ซาฟอ ี แวหลง เลขท่ี 4 ทฤษฎีสี theory of colors
สี คือ ? หมายถึง แสงทีมากระทบวตั ถแุ ลว้ สะท้อนเขา้ ตาเราทําใหเ้ หน็ เปนสตี ่างๆ การทีเรามองเหน็ วตั ถุ เปนสใี ดๆ ไดเ้ พราะวตั ถนุ ันดดู แสงสอี ืนสะท้อนแต่สี ของมนั เอง เชน่ วตั ถสุ แี ดงเมอื มแี สงสอ่ งกระทบก็ จะดดู ทกุ สสี ะท้อนแต่สแี ดงทําใหเ้ รามองเหน็ เปนสี แดง
ค่าจาํ กดั ความของสี สี 1 แสงทีมคี วามถีของคลนื ในขนาดที ตามนุษยส์ ามารถรบั สมั ผสั ได้ 2 แมส่ ที ีเปนวตั ถุ (PIGMENTARY PRIMARY) ประกอบดว้ ย แดง เหลอื ง นําเงิน 3 สที ีเกิดจากการผสมของแมส่ ี สี
คุณลกั ษณะของสี ประวัตคิ วามเปนมาของสี 1 สแี ท้ (HUE) คือ สที ียงั ไมถ่ กู สี มนุษยเ์ รมิ มกี ารใชส้ ตี ังแต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ มที ังการเขยี นสลี งบนผนังถํา ผนังหนิ บน อืนเขา้ ผสม เปนลกั ษณะของสี พนื ผวิ เครอื งปนดนิ เผา และทีอืนๆภาพเขยี นสบี นผนังถํา(ROCK PAINTING) เรมิ ทําตังแต่สมยั แท้ทีมคี วามสะอาดสดใส เชน่ ก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นทวปี ยุโรป โดยคนก่อนสมยั ประวตั ิศาสตรใ์ นสมยั หนิ เก่าตอนปลาย ภาพเขยี น แดง เหลอื ง นําเงิน สที ีมชี อื เสยี งในยุคนีพบทีประเทศฝรงั เศษและประเทศสเปนในประเทศ ไทย กรมศิลปากรไดส้ าํ รวจ พบภาพเขยี นสสี มยั ก่อนประวตั ิศาสตรบ์ นผนังถํา และ เพงิ หนิ ในทีต่างๆ จะมอี ายุระหวา่ ง 1500- 2 สอี ่อนหรอื สจี าง (TINT) ใช้ 4000 ป เปนสมยั หนิ ใหมแ่ ละยุคโลหะไดค้ ้นพบตังแต่ป พ.ศ. 2465 ครงั แรกพบบนผนังถําในอ่าว เรยี กสแี ท้ทีถกู ผสมดว้ ยสขี าว พงั งา ต่อมาก็ค้นพบอีกซงึ มอี ยูท่ ัวไป เชน่ จงั หวดั กาญจนบุรี อุทัยธานี เปนต้นสที ีเขยี นบนผนังถํา เชน่ สเี ทา, สชี มพู สว่ นใหญ่เปนสแี ดง นอกนันจะมสี สี ม้ สเี ลอื ดหมู สเี หลอื ง สนี ําตาล และสดี าํ สบี นเครอื งปนดนิ เผา ไดค้ ้นพบการเขยี นลายครงั แรกทีบา้ นเชยี งจงั หวดั อุดรธานีเมอื ป พ.ศ.2510 สที ีเขยี นเปนสแี ดง 3 สแี ก่ (SHADE) ใชเ้ รยี กสแี ท้ที เปนรปู ลายก้านขดจติ กรรมฝาผนังตามวดั ต่างๆสมยั สโุ ขทัยและอยุธยามหี ลกั ฐานวา่ ใชส้ ใี นการ เขยี นภาพหลายสี แต่ก็อยูใ่ นวงจาํ กัดเพยี ง 4 สี คือ สดี าํ สขี าว สดี นิ แดง และสเี หลอื งในสมยั โบราณ ถกู ผสมดว้ ยสดี าํ เชน่ สนี ําตาล นัน ชา่ งเขยี นจะเอาวตั ถตุ ่างๆในธรรมชาติมาใชเ้ ปนสสี าํ หรบั เขยี นภาพ เชน่ ดนิ หรอื หนิ ขาวใชท้ ําสี ขาว สดี าํ ก็เอามาจากเขมา่ ไฟ หรอื จากตัวหมกึ จนี เปนชาติแรกทีพยายามค้นควา้ เรอื งสธี รรมชาติได้ มากกวา่ ชาติอืนๆ คือ ใชห้ นิ นํามาบดเปนสตี ่างๆ สเี หลอื งนํามาจากยางไม้ รงหรอื รงทอง สคี รามก็ นํามาจากต้นไมส้ ว่ นใหญ่แลว้ การค้นควา้ เรอื งสกี ็เพอื ทีจะนํามาใช้ ยอ้ มผา้ ต่างๆ ไมน่ ิยมเขยี นภาพ เพราะจนี มคี ติในการเขยี นภาพเพยี งสเี ดยี ว คือ สดี าํ โดยใชห้ มกึ จนี เขยี น
สีสามารถแยกออกเปน 2 ประเภท สธี รรมชาติ สที ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ เปนสที ีเกิดขนึ เองธรรมชาติ เชน่ สขี องแสงอาทิตย์ สขี องท้องฟา หรอื ไดส้ งั เคราะหข์ นึ เชน่ สวี ทิ ยาศาสตร์ มนษุ ยไ์ ดท้ ดลองจากแสง ยามเชา้ เยน็ สขี องรงุ้ กินนาํ เหตกุ ารณท์ ีเกิดขนึ เองธรรมชาติ ตลอดจน ต่างๆ เชน่ ไฟฟา นาํ มาผสมโดยการทอแสงประสานกัน นาํ มาใช้ สขี อง ดอกไม้ ต้นไม้ พนื ดนิ ท้องฟา นาํ ทะเล ประโยชนใ์ นดา้ นการละคร การจดั ฉากเวทีโทรทัศน์ การตกแต่งสถานที
แมสี สตี ่างๆนันมอี ยูม่ ากมายแหลง่ กําเนิดของสแี ละวธิ กี ารผสมของสตี ลอดจนรสู้ กึ ทีมตี ่อสขี องมนุษยแ์ ต่ละกลมุ่ ยอ่ มไมเ่ หมอื นกัน
1 แมส่ ขี องแสง 2 แมส่ วี ตั ถธุ าตุ เกิดจากการหกั เหของแสงผา่ นแท่งแก้วปรซิ มึ มี 3 สี คือ สแี ดง สี เปนสที ีได้มาจากธรรมชาติ และจากการสงั เคราะหโ์ ดยกระบวนทาง เหลือง และสนี าํ เงิน อยูใ่ นรูปของแสงรงั สี ซงึ เปนพลังงานชนดิ เดียว เคมี มี 3 สี คือ สแี ดง สเี หลือง และสนี าํ เงินแมส่ วี ตั ถธุ าตเุ ปนแมส่ ที ีนาํ ทีสมี คี ณุ สมบตั ิของแสงสามารถนาํ มาใช้ ในการถ่ายภาพ ภาพโทรทัศน์ มาใชง้ านกันอยา่ งกวา้ งขวาง ในวงการศิลปะ วงการอุตสาหกรรม การจดั แสงสใี นการแสดงต่าง ๆ เปนต้น (ดเู รอื ง แสงสี ) ฯลฯ
วงจรสี ( Colour Circle) สีขันที 1 สีขันที 2 สีขันที 3 แมส่ ี ไดแ้ ก่ สแี ดง สเี หลอื ง สนี ําเงิน สที ีเกิดจากสขี นั ที 1 หรอื แมส่ ผี สมกันใน สที ีเกิดจากสขี นั ที 1 ผสมกับสขี นั ที 2 ใน อัตราสว่ นทีเท่ากัน จะทําใหเ้ กิดสใี หม่ 3 สี ไดแ้ ก่ อัตราสว่ นทีเท่ากัน จะไดส้ อี ืน ๆอีก 6 สี คือ
วรรณะของสี วรรณะของสี มี 2 วรรณะ ซ่งึ แบง ตามกลุม สี ท่ีเม่อื มองจะใหค วาม รูสกึ แตกตางกัน คอื สีโทนรอ น และสโี ทนเยน็ 1 สวี รรณะรอ้ น 2 สวี รรณะเยน็ วรรณะสรี อ น (Warm Tone) วรรณะสีเยน็ (Cold Tone) วรรณสีรอนมีอยู 7 สี ไดแ กมวง มว งแดง แดง แดงสม สม สม วรรณสีเย็นมอี ยู 7 ชนิด ไดแ กสีเหลอื ง เหลืองเขยี ว เขยี ว เขยี ว เหลือง เหลอื ง สีกลุมนี้เม่อื ใชใ นงานจะรสู กึ อบอุน รอ นแรง สนกุ สนาน น้ําเงนิ น้ําเงนิ น้ําเงินมว ง มว ง สีกลุม นี้เม่อื ใชในงานจะไดความรสู กึ เป็ นตน สดช่ืน เย็นสบาย เป็นตน
สีตรงขา ม สีกลาง สตี รงขาม (Opposite color) สกี ลาง (Muddy Colors) สที ีอ่ ยใู นตาํ แหนงตรงขามกนั ในวงจรสี สีกลาง ในความหมายนี้เป็นสที เ่ี ขากบั สีได และมีการตดั กนั อยา งเดนชดั ทุกสี ไดแก สนี ้ําตาล สีขาว สเี ทาและดาํ สี ซ่ึงจะใหความรสู กึ ทขี่ ัดแยงกนั หากนํามา เหลานี้เม่อื นําไปใชงานลดความรุนแรงของสี ผสมกนั จะไดสีกลาง (เทา) ซ่งึ มีทัง้ หมด อ่นื และจะเสรมิ ใหงานดูเดน 6คู ย่ิงข้นึ
แมส วี ตั ถธุ าตุ แมส ีวัตถุธาตุ เป็นสที ี่ไดมาจากธรรมชาติ และจากการสงั เคราะหโดยกระบวนทางเคมี มี 3 สี คือ สแี ดง สีเหลอื ง และสีน้ําเงิน แมส วี ตั ถุธาตเุ ป็นแมส ที ี่นํามาใช งานกนั อยา งกวา งขวาง ในวงการศลิ ปะ วงการอตุ สาหกรรม ฯลฯ ระบบสี RGB ระบบสี RGB ยอมาจาก red, green และ blue คอื กระบวนการผสมสีจากแมสี 3 สี คือสแี ดง สีเขียว และ สีน้ําเงิน การใชส ัดสว นของสี 3 สีนี้ตา งกัน จะทําใหเ กดิ สีตาง ๆ ไดอ ีกมากมาย ซ่งึ RGB จะถกู นําไปใชก บั ส่อื ท่ีใช ระบบแสงแสดงภาพ
ตารางความหมายของสี
สรุปแผนภาพวงจรสี
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: