2 คอมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ 1.คอมพวิ เตอร์ 1.1ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์หมายถึงอุปกรณ์ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ที่มนุษยใ์ ชเ้ ป็นเครื่องมือช่วยจดั การกบั ขอ้ มูลที่ อาจเป็นไดท้ ้งั ตวั เลขตวั อกั ษรหรือสญั ลกั ษณ์ที่ใชแ้ ทนความหมายในสิ่งต่างๆคอมพวิ เตอร์สามารถ กาหนดชุดคาสงั่ หรือโปรแกรมล่วงหนา้ ไดท้ างานไดห้ ลายรูปแบบและนาไปประยกุ ตใ์ ชง้ านได้ อยา่ งกวา้ งขวางท้งั ดา้ นการแพทยก์ ารศึกษาอตุ สาหกรรมดา้ นการคา้ ละความบนั เทิง คอมพิวเตอร์จาแนกตามความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มูลและความเร็วในการประมวลผลไดแ้ ก่ ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ และไมโครคอมพิวเตอร์ ซ่ึง ความสามารถในการประมวลผลและการจดั เกบ็ ขอ้ มูลจะลดหลนั่ กนั ลงมาโดยเฉพาะเรื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นและใชง้ านทวั่ ไปมีท้งั แบบติดต้งั อยกู่ บั ที่และแบบเคลื่อนยา้ ยพกพาติด ตวั ไดโ้ ดยอาศยั พลงั งานจากแบตเตอรี่แบ่งเป็นชนิดต่างๆดงั ต่อไปน้ี 1.1.1 คอมพวิ เตอร์แบบต้งั โต๊ะ
2 ไดร้ ับการออกแบบมาเพือ่ ใชบ้ นโตะ๊ โดยทวั่ ไปจะมีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากกวา่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดอ่ืนๆคอมพิวเตอร์ต้งั โตะ๊ ประกอบดว้ ยชิ้นส่วนท่ีแยกออกจากกนั เช่น จอภาพเมาส์คียบ์ อร์ดที่เชื่อมต่อกบั ตวั เคร่ือง 1.1.2 คอมพวิ เตอร์แลป็ ทอ็ ป เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบเคลื่อนท่ีไดน้ ้าหนกั เบาขนาดเลก็ และมีจอภาพที่บางหรือเรียกวา่ คอมพวิ เตอร์ Notebook laptop ทางานไดโ้ ดยใชแ้ บตเตอร่ีหรือไฟฟ้าใชง้ านไดท้ ุกท่ี โครงสร้างของ laptop จะเป็นการรวมส่วนประกอบต่างๆไวด้ ว้ ยกนั และใชจ้ อภาพใน ลกั ษณะเป็นบานพบั
2 1.1.3 แทบ็ เลต็ เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีขนาดเลก็ กวา่ คอมพวิ เตอร์โน๊ตบุค๊ พกพาง่ายน้าหนกั เบาส่ังงานดว้ ย การสมั ผสั จอภาพและคียบ์ อร์ดเสมือนปรับหมุนจอภาพไดอ้ ตั โนมตั ิแบตเตอร่ีใชง้ านไดน้ านกวา่ คอมพวิ เตอร์พกพาทว่ั ไประบบปฏิบตั ิการมีท้งั ท่ีเป็นAndroid iOS และ Windows 1.1.4 คอมพิวเตอร์มือถือ หรือเครื่องช่วยงานส่วนบุคคลแบบดิจิทลั เป็นคอมพิวเตอร์พกพามีประโยชนใ์ นการบนั ทึกหรือเตือนการนดั หมายบนั ทึกที่อยแู่ ละหมายเลข โทรศพั ทร์ วมถึงการเล่นเกมต่างๆทางานดว้ ยแบตเตอร่ีมีจอสมั ผสั ที่ใชง้ านไดโ้ ดยใชน้ ิ้วมือถือ ปากกาสไตลสั 1.2 หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์เป็นเครื่องมืออิเลก็ ทรอนิกส์แบบอตั โนมตั ิทาหนา้ ท่ีเสมือนสมองกลใชส้ าหรับ
2 แกป้ ัญหาท้งั ง่ายหรือซบั ซอ้ นดว้ ยวธิ ีทางคณิตศาสตร์ประกอบไปดว้ ยอุปกรณ์ท่ีทางานตาม หนา้ ท่ี 4 ส่วนคือ 1.2.1 หน่วยรับเขา้ input unit ทาหนา้ ที่รับขอ้ มลู จากหน่วยรับขอ้ มูลเช่นคียบ์ อร์ด หรือเมาส์ 1.2.2 หน่วยประมวลผลกลาง Center processing unit ทาหนา้ ที่ ประมวลผลกบั ขอ้ มูลเพอื่ แปลงใหอ้ ยใู่ นรูปอ่ืนตามท่ีตอ้ งการ 1.2.3 ส่วนแสดงผล Output Unit ทาหนา้ ท่ีใหผ้ ลลพั ธ์จากการประมวลผลออกมา ยงั หน่วยแสดงผลลพั ธ์เช่นเครื่องพมิ พห์ รือจอภาพ 1.2.4 หน่วยความจา Memory Unit เครื่องคอมพิวเตอร์จะทาการเกบ็ ผลลพั ธ์จาก การประมวลผลไวใ้ นหน่วยเกบ็ ขอ้ มูลเพอ่ื นามาใชใ้ หม่ไดใ้ นอนาคต คอมพิวเตอร์จะรับขอ้ มูลผา่ นอุปกรณ์รับเขา้ ท่ีใชส้ าหรับในการสง่ั งานคอมพิวเตอร์ส่งใหห้ น่วย ประมวลผลทาการประมวลผลโดยเปรียบเทียบกบั ขอ้ มูลท่ีอยใู่ นหน่วยความจาหรือเกบ็ ผลการ ประมวลแลว้ นามาแสดงผล
2 หน่วยประมวลผลกลาง Center processing unit: CPU เป็นส่วนท่ีใช้ คานวณและควบคุมการทางานต่างๆของคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ยหน่วยคานวณและ ตรรกะ คานวณโดยใชเ้ ลข ฐาน 2 เปรียบเสมือนหวั ใจของคอมพิวเตอร์และหน่วย ควบคุม Control unit: CU เป็นส่วนที่ใชเ้ ช่ือมต่อมีหนา้ ที่อ่านขอ้ มูลคาสง่ั ท่ีอยภู่ ายใน หน่วยความจาดีที่ไดจ้ ากอปุ กรณ์รับเขา้ ทาการแปลความหมายและส่งไปประมวลผลในALU จากน้นั นาผลที่ไดไ้ ปจดั เกบ็ ในหน่วยความจาหรืออปุ กรณ์ที่ส่งออกและมีหนา้ ท่ีควบคุมลาดบั การ ทางานของแต่ละข้นั ตอนใหอ้ ยใู่ นเวลาที่เหมาะสม 1.3 องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ทาใหค้ อมพวิ เตอร์ทางานไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบต่างๆดงั น้ี 1.3.1 Hardware เป็นอุปกรณ์ท่ีประกอบข้ึนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเป็น โครงร่างสามารถมองเห็นดว้ ยตาและสมั ผสั ไดเ้ ช่นจอภาพคียบ์ อร์ดเครื่องพมิ พเ์ มาส์ 1.3.2 Software คือเป็นชุดคาสงั่ หรือโปรแกรมที่ใชค้ วบคุมการทางานของเครื่อง คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
2 1)ซอฟตแ์ วร์ระบบ( System Software) คือชุดคาสง่ั หรือโปรแกรมที่ควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์เป็น คือชุดคาสง่ั หรือโปรแกรมที่ ควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางระหวา่ งโปรแกรมประยกุ ตก์ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เพ่ือ คือชุดคาสง่ั หรือโปรแกรมท่ีควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์เป็นส่ือกลางระหวา่ งโปรแกรม ประยกุ ตก์ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการจดั การทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ประกอบ คือ ชุดคาสงั่ หรือโปรแกรมท่ีควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์เป็นส่ือกลางระหวา่ งโปรแกรม ประยกุ ตก์ บั เครื่องคอมพิวเตอร์เพ่ือช่วยในการจดั การทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ย โปรแกรมที่แบ่งตามหนา้ ที่การ ดงั น้ี 1) operating system: OS ทาหนา้ ที่ ควบคุมการใชง้ านส่วนต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์ 2) Translation Program ทาหนา้ ที่ในการแปลโปรแกรมหรือชุดคาสงั่ ท่ีเขียนดว้ ยภาษาที่ไม่ใชภ้ าษาเครื่อง ภาษาระดบั สูงต่างๆใหเ้ ป็นภาษาท่ีเคร่ืองสามารถเขา้ ใจและนาไปปฏิบตั ิได้ 3) utility Program ทาหนา้ ที่ในการอานวยความสะดวกใหก้ บั ผใู้ ชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ใหส้ ามารถ ทางานไดส้ ะดวกรวดเร็วและง่ายข้ึน 4)Diagnostic Program ทาหนา้ ที่ ตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดในการทางานของอุปกรณ์ต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์ 2) ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ Application Software คือชุดคาสง่ั หรือโปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาเพอื่ ใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ ซ่ึงแบ่ง
2 ไดด้ งั น้ี 1) User Program เป็นโปรแกรมท่ีผใู้ ชเ้ ขียนมาใชเ้ องโดยใชภ้ าษาระดบั สูง ทางคอมพวิ เตอร์เช่นภาษาC,COBOL. Java หรือFORTRAN เพื่อใหไ้ ด้ โปรแกรมที่สามารถทางานไดต้ ามที่ตอ้ งการเช่นโปรแกรมระบบบญั ชีโปรแกรมควบคุมสินคา้ คง คลงั โปรแกรมแฟ้มทะเบียนประวตั ิโปรแกรมคานวณภาษีโปรแกรมเงินเดือนเป็นตน้ 2) Package program โปรแกรมสาเร็จรูปที่สร้างข้ึนหรือเขียนข้ึนมาโดยบริษทั พร้อม จะนาไปใชง้ านไดท้ นั ทีเช่นโปรแกรมทางดา้ นประมวลผลคาสามารถจดั ทาเอกสารรายงานจดหมาย หนงั สือต่างๆโปรแกรมดา้ นตารางงานเป็นโปรแกรมที่ใชค้ านวณขอ้ มูลมีลกั ษณะเป็นตาราง โปรแกรมดา้ นฐานขอ้ มูลเป็นโปรแกรมดา้ นการจดั การฐานขอ้ มูลช่วยจดั เกบ็ ขอ้ มูลแกไ้ ขคน้ หา เพิ่มเติมรวมท้งั การจดั เรียงขอ้ มูลโปรแกรมดา้ นการจดั การรูปภาพโปรแกรมเกมส์และโปรแกรม ดา้ นการติดต่อสื่อสาร 1.3.3 บุคลากร People where หมายถึงบุคคลที่เก่ียวขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์ในดา้ น ต่างๆแบ่งได้ 4 กลุ่มคือ 1) ผจู้ ดั การระบบ System Manager เป็นผวู้ างนโยบายการใชค้ อมพิวเตอร์ให้ เป็ นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน 2) นกั วเิ คราะห์ระบบ System analyst เป็นผทู้ ี่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่ทา การวเิ คราะห์ความเหมาะสมความเป็นไปไดใ้ นการใชค้ อมพิวเตอร์กบั ระบบงานเพือ่ ให้ โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมใหก้ บั ระบบงาน 3)โปรแกรมเมอร์ เป็นผเู้ ขียนโปรแกรมสง่ั งานระบบคอมพวิ เตอร์เพอ่ื ใหท้ างานตามความตอ้ งการ ของผใู้ ชโ้ ดยเขียนตามแผนผงั ที่นง่ั วิเคราะห์ระบบไดเ้ ขียนไว้ 4) ผใู้ ช้ User ตอ้ งเรียนรู้วธิ ีการใชเ้ คร่ืองและวธิ ีการใชง้ านโปรแกรมเพือ่ ใหโ้ ปรแกรมที่มีอยู่ สามารถทางานไดต้ ามที่ตอ้ งการ 1.3.4 ขอ้ มูล Dataเป็นสิ่งท่ีตอ้ งป้อนเขา้ ไปในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์พร้อมกบั โปรแกรมที่ โปรแกรมเมอร์เขียนข้ึนเพือ่ ผลลพั ธ์ที
2 ตอ้ งการออกมาขอ้ มูลท่ีสามารถนามาใชก้ บั คอมพิวเตอร์ไดเ้ ช่นขอ้ มูลตวั เลขมาขอ้ มูลท่ีเป็นขอ้ ความ ขอ้ มูลเสียงขอ้ มูลภาพ และขอ้ มูลภาพเคล่ือนไหวตอ้ งการออกมาขอ้ มูลท่ีสามารถนามาใชก้ บั คอมพิวเตอร์ไดเ้ ช่นขอ้ มูลตวั เลขมาขอ้ มูลท่ีเป็นขอ้ ความ ขอ้ มูลเสียงขอ้ มูลภาพ และขอ้ มูลภาพ เคล่ือนไหว 2.ระบบสารสนเทศ 2.1 ความหมายของสารสนเทศ สารสนเทศหมายถึงขอ้ มูลท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการดาเนินชีวติ ของมนุษยเ์ กิดจากการนาเอาขอ้ มูลมา ผา่ นการประมวลผลคานวณวเิ คราะห์และแปลความหมายเป็นขอ้ มูลที่นามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ขอ้ มูล เป็นขอ้ เทจ็ จริงหรือเรื่องราวท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ส่ิงต่างๆเช่นคน สตั ว์ ส่ิงของ สถานที่ ท่ีอยใู่ น รูปแบบที่เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมาย และการประมวลผล ขอ้ มูลอาจจะไดม้ าจาก การสงั เกต การรวบรวม การวดั ขอ้ มูลเป็นไดท้ ้งั ขอ้ มูลตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์ มีความเป็นจริง การประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็นสารสนเทศ ประกอบดว้ ย การจดั แบ่งกลุ่มขอ้ มูลการจดั เรียงขอ้ มูล ตามลาดบั ตวั เลขหรืออกั ษรการสรุปผลหรือสร้างรายงานยอ่ และการคานวณขอ้ มูลท่ีเป็นตวั เลขเพื่อ หาผลลพั ธ์ได้ การดูแลรักษาสารสนเทศเพ่ือการใชง้ านควรมีการเกบ็ รักษาขอ้ มูลโดยบนั ทึกไวใ้ นส่ือบนั ทึกต่างๆ เพอื่ สะดวกในการคน้ หาการทาสาเนาขอ้ มูลเพ่อื เก็บรักษาไวห้ รือนาไปแจกจ่ายในภายหลงั และการ สื่อสารขอ้ มูลเพอื่ กระจายหรือส่งต่อไปยงั ผใู้ ชง้ าน
2 2.2 ระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ( information System) หมายถึงระบบท่ีประกอบดว้ ยส่วน ต่างๆไดแ้ ก่ระบบคอมพวิ เตอร์ท้งั ฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์ระบบเครือขา่ ยฐานขอ้ มูลผพู้ ฒั นาระบบผใู้ ช้ ระบบผเู้ ชี่ยวชาญในสาขาและพนกั งานท่ีเก่ียวขอ้ งองคป์ ระกอบเหล่าน้ีทางานร่วมกนั เพื่อสร้าง สารสนเทศและส่งผลลพั ธ์หรือสารสนเทศท่ีไดใ้ หผ้ ใู้ ชเ้ พือ่ ช่วยสนบั สนุนการทางานการตดั สินใจ การวางแผนการบริหารการควบคุมการวเิ คราะห์และติดตามผลการดาเนินงานขององคก์ รมีการแบ่ง ระดบั ของผใู้ ชร้ ะบบสารสนเทศตามลกั ษณะบริหารจดั การได้ 3 ระดบั ไดแ้ ก่ 2.2.1 ระดบั สูง(Top Level Management)มีหนา้ ท่ีกาหนดและวางแผนกล ยทุ ธ์ขององคก์ รเพ่ือนาไปสู่เป้าหมายโดยมีท้งั สานสนเทศภายในและภายนอกเพื่อวเิ คราะห์แนวโนม้ สถานการณ์โดยรวม 2.2.2 ระดบั กลาง( middle Level Management) มีหนา้ ที่รับนโยบาย มาจากผบู้ ริหารระดบั สูงเพอื่ ดาเนินการใหบ้ รรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนดไวด้ ว้ ยการใชห้ ลกั บริหาร และจดั การอยา่ งมีประสิทธิภาพระบบสารสนเทศที่ใชม้ กั ไดม้ าจากแหล่งขอ้ มูลภายใน 2.2.3 ระดบั ปฏิบตั ิการ( Operation Level Management) เป็นกลุ่ม ผลิตหรือปฏิบตั ิงานขององคก์ ร 2.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศ (information technology: IT)มาจากการผสมคาวา่ ” เทคโนโลยที ่ีหมายถึงการนาเอาแนวความคิดหลกั การเทคนิคความรู้ระเบียบวธิ ีกระบวนการ ตลอดจนผลผลิตทางวทิ ยาศาสตร์ท้งั ในดา้ นส่ิงประดิษฐแ์ ละวธิ ีปฏิบตั ิมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นระบบงาน เพ่ือช่วยใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงในการทางานและเพิม่ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผลงานให้ มีมากยงิ่ ข้ึนกบั คาวา่ สารสนเทศฉะน้นั เทคโนโลยสี ารสนเทศจึงหมายถึงเทคโนโลยที ่ีใชจ้ ดั การ สารสนเทศดว้ ยการใชเ้ ทคโนโลยที ี่เก่ียวขอ้ งจดั หาวเิ คราะห์ประมวลจดั การจดั เกบ็ การพิมพก์ าร สร้างรายงานการเรียกใชห้ รือแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ส่ือสารขอ้ มูลดว้ ยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ไม่วา่ จะ อยใู่ นรูปแบบของรูปเสียงตวั อกั ษรหรือภาพเคล่ือนไหวรวมไปถึงการนาเสนอสารสนเทศและขอ้ มูล ไปปฏิบตั ิตามเน้ือหาของสารสนเทศน้นั เพอื่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายของผใู้ ช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็น
2 เคร่ืองมือที่สามารถพฒั นาขอ้ มูลต่างๆในระบบสารสนเทศใหอ้ ยใู่ นรูปแบบท่ีสามารถนาไปใชง้ าน ไดท้ นั ทีส่วนเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเกิดจากการทางานส่วนหน่ึงของเทคโนโลยี สารสนเทศที่มีการใชเ้ ทคโนโลยกี ารส่ือสารเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มูลสารสนเทศท่ีสมบูรณ์ถกู ตอ้ งรวดเร็ว ตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน 3.1ตวั อยา่ งการใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศ 3.1.1การใชเ้ พ่อื งานสานกั งานจะใชใ้ นการนาขอ้ มูลเขา้ ประมวลผลขอ้ มูลเกบ็ บนั ทึกขอ้ มูลและ การส่งออกผลลพั ธ์ของขอ้ มูล 3.1.2การใชเ้ พอื่ เรียกดูขอ้ มูลผา่ นบริการเวบ็ ไซตใ์ ชง้ านดว้ ยโปรแกรมเวบ็ บราวเซอร์เป็น แหล่งขอ้ มูลท่ีมีผใู้ ชง้ านมากเนื่องจากเน้ือหาขอ้ มูลเป็นลกั ษณะสื่อผสมท้งั ขอ้ ความภาพและ ภาพเคลื่อนไหว 3.1.3การใชเ้ พ่ือการสื่อสารขอ้ มูลในลกั ษณะจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์การส่งอีเมลสามารถแนบ ไฟลเ์ อกสารรูปภาพและเสียงไดผ้ รู้ ับสามารถบนั ทึกหรือพมิ พห์ รือส่งอีเมลไปยงั ผรู้ ับหลายคนไดใ้ น เวลาเดียวกนั เป็นการติดต่อสื่อสารท่ีสะดวกรวดเร็วและประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย 3.1.4การใชเ้ พ่ือการสนทนาการประชุมเป็นการสื่อสารในลกั ษณะของขอ้ ความภาพหรือเสียงท่ี ทาใหค้ ู่สนทนาสามารถโตต้ อบไดท้ นั ทีการสนทนาออนไลนแ์ ตกต่างกบั อีเมลท่ีการสนทนา ออนไลนไ์ ม่ตอ้ งทราบที่อยขู่ องผสู้ นทนาแต่จะตอ้ งอยใู่ นหอ้ งสนทนาเดียวกนั สามารถสนทนา พร้อมกนั ไดห้ ลายหลายคนผเู้ ขา้ ร่วมการสนทนาทุกคนจะมองเห็นขอ้ ความน้นั ไดท้ นั ที่ 3.1.5 การใชเ้ พ่ือการติดต่อสื่อสารในเครือข่ายสงั คมออนไลนเ์ ป็นพ้ืนท่ีสาธารณะท่ีคนทว่ั โลก สามารถติดต่อสื่อสารและแบ่งปันขอ้ มูลใหก้ บั ผทู้ ่ีอยใู่ นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและสื่อสงั คมออนไลน์ สมาชิกไม่จาเป็นตอ้ งมีความสมั พนั ธ์อยา่ งแน่นแฟ้นแต่มีหวั ขอ้ ความสนใจร่วมกนั มีบทบาทท่ีแสดง ถึงแนวความคิดเรื่องใดเรื่องหน่ึงร่วมกนั 3.1.6การใชเ้ พื่อการจดั การภาคเสียงและภาพเคล่ือนไหวเก่ียวขอ้ งกบั งานแทบทุกงานใน คอมพวิ เตอร์ท้งั การแทรกลงในเอกสารแนบไฟลก์ บั อีเมลหรือนาเสนอไฟลน์ ้นั ๆเช่นการถ่ายภาพ ดว้ ยกลอ้ งดิจิตอลแลว้ นาเขา้ มายงั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพ่อื นาเสนอพมิ พเ์ ผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต 3.1.7การใชเ้ พื่อความบนั เทิงหรือพกั ผอ่ นหยอ่ นใจเพอื่ ใหผ้ ใู้ ชค้ ลายความตึงเครียดจากการทา
2 3.2การนาคอมพวิ เตอร์ไปใชง้ าน ลกั ษณะการนาคอมพิวเตอร์มาใชง้ านในรูปแบบต่างๆไดแ้ ก่ 3.2.1การนามาใชใ้ นสถานศึกษาการใชใ้ นการเรียนการสอนและการบริหารจดั การของ สถานศึกษาเช่นการจดั ทาประวตั ินกั เรียนประวตั ิครูอาจารยล์ งทะเบียนเรียนตรวจสอบขอ้ สอบ รายงานผลการเรียนใชใ้ นงานหอ้ งสมุด 3.2.2การนามาใชใ้ นงานวศิ วกรรมเช่นการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมต่างๆการเขียน แบบตลอดจนการคานวณโครงสร้างช่วยในการวางแผนและควบคุม 3.2.3การนามาใชใ้ นงานวทิ ยาศาสตร์ใชร้ ่วมกบั เครื่องมือทางวทิ ยาศาสตร์ต่างๆเช่นเคร่ืองมือ วเิ คราะห์สารเคมีเครื่องมือการทดลองต่างๆแมก้ ระทงั่ การเดินทางของยานอวกาศการถ่ายภาพ พ้นื ผวิ โลกบนดาวองั คาร 3.2.4การนามาใชใ้ นงานธุรกิจใชใ้ นการจดั เกบ็ ขอ้ มูลประมวลขอ้ มูลและนาเสนอขอ้ มูล 3.2.5การนามาใชใ้ นงานธนาคารใชใ้ นกระบวนการทางานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ธุรกรรมเช่นการ บนั ทึกรายการการดาเนินงานการคานวณและการสรุปขอ้ มูลการทางานของเครื่องATM 3.2.6การนามาใชใ้ นธุรกิจขนาดเลก็ หรือร้านคา้ ปลีกเช่นการทารายการสินคา้ คงคลงั การ จาหน่ายสินคา้ หนา้ ร้านการใชบ้ ริการชาระคา่ บริการต่างๆ 3.2.7การนามาใชใ้ นวงการแพทยเ์ ช่นการเกบ็ ประวตั ิของคนไขบ้ นั ทึกการรับและจ่ายยา ตลอดจนเป็นส่วนหน่ึงท่ีอยใู่ นอปุ กรณ์หรือเคร่ืองมือทางแพทยเ์ ช่นเคร่ืองบนั ทึกการเตน้ ของหวั ใจ ตรวจคล่ืนสมองและหาตาแหน่งของอวยั วะก่อนการผา่ ตดั 3.2.8นามาใชใ้ นการคมนาคมการส่ือสารเช่นการตรวจสอบสภาพจราจรการควบคุมการบินการ จองตวั๋ เดินทางการนามาใชใ้ นการส่ือสารเช่นการใชเ้ ครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตติดต่อส่ือสารไดท้ ว่ั โลก ผา่ นโปรแกรมและบริการต่างๆที่สะดวกรวดเร็วและประหยดั ค่าใชจ้ ่าย 3.2.9การนามาใชใ้ นงานดา้ นอุตสาหกรรม การวางแผนการผลิตการกาหนดเวลาการผลิตการ ผลิตสินคา้ การควบคุมระบบการผลิตหรือการควบคุมการทางานของเครื่องจกั ร
2 3.2.10การนามาใชใ้ นหน่วยงานราชการเช่นเอกสารสานกั งานการเกบ็ รวบรวมสรุปขอ้ มูลงาน ทะเบียนราษฎรคานวณภาษีอากรเกบ็ เงินคา่ ไฟฟ้าค่าน้าประปาค่าใชโ้ ทรศพั ท์ แบบทดสอบทา้ ยบท 1.ขอ้ ใดบอกความหมายของคอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกตอ้ ง * ก. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถนามาใชค้ านวณได้ ข. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีสามารถทางานไดเ้ อง ค. เครื่องมือท่ีช่วยในการจดั เก็บขอ้ มูลไดจ้ านวนมาก ง. เครื่องมือช่วยในการจดั การกบั ขอ้ มูลที่สามารถกาหนดชุดคาส่ังล่วงหนา้ จ. คอมพิวเตอร์เป็ นชุดคาส่ังในการจดั ทาขอ้ มูล 2.ขอ้ ใดเป็นหลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ * ก. คอมพิวเตอร์จะรับขอ้ มูลแลว้ นามาแสดงผล ข. คอมพิวเตอร์จะนาขอ้ มูลท่ีเก็บหน่วยความจามนั แสดงผล ค. คอมพิวเตอร์จะรับขอ้ มูลส่งใหห้ น่วยประมวลผลแลว้ นามาแสดงผล ง. คอมพิวเตอร์จะรับขอ้ มูลมาเก็บในหน่วยความจาแลว้ นามาแสดงผล จ. คอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีทางานไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ 3.หน่วยประมวลผลกลางทาหนา้ ท่ีใด *
2 ก. ส่งขอ้ มูลจากผูใ้ ชเ้ ขา้ สู่ระบบ ข. รับขอ้ มูลจากอุปกรณ์รับเขา้ ค. ส่งผลจากการทางานไปแสดงผล ง. ประมวลผลกบั ขอ้ มูลเพื่อแปลงใหอ้ ยใู่ นรูปอื่นตามท่ีตอ้ งการ จ. ทุกส่วนของคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกนั 4 พาผเู้ รียนตอ้ งการจดั ทาระบบสานสนเทศผเู้ รียนควรทราบองคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ในขอ้ ใด * ก. ฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์และผใู้ ช้ ข. ฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์และขอ้ มูล ค. ฮาร์ดแวร์ พีเพิลแวและขอ้ มูล ง. ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ พีเพิลแวร์ ระบบขอ้ มูล จ. ฮาร์ดแวร์ซอฟตแ์ วร์พีเพิลแวร์และขอ้ มูล 5.ซอฟตแ์ วร์แบ่งเป็นประเภทใดบา้ ง * ก. แพค็ เกจโปรแกรมและ User โปรแกรม ข. ซอฟตแ์ วร์ระบบและซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ ค. ระบบปฏิบตั ิการและ Utility Program ง. ระบบปฏิบตั ิการและโปรแกรมประยกุ ต์ จ. ขอ้ 2 และขอ้ 3 ถูก 6.โปรแกรม ms Word จดั เป็ นซอฟตแ์ วร์ประเภทใด * ก. ซอฟตแ์ วร์ระบบ
2 ข. ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ ค. ซอฟตแ์ วร์ประเภท User Program ง. ซอฟตแ์ วร์ประเภทระบบปฏิบตั ิการ จ. ซอฟตแ์ วร์อตั โนมตั ิ 7.บุคคลในขอ้ ใดเป็ นพีเพิลแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ * ก. ผใู้ ชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ ข. บุคคลหรือประชาชนทว่ั ไป ค. เป็ นใครก็ไดท้ ่ีใชค้ อมพิวเตอร์ได้ ง. นกั วิเคราะห์ระบบและโปรแกรมเมอร์ จ. ผจู้ ดั การระบบนกั วิเคราะห์ระบบโปรแกรมเมอร์และผใู้ ช้ 8.หากผเู้ รียนตอ้ งการประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็ นสารสนเทศผเู้ รียนควรทาส่ิงใดเป็นอนั ดบั แรก * ก. แบ่งกลุ่มขอ้ มูล ข. ประมวลผลขอ้ มูล ค. สร้างสานสนเทศ ง. คานวณขอ้ มูล จ. เก็บรักษาขอ้ มูล 9.การนาความรู้ไปใชใ้ นธุรกิจขนาดเลก็ สามารถนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งไร * ก. ใชค้ านวณภาษีอากร ข. ใชว้ างแผนการผลิต ค. ใชท้ ารายการสินคา้ ง. ใชจ้ ดั ทารายงาน จ. ใชจ้ ดั ทาเอกสารสานกั งาน 10.เทคโนโลยสี ารสนเทศสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การศึกษาไดต้ ามขอ้ ใด *
2 ก. ครือข่าย School Net ข. ระบบขอ้ มูลทะเบียนราษฎร ค. การจองตว๋ั เครื่องบินผา่ นระบบเครือข่าย ง. การนามาสอนในช้นั เรียน จ. ผเู้ รียนสามารถใชโ้ ทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ีในโรงเรียนได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: