Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore activity

activity

Description: activity

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 8 คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศ สามารถอธิบายและทาความเข้าใจองค์ความรู้เร่ืององค์ประกอบของเซลล์ได้เหมือนกัน แมจ้ ะมคี วามแตกต่างทางด้านภาษา สงั คม และวฒั นธรรม เฉลยคาถามระหว่างเรียน • คาถามแบบใดท่วี ิทยาศาสตรไ์ ม่สามารถตอบได้ แนวคาตอบ คาถามที่ไม่มีหลักฐานท่ีน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้มาสนับสนนุ ข้อสรุปเป็นคาถามที่วทิ ยาศาสตร์ ไม่สามารถตอบได้ เช่น เรอื่ งความเชื่อต่าง ๆ หรือเรอ่ื งล้ลี บั ทีย่ ังไม่มคี าตอบชดั เจน • ยกตัวอย่างธรรมชาติของวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 3 ตัวอย่างที่พบจากบทความเก่ียวกับโครงสร้างอะตอม และการศึกษาวจิ ยั ใบหนา้ ของหญงิ สาวโบราณปลายยคุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ แนวคาตอบ นักเรยี นสามารถตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ o การศึกษาวิจัยใบหน้าของหญิงสาวโบราณปลายยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ข้อสรุปเพ่ิมมากข้ึนเม่ือมีหลักฐานท่ี นา่ เช่อื ถอื มาเพิม่ เชน่ จากการค้นพบโครงกระดูก ตอ่ มามีการวเิ คราะห์ทางกายภาพจนสรปุ ได้วา่ เป็นโครงกระดูก ของหญิงสาว หรือการนาช้ินส่วนกระดูกไปวิเคราะห์หาอายุ จนได้ข้อสรุปว่าโครงกระดูกดังกล่าวมีอายุราว 13,640 ปี o ข้อสรุปสามารถได้จากข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เช่น นกั วิทยาศาสตรจ์ นิ ตนาการและสร้างสรรค์ภาพหญงิ สาวโบราณจากข้อมลู โครงกระดกู หญิงและข้อมลู อื่น ๆ โดยที่ ไมไ่ ด้เห็นดว้ ยตาตวั เอง o ข้อสรุปสามารถเปลี่ยนแปลงได้เม่ือมีหลักฐานท่ีน่าเชื่อถือมาสนับสนุนแนวคิดใหม่และลบล้างแนวคิดเก่า เช่น จากแนวคิดเดิมท่ีว่าอะตอมเป็นส่ิงที่เล็กท่ีสุดของสสาร ต่อมามีการค้นพบอิเล็กตรอน โปรตอน หรือแนวคิดที่ว่า อะตอมประกอบด้วยอนุภาคประจุบวกและลบกระจายอยู่ท่ัวอะตอม ต่อมาจากหลักฐานต่าง ๆ ได้ข้อสรุปว่า อนภุ าคประจบุ วกอยู่เปน็ นวิ เคลียสตรงกลาง และมอี นภุ าคประจลุ บโคจรโดยรอบ o วิทยาศาสตร์เป็นกิจการทางสังคมของมนุษยชาติ มีความเป็นสากล เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับอะตอมมีการศึกษา ทง้ั ในคนจากประเทศตา่ ง ๆ รว่ มกันสรุปจนไดอ้ งค์ความรู้ o กระบวนการทางานเพ่ือให้ได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มีตั้งแต่การต้ังคาถาม การเก็บข้อมูลหรือหาหลักฐาน การสร้างคาอธิบาย การเชื่อมโยงสู่หลักการทางวทิ ยาศาสตร์และการส่ือสาร เช่น มีคาถามเกี่ยวกับองค์ประกอบ ของสสาร หรือข้อมูลของโครงกระดูกท่ีค้นพบ นาไปสู่การหาหลักฐานต่าง ๆ จนได้ข้อสรุปในแต่ละยุคเท่าท่ีมี หลักฐานเพียงพอท่ีจะอธิบายได้ และเพิ่มเติมหรือเปล่ียนแปลงคาอธิบายเดิมเม่ือมีข้อมูลใหม่ที่น่าเช่ือถือมา สนบั สนนุ เชน่ แบบจาลองอะตอมทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปตามหลักฐานทีเ่ พ่มิ มากขึ้น 7. นาเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.2 วัตถุอะไรอยู่ในกล่อง เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นเก่ียวกับธรรมชาติวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมต่อไป วา่ ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตรด์ งั กลา่ วช่วยสง่ เสริมสนบั สนุนการสรา้ งความรทู้ างวทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งไร ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

9 หนว่ ยท่ี 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ คู่มือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 1.2 วตั ถุอะไรอยใู่ นกล่อง แนวการจัดการเรยี นรู้ ครดู าเนินการดงั นี้ กอ่ นการทากิจกรรม (10 นาที) 1. ให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดาเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่านโดยใช้คาถาม ดงั ต่อไปน้ี • กิจกรรมนเี้ กี่ยวกับเรื่องอะไร (ลกั ษณะของธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ จากการหาคาตอบว่าอะไรอยู่ในกล่องปริศนา) • กจิ กรรมนีม้ ีจดุ ประสงคอ์ ะไร (สังเกต อภิปรายและลงความเห็นเก่ยี วกบั ส่ิงทอี่ ยใู่ นกลอ่ งปริศนา จากนัน้ ยกตวั อย่าง และอธิบายธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ท่ีสอดคลอ้ งกบั กิจกรรม) • การทากิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกต เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ส่ิงท่ีอยู่ในกล่องปริศนาโดยใช้ ประสาทสัมผสั ตอ่ มาจึงใช้เคร่อื งมอื จากน้นั นาเสนอและอภปิ รายสรปุ ร่วมกัน) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนความคิดว่าส่ิงใดอยู่ในกล่อง ปริศนา โดยใช้ประสาทสมั ผัสตา่ ง ๆ) ระหว่างการทากจิ กรรม (15 นาที) 2. ขณะที่แต่ละกลุ่มทากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการทากิจกรรมในแต่ละกลุ่ม และให้คาแนะนา ถ้านักเรียนมีข้อสงสัย ในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น การใช้ประสาทสัมผัสหรอื การใช้เครอื่ งมือในการเกบ็ ข้อมูล หลังการทากจิ กรรม (15 นาที) 3. ให้นักเรียนนาเสนอผลการทากิจกรรม ตอบคาถามท้ายกิจกรรม เพ่ือให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า ธรรมชาติของ วิทยาศาสตร์มีมมุ มองเชงิ วิทยาศาสตร์ว่า ปรากฏการณห์ รอื คาถามตา่ ง ๆ สามารถทาความเข้าใจได้โดยอาศัยหลักฐาน สนับสนุน การแปลผล ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ โดยสรุปเป็นคาอธิบายหรือแนวคิดทาง วทิ ยาศาสตร์ซง่ึ เปลีย่ นแปลงได้ เมือ่ มหี ลักฐานเพม่ิ เตมิ ท่ีเชอื่ ถอื ไดแ้ ละนามาสรา้ งคาอธบิ ายใหม่ การสบื เสาะหาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ประกอบโดยการรวบรวมข้อมูลหลักฐานจากวิธกี ารท่ีหลากหลาย เช่น การสังเกต การทดสอบ หรือ วิธีการต่าง ๆ เพื่อนามาสร้างคาอธิบายหรือตอบคาถามในสิ่งท่ีสงสัย ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นระบบ แต่ข้ันตอนก็มี ความยืดหยุ่นกลับไปกลับมาได้ไม่ตายตัว จากกิจกรรมจะเห็นได้ว่า วิทยาศาสตร์เป็นกิจการทางสังคมที่ซับซ้อนของ มนุษยชาติ แนวคิดหรือคาอธิบายทางวิทยาศาสตร์มีความเป็นสากลแต่อาจจะมีความแตกต่างกัน และในบางครั้ง วิทยาศาสตรก์ ไ็ มส่ ามารถใหค้ าตอบท่ีสมบูรณ์หรอื ตอบคาถามทกุ คาถามได้ คล้ายกบั การหาคาตอบในกจิ กรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562

หนว่ ยท่ี 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 10 คู่มอื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ 4. ใหน้ ักเรยี นเรยี นร้เู พิ่มเติม โดยอ่านเน้ือหาและตอบคาถามระหว่างเรียนเก่ยี วกบั จิตวทิ ยาศาสตร์จากหนังสือเรยี น 5. ให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับจิตวทิ ยาศาสตร์ เพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ จติ วทิ ยาศาสตร์ เปน็ ลักษณะนสิ ัยของบุคคล ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับความรู้สึกนึกคดิ ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมกี ารนึกคิดและแสดงออกได้หลายแนวทางเชน่ การวเิ คราะห์และ ให้เหตุผลแต่ละข้อมูลก่อนการประเมินและตัดสินใจ การไม่แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อนลงมือทา หรือได้ข้อมูลเพียงพอ การสืบเสาะและใช้หลักฐานสนับสนุนการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ การรายงานหลักฐานเชิง ประจักษอ์ ยา่ งครบถ้วน ไม่แอบอา้ งผลงานผูอ้ ื่น รวมทงั้ การเห็นคุณคา่ ความสาคญั และความสนใจตอ่ วทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามระหวา่ งเรียน • ยกตัวอย่างเครอื่ งมอื ทช่ี ว่ ยในการสังเกตหรอื เก็บขอ้ มลู ตา่ ง ๆ มา 3 ตัวอย่าง แนวคาตอบ ตวั อยา่ งเครือ่ งมอื ท่ีชว่ ยในการสังเกตหรอื เกบ็ ขอ้ มูล เชน่ ไม้บรรทัด เคร่ืองชง่ั กลอ้ งจุลทรรศน์ เฉลยคาถามระหว่างเรียน • จากบทความเก่ียวกับโครงสร้างอะตอม และหญิงโบราณ นักเรียนคิดว่านักวิทยาศาสตร์น่าจะมีลักษณะ นิสัยอยา่ งไรบ้าง เพราะเหตใุ ด แนวคาตอบ ทีมนักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์น่าจะมีลักษณะนิสัยช่างสงสัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ รอบตัว มีความอดทนในการค้นคว้าหรือทาการทดลองเพื่อเก็บข้อมูลหลักฐาน เชื่อมต่อหลักฐานและการลง ข้อสรุปจากหลักฐานท่ีมี ซ่ือสัตย์ต่อหลักฐานท่ีมี ยอมรับความเห็นคนอ่ืน ใจกว้างหากมีข้อมูลใหม่มาลบล้าง แนวคิดเดิม • ในการทากิจกรรมที่ 1.2 นักเรียนมจี ติ วทิ ยาศาสตร์อย่างไรบา้ ง แนวคาตอบ นักเรียนสามารถตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น มีความช่างสงสัยในการทากิจกรรม มคี วามอดทนในการเกบ็ ข้อมูล ใจกวา้ งในการยอมรับความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื • จิตวทิ ยาศาสตรช์ ว่ ยให้การทางานบรรลุผลสาเร็จได้อยา่ งไร แนวคาตอบ นักเรียนสามารถตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ทาให้ได้ข้อมูลท่ีเป็นจริงสอดคล้องกับ หลักฐานท่ีมีไมม่ อี คติ เนอื่ งจากเชอ่ื มนั่ ต่อหลักฐานนั้น ทาให้งานท่ีต้องใช้เวลาและความทุ่มเทสาเร็จเน่ืองจาก มีความอดทน ทาให้งานที่ต้องใช้แนวคิดร่วมกันหลายคนวิเคราะห์สาเร็จได้เนื่องจากมีความใจกว้างยอมรับ ความเหน็ ของผอู้ ่นื ทนี่ ่าเชอ่ื ถอื ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

11 หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ 6. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเก่ียวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า วิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะตัวท่ีแตกต่างจากศาสตร์แขนงอ่ืน ๆ โดยธรรมชาติของวิทยาศาสตร์จะให้ความสาคัญกับการ มองโลกในมุมมองแบบวิทยาศาสตร์ที่เห็นว่า ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เราสามารถทาความเข้าใจได้โดยอาศัยกระบวนการหา หลักฐาน ลงความคิดเห็น ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ในการสร้างแนวคิดและคาอธิบายทาง วิทยาศาสตร์ที่มีความน่าเช่ือถือ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์จึงเป็นวิถีทางแหง่ การ เรียนรู้ส่ิงรอบตัวอย่างที่ไม่มีที่ส้ินสุด โดยลักษณะนิสัยของบุคคลที่เก่ียวข้องกับความรู้สึกนึกคิดทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า จิตวิทยาศาสตร์ ซ่ึงแสดงออกได้หลายแนวทาง เช่น วิเคราะห์และให้เหตุผลแต่ละข้อมูลก่อนการประเมินและตัดสินใจ ไม่แสดงความคดิ เห็นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อนลงมือทาหรือได้ข้อมูลเพียงพอ สืบเสาะและใช้หลกั ฐานสนับสนุนคาอธิบาย ทางวิทยาศาสตร์ รายงานหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างครบถ้วน ไม่แอบอ้างผลงานผู้อื่น ยอมรับความเห็นหรือแนวคิดที่มี ประจักษ์พยานและเหตุผล แม้ว่าความเห็นหรือแนวคิดดังกล่าวจะแตกต่างจากตนเอง รวมทั้งเห็นคุณค่า ความสาคัญ และ ความสนใจตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 7. ให้นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายคาถามนาหนว่ ย เพือ่ ใหไ้ ดค้ าตอบดงั ตวั อย่าง เฉลยคาถามนาหน่วย • ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรเ์ ปลยี่ นแปลงได้หรือไม่ อย่างไร แนวคาตอบ ความรทู้ างวิทยาศาสตร์เปล่ียนแปลงได้หากมหี ลักฐานและคาอธิบายใหม่ท่นี ่าเชื่อถือมาสนับสนุน • วทิ ยาศาสตร์มลี ักษณะเฉพาะตวั อย่างไร แนวคาตอบ วิทยาศาสตร์ให้ความสาคัญกับข้อมูลหลักฐานและการสร้างคาอธิบายที่สอดคล้องกับหลักฐาน นัน้ ความรูท้ างวิทยาศาสตร์มีความเป็นสากล เปน็ กจิ กรรมของมนุษยชาติ องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์คงทน เช่ือถือได้ แต่เปล่ียนแปลงเม่ือมีหลักฐานหรือข้อมูลใหม่ ๆ มาสนับสนุน การสืบเสาะหาความรู้ทาง วทิ ยาศาสตรป์ ระกอบดว้ ยกระบวนการทเี่ ปน็ ระบบแต่ไมม่ ขี น้ั ตอนตายตวั • ลกั ษณะนสิ ยั แบบใดทช่ี ว่ ยใหท้ างานทางวทิ ยาศาสตรส์ าเรจ็ แนวคาตอบ ลักษณะนิสัยท่ีช่วยให้การทางานทางวิทยาศาสตร์สาเร็จมีหลากหลาย เช่น ใจกว้างยอมรับ ความเหน็ ผ้อู ื่นที่นา่ เช่อื ถือ ช่างสงสัย ละเอยี ดรอบคอบ อดทน เชอื่ ม่นั ต่อหลกั ฐาน ซ่ือสัตย์ ไม่แอบอ้างผลงาน ของผู้อ่ืนมาเปน็ ของตนเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 12 คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ 8. ให้นักเรียนตรวจสอบตนเองเพ่ือสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากบทเรียน โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผัง มโนทัศนส์ งิ่ ที่ไดเ้ รยี นรู้จากหน่วยการเรยี นร้นู ี้ ตวั อย่างผงั มโนทัศน์ในบทเรียนธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย จติ วทิ ยาศาสตร์ ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ สามารถอธบิ ายและ เช่น เช่น การอธบิ ายปรากฎการณต์ ่าง ๆ เช่น ชา่ งสงสยั ทานายได้ โดยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มคี วามอดทน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะความรทู้ าง มคี วามคงทน เชื่อมัน่ ต่อหลกั ฐาน วทิ ยาศาสตร์มีกระบวนการที่เป็น ใจกว้าง ระบบ แต่มีลาดับขน้ั ตอนไม่ตายตวั ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ ซื่อสตั ย์ เปลีย่ นแปลงได้ เมือ่ มี วิทยาศาสตรเ์ ป็นกจิ การสากลของ มนษุ ยชาติ ทกุ คนมสี ่วนร่วมได้ หลักฐานใหม่ ๆ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์มกี ารจัดระบบ วิทยาศาสตร์ตอบ และแตกแขนงเปน็ สาขาทห่ี ลากหลาย คาถามท่ีสมบรู ณไ์ มไ่ ด้ โดยองคก์ รต่าง ๆ และมหี ลกั จรยิ ธรรม ทกุ คาถาม ในการดาเนินการร่วมกนั 9. เช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องต่อไปว่า ในหน่วยการเรียนรู้ต่อ ๆ ไป จะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สร้างองค์ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์ให้เพ่ิมข้ึน เพ่ือเป็นรากฐานใน การดารงชวี ติ จริงต่อไป ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

13 หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ คู่มือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยกจิ กรรมของหนว่ ยท่ี 1 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562

หนว่ ยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 14 ค่มู อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมท่ี 1.1 ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์เป็นอยา่ งไร นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ผ่านการอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ จดุ ประสงค์ อา่ นบทความ วิเคราะห์และสรปุ แนวคดิ เก่ียวกับธรรมชาตวิ ิทยาศาสตร์ เวลาที่ใช้ใน 45 นาที การทากจิ กรรม วสั ดแุ ละอุปกรณ์ -ไมม่ -ี การเตรียมตวั -ไม่ม-ี ล่วงหนา้ สาหรบั ครู ขอ้ เสนอแนะ -ไม่ม-ี ในการทากจิ กรรม สอื่ การเรียนรู้/ • หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เลม่ 1 ของ สสวท. แหลง่ เรยี นรู้ ฉบับปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

15 หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์ คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ตวั อย่างผลการทากจิ กรรม การพัฒนาองค์ความร้เู ก่ียวกับโครงสรา้ งอะตอม หลักฐาน แนวคิด/ข้อสรปุ สสารประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กที่ แบ่งแยกอกี ไม่ได้เรยี กวา่ อะตอม พบอนุภาคประจบุ วกแผม่ าจากอะตอม อะตอมประกอบดว้ ยอนุภาคประจบุ วก พบอนุภาคประจลุ บแผ่มาจากอะตอม และอนภุ าคประจลุ บกระจายอยทู่ ว่ั อะตอม อะตอมประกอบดว้ ยอนุภาคประจบุ วก ขนาดใหญอ่ ยู่ตรงกลางและมีอนภุ าคประจุ ลบเคลอื่ นทีโ่ ดยรอบ เม่อื ยงิ อนุภาคประจบุ วกเข้าไปในอะตอม อะตอมประกอบดว้ ยอนุภาคประจบุ วกขนาด บางครง้ั อนภุ าคดังกลา่ วมกี ารสะทอ้ นกลับ เล็กอยตู่ รงกลางเป็นนวิ เคลยี สและมอี นภุ าค หรอื เบนไปจากแนวเดมิ ประจลุ บเคลอ่ื นทโี่ ดยรอบ นา้ หนกั อะตอมของฮเี ลยี มหนกั กวา่ ที่ควรจะเปน็ 2 นิวเคลียสของอะตอมมอี นุภาคที่เปน็ กลาง เทา่ เรียกว่า นวิ ตรอน สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 16 คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ตวั อยา่ งผลการทากจิ กรรม การพฒั นาองค์ความรเู้ กี่ยวกับหญิงสาวโบราณปลายยุคก่อนประวัติศาสตร์ หลักฐาน แนวคิด/ขอ้ สรปุ พบโครงกระดกู ณ เพิงถ้าผาลอด เมอื่ นามา โครงกระดกู เพศหญิง อายุเมอ่ื ตาย 25-35 ปี วิเคราะห์และไดข้ ้อมลู ลักษณะทางกายภาพ ความสงู ประมาณ 5 ฟุต เช่น กระดูกเชิงกราน และฟันกราม ขอ้ มลู จากการทดสอบหาอายโุ ดยใช้ โครงกระดกู มอี ายรุ าว 13,640 ปี คารบ์ อน-14 โมเดลตน้ แบบ 3 มติ ิ ของโครงกระดกู ข้อมลู จากการสแกนตัวอยา่ งกระโหลก และจาลองโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ ข้อมลู จากเทคนิคการจาลองใบหนา้ จาก ภาพวาดใบหนา้ หญิงโบราณ กระโหลก การวเิ คราะห์เน้อื เยื่อ และ รปู ป้นั ใบหนา้ หญิงสาวยคุ โบราณ กล้ามเนื้อบนใบหนา้ ฉบบั ปรับปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

17 หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์ คมู่ ือครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยคาถามท้ายกิจกรรม 1. องค์ความร้ทู างวิทยาศาสตร์ไดม้ าอย่างไร แนวคาตอบ ข้อสรุปหรือองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะต้องอาศัยข้อมูลหลักฐาน รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล และสร้างคาอธบิ ายทีน่ า่ เชอ่ื ถอื และสอดคล้องกับหลกั ฐานนน้ั 2. ความรู้ทางวิทยาศาสตรเ์ ปลี่ยนแปลงไดห้ รอื ไม่ อย่างไร แนวคาตอบ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เปล่ียนแปลงได้เมื่อมีหลักฐานเพ่ิมเติม หรือหลักฐานใหม่ลบล้างแนวคิด หรอื ข้อสรปุ เดมิ 3. จากกจิ กรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร แนวคาตอบ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะตัวท่ีแตกต่างจากศาสตร์อื่น ๆ โดยมุมมองแบบ วิทยาศาสตร์ต่อปรากฏการณ์ต่างๆ มีลักษณะเฉพาะ เช่น องค์ความรู้หรือคาอธิบายต่อปรากฏการณ์หรือส่ิง ต่างๆอาศัยข้อมูลหรือหลักฐานท่ีน่าเชื่อถือมาประกอบกันเพื่อสร้างคาอธิบาย โดยองค์ความรู้หรือคาอธิบาย ต่างๆ สามารถเปลีย่ นแปลงได้เม่ือมีหลกั ฐานเพม่ิ ขึน้ หรือหลกั ฐานใหม่ที่นา่ เช่ือถอื มาสนับสนุนคาอธิบายใหม่ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 1 | ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ 18 ค่มู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมท่ี 1.2 วัตถอุ ะไรอย่ใู นกลอ่ ง นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตรผ์ ่านการสังเกต เกบ็ ข้อมูล ลงความเห็นเกย่ี วกบั สงิ่ ที่อยใู่ น กล่องปรศิ นา จดุ ประสงค์ 1. สังเกต เก็บข้อมูล อภปิ รายและลงความเหน็ เกีย่ วกบั ส่งิ ท่ีอยู่ในกล่อง 2. ยกตัวอย่างและอธบิ ายธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ท่ีสอดคล้องกับการทากจิ กรรม เวลาท่ใี ช้ใน 40 นาที การทากิจกรรม วสั ดแุ ละอุปกรณ์ วัสดุที่ใชต้ ่อกล่มุ รายการ ปรมิ าณ/กล่มุ 1. กลอ่ งปรศิ นา 1 กล่อง 2. อปุ กรณช์ ว่ ยในการสงั เกต เช่น 1 ชุด ไมบ้ รรทดั เครือ่ งชัง่ ดนิ สอ ไม้จ้ิมฟนั การเตรียมตัว เตรียมกล่องบรรจุวัตถุปริศนาท่ีคุณครูเลือกเอง โดยกล่องปิดทึบไม่สามารถมองเห็นวัตถุปริศนา ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู ได้ และเจาะรูเลก็ ๆ ดา้ นขา้ ง 1 รู วตั ถุปริศนาควรเปน็ วัตถทุ ห่ี าได้งา่ ย นกั เรียนทกุ คนรจู้ กั ข้อเสนอแนะ -ไม่ม-ี ในการทากิจกรรม สื่อการเรยี นรู้/ • หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปที ่ี 2 เลม่ 1 ของ สสวท. แหลง่ เรียนรู้ ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

19 หน่วยที่ 1 | ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์ คู่มือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่างผลการทากิจกรรม ผลการสงั เกตและเกบ็ รวบรวมข้อมลู วตั ถุปรศิ นาท่ีอยู่ในกลอ่ ง โดยใช้ประสาทสัมผัสของตนเอง • เม่อื เขย่ากล่องมเี สียงวตั ถุกระทบข้างกลอ่ ง กล่องเบา • กลอ่ งไม่มีกลิ่น และมีสี (ตามกล่องที่ครเู ตรยี ม) • วัตถมุ พี ืน้ ที่ให้เคล่ือนทใี่ นกล่องมาก การลงข้อสรปุ เกี่ยวกับวัตถุปรศิ นา • วัตถขุ องแข็ง ขนาดเลก็ น้าหนักไม่มาก ผลการสังเกตและเกบ็ รวบรวมข้อมลู วตั ถุปริศนาทอ่ี ยู่ในกลอ่ ง โดยใชเ้ ครือ่ งมือตา่ งๆช่วยในการสังเกต • เมอ่ื ใชด้ ินสอไม้หรือไม่จ้มิ ฟันเจาะรูกลอ่ งและสัมผสั กบั วตั ถุพบวา่ บางคร้ังดินสอสามารถทะลชุ ่องของวัตถุไป ไดบ้ ริเวณตรงกลางของวตั ถุ มีรูปร่างแบน ๆ ความสงู ประมาณ 1 เซนติเมตร การลงข้อสรุปเก่ยี วกับวตั ถุปรศิ นา • วัตถปุ รศิ นามรี ปู รา่ งกลมแบนมีรตู รงกลาง วตั ถปุ ริศนานา่ จะเป็นยางลบ หรอื เทปกาว เฉลยคาถามทา้ ยกิจกรรม 1. การลงความเห็นส่ิงที่อยู่ในกล่อง จากข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัส โดยใช้เคร่ืองมือ และการอภิปรายรว่ มกันในชั้นเรยี น เหมือนหรอื แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร แนวคาตอบ แตกตา่ งกนั โดยเม่อื ใชป้ ระสาทสัมผัสของตนเอง จะลงข้อสรปุ ไดว้ า่ เปน็ ของแข็งขนาดเล็ก นา้ หนัก เบา เม่ือใช้เครื่องมือโดยใช้ดินสอลอดผ่านกล่องไปสัมผัสวัตถุได้ข้อมูลเพ่ิมขึ้นว่าเป็นวัตถุท่ีมีลักษณะกลมแบน เม่ืออภิปรายรว่ มกันทง้ั ชั้นเรยี นกไ็ ดข้ ้อมลู หลกั ฐานเพม่ิ ขนึ้ วา่ มีความหนาประมาณ 1 เซน็ ติเมตร จนสรปุ ร่วมกัน วา่ วตั ถุดังกลา่ วนา่ จะเป็น ยางลบ หรอื เทปกาว 2. เพราะเหตใุ ดการลงความเห็นในข้อ 1 จงึ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั แนวคาตอบ การลงความเห็นในข้อ 1 แตกต่างกันเน่ืองจากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุน คาอธิบายใหม่ 3. การทากจิ กรรมของนกั เรียนสอดคล้องกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ใดบ้าง อธิบาย แนวคาตอบ การทากิจกรรมสอดคล้องกับธรรมชาติวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์หลักฐานและสรุปข้อมูล จากนน้ั เม่อื มีข้อมลู เพิม่ หรอื หลักฐานใหม่กส็ ามารถเปล่ียนแปลงขอ้ สรปุ ได้ การสรา้ งคาอธิบายอาศัยจินตนาการ การลงความคิดเห็น เช่ือมโยงกบั หลกั ฐานอยา่ งมีเหตผุ ล สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 1 | ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์ 20 คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามท้ายกจิ กรรม 4. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร แนวคาตอบ การลงความเห็นเกี่ยวกับส่ิงท่ีอยู่ในกล่องทาได้โดยใชห้ ลักฐานท่ีเก็บได้ในแต่ละข้ันตอน ท้ังการใช้ ประสาทสมั ผัส และการใชเ้ คร่ืองมือช่วย โดยขอ้ สรปุ เปลี่ยนแปลงได้เม่ือมหี ลักฐานใหม่เพมิ่ เติม หรือแนวคิดใน การวิเคราะห์ที่นา่ เช่ือถอื และสอดคล้องกบั หลักฐานนนั้ โดยกระบวนการทางานดังกล่าวสอดคล้องกับธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ที่ว่า สิ่งต่างๆสามารถทาความเข้าใจได้เมื่อมีหลักฐานสนับสนุน แนวคิดสามารถเปล่ียนแปลงได้ เม่ือมีหลักฐานเพ่ิมเติมที่เช่ือถือได้ การสร้างคาอธิบายอาศัยจินตนาการ การลงความคิดเห็นเช่ือมโยงกับ หลกั ฐานอยา่ งมีเหตผุ ล ฉบับปรบั ปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

21 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ 2หนว่ ยท่ี ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ น้ี มี จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น เ รี ย น รู้ เ กี่ ย ว กั บ องค์ประกอบของสารละลาย ปัจจัยท่ีมีผลต่อสภาพละลายได้และความ เข้มข้นของสารละลาย เพ่ือให้เข้าใจว่าสารละลายประกอบด้วยตัวละลาย และตัวทาละลาย ซ่ึงละลายโดยใช้อัตราส่วนต่าง ๆ และไม่เกิดสารใหม่ สารละลายอิ่มตัวมีอัตราส่วนระหว่างตัวละลายต่อตัวทาละลายสูงสุด อัตราส่วนดังกล่าวคือสภาพละลายได้ของสารละลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของ ตัวละลายและตัวทาละลาย อุณหภูมิและความดัน การระบุความเข้มข้น ของสารละลายสามารถระบุได้ในหน่วยร้อยละ การใช้สารละลายใน ชีวิตประจาวันควรคานึงถึงความเข้มข้นของสารละลาย และผลกระทบต่อ ส่งิ มีชวี ติ และสิง่ แวดล้อม องคป์ ระกอบของหนว่ ย บทท่ี 1 องค์ประกอบของสารละลายและปัจจยั ท่ีมีผลต่อสภาพละลายได้ เรอื่ งท่ี 1 องคป์ ระกอบของสารละลาย เวลาที่ใช้ 2 ชัว่ โมง เรอ่ื งท่ี 2 สภาพละลายไดแ้ ละ เวลาท่ีใช้ 6 ชัว่ โมง 30 นาที ปัจจยั ทมี่ ผี ลตอ่ สภาพละลายได้ กจิ กรรมท้ายบท เวลาทใ่ี ช้ 30 นาที บทท่ี 2 ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย เรอ่ื งท่ี 1 ความเขม้ ข้นของสารละลาย เวลาทีใ่ ช้ 4 ชวั่ โมง ในหน่วยร้อยละ กิจกรรมท้ายบท เวลาที่ใช้ 1 ชัว่ โมง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมเวลาทใ่ี ช้ 14 ชวั่ โมง ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 22 คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ บทที่ 1 องค์ประกอบของสารละลายและปัจจัย ทีม่ ผี ลต่อสภาพละลายได้ สาระสาคญั สารละลายประกอบด้วยตัวทาละลายและตัวละลาย สารละลายมีท้ังสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส สารละลายทเี่ กดิ จากสารท่ีมีสถานะเดยี วกัน สารทีม่ ปี ริมาณมากทีส่ ดุ จดั เป็นตวั ทาละลาย กรณีสารละลายเกิดจากสารที่มี สถานะต่างกัน สารท่ีมีสถานะเดียวกันกับสารละลายและมีปริมาณมากท่ีสุดจัดเป็นตัวทาละลาย สารละลายที่ตัวละลาย ไม่สามารถละลายในตัวทาละลายปริมาณหนึ่ง ๆ ได้อีกที่อุณหภูมิและความดันหนึ่ง ๆ เรียกว่า สารละลายอิ่มตัว สภาพละลายไดข้ องสารในตวั ทาละลายเปน็ ค่าท่ีบอกปริมาณของสารเปน็ กรมั ทล่ี ะลายได้ในตัวทาละลาย 100 กรมั จนได้ สารละลายอิ่มตัว ณ อุณหภูมิและความดันหน่ึง ๆ สภาพละลายได้ของสารบ่งบอกความสามารถในการละลายของ ตัวละลายในตัวทาละลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวทาละลายและตัวละลาย อุณหภูมิ และความดัน สารชนิดหน่ึง ๆ มี สภาพละลายได้แตกต่างกันในตัวทาละลายที่แตกต่างกัน ส่วนสารต่างชนิดกันมีสภาพละลายได้ในตัวทาละลายหนึ่ง ๆ ไม่เท่ากันเม่ืออุณหภูมิคงท่ี แต่เมื่ออุณหภูมิสูงข้ึน สภาพละลายได้ของสารส่วนมากจะเพ่ิมขึ้น ยกเว้นแก๊สเม่ืออุณหภูมิ สงู ขนึ้ สภาพการละลายไดจ้ ะลดลง ส่วนความดนั มีผลต่อสภาพละลายได้ของแก๊ส โดยเมอ่ื ความดันเพิ่มขึน้ สภาพละลาย ได้ของแก๊สจะเพ่ิมข้ึน ความรู้เก่ียวกับสภาพละลายได้ของสารเม่ือเปล่ียนแปลงชนิดตัวละลายและตัวทาละลาย อุณหภูมิ และความดนั สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน จุดประสงค์ของบทเรยี น เมอ่ื เรียนจบบทน้ีแล้ว นักเรยี นจะสามารถทาส่ิงต่อไปนี้ได้ 1. ระบอุ งคป์ ระกอบของสารละลายไดว้ า่ สารใดเปน็ ตวั ละลายหรอื ตัวทาละลาย 2. อธิบายผลของชนิดตัวละลาย ชนิดตวั ทาละลาย อณุ หภมู ิ และความดันที่มีต่อสภาพละลายไดข้ องสาร ฉบบั ปรับปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

23 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ภาพรวมการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ แนวความคดิ ตอ่ เนื่อง กจิ กรรม รายการประเมนิ การเรยี นรู้ของบทเรียน 1. อธิบายเกณฑท์ ่ีใช้ 1. ระบุองค์ประกอบของ 1. สารละลายประกอบดว้ ยตัวทา กจิ กรรมท่ี 2.1 สารละลายไดว้ ่าสารใด ในการระบุตวั เป็นตัวละลายหรือตวั ทา ละลายและตัวละลาย ระบตุ วั ละลาย ละลายและตัวทา ละลาย ละลาย 2. สารละลายมีสถานะเป็นได้ท้งั และตวั ทาละลาย 2. ระบุตัวละลายและ 2. อธิบายผลของชนิดตวั ตัวทาละลายใน ละลาย ชนดิ ตวั ทา ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ไดอ้ ย่างไร สารละลาย ละลาย อณุ หภมู ิ และ ความดนั ท่ีมตี ่อสภาพ 3. สารละลายที่ประกอบด้วยสารที่มี 1. สงั เกตสารละลาย ละลายไดข้ องสาร อมิ่ ตวั และอธิบาย สถานะต่างกนั ตวั ทาละลายคือสาร ความหมายของ สารละลายอ่มิ ตวั มสี ถานะเหมอื นกบั สารละลาย 2. วิเคราะห์และ ซ่ึงสว่ นใหญ่จะเป็นสารท่ีมีปริมาณ อธิบายสภาพ ละลายไดข้ องสาร มากท่ีสุด ในตวั ทาละลาย 4. สารละลายท่ปี ระกอบด้วยสารทมี่ ี สถานะเหมือนกนั สารท่ีมีปริมาณ มากที่สุดจดั เปน็ ตัวทาละลาย สว่ น องค์ประกอบที่มนี ้อยกวา่ จดั เปน็ ตวั ละลาย 1. สารละลายอ่ิมตัว คือ สารละลาย กจิ กรรมท่ี 2.2 ท่ีตัวละลายไม่สามารถละลายใน สารละลายอิ่มตวั ตัวทาละลายปริมาณหน่ึงได้อีกที่ คืออะไร อุณหภูมิและความดันหน่ึง 2. สภาพละลายได้ของสารเป็น ปริมาณของสารเปน็ กรัมทลี่ ะลาย ได้ในตัวทาละลาย 100 กรัม ได้ สารละลายอ่มิ ตัวพอดี ณ อณุ หภูมิ และความดนั หนึ่ง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยที่ 2 | สารละลาย 24 คู่มือครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ แนวความคดิ ตอ่ เน่ือง กจิ กรรม รายการประเมิน การเรยี นรู้ของบทเรยี น 3. สภาพละลายได้ของสารบ่งบอก กจิ กรรมท่ี 2.3 1. ทดลองและอธิบาย ผลของชนดิ ของตวั ความสามารถในการละลายได้ของ ชนดิ ของตวั ละลายและตวั ทา ละลายทีม่ ตี ่อสภาพ ตวั ละลายในตัวทาละลาย ขนึ้ อยู่ ละลายและตัวทา ละลายไดข้ องสาร กบั ชนดิ ของตวั ทาละลายและตวั ละลายมีผลต่อ 1. ออกแบบการ ทดลองและทดลอง ละลาย อณุ หภูมิ และความดัน สภาพละลายได้ เปรยี บเทียบสภาพ ละลายไดข้ องสารที่ 4. สารชนิดหนึ่ง ๆ มีสภาพละลายได้ ของสารอยา่ งไร อุณหภูมิต่าง ๆ ตา่ งกันในตัวทาละลายทต่ี า่ งกัน 1. วเิ คราะหข์ ้อมลู และ ระบแุ นวทางการใช้ และสารต่างชนดิ กนั มีสภาพละลาย ตวั ทาละลายต่าง ๆ อย่างถูกต้องและ ได้ในตวั ทาละลายชนดิ เดยี วกันไม่ ปลอดภัย เท่ากันเมื่ออุณหภูมิคงที่ 5. เมือ่ อณุ หภมู ิสูงขนึ้ สารส่วนใหญม่ ี กิจกรรมท่ี 2.4 สภาพละลายได้เพ่มิ ขนึ้ ยกเว้น อณุ หภมู ิมีผลต่อ แกส๊ เม่ืออุณหภมู สิ ูงขึน้ สภาพการ สภาพละลายได้ ละลายไดจ้ ะลดลง ของสารอยา่ งไร 6. ความดนั มผี ลต่อสภาพละลายได้ ของแก๊ส โดยเมอื่ ความดนั เพิ่มขึ้น สภาพละลายได้ของแกส๊ จะเพ่ิมข้ึน 7. ความรู้เก่ยี วกบั สภาพละลายได้ กจิ กรรมทา้ ยบท ของสารเม่ือเปลย่ี นแปลงชนดิ ตัว การใชต้ ัวทา ละลายและตัวทาละลาย อณุ หภูมิ ละลายอยา่ ง และความดนั สามารถนาไปใช้ ถกู ต้องและ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน ปลอดภัยทาได้ อยา่ งไร ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

25 หนว่ ยท่ี 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ท่คี วรจะได้จากบทเรียน ทกั ษะ เรอ่ื งท่ี ท้ายบท 12 • ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ • การสงั เกต • • • การวัด • • • การจาแนกประเภท • • • การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกบั เวลา การใชจ้ านวน •• การจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมูล •• การลงความเหน็ จากข้อมลู •• การพยากรณ์ การตั้งสมมติฐาน • การกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การกาหนดและควบคุมตวั แปร • การทดลอง • การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป •• การสร้างแบบจาลอง ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา • • ดา้ นการสอื่ สาร สารสนเทศและการรเู้ ทา่ ทันส่อื • ดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผ้นู า • • ดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม • ดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ • และการสื่อสาร ด้านการทางาน การเรียนรู้ และการพ่งึ ตนเอง • • สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 2 | สารละลาย 26 คู่มือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ การนาเข้าสหู่ น่วยการเรยี นรู้ ครูดาเนนิ การดังนี้ 1. กระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อนาเข้าสู่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง สารละลาย โดยให้ นักเรียนสังเกตยาแก้ไอแบบน้าเชื่อม น้าหวาน น้ายาบ้วนปาก หรือสังเกตภาพนาหน่วยและ รว่ มกนั อภปิ รายโดยใชค้ าถามตอ่ ไปน้ี • นักเรียนเคยรับประทานยาแก้ไอแบบ น้าเชื่อมหรือไม่ ยาแก้ไอมีลักษณะและ รสชาติอย่างไร (นักเรียนตอบได้โดยอิสระ เช่น ยาแก้ไอแบบน้าเช่ือม เป็นของเหลว สีแดงเข้ม รสหวาน) 2. เช่ือมโยงเข้าสู่การเรียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โดยใชค้ าถามวา่ • สารต่าง ๆ ที่ยกตัวอย่าง ทั้งยาแก้ไอแบบ น้าเช่อื ม น้าหวาน น้ายาบ้วนปาก มีลกั ษณะ เป็นเนื้อเดียว ใส ไม่มีตะกอน สารดังกล่าว เป็นสารประเภทใด และการใช้ประโยชน์ ต้องคานึงถึงอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น สารดังกล่าวเป็นสารละลาย การใช้ประโยชน์ต้อง คานึงถึงข้อแนะนาการใช้ ปริมาณสารทแ่ี นะนาใหใ้ ช้) คาตอบของนักเรียนอาจจะถูกต้องหรือยังไม่ถูกต้องทั้งหมด ให้ครูบันทึกคาตอบไว้ก่อน และอธิบายว่า นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับองค์ประกอบของสารละลาย ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้ และความเข้มข้นของ สารละลายในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ี 3. นักเรียนอ่านเนื้อหานาหน่วย และร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้แนวคิดว่ายาแก้ไอแบบน้าเชือ่ ม น้าหวาน น้ายาบ้วนปาก เป็นสารผสมที่ประกอบด้วยสารหลายชนิดผสมกันเป็นเนื้อเดียว จัดเป็นสารละลาย การนาสารละลายไปใชป้ ระโยชน์ ต้องคานึงถึงชนิดของสารท่ีนามาผสมกัน และความเข้มข้นของสารละลาย จากนั้น นักเรียนอ่านคาถามนาหน่วยและ รว่ มกันอภปิ ราย เพื่อให้ทราบว่าจะต้องเรยี นรเู้ รอื่ งอะไรบ้างในหน่วยน้ี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

27 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คมู่ ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ 4. เชอื่ มโยงเข้าสู่บทที่ 1 โดยให้นักเรยี นดภู าพนาบท และอภปิ รายร่วมกันโดยใช้คาถาม ครูอาจเขียน คาถามไว้บนกระดานและบันทึกคาตอบของ นักเรยี นไว้ • นักเรียนคิดว่าน้าหวานที่เห็นในภาพประกอบ ด้วยอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง เช่น มีน้า น้าตาล สารแต่งสีและ กล่นิ และอาจมีสารอ่ืนที่ละลายนา้ ได้) • นักเรียนคิดว่าน้าหวานเป็นสารละลาย หรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น น้าหวานเป็น สารละลายเพราะมีน้าตาลละลายอยู่ใน น้าหวาน) • นอกจากน้าหวานแล้ว รอบ ๆ ตัวเรามีอะไร อีกบ้างท่ีเป็นสารละลาย ยกตัวอย่าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ นา้ เกลอื นา้ ชา) ความร้เู พม่ิ เติมสาหรับครู • สารแต่ละชนิดละลายในสารอีกชนิดหน่ึงได้ ภาพนาบทแสดงน้าหวานสีต่าง ๆ ท่ีได้จากการละลายน้าตาล เทา่ กันหรอื ไม่ ขนึ้ อยู่กับอะไร (นกั เรียนตอบ สารแต่งสีและกลิ่นในน้า บางชนิดอาจมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ไม่เท่ากัน ละลายอยดู่ ว้ ย ข้ึนอยู่กับชนิดของสารที่นามาละลายกัน อณุ หภมู )ิ • สารละลายชนิดเดียวกัน เช่น น้าหวานท่ีจาหน่ายในท้องตลาดมีรสหวานเท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียน ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น มรี สหวานไม่เท่ากัน เพราะมีปรมิ าณนา้ ตาลไมเ่ ท่ากนั ) 5. ให้นกั เรยี นอ่านเน้ือหานาบทเพ่ือหาคาตอบของคาถามที่ครูถามหรือเขียนไว้บนกระดาน และอภปิ รายเพ่ือให้ได้คาตอบ ท่ถี ูกตอ้ ง ดงั น้ี • นักเรียนคิดว่าน้าหวานท่ีเห็นในภาพประกอบด้วยอะไรบ้าง (น้าหวานในภาพประกอบด้วยน้า น้าตาล สารแต่งสี และกลิ่น) • นักเรียนคิดว่าน้าหวานเป็นสารละลายหรือไม่ เพราะเหตุใด (น้าหวานเป็นสารละลาย เพราะเป็นสารผสมที่ ประกอบดว้ ยสารหลายชนดิ ผสมกนั เปน็ เนอื้ เดยี ว) สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 2 | สารละลาย 28 คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ • นอกจากน้าหวานแล้ว รอบ ๆ ตัวเรามีอะไรอีกบ้างท่ีเป็นสารละลาย ยกตัวอย่าง (น้าอัดลม น้ายาล้างห้องน้า น้าสม้ สายชู น้ายาลา้ งจาน อากาศ เหลก็ กล้าไร้สนมิ ) • สารแต่ละชนิดละลายในสารอีกชนิดหนึ่งได้ ความรเู้ พิ่มเติมสาหรับครู เทา่ กนั หรือไม่ ขน้ึ อย่กู บั ปจั จยั ใด (สารแตล่ ะ ชนิดละลายในสารอีกชนิดหนึ่งได้ไม่เท่ากัน ปัจจัย หมายถึง สาเหตุท่ีทาให้เกิดผลนั้น เช่น ปัจจัยที่มีผลต่อ ข้ึนอยู่กับปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง เช่น ชนิดของ การละลาย หมายถึง สาเหตุทท่ี าให้เกิดการละลายไมเ่ ท่ากัน เชน่ สาร อุณหภูมิ และความดัน) ชนดิ ของสารทใ่ี ช้ละลาย อณุ หภมู ิขณะละลาย • สารละลายชนิดเดียวกัน เช่น น้าหวาน ท่ีจาหน่ายในท้องตลาดมีรสหวานเท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด (น้าหวานท่ีจาหน่ายในท้องตลาดมีรสหวานไม่ เท่ากนั เพราะมีอตั ราสว่ นผสมระหว่างนา้ ตาลกบั น้าไมเ่ ทา่ กัน) 6. จากน้ันนักเรียนอ่านคาถามนาบท จุดประสงค์ของบทเรียน และอภิปรายร่วมกัน เพ่ือให้นักเรียนทราบขอบเขต เน้ือหาที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ในบทเรียน รวมท้ังเป้าหมายการเรียนรู้ (นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของ สารละลาย และบอกได้ว่าองค์ประกอบใดจัดเป็นตัวละลายหรือตัวทาละลายในสารละลาย สภาพละลายได้ อธิบาย ผลของชนดิ ตัวละลาย ชนิดตวั ทาละลาย อณุ หภูมิ และความดนั ทีม่ ีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร) ฉบบั ปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

29 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 7. เรอ่ื งท่ี 1 องคป์ ระกอบของสารละลาย แนวการจดั การเรียนรู้ ครูดาเนนิ การดังนี้ 1. ให้นักเรียนดูภาพนาเร่ือง อ่านเน้ือหานาเร่ือง ที่เก่ียวกับเหล็กกล้าไร้สนิม แล้วใช้คาถาม อภิปราย เพื่อใหไ้ ด้ข้อสรุปว่า เหล็กกลา้ ไรส้ นิม หรือ stainless steel เป็นสารละลายท่ีมี สถานะเป็นของแข็ง ประกอบด้วยเหล็กละลาย กับธาตุหลายชนิด เพื่อให้มีสมบัติเหมาะสมกับ การใช้งาน และอา่ นคาสาคญั ในหนังสอื เรยี น 2. ให้นักเรียนทากิจกรรมทบทวนความรกู้ ่อนเรียน แล้วนาเสนอผลการทากิจกรรม หากครูพบว่า นักเรยี นยงั ทากจิ กรรมทบทวนความรกู้ อ่ นเรียน ไมถ่ กู ต้อง ครูควรทบทวนหรือแก้ไขความเข้าใจ ผิดของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ พ้ื น ฐ า น ท่ี ถู ก ต้ อ ง แ ล ะ เ พี ย ง พ อ ท่ี จ ะ เ รี ย น เร่ืองสารละลายต่อไป ความร้เู พ่ิมเติมสาหรับครู ภาพนาเรื่องแสดงภาชนะท่ีทาจากเหล็กกล้าไร้สนิมซ่ึงเป็น สารละลายทีม่ สี ถานะเปน็ ของแขง็ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยท่ี 2 | สารละลาย 30 ค่มู อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น เขยี นเครอื่ งหมาย  หนา้ ข้อความทีถ่ กู ต้อง และเขียนเครอื่ งหมาย  หนา้ ข้อความทไี่ มถ่ ูกต้อง  สารละลายมที ง้ั ที่เป็นสารเนอ้ื เดยี วและสารเน้อื ผสม ไม่ถูกต้อง เพราะสารละลายเป็นสารเนือ้ เดยี วเสมอ  สาร 2 ชนิดเม่อื ผสมเป็นเนื้อเดยี วกนั แสดงว่าเกดิ การละลายกนั ไม่ถูกต้อง เพราะสาร 2 ชนิดเมื่อผสมเป็นเน้ือเดยี วกนั อาจไมเ่ กิดการละลาย แตเ่ กดิ ปฏกิ ิริยาเคมไี ด้  น้าแข็งเม่ือเปลี่ยนเป็นน้าแสดงว่ามกี ารละลายเกดิ ขึ้น ไม่ถูกต้อง เพราะน้าแข็งเปล่ียนเป็นน้า เป็นการเปล่ียนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว 3. ตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับตัวละลายและตัวทาละลายโดยทากิจกรรมรู้อะไรบ้างก่อนเรียน นักเรียน สามารถตอบตามความเข้าใจของตนเอง โดยครูจะไม่เฉลยคาตอบ แต่นาข้อมูลจากการตรวจสอบความรู้เดิมของ นักเรียนนี้ไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ว่าควรเน้นย้าหรืออธิบายเร่ืองใดเป็นพิเศษ เมื่อนักเรียนเรียนจบ เรอ่ื งนี้แล้ว นกั เรียนจะมคี วามรู้ความเขา้ ใจครบถว้ นตามจุดประสงคข์ องบทเรยี น ตัวอย่างแนวคดิ คลาดเคล่อื นซึ่งอาจพบในเรอ่ื งนี้ • สารละลายมีสถานะของเหลวเทา่ น้ัน (Adadan, E., & Savasci., 2012) • ตัวละลายตอ้ งมสี ถานะเปน็ ของแข็งเสมอ (Çalık, M., & Ayas, A., 2005) 4. ให้นักเรียนอ่านเน้ือหาในหนังสือเรียนหน้า 13 และอภิปรายร่วมกัน เกี่ยวกับองค์ประกอบของสารละลาย เพื่อให้ได้ ข้อสรุปว่า สารละลาย (solution) เป็นสารผสมเนื้อเดียวที่ประกอบด้วยตัวละลาย (solute) และตัวทาละลาย (solvent) โดยท่ีอนุภาคของตัวละลายกระจายตัวอย่างสม่าเสมออยู่ในอนุภาคของตัวทาละลาย สารละลายมีทั้ง สถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ จากนั้นตอบคาถามระหวา่ งเรยี น เฉลยคาถามระหวา่ งเรยี น • จากภาพ 2.2 อธบิ ายการละลายของสารได้อยา่ งไร แนวคาตอบ จากภาพ 2.2 อธบิ ายการละลายของสารได้วา่ ในสารละลายซึ่งเป็นของผสมเนอื้ เดียว ตัวละลาย กระจายตวั อยู่ในตวั ทาละลายอยา่ งสม่าเสมอทุกสว่ น และไม่รวมกันเป็นสารใหม่ 5. นาเข้าสู่กจิ กรรมที่ 2.1 ระบตุ ัวละลายและตัวทาละลายได้อยา่ งไร โดยครูตั้งคาถามสร้างความสนใจวา่ นักเรียนทราบ หรอื ไมว่ ่าจะระบตุ วั ละลายและตวั ทาละลายได้อย่างไร ใชเ้ กณฑใ์ ดในการระบุ ถา้ ใชเ้ กณฑ์ต่างกนั จะได้ผลตา่ งกันหรือไม่ ฉบับปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

31 หน่วยที่ 2 | สายละลาย ค่มู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 2.1 ระบุตัวละลายและตวั ทาละลายได้อยา่ งไร แนวการจัดการเรยี นรู้ ครูดาเนนิ การดงั น้ี ก่อนการทากิจกรรม (10 นาที) 1. ให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดาเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่านโดยใช้คาถาม ดังต่อไปน้ี • กจิ กรรมนีเ้ กย่ี วกบั เรือ่ งอะไร (ตัวละลายและตัวทาละลาย) • กจิ กรรมน้มี ีจุดประสงค์อะไร (วิเคราะหข์ ้อมลู และอธบิ ายเกณฑ์ท่ใี ช้ระบตุ ัวละลายและตัวทาละลายในสารละลาย) • วธิ ีดาเนนิ กจิ กรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอย่างไร (วิเคราะหส์ ถานะและปริมาณเป็นร้อยละขององคป์ ระกอบแตล่ ะชนิด ของสารละลายในตาราง เพือ่ อธบิ ายเกณฑ์ท่ใี ช้ในการระบุว่าองคป์ ระกอบใดเป็นตวั ละลายและตัวทาละลาย) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (สถานะและปริมาณเป็นร้อยละขององค์ประกอบแต่ละชนิดของ สารละลายในตาราง) ระหวา่ งการทากจิ กรรม (15 นาท)ี 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทากิจกรรม ครูเดินสังเกตการทากิจกรรมของนักเรียน พร้อมให้คาแนะนากรณีนักเรียนมี ขอ้ สงสัยในประเด็นตา่ ง ๆ เช่น วิธีการวิเคราะห์ข้อมลู ในตาราง หลังการทากิจกรรม (25 นาที) 3. สุ่มนักเรียนบางกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรม ครูควรบันทึกผลการทากิจกรรมของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้ ประกอบการอภิปราย จากนั้นครูนาอภิปรายเพื่อวิเคราะห์ตารางข้อมูลองค์ประกอบของสารแต่ละชนิด โดยอาจใช้ แนวคาถามดังตอ่ ไปน้ี • น้าหวาน น้าเชื่อมเมเปิล และน้าโซดา มีสารใดเป็นตัวทาละลายตามลาดับ (น้าหวาน น้าเชื่อมเมเปิล และ นา้ โซดา มนี า้ เป็นตัวทาละลาย) • ตัวทาละลายของน้าหวาน น้าเชื่อมเมเปิล และน้าโซดา มีสถานะเหมือนหรือแตกต่างจากสถานะของสารละลาย อย่างไร (ตวั ทาละลายของน้าหวาน นา้ เช่ือมเมเปิล และนา้ โซดา มสี ถานะเหมือนกับสารละลายคือสถานะของเหลว) • ตัวละลายของน้าหวาน น้าเชื่อมเมเปิล และน้าโซดา มีสถานะเหมือนหรือแตกต่างจากสถานะของสารละลาย อยา่ งไร (ตัวละลายของสารละลายทงั้ 3 ชนิด มสี ถานะแตกตา่ งจากสถานะของสารละลาย คอื ของนา้ หวานเป็น ของแข็ง ตัวละลายของน้าเชือ่ มเมเปิลเปน็ ของแขง็ ตัวละลายของน้าโซดาเปน็ แกส๊ ) • ถ้าสารละลายประกอบด้วยสารต่างสถานะกัน มีเกณฑ์อย่างไรในการระบุตัวทาละลาย (ถ้าสารละลาย ประกอบด้วยสารต่างสถานะกัน ตวั ทาละลายมีสถานะเดียวกนั กับสารละลาย) สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยที่ 2 | สารละลาย 32 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ • ทอง 18 K น้าส้มสายชู อากาศ มีสารใดเปน็ ตัวทาละลายตามลาดับ และมสี ถานะเหมอื นหรือต่างจากสารละลาย อย่างไร (ทอง 18 K ประกอบด้วยทองคาร้อยละ 75 ทองแดงร้อยละ 16 และเงินร้อยละ 9 เปน็ ตัวละลาย ทงั้ ทองคา ทองแดง และเงนิ ตา่ งมสี ถานะของแข็ง ทอง 18 K มที องคาเป็นตัวทาละลาย ซึง่ มสี ถานะของแขง็ เหมือนกบั ทอง 18 K น้าส้มสายชปู ระกอบดว้ ยน้าร้อยละ 95 กรดน้าส้มรอ้ ยละ 5 ทั้งน้าและกรดน้าสม้ เปน็ ของเหลว น้าสม้ สายชมู ีน้า เป็นตัวทาละลาย ซึ่งมีสถานะเดียวกันกับน้าส้มสายชู อากาศประกอบด้วยไนโตรเจนร้อยละ 78 และออกซิเจน อาร์กอน คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สอื่น ๆ รวม ประมาณร้อยละ 22 ซ่งึ ท้ังหมดล้วนมสี ถานะแกส๊ อากาศมีไนโตรเจนเปน็ ตวั ทาละลายและมีสถานะเดียวกันกับ อากาศ) • ตัวทาละลายของทอง 18 K น้าส้มสายชู และอากาศ มีปริมาณเป็นอย่างไรเม่ือเปรียบเทียบกับตัวละลายใน สารละลาย (ตัวทาละลายมปี รมิ าณมากกวา่ เม่อื เปรียบเทียบกบั ตัวละลาย) • ถ้าสารละลายประกอบด้วยสารที่มีสถานะเหมือนกัน มีเกณฑ์อย่างไรในการระบุตัวทาละลาย (ถ้าสารละลาย ประกอบด้วยสารท่ีมีสถานะเหมือนกัน สารที่มีปริมาณมากกว่าจัดเป็นตัวทาละลาย ส่วนองค์ประกอบท่ีเหลือ จัดเปน็ ตวั ละลาย) 4. ให้นักเรียนตอบคาถามท้ายกิจกรรมและอภิปรายคาตอบร่วมกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า ในการระบุ ตัวละลายหรือตัวทาละลายในสารละลาย พิจารณาจากสถานะและปริมาณของสารองค์ประกอบในสารละลาย สารละลายทป่ี ระกอบด้วยสารท่ีมีสถานะต่างกัน สารท่ีมีสถานะเหมือนกับสารละลาย ซ่งึ ส่วนใหญเ่ ปน็ สารที่มีปริมาณ มากที่สุดจัดเป็นตัวทาละลาย (solvent) ส่วนสารละลายท่ีประกอบด้วยสารท่ีมีสถานะเดียวกัน สารท่ีมีปริมาณมาก ทีส่ ดุ จัดเปน็ ตวั ทาละลาย สารอืน่ ๆ ท่ีเหลือจัดเป็นตวั ละลาย (solute) 5. ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับเกณฑ์การระบุตัวละลายและตัวทาละลาย โดยอ่านเนื้อหาที่ต่อจากกิจกรรมที่ 2.1 ประกอบการอภิปราย จากน้ันให้นักเรียนตอบคาถามระหว่างเรียน ถ้าพบว่านักเรียนยังไม่เข้าใจ ควรอธิบายและ ยกตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ ฉบับปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

33 หน่วยท่ี 2 | สายละลาย คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามระหวา่ งเรียน ภาพแผนภูมวิ งกลมปริมาณองค์ประกอบในอะมัลกมั อุดฟนั • สารใดเป็นตัวละลาย สารใดเปน็ ตัวทาละลาย ทราบได้อย่างไร แนวคาตอบ อะมัลกัมอุดฟัน (ของแข็ง) มีเงิน (ของแข็ง) เป็นตัวทาละลาย มีปรอท (ของเหลว) ดีบุก (ของแข็ง) ทองแดง (ของแข็ง) และของแข็งอ่ืน ๆ เป็นตัวละลาย โดยพิจารณาจากสถานะของอะมัลกัมอุดฟัน ซ่ึงเป็น สารละลายท่ีมีสถานะเป็นของแข็ง เงินซ่ึงมีสถานะเดียวกับอะมัลกัมอุดฟันและเป็นของแข็งที่มีปริมาณมากทส่ี ุด จัดเป็นตัวทาละลาย สว่ นสารอน่ื ๆ จดั เปน็ ตัวละลาย • สารละลายอื่น ๆ ในชีวิตประจาวันท่ีมีสถานะเป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ส มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างและ ระบวุ ่ามสี ารใดเป็นตวั ละลายและตวั ทาละลาย แนวคาตอบ ตวั อยา่ งสารละลายอน่ื ๆ ในชวี ติ ประจาวัน เชน่ สารละลายที่มีสถานะเป็นของแข็ง เช่น ทองเหลืองชนิดหน่ึง ประกอบด้วยทองแดงกับสังกะสี ใน อัตราส่วนโดยมวลของทองแดง : สังกะสี = 5 : 95 โดยสังกะสีเป็นตัวทาละลาย ทองแดงเป็นตัวละลาย (ทองเหลอื งชนิดอื่นอาจมีอตั ราส่วนโดยมวลของทองแดง : สงั กะสีตา่ งจากนี้ ขนึ้ อย่กู บั วตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน) สารละลายที่มสี ถานะเป็นของเหลว เชน่ แอลกอฮอลล์ า้ งแผล ประกอบดว้ ยไอโซโพรพลิ แอลกอฮอล์และ น้า ในอัตราส่วนโดยปริมาตรของไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ : น้า = 70 : 30 โดยไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์เป็นตัว ทาละลาย และน้าเปน็ ตวั ละลาย สารละลายท่ีมีสถานะเป็นแก๊ส เช่น แก๊สหุงต้ม ประกอบด้วยแก๊สโพรเพนและบิวเทนในอัตราส่วนโดย ปริมาตรของโพรเพน : บวิ เทน = 70 : 30 โดยโพรเพนเป็นตวั ทาละลายและบิวเทนเป็นตัวละลาย สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 34 ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 6. อภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการทากิจกรรม 2.1 การตอบคาถามระหว่างเรียน และการอ่าน เพ่ิมเติม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สารละลายเป็นสารผสมเน้ือเดียวที่ประกอบด้วยสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดข้ึนไป มีทั้งท่ี เป็นของแขง็ ของเหลว และแก๊ส องคป์ ระกอบของสารละลายจาแนกเป็นตัวละลายและตัวทาละลาย โดยอนุภาคของ ตวั ละลายกระจายตวั อยู่ในตัวทาละลายทงั้ หมดอย่างสม่าเสมอ สารละลายจงึ เป็นสารเน้ือเดียว สารละลายท่ีเกิดจาก สารท่ีมีสถานะต่างกัน ตัวทาละลายคือสารท่ีมีสถานะเหมือนกับสารละลาย สารละลายที่เกิดจากสารที่มีสถานะ เหมอื นกัน สารทม่ี ปี ริมาณมากทส่ี ดุ จัดเปน็ ตวั ทาละลาย สว่ นองค์ประกอบทเี่ หลือจดั เป็นตวั ละลาย 7. ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวความคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับเรื่องน้ี จากการตอบคาถามก่อนเรียน ระหว่างเรียน หรืออาจ ตรวจสอบโดยใชก้ ลวธิ อี ืน่ ๆ ให้ครูแกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคลอื่ นน้ันให้ถกู ต้อง เชน่ แนวคิดคลาดเคล่อื น แนวคิดท่ถี ูกตอ้ ง สารละลายเป็นของเหลวเสมอ สารละลายมที ้ังทเี่ ป็นของแขง็ ของเหลว และแกส๊ (Adadan, E., & Savasci., 2012) (NCERT, n.d.) ตวั ละลายต้องมสี ถานะเปน็ ของแข็งเสมอ ตัวละลายมีทงั้ ที่เป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ส (Çalık, M., & Ayas, A., 2005) (NCERT, n.d.) 8. นาเข้าสู่เร่ืองสภาพละลายได้และปัจจัยท่ีมีผลต่อสภาพละลายได้ โดยครูใช้คาถามว่าในสารละลายหน่ึง ๆ ตัวละลาย จะละลายในตวั ทาละลายอยา่ งไมจ่ ากัดปริมาณหรือไม่ และมีปัจจยั ใดบ้างท่มี ผี ลต่อการละลายของสาร ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

35 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เรื่องท่ี 2 สภาพละลายได้และปจั จัยทมี่ ผี ลตอ่ สภาพละลายได้ แนวการจดั การเรยี นรู้ ครูดาเนนิ การดงั นี้ ความรู้เพิ่มเติมสาหรับครู 1. สร้างความสนใจแก่นักเรียนโดยครูนารูปภาพ ภาพนาเร่ืองแสดงน้าเชื่อม ซ่ึงเป็นสารละลายประกอบด้วย หรือเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับสารละลายอิ่มตัว นา้ ตาลซึ่งเปน็ ตวั ละลายกับนา้ ซึง่ เปน็ ตัวทาละลาย เพ่ือให้นักเรียนพิจารณา เช่น การเตรียม น้าเชื่อม การทาผลไม้เช่ือม ผลไม้แช่อิ่มใน ท้องถิ่นของนักเรียน การนาผลไม้เช่ือมไปแช่ เย็นแล้วพบว่ามีเกล็ดน้าตาลเกิดข้ึน ครูอาจใช้ คาถามว่า ปรากฏการณ์น้ีเกิดข้ึนได้อย่างไร มี ปัจจัยอะไรบ้างท่ีเก่ียวข้อง หรือถ้าต้องการทา นา้ เช่อื มให้เข้มข้นมาก ๆ จะทาได้อย่างไร 2. ให้นักเรียนดูภาพนาเร่ือง ซ่ึงเป็นภาพน้าเชื่อม อ่านเนื้อหานาเรื่องที่เก่ียวกับการเตรียมน้าเชื่อม และอ่านคาสาคัญ ทากิจกรรมทบทวนความรู้ ก่อนเรียน แล้วนาเสนอผลการทากิจกรรม หากครูพบว่านักเรียนยังทากิจกรรมทบทวน ความรู้ก่อนเรียนไม่ถูกต้อง ครูควรทบทวนหรือ แกไ้ ขความเขา้ ใจผดิ ของนักเรยี น เพอื่ ใหน้ ักเรียน มีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องและเพียงพอท่ีจะเรียน เรื่องสภาพละลายได้และปัจจัยท่ีมีผลต่อสภาพ ละลายไดต้ ่อไป สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 36 คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยทบทวนความรู้กอ่ นเรียน เขียนเครอ่ื งหมาย  หน้าข้อความทีถ่ ูกตอ้ ง เขียนเคร่อื งหมาย X หนา้ ข้อความที่ไม่ถูกต้อง  สารละลายเกดิ จากสาร 2 ชนดิ ขึน้ ไปละลายเข้าด้วยกนั ในอัตราส่วนผสมต่าง ๆ  สารละลายทมี่ สี ถานะเปน็ ของเหลวจะมีนา้ เป็นตัวทาละลาย ไม่ถกู ตอ้ ง เพราะสารละลายที่มสี ถานะเป็นของเหลวอาจมีของเหลวอนื่ ๆ เชน่ เอทานอล เป็นตัวทาละลาย  สารละลายทม่ี ีสถานะเปน็ แก๊ส แก๊สท่ีมีปริมาณมากท่สี ดุ เปน็ ตวั ทาละลาย 3. ตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสภาพละลายได้และปัจจัยท่ีมีผลต่อสภาพละลายได้ โดยให้ตอบคาถามใน รู้อะไรบ้างก่อนเรียน นักเรียนสามารถตอบตามความเข้าใจของนักเรียน โดยครูจะไม่เฉลยคาตอบ และครูนาข้อมูล จากความรู้เดิมของนักเรียนน้ีไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ว่าควรเน้นย้าหรืออธิบายเร่ืองใดเป็นพิเศษ เมื่อนกั เรียนเรียนจบเรอื่ งน้ีแล้ว นักเรยี นจะมคี วามรู้ความเข้าใจครบถ้วนตามจดุ ประสงคข์ องบทเรียน ตัวอยา่ งแนวคดิ คลาดเคลื่อนซ่งึ อาจพบในเรอ่ื งน้ี • ถ้าเพิ่มอุณหภูมขิ องสารละลาย ตวั ละลายจะละลายไดม้ ากข้นึ เสมอ (Uzuntiryaki, E. & Geban, O., 2005). 4. นาเข้าสู่กิจกรรม 2.2 สารละลายอ่ิมตัวคอื อะไร โดยใช้คาถามสร้างความสนใจว่า ถ้าละลายตัวละลายจานวนมากใน นา้ แล้วตัวละลายจะละลายหมดหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ฉบับปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

37 หน่วยที่ 2 | สายละลาย คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมท่ี 2.2 สารละลายอมิ่ ตวั คืออะไร แนวการจัดการเรียนรู้ ครูดาเนินการดงั น้ี http://ipst.me/9898 ก่อนการทากิจกรรม (15 นาที) 1. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดาเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่านโดยใช้คาถาม ดังตอ่ ไปน้ี • กิจกรรมนี้เกยี่ วกับเร่ืองอะไร (สารละลายอิ่มตัว) • กจิ กรรมนม้ี จี ดุ ประสงคอ์ ะไร (สงั เกตและบรรยายการละลายของสาร) • วิธีดาเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (เติมโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตครั้งละ 1 ช้อนเบอร์หนึ่งลงใน น้า 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใช้แท่งแก้วคนจนละลายหมด และเติมเพิ่มลงไปทีละช้อนจนโซเดียมไฮโดรเจน คารบ์ อเนตเรมิ่ ละลายไมห่ มด สังเกตและบันทึกจานวนช้อนของโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนตทใ่ี ช้ท้ังหมด) ครูแนะนาการตวงสารด้วยช้อนตักสารท่ีถูกต้อง โดยใช้ช้อนตักสารข้ึนมา จากน้ันปาดสารให้เสมอกับ ขอบช้อนโดยไม่ออกแรงกดด้วยดา้ มช้อนตักสารอีกคนั หน่งึ ครูเน้นให้นักเรียนใช้แท่งแก้วคนของเหลวในบีกเกอร์จนโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตละลาย สังเกต การเปล่ียนแปลงแล้วจึงเติมลงไปอีกทีละช้อน เม่ือสังเกตเห็นสารละลายเหลืออยู่จึงหยุดเติม ครูควรแจ้งนักเรียน ใหท้ ราบว่าปรมิ าณสารที่จัดให้เพียงพอต่อการทากิจกรรมแล้ว ไม่สามารถขอเพิ่มได้อีก เพ่ือให้นักเรยี นตระหนักถึง ความรับผดิ ชอบตอ่ สิง่ แวดล้อม • ข้อควรระวังในการทากิจกรรมมีอะไรบ้าง (ละลายโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตจนหมดก่อนแล้วจึงเติมตัวละลาย เพิ่มลงไปอีกทีละช้อนจนเริ่มละลายไม่หมด จึงหยุดเติมตัวละลาย และหากมีสารเหลือ ห้ามเทสารกลับลงใน ขวดสารเคมี) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (สังเกตการละลายของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตในน้า และบันทึก จานวนช้อนของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตทใี่ ช้ทง้ั หมด) ระหวา่ งการทากิจกรรม (25 นาท)ี 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มลงมือทากิจกรรม โดยครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมของนักเรียน พรอ้ มใหค้ าแนะนากรณนี ักเรียนมี ข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น วิธีการสังเกตว่าโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตละลายหมดหรือยัง วิธีนับจานวนชอ้ นท่ี ตวงโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตท้ังหมด โดยเริ่มนับต้ังแต่ช้อนแรกที่เติมลงไป ใช้แท่งแก้วคนจนละลายหมด แล้วจึง เติมช้อนท่ีสอง ทาซ้าจนกระทั่งสารไม่ละลาย นับจานวนช้อนเฉพาะที่สารละลายจนหมดโดยไม่ต้องนับช้อนสดุ ท้ายท่ี ละลายไมห่ มด สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยท่ี 2 | สารละลาย 38 ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ หลงั -การทากจิ กรรม (20 นาที) 3. ใหน้ กั เรียนนาเสนอผลการทากิจกรรม โดยควรนาเสนอผลการทดลองบนกระดาน และรว่ มกันตรวจสอบผล อภปิ ราย สาเหตุท่ีทาให้ผลการทากิจกรรมคลาดเคลื่อน เช่น การตักสาร การเติมสารในขณะที่ยังละลายไม่หมด ตอบคาถาม ท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรปุ ผลของกิจกรรมโดยใช้คาถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรม ว่า เมื่อเติมโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตซึ่งเป็นของแข็งสีขาวลงในน้า ใช้แท่งแก้วคน สารจะละลายจนหมด แสดงวา่ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตละลายน้าได้ เม่ือเติมโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตลงไปเร่ือย ๆ จะพบว่าสารละลายได้ ช้าลง จนกระทงั่ มโี ซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตเหลืออยทู่ ี่ก้นบีกเกอร์ แสดงว่าโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตละลายไม่ หมด เรยี กสารละลายทต่ี ัวละลายไมส่ ามารถละลายไดห้ มดในตัวทาละลายปรมิ าณหนง่ึ ๆ ว่า สารละลายอม่ิ ตัว 4. ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติม โดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้า 16 จากน้ันร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สารละลายอิ่มตัว (saturated solution) เป็นสารละลายที่ตัวละลายไม่สามารถละลายได้หมด โดยปริมาณมากท่ีสุด ของตวั ละลายทส่ี ามารถละลายได้ในตวั ทาละลายจานวนหนง่ึ เรียกว่า สภาพละลายได้ของสาร (solubility) โดยท่วั ไป สภาพละลายได้ของสารในน้ามีหน่วยเป็น กรัมของสารต่อน้า 100 กรัม (g/100 gwater) นอกจากนี้อาจพบเห็นใน หนว่ ยอืน่ ได้ เช่น กรมั ตอ่ ลิตร 5. ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติม โดยอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับสารละลายอ่ิมตัว โดยใช้ตาราง 2.1 สภาพละลายได้ของ สารบางชนิดในน้า 100 กรัมที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ในหนังสือเรียนหน้า 19 และอ่านข้อมูลเพิ่มเติม จากน้ัน ร่วมกันอภิปรายเพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ สรุปว่า สภาพละลายไดข้ องสารแตล่ ะชนิดในน้า 100 กรมั ท่ีอณุ หภมู ิ 20 องศาเซลเซียส มีค่าไม่เท่ากัน และถ้านาสารปริมาณมากกว่าสภาพละลายได้มาละลายในน้า 100 กรัมท่ีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส จะมีสารส่วนหนง่ึ ไมล่ ะลาย ใหน้ กั เรียนสังเกตว่า ตาราง 2.1 ระบุอณุ หภมู ิกบั สภาพละลายได้ของสารในนา้ ไว้ แสดงว่า อุณหภมู มิ ผี ลตอ่ สภาพละลายได้ของสาร 6. ประเมินการเรียนรู้ของนักเรยี นเรอ่ื งสภาพละลายได้ โดยใหน้ ักเรียนตอบคาถามระหวา่ งเรียนในหนงั สือเรียน ฉบับปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

39 หน่วยที่ 2 | สายละลาย คูม่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามระหว่างเรียน • จากตาราง 2.1 สารใดละลายไดม้ ากท่ีสุดในนา้ ทีอ่ ณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียส แนวคาตอบ จากตาราง 2.1 น้าตาลทรายละลายได้มากที่สุดที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส คือ 202 กรัม ในนา้ 100 กรัม • ถ้าใช้น้า 300 กรัมจะสามารถละลายจนุ สีได้สูงสุดก่ีกรมั จึงจะได้สารละลายอิ่มตัวพอดีที่อุณหภมู ิ 20 องศา เซลเซยี ส แนวคาตอบ ถ้าใช้นา้ 300 กรัมจะสามารถละลายจุนสีไดส้ ูงสดุ 96 กรัม จะไดส้ ารละลายอิ่มตัวพอดีท่ีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส 7. นาเขา้ สู่กิจกรรมที่ 2.3 ชนิดของตัวละลายและตัวทาละลายมีผลต่อสภาพละลายได้ของสารอยา่ งไร โดยตั้งคาถาม ว่า ถ้าเปล่ียนตัวทาละลายจากน้าเปน็ สารอ่ืน เช่น เอทานอล สภาพละลายได้ของสารแต่ละชนิดในสารนั้นจะเท่ากบั สภาพละลายได้ของสารในนา้ หรอื ไม่ อย่างไร สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยที่ 2 | สารละลาย 40 คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมท่ี 2.3 ชนดิ ของตวั ละลายและตัวทาละลายมีผลต่อสภาพละลายไดข้ องสารอย่างไร แนวการจัดการเรียนรู้ ครูดาเนนิ การดังนี้ http://ipst.me/9899 ก่อนการทากจิ กรรม (25 นาที) 1. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดาเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่านโดยใช้คาถาม ดงั ตอ่ ไปนี้ • กิจกรรมนเ้ี กีย่ วกับเรอ่ื งอะไร (ชนดิ ของตัวละลายและตวั ทาละลายท่ีส่งผลตอ่ สภาพละลายได้ของสาร) • ตัวละลายที่ใช้ในกจิ กรรมน้คี ืออะไร (ดีเกลือและพมิ เสน) • ตัวทาละลายทใ่ี ช้ในกจิ กรรมนคี้ อื อะไร (นา้ และเอทานอล) • กิจกรรมน้ีมีจุดประสงค์อะไร (ทดลองและอธิบายผลของชนิดตัวละลายและตัวทาละลายท่ีมีต่อสภาพละลายได้ ของสาร) • วิธีดาเนินกิจกรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอย่างไร (ละลายดีเกลือในน้า เขย่าและสังเกตการเปล่ียนแปลงของดีเกลือ เติมดีเกลือลงไปอีกทีละช้อนจนเร่ิมไม่ละลาย นับจานวนช้อนของสารท่ีใช้ท้ังหมด บันทึกผล จากนั้นตรวจสอบ สภาพละลายได้ของดีเกลือในเอทานอล และสภาพการละลายได้ของพิมเสนในน้าและเอทานอลด้วยวิธีการ เดียวกัน) • ตารางบันทกึ ผลการทากจิ กรรมควรเปน็ อยา่ งไร (ตารางบนั ทึกผลการทากจิ กรรมควรแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณของตวั ละลายในตัวทาละลายแต่ละชนิด) • ข้อควรระวังในการทากจิ กรรมมอี ะไรบา้ ง (เอทานอลติดไฟง่าย ไมใ่ หน้ าเข้าใกลไ้ ฟ เพราะอาจเป็นอันตรายได้) • นกั เรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (สังเกตการเปลี่ยนแปลงของตวั ละลายในตัวทาละลาย และปรมิ าณตัว ละลายทีเ่ ตมิ ลงในตัวทาละลายแต่ละชนิด) ครูเน้นให้นักเรียนละลายตัวละลายจนหมดก่อนแล้วจึงเติมตัวละลายลงไปอีกทีละช้อน จนสารเร่ิมไม่ละลาย จึง หยดุ เตมิ บันทึกจานวนชอ้ นท่ีตวงสารทั้งหมดลงในตารางบันทกึ ผล ระหว่างการทากจิ กรรม (40 นาท)ี 2. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ลงมือทากิจกรรม โดยครูเดินสังเกตการทากจิ กรรมของนักเรยี น พรอ้ มให้คาแนะนากรณีทนี่ ักเรียน มีขอ้ สงสยั ในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น วธิ ีการสงั เกตการละลายของสาร การนับจานวนชอ้ นท่ตี วงสารแต่ละชนิด การบันทึก ผลการทากจิ กรรม ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

41 หน่วยที่ 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ หลังการทากจิ กรรม (25 นาที) 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรม โดยครูควรเขียนผลการทากิจกรรมของกลุ่มไว้บนกระดานเพื่อใช้ ประกอบการอภิปรายและตอบคาถามท้ายกิจกรรม ให้นักเรียนตอบคาถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ กิจกรรมโดยใช้คาถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพ่ือให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า ดีเกลือมีสภาพละลายได้ในน้า มากกว่าในเอทานอล ส่วนพิมเสนมีสภาพละลายได้ในเอทานอลมากกว่าในน้า ชนิดของตัวละลายและตัวทาละลายมี ผลตอ่ สภาพละลายไดข้ องสาร 4. ให้นักเรยี นเรยี นรูเ้ พิม่ เติมเก่ยี วกบั ผลของตัวละลายและตวั ทาละลายทม่ี ีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยอา่ นเน้อื หา และดูภาพ 2.4 ในหนังสือเรียนหน้า 21 ประกอบการอภิปราย เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สารบางชนิดละลายได้ดีใน ตวั ทาละลายหนง่ึ แตไ่ ม่ละลายในตวั ทาละลายอนื่ ชนิดของตวั ละลายและตัวทาละลายมผี ลต่อสภาพละลายไดข้ องสาร การเตรียมสารละลายจึงต้องคานึงถึงความเหมาะสมระหว่างตวั ละลายและตัวทาละลาย สารหลายชนดิ ละลายได้ดีใน น้า จึงใช้น้าเป็นตัวทาละลาย แต่สารบางชนิด เช่น สีทาเล็บ ละลายในน้าได้น้อยมาก แต่ละลายได้ดีในน้ายาล้างเล็บ ซ่ึงมสี ่วนผสมหลกั เปน็ แอซโี ตน การล้างสที าเล็บจึงใช้น้ายาล้างเลบ็ แทนน้า 5. เชือ่ มโยงเขา้ สู่กิจกรรมที่ 2.4 อณุ หภมู ิมผี ลต่อสภาพละลายได้ของสารอย่างไร โดยใชค้ าถามเพ่ือนาเขา้ สู่กิจกรรมว่า นอกจากชนิดตัวละลายและตัวทาละลายแล้ว ยังมีปัจจัยอ่ืนอีกหรือไม่ที่ส่งผลต่อสภาพละลายได้ของสาร บางครั้งถ้า เราเปล่ียนตัวทาละลายไม่ได้ เราจะทาอย่างไรให้ตัวทาละลายเดิมสามารถละลายตัวละลายได้มากขึ้น เช่น ในการชง เครือ่ งด่ืม ถา้ ต้องการให้ตัวละลายละลายในน้ามากข้ึน จะเลือกใช้นา้ อุณหภมู ิห้องหรือนา้ รอ้ น สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยท่ี 2 | สารละลาย 42 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมท่ี 2.4 อณุ หภูมมิ ีผลต่อสภาพละลายไดข้ องสารอยา่ งไร แนวการจัดการเรียนรู้ ครูดาเนนิ การดงั น้ี กอ่ นการทากจิ กรรม (30 นาที) 1. ให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดาเนินกิจกรรม และตรวจสอบความเข้าใจการอ่านโดยใช้คาถาม ดังตอ่ ไปนี้ • กิจกรรมน้ีเกี่ยวกับเรอ่ื งอะไร (ผลของอุณหภมู ิต่อสภาพละลายไดข้ องสาร) • กจิ กรรมน้ีมจี ุดประสงคอ์ ะไร (ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธบิ ายผลของอุณหภูมิที่มตี ่อสภาพละลายได้ของ จุนสใี นน้า) • วิธีดาเนนิ กจิ กรรมมีขนั้ ตอนโดยสรุปอยา่ งไร (ออกแบบการทดลองเพื่อศกึ ษาผลของอุณหภูมิทมี่ ีต่อสภาพละลายได้ ของจุนสี โดยระบุปัญหา ต้ังสมมติฐาน กาหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม ออกแบบตารางบันทึก ผล จากนัน้ ให้ลงมอื ทดลอง บนั ทกึ ผล อภิปราย สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผล) • นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (สังเกตการละลายของตัวละลายในน้าท่ีอุณหภูมิต่าง ๆ และบันทึก ปรมิ าณของตวั ละลายท่ใี ช้) ครูควรให้เวลานักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบการทดลองตามความคิดของกลุ่ม โดยแนะนาให้นักเรียนระบุ ปัญหาที่สนใจจะศึกษาเก่ียวกับผลของอุณหภูมิต่อสภาพละลายได้ของสาร และต้ังสมมติฐานหรือคาดคะเนคาตอบท่ี น่าจะเป็นไปได้ก่อน แล้วจึงหาวิธีการตรวจสอบสมมติฐานโดยกาหนดและควบคุมตัวแปรท่ีเกี่ยวข้อง นาเสนอ การออกแบบการทดลองของกลุ่ม ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเพื่อปรับปรุงวิธีการทดลองให้ถูกต้อง สามารถ ตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ได้จริง โดยแต่ละกลุ่มไม่จาเป็นต้องออกแบบการทดลองเหมือนกัน จากนั้นจึงให้นักเรียน เริ่มดาเนินการทดลอง ครูให้ความรู้และแนะนาความปลอดภัยในการใช้สารเคมี ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น จุนสีที่ใช้ใน กิจกรรมน้ี ถ้าสัมผัสทางผิวหนังอาจเกิดการระคายเคือง ถ้ารับประทานอาจทาให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน นอกจากนี้ จนุ สีเป็นสารประกอบที่มีทองแดง (คอปเปอร์) ซ่ึงเปน็ โลหะหนักเป็นองค์ประกอบ การทิ้งสารเคมีไม่ถูกวิธี อาจทาให้เกิดการปนเปื้อนในดิน นา้ และเป็นอนั ตรายตอ่ สิ่งมีชีวิตได้ ระหวา่ งการทากิจกรรม (40 นาท)ี 2. ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการทากิจกรรมของนักเรียน และให้คาแนะนากรณี นักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น การควบคุมตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ การแก้ไขปัญหาท่ีพบจากการ ทดลอง ฉบับปรับปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

43 หนว่ ยท่ี 2 | สายละลาย ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ หลงั การทากจิ กรรม (20 นาที) 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรม ตอบคาถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของกิจกรรมโดยใช้ คาถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพ่ือให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า จุนสีละลายในน้าที่อุณหภูมิสูงได้ดีกว่าละลายใน นา้ ท่อี ุณหภมู ิตา่ 4. ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับผลของอุณหภูมิที่มีต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้กราฟในภาพ 2.5 ในหนังสือ เรียนหน้า 23 ประกอบการอภิปราย และอ่านข้อมูลเพ่ิมเติมในหนังสือเรียน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าเม่ืออุณหภูมิเพิ่มขน้ึ สภาพละลายไดข้ องสารส่วนใหญเ่ พ่ิมขึ้น แต่สารบางชนิดมสี ภาพละลายไดล้ ดลง 5. ให้นักเรียนตอบคาถามระหว่างเรียน เพ่ือประเมินความเข้าใจเก่ียวกับสภาพละลายได้ของสารในหนังสือเรียน และ ร่วมกันอภปิ รายคาตอบ เฉลยคาถามระหว่างเรียน จากภาพ 2.5 ตอบคาถามต่อไปนี้ • อุณหภูมิมผี ลอยา่ งไรตอ่ สภาพละลายไดข้ องสารแตล่ ะชนิด แนวคาตอบ เม่ืออุณหภูมิสูงข้ึน สารส่วนใหญ่มีสภาพละลายได้เพ่ิมข้ึน แต่มีสารบางชนิดมีสภาพละลายได้ นอ้ ยลง เช่น ซเี ซียมซัลเฟต • ถ้าละลายโซเดียมคลอไรด์ 20 กรัม ในน้า 100 กรัมที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส โซเดียมคลอไรด์จะ ละลายหมดหรือไม่ แนวคาตอบ โซเดยี มคลอไรด์ 20 กรมั ละลายไดห้ มดในนา้ 100 กรมั ที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส • ถ้าละลายโพแทสเซียมไนเทรต 20 กรัม ในน้า 50 กรัมท่ีอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส แล้วลดอุณหภูมิลง เหลอื 20 องศาเซลเซียส จะเกดิ การเปล่ียนแปลงอยา่ งไร แนวคาตอบ โพแทสเซียมไนเทรต 20 กรัม ละลายได้หมดในน้า 50 กรัม ท่ีอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ได้สารละลายใส ไม่มีสี ไม่มีตะกอน แต่เม่ือนาไปลดอุณหภูมิลงเหลือ 20 องศาเซลเซียส โพแทสเซียมไนเทรต ละลายได้เพียง 15 กรัม ในน้า 50 กรัม เนื่องจากสภาพละลายได้ของโพแทสเซียมไนเทรตลดลงเมื่ออุณหภูมิ ลดลง จะมโี พแทสเซยี มไนเทรตบางส่วนที่ไมล่ ะลายตกตะกอนอยู่ที่กน้ ภาชนะ 6. ให้นักเรียนเรียนรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับผลของอุณหภูมิท่ีมีต่อสภาพละลายได้ของแก๊ส โดยใช้กราฟในภาพ 2.6 ในหนังสือ เรยี นหนา้ 24 ประกอบการอภิปราย และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหนงั สือเรยี น เพอ่ื ใหไ้ ดข้ ้อสรุปว่า แกส๊ มสี ภาพละลาย ไดล้ ดลงเมอ่ื อุณหภูมเิ พิม่ ขน้ึ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยที่ 2 | สารละลาย 44 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ 7. เชื่อมโยงความรู้เรื่องสภาพละลายได้ของแก๊สกับภาวะโลกร้อนตามหนังสือเรียน เพ่ือชวนให้นักเรียนคิดต่อไปว่า ถ้าโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้าในแหล่งน้ามีอุณหภูมิสูงขึ้น แก๊สออกซิเจนซ่ึงเป็นปัจจัยจาเป็นต่อการดารงชีวิตของ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะละลายในน้าได้มากข้ึนหรือน้อยลง และส่งผลต่อส่ิงมีชีวิตอย่างไร ซ่ึงจะกระตุ้นให้นักเรียนเกิด ความตระหนักในการร่วมมอื กันลดความรุนแรงของภาวะโลกรอ้ น 8. อภปิ รายร่วมกบั นกั เรียนเกย่ี วกับส่ิงท่ีไดเ้ รยี นร้จู ากการทากจิ กรรมและจากข้อมูลในหนังสือเรยี น เพ่ือให้ไดข้ อ้ สรุปว่า อุณหภูมิมีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร เมื่ออุณหภูมิเพ่ิมข้ึน สภาพละลายได้ของสารส่วนใหญ่เพิ่มข้ึน แต่มีสาร บางชนิด เมื่ออุณหภูมิเพ่ิมขึ้น สภาพละลายได้จะลดลง เช่น ซีเซียมซัลเฟต และสภาพละลายได้ของแก๊สจะลดลงเม่อื อุณหภมู เิ พิม่ ขึน้ 9. อภิปรายร่วมกับนักเรียนเก่ียวกับองค์ประกอบท่ีละลายในน้าอัดลม ตามเน้ือหาในหนังสือเรียนหน้า 24 แล้วร่วมกัน อภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า แก๊สท่ีอยู่ในน้าอัดลมคือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เม่ือเปิดขวด ความดันภายในขวด ลดลงจนเท่ากับความดันบรรยากาศ ทาให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ละลายในน้าอัดลมได้น้อยลง จึงมีบางส่วนแยกตัว ออกจากสารละลาย ทาให้เหน็ ฟองแกส๊ ท่ีไมส่ ามารถละลายในนา้ อัดลมเคล่ือนท่ีขน้ึ สู่ผวิ หนา้ นา้ อดั ลม 10. เชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบในชีวิตประจาวนั เช่น การเก็บรักษาน้าอัดลมให้มีแก๊สอัดอยู่ในน้าอัดลม มากทีส่ ดุ โดยใชภ้ าพ 2.7 ในหนังสือเรยี นหนา้ 25 เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อสรุปวา่ ความดนั เปน็ ปจั จยั หนงึ่ ท่ีมผี ลต่อสภาพละลาย ได้ของสารท่ีมีสถานะแก๊ส ถ้าความดันสูงข้ึน สภาพละลายได้ของแก๊สจะเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับอุณหภูมิ ถา้ อณุ หภูมิสงู ขน้ึ สภาพละลายได้ของแก๊สจะลดลง จากนน้ั ให้นกั เรียนตอบคาถามระหว่างเรยี น เฉลยคาถามระหว่างเรยี น • ถา้ นกั เรียนต้องการเก็บรกั ษาความซ่าของนา้ อัดลมไว้ สามารถทาไดอ้ ย่างไรบ้าง แนวคาตอบ ควรปิดฝาขวดน้าอัดลมให้แน่นเพื่อรกั ษาความดัน และแชต่ ู้เย็นเพื่อเพ่ิมสภาพละลายได้ของแก๊ส ในสารละลาย 11. นาอภิปรายโดยใช้คาถามว่า นักเรียนคิดว่าความดันมีผลต่อสภาพละลายได้ของสารท่ีตัวละลายมีสถานะของเหลว และของแขง็ หรอื ไม่ อยา่ งไร ท้งั นเี้ พื่อกระต้นุ ให้นักเรยี นคดิ วิเคราะหแ์ ละสบื ค้นความรตู้ ่อไป 12. นาอภิปรายเกีย่ วกับการนาความรู้เรื่องปัจจัยต่าง ๆ ทีม่ ีผลตอ่ สภาพละลายได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน โดยให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันระดมความคิดหรือสืบค้นข้อมูลและนาเสนอ ครูเพ่ิมเติมความรู้ตามหนังสือเรียน เช่น ประโยชนข์ องการเลอื กตัวทาละลายทเ่ี หมาะสมเพ่ือใชส้ กดั สารจากสมนุ ไพร ฉบับปรับปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

45 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มือครูรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ 13. ถ้าพบว่านักเรียนมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับเร่ืองสารละลายอ่ิมตัว ครูสามารถแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนของ นักเรียนได้ตลอดช่วงการจัดการเรียนการสอน โดยครูอาจตั้งคาถามและให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อแก้ไขแนวคิด คลาดเคล่ือนใหถ้ กู ต้อง เชน่ แนวคดิ คลาดเคล่ือน แนวคดิ ท่ถี กู ตอ้ ง ถ้าเพ่ิมอุณหภมู ขิ องสารละลาย ตวั ละลายจะ สภาพละลายได้ของตัวละลายที่เป็นของแข็งและ ละลายได้มากขึน้ เสมอ (Uzuntiryaki, E. & ของเหลวส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเพ่ิมอุณหภูมิ Geban, O., 2005) (The LibreTexts libraries, 2018) 14. ให้นักเรยี นรว่ มกันสรปุ หัวข้อเรื่องในบทท่ี 1 องค์ประกอบของสารละลายและปจั จัยที่มีผลต่อสภาพละลายได้ สง่ิ ที่ได้ เรียนรจู้ ากบทเรียนนคี้ อื สารละลายเปน็ สารผสมเนือ้ เดียวทปี่ ระกอบดว้ ยสารบริสทุ ธติ์ ้งั แต่ 2 ชนิดข้ึนไปมารวมกันโดย ไม่มีสารใหมเ่ กิดขนึ้ อนภุ าคของตัวละลายกระจายอยู่ในตวั ทาละลายทั้งหมดอยา่ งสม่าเสมอ จงึ มองเห็นเป็นเนื้อเดียว สารละลายท่ีมีตัวละลายอยู่ในปริมาณมากท่ีสุดท่ีสามารถละลายได้ในตัวทาละลายจานวนหน่ึง ณ อุณหภูมิหนึ่ง เรียกว่า สารละลายอิ่มตัว ปริมาณมากท่ีสุดของตัวละลายที่สามารถละลายได้ในตัวทาละลายจานวนหน่ึงเรียกว่า สภาพละลายไดข้ องสาร ซง่ึ ขนึ้ อยูก่ ับชนดิ ของสาร (ตัวละลายและตวั ทาละลาย) และอณุ หภูมิ ส่วนความดันเปน็ ปัจจัย ทม่ี ีผลตอ่ การละลายของตัวละลายที่มีสถานะแก๊ส 15. จากนั้นครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรมตรวจสอบตนเอง เพ่ือสรุปองค์ความรู้ท่ีไดเ้ รยี นรู้จากบทเรยี น โดยการเขียนบรรยาย วาดภาพ หรือเขียนผังมโนทัศน์ส่ิงที่ได้เรียนรู้จากบทเรียนองค์ประกอบของสารละลายและปัจจัยท่ีมีผลต่อสภาพ ละลายได้ 16. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานโดยการแลกเปล่ียนเรียนรแู้ ละร่วมอภิปรายในชน้ั เรียน หรือติดแสดงผลงานบน ผนังหอ้ งเพือ่ ใหน้ กั เรยี นกลุ่มอน่ื ได้ชมผลงาน จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายสรปุ องคค์ วามร้ทู ่ไี ด้จากบทเรยี นร่วมกัน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรับปรุง เดือนกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 46 คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อย่างผังมโนทศั น์ในบทเรยี นองค์ประกอบของสารละลายและปจั จัยที่มีผลตอ่ สภาพละลายได้ สารละลาย มี สถานะของแข็ง เปน็ สถานะของเหลว สถานะของแก๊ส สารทปี่ ระกอบด้วยสาร 2 ชนิดขึน้ ไป ผสมเป็ นเนื้อเดยี วกนั โดยไม่เกดิ เป็ นสารใหม่ ชนิดตวั ละลาย ชนิดตัวทาละลาย ประกอบดว้ ย อุณหภูมิ ตัวทาละลาย ตัวละลาย ความดนั มี เมอ่ื สถานะเหมือนสารละลาย ซึ่ง ไม่สามารถละลายได้หมดท่ี ส่วนใหญ่มปี ริมาณมากทสี่ ุดใน อุณหภูมิและความดนั หน่ึง ๆ สารละลาย ทาให้ สารละลายอมิ่ ตัว มี ปริมาณตัวละลายมากทส่ี ุดในตัวทาละลาย จานวนหน่ึงทอ่ี ณุ หภูมแิ ละความดันหน่ึง ๆ ทาใหท้ ราบ ขึน้ อยกู่ ับ สภาพละลายได้ของสาร มหี นว่ ยเปน็ กรัมของตัวละลายในนา้ 100 กรัม 17. ให้นักเรียนทากิจกรรมท้ายบท การใช้ตัวทาละลายอย่างถูกต้องและปลอดภัยทาได้อย่างไร และตอบคาถามท้าย กจิ กรรม จากนั้นให้นกั เรยี นตรวจสอบตนเองและทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท ฉบับปรบั ปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

47 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามสาคญั ของบท • สารละลายมอี งค์ประกอบอะไรบ้าง แนวคาตอบ สารละลายประกอบดว้ ยตวั ทาละลายและตวั ละลาย • การละลายของสารข้ึนอย่กู ับปัจจยั ใดบา้ ง แนวคาตอบ การละลายของสารขน้ึ อยกู่ ับชนิดของตวั ทาละลายและตัวละลาย อณุ หภมู ิ และความดัน สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562

หนว่ ยท่ี 2 | สารละลาย 48 คูม่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยกจิ กรรมและแบบฝึกหัดของบทที่ 1 ฉบับปรบั ปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

49 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 2.1 ระบุตัวละลายและตวั ทาละลายไดอ้ ยา่ งไร นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของสารละลาย ผ่านการวิเคราะห์และสื่อความหมายข้อมูลและลง ขอ้ สรุปจากขอ้ มูลในหนงั สือเรียน และอธบิ ายเกณฑ์ท่ีใชร้ ะบุตัวละลายและตวั ทาละลาย จุดประสงค์ วเิ คราะหข์ ้อมลู และอธิบายเกณฑ์ทใี่ ช้ในการระบตุ ัวละลายและตัวทาละลาย เวลาที่ใชใ้ น 1 ช่ัวโมง การทากจิ กรรม วสั ดุและอุปกรณ์ -ไมม่ -ี การเตรียมตวั ครูอาจเตรียมภาพหรอื สารละลายของจริงที่มีช่อื ในตารางมาใหน้ ักเรียนสังเกต ล่วงหน้าสาหรบั ครู ข้อเสนอแนะ -ไมม่ -ี ในการทากิจกรรม สือ่ การเรียนรู้/ • หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เล่ม 1 ของ สสวท. แหลง่ เรียนรหู้ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 50 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เฉลยคาถามท้ายกิจกรรม 1. การระบุตัวละลายและตวั ทาละลายในสารละลายนา้ หวาน น้าเชอ่ื มเมเปิล น้าโซดา มีเกณฑอ์ ยา่ งไร แนวคาตอบ การระบุตวั ละลายและตวั ทาละลายในสารละลายน้าหวาน น้าเชอื่ มเมเปิล น้าโซดา พจิ ารณาจาก สถานะของสารละลายกับสถานะของตัวทาละลาย โดยสารทม่ี ีสถานะเหมือนสารละลายเป็นตวั ทาละลาย และ สารทีม่ สี ถานะตา่ งจากสารละลายเปน็ ตวั ละลาย 2. การระบตุ ัวละลายและตัวทาละลายในสารละลายทอง 18 K นา้ สม้ สายชู และอากาศ มเี กณฑอ์ ย่างไร แนวคาตอบ การระบุตัวละลายและตัวทาละลายในสารละลายทอง 18 K น้าส้มสายชู และอากาศ พิจารณา จากปริมาณสาร สารที่มีปริมาณมากทสี่ ดุ เป็นตัวทาละลาย สารทมี่ ปี รมิ าณน้อยกว่าเป็นตวั ละลาย 3. ถา้ องคป์ ระกอบในสารละลายมีสถานะตา่ งกนั จะมีเกณฑอ์ ย่างไรในการระบุว่าสารใดเป็นตัวละลายหรือตัว ทาละลาย แนวคาตอบ ถ้าองคป์ ระกอบในสารละลายมสี ถานะต่างกัน จะระบตุ ัวละลายและตวั ทาละลายไดโ้ ดยพจิ ารณา จากสถานะและปริมาณสารที่เป็นองค์ประกอบ สารท่ีเป็นตัวทาละลายจะเป็นสารที่มีสถานะเดียวกับ สารละลาย ซงึ่ สว่ นใหญ่เป็นสารทมี่ ปี ริมาณมากทส่ี ุดในสารละลาย 4. ถ้าองค์ประกอบในสารละลายมสี ถานะเหมือนกัน จะมเี กณฑอ์ ย่างไรในการระบุว่าสารใดเปน็ ตวั ละลายหรือ ตัวทาละลาย แนวคาตอบ ถ้าองค์ประกอบในสารละลายมีสถานะเหมือนกัน จะระบุตัวละลายและตัวทาละลายได้โดย พิจารณาจากปรมิ าณสารทเี่ ป็นองคป์ ระกอบ สารทม่ี ีปรมิ าณมากท่ีสุดในสารละลายจดั เปน็ ตัวทาละลาย 5. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร แนวคาตอบ จากกจิ กรรมสรปุ ไดว้ ่า สถานะและปริมาณของสารองค์ประกอบในสารละลายสามารถนามาใช้ใน การระบุว่าสารใดเป็นตัวละลายหรือตัวทาละลาย โดยสารละลายท่ีองค์ประกอบมีสถานะเหมือนกัน สามารถ ระบุตัวละลายและตัวทาละลายโดยใช้ปริมาณของสารเป็นเกณฑ์ สารที่มีปริมาณมากที่สุดในสารละลายเป็น ตัวทาละลาย องคป์ ระกอบอ่ืนท่ีเหลือเปน็ ตัวละลาย แต่สารละลายท่ีองค์ประกอบมีสถานะตา่ งกัน สามารถระบุ ตัวละลายและตัวทาละลายโดยใช้สถานะและปริมาณของสารเป็นเกณฑ์ โดยสารที่มีสถานะเหมือนสารละลาย ซึ่งสว่ นใหญเ่ ป็นสารที่มีปริมาณมากทส่ี ุดเปน็ ตวั ทาละลาย องค์ประกอบท่ีเหลอื เปน็ ตวั ละลาย ฉบับปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

51 หนว่ ยท่ี 2 | สายละลาย ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมท่ี 2.2 สารละลายอ่มิ ตัวคอื อะไร นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับสารละลายที่มีตัวละลายอยู่มากจนไม่สามารถละลายในตัวทาละลายได้อีก ผ่านการ สงั เกตเพ่ือสรุปความหมายของสารละลายอิ่มตัว และเชอ่ื มโยงไปสู่เรือ่ งสภาพละลายไดข้ องสาร จุดประสงค์ สงั เกตและบรรยายการละลายของสาร เวลาทใ่ี ชใ้ น 1 ชัว่ โมง การทากิจกรรม วัสดแุ ละอุปกรณ์ วัสดทุ ี่ใชต้ ่อกลมุ่ รายการ ปริมาณ/กลุ่ม 1. โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต 6.5 g (10 ชอ้ นเบอรห์ นง่ึ ) 2. นากล่ัน 3. บีกเกอรข์ นาด 50 cm3 20 cm3 4. ช้อนตกั สารเบอรห์ น่ึง 1 ใบ 5. แท่งแก้วคน 1 คัน 1 อัน การเตรยี มตัว ครูสามารถหาซ้ือโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตได้ตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อ ซ่ึงมักใช้ช่ือ ลว่ งหน้าสาหรับครู วา่ โซเดียมไบคาร์บอเนต ข้อเสนอแนะ • ครูทบทวนวธิ กี ารตักสารกอ่ นให้นักเรยี นเร่มิ ทากจิ กรรม ในการทากิจกรรม • แนะนาให้นักเรียนละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (ตัวละลาย) จนหมดก่อนแล้วจึงเติม ตัวละลายเพ่มิ ลงไปอกี ทีละช้อนจนเรมิ่ ละลายไมห่ มด จงึ หยุดเตมิ ตัวละลาย • จานวนช้อนของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตที่ต้องใช้ท้ังหมด ประมาณ 5 ช้อน ดังน้ันเมื่อ เติมโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตถึงช้อนที่ 5 อาจมีบางส่วนละลายไม่หมด ครูควรแนะนาให้ นักเรยี นประมาณปรมิ าณโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตที่ละลายไปด้วยสายตา ส่อื การเรยี นรู/้ • หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เล่ม 1 ของ สสวท. แหลง่ เรียนรู้ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 52 คูม่ อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตวั อย่างผลการทากจิ กรรม ลักษณะของโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต เปน็ ของแขง็ สีขาว ไมม่ ีกล่นิ ตารางบันทึกผลการสังเกตการละลายของโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตในน้า จานวนช้อน ของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ผลการสังเกต 1 ของแข็งสีขาวหายไปหมดอยา่ งรวดเร็ว ได้ของเหลวใส ไมม่ ีสี 2 ของแขง็ สีขาวหายไปหมดอย่างรวดเรว็ ได้ของเหลวใส ไมม่ ีสี 3 ของแขง็ สขี าวค่อย ๆ หายไปหมด เนือ่ งจากการละลายของสารชา้ ลง ได้ของเหลวใส ไม่มีสี 4 ของแข็งสีขาวหายไปหมดอยา่ งช้า ๆ ไดข้ องเหลวใส ไมม่ สี ี 5 ของแข็งสีขาวหายไปบางส่วน มบี างสว่ นเหลืออย่ใู นของเหลวใส ไม่มีสี เฉลยคาถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เมือ่ เติมโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนตลงในน้า เกดิ การเปลยี่ นแปลงอย่างไร แนวคาตอบ เม่ือเติมโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตลงในน้า เกิดการเปล่ียนแปลงคือโซเดียมไฮโดรเจน คาร์บอเนตจะละลายหายไปในน้า และเมื่อเติมต่อไปเรื่อย ๆ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตจะค่อย ๆ ละลาย หายไปอย่างช้า ๆ และเมื่อถึงปริมาณหนึ่งโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตบางส่วนไม่ละลาย ยังคงปรากฏเป็น ของแข็งอยทู่ ่กี น้ บกี เกอร์ 2. ใช้โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตทั้งหมดก่ีช้อน ตั้งแต่เริ่มต้นจนเร่ิมเห็นโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เหลืออยู่ แนวคาตอบ เม่ือเติมโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตลงในน้าประมาณ 5 ช้อนเบอร์หนึ่ง จะเริ่มเห็นโซเดียม ไฮโดรเจนคาร์บอเนตเหลอื อยู่ทก่ี ้นบกี เกอร์ 3. สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตเริ่มอิ่มตัวเมื่อใช้โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตก่ีช้อน ทราบไดอ้ ยา่ งไร แนวคาตอบ สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตเร่มิ อิ่มตัวเม่ือเติมโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตจานวน 5 ชอ้ น เหน็ ได้จากมีโซเดยี มไฮโดรเจนคาร์บอเนตบางสว่ นเหลืออยู่ที่ก้นบีกเกอร์เมอื่ เตมิ ลงไป 5 ชอ้ น 4. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร แนวคาตอบ จากกิจกรรม สรุปได้ว่า เมอ่ื เติมโซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนตลงในสารละลายไปเร่ือย ๆ ในท่สี ุด โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตจะไม่สามารถละลายได้อีก สารละลายท่ีไม่สามารถละลายตัวละลายได้หมด เรยี กว่า สารละลายอ่มิ ตวั ฉบับปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

53 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมที่ 2.3 ชนิดของตัวละลายและตัวทาละลายมผี ลตอ่ สภาพละลายไดข้ องสารอยา่ งไร นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับสภาพละลายได้ของสารชนิดเดียวกันในตัวทาละลายต่างกัน และสภาพละลายได้ ของสารตา่ งกนั ในตัวทาละลายทเี่ หมือนกัน ผ่านการทดลอง การศกึ ษาข้อมูลจากตารางในหนงั สือเรียน จากนน้ั วเิ คราะห์ และสรปุ ผลของชนิดของตัวละลายและตวั ทาละลายทมี่ ตี ่อสภาพละลายได้ของสาร จดุ ประสงค์ ทดลองและอธบิ ายผลของชนิดตัวละลายและตวั ทาละลายท่ีมตี ่อสภาพละลายได้ของดเี กลือและ พิมเสนในตวั ทาละลายทเ่ี ปน็ นา้ และเอทานอล เวลาท่ีใชใ้ น 1 ชั่วโมง 30 นาที การทากจิ กรรม วสั ดแุ ละอุปกรณ์ วัสดทุ ี่ใช้ต่อกลุ่ม รายการ ปรมิ าณ/กลุ่ม 12 g (ประมาณ 20 ช้อนเบอร์สอง) 1. ดีเกลือ 7 g (ประมาณ 20 ช้อนเบอร์สอง) 2. พิมเสน 10 cm3 10 cm3 3. นากล่นั เมอ่ื เติ 2 คัน 4. เอทานอล 4 หลอด 1 ใบ 5. ชอ้ นตักสารเบอร์สอง 4 อัน 6. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 7. กระบอกตวงขนาด 10 cm3 8. แทง่ แกว้ คน การเตรยี มตัว • ดเี กลือทีใ่ ช้ในกจิ กรรมคือแมกนีเซยี มซลั เฟตหรอื ดเี กลือฝรง่ั สว่ นเอทานอลท่ใี ช้มคี วามเข้มข้น ลว่ งหนา้ สาหรับครู 95% สารทัง้ สองชนิดหาซ้อื ไดจ้ ากรา้ นจาหนา่ ยสารเคมีและอุปกรณ์วทิ ยาศาสตร์ • พมิ เสนทใี่ ช้เปน็ ของแข็ง หาซอื้ ได้จากรา้ นขายยาแผนโบราณหรือร้านสมนุ ไพร • ถา้ ไม่มหี ลอดทดลองขนาดใหญ่ อาจใชถ้ ้วยพลาสตกิ ใสขนาดเลก็ แทนได้ • ถา้ ไม่มีกระบอกตวง อาจใช้กระบอกฉีดยาแทนได้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฉบับปรับปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หนว่ ยท่ี 2 | สารละลาย 54 คมู่ ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ข้อเสนอแนะ • เอทานอลติดไฟง่าย ครูควรเตือนนักเรียนให้ระมัดระวังไม่ให้นาเข้าใกล้ไฟ เพราะอาจเป็น ในการทากิจกรรม อันตรายได้ • ครูควรแนะนาให้นักเรียนละลายตัวละลายจนหมดก่อนแล้วจึงเติมตัวละลายลงไปอีกทีละช้อน จนเริม่ ละลายไม่หมดจึงหยุดเติม • การนับจานวนช้อนตวั ละลายทีใ่ ชใ้ นแต่ละครงั้ ใช้วธิ กี ารเดยี วกับกิจกรรม 2.2 สื่อการเรียนร/ู้ • หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เลม่ 1 ของ สสวท. แหล่งเรียนรู้ ตัวอยา่ งผลการทากจิ กรรม ชนิดของ ปริมาณตวั ทาละลาย ชนิดของตัวละลาย ปริมาณตัวละลายท่ีละลายได้ ตวั ทาละลาย (cm3) ดีเกลือ (ชอ้ น) 5 พิมเสน 8 น้ากลน่ั 5 ดเี กลอื น้ากลน่ั 5 พมิ เสน นอ้ ยกว่า 1 เอทานอล 5 น้อยกว่า 1 เอทานอล 10 ฉบับปรับปรุง เดอื นกรกฎาคม 2562 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

55 หน่วยท่ี 2 | สายละลาย ค่มู ือครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เฉลยคาถามทา้ ยกจิ กรรม 1. สภาพละลายได้ของดีเกลือมีค่าประมาณกี่กรัมในน้า 100 กรัม (ดีเกลือ 1 ช้อนเบอร์สองมีมวล 0.61 กรัม และนา้ 1 ลกู บาศก์เซนตเิ มตรมมี วล 1 กรัม) แนวคาตอบ สภาพละลายได้ของดีเกลอื จากกจิ กรรม คานวณไดด้ งั นี้ มวลของดเี กลือ 6 ชอ้ นเบอร์สอง = 6 ชอ้ น x 0.61 กรมั = 3.66 กรัม ในนา้ 5 กรมั (กาหนดใหน้ ้า 1 ลูกบาศก์เซนตเิ มตรหนกั 1 กรัม) ดงั น้นั สภาพละลายไดข้ องดเี กลือ = (3.66 กรมั x 100 กรัม)/5 กรมั = 73.2 กรัม ในน้า 100 กรัม 2. สภาพละลายได้ของพิมเสนมคี า่ ประมาณกี่กรมั ในน้า 100 กรัม (พมิ เสน 1 ชอ้ นเบอร์สองมีมวล 0.34 กรมั และน้า 1 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตรมมี วล 1 กรัม) แนวคาตอบ สภาพละลายไดข้ องพิมเสนจากกจิ กรรม คานวณได้ดังนี้ มวลของพมิ เสน 1 ช้อนเบอร์สอง = 1 ชอ้ น x 0.34 กรัม = 0.34 กรมั ในนา้ 5 กรัม (กาหนดให้นา้ 1 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตรหนกั 1 กรัม) ดังน้นั สภาพละลายได้ของพิมเสน = (0.34 กรัม x 100 กรัม)/5 กรัม = 6.8 กรัม ในนา้ 100 กรมั จากผลการทากิจกรรม พิมเสนละลายได้น้อยกวา่ 1 ช้อนเบอร์สอง ดังนั้นสภาพละลายได้ของพิมเสนมีค่าน้อย กวา่ 6.8 กรมั ในน้า 100 กรัม 3. ชนดิ ของตัวละลายมีผลต่อสภาพละลายไดข้ องสารในตัวทาละลายหน่งึ ๆ หรือไม่ ทราบได้อยา่ งไร แนวคาตอบ ชนิดของตัวละลายมีผลต่อสภาพละลายได้ของสาร เพราะดีเกลือมีสภาพละลายได้ในน้ามากกว่า พมิ เสน เน่อื งจากใช้ดีเกลอื ปริมาณมากกว่าในการทาใหส้ ารละลายกลายเปน็ สารละลายอ่ิมตัว 4. เมือ่ เปล่ียนตวั ทาละลายจากนา้ กล่ันเป็นเอทานอล สภาพละลายได้ของดเี กลือและพิมเสนเปล่ียนแปลง หรอื ไม่ อย่างไร แนวคาตอบ เมื่อเปล่ียนตัวทาละลายจากน้ากลั่นเป็นเอทานอล สภาพละลายได้ของดีเกลือและพิมเสน เปลี่ยนแปลง โดยสภาพละลายได้ของดีเกลือในเอทานอลมีค่าลดลงจากสภาพละลายได้ในน้า ส่วนสภาพ ละลายไดข้ องพิมเสนในเอทานอลมีค่าเพ่ิมขน้ึ จากสภาพละลายไดใ้ นนา้ 5. จากกจิ กรรม สรุปได้อยา่ งไร แนวคาตอบ จากกิจกรรม สรุปได้ว่า ดีเกลือมีสภาพละลายได้ในน้ามากกว่าในเอทานอล ส่วนพิมเสนมี สภาพละลายไดใ้ นเอทานอลมากกว่าในนา้ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดอื นกรกฎาคม 2562

หน่วยที่ 2 | สารละลาย 56 คมู่ อื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมที่ 2.4 อณุ หภูมิมีผลต่อสภาพละลายไดข้ องสารอย่างไร นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิท่ีส่งผลต่อสภาพละลายได้ของสารบางชนิดในน้า ผ่าน การทดลอง จดุ ประสงค์ ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธิบายผลของอุณหภูมทิ ่ีมีตอ่ สภาพละลายได้ของจนุ สใี นนา้ เวลาที่ใชใ้ น 1 ช่ัวโมง 30 นาที การทากจิ กรรม วสั ดุและอุปกรณ์ วสั ดทุ ี่ใชต้ ่อกลมุ่ รายการ ปรมิ าณ/กลมุ่ 1. ดเี กลือ 30 g 2. น้ากลนั่ 3. น้าแข็ง 100 cm3 4. ช้อนตักสารเบอร์สอง 100 g 5. บีกเกอรข์ นาด 50 cm3 1 อนั 6. บีกเกอร์ขนาด 250 cm3 3 ใบ 7. กระบอกตวง 25 cm3 1 ใบ 8. เทอร์มอมเิ ตอร์ 1 ใบ 9. แท่งแกว้ คน 1 อัน 10.ขาตัง้ พร้อมท่ีจับ 1 อัน 11.ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด 1 ชดุ การเตรียมตัว -ไมม่ -ี ลว่ งหน้าสาหรับครู ขอ้ เสนอแนะ • กาหนดอุณหภูมิที่จะทาการทดลองร่วมกับนักเรียน ซ่ึงควรมี 2-3 ค่า คือ อุณหภูมิต่ากว่า ในการทากจิ กรรม อุณหภูมิห้อง อุณหภูมหิ อ้ ง อุณหภมู ิสูงกวา่ อณุ หภมู ิห้อง • อา่ นอุณหภูมแิ ตล่ ะการทดลอง บนั ทกึ ในตารางบันทึกผล ฉบบั ปรับปรุง เดือนกรกฎาคม 2562 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

57 หนว่ ยที่ 2 | สายละลาย คู่มอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ • พยายามควบคุมอุณหภูมิที่ทดลองให้คงท่ี (ยกเว้นที่อุณหภูมิห้อง ไม่ต้องควบคุม) โดยให้ นักเรียนแช่หลอดทดลองในบีกเกอร์ที่บรรจุน้า และจุ่มเทอร์มอมิเตอร์ให้กระเปาะของ เทอรม์ อมิเตอร์อยู่ในของเหลวในหลอดทดลอง ยดึ เทอร์มอมเิ ตอร์ดว้ ยชุดขาตั้งพร้อมท่ีจับ ถ้าต้องการเพิ่มอุณหภูมิ อาจนาบีกเกอร์ไปให้ความร้อน ถ้าต้องการลดอุณหภูมิ อาจเติม นา้ แขง็ ลงในบีกเกอร์ • นกั เรียนอาจออกแบบการทดลองได้หลายแบบ ครตู อ้ งช่วยเหลือนักเรียนในการพิจารณา ความถูกต้องและความเหมาะสมของการทดลองแต่ละแบบ ก่อนที่จะให้นักเรียนลงมือ ทดลอง ซ่ึงจะช่วยให้ประหยัดเวลา และได้ผลการทดลองท่ีสามารถนามาสรุปองค์ความรู้ ทถี่ กู ต้อง สอื่ การเรยี นรู้/ • หนงั สือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เลม่ 1 ของ สสวท. แหลง่ เรียนรู้ ตัวอย่างผลการทากิจกรรม ตัวอยา่ งการออกแบบการทดลอง แบบที่ 1 ละลายจุนสี 1 ช้อนเบอร์หนึ่งในน้า 10 ลูกบาศก์เซนติเมตรท่ีอุณหภูมิห้อง คนจนละลายหมด เติมจุนสีเพิ่ม ลงไปทีละช้อน คนสารละลายทุกคร้ังท่ีเติมจุนสี เมื่อจุนสีเร่ิมละลายไม่หมด หยุดเติมจุนสี นับจานวนช้อน ที่ตวง จุนสีท่ีใช้ทั้งหมด บันทึกผล จากน้ันทากิจกรรมซ้าในภาชนะใหม่ โดยเปลี่ยนอุณหภูมิของน้าเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่า อุณหภูมหิ อ้ ง และอุณหภมู ิที่ตา่ กวา่ อุณหภมู ิหอ้ ง ตวั อย่างตารางบนั ทึกผล 1 อณุ หภูมิ (°C) ปริมาณนา้ (cm3) ปริมาณจุนสที ่ลี ะลายได้ (ช้อน) 20* 10 30** 10 60*** 10 *อุณหภูมติ า่ กวา่ อณุ หภูมหิ ้องทวี่ ัดได้ **อุณหภมู ิห้องที่วัดได้ ***อณุ หภูมสิ งู กวา่ อุณหภูมิหอ้ งทว่ี ัดได้ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบบั ปรบั ปรงุ เดือนกรกฎาคม 2562


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook