หน้าทช่ี าวพทุ ธ บทท่ี 10 และ ศาสนิกชนตวั อยา่ ง
บทท่ี 10 หน้าทช่ี าวพทุ ธ และ ศาสนิกชนตวั อยา่ ง คณุ สมบตั ิท่ีดีของชาวพทุ ธ การสรา้ งศรทั ธาให้เกิดในตน ระเบียบปฏิบตั ิในการไปวดั วิธีปฏิบตั ิในการประกอบพิธีกรรมท่ีวดั วิธีปฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมต่อพระสงฆ์ ศาสนิกชนตวั อย่าง
คุณสมบตั ทิ ด่ี ขี องชาวพทุ ธ มศี รทั ธามนั ่ ไมต่ ่นื ขา่ วมงคล เอาใจใส่ สง่ เสรมิ ในคุณพระรตั นตรยั กจิ การพระพทุ ธศาสนา ชาว2“พอ.ทุ ุบธทาสม่ี คีกณุ แสกมว้3บตั.อิ ุบ5 าปสระกิ กาาแรนก4้ีเรว้ .ยี ”กวา่ 1. 5. มศี ลี ไมแ่ สวงหาหลกั คาํ สอน ทน่ี อกพระพทุ ธศาสนา
การสรา้ งศรทั ธาใหเ้ กดิ ในตน ชาวพทุ ธทด่ี ตี อ้ งมหี ลกั ศรทั ธาทป่ี ระกอบดว้ ยเหตุผล โดยใชส้ ตปิ ัญญากาํ กบั กมั มสทั ธา เช่อื วา่ กรรมมอี ยจู่ รงิ วปิ ากสทั ธา เชอ่ื วา่ ผลของกรรมมจี รงิ กมั มสั สกตาสทั ธา เชอ่ื วา่ ทุกคนมกี รรมเป็นของตน ตถาคตโพธสิ ทั ธา เช่อื มนั่ ในพระพทุ ธเจา้
ระเบยี บปฏบิ ตั ใิ นการไปวดั ควรแตง่ การใหส้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย เสอ้ื ผา้ สอี ่อน ไมห่ ลวมหรอื รดั รปู ไมต่ กแต่งดว้ ยเครอ่ื งประดบั หรอื เครอ่ื งสาํ อางมากจนเกนิ ไป การแตง่ กาย การนําเดก็ หรอื บุคคลอน่ื ไปวดั ไมค่ วรนําเดก็ ออ่ นไปวดั โดยไมจ่ าํ เป็น ควรระมดั ระวงั ในเรอ่ื งการใชแ้ ตรรถยนต์ ควรจอดรถในสถานทท่ี ก่ี าํ หนด
การเตรยี มอาหารไปวดั ควรเป็นอาหาร ทร่ี บั ประทานกนั ทวั่ ไป อาหารทไ่ี มค่ วรนําไปถวาย การเตรยี มตวั ก่อนไปวดั o เน้ือสตั วต์ อ้ งหา้ ม ไดแ้ ก่ เน้อื มนุษย์ เน้อื ชา้ ง เน้ือมา้ ทาํ ภารกจิ ของตนใหเ้ รยี บรอ้ ย เน้ือสนุ ขั เน้อื งู ทาํ จติ ใจใหแ้ จม่ ใส เน้อื ราชสหี ์ เน้อื เสอื โครง่ ราํ ลกึ ถงึ คณุ พระรตั นตรยั เน้อื เสอื เหลอื ง เน้ือเสอื ดาว เตรยี มอุปกรณ์ในการทาํ บุญใหค้ รบ เน้อื หมี o อาหารปรงุ จากเน้อื ดบิ เลอื ดดบิ การปฏบิ ตั ติ นภายในวดั o อาหารปรงุ ดว้ ยสรุ าทม่ี สี ี กลน่ิ รสปรากฏชดั สาํ รวมกาย วาจา ใจ อดทนต่อความขนุ่ ขอ้ งหมองใจ อยา่ ไดเ้ กดิ โทสะ งดสบู บุหร่ี การสนทนากบั พระดว้ ยกริ ยิ าสภุ าพ ใชค้ าํ สรรพนามแทนตนวา่ “กระผม” “ดฉิ นั ” และ นงั่ ใหเ้ ป็นระเบยี บ คาํ สรรพนามเรยี กพระวา่ “ทา่ น” “พระคณุ เจา้ ” เปลง่ เสยี งชดั เจนพรอ้ มเพรยี ง ในการประกอบศาสนพธิ ี
วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการประกอบพธิ กี รรมทว่ี ดั การฟังธรรมในวนั ธรรมสวนะ พิธีเวียนเทียน (วนั มาฆบูชา วนั วิสาขบูชา นําภตั ตาหารไปถวายแดพ่ ระภกิ ษุสามเณร วนั อาสาฬหบชู า) พระสงฆใ์ หศ้ ลี และเจรญิ พระพุทธมนต์ ถวายภตั ตาหาร และสงิ่ ของตามศรทั ธา ทกุ คนมาชมุ นุมพรอ้ มกนั หน้าพระอุโบสถ พระสงฆอ์ นุโมทนา ยนื เป็นแถวมพี ระภกิ ษุอยดู่ า้ นหน้า ตามดว้ ยสามเณร ผมู้ าทาํ บุญกรวดน้ํา และบุคคลทวั่ ไป ตอนบา่ ยจะมกี ารแสดงพระธรรมเทศนา จดุ ธปู เทยี น และประนมมอื พระสงฆก์ ลา่ วคาํ ถวายดอกไมธ้ ปู เทยี นบชู าพระ รตั นตรยั ทกุ คนวา่ ตาม และเรมิ่ พธิ เี วยี นเทยี น (ตามเขม็ นาฬกิ า เรยี กวา่ การเดนิ แบบทกั ขณิ าวฏั ) เวยี นเทยี น 3 รอบเพอ่ื ระลกึ ถงึ พระพุทธคุณ พระ ธรรมคุณ พระสงั ฆคุณ เมอ่ื ครบแลว้ นําดอกไมธ้ ปู เทยี นไปปัก
เดนิ แบบทกั ขณิ าวฏั การเวียนเทียน ยนื เป็นแถวมพี ระภกิ ษุอยดู่ า้ นหน้า
วิธีปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมต่อพระสงฆ์ การเตรยี มสถานท่ี และการจดั อาสนะสาํ หรบั พระสงฆ์ อาสน์สงฆต์ อ้ งสงู กวา่ คฤหสั ถ์ จดั ทน่ี งั่ ใหห้ า่ ง พอสมควร ใชพ้ รมหรอื ผา้ ปนู งั่ เฉพาะ สถานทน่ี งั่ เจรญิ พระพุทธมนตใ์ หอ้ ยทู่ างซา้ ย ของพระพทุ ธรปู การนมิ นตพ์ ระสงฆ์ การจดั ภาชนะเครอ่ื งใชส้ าํ หรบั พระสงฆ์ ตอ้ งนิมนตพ์ ระสงฆล์ ว่ งหน้า โดยอาจเขยี นเป็นฎกี านิมนตพ์ ระ จดั ถวายรปู ละท่ี โดยตงั้ ทางขวามอื ของพระ งานมงคล ใชค้ าํ นมิ นตว์ า่ “ขออาราธนาเจรญิ พระพทุ ธมนต”์ งานอวมงคล ใชค้ าํ นิมนตว์ า่ “ขออาราธนาสวดพระพทุ ธมนต”์ หรอื 2 รปู ต่อ 1 ทต่ี ามความเหมาะสม การนมิ นตม์ าฉนั ภตั ตาหาร ตอ้ งไมร่ ะบุชอ่ื อาหาร นยิ มใชค้ าํ วา่ “นมิ นต์ ถว้ ยน้ํารอ้ น แกว้ น้ําเยน็ ตอ้ งใชร้ ปู ละท่ี โดย พระคณุ เจา้ มารบั บณิ ฑบาตเชา้ ” หรอื “นิมนตพ์ ระคุณเจา้ ฉนั ภตั ตาหาร ตงั้ ระหวา่ งของทจ่ี าํ เป็น เชน่ กระโถน ภาชนะ เชา้ หรอื ภตั ตาหารเพล” ใสน่ ้ําเยน็ 1
การประเคนของพระสงฆ์ การถวายภตั ตาหารควรจดั แยก เป็นท่ี ๆ หากจดั รวมกนั ตอ้ งมชี อ้ นกลาง ภาชนะใสน่ ้ําจะตอ้ งจดั เป็นท่ี ๆ ไมป่ ะปนกนั การตอ้ นรบั พระสงฆ์ การแสดงความเคารพพระสงฆ์ เจา้ ของบา้ นตอ้ งจดั การตอ้ นรบั ใหเ้ หมาะสม กราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ จดั อาสนะใหเ้ รยี บรอ้ ย หากสถานทไ่ี มอ่ ํานวยใหใ้ ชว้ ธิ กี ารไหว้ เมอ่ื พระสงฆน์ งั่ ประจาํ ทต่ี อ้ งถวายน้ําดม่ื ควรนงั่ สนทนากบั พระสงฆต์ ามสมควร
ศาสนิกชนตวั อย่าง สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต) ปัจจบุ นั เป็นเจา้ อาวาสวดั ญาณเวศกวนั จงั หวดั นครปฐม คนไทยคนแรกทไ่ี ดร้ บั รางวลั จากยเู นสโก สมเดจ็ พระสงั ฆราชทรงยกยอ่ งวา่ เป็น “เพชรน้ํางามของพระสงฆไ์ ทย” ผลงาน มงี านนพิ นธก์ วา่ 100 เรอ่ื ง ลว้ นแต่เป็นงานทส่ี รา้ งพน้ื ฐานความรทู้ างพระพทุ ธศาสนา เชน่ พทุ ธธรรม พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ พระไตรปิฎกสงิ่ ทช่ี าวพทุ ธตอ้ งรู้ เป็นตน้
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร - ปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม” - ทรงอุปสมบทเมอ่ื วนั ท่ี 22 ตุลาคม 2499 ถงึ 5 พ.ย. 2499 - ทรงมพี ระอจั ฉรยิ ภาพหลายดา้ น - พระราชทานปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ทรงเสยี สละความสขุ สว่ นพระองค์ เสดจ็ พระราชดาํ เนินไปยงั ถนิ่ ทุรกนั ดาร เพอ่ื พระราชทาน ความชว่ ยเหลอื ราษฎรทุกศาสนา คณุ ธรรมที่เป็นแบบอย่าง ทรงมคี วามกตญั �กู ตเวที ทรงมคี วามเสยี สละ ศาสนิกชนตวั อย่าง
เกดิ ในวรรณะจณั ฑาล คุณธรรมทเ่ี ป็นแบบอยา่ ง ผนู้ ําเรยี กรอ้ งเอกราชของประเทศอนิ เดยี คนื จากประเทศองั กฤษ ผรู้ า่ งกฎหมายรฐั ธรรมนูญทใ่ี ชม้ าจนทกุ วนั น้ี - ความเป็นนกั สู้ ไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ชะตาชวี ติ ไดร้ บั การขนานนามวา่ “รฐั บุรษุ จากสลมั ” - ความมศี รทั ธาอยา่ งมนั่ คงต่อพระพุทธศาสนา กอ่ ตงั้ มหาวทิ ยาลยั สทิ ธตั ถะ และมหาวทิ ยาลยั มลิ นิ ทะ เป็นชาวพทุ ธผกู้ ลา้ ลบลา้ งวรรณะแลว้ รบั ธรรมะ ในพุทธศาสนาเป็นสงิ่ สงู สดุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: