สังคมออนไลน์ มดี ้วยกันหลายชนดิ ข้นึ อยู่กับลักษณะของการนำมาใช้โดยสามารถแบ่งเปน็ กลุ่ม หลักดงั น้ี 1. Weblogs หรือเรียกส้ันๆ ว่า Blogs คือ สื่อส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ขอ้ คิดเห็น บนั ทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปนั ให้บุคคลอน่ื ๆ โดยผู้รบั สารสามารถเข้าไปอา่ น หรือแสดง ความคิดเห็นเพ่ิมเติมได้ ซึ่งการแสดงเน้ือหาของบล็อกน้ันจะเรียงลำดับจากเน้ือหาใหม่ไปสู่เนื้อหาเก่า ผู้เขียน แ ล ะ ผู้ อ่ า น ส า ม า ร ถ ค้ น ห า เน้ื อ ห า ย้ อ น ห ลั ง เพื่ อ อ่ า น แ ล ะ แ ก้ ไข เพิ่ ม เติ ม ได้ ต ล อ ด เว ล า เชน่ Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายทางสังคมที่ใช้ สำหรับเชื่อมต่อระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล เพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม(Social Community) เพ่ือร่วมกัน แลกเปล่ียนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันท้ังด้านธุรกิจ การเมือง การศึกษา เช่น Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือที่เรยี กกันว่า “บลอ็ กจิ๋ว” ซึ่งเป็นเว็บเซอรว์ ิสหรือเว็บไซต์ที่ ให้ บริการแก่บุ คคลทั่วไปสำห รับ ให้ ผู้ใช้บริการเขียน ข้อความสั้นๆ ประมาณ 140 ตัวอักษ รที่ เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพื่อแสดงสถานะของตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่หรือแจ้งข่าวสารต่างๆแก่ กลุ่มเพื่อนในสังคมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ท้ังนี้การกำหนดให้ใช้ข้อมูลในรูป ข้อความสั้นๆ ก็เพื่อให้ผู้ใช้ที่เป็นทั้งผู้เขียนและผู้อ่านเข้าใจง่าย ท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Twitter 4. Online Video เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม อยา่ งแพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็วเน่ืองจากเนื้อหาที่นำเสนอในวดิ ีโอออนไลน์ไมถ่ ูกจำกัดโดยผังรายการ ที่แน่นอนและตายตัวทำให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างต่อเน่ืองเพราะไม่มีโฆษณาคั่น รวมทั้งผู้ใช้ สามารถเลือกชมเนื้อหาได้ตามความต้องการและยังสามารถเช่ือมโยงไปยังเว็บวิดีโออื่นๆ ท่ีเก่ียวข้องได้จำนวน มากอีกด้วยเชน่ Youtube, MSN, Yahoo
25 5. Poto Sharing เป็นเวบ็ ไซต์ทีเ่ น้นใหบ้ ริการฝากรปู ภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอพั โหลดและดาวนโ์ หลด รูปภาพเพ่ือนำมาใช้งานได้ ท่ีสำคัญนอกเหนือจากผู้ใช้บรกิ ารจะมีโอกาสแบ่งปันรูปภาพแล้ว ยงั สามารถใช้เป็น พ้ื น ท่ี เพ่ื อ เส น อ ข า ย ภ า พ ที่ ต น เอ ง น ำ เข้ า ไ ป ฝ า ก ไ ด้ อี ก ด้ ว ย เช่ น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge)ซ่ึงผู้เขียนส่วนใหญ่ อาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่างๆ ท้ังการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซ่ึงผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสร้างโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหนึ่งของชีวิตลงไป จัดเป็นสื่อสังคม ออนไลน์ทบ่ี รรดาผ้ทู ่องโลกไซเบอร์ใช้เพื่อสอ่ื สารระหวา่ งกันบนอินเทอรเ์ น็ตในลกั ษณะโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งผู้ท่ีจะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษัทหรือองค์การด้านธุรกิจ ด้านการศึกษา รวมถึงองค์การด้านสื่อ เช่น สำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพื้นที่เพื่อให้บุคคลในบริษัทหรือ องค์กรได้มีช่องทางในการนำเสนอเร่ืองราวต่างๆ ไปยังกลมุ่ เครือข่ายผู้ใช้ส่ือออนไลน์ ซงึ่ อาจจะเป็นกลุ่ม ลกู ค้า ท้ังหลัก และรองหรือ ผู้ที่เก่ียวข้องกับธุรกิจ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ท่ีใช้หลัก Virtual Worlds ทป่ี ระสบผลสำเรจ็ และมีช่ือเสยี ง คอื Second life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เป็นหลักการขอ ความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรูปของเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์หลัก เพอ่ื ค้นหาคำตอบและวธิ ีการแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธรุ กจิ การศกึ ษา รวมทัง้ การส่ือสาร โดยอาจจะเปน็ การดึง ความร่วมมือจากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจสอบข้อมูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะ กลุ่มคนที่ เข้ามาให้ข้อมูลอาจจะเป็นประชาชนท่ัวไปหรือผู้มีความเช่ียวชาญเฉพาะด้านท่ีอยู่ในภาคธุรกิจหรือแม้แต่ใน สังคมนักข่าว ข้อดีของการใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิดเพ่ือ นำ ไปสู่การแก้ปัญหาท่ีมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคัดกรองข้อมูลซ่ึงเป็นปัญหาสาธารณะ รว่ มกนั ได้ เชน่ Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting ห รื อ Podcast ม า จ า ก ก า ร ร ว ม ตั ว ข อ ง ส อ ง ค ำ คื อ “Pod” กั บ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรือ PersonalOn - Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคล ส่วน “Broadcasting” เป็นการนำส่ือต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวง่ายๆ Podcast คือ การบันทึกภาพและเสียงแล้วนำมาไว้ในเวบ็ เพจ (Web Page) เพื่อเผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ที่ ส น ใ จ ด า ว น์ โ ห ล ด เพื่ อ น ำ ไ ป ใ ช้ ง า น เช่ น Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดท่ีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความคิดเห็น โดย อาจจะเก่ียวกับ สินค้าหรือบริการ ประเด็นสาธารณะทางการเมือง เศ รษฐกิจ สังคม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp
26 ประโยชนข์ อง Social networks เครือข่ายสงั คมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปล่ยี นขอ้ มูลความรใู้ นสง่ิ ทส่ี นใจรว่ มกนั ได้ 2. เป็นคลังข้อมูลความรขู้ นาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปล่ียนความรู้ หรือ ตั้ ง ค า ถ า ม ใ น เร่ื อ ง ต่ า ง ๆ เ พื่ อ ใ ห้ บุ ค ค ล อ่ื น ท่ี ส น ใ จ ห รื อ มี ค า ต อ บ ไ ด้ ช่ ว ย กั น ต อ บ 3. ป ร ะ ห ยั ด ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ใ น ก า ร ติ ด ต่ อ ส่ื อ ส า ร กั บ ค น อ่ื น ส ะ ด ว ก แ ล ะ ร ว ด เ ร็ ว 4. เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพ่ือให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชม และแสดงความคดิ เหน็ 5. ใชเ้ ป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสมั พันธ์ หรือบริการลกู คา้ สาหรับบริษัทและองคก์ รตา่ งๆ ชว่ ยสร้างความ เชอ่ื มั่นให้ลกู คา้ 6. ช่วยสรา้ งผลงานและรายไดใ้ ห้แกผ่ ใู้ ช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหมๆ่ ขนึ้ 7. คลายเครยี ดไดส้ ำหรบั ผู้ใช้ท่ตี ้องการหาเพ่อื นคุยเล่นสนกุ ๆ 8. สร้างความสัมพนั ธ์ที่ดจี ากเพอ่ื นสู่เพ่ือนได้
27 บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วิธีการดำเนนิ งาน ขน้ั เตรยี มการ เพ่อื จัดประชุมครูและบคุ ลากรทางการศึกษา - ชแ้ี จงทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการ - ชี้แจงแนวทางในการดำเนนิ โครงการ - จัดทำโครงการและแผนการดำเนินการเพอ่ื อนุมตั ิ - แต่งต้ังกรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย ประกอบดว้ ย 1.1 นายสมประสงค์ นอ้ ยจนั ทร์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรยี งฤทธ์ิ เดตะอุด ครู กรรมการ 1.3 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวัณย์ สทิ ธิกรวยแกว้ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ 2. ฝ่ายตดิ ต่อประสานงาน มีหนา้ ที่ ตดิ ต่อประสานงานสถานที่จดั การจดั กจิ กรรม ประกอบดว้ ย 2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 2.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 2.3 นางลาวิน สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 2.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสาวพัชราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 2.8 นางสรุ ตั น์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 2.9 นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 2.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 2.11 นางสาวอุษา ยิง่ สกุ ครู ศรช.
28 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบกิ จา่ ยพสั ดุ และการเงินตามโครงการให้ถูกต้องเรียบร้อยและทนั ต่อเวลาประกอบด้วย 3.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 3.3 นายศวิ ณชั ญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 4. ฝา่ ยประชาสมั พันธ์ มีหนา้ ท่ี ส่งขา่ วประชาสมั พนั ธ์ ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษช์ ำนาญการ 4.2 นางสาวมจุ ลินท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางลาวิน สีเหลอื ง ครู กศน. ตำบล 4.4 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 4.5 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ นั ธ์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 4.7 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 4.8 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 4.9 นายเกรยี งไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.10 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 4.11 นางสาวอุษา ย่ิงสกุ ครู ศรช. 4.12 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานทวั่ ไป 4.12 นางสาวเยาวดี โสดา นักจดั การงานท่ัวไป 5. ฝา่ ยจดั กจิ กรรม มีหนา้ ทจี่ ัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ สง่ เสริมการอ่านจาก หนงั สอื และส่อื ออนไลน์ ส่ือการเรียนการสอน เกม และกจิ กรรมนันทนาการ ดงั นี้ 5.1 กจิ กรรมรักการอ่านผ่านส่ือออนไลน์ 5.1.1 นางวารี ชูบวั บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.1.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ 5.1.4 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.1.5 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.1.6 นางสาวนภารตั น์ สีสะอาด ครู กศน. ตำบล 5.1.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ นั ธ์ ครู กศน. ตำบล
29 5.1.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.1.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.1.10 นางสุรัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.1.11 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 5.1.12 นางสาวณัฐชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.1.13 นายศวิ ณัชญ์ อศั วสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.1.14 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.1.15 นายปัณณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.1.16 นางสาวอษุ า ยิ่งสุก ครู ศรช. 5.1.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.1.18 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานทั่วไป 5.2 กิจกรรมภาษาจนี วนั ละนิด บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.2.1 นางวารี ชบู วั ครูอาสาสมัครฯ 5.2.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครู กศน. ตำบล 5.2.4 นางสาวมุจลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.2.5 นางลาวนิ สเี หลอื ง ครู กศน. ตำบล 5.2.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.2.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.2.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.2.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.2.10 นางสุรัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.2.11 นายเกรียงไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 5.2.12 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู ศรช. 5.2.13 นายศวิ ณัชญ์ อศั วสมั ฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.2.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.2.15 นายปณั ณวฒั น์ สขุ มา ครู ศรช. 5.2.16 นางสาวอุษา ย่งิ สกุ ครู ศรช. 5.2.17 นางสาววรางคณา น้อยจนั ทร์ นักจดั การงานทว่ั ไป 5.2.18 นางสาวเยาวดี โสดา
30 5.3 กิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทง 5.3.1 นางวารี ชูบัว บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.3.3 นางสาวลาวัณย์ สทิ ธกิ รวยแกว้ ครูอาสาสมัครฯ 5.3.4 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.3.5 นางลาวิน สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 5.3.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.3.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.3.8 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 5.3.9 นางสาวพัชราภรณ์ นริศชาติ ครู กศน. ตำบล 5.3.10 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.3.11 นายเกรยี งไกร ใหม่เทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 5.3.12 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 5.3.13 นายศวิ ณชั ญ์ อัศวสมั ฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.3.14 นางสาวกัญญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.3.15 นายปณั ณวฒั น์ สขุ มา ครู ศรช. 5.3.16 นางสาวอุษา ยิ่งสกุ ครู ศรช. 5.3.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.3.18 นางสาวเยาวดี โสดา นกั จัดการงานทว่ั ไป 5.4 กิจกรรมสง่ เสริมการอ่านและการเรียนรู้ สำหรับนักศกึ ษา กศน. 5.4.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.4.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.4.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ 5.4.4 นางสาวมจุ ลินท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 5.4.5 นางลาวิน สีเหลือง ครู กศน. ตำบล 5.4.6 นางสาวนภารตั น์ สสี ะอาด ครู กศน. ตำบล 5.4.7 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.4.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.4.9 นางสาวพชั ราภรณ์ นรศิ ชาติ ครู กศน. ตำบล 5.4.10 นางสรุ ตั น์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.4.11 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล
31 5.4.12 นางสาวณัฐชา ทาแนน่ ครู กศน. ตำบล 5.4.13 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.4.14 นางสาวกัญญาณัฐ จันปญั ญา ครู ศรช. 5.4.15 นายปณั ณวฒั น์ สุขมา ครู ศรช. 5.4.16 นางสาวอษุ า ยิง่ สกุ ครู ศรช. 5.4.17 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช. 5.4.18 นางสาวเยาวดี โสดา นักจดั การงานทัว่ ไป 5.5 กิจกรรมปริฒนาสภุ าษติ ไทย บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.5.1 นางวารี ชบู ัว ครอู าสาสมัครฯ 5.5.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครู กศน. ตำบล 5.5.3 นางสาวณฐั ชา ทาแนน่ ครู ศรช. 5.5.4 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ 6. ฝ่ายรับลงลงทะเบยี น ใหก้ รรมการมีหน้าทจ่ี ดั เตรียมเอกสารสำหรับการลงทะเบยี น และรับลงทะเบียน ผ้เู ข้ารว่ มโครงการ ดงั นี้ 6.1 นางสาวอษุ า ยิง่ สกุ ครู ศรช. 6.2 นางสาวกัญญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 7. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพึงพอใจ ประเมนิ ผลการดำเนินงาน ประเมินความพึงพอใจ ปญั หา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะ และจัดทำรายงานผลการดำเนนิ งานหลังเสรจ็ สิน้ โครงการ ดังน้ี 7.1 นางวารี ชูบัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 7.2 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ ครู ศรช. 7.3 นางสาวกญั ญาณัฐ จนั ปญั ญา ครู ศรช.
2. ข้นั ดำเนนิ การ กจิ กรรมหลัก วตั ถุประสงค์ ก 1. ขัน้ เตรียมการ กล่มุ เป้าหมาย เพ่ือจัดประชุมครูและบุคลากรทางการ ครแู ละบคุ ลากร ช 2. ประชมุ กรรมการ ศกึ ษา กศน. อำเภอชนแดน ว ดำเนนิ งาน - ช้ีแจงทำความเขา้ ใจรายละเอียด จำนวน 21 คน 3. จัดเตรียมเอกสาร โครงการ วัสดุ อุปกรณใ์ นการ - ช้ีแจงแนวทางในการดำเนินโครงการ ครูและบคุ ลากร ดำเนนิ โครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนินการ กศน. อำเภอชนแดน เพอื่ อนุมัติ - แตง่ ตง้ั กรรมการดำเนนิ งานตาม จำนวน 21 คน โครงการ กรรมการฝา่ ยท่ีไดร้ ับ เพอื่ ประชุมทำความเข้าใจกบั กรรมการ ดำเนนิ งานทุกฝ่ายในการจัดกิจกรรม มอบหมาย โครงการและการดำเนินงาน เพื่อดำเนนิ การจดั ทำ จัดซื้อ วสั ดอุ ุปกรณ์ ท่ใี ช้ในการดำเนนิ การ
32 กลุ่มเปา้ หมาย พ้นื ทด่ี ำเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ต.ค.64 - กศน. อำเภอ ช้ีแจงทำความเขา้ ใจ รายละเอียดและ ชนแดน วัตถปุ ระสงค์ของการจดั โครงการ ชี้แจงวัตถุประสงค์ บทบาทหน้าที่ กศน. อำเภอ ต.ค.64 - ของกรรมการดำเนินงานโครงการ ชนแดน ต.ค.64 2,290 จัดซือ้ วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการจดั โครงการ กศน. อำเภอ บาท ชนแดน
-7 กิจกรรมหลัก วตั ถปุ ระสงค์ ก 4. ดำเนนิ การจดั กล่มุ เปา้ หมาย กิจกรรม เพ่อื ดำเนนิ การปรับปรุงภมู ิทัศนห์ ้องสมุด ให้ 1.ห้องสมุดประชาชน ห 5. สรุป/ประเมนิ ผล และรายงานผล เป็นCo-Learning Space แหล่งเรียนรขู้ อง อำเภอชนแดน ก โครงการ คนในชมุ ชน จำนวน 1 แห่ง L 1. กิจกรรมรกั การอา่ นผ่านสื่อออนไลน์ 2. นักเรยี น นกั ศึกษา ช 2. กิจกรรมภาษาจนี วันละนิด และประชาชนท่วั ไป ใ 3. กจิ กรรมสืบสานวฒั นธรรมประเพณี จำนวน 630 คน ลอยกระทง 4. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรยี นรู้ สำหรับนกั ศึกษา กศน. 5.กจิ กรรมปริศนาสุภาษิตไทย เพอ่ื ใหก้ รรมการฝ่ายประเมินผลเก็บ ตามกระบวนการ รวบรวมขอ้ มลู และดำเนินการประเมินผล ประเมินโครงการ การจัดกิจกรรม 5 บท จำนวน 3 เล่ม
33 7– กล่มุ เปา้ หมาย พื้นทด่ี ำเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ เป้าหมาย (เชงิ คณุ ภาพ) ห้องสมดุ ประชาชน ต.ค.64 ถึง - หอ้ งสมุดประชาชนอำเภอชนแดน ไดร้ ับ อำเภอชนแดน ม.ี ค.65 การปรบั ปรุงภูมทิ ัศนห์ ้องสมุด ใหเ้ ปน็ Co- Learning Space แหล่งเรยี นรู้ของคนใน ชมุ ชน เปน็ แหล่งเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ พรอ้ ม ให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายตา่ งๆ สรุปรายงานผลการดำเนินงาน กศน. อำเภอ ม.ี ค.65 - ตามระบบ PDCA ชนแดน
34 3. ข้นั สรปุ การจัดกิจกรรม 1. ดชั นีวัดผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จำนวน 1 แห่ง เป็นแหล่งเรียนรู้ใน ชุมชน ที่มีระบบการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดย ใหบ้ ริการการศึกษาค้นแก่นักศึกษาการศึกษานอกโรงเรยี นและประชาชนทว่ั ไป ทำให้เกิดสังคมแห่งการเรยี นรู้ และ นกั ศึกษา กศน. รวมทง้ั ประชาชนทัว่ ไป สามารถนำความรทู้ ไี่ ด้ไปใชใ้ นการดำเนินชีวิตได้อยา่ งมีความสุข 1.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (outcome) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 2. การติดตามผลประเมนิ ผลโครงการ 2.1 แบบประเมินความพึงพอใจผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม / โครงการ 2.2 สรปุ /รายงานผลการจดั กิจกรรม
35 บทที่ 4 ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่ร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย โครงการพัฒนา ห้องสมดุ ประชาชนให้เปน็ ศนู ย์เรยี นรู้ตลอดชวี ิต Co-Learning Space แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดงั น้ี สว่ นที่ 1 ข้อมูลทั่วไป เพศ เพศ จำนวน รอ้ ยละ ชาย 383 31.76 หญงิ 823 68.24 รวม 1206 100 จากตาราง สรปุ ได้ว่า ผตู้ อบแบบสอบถาม ในครั้งนี้ เปน็ เพศหญงิ มากทสี่ ดุ จำนวน 823 คน คิดเป็นร้อยละ 68.24 อายุ ช่วงอายุ จำนวน รอ้ ยละ ตำ่ กวา่ 15 ปี 67 5.56 15 - 29 ปี 786 65.17 30 – 39 ปี 237 19.65 40 - 49 ปี 86 7.13 50 - 59 ปี 24 1.99 60 ปีขน้ึ ไป 6 0.50 1206 100 รวม จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ในครั้งนี้ เป็นช่วงอายุ 15 - 29 ปี มากทส่ี ุด จำนวน 786 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 65.17
36 การศกึ ษา ระดบั การศกึ ษา จำนวน ร้อยละ ประถมศึกษา 102 8.16 387 32.09 ม.ต้น 664 55.06 ม.ปลาย 14 1.16 ปวช./ปวส. 32 2.65 ปรญิ ญาตรี 7 0.59 สงู กวา่ ปริญญาตรี 1206 100 รวม จากตาราง สรปุ ไดว้ า่ ผตู้ อบแบบสอบถาม ในครั้งน้ี การศกึ ษาระดบั ม.ปลาย มากทีส่ ุด จำนวน 664 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 55.06 อาชพี อาชีพ จำนวน รอ้ ยละ รับจา้ ง 527 43.70 เกษตรกรรม 361 29.94 ผู้นำชุมชน 3 0.25 คา้ ขาย 14 1.16 รบั ราชการ 15 1.24 นกั เรียน/นกั ศึกษา 286 23.71 อนื่ ๆ ระบุ - รวม 1206 - 100 จากตาราง สรปุ ไดว้ า่ ผูต้ อบแบบสอบถาม ในครั้งนี้ เป็นอาชีพรับจ้าง มากทส่ี ุด จำนวน 527 คน คดิ เป็น ร้อยละ 43.70
37 สว่ นที่ 2 ขอ้ มูลความคดิ เหน็ และความพึงพอใจต่อการจัดโครงการ/กจิ กรรม 2.1 เกณฑ์การพจิ ารณาระดับความพงึ พอใจ 0.00 – 1.49 อยู่ในระดับ นอ้ ยท่สี ดุ 1.50 – 2.49 อย่ใู นระดับ นอ้ ย 2.50 – 3.49 อยใู่ นระดบั ปานกลาง 3.50 – 4.49 อยูใ่ นระดบั มาก 4.50 - 5 อยู่ในระดับ มากทีส่ ุด 2.2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน มากทส่ี ุด 5 อยใู่ นระดบั มาก 4 อยู่ในระดับ ปานกลาง 3 อยใู่ นระดับ น้อย 2 อย่ใู นระดบั น้อยที่สดุ 1 อยใู่ นระดับ
ตอนท่ี 2 ความคดิ เห็นต่อโครงการ จำนวน ผู้ ข้อ รายการ ประเมนิ (คน) มากทส่ี ดุ 1 กจิ กรรมทจ่ี ัดสอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ 1206 5 832 2 เน้ือหาของส่อื การเรียนรูต้ รงกับความตอ้ งการของผู้รับบริการ 1206 755 774 3 การจัดกิจกรรมมสี ่ือการเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย 1206 848 824 4 กจิ กรรมส่งเสรมิ การมมี นุษย์สัมพนั ธอ์ นั ดีต่อกัน 1206 846 771 5 สถานท่จี ดั กิจกรรมเหมาะสมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ 1206 810 756 6 ระยะเวลาการจัดกจิ กรรมมคี วามเหมาะสม 1206 801 767 7 ท่านมีความประทับใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรมครั้งนี้ 1206 778 8 การประชาสัมพนั ธแ์ ละชวนเชญิ 1206 9 ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณใ์ นการจดั กจิ กรรม 1206 10 การนำประโยชนไ์ ปใช้ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมในครั้งนี้ 1206 11 ท่านคิดวา่ ควรมีการจัดกจิ กรรมในลักษณะนีต้ ่อเน่ือง 1206 12 หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดเี ข้ารว่ มโครงการนี้อกี 1206 รวมท้ังหมด 14472 9562 ร้อยละ 100 66.07
38 ระดับผลการประเมนิ เฉล่ีย S.D. ประมวล ร้อยละ ด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ดุ ผล 91.49 89.40 4 321 89.27 92.55 258 98 13 5 4.57 0.72 มากที่สุด 92.12 93.00 302 116 27 6 4.47 0.80 มาก 91.14 249 159 16 8 4.46 0.82 มาก 92.09 289 52 12 5 4.63 0.66 มากทส่ี ดุ 89.72 90.86 316 43 19 4 4.61 0.67 มากที่สดุ 90.08 90.58 319 26 9 6 4.65 0.61 มากทส่ี ุด 90.93 368 43 16 8 4.56 0.69 มากทสี่ ดุ 329 59 2 6 4.60 0.64 มากทส่ี ดุ 310 112 26 2 4.49 0.77 มาก 287 98 12 8 4.54 0.74 มากที่สดุ 316 92 26 5 4.50 0.76 มากทส่ี ุด 325 74 21 8 4.53 0.75 มากทสี่ ุด 3668 972 199 71 4.55 0.72 มากทส่ี ดุ 25.35 6.72 1.38 0.4906
39 จากตาราง สรปุ ได้วา่ ผ้เู ข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย โครงการพฒั นาห้องสมุดประชาชนให้เป็น ศูนย์เรียนรู้ตลอดชวี ติ Co-Learning Space ในครัง้ น้ี ผลปรากฏว่าระดบั ความพงึ พอใจในภาพรวมอย่ใู นระดับ มากทีส่ ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 90.93 ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ -
40 บทท่ี 5 สรปุ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การบูรณาการการเรยี นรู้ • มีการนำความรู้ท่ีไดร้ ับไปปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ • จากกิจกรรมช่วยสง่ เสรมิ ใหม้ ีนสิ ัยรักการอ่านและการเรยี นรอู้ ย่างต่อเนอื่ งตลอดชวี ติ กระตุ้นและสง่ เสริม นิสยั ให้เด็กและเยาวชนมีนิสยั รักการอา่ น สง่ เสริมทักษะและพฒั นาการทางด้านรา่ งกายและจติ ใจของเด็กและ เยาวชน และส่งเสริมให้เดก็ และเยาวชนมีความคิดสรา้ งสรรค์และมีจินตนาการ ความร่วมมือของกลุ่มเปา้ หมายและเครือขา่ ย - การมสี ว่ นร่วมของภาคีเครอื ขา่ ยในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั - การสนบั สนนุ ให้ภาคีเครอื ข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย การนำความรู้ไปใช้ - ส่งเสริมและสนับสนุนการอ่านให้เปน็ วาระแห่งชาติ นกั เรียน นักศึกษา และประชาชนทว่ั ไปเข้าถึง และมโี อกาสได้อา่ นหนังสือ ส่งเสริมสนับสนุนใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม มนี สิ ัยรกั การอ่านนำไปสู่การเรยี นรู้ และ พัฒนาคุณภาพชวี ติ ให้ดีขึ้น การดำเนินงานทวั่ ไป เชิงปรมิ าณ - กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรียน นกั ศึกษา และประชาชนท่ัวไป จำนวน 630 คน - จำนวนกลุม่ ตัวอย่าง นกั เรยี น นักศึกษา และประชาชนท่ัวไป จำนวน 1206 คน 1) ชาย จำนวน 383 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 31.76 2) หญงิ จำนวน 823 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 68.24 เชิงคุณภาพ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ท่ีมีระบบการให้บริการและ สภาพแวดล้อมที่มีชีวิตและมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ในห้องสมุด โดยให้บริการการศึกษาค้นแก่นักศึกษา การศึกษานอกโรงเรียนและผู้รับบริการห้องสมุด ทำให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ และนักศึกษา กศน. ผู้รับบรกิ ารหอ้ งสมุด สามารถนำความรู้ทไี่ ด้ไปใช้ในการดำเนินชวี ิตได้อยา่ งมีความสุข
41 ผลการดำเนนิ งานตามตวั ชีว้ ัดความสำเรจ็ 1. เปา้ หมาย จำนวน 630 คน มีผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม จำนวน 1,206 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเป้าหมาย 2. จำนวนผู้รว่ มกิจกรรม จำนวน 1,206 คน ผ่านกจิ กรรม จำนวน 1,206 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 ผลการดำเนนิ งานบรรลุเปา้ หมาย สรปุ ผลการดำเนนิ งาน ผลการดำเนินงานบรรลเุ ป้าหมาย ความพึงพอใจการจัดกิจกรรมร่วมกบั ภาคเี ครอื ข่าย ในคร้ังน้ี ผล ปรากฏว่าระดับความพงึ พอใจในภาพรวมอยู่ในระดับ มากท่ีสดุ คิดเป็นร้อยละ 90.93 สรุปความพึงพอใจต่อโครงการ/กจิ กรรม ทีเ่ ข้าร่วม 1. กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 91.49 2. เน้ือหาของสื่อการเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คดิ เป็นร้อยละ 89.40 3. การจัดกิจกรรมมีส่ือการเรียนรู้ที่หลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็นร้อยละ 89.27 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 92.55 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 92.12 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.00 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งน้ี อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 91.14 8. การประชาสัมพันธ์และชวนเชญิ อยู่ในระดบั ความพึงพอใจ มากท่สี ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 92.09 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มาก คิดเป็น ร้อยละ 89.72 10. การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 90.86 11. ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเน่ือง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นรอ้ ยละ 90.08 12. หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการนี้อีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเปน็ ร้อยละ 90.58
Search