Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore PowerPoint ศาสนาพุทธ

PowerPoint ศาสนาพุทธ

Published by Yaowalak, 2022-01-15 01:13:10

Description: PowerPoint ศาสนาพุทธ

Search

Read the Text Version

ความเช่อื ของศาสนาพทุ ธ

ความเช่อื ของศาสนาพทุ ธ ศ า ส น า พุ ท ธ เ ชื่ อ ว่ า ไ ม่ มี พ ร ะ เ จ้ า แ ล ะ เ ช่ื อ ใ น ศักยภาพของมนุษย์ว่าทุกคนสามารถพัฒนา จิตใจไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไดด้ ้วยความ เพียรของตน กล่าวคือ ศาสนาพุทธสอนให้ มนุษย์บันดาลชีวิตของตนเองด้วยผลแห่งการ กระทาของตน ตาม กฎแห่งกรรม มิได้มาจาก การอ้อนวอนขอจากพระเป็นเจ้าและสิ่งศักดสิ์ ิทธ์ิ นอกกาย คือ ให้พ่ึงตนเอง เพ่ือพาตัวเองออก จากกองทกุ ข์

ความเช่อื ของศาสนาพทุ ธ มีจุดมุ่งหมายคือการสอนให้มนุษย์หลุดพ้นจาก ความทุกขท์ ั้งปวงในโลกด้วยวิธีการสร้าง ปัญญา ในการอยู่กับความทุกข์อย่างรู้เท่าทันตามความ เป็นจริง วัตถุประสงค์สูงสุดของศาสนา คือ การ หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงและวัฏจักรการ เวียนว่ายตายเกิด เช่นเดียวกับท่ีพระศาสดาทรง หลุดพ้นได้ด้วยกาลังสติปัญญาและความเพียร ของพระองค์เอง ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็น มนุษย์ มใิ ช่เทพเจ้าหรือทตู ของพระเจ้าองคใ์ ด

หลกั ปฏบิ ตั ิของศาสนาพทุ ธ

การปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาน้ัน ที่สาคัญท่ีสุดคือ การ ปฏิบัติตามหลัก “มรรคมีองค์ ๘” เพราะเป็นทางแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง อันเป็นเป้าหมายสูงสุดในทรรศนะของศาสนาพุทธ แต่นอกจากเป้าหมายสูงสุดอย่าง “พระนิพพาน” แล้ว ผู้ครองเรือนท่ียังสลัดเร่ืองทางโลกไม่หลุด ก็สามารถปฏิบัติธรรม ท่มี งุ่ หวงั ผลสาเรจ็ ในเบอื้ งตน้ ไดก้ ่อน อย่างเช่นหลัก “อุบาสกธรรม ๗”

อรยิ มรรคมอี งค์ ๘ “อริยอัฏฐังคกิ มรรค” หรือ “อริยมรรคมอี งค์ ๘” คอื ทางอันประเสริฐแห่งความ หลุดพ้น อันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ เป็นแนวทางการปฏิบัติตนท่ีสาคัญที่สุดใน พุทธศาสนา องคป์ ระกอบทง้ั ๘ มีดงั ตอ่ ไปนี้ ๑.สัมมาทฏิ ฐิ คอื ความเห็นชอบ มที รรศนะหรอื มุมมองทถี่ กู ต้อง ๒.สมั มาสังกปั ปะ คอื ดาริชอบ มคี วามคิดท่ดี งี าม เปน็ กศุ ล เวน้ จากความคิดอกศุ ล ๓.สัมมาวาจา คือ วาจาชอบ การเจรจาด้วยวจีสุจริต ไม่นินทาว่าร้าย ไม่ยุแยง ไม่ สอ่ เสียด ไมเ่ พ้อเจอ้ ๔.สัมมากัมมันตะ คือ การกระทาชอบ ประพฤติแต่ความดี ต้ังม่ันอยู่ในศีลธรรม ไม่ ประกอบกรรมชัว่

อรยิ มรรคมอี งค์ ๘ ๕.สัมมาอาชีวะ คือ การหาเล้ียงชีพชอบ ทามาหากินด้วยความสุจริต ไม่คดโกง ไม่ ฉ้อโกง ๖.สมั มาวายามะ คือ ความพยายามชอบ ประกอบความเพียรในทางดงี าม ๗.สัมมาสติ คือ ความระลึกชอบ มีสติรู้เท่าทันความคิด คาพดู และการกระทาของ ตน ไมใ่ ห้ตกไปอยูใ่ นฝา่ ยอกศุ ล ๘.สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นแห่งจิตชอบ ตั้งมั่นจิตอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน สงัดจากอกศุ ลธรรมท้ังหลาย

อบุ าสกธรรม ๗ นอกจากอริยมรรคมีองค์ ๘ ทเี่ ปน็ แนวทางปฏบิ ตั เิ พ่อื มุ่งพระนพิ พาน สาหรับผู้ที่ เห็นโทษของสังสารวัฏแล้ว สาหรับผู้ครองเรือนก็สามารถประพฤติ “อุบาสกธรรม ๗” เพ่ือช่วยอุปถัมภ์ค้าชูพระพุทธศาสนา ให้ย่ังยืนสถาพรสืบไปภายหน้าด้วย โดยอุบาสก ธรรมประกอบด้วย ๗ ขอ้ ดังตอ่ ไปน้ี ๑.ไม่ขาดการเยี่ยมเยือนพบปะพระภิกษุ คือ การหม่ันเข้าวัด สนทนากับพระภิกษุท่ี ปฏิบัตดิ ีปฏบิ ัตชิ อบ ๒.ไมล่ ะเลยการฟงั ธรรม คือ ให้ความใส่ใจในการฟังธรรมเทศนา ๓.ศกึ ษาในอธศิ ีล คอื รกั ษาศีลให้บริสทุ ธ์ิ

อบุ าสกธรรม ๗ ๔.มากดว้ ยความเลือ่ มใสในภิกษุท้งั หลาย ท้ังท่ีเป็นเถระ นวกะ และปูนกลาง คือให้ความ ศรัทธาตอ่ พระภิกษโุ ดยเสมอภาค ไม่แบ่งแยกพรรษา ๕.ไมฟ่ ังธรรมด้วยตั้งใจจะคอยเพง่ โทษติเตียน คือ ฟังธรรมด้วยจิตนอ้ มนาไปในทางกศุ ล ๖.ไมแ่ สวงหาทักขไิ ณยภ์ ายนอกหลกั คาสอนน้ี คือ ไม่แสวงหาการทาบุญบริจาคทานนอก คาสอนของพระศาสนา ๗.กระทาความสนับสนุนในพระศาสนาน้ีเป็นเบื้องต้น คือ ขวนขวายในการอุปถัมภ์บารุง พระพทุ ธ

พระพทุ ธศาสนามขี อ้ ปฏบิ ตั ทิ ี่พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤติปฏิบัตใิ นชวี ิตประจาวนั ดงั น้ี การบชู าพระประจาวนั ธรรมดาชาวพุทธย่อม มีชีวิตจิตใจเนื่องด้วยพระรัตนตรัย มีพระ รัตนตรัย เป็นท่ีพึ่งที่ระลึกในการดาเนิน ชีวิตประจาวัน เพ่ือให้ตนมีความประพฤติดี ประพฤติชอบ มีความเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า ปราศจากภัยอันตรายต่างๆ และอยู่เย็นเป็น สุข จึงนิยมเคารพสักการบูชาพระรัตนตรัย เปน็ ประจาวนั ละ ๒ ครั้ง เป็นอย่างนอ้ ย

พระพุทธศาสนามขี ้อปฏบิ ัตทิ ี่พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤติปฏิบัตใิ นชวี ิตประจาวัน ดังน้ี การทาบุญใส่บาตร ในแต่ละวันพุทธศาสนิกชน มีหน้าท่ีทาบุญใส่บาตร เพ่ือทานุบารุงรักษา พระพุทธศาสนาไว้ เน่ืองจากพระสงฆ์เป็นพุทธ บุตร เป็นผู้ควรสักการะ และเป็นเน้ือนาบุญของ โลกที่ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า จะดารงชีพอยู่ได้ก็ ต้องอาศัยความอุปถัมภ์จากญาติโยมโดยการ ถวายอาหารและปจั จัยอ่ืน

พระพุทธศาสนามขี ้อปฏบิ ัตทิ ี่พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤติปฏบิ ัตใิ นชวี ติ ประจาวนั ดังน้ี การกรวดนาอุทิศสว่ นกุศล เป็นพธิ ที างศาสนาอย่าง หนง่ึ ที่ปฏิบตั ิรว่ มกับพิธีบุญต่าง ๆ เช่น ทาหลังจาก การทาบุญใส่บาตร หลังจากเสร็จพิธีงานมงคล (เช่น งานมงคลสมรส งานทาบุญขึ้นบ้านใหม่ งาน วนั เกิด) และภายหลังพิธีงานอวมงคล (เช่น พิธีศพ งานทาบุญหลังพิธีเผาศพแล้ว ๗ วัน ๑๐๐ วัน ให้แก่ผวู้ ายชนม์)

พระพุทธศาสนามขี ้อปฏบิ ัตทิ ี่พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤตปิ ฏบิ ัติในชีวิตประจาวนั ดังนี้ การสมาทานศลี หมายถึงการรับเอาศีลมาปฏิบัติ หรือการ ถอื ศีล ซงึ่ มที งั้ การสมาทานศีล ๕ และการสมาทานศลี ๘ ศีลห้า เป็นศีลประจาตัวของอุบาสกอุบาสิกา เป็นศีลท่ีพึง รักษาเป็นประจาจึงเรียกอีกช่ือว่า “นิจศีล” โดยมุ่ง ควบคมุ กาย และวาจาใหล้ ะเว้นสิ่งไม่ดี ๕ ประการ คอื (๑) ละเวน้ จากการฆ่าสัตว์ (๒) ละเวน้ จากการลกั ทรัพย์ (๓) ละเว้นจากการประพฤติผดิ ในกาม (๔) ละเวน้ จากการพูดเทจ็ (๕) ละเวน้ จากการด่มื นา้ เมา

พระพุทธศาสนามขี ้อปฏบิ ัตทิ ี่พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤติปฏบิ ัติในชวี ติ ประจาวัน ดงั น้ี การปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา สมถะและวิปัสสนา เป็น ๒ วิธีของภาวนา ภาวนา แปลว่า “การทาให้ มีขึ้น เป็นข้ึน หรือการเจริญ”เมอ่ื ใช้ในความหมาย ของธรรมะ คือ การฝึกอบรม จิตใจ แบ่งออกเป็น ๒ อย่าง คือ ๑) สมถภาวนา คือ การฝึกอบรมจิตให้เกิดความ สงบ หรอื การฝกึ สมาธิ

พระพุทธศาสนามขี ้อปฏบิ ัตทิ ่พี ุทธศาสนกิ ชนจะนาไปประพฤติปฏบิ ัตใิ นชวี ติ ประจาวัน ดังนี้ ๒) วปิ ัสสนาภาวนา คอื การฝึกอบรมเจรญิ ปัญญา ให้เกิดความรู้แจ้งชัดส่ิงทั้งหลาย ตามความเป็น จริง หรือเรียกส้ันๆ ว่า “การเจริญปัญญา” ใน คมั ภีร์สมัยหลัง บางทีเรียกภาวนาว่า “กรรมฐาน” ซึ่งแปลว่าท่ีต้ังแห่งงานทาความเพียรฝึกอบรมจิต จึงเกิดคาเรียกว่า “สมถกรรมฐาน” และ “วิปสั สนากรรมฐาน”

THANK YOU THANK YOU


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook