Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Booklet_The_Solar_System_2020

Booklet_The_Solar_System_2020

Description: Booklet_The_Solar_System_2020

Keywords: ระบบสุริยะ

Search

Read the Text Version

SOLARTHSEYSTEM ระบบสรุ ิยะ www.NARIT.or.th

THE SOLAR SYSTEM ระบบสรุ ยิ ะ คอื ระบบทม่ี ดี วงอาทติ ยเ์ ปน็ ศนู ยก์ ลางประกอบดว้ ยวตั ถุ ตา่ ง ๆ โคจรอยรู่ อบดวงอาทติ ยภ์ ายใตแ้ รงโนม้ ถว่ ง เชน่ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง และวตั ถขุ นาดเลก็ อนื่ ๆ อกี นบั ไมถ่ ว้ น 2 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ก�ำเนิดระบบสรุ ยิ ะ เม่ือประมาณ 4,600 ล้านปีที่แล้ว ระบบสุริยะถือ บริเวณใจกลางของระบบมีความร้อนและพลังงาน ก�ำเนิดข้ึนจากกลุ่มฝุ่นและแก๊สในอวกาศที่เรียกว่า สงู มากขน้ึ เร่อื ย ๆ ส่งผลใหส้ สารทอ่ี ยใู่ กล้กบั บรเิ วณ “เนบวิ ลาสรุ ยิ ะ (Solar Nebula)” สสารคอ่ ย ๆ รวมตวั ดงั กลา่ ว มเี พยี งวตั ถปุ ระเภทหนิ และเหลก็ ทยี่ งั สามารถ กนั จนมคี วามหนาแนน่ มากขน้ึ บรเิ วณทมี่ คี วามหนาแนน่ คงสภาพอยูไ่ ด้ ซึง่ กอ่ ตัวเป็นดาวเคราะห์หินทร่ี ูจ้ กั กัน สูงสุดจะกลายเป็นศูนย์กลางของระบบ อิทธิพล ในปจั จบุ นั ไดแ้ ก่ ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก และดาวองั คาร แรงโน้มถ่วงจากศูนย์กลางส่งผลให้สสารโดยรอบ ส่วนต�ำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไปจะเต็มไปด้วยสสาร ถกู ดงึ ดดู เขา้ สบู่ รเิ วณดงั กลา่ ว และกอ่ ตวั เปน็ จานสสาร จ�ำพวกแก๊ส น�้ำแข็ง และน้�ำแข็งมีเทน ที่ก่อตัวเป็น หมุนวนขนาดใหญ่ท่ีคอยป้อนมวลสารเข้าสู่ใจกลาง ดาวเคราะหแ์ กส๊ ยกั ษ์ ไดแ้ ก่ ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ เรียกระยะนี้ว่า “ดวงอาทิตยก์ อ่ นเกิด (Protosun)” ดาวยูเรนสั และดาวเนปจูน กระบวนการดึงดูดสสารยังคงด�ำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อใจกลางของระบบมีอุณหภูมิและความหนาแน่น ดาวเคราะหเ์ รม่ิ กอ่ ตวั จากหนิ และฝนุ่ บรเิ วณจานทเ่ี รมิ่ ชน สูงพอท่ีไฮโดรเจนสามารถหลอมรวมเป็นฮีเลียม และรวมตัวกันเอง เกิดเป็นก้อนหินหรือก้อนน�้ำแข็ง เกดิ พลงั งานมหาศาลขน้ึ ทใี่ จกลาง เรยี กวา่ “ปฏกิ ริ ยิ า ขนาดใหญ่ ซง่ึ เปน็ ระบบขนาดเลก็ ทค่ี อ่ ย ๆ ดงึ ดดู มวลสาร นวิ เคลยี รฟ์ วิ ชนั (Nuclear Fusion)” ปฏกิ ริ ยิ าดงั กลา่ ว เขา้ หาตัวเองเชน่ กัน สรา้ งแรงผลกั ทตี่ า้ นแรงยบุ ตวั เนอ่ื งจากแรงโนม้ ถว่ ง เกิดสภาวะสมดุลระหว่างแรงทั้งสอง จึงเกิดเป็น ดวงอาทติ ย์ที่มีสภาพคงที่จนถงึ ปัจจุบัน 3ระบบสรุ ิยะ The Solar System

4 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ค�ำศพั ทท์ ่ตี ้องรู้เกี่ยวกับระบบสุรยิ ะ ระยะทาง 1 หนว่ ยดาราศาสตร์ (Astronomical Unit) ดาวเคราะหน์ อ้ ย (Asteroids) คอื วตั ถขุ นาดเลก็ ทอ่ี ยู่ หรือ 1 AU มคี ่าเท่ากบั 149,597,870.7 กิโลเมตร ไม่เกินวงโคจรของดาวพฤหัสบดี เป็นเศษซากท่ี เ ป ็ น ค ่ า ท่ี อ ้ า ง อิ ง จ า ก ร ะ ย ะ ท า ง เ ฉ ลี่ ย จ า ก โ ล ก ถึ ง หลงเหลอื จากการกอ่ ตวั ของระบบสรุ ยิ ะ มมี วลไมม่ าก ดวงอาทิตย์ นยิ มใชใ้ นการบอกระยะทางดาราศาสตร์ พอทจี่ ะกอ่ ตวั เปน็ ดาวเคราะห์ พบมากระหวา่ งวงโคจร ของดาวอังคารและดาวพฤหสั บดี ดาวฤกษ์ (Stars) คือ ดาวท่สี อ่ งแสงได้ด้วยตวั เอง จากปฏิกริ ยิ านิวเคลยี รฟ์ วิ ชัน ดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planes) คือ วัตถุที่โคจร รอบดวงอาทิตย์ ไมเ่ ป็นดาวบรวิ าร และมสี ณั ฐานเป็น ดาวเคราะห์ (Planets) คอื วตั ถทุ สี่ หพนั ธด์ าราศาสตร์ ทรงกลมเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ แต่มีวงโคจรรอบ นานาชาติ (IAU) ก�ำหนดในปี ค.ศ. 2006 ให้มี ดวงอาทิตย์ท่ีซ้อนทับกับวัตถุอ่ืน ส่วนมากพบท่ี คณุ สมบตั ดิ งั ต่อไปนี้ วงโคจรถัดจากดาวเนปจูน 1. โคจรรอบดาวฤกษ์ (ดวงอาทิตย)์ 2. มีมวลมากพอจนแรงโน้มถว่ งทำ� ใหว้ ัตถุ ดาวหาง (Comets) คือ วัตถุท่ีมีองค์ประกอบหลัก ดังกลา่ วมีสณั ฐานเป็นทรงกลม เปน็ น�ำ้ แข็ง เม่ือเขา้ ใกล้ดวงอาทิตย์จะถูกแผดเผาจน 3. วตั ถดุ งั กลา่ วทำ� ใหบ้ รเิ วณวงโคจรของมนั ระเหดิ ออก เกดิ เป็นหางแกส๊ และหางฝุน่ ฟ้งุ กระจายไป ปราศจากวัตถอุ น่ื ทม่ี ขี นาดใกล้เคียงกนั ในอวกาศ สว่ นมากมีแหล่งกำ� เนดิ อยทู่ แี่ ถบไคเปอร์และ เมฆออรต์ ดาวเคราะหช์ น้ั ใน (Inner Planets) หรอื ดาวเคราะหห์ นิ (Terrestrial Planets) คอื ดาวเคราะหท์ ม่ี อี งคป์ ระกอบ ดาวบรวิ าร (Natural Satellites) หรอื ดวงจนั ทรบ์ รวิ าร ส่วนใหญ่เป็นหินและเหล็ก ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ คอื วตั ถทุ โ่ี คจรรอบวตั ถทุ ใี่ หญก่ วา่ ทไ่ี มใ่ ชด่ วงอาทติ ย์ โลก และดาวอังคาร เช่น โคจรรอบดาวเคราะห์ โคจรรอบดาวเคราะห์แคระ เป็นตน้ ดาวเคราะหช์ น้ั นอก (Outer Planets) หรอื ดาวเคราะห์ แก๊สยักษ์ (Gas Giants) คือ ดาวเคราะหข์ นาดใหญท่ ่ี วัตถพุ น้ ดาวเนปจูน (Trans-Neptunian Objects) มอี งค์ประกอบสว่ นใหญ่เป็นแกส๊ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี คือ วัตถุใดก็ตามทม่ี ีวงโคจรรอบดวงอาทิตยถ์ ดั จาก ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั และดาวเนปจนู ดาวเนปจูน ครอบคลุมต้ังแต่วัตถุในแถบไคเปอร์ ไปจนถงึ สดุ ขอบเขตเมฆออรต์ 5ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดวงอาทติ ย์ The Sun

แกรนูล (Granule) จดุ บนดวงอาทติ ย์ (Sunspot) โคโรนา (Corona) พวยแกส๊ (Prominence)

ดวงอาทิตย์ เป็นดาวฤกษ์ พ้ืนผวิ ของดวงอาทติ ย์ เพียงหน่ึงเดียวในระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์มีลักษณะเป็นแก๊ส จัดเป็นดาวฤกษ์ประเภท G2V ทั้งดวงจึงไม่มีพ้ืนผิวที่แท้จริง มสี เี หลอื ง-สม้ อณุ หภมู พิ นื้ ผวิ แต่มีชั้นบรรยากาศที่ส่องสว่าง ประมาณ 5,500 องศาเซลเซยี ส มากท่ีสุด คือ “โฟโตสเฟียร์ มขี นาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางใหญ่ (Photosphere)” มลี วดลายคลา้ ย กว่าโลก 109 เท่า ซ่ึงเป็นขนาด กบั ฟองแกส๊ เดอื ด เรยี กวา่ “แกรนลู เฉลย่ี ของดาวฤกษ์ทัว่ ไป มีมวลคิด (Granule)” หนาประมาณ 500 เปน็ รอ้ ยละ 99 ของมวลทงั้ หมดในระบบ กิโลเมตร มีอุณหภูมิ 5,500 องศา สุริยะ ถือก�ำเนิดขึ้นเม่ือประมาณ 4,600 เซลเซยี ส แสงดวงอาทติ ยท์ เี่ รามองเหน็ จากโลก ล้านปีท่ีแล้ว และจะคงสภาพเช่นนี้ไปอีกประมาณ สว่ นใหญค่ อื แสงจากบรรยากาศชน้ั น้ี จงึ เปรยี บเสมอื น 5,000 ล้านปี กอ่ นจะเขา้ สูว่ ยั ชราและกลายสภาพเป็น เปน็ พนื้ ผิวของดวงอาทิตย์ ซ่ึงแสงที่ออกมาจากชนั้ ดาวยกั ษแ์ ดง โฟโตสเฟยี ร์จะใช้เวลา 8 นาทีเพอ่ื เดนิ ทางมาถึงโลก ดวงอาทิตย์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,391,400 นอกจากนย้ี ังเปน็ ชั้นทีพ่ บ จุดบนดวงอาทิตย์ (Sun- กโิ ลเมตร มปี รมิ าตรทส่ี ามารถบรรจโุ ลกไดถ้ งึ 1.3 ลา้ นใบ spot) กลา่ วคอื เปน็ บรเิ วณทส่ี นามแมเ่ หลก็ แปรปรวน ทแี่ กน่ กลางดวงอาทติ ยม์ อี ณุ หภมู ิ 15 ลา้ นองศาเซลเซยี ส และมคี วามเข้มสงู ท�ำให้บรเิ วณนั้นมอี ุณหภูมติ ่�ำกว่า เพียงพอให้เกดิ ปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์ฟิวชนั หลอมรวม และสวา่ งนอ้ ยกวา่ บรเิ วณอน่ื โดยรอบ เมอื่ สงั เกตจาก ไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี มและผลติ พลงั งานออกมามหาศาล โลกจะมีลักษณะเป็นจุดสีด�ำ รวมถึงเป็นชั้นที่มีการ ความรอ้ นและแสงทงั้ หมดทโ่ี ลกไดร้ บั มาจากปฏกิ ริ ยิ านี้ ปลดปล่อยมวลสารออกสู่อวกาศ เช่น พวยแก๊ส (Prominence) การลุกจา้ (Flare) เป็นตน้ ชน้ั บรรยากาศ ถัดจากช้ันโฟโตสเฟียร์ขึ้นไปเป็นช้ัน “โครโมสเฟียร์ (Chromosphere)” ระดับความสูงต้ังแต่ 3,000 ถึง 5,000 กิโลเมตร เป็นชั้นท่พี บลกั ษณะคลา้ ยหนาม แหลมช้ีออกจากดวงอาทิตย์ เรียกว่า “สปิคูล (Spicule)” มคี วามหนาแน่นต่�ำ และมอี ุณหภูมติ ั้งแต่ 5,000 ไปจนถึง 35,000 องศาเซลเซยี ส โครงสร้างภายใน พลังงานท่ีผลิตข้ึนที่แก่นกลางจะเข้าสู่ “ช้ันแผ่รังสี (Radiative Zone)” ท่ีมีการถ่ายโอนพลังงานโดย การแผ่รังสี จากนนั้ จะเขา้ สู่ “ชั้นพาความรอ้ น (Con- vective Zone)” ท่ีมีลักษณะเป็นแก๊สร้อนหมุนวน แก๊สท่ีอยู่ระดับต�่ำจะมีอุณหภูมิสูงและลอยตัวข้ึนสู่ ชั้นบนน�ำพาพลังงานและความร้อนข้ึนสู่บรรยากาศ ชั้นโฟโตสเฟียร์ จากนั้นแก๊สจะเย็นตัวลงและจมลงสู่ ชน้ั ลา่ งจนมอี ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ แลว้ ลอยตวั ขนึ้ ชน้ั บนอกี ครงั้ หมนุ วนเปน็ วฏั จกั ร ซง่ึ พลงั งานทสี่ รา้ งขน้ึ ทแ่ี กน่ กลาง จะใช้เวลาประมาณ 170,000 ปีในการเดนิ ทางออกสู่ บรรยากาศชน้ั โฟโตสเฟียร์ 8 ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

Sun 3D Model อุณหภูมิของช้ันโครโมสเฟียร์จะเพ่ิมข้ึนตามระดับ ดวงอาทิตย์แผ่ขยายออกไปไกลถึงประมาณ 120 ความสูงจนกระทั่งถึงขอบด้านบน อุณหภูมิจะเพิ่ม หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งในขณะท่ีดวงอาทิตย์หมุน ขึ้นอย่างรวดเรว็ สู่ 1 ลา้ นองศาเซลเซียส และกลาย รอบตัวเองก็ท�ำให้เส้นสนามแม่เหล็กเหล่าน้ีบิดเป็น เป็นบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ช่ือว่า เกลยี วคลา้ ยกับกังหนั (Parker Spiral) “โคโรนา (Corona)” เปน็ ชั้นทีม่ อี ณุ หภูมเิ ฉลย่ี 1 ถึง 2 ล้านองศาเซลเซียส สามารถมีอุณหภูมิสูงได้ถึง อย่างไรก็ดี ดวงอาทิตย์ไม่ได้ปลดปล่อยพลังงาน 20 ล้านองศาเซลเซียส มีลักษณะเป็นร้ิวแสงสีขาว ท่ีรุนแรงตลอดเวลา จะมีวัฏจักรที่เปลี่ยนแปลงไป พุ่งออกจากดวงอาทิตย์ไปไกลหลายล้านกิโลเมตร ประมาณ 11 ปี เรียกว่า “วฏั จกั รสุรยิ ะ (Solar Cycle)” ป ั จ จุ บั น ส า เ ห ตุ ท่ี ท� ำ ใ ห ้ บ ร ร ย า ก า ศ ชั้ น โ ค โ ร น า มี กล่าวคอื เป็นวัฏจกั รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลง อุณหภมู สิ งู กว่าชนั้ พื้นผิวยังคงเปน็ ปริศนา สนามแมเ่ หลก็ สง่ ผลใหแ้ ตล่ ะชว่ งดวงอาทติ ยป์ ลดปลอ่ ย พลงั งานแตกตา่ งกนั โดยชว่ งทดี่ วงอาทติ ยป์ ลดปลอ่ ย แสงจากบรรยากาศชั้นบนทั้งสองนี้จางมากเม่ือ พลงั งานมากทส่ี ดุ เรยี กวา่ “Solar Maximum” จะเปน็ เทยี บกบั แสงจากช้นั โฟโตสเฟยี ร์ จึงไม่สามารถมอง ชว่ งทป่ี รากฏจดุ บนพน้ื ผวิ มากทส่ี ดุ และชว่ งทดี่ วง เห็นได้ แต่หากเกดิ ปรากฏการณส์ ุรยิ ปุ ราคาเต็มดวง อาทติ ยป์ ลดปลอ่ ยพลงั งานนอ้ ย (เงยี บสงบ) และแทบ ดวงจันทร์จะบังแสงจากชั้นโฟโตสเฟียร์ไปจนหมด จะไมม่ จี ดุ บนพน้ื ผวิ เรยี กวา่ “Solar Minimum” ท�ำให้สามารถสังเกตเห็นชั้นโครโมสเฟียร์เป็นช้ันสี แดงบาง ๆ บริเวณขอบดวงอาทติ ย์ และชน้ั โคโรนาจะ Timeline ยานส�ำรวจดวงอาทิตย์ ปรากฏเป็นร้ิวแสงสีขาวพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ ค.ศ. 1990 - 2009 Ulysses สนามแมเ่ หล็กของดวงอาทติ ย์ ค.ศ. 1994 - ปจั จบุ นั Wind ค.ศ. 1995 - ปจั จุบัน SOHO กระแสพลาสมาบนดวงอาทิตย์สร้างสนามแม่เหล็กที่ ค.ศ. 1997 - ปจั จบุ ัน ACE ซบั ซอ้ นและรนุ แรง แผข่ ยายออกไปรอบ ๆ ดวงอาทติ ย์ ค.ศ. 2001 - 2004 Genesis และไปส้ินสุดที่จุดเฮลิโอพอส (Heliopause) เป็น ค.ศ. 2006 - ปจั จุบัน STEREO A ขอบเขตของระบบสรุ ิยะในแงข่ องสนามแมเ่ หล็ก ค.ศ. 2006 - 2016 STEREO B ค.ศ. 2010 - ปจั จุบัน SDO สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์แผ่ขยายออกไป ค.ศ. 2015 - ปจั จบุ ัน DSCOVR ไกลมาก เนื่องจากดวงอาทิตย์มีการปลดปล่อย ค.ศ. 2018 - ปัจจบุ นั Parker Solar Probe อนุภาคที่มีประจุอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า ลมสุริยะ ค.ศ. 2020 - ปัจจบุ ัน Solar Orbiter (Solar Wind) ซง่ึ ท�ำหนา้ ทีน่ �ำพาสนามแม่เหลก็ ของ 9ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ดาวพุธ Mercury

พนื้ ผวิ ดาวพธุ ถา่ ยโดยยานเมสเซนเจอร์ หลมุ อุกกาบาตรีนวั ร์ (Renoir Crater) หลุมอุกกาบาตอะพอลโลดอรัส (Apollodorus Crater) ขั้วเหนอื ดาวพุธ 11ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์ชั้นใน โครงสรา้ งภายใน ล�ำดบั แรกในระบบสุริยะ มขี นาด ดาวพุธมีความหนาแน่น 5,400 เ ล็ ก แ ล ะ อ ยู ่ ใ ก ล ้ ด ว ง อ า ทิ ต ย ์ กิ โ ล ก รั ม ต ่ อ ลู ก บ า ศ ก ์ เ ม ต ร ม า ก ที่ สุ ด ใ น ห มู ่ ด า ว เ ค ร า ะ ห ์ น้อยกว่าความหนาแน่นโลก ท้ังหมด มีขนาด ใ ห ญ ่ ก ว่ า เลก็ นอ้ ย และมขี นาดประมาณ 1 ใน ดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อย 3 ของขนาดโลก นกั วทิ ยาศาสตร์ พื้นผิวเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาต จึ ง เ ช่ื อ ว ่ า ด า ว พุ ธ มี แ ก ่ น ก ล า ง มีอุณหภูมิท่ีแตกต่างกันอย่างสุด ข น า ด ใ ห ญ ่ ท่ี ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย เ ห ล็ ก ขั้ ว ร ะ ห ว ่ า ง ก ล า ง วั น แ ล ะ ก ล า ง คื น ประมาณร้อยละ 60 ของมวลท้ังหมด จึงมีฉายาว่า “เตาไฟแช่แข็ง” มีหินหรือธาตุอ่ืน ๆ หุ้มอยู่รอบนอก และมี หลักฐานท่ีบ่งชี้ว่าที่แก่นกลางอาจมีมวลสารบาง ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วท่ีสุด ใช้เวลาเพียง ส่วนเปน็ เหลก็ หลอมเหลว 88 วัน ซึ่งเปน็ ทีม่ าของชือ่ “Mercury” เทพแห่งการ ส่งสาร และเนื่องจากดาวพุธมีช้ันบรรยากาศที่ เบาบางท�ำให้พื้นผิวด้านกลางวันมีอุณหภูมิสูงถึง 467 องศาเซลเซียส แตกต่างจากด้านกลางคืนมี อณุ หภูมิตำ�่ เพยี ง -183 องศาเซลเซียส ขอ้ มูลทัว่ ไป 4,879 กม. พนื้ ผวิ ของดาวพธุ 57.9 ล้าน กม. เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 88 วัน พนื้ ผวิ ของดาวพธุ คลา้ ยกบั ดวงจนั ทรข์ องโลก เตม็ ไป ระยะหา่ งจากดวงอาทิตย ์ 58.65 วัน ด้วยหลุมอุกกาบาตน้อยใหญ่ มีพ้ืนท่ีราบเรียบ คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย ์ 167 oC ประกอบกับแนวหน้าผาชันยาวหลายร้อยกิโลเมตรที่ คาบการหมนุ รอบตัวเอง ไมม่ ี เกดิ จากการหดตวั ของเปลือกดาว เนอ่ื งจากดาวพุธ อุณหภูมิพ้นื ผิวเฉลยี่ แทบจะไม่มชี ั้นบรรยากาศ อกุ กาบาตจงึ สามารถพ่งุ ชน ดาวบริวาร พื้นผิวได้โดยตรง หลุมอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ ทส่ี ุดบนดาวพุธ คือ “แอง่ คาโลริส (Caloris Basin)” มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,550 กิโลเมตร และมี น�้ำแข็งจ�ำนวนมากบริเวณข้ัวของดาว ดาวพุธมีขนาด 0.38 เท่าของโลก 12 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ชั้นบรรยากาศ ดาวพธุ กบั การพสิ จู นท์ ฤษฎขี องไอนส์ ไตน์ ดาวพุธมีช้ันบรรยากาศเบาบางและไม่เสถียรห่อหุ้มอยู่ ในศตวรรษท่ี 19 นักดาราศาสตร์ได้พยายาม เนื่องจากดาวพุธมีมวลน้อยมากจึงมีแรงโน้มถ่วงไม่ สังเกตการณ์วงโคจรของดาวพุธอย่างละเอียด เพยี งพอทจี่ ะกกั เกบ็ แกส๊ เอาไวร้ อบตวั เอง บรรยากาศ พบวา่ ในแตล่ ะรอบการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ ตำ� แหนง่ ที่ ของดาวพุธจึงมีความหนาแน่นเพียง 1 ในพันล้าน ดาวพุธเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากท่ีสุดไม่ใช่ต�ำแหน่ง ล้านเท่าของบรรยากาศโลกเท่านนั้ เดิม จะเคลื่อนไปประมาณ 43 พลิ ปิ ดาทุก ๆ 100 ปี กล่าวคือ วงโคจรของดาวพุธส่ายไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ บรรยากาศของดาวพุธเป็นช้ัน “เอกโซสเฟียร์ สามารถอธิบายได้ด้วยฟิสิกส์กลศาสตร์ของนิวตัน (Exosphere)” ส่วนใหญ่ประกอบด้วยธาตุโซเดียม ท่ีนักดาราศาสตร์ในยุคนั้นม่ันใจในความถูกต้องเป็น แมกนีเซยี ม ออกซิเจน ไฮโดรเจนและโพแทสเซียม ซึง่ เกิด อย่างมาก จนบางคนเช่ือว่าอาจมีดาวเคราะห์อีก ขน้ึ จากหลายกระบวนการ เชน่ ลมสรุ ยิ ะจากดวงอาทติ ย์ ดวงโคจรอยู่ใกล้ดาวพุธจึงท�ำให้วงโคจรของดาวพุธ ถูกสนามแม่เหล็กดาวพุธดึงดูดไว้ สารกัมตรังสีที่ ไมค่ งท่ี พนื้ ผวิ สลายตัวออกสอู่ วกาศ ถูกพุง่ ชนจากอนภุ าค ขนาดเล็กในอวกาศ ซงึ่ แก๊สเหลา่ น้ีมกี ารสญู เสยี ออก จนกระทั่ง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ตีพิมพ์ทฤษฎี จากดาวพุธอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็มีการ สัมพทั ธภาพทว่ั ไป (General Relativity) และอธิบาย สร้างข้นึ มาใหมอ่ ย่ตู ลอดเช่นเดียวกัน ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ต� ำ แ ห น ่ ง ข อ ง ด า ว พุ ธ ข ้ า ง ต ้ น ด้วยปรากฏการณ์ความโค้งของกาลอวกาศ น อ ก จ า ก น้ี อ ะ ต อ ม ข อ ง ธ า ตุ ท่ี เ ค ล่ื อ น ท่ี บ น พื้ น ผิ ว (Spacetime Curvature) ทเ่ี กดิ จากสนามแรงโนม้ ถว่ ง จะเกิดการทับถมและฝังตัวอยู่ใต้หลุมลึกซึ่งเป็น ของดวงอาทิตย์ และสามารถค�ำนวณค่าการส่าย บริเวณที่แสงดวงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง มีอุณหภูมิ ได้อย่างแม่นย�ำ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ท่ีท�ำให้ทฤษฎี เย็นจัด พอท่ีจะดักจับโมเลกุลน�้ำแข็งจากดาวหางท่ี สัมพัทธภาพท่ัวไปของไอน์สไตน์เป็นท่ียอมรับอย่าง ผ่านเข้ามา เกิดเป็นน้�ำแข็งอยู่ตามก้นหลุมลึกซึ่ง กว้างขวางในเวลาต่อมา นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจจับได้จากสัญญาณ เรดาห์บรเิ วณข้ัวของดาวพุธ Timeline ยานสำ� รวจดาวพุธ ค.ศ. 1974 - 1975 Mariner 10 ค.ศ. 2011 - 2015 MESSENGER ค.ศ. 2018 - ปัจจุบัน BepiColombo Mercury 3D Model 13ระบบสุริยะ The Solar System

ดาวศกุ ร์ Venus

แผนท่ีพื้นผิวบนดาวศกุ ร์ ภูเขาไฟซาปาส (Sapas Mons) หลุมอกุ กาบาตดิกคินสนั (Dickinson Crater) หลมุ อุกกาบาตบนดาวศุกร์ถ่ายโดยยานแมกเจลแลน 15ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวศกุ ร์ เปน็ ดาวเคราะหช์ น้ั ใน โครงสร้างภายใน ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็น ดาวศกุ ร์ ประกอบดว้ ยแกน่ กลาง ล�ำดับที่ 2 และมีวงโคจรอยู่ ท่ี เ ป ็ น เ ห ล็ ก มี รั ศ มี ป ร ะ ม า ณ ใกล้โลกเรามากท่ีสุด มีมวล 3,000 กิโลเมตร หอ่ หุ้มดว้ ยชั้น ขนาด ความหนาแน่น และ แมนเทิลที่มีความหนาประมาณ แรงโน้มถ่วงใกล้เคียงกับโลก 3,000 กโิ ลเมตร และชน้ั เปลอื กแขง็ ร ว ม ทั้ ง มี โ ค ร ง ส ร ้ า ง ภ า ย ใ น ท่ี ที่ประกอบด้วยหินซิลิเกต หนา 50 คล้ายคลึงกันด้วย จึงได้ฉายาว่า กโิ ลเมตร “ฝาแฝดของโลก” รวมถึงเป็นวัตถุทอ้ งฟา้ ทสี่ วา่ งเปน็ อนั ดบั 2 ในเวลากลางคนื (ดวงจนั ทรอ์ นั ดบั 1) พน้ื ผวิ ของดาวศกุ ร์ เป็นท่ีมาของช่ือ “Venus” ท่ีตั้งตามช่ือเทพเจ้า แห่งความรักและความงาม บนดาวศุกร์ไม่พบหลุมอุกกาบาตขนาดเล็กเน่ืองจาก วัตถุขนาดเล็กจะหลอมละลายไปในขณะวิ่งผ่านชั้น ดาวศกุ รห์ มนุ รอบตวั เองชา้ มาก หนง่ึ วนั ของดาวศกุ ร์ บรรยากาศ หลุมอุกกาบาตท่ีพบจึงเป็นหลุมท่ีเกิด ยาวนานถงึ 243 วันของโลก และหมนุ ในทิศทางตาม จากอุกกาบาตขนาดใหญ่ มีพื้นผิวเป็นที่ราบและ เข็มนาฬิกาซ่ึงตรงกันข้ามกับดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ ภูเขาไฟที่คุกรุ่น มีส่วนที่เป็นที่สูงอยู่เพียงเล็กน้อย ใชเ้ วลาในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ 225 วนั ท�ำให้ เชน่ บริเวณท่สี งู อะโฟรไดท์ (Aphrodite) มรี ูปรา่ ง บนดาวศุกร์จะเห็นดวงอาทิตย์ข้ึนทางทิศตะวันตก คล้ายแมงป่องวางตัวอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรของ และตกทางทิศตะวันออก การหมุนรอบตัวเองท่ีช้า ดาวศุกร์ และบริเวณเส้นศูนย์สูตรมีภูเขาไฟท่ีใหญ่ มากเช่นนี้ส่งผลให้ดาวศุกร์ไม่สามารถสร้างสนามแม่ ทส่ี ดุ บนดาวศกุ ร์ ชอ่ื วา่ “ภเู ขาไฟมาอตั (Maat Mons)” เหลก็ ทแี่ ก่นกลางได้ ซึง่ มีความสูงประมาณ 5 กโิ ลเมตร ขอ้ มลู ทวั่ ไป 12,104 กม. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 108.21 ลา้ น กม. ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ยเ์ ฉลีย่ คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 224.70 วัน คาบการหมุนรอบตัวเอง อุณหภมู ิพืน้ ผวิ เฉลย่ี 243.02 วนั ดาวบริวาร 464 oC ไมม่ ี ดาวศุกร์มขี นาด 0.95 เทา่ ของโลก 16 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ชั้นบรรยากาศของดาวศกุ ร์ เรอื นกระจกแบบกไู่ มก่ ลบั (Runaway Greenhouse Effect) เปน็ ผลใหอ้ ณุ หภมู พิ น้ื ผวิ เฉลย่ี สงู ถงึ 464 องศาเซลเซยี ส ดาวศุกร์มีภูเขาไฟท่ีปะทุอย่างรุนแรงคอยเติมแก๊สให้ รอ้ นพอท่ีจะหลอมตะกัว่ ได้ กับช้ันบรรยากาศจนมีความดันบรรยากาศสูงกว่า โลกถึง 92 เท่า (เทียบได้กบั ความดนั ของน้ำ� ใตท้ ะเล ดาวศุกร์มีแรงโน้มถ่วงใกล้เคียงกับโลกจึงกักเก็บ ลึก 900 เมตร) สว่ นใหญเ่ ปน็ แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สในชั้นบรรยากาศไว้ได้มาก รวมถึงบรรยากาศ รอ้ ยละ 96.5 และมแี กส๊ ไนโตรเจนปะปนอยรู่ อ้ ยละ 3.5 ชน้ั ไอโอโนสเฟียรท์ เ่ี ต็มไปดว้ ยไอออนของแก๊ส มีการ มีช้ันเมฆอยู่หลายชั้นที่ประกอบด้วยแก๊สซัลเฟอร์ได- เหน่ียวน�ำและสรา้ งสนามแมเ่ หลก็ บาง ๆ คอยปกปอ้ ง ออกไซด์ (กรดกำ� มะถนั ) ทำ� ใหช้ น้ั บรรยากาศหนาแนน่ ดาวจากลมสรุ ิยะ ท�ำให้ช้นั บรรยากาศของดาวศกุ ร์ และสะสมความร้อนจากดวงอาทิตย์ เกิดสภาวะ ยังหนาแน่นอยู่เสมอ การสงั เกตการณ์ดาวศุกร์ ดาวศุกรโ์ คจรรอบดวงอาทติ ย์ใกลก้ วา่ โลก เมือ่ มองจากโลกจะไมม่ ีวันเหน็ ดาวศกุ ร์สวา่ งเตม็ ดวง และปรากฏอยู่ ใกล้กับดวงอาทติ ย์ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากทีส่ ดุ 47 องศา เราจงึ สามารถสังเกตเห็นไดใ้ นช่วงเวลาประมาณ 3 ชว่ั โมงกอ่ นดวงอาทติ ย์ข้ึนหรอื หลังดวงอาทิตยต์ กเทา่ นน้ั Timeline ยานส�ำรวจดาวศกุ ร์ Venus 3D Model ค.ศ. 1962 - 1973 Mariner 2 - 10 ค.ศ. 1967 - 1983 Venera 4 - 16 ค.ศ. 1978 - 1992 Pioneer Venus 1 ค.ศ. 1978 - 1978 Pioneer Venus 2 ค.ศ. 1984 - 1985 Vega 1 - 2 ค.ศ. 1990 - 1994 Magellan ค.ศ. 1990 - 2003 Galileo ค.ศ. 2006 - 2014 Venus Express ค.ศ. 2010 - ปจั จุบนั Akatsuki 17ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

โลก Earth

แมน่ ำ้� แอมะซอน (Amazon River) หลุมอุกกาบาตแบริงเจอร์ (Barringer Crater) เฮอรเิ คนดอเรยี น (Hurricane Dorian) แอนตาร์กตกิ าหรือขวั้ โลกใต้ 19ระบบสุรยิ ะ The Solar System

โลก เป็นดาวเคราะห์ล�ำดับท่ี 3 ถั ด อ อ ก ม า เ ป ็ น ช้ั น แ ม น เ ทิ ล มี ความหนาประมาณ 2,900 และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 กโิ ลเมตร นับเป็นชน้ั ท่ีหนาทีส่ ุด ของหมดู่ าวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะ จึ ง เ ป รี ย บ เ ส มื อ น เ ป ็ น ช้ั น เ น้ื อ มี ข น า ด เ ส ้ น ผ ่ า น ศู น ย ์ ก ล า ง โลก องคป์ ระกอบสว่ นใหญ่เปน็ ใหญ่กว่าดาวศุกร์เพียงไม่กี่ หินซิลิเกตปะปนกันทั้งหินแข็ง รอ้ ยกโิ ลเมตร มสี ภาพแวดลอ้ ม ท่ีท�ำให้น้�ำมีสภาพเป็นของเหลว และหินหลอมเหลว มีการเคลื่อน และเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียว ตัวอย่างสม่�ำเสมอ เป็นกลไกหลักที่ ในระบบสุริยะท่ีมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อย่าง ท�ำใหช้ ้นั พืน้ ผวิ หรือ หลากหลาย ชั้นเปลือกโลกมีธรณีภาคที่ แตกตา่ งกัน โลกหมนุ รอบตวั เองใชเ้ วลาประมาณ 24 ช่วั โมง หรือ 1 วัน และโคจรรอบดวงอาทติ ย์ใชเ้ วลา 365.25 วัน พนื้ ผวิ ของโลก Earth 3D Model หรือ 1 ปี มีแกนการหมุนรอบตวั เองเอียงไปจากแกน ตงั้ ฉากระนาบวงโคจรเปน็ มุม 23.44 องศา ทำ� ให้ พน้ื ผวิ ของโลกสว่ นใหญเ่ ปน็ มหาสมทุ ร คดิ เปน็ รอ้ ยละ แต่ละช่วงของปี โลกไดร้ บั พลังงานจากแสงอาทติ ย์ 70 ของพ้ืนท่ีทั้งหมด ส่วนภาคพ้ืนทวีปมีลักษณะ แตกตา่ งกัน เปน็ สาเหตุใหเ้ กิดฤดูกาลตา่ ง ๆ สัณฐานหลากหลาย เช่น เทือกเขาสูง หุบเขาลึก ภูเขาไฟ ท่ีราบสูง ฯลฯ ส่วนใหญ่เกดิ จากการเคล่ือน ข้อมูลทว่ั ไป 12,756 กม. ตัวของแผ่นเปลือกโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพ 149.6 ลา้ น กม. อากาศ พื้นผิวของโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 365.25 วัน ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันกระบวนการเหล่าน้ีก็ยังคง ระยะห่างจากดวงอาทิตย์เฉล่ีย 23.9 ช่วั โมง ด�ำเนินไปอยา่ งตอ่ เน่ือง คาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย ์ 15 oC คาบการหมุนรอบตัวเอง 1 ดวง อุณหภมู พิ น้ื ผวิ เฉล่ีย ดาวบริวาร โครงสรา้ งภายใน ชน้ั แกน่ กลางของโลกมลี กั ษณะเปน็ ของแขง็ ทรงกลม รัศมีประมาณ 1,200 กโิ ลเมตร ประกอบดว้ ยเหลก็ และนกิ เกลิ มอี ณุ หภมู ปิ ระมาณ 5,400 องศาเซลเซยี ส เรยี กวา่ แกน่ โลกชนั้ ใน ลอ้ มรอบดว้ ยเหลก็ และนกิ เกลิ ทอี่ ยใู่ นสภาพของไหล เรยี กวา่ แกน่ โลกชนั้ นอก มคี วาม หนาประมาณ 2,300 กิโลเมตร ซ่ึงการเคลอ่ื นตวั ของของไหลท่ีชั้นน้ีเปรียบเสมือนเป็นกระแสไฟฟ้าที่ หมนุ วนภายในโลกตลอดเวลา เป็นกลไกท่ที ำ� ใหโ้ ลกมี สนามแมเ่ หลก็ 20 ระบบสุริยะ The Solar System

ชั้นบรรยากาศของโลก อนุภาคจากลมสุริยะจะถูกสนามแม่เหล็กโลกเบ่ียง เสน้ ทาง แลว้ พงุ่ เขา้ สขู่ วั้ ของสนามแมเ่ หลก็ ทง้ั สองฝง่ั บรรยากาศส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยแก๊สไนโตรเจน (ใกลเ้ คยี งกบั ขวั้ โลกเหนอื และขว้ั โลกใต)้ จากนนั้ อนภุ าค ร้อยละ 78 แก๊สออกซิเจนร้อยละ 21 ธาตุหรือ จะชนเข้ากับแก๊สในชนั้ บรรยากาศโลก เกิดการถา่ ยเท สารประกอบอนื่ ๆ อกี รอ้ ยละ 1 ทำ� หนา้ ทค่ี อยปกปอ้ ง พลังงาน แล้วจึงเปล่งแสงออกมาเป็นสีสันต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตจากรังสีท่ีเป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ ข้ึนอยู่กับชนิดแก๊สและระดับพลังงาน เรียกว่า และวัตถุท่ีตกลงมายังพื้นผิวโลก โดยวัตถุเหล่านี้ แสงออโรรา (Aurora) ส่วนใหญ่จะเสียดสีกับอากาศและเผาไหม้จนหมดไปใน ชนั้ บรรยากาศ แตก่ ็มวี ัตถุบางส่วนท่ีมขี นาดใหญ่จน เผาไหมไ้ มห่ มด ตกกระทบพนื้ โลกเรยี กวา่ อุกกาบาต สนามแม่เหล็กของโลก ดาวบรวิ ารของโลก ภายในแก่นกลางของโลกมีสารพวกนิเกิล-เหล็ก ดวงจันทร์ (The Moon) เปน็ ดาวบรวิ ารเพยี งหนง่ึ หลอมเหลวหมุนวนอยู่ ท�ำใหเ้ กดิ สนามแม่เหล็กขึน้ มา เดียวของโลก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ท�ำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ลมสุริยะหรืออนุภาค 3,474 กิโลเมตร ห่างจากโลกเฉล่ีย 384,400 ที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์พุ่งเข้ามาสู่โลกได้ กโิ ลเมตร มคี าบการโคจรรอบโลก 27.32 วนั มพี น้ื ผวิ ซ่ึงดวงอาทิตย์ปลดปล่อยพลังงานออกมาและปะทะเข้า เป็นดินละเอียด เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตน้อยใหญ่ กบั สนามแมเ่ หลก็ โลกอยตู่ ลอดเวลา นับเป็นจุดหมายนอกโลกที่ไกลท่ีสุดที่มนุษย์เดินทาง โลกจงึ มเี สน้ สนามแมเ่ หลก็ ทย่ี ดื ยาว ไปถึง (ภารกิจอะพอลโล) ออกไปในทศิ ตรงขา้ มกบั ดวงอาทติ ย์ ทฤษฎกี ำ� เนดิ ดวงจันทร์ทเ่ี ป็นทยี่ อมรับมากทสี่ ดุ คอื เกิดจากการชนกันคร้ังใหญ่ในอดีต ท�ำให้เศษซาก บางส่วนกระเด็นออกไปในอวกาศและถูกดึงดูดเอาไว้ ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก แล้วค่อย ๆ ก่อตัวเป็น ดวงจนั ทร์ท่มี ีรปู รา่ งดังเช่นปจั จุบนั Moon 3D Model 21ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวองั คาร Mars 22 ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

วัลเลส มาริเนอรสิ (Valles Marineris) น้�ำแข็งที่ข้วั เหนอื ของดาว ภเู ขาไฟโอลมิ ปัส (Olympus Mons) ร่องรอยธารน�ำ้ ไหลในอดีต 23ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ โครงสรา้ งภายใน หินล�ำดับท่ี 4 ในระบบสุริยะ ท่ีแก่นกลางของดาวอังคาร ขนาดเล็กกว่าโลกประมาณ เป็นทรงกลมที่มีรัศมีประมาณ คร่ึงหน่ึง พื้นผิวปกคลุมไป 1,800 กโิ ลเมตร ประกอบด้วย ด้วยฝุ่นของสนิมเหล็ก เม่ือ เหล็ก นกิ เกลิ และซัลเฟอร์ ถัด ม อ ง จ า ก โ ล ก จึ ง ป ร า ก ฏ เ ป ็ น ออกมาเปน็ ชน้ั แมนเทลิ ทม่ี ซี ลิ เิ กต สแี ดงและเปน็ ทม่ี าของชอ่ื “Mars” เปน็ สว่ นมาก มคี วามหนาประมาณ ที่ต้ังตามช่ือเทพเจ้าแห่งสงคราม 1,200 - 1,900 กโิ ลเมตร ซง่ึ ในอดตี มีสภาพคล้ายกับทะเลทราย แต่มี เ ค ย เ ป ็ น ป ั จ จั ย ท่ี ขั บ เ ค ล่ื อ น ใ ห ้ พ้ื น ผิ ว อณุ หภูมติ �ำ่ บรเิ วณขวั้ ดาวมีน้�ำแขง็ อยู่ ดาวอังคารเกิดภูมิประเทศลักษณะต่าง ๆ จำ� นวนมาก เปน็ หนงึ่ ในดาวเคราะหท์ ม่ี คี วามเปน็ ไปได้ แต่ปัจจุบันชั้นดังกล่าวเย็นตัวลงแล้ว ท�ำให้พ้ืนผิว ทจ่ี ะพบสิ่งมชี ีวิตมากท่ีสดุ ดาวองั คารแทบจะไมม่ กี ารเปลีย่ นแปลง ดาวอังคาร มีแกนหมุนรอบตัวเองเอียงไปจากแกน พืน้ ผวิ ของดาวองั คาร ตงั้ ฉากระนาบวงโคจรเปน็ มมุ 25.2 องศา จงึ อาจมี การเปลย่ี นแปลงฤดกู าลคลา้ ยกับโลก แตอ่ ย่างไรกด็ ี พ้ืนผิวดาวอังคารประกอบด้วยหินหลายชนิด ได้แก่ วงโคจรของดาวอังคารค่อนข้างรีเมื่อเทียบกับ หนิ อคั นี หนิ บะซอลต์ หนิ ตะกอน หนิ ทราย และหนิ โคลน ดาวเคราะหด์ วงอน่ื ๆ ทำ� ใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งระหวา่ ง มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายกับพื้นที่แห้งแล้งบนโลก ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ในแตล่ ะชว่ ง ซึง่ อาจส่งผล มภี เู ขาไฟทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในระบบสรุ ยิ ะชอื่ วา่ “ภเู ขาไฟโอลมิ ปสั ต่อสภาพอากาศเช่นกัน (Olympus Mons)” มคี วามสงู ประมาณ 22 กโิ ลเมตร หรอื สงู กวา่ ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ 3 เท่า และมหี บุ เขา ข้อมลู ท่ัวไป 6,792 กม. ขนาดใหญ่ คอื “วลั เลส มารเิ นอรสิ (Valles Marineris)” 227.9 ล้าน กม. เปน็ แนวยาวกว่า 4,000 กิโลเมตร ขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง ระยะห่างจากดวงอาทิตยเ์ ฉลีย่ 687.0 วนั คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย ์ 24.6 ชัว่ โมง คาบการหมุนรอบตวั เอง -65 oC อณุ หภมู พิ น้ื ผิวเฉล่ีย 2 ดวง ดาวบรวิ าร ดาวอังคารมขี นาด 0.53 เทา่ ของโลก Mars 3D Model 24 ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

บริเวณขั้วท้ังสองด้านของดาวอังคาร มีท้ังน�้ำแข็ง ที่จะมีแรงโน้มถ่วงช่วยปรับรูปร่างของดาวให้เป็น (H2O) และน�้ำแข็งแห้ง (CO2) ปกคลุมอยู่ ซึ่งใน ทรงกลมได้ ซ่ึงโฟบอสเป็นดาวบริวารดวงในสุด ช่วงฤดูหนาวบริเวณขั้วจะมีอุณหภูมิต่�ำมาก ท�ำให้ มีหลุมอุกกาบาตอยู่มาก และมีร่องลึกปรากฏอยู่บน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศประมาณ พน้ื ผวิ รอ้ ยละ 25 - 30 เปลย่ี นสภาพเป็นน�ำ้ แขง็ แห้ง และเมอื่ เข้าส่ฤู ดรู อ้ น นำ�้ แขง็ แหง้ ทขี่ ้ัวจะระเหิดกลายเป็นแก๊ส โฟบอส ไดมอส คาร์บอนไดออกไซด์จ�ำนวนมาก สง่ ผลให้เกดิ กระแส ลมที่มีอัตราเร็วมากถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น�ำ้ บนดาวองั คาร พดั พาฝ่นุ และอนภุ าคต่าง ๆ ไปท่ัวทัง้ ผิวดาว ภูมิประเทศบางส่วนที่พบบนดาวอังคารคล้ายกับ ช้ันบรรยากาศของดาวอังคาร เคยเป็นหุบเขาที่มีแม่น้�ำไหลผ่านและทะเลสาบในอดีต นอกจากน้ียังพบว่ามีหินและแร่บางชนิดที่จะก่อตัว บรรยากาศของดาวอังคารมีความหนาแน่นไม่ถึง ขนึ้ หากบริเวณดังกลา่ วมนี ำ้� ในสภาพของเหลว จึงมี 1 ใน 100 ของบรรยากาศโลก ประกอบดว้ ยแกส๊ ความเป็นไปได้สูงมากว่าในอดีตดาวอังคารเคยมีน้�ำ คารบ์ อนไดออกไซดร์ อ้ ยละ 95 แกส๊ ไนโตรเจน อารก์ อน อยู่จ�ำนวนมาก ซ่ึงอาจเคยเกิดน้�ำท่วมคร้ังใหญ่ ออกซิเจน และคาร์บอนมอนอกไซด์เล็กน้อยมีนํ้าอยู่ เมื่อประมาณ 3,500 ล้านปีท่ีแล้ว แต่ด้วยสภาพ ประมาณ 1 ใน 1,000 ของนำ้� ในบรรยากาศโลก บรรยากาศที่เบาบางท�ำให้น้�ำไม่สามารถคงสภาพ นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าในอดีตดาวอังคาร เปน็ ของเหลวไดน้ านนกั ปจั จบุ นั จงึ เหลือเพยี งน�้ำแขง็ เคยมีแก๊สในช้ันบรรยากาศท่ีหนาแน่นกว่านี้มาก ที่ฝังอยใู่ ต้ดินใกลก้ บั ขวั้ ของดาว แตไ่ มส่ ามารถรกั ษาสภาพเอาไวไ้ ด้ เนอ่ื งจากดาวองั คาร ไม่มีสนามแม่เหล็ก ลมสุริยะจึงพุ่งเข้ามาปะทะท�ำให้ Timeline ยานส�ำรวจดาวอังคาร โมเลกุลแก๊สแตกตัว ประกอบกับแรงโน้มถ่วงที่น้อย ท�ำให้แก๊สหลุดลอยออกสู่อวกาศอย่างต่อเน่ือง ค.ศ. 1964 - 1971 Mariner 4 - 9 ดาวบรวิ ารของดาวองั คาร ค.ศ. 1971 - 1972 Mars 2 - 3 ดาวอังคารมีดาวบริวารขนาดเล็กอยู่ 2 ดวง ไดแ้ ก่ ค.ศ. 1975 - 1982 Viking 1 - 2 “โฟบอส (Phobos)” และ “ไดมอส (Deimos)” เบอ้ื งตน้ คาดว่าบริวารท้ังสองดวงน้ีเป็นดาวเคราะห์น้อยท่ี ค.ศ. 1996 - 1997 Mars Pathfinder & Sojourner โคจรเข้ามาใกล้ดาวอังคารมาก จนความโน้มถ่วง ของดาวองั คารดงึ ดดู มาเปน็ ดาวบรวิ าร การทโี่ ฟบอส ค.ศ. 1997 - 2006 Mars Global Surveyor แ ล ะ ไ ด ม อ ส มี รู ป ร ่ า ง ไ ม ่ ส ม�่ ำ เ ส ม อ ค ล ้ า ย มั น ฝ รั่ ง เนื่องจากดาวบริวารทั้งคู่ต่างมีมวลไม่มากพอ ค.ศ. 2001 - ปัจจบุ นั Mars Odyssey ค.ศ. 2003 - ปจั จบุ ัน Mars Express ค.ศ. 2003 - 2019 Opportunity ค.ศ. 2004 - 2011 Spirit ค.ศ. 2005 - ปจั จุบัน Mars Reconnaissance Orbiter ค.ศ. 2007 Phoenix ค.ศ. 2011 - ปจั จุบัน Curiosity ค.ศ. 2013 - ปจั จบุ นั Mangalyaan ค.ศ. 2013 - ปจั จบุ ัน MAVEN ค.ศ. 2016 - ปจั จบุ ัน ExoMars Trace Gas Orbiter ค.ศ. 2018 - ปัจจบุ ัน InSight 25ระบบสรุ ิยะ The Solar System

แถบดาวเคราะห์นอ้ ย Asteroid Belt แถบดาวเคราะหน์ ้อยเป็นบริเวณทเี่ ตม็ ไปด้วยวตั ถุขนาดเล็กหลากหลายรูปรา่ ง ซึ่งเปน็ เศษซากท่ีหลงเหลอื ในยุค แรกเร่ิมของระบบสุรยิ ะ สว่ นมากจดั เป็นวตั ถปุ ระเภทดาวเคราะหน์ อ้ ย โคจรรอบดวงอาทิตยอ์ ยู่ระหวา่ งวงโคจร ของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี วัตถุเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงของดาวพฤหับดีท�ำให้ไม่สามารถ ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ได้ ประเภทของดาวเคราะห์นอ้ ย ในที่นี้ใช้วิธีการจ�ำแนกหมวดหมู่แบบโทเลน (Tholen Classification) โดยใช้การตรวจวัดสเปกตรัมและ สมั ประสิทธ์ิการสะท้อนแสงของดาวเคราะหน์ อ้ ย ซึง่ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภทหลัก ดังนี้ 1. คอนไดรต์ (C-Type) : มอี งคป์ ระกอบหลกั เปน็ คารบ์ อน มสี เี ขม้ และเปน็ ประเภททพี่ บมากทสี่ ดุ มากถงึ รอ้ ยละ 75 2. หนิ (S-Type) : มสี ว่ นประกอบหลกั เปน็ หนิ ซลิ เิ กต และเหลก็ นเิ กลิ สะทอ้ นแสงไดด้ ี พบประมาณรอ้ ยละ 17 3. เหลก็ (M-Type) : สว่ นประกอบสว่ นใหญเ่ ปน็ เหลก็ นเิ กลิ มคี วามสวา่ งมากเนอื่ งจากสะทอ้ นแสงไดด้ ี พบประมาณ รอ้ ยละ 8 วัตถุนา่ สนใจในแถบดาวเคราะห์น้อย เซเรส (Ceres) ประเภท : ดาวเคราะห์แคระ ขนาด : 952 กม. เวสตา (Vesta) ประเภท : ดาวเคราะหน์ อ้ ยหนิ ขนาด : 569 x 555 x 453 กม. ลเู ตเชีย (Lutetia) ประเภท : ดาวเคราะห์นอ้ ยเหลก็ ขนาด : 124 x 101 x 80 กม. 26 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวเคราะหน์ อ้ ยมขี นาดตงั้ แตไ่ มก่ ส่ี บิ เมตรไปจนถงึ หลายรอ้ ยกโิ ลเมตร มอี ายมุ ากกวา่ 4,500 ลา้ นปี องคป์ ระกอบ เบอ้ื งตน้ คอื เหลก็ และหนิ ปจั จบุ นั คน้ พบและยนื ยนั ไปแลว้ มากกวา่ 950,000 ดวง ซงึ่ คาดวา่ จะมที งั้ สนิ้ 1.1 ถงึ 1.9 ล้านดวง แม้ว่าจะมีจำ� นวนมากแตเ่ มื่อน�ำมวลของดาวเคราะหน์ ้อยทั้งหมดมารวมกนั จะคิดเปน็ รอ้ ยละ 4 ของ มวลดวงจันทร์ของโลกเทา่ นัน้ แถบดาวเคราะหน์ อ้ ยฟงั ดเู ปน็ เขตอนั ตรายสำ� หรบั ยานสำ� รวจอวกาศ แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ อปุ สรรค ในการเดินทางผ่านบริเวณดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากแต่ละวัตถุจะอยู่ห่างกันเป็นระยะเฉลี่ย 1 ลา้ นกโิ ลเมตร จงึ แทบจะไมม่ โี อกาสชนยานอวกาศไดเ้ ลย มาทิลเด (Mathilde) ไอดา (Ida) อีรอส (Eros) ประเภท : ดาวเคราะห์น้อยคอนไดรต์ ประเภท : ดาวเคราะหน์ ้อยหิน ประเภท : ดาวเคราะห์นอ้ ยหนิ ขนาด : 66 x 48 x 46 กม. ขนาด : 58 x 23 กม. ขนาด : 33 x 13 กม. กาสปรา (Gaspra) อโิ ตกาวะ (Itokawa) ประเภท : ดาวเคราะหน์ ้อยหิน ประเภท : ดาวเคราะห์น้อยหนิ ขนาด : 18.2 × 10.5 × 8.9 กม. ขนาด : 0.53 × 0.29 × 0.21 กม. เบนนู (Bennu) ประเภท : ดาวเคราะหน์ ้อยคอนไดรต์ ขนาด : 0.28 × 0.27 × 0.25 กม. 27ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวพฤหสั บดี Jupiter 28 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

จดุ แดงใหญ่ (The Great Red Spot) เมฆและพายทุ ี่ข้วั เหนอื ของดาว ขว้ั ใต้ของดาว พายลุ วดลายคล้ายปลาโลมา 29ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวพฤหสั บดี เปน็ ดาวเคราะห์ เ ป ็ น ด า ว เ ค ร า ะ ห ์ ที่ มี ม ห า ส มุ ท ร ไฮโดรเจนทใ่ี หญท่ สี่ ดุ ในระบบสรุ ยิ ะ ล�ำดบั ท่ี 5 ในระบบสรุ ยิ ะ จัดอยู่ และหากความดันสูงมากกว่านั้น ในประเภทดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ ก็อาจท�ำให้ไฮโดรเจนถูกบีบอัด เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ จ น อิ เ ล็ ก ต ร อ น ห ลุ ด อ อ ก จ า ก ที่สุดในระบบสุริยะ ต้ังช่ือตาม อะตอม กลายเป็นของเหลวท่ี เทพเจา้ “Jupiter” ซงึ่ เป็นราชา แหง่ ทวยเทพ เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง สามารถน�ำไฟฟ้าได้เหมือนกับโลหะ ของดาวพฤหัสบดีนั้นสามารถน�ำ เรียกว่า โลหะไฮโดรเจน (Metallic โลกมาต่อกนั ไดถ้ ึง 11 ใบ และมีมวล Hydrogen) หมุนวนอยู่ ภายในตัวดาว มากกว่าดาวเคราะห์ดวงที่เหลือรวมกัน และสร้างสนามแมเ่ หลก็ ที่รนุ แรงออกมา ทงั้ หมดถงึ 2 เทา่ มลี วดลายแถบเมฆสขี าวและสสี ม้ เปน็ เอกลกั ษณ์ทเี่ กิดจากความปั่นป่วนในชั้นบรรยากาศ ช้ันบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ท่ีหมุนรอบตัวเองเร็วท่ีสุด ดาวพฤหัสบดีมีลักษณะปรากฏเป็นแถบเมฆหลาย ๆ ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ท�ำให้ดาวมีลักษณะกลม แถบท่ีขนานไปกับเส้นศูนย์สูตรของดาว เกิดจาก แป้นและเกดิ กระแสลมรุนแรง มีคาบการโคจรรอบดวง ธาตุองคป์ ระกอบท่ีแตกต่างกนั แบ่งเป็นเมฆ 3 ชน้ั ไดแ้ ก่ อาทิตย์ 11.85 ปี และมีแกนหมุนรอบตัวเองเอียงไป เมฆช้ันบนที่เกิดจากน�้ำแข็งแอมโมเนีย เมฆช้ันกลาง จากแกนต้งั ฉากระนาบวงโคจรเป็นมมุ 3 องศา จงึ ไม่ เป็นผลึกของแอมโมเนียมไฮโดรซัลไฟด์ และช้ันล่างสุด เกิดการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลเท่าดาวเคราะห์ดวงอื่น เป็นน�้ำแขง็ และไอนำ้� ขอ้ มูลทว่ั ไป ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 142,984 กม. 778.6 ล้าน กม. ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์เฉล่ีย 11.85 ปขี องโลก 9.9 ชว่ั โมง คาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ -110 oC 79 ดวง คาบการหมนุ รอบตวั เอง อณุ หภมู พิ น้ื ผวิ เฉลีย่ ดาวบรวิ าร ดาวพฤหสั บดีมีขนาด 11.21 เท่าของโลก โครงสรา้ งภายใน แต่ละต�ำแหน่งบนดาวพฤหัสบดีจะมีสีของแถบเมฆที่ แตกตา่ งกนั โดยแถบเมฆสอี อ่ น เรยี กวา่ “แถบโซน (Zone)” ดาวพฤหัสบดีมีองค์ประกอบหลักเป็นไฮโดรเจนและ เกดิ จากเมฆแอมโมเนยี ทป่ี กคลุมอย่างหนาแนน่ ในขณะที่ ฮีเลียมคล้ายกับดวงอาทิตย์ ยิ่งลึกลงไปใจกลางดาว แถบเมฆสีเข้ม เรียกว่า “แถบเข็มขัด (Belt)” มีชั้นเมฆ ค ว า ม ดั น แ ล ะ อุ ณ ห ภู มิ จ ะ เ พิ่ ม ม า ก ข้ึ น จ น บี บ อั ด แ ก ๊ ส ที่บ า ง ก ว ่ า จึ ง ส า ม า ร ถ ม อ ง เ ห็ น เ ม ฆ ที่ อ ยู ่ ต่� ำ ก ว ่ า ไ ด ้ ไฮโดรเจนให้กลายเปน็ ของเหลวได้ ท�ำให้ดาวพฤหัสบดี 30 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

และระหว่างแถบสีเข้มและสีอ่อนจะค่ันด้วยกระแสลมกรด คัลลิสโต (Callisto) อย่หู ่างจากดาว ท่ีมอี ตั ราเรว็ สงู ถึง 360 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง พฤหสั บดมี ากทสี่ ดุ ในบรรดาดวงจนั ทร์ ท้ัง 4 ดวง มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ลักษณะที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของดาวพฤหัสบดี คือ 4,821 กโิ ลเมตร เปน็ ดวงจนั ทรท์ เี่ กา่ แก่ “จดุ แดงใหญ่ (The Great Red Spot)” เปน็ พายหุ มุน และมีร่องรอยอุกกาบาตเยอะท่ีสุด ขนาดใหญบ่ รเิ วณซกี ใตข้ องดาว มขี นาดใหญจ่ นสามารถ เน่ืองจากโครงสร้างภายในเย็นตัวลงแล้ว ท�ำให้พื้นผิว บรรจุโลกเขา้ ไปได้ถึง 3 ใบ หมนุ ทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกา หยุดการเปลี่ยนแปลงมาต้งั แต่ 4,000 ล้านปที ่ีแล้ว ด้วยความเร็วประมาณ 430-680 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถูกค้นพบต้ังแต่ช่วงคริสตศตวรรษท่ี 16 ซึ่งปัจจุบัน วงแหวนของดาวพฤหัสบดี พายุลูกน้ีเร่ิมมีขนาดเล็กลงและคาดว่าสลายตัวไปภายใน ระยะเวลาประมาณ 20 ปี ในปี ค.ศ. 1979 ยานอวกาศ Voyager 1 ของนาซา คน้ พบวงแหวนจาง ๆ ลอ้ มรอบดาวพฤหสั บดี ประกอบ ดาวบรวิ ารของดาวพฤหสั บดี ข้ึนจากอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่สะท้อนแสงจึงท�ำให้มอง เห็นได้ยาก ซ่ึงคาดว่าเกิดจากอุกกาบาตในอวกาศชน ดาวพฤหัสบดีมีบริวารท่ียืนยันแล้วท้ังส้ิน 79 ดวง กับดวงจันทร์ท�ำให้เศษฝุ่นกระจัดกระจายและโคจรไป มีขนาดตั้งแต่ 1 กิโลเมตร ไปจนถึง 2,000 กิโลเมตร รอบ ๆ ดาวพฤหัสบดี โดยมดี วงจันทร์ 4 ดวงท่ีใหญท่ ่สี ดุ ได้แก่ ไอโอ ยโู รปา แกนีมีด และคัลลิสโต ค้นพบโดย กาลิเลโอ กาลิเลอี สนามแม่เหลก็ ของดาวพฤหัสบดี ในปี ค.ศ. 1610 โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในรุ่นแรก ๆ ท่ีเขาประดิษฐ์ข้ึน จึงเรียกท้ัง 4 ดวงว่า “ดวงจันทร์ ดาวพฤหัสบดีมีสนามแม่เหล็กท่ีรุนแรงมาก กินพื้นที่ไป กาลเิ ลียน” ทางดวงอาทิตย์เป็นระยะทาง 1 ถึง 3 ล้านกิโลเมตร และ โคง้ ไปฝงั่ ตรงขา้ มกวา่ 1 พันล้านกโิ ลเมตร ซึ่งอนภุ าคที่ ไอโอ (Io) เปน็ ดวงจันทร์กาลิเลยี นทอ่ี ยู่ มปี ระจไุ ฟฟา้ จะถกู สนามแม่เหล็กดกั จบั เอาไว้ และถูกเร่ง ใกล้กับดาวพฤหัสบดีมากท่ีสุด มีเส้น ความเร็วจนมีพลังงานสูงจึงแผ่รังสีออกมา สามารถ ผ่านศูนยก์ ลาง 3,643 กิโลเมตร เปน็ ท�ำความเสียหายต่อยานอวกาศท่ีเข้าใกล้ได้ นอกจาก ดวงจนั ทรเ์ พยี งดวงเดยี วในระบบสรุ ยิ ะทมี่ ภี เู ขาไฟปะทอุ ยู่ นี้อนุภาคบางส่วนจะพุ่งเข้าสู่ข้ัวแม่เหล็กของดาว ปะทะ เกดิ จากแรงไทดลั ทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ ความรอ้ นภายใตผ้ วิ ดาว เข้ากบั แก๊สในชั้นบรรยากาศและเปล่งรงั สยี ูวีออกมา เกิด หลายครง้ั ทม่ี ภี เู ขาไฟปะทรุ นุ แรงและพน่ แกส๊ ออกสอู่ วกาศ เป็นแสงออโรราบนดาวพฤหัสบดี จนสามารถสงั เกตได้ด้วยกลอ้ งโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ แมว้ า่ ดาวพฤหัสบดีจะเป็นแก๊ส แต่ก็ไมไ่ ด้ ยโู รปา (Europa) เปน็ ดวงจนั ทรท์ อ่ี ยถู่ ดั แปลวา่ ยานอวกาศสามารถพงุ่ ทะลดุ าวได้ ออกมาจากไอโอ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3,121 กโิ ลเมตร พนื้ ผวิ เปน็ นำ้� แขง็ ทเี่ รยี บ เป็นที่รู้กันว่าดาวพฤหัสบดีมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็น มีหลุมอุกกาบาตเพียงเล็กน้อย นักดาราศาสตร์เชื่อว่า แก๊สและของเหลวที่หมุนวน จึงไม่มีส่วนที่เป็นพื้นผิวที่ ภายใต้ช้ันน้�ำแข็งอาจจะเป็นมหาสมุทร ซึ่งอาจเป็นอีกที่ ชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่ายานอวกาศจะสามารถ หนึ่งในระบบสุรยิ ะท่ีมนี �้ำอยูใ่ นสถานะของเหลว บนิ ผา่ นดาวพฤหสั บดีได้ เนื่องจากภายในดาวมคี วามดนั และอณุ หภมู ทิ ส่ี งู มาก ๆ จนสามารถละลายยานอวกาศได้ แกนมี ีด (Ganymede) เปน็ ดวงจนั ทร์ ทมี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ดุ ในระบบสรุ ยิ ะ อยถู่ ดั Timeline ยานส�ำรวจดาวพฤหัสบดี จากยโู รปาออกมา มเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5,262 กโิ ลเมตร ใหญก่ ว่าดาวพุธและ ค.ศ. 1973 Pioneer 10 ดาวพลูโต เป็นดวงจันทร์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะ ทมี่ สี นามแมเ่ หลก็ และพบหลกั ฐานทบี่ ง่ ชว้ี า่ อาจมมี หาสมทุ ร ค.ศ. 1974 Pioneer 11 ใต้พืน้ ผวิ ดาว ค.ศ. 1979 Voyager 1 ค.ศ. 1979 Voyager 2 ค.ศ. 1995 - 2003 Galileo ค.ศ. 2016 - ปัจจบุ ัน Juno Jupiter 3D Model 31ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวเสาร์ Saturn 32 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

วงแหวนชนั้ บี (Bฺ Ring) พายุหกเหลี่ยมท่ขี ้วั ดาว พายุมังกร (Dragon Storm) 33ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวเสาร์ เป็นดาวเคราะหล์ �ำดบั ที่ 6 โครงสร้างภายใน และเป็นดาวเคราะห์แกส๊ ยักษ์ ดาวเสารม์ อี งคป์ ระกอบ ทีใ่ หญ่เปน็ อนั ดบั สองใน หลักเป็นไฮโดรเจน ระบบสรุ ยิ ะ มรี ะยะหา่ ง และฮีเลียม แก่นกลาง จากโลกประมาณ มีสภาพเป็นของแข็ง 1,283 ลา้ นกโิ ลเมตร ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย เ ห ล็ ก ต้งั ชอื่ ตาม “Saturn” นิกเกิล และหิน ล้อมรอบ เทพเจา้ แห่งการเพาะปลกู ด้วยช้ันโลหะไฮโดรเจนเหลวคล้าย คน้ พบคร้ังแรกในปี ค.ศ. 1610 โดยกาลเิ ลโอ กบั ดาวพฤหสั บดแี ละคาดวา่ เปน็ ตน้ กำ� เนดิ ของสนาม กาลเิ ลอี ใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ สงั เกตการณแ์ ลว้ พบวา่ แม่เหล็กท่ีรุนแรงเช่นกนั ถดั ออกมาเปน็ ชนั้ ไฮโดรเจน เปน็ ดาวที่มีหูจบั ด้านขา้ ง ภายหลังในปี ค.ศ. 1659 ฮีเลียมในสถานะของเหลว โดยยิ่งห่างจากแก่นออก นักดาราศาสตร์ช่ือ คริสเตียน ฮอยเกนส์ ใช้กล้อง มาเท่าใดกย็ ง่ิ มีสภาพเปน็ แกส๊ มากข้นึ เทา่ นนั้ โทรทรรศนท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู กวา่ และพบวา่ ดาวเสาร์ ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในระบบสุริยะท่ีมี ล้อมรอบไปด้วยวงแหวนแบน ความหนาแน่นเฉล่ียน้อยกว่าน�้ำ จึงมักจะน�ำไป เปรียบเทียบวา่ ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะหท์ ล่ี อยนำ�้ ได้ ดาวเสารใ์ ช้เวลาในการหมุนรอบตวั เอง 10.7 ชั่วโมง และใชเ้ วลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 29.4 ปีบนโลก ชน้ั บรรยากาศของดาวเสาร์ และมีแกนหมุนรอบตัวเองเอียงไปจากแกนตั้งฉาก ระนาบวงโคจรเป็นมุม 26.73 องศา ใกล้เคียงกับ ช้นั บรรยากาศปกคลุมไปดว้ ยพายุและแถบเมฆจาง ๆ แกนเอียงของโลก จึงคาดว่าดาวเสาร์อาจจะมีการ มีสีเหลือง สีน้�ำตาล และสีเทา ลมในชั้นบรรยากาศ เปลย่ี นแปลงฤดกู าลคลา้ ยกับโลก บรเิ วณเสน้ ศนู ยส์ ตู รมคี วามเรว็ สงู ถงึ 1,800 กโิ ลเมตร ต่อชั่วโมง ขั้วเหนือของดาวเสาร์มีพายุขนาดใหญ่ ขอ้ มลู ทวั่ ไป 120,536 กม. รูปหกเหล่ียมท่ีค้นพบโดยยานวอยเอเจอร์ 1 หลัง 1,433.5 ล้าน กม. จากน้ันได้มีการส�ำรวจบริเวณขั้วเหนืออีกครั้งโดย ขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 29.42 ปขี องโลก ยานแคสสินี พบว่าโครงสร้างรูปหกเหล่ียมคือเมฆที่ ระยะห่างจากดวงอาทติ ยเ์ ฉลี่ย 10.7 ช่วั โมง มีความหนามากกว่า 75 กิโลเมตร แต่ละด้านของ คาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย ์ -140 oC หกเหล่ยี มมคี วามยาว 13,800 กิโลเมตร ใจกลาง คาบการหมุนรอบตวั เอง 82 ดวง เปน็ พายหุ มนุ ยกั ษท์ อ่ี าจมอี ตั ราเรว็ สงู ถงึ 530 กโิ ลเมตร อณุ หภูมิพ้ืนผิวเฉลยี่ ต่อชวั่ โมง จำ� นวนดาวบริวาร ดาวเสารม์ ีขนาด 9.45 เท่าของโลก 34 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวบรวิ าร เม่ือมองจากโลกจะเห็นระนาบวงแหวนเปล่ียนมุมไป เรื่อย ๆ โดยทุก 15 ปี ระนาบของวงแหวนจะอยู่ใน ดาวเสาร์มีดวงจันทร์ท่ีได้รับการยืนยันแล้วทั้งหมด แนวเล็งของโลกพอดี และเนื่องจากวงแหวนหลักมี 82 ดวง (ค.ศ. 2019) มขี นาดเลก็ สุดประมาณ 300 ความหนาเฉลีย่ เพียง 10 เมตร ซึง่ นับวา่ บางมากเมอ่ื เมตร และใหญ่ที่สดุ ประมาณ 5,000 กโิ ลเมตร โดยมี เทยี บกับความกวา้ ง ทำ� ใหเ้ ม่ือสงั เกตการณจ์ ากโลก ดวงจนั ทร์ 2 ดวงทม่ี คี วามนา่ สนใจในดา้ นชวี ดาราศาสตร์ จะมองเหน็ “ดาวเสาร์ไรว้ งแหวน” เน่อื งจากมสี ภาพแวดล้อมทีอ่ าจเอ้อื ตอ่ การอยอู่ าศยั ของส่งิ มีชีวิต ได้แก่ ไททัน (Titan) และเอนเซลาดัส ออโรราบนดาวเสาร์ (Enceladus) ดาวเสาร์มีปรากฏการณ์ออโรราเกิดขึ้นบริเวณข้ัว ของดาว เกิดจากอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากดวง อาทิตย์เคลอื่ นท่ีไปตามเส้นสนามแม่เหลก็ แล้วพุง่ เขา้ สบู่ รเิ วณขวั้ ของดาวเสาร์ อนภุ าคจะปะทะกบั แกส๊ ในชั้น บรรยากาศแล้วเปล่งรังสียวู อี อกมา ดวงจนั ทรเ์ อนเซลาดสั Timeline ยานสำ� รวจดาวเสาร์ วงแหวน ค.ศ. 1979 Pioneer 11 วงแหวนของดาวเสาร์เกิดจากเศษซากที่แตกสลาย ค.ศ. 1980 Voyager 1 ของดาวหาง ดาวเคราะห์นอ้ ย และดวงจันทร์ แล้ว ถูกแรงโน้มถ่วงดงึ ดูดเอาไว้ ประกอบด้วยน�้ำแข็ง หิน ค.ศ. 1981 Voyager 2 Saturn 3D Model และเศษฝนุ่ นับพนั ลา้ นก้อน มีขนาดเทา่ กอ้ นกรวดไป จนถึงขนาดเท่าบ้านหรือภูเขา โดยวงแหวนทั้งหมด ค.ศ. 2004 - 2017 Cassini-Huygens มีขนาดความกว้างเฉล่ีย 282,000 กิโลเมตร และ วงแหวนหลักมีความหนาประมาณ 10 เมตร วงแหวนรอบดาวเสาร์มีหลายช้ันและแต่ละช้ันโคจร ดว้ ยความเร็วทแี่ ตกต่างกนั ชือ่ ของวงแหวนแต่ละช้นั เรยี งตามล�ำดบั การคน้ พบ จาก A B และ C ซ่ึงเป็น วงแหวนหลกั ตามดว้ ย D E F และ G บริเวณชอ่ งว่าง ระหว่างวงแหวน A และ B มชี อ่ื วา่ ช่องว่างแคสสนิ ี (Cassini division) 35ระบบสุริยะ The Solar System

ดาวยูเรนสั Uranus 36 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

วงแหวนของดาวยูเรนสั ดาวยูเรนัสหันวงแหวนเปลีย่ นไปเรื่อย ๆ ตามวงโคจร แสงออโรราบนยเู รนัส 37ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวยูเรนัส เป็นดาวเคราะห์ โครงสร้างภายใน และชนั้ บรรยากาศ ล�ำดบั ท่ี 7 และมีขนาดใหญเ่ ป็น อั น ดั บ ส า ม ใ น ร ะ บ บ สุ ริ ย ะ ช้ั น น อ ก สุ ด ข อ ง ด า ว ยู เ ร นั ส มีลักษณะปรากฏเป็นสีน้ําเงิน ส่วนใหญ่เป็นไฮโดรเจนและ อมเขยี ว เกดิ จากชนั้ บรรยากาศ ฮเี ลยี ม มแี กส๊ มเี ทนเลก็ นอ้ ยทำ� ให้ มีองค์ประกอบของแก๊สมีเทนที่ ดาวมลี กั ษณะเปน็ สนี ำ�้ เงนิ อมเขยี ว ดูดกลืนแสงสีแดงเอาไว้ แล้ว ชนั้ ถดั ลงมาเปน็ นำ้� แอมโมเนยี และ สะท้อนแสงสีนํา้ เงนิ กบั สีเขยี วออกมา น�ำ้ แขง็ มเี ทน ส่วนช้นั แก่นกลางจะมี ตั้งชื่อตามเทพ “Uranus” ซึ่งเป็นเทพ สภาพเป็นของแข็งประเภทหินและเหล็ก แหง่ ท้องฟา้ ชั้นบรรยากาศมีลมท่ีมีอัตราเร็วได้สูงสุดถึง 900 ดาวยูเรนัสค้นพบครั้งแรกโดย วิลเลียม เฮอร์เชล กิโลเมตรตอ่ ช่ัวโมง โดยที่บริเวณเส้นศูนยส์ ตู รลมจะ ในปี ค.ศ. 1781 ซง่ึ ตอนแรกคาดว่าเป็นดาวหางหรอื มที ิศทางตรงกันข้ามกับทศิ การหมนุ รอบตัวเองของ ดาวฤกษ์ หลังจากนั้น 2 ปีจึงมีการพิสูจน์ว่าวัตถุ ดาวยูเรนสั ในขณะท่ีบรเิ วณใกลก้ ับขว้ั ของดาว ลมจะ ดังกลา่ วเป็นดาวเคราะหท์ ี่อยูถ่ ดั จากดาวเสาร์ มีทิศทางตามการหมุนรอบตวั เองของดาว เป็นดาวเคราะห์แก๊สท่ีมีอุณหภูมิต�่ำและกระแสลม พดั แรง นอกจากนแี้ กนหมนุ ของดาวยเู รนสั เอยี งเกอื บ ขนานกบั ระนาบวงโคจร จงึ ปรากฏคลา้ ยกบั ดาวเคราะห์ ที่กำ� ลังกลิ้งรอบดวงอาทติ ย์ ในปี ค.ศ. 1986 ยานวอยเอเจอร์ 2 ซงึ่ เปน็ ยานอวกาศ เพียงลําเดียวท่บี ินเฉียดดาวยูเรนัส และบันทึกภาพ พื้นผวิ ดาว วงแหวน และดวงจนั ทร์บริวาร ใชเ้ วลาใน การเกบ็ ขอ้ มลู เพยี ง 6 ชว่ั โมง ขอ้ มลู ท่ัวไป ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 25,559 กม. ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์เฉลย่ี 2,872.46 ลา้ น กม. คาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย ์ 84.01 ปีของโลก คาบการหมุนรอบตัวเอง 17.2 ชั่วโมง อณุ หภมู ิพน้ื ผวิ เฉลีย่ -197 oC จ�ำนวนดาวบรวิ าร 27 ดวง ดาวยเู รนัสมีขนาด 4.01 เทา่ ของโลก 38 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

วงแหวนของดาวยเู รนสั บริวารของดาวยูเรนัส วงแหวนของดาวยูเรนัส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ดาวยเู รนสั มดี วงจนั ทร์ทยี่ นื ยันแลว้ ทัง้ หมด 27 ดวง คือ กล่มุ วงในหรอื กลุ่มที่อย่ใู กล้ตัวดาว ประกอบด้วย แต่ละดวงตั้งช่ือตามตัวละครในบทประพันธ์ของ วงแหวนบาง ๆ 9 วง มีสีเทาเข้ม ความหนาเฉลี่ย วิลเลยี ม เชกสเปยี ร์ และอเล็กซานเดอร์ โปป ในขณะ ประมาณ 10 กโิ ลเมตร และกลมุ่ วงนอกเปน็ วงแหวนฝนุ่ ท่ีดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ดวงอ่ืนจะต้ังชื่อตาม ต�ำนานเทพเจ้ากรีกหรือโรมัน แบ่งดวงจันทร์ออก ฟุ้งกระจายสังเกตเห็นได้ยากมาก วงในสุดมีสีแดง เป็น 3 ประเภท ดวงจันทร์ชั้นในจ�ำนวน 13 ดวง และวงนอกสุดมสี ีฟ้า ดวงจันทร์หลักขนาดใหญ่ 5 ดวง มีองค์ประกอบ ภายในครึ่งหนึ่งเป็นน้�ำแข็งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นหิน และดวงจันทร์ไร้รูปร่าง 9 ดวง โดยมีดวงจันทร์ ท่ีใหญ่ท่ีสุด คือ ไททาเนีย (Titania) มีขนาด เส้นผา่ นศูนย์กลาง 1,578 กิโลเมตร และดวงจนั ทร์ ทม่ี ขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ คอื ควิ ปดิ (Cupid) มขี นาดเสน้ ผา่ น ศูนย์กลางเพยี ง 18 กโิ ลเมตร ลูกบอลยกั ษส์ ีฟ้าท่กี ลิง้ รอบดวงอาทติ ย์ ดาวยูเรนัสมีแกนหมุนรอบตัวเองที่เอียงถึง 97.8 องศาจากแกนต้ังฉากระนาบวงโคจร ถือว่าเอียง มากที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมด จึงเปรียบได้ กบั ลูกบอลที่ก�ำลงั กลิ้งรอบดวงอาทติ ย์ ซึง่ สง่ ผลให้ เกดิ ฤดกู าลทีส่ ดุ ขวั้ มากทสี่ ดุ เนอ่ื งจากดาวยเู รนสั ใช้ เวลา 84 ปใี นการโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบหน่ึงรอบ ช่วงฤดูร้อนจะมีดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้ายาวนาน กว่า 21 ปี และฤดูหนาวที่มืดมิดไร้ดวงอาทิตย์อีก 21 ปี Timeline ยานส�ำรวจ Uranus 3D Model ดาวยเู รนัส ค.ศ. 1986 Voyager 2 39ระบบสรุ ิยะ The Solar System

ดาวเนปจูน Neptune 40 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

แถบเมฆในช้นั บรรยากาศ จุดมดื ใหญ่ (The Great Dark Spot) 41ระบบสรุ ยิ ะ The Solar System

ดาวเนปจูน เปน็ ดาวเคราะห์ ช้นั บรรยากาศ และชั้นบรรยากาศ ล�ำดับสุดท้าย ในระบบสุริยะ มีขนาดเล็กที่สุดในหมู่ดาวเคราะห์ ชั้นบรรยากาศของดาวเนปจูน แกส๊ ยกั ษ์ องค์ประกอบคล้าย มีองค์ประกอบคล้ายกับดาว กับดาวยูเรนัส แต่มีความ ยูเรนัส โดยชั้นนอกประกอบ หนาแน่นสูงกว่าจึงปรากฏเป็น ด้วยแก๊สไฮโดรเจน และฮีเลียม สนี ำ�้ เงนิ ทเ่ี ขม้ กวา่ ตงั้ ชอ่ื ตามเทพ ผสมกบั แอมโมเนยี เลก็ น้อย ชนั้ ถัด “Neptune” เทพแหง่ ท้องทะเล และ ลง ม า จ ะ ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย น�้ ำ มี เ ท น เ ป ็ น ด า ว เ ค ร า ะ ห ์ ท่ี อ ยู ่ ห ่ า ง ไ ก ล จ า ก และแอมโมเนีย ในสถานะคล้ายน�้ำแข็ง ดวงอาทติ ยม์ ากทสี่ ดุ จงึ มสี ภาพทหี่ นาวเยน็ ซ่งึ เป็นสดั สว่ นกวา่ รอ้ ยละ 80 ของมวลดาวท้ังหมด สุดข้ัว และมีลมแรงระดับความเร็วเหนือเสียง ส่วนช้ันในสุดมีแก่นกลางเป็นหิน และน�้ำแข็ง นอกจากน้ีบนชั้นบรรยากาศยังพบ “จุดมืดใหญ่ คน้ พบเมอื่ ปี ค.ศ. 1846 จากการคำ� นวณ โดยหลงั (Great Dark Spot)” ซ่ึงเป็นพายุขนาดใหญ่เกือบ จากการค้นพบดาวยูเรนัสได้ไม่นานนักดาราศาสตร์ เท่ากับโลก กระแสลมรอบ ๆ มีอัตราเรว็ สงู ถึง 2,100 พบว่าตําแหน่งของดาวยูเรนัสคลาดเคลื่อนไปจาก กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง นบั เปน็ กระแสลมทีร่ ุนแรงทีส่ ดุ ใน ท่ีคํานวณไว้โดยกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน และ ระบบสุริยะ ในขณะที่พายุหมุนที่เร็วที่สุดบนโลกหมุน สันนิษฐานว่าอาจมีดาวเคราะห์อีกดวงหน่ึงดึงดาว ดว้ ยความเร็วเพยี ง 400 กิโลเมตรตอ่ ชั่วโมง และยงั ยเู รนสั ไวอ้ ยู่ จงึ ค�ำนวณอกี คร้ังเพ่ือระบุต�ำแหนง่ ของ มแี ถบเมฆสีขาวประกอบดว้ ยมเี ทนแขง็ อยู่รอบ ๆ ดาวเคราะห์ดวงนี้ จนกระท่ังค้นพบดาวเนปจูนตาม ตําแหน่งท่คี าดการณ์ไว้ วงแหวนของดาวเนปจนู จากนั้นในปี ค.ศ. 1989 มีการส�ำรวจดาวเนปจูน ดาวเนปจูนมีวงแหวนหลัก ๆ อยู่ประมาณ 5 ชั้น มี เปน็ ครง้ั แรกนบั ตงั้ แตม่ กี ารคน้ พบ โดยยาน Voyager ความกว้างรวม 21,000 กิโลเมตร แต่ละชั้นมี 2 และยังเป็นยานเพียงลําเดียวที่เดินทางไปถึง ลกั ษณะเป็นวงแหวนบางและแคบ บางช้นั มีสสารเกาะ ดาวเนปจูน ภาพที่ได้รับจากยานเผยให้เห็นถึง ตัวกันเป็นก้อนไม่เป็นวงกลมสม่�ำเสมอ ซ่ึงขัดกับ รายละเอียดของผิวดาวท่ีมากข้ึน เช่น จุดมืดใหญ่ หลกั การเคลอื่ นท่ขี องวัตถุ เบ้อื งตน้ คาดวา่ เกดิ จาก ทซี่ กี ใตข้ องดาวเนปจนู และยงั พบวา่ มวี งแหวนบาง ๆ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้กับวงแหวน รอบดาว และคน้ พบดวงจนั ทร์บรวิ ารอีกจำ� นวนหนงึ่ ชั้นดังกล่าว สารบริเวณนั้นจึงไม่กระจายตัวอย่าง ทีค่ วรจะเปน็ ข้อมลู ทว่ั ไป ขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 24,764 กม. ระยะหา่ งจากดวงอาทิตยเ์ ฉลีย่ 4,495.06 ล้าน กม. คาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย ์ 164.79 ปขี องโลก คาบการหมุนรอบตวั เอง 16.1 ชั่วโมง อุณหภมู ิพ้นื ผิวเฉลี่ย -218 oC จำ� นวนดาวบรวิ าร 14 ดวง ดาวเนปจูนมขี นาด 3.88 เทา่ ของโลก 42 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

บรวิ ารของดาวเนปจูน สนามแม่เหลก็ ของดาวเนปจนู ดาวเนปจูนมีดวงจนั ทรท์ ่ยี ืนยนั แล้วท้ังหมด 14 ดวง ดาวเนปจูนมีแกนของสนามแม่เหล็กเอียงออกจาก ดวงจนั ทร์ที่ใหญ่ทส่ี ุดมีชือ่ วา่ ไทรทนั (Triton) เปน็ แกนหมุนรอบตัวเอง 47 องศา และสนามแม่เหลก็ ไม่ ดวงจันทร์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะท่ีโคจรรอบ อยู่ในแนวศูนย์กลางดาว แต่จะอยู่ในตําแหน่งเปลือก ดาวเคราะห์ในทิศตรงกันข้ามกับทิศการหมุนรอบ ชน้ั นอก นกั ดาราศาสตรจ์ งึ สนั นษิ ฐานวา่ สนามแมเ่ หลก็ นี้ ตัวเองของดาวเคราะห์ มีอุณหภูมิพ้ืนผิว -235 อาจจะเกดิ จากการไหลเวยี นของนาํ้ และสสารในบรเิ วณ องศาเซลเซยี ส โคจรอยหู่ า่ งจากดาวเนปจนู ประมาณ แกนช้ันนอกของดาว 355,000 กโิ ลเมตร สว่ นดาวบริวารที่เหลอื ส่วนใหญ่ จะโคจรอยู่บริเวณรอบ ๆ วงแหวนของดาว และยัง มดี วงจนั ทรท์ เี่ ลก็ ทส่ี ดุ ชอื่ วา่ ฮปิ โปแคมป์ (Hippocamp) ซึง่ มขี นาดเพียง 34 กิโลเมตร Timeline ยานสํารวจ ดาวเนปจูน ค.ศ. 1989 Voyager 2 Neptune 3D Model 43ระบบสุรยิ ะ The Solar System

แถบไคเปอรแ์ ละเมฆออร์ต แถบไคเปอร์ (Kuiper Belt) เปน็ บรเิ วณแถบทอ่ี ยูเ่ ลยวงโคจรของดาวเนปจนู ออกไป กนิ อาณาบริเวณหา่ งจาก ดวงอาทติ ยต์ ้งั แต่ 35 ถึง 1,000 หน่วยดาราศาสตร์ ประกอบด้วยวตั ถุที่เป็นก้อนนำ้� แข็งโคจรรอบดวงอาทิตย์ เปน็ จ�ำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์สันนิฐานว่าวัตถุเหล่านี้เป็นชิ้นส่วนท่ีหลงเหลือมาต้ังแต่การก�ำเนิดระบบสุริยะ มีองค์ประกอบ สว่ นใหญเ่ ปน็ นำ้� แขง็ เช่อื กันวา่ กอ้ นน้ำ� แข็งเหล่านี้เป็นแหล่งก�ำเนดิ ของดาวหางคาบสน้ั ซง่ึ มคี าบการโคจรไม่เกิน 200 ปี และสันนษิ ฐานว่าดวงจนั ทร์ของดาวเสารแ์ ละดาวเนปจูนบางดวงอาจก�ำเนิดทบ่ี ริเวณนี้ หน่ึงในวตั ถขุ นาดใหญท่ ี่คน้ พบบนแถบไคเปอร์ คอื ดาวพลโู ต ท่แี ตเ่ ดมิ เคยเปน็ ดาวเคราะหล์ �ำดับท่ี 9 ตอ่ มามกี าร ค้นพบวตั ถุอน่ื ๆ ในแถบดังกลา่ วที่มคี ณุ สมบัตคิ ล้ายกับดาวพลโู ตอกี จำ� นวนมาก นกั วิทยาศาสตร์จงึ ก�ำหนด นิยามของดาวเคราะห์ขึ้นใหม่ และก�ำหนดให้ดาวพลูโตเป็นวัตถุประเภท “ดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planet)” เชน่ เดยี วกบั วตั ถุอน่ื ท่ีมีคณุ สมบัติใกลเ้ คยี งกนั พลูโต (Pluto) อรี สิ (Eris) มาเกะมาเกะ (Makemake) ประเภท : ดาวเคราะห์แคระ ประเภท : ดาวเคราะห์แคระ ประเภท : ดาวเคราะหแ์ คระ ขนาด : 2,376 กม. ขนาด : 2,326 กม. ขนาด : 1,430 กม. เฮาเมอา (Haumea) แอร์โรคอท (Arrokoth) ประเภท : ดาวเคราะหแ์ คระ ประเภท : TNO ขนาด : 1,240 กม. ขนาด : ~30 กม. 44 ระบบสุรยิ ะ The Solar System

ถัดออกไปจากแถบไคเปอร์ ที่ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 2,000 ถึง 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ เปน็ บรเิ วณทเ่ี รียกว่า “เมฆออรต์ (Oort Cloud)” กลา่ วคอื เปน็ ตำ� แหนง่ ในทางทฤษฎีกำ� เนดิ ระบบสุริยะ ซงึ่ เชือ่ ว่าบรเิ วณดงั กลา่ วเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ครอบระบบสรุ ิยะอยู่ เตม็ ไปดว้ ยวตั ถุจ�ำพวกน�้ำแข็งและหินขนาดเล็ก นบั เป็นขอบเขตของระบบสุริยะในแง่ของแรงโนม้ ถว่ ง แถบไคเปอร์ เมฆออร์ต ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่เคยมีการค้นพบวัตถุท่ีอยู่ในเมฆออร์ตมาก่อน แต่นักดาราศาสตร์ตั้งข้อสันนิษฐาน ว่าดาวหางคาบยาวทีม่ ีคาบการโคจรเกิน 200 ปี มีจุดกำ� เนิดทบ่ี รเิ วณนี้ เนื่องจากพบว่าบนดาวหางมโี มเลกุล บางชนิดท่เี กดิ ขนึ้ ก่อนทดี่ วงอาทิตยถ์ ือก�ำเนิด ซง่ึ สอดคลอ้ งกับทฤษฎีกำ� เนดิ ระบบสรุ ิยะ เมฆออร์ตจงึ เปน็ วตั ถุ ทางทฤษฎีท่มี กี ารยอมรับอย่างกว้างขวาง 45ระบบสุริยะ The Solar System

ระบบสรุ ิยะจะเป็นอย่างไรตอ่ ไป ? อีกประมาณ 5,500 ลา้ นปีต่อจากน้ี ไฮโดรเจนซึ่งเปน็ เช้ือเพลิงทคี่ อยขับเคลอ่ื นปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี รท์ ี่แก่นกลาง ของดวงอาทิตย์จะหมดลง และจะเขา้ สรู่ ะยะสุดทา้ ยของชวี ติ ดวงอาทติ ย์จะขยายตัวออก มขี นาดใหญ่กว่าเดมิ 100 ถึง 1,000 เทา่ ซงึ่ คาดการณ์ว่าจะกลนื กินไปถงึ วงโคจรของโลก อณุ หภูมิพ้ืนผวิ จะต�่ำลงเหลอื เพยี งครง่ึ หนง่ึ ของอุณหภูมิปัจจบุ ันและเปลีย่ นเปน็ สีแดง เรยี กระยะน้ีวา่ “ดาวยกั ษแ์ ดง (Red Giant)” ทร่ี ะยะนี้ แกน่ กลางดวงอาทติ ยจ์ ะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี รฟ์ วิ ชนั หลอมรวมฮเี ลยี มเปน็ คารบ์ อน สรา้ งแรงดนั ภายใน ทตี่ า้ นแรงโนม้ ถ่วงเอาไว้อีกครัง้ จนกระท่งั อีก 100 ถึง 1,000 ปี ฮเี ลียมท่ีแก่นกลางหมดลง เหลือแตเ่ พยี ง คารบ์ อน มวลแกส๊ ทเ่ี ปลอื กดาวจะยบุ ตวั ลงแลว้ กระจายออกทกุ ทศิ ทางเกดิ เปน็ “เนบวิ ลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebula)” ทิ้งแกน่ กลางที่อัดแนน่ และอุณหภูมสิ งู มากเอาไว้ เรยี กว่า “ดาวแคระขาว (White Dwarf)” และกลาย เป็นเพียงซากของดาวฤกษท์ ลี่ อยเคว้งอยู่ในอวกาศ 46 ระบบสรุ ิยะ The Solar System

Credit : Judy Schmidt / NASA ภาพถา่ ยเนบวิ ลาดาวเคราะหล์ กั ษณะตา่ ง ๆ โดยกลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศฮบั เบลิ 47ระบบสุริยะ The Solar System

“ The nitrogen in our DNA, the calcium in our teeth, the iron in our blood, the carbon in our apple pies were made in the interiors of ”collapsing stars. We are made of star stuff. - -Carl Sagan พมิ พค์ รั้งที่ 2 ตุลาคม 2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook