สแกนอา่ น E-Book
รายงานผลการปฏบิ ัตทิ ่ีดี (Best Practice) การจดั การเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพฒั นาทักษะการเรียนร้เู รอ่ื ง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ของนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โดย นายเมธวจั น์ ธนธรธรี ไพศาล ตำแหน่ง ครู โรงเรียนชมุ พลศกึ ษา สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คำนำ แบบรายงานผลการปฏิบัติที่ดี (Best Practices) ฉบับนี้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดง อัลกอริทึม ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ซงึ่ การจัดการเรียนการสอนหรอื พฒั นาเทคนิควิธีการสอนในคร้ังน้ี ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ปีการศึกษา 2565 และเพ่ือสร้างคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ท่ีดตี ่อการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) อีกทั้งยังสามารถสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีความกระตือรือร้น สนกุ สนาน และชว่ ยพฒั นาทักษะกระบวนการคิดเชิงคำนวณของนักเรียนต่อไป ผู้รายงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ๆ ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้รายงานต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ เมธวจั น์ ธนธรธรี ไพศาล
สารบญั หน้า เรื่อง 1 คำนำ สารบญั 1 ข้อมูลเบื้องตน้ ผู้สง่ ผลงาน 2 ความสำคัญของผลงาน 3 - ความเปน็ มาและสภาพปญั หา - แนวทางการแกป้ ญั หาและพัฒนา 4 จุดประสงคแ์ ละเปา้ หมายของการดำเนินงาน 9 กระบวนการผลติ ผลงาน หรือขนั้ ตอนการดำเนินงาน 18 - การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม 19 - ดำเนนิ งานตามกจิ กรรม - ประสิทธิภาพของการดำเนนิ งาน 19 - การใช้ทรพั ยากร 21 ผลการดำเนินการ - ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ 22 - ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั ปจั จัยความสำเร็จ 22 - ส่ิงที่ช่วยให้งานประสบความสำเรจ็ บทเรยี นท่ไี ดร้ บั ปรบั ปรุงคุณภาพมงุ่ พฒั นาต่อไป 23 - การนำผลงานไปใช้ 24 การเผยแพร่ 27 - การเผยแพร่ - การได้รับการยอมรับ/รางวลั ที่ไดร้ ับ การรบั รองผลงานการจดั การเรียนสอนด้วย Active Learning ภาคผนวก
1 รายงานผลการปฏิบตั ิทด่ี ี (Best Practice) ด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนดว้ ย Active Learning ___________________________________________________________________________ ชื่อผลงาน : การจดั การเรียนรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) โดยใชก้ ระบวนการเรียนร้แู บบใช้ปญั หาเป็นฐาน เพอื่ พัฒนาทกั ษะการเรียนรู้เรื่อง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอลั กอริทมึ ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 1. ข้อมลู เบ้ืองตน้ ผสู้ ่งผลงาน ผ้เู สนอผลงาน : นายเมธวัจน์ ธนธรธรี ไพศาล ตำแหนง่ ครู โรงเรียนชมุ พลศึกษา ตำบลค้อใต้ อำเภอสวา่ งแดนดิน จังหวัดสกลนคร รหสั ไปรษณยี ์ 47110 ศนู ย์เครือข่ายการศกึ ษาที่ 14 สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 กลุม่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 2. ความสำคญั ของผลงานหรือนวัตกรรมทน่ี ำเสนอ 2.1 ความเป็นมาและสภาพปัญหา การสอนแบบ Active Learning คอื กระบวนการจัดการเรียนร้ทู ีผ่ ู้เรยี นทุกคนมีส่วนรว่ มในการลงมอื กระทำและใช้กระบวนการคิด โดยผ้เู รียนจะเปลีย่ นบทบาทจากผู้รับความรู้ (Receivers) ไปสกู่ ารมสี ่วนรวม ในการสร้างความรู้ (Co - creators) ในศตวรรษท่ี 21 เป็นยคุ ของข้อมลู ข่าวสารและการเปล่ียนแปลงดว้ ยความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี สารสนเทศทำใหก้ ารสื่อสารไรพ้ รมแดน การเขา้ ถึงแหลง่ ข้อมูลสามารถทำได้ทกุ ที่ทุกเวลา ผลกระทบจากยุค โลกาภิวตั น์น้ีสง่ ผลใหผ้ ู้เรยี นจำเปน็ จะตอ้ งมคี วามสามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเองอยา่ งต่อเน่ืองและเปน็ ผู้แสวงหา ความรู้อยู่ตลอดเวลา ประกอบกับปจั จุบันมีองคค์ วามรใู้ หม่เกิดข้ึนมากมายทุกวินาทีท าให้เนอื้ หาวิชามมี ากเกนิ กวา่ ที่จะเรียนรู้จากในหอ้ งเรยี นไดห้ มด ซ่ึงการสอนแบบเดิมดว้ ยการ “พดู บอก เลา่ ” ไมส่ ามารถจะพัฒนาให้ ผู้เรยี นใหน้ ำความรูท้ ไี่ ด้จากการเรยี นในชนั้ เรียนไปปฏบิ ัติได้ดี ดงั น้ัน จงึ จ าเป็นตอ้ งปรับเปลี่ยนวธิ ีการจดั การ เรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงของสังคม เทคโนโลยี และการเรยี นร้ขู องผู้เรียน จากผสู้ อนคือผู้ถ่ายทอด ปรับเปล่ียนบทบาทเปน็ ผู้ชีแ้ นะวธิ ีการคน้ ควา้ หาความรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรยี นให้สามารถแสวงหาความรู้ และประยกุ ต์ใช้ทักษะต่างๆ สรา้ งความเข้าใจด้วยตนเอง จนเกดิ เป็นการเรยี นร้อู ย่างมีความหมาย (ไพฑูรย์ สิน ลารตั น์, 2545,สมหวงั พิธยิ านวุ ัฒน์ และทศั นีย์ บญุ เติม,2545,ทิศนา แขมมณ,ี 2548,บณั ฑิต ทพิ ากร,2550) เนื่องจากทักษะการคิดเชงิ คำนวณช่วยใหม้ นษุ ย์มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวเิ คราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยในการคาดการณ์ วางแผน
2 ตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในชีวิตจริงได้อย่างมี ประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การคิดเชิงคำนวณยังเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพ และพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศให้ทดั เทียมกับนานาชาติ ทนั สมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และ ความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีที่เจรญิ กา้ วหน้าอยา่ งรวดเร็วในยคุ โลกาภิ กระบวนการเรียนรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เปน็ สถานการณ์ทมี่ เี น้ือหาสาระและกระบวนการ หรือความรู้ ที่ผู้เรียนไม่คุ้นเคยมาก่อนหากไม่ผ่านการศึกษาค้นคว้าอย่างมาก การหาคำตอบจะต้องใช้ความรู้และ ประสบการณ์ ประกอบกับความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการตัดสินใจเลือกใช้วิธีการ ดังนั้น การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง จะช่วยให้ผู้เรียน สามารถนำความรู้นั้นไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เฉกเช่นเดียวกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ ผเู้ รยี นมที ักษะในศตวรรษที่ 21 น้ัน ซงึ่ สงิ่ แรกทคี่ วรคำนงึ ถงึ คือ ผู้เรียนควรมีโอกาสในการลงมอื ทำ คน้ หาวิธีการ วางแผน และสรปุ องค์ความรู้นนั้ ๆ ได้ด้วยตนเอง มากกว่าท่จี ะสอนใหผ้ ู้เรียนไดร้ ู้ถงึ คำตอบของปัญหานนั้ ในทันที โดยไม่พยายามส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบรูปแบบหรือวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง กล่าวคือ ไม่เน้นทักษะ กระบวนการคดิ ของผู้เรียนนั่นเอง จากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนชุมพลศึกษา ที่ผู้สอนได้ทำการจัดการเรียน การสอนอยู่นั้น พบว่า นักเรียนมีปัญหาในด้านทักษะการคิดเชิงคำนวณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในบทเรียนเรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ซ่ึงเป็นเนื้อหาหลักและเนื้อหา สำคัญอย่างมากในการเรียนเพื่อเชื่อมโยงความรู้ไปใช้ในระดับชั้นเรียนที่สงู ขึ้น อีกทั้งบทเรียนดังกล่าวยังคงต้อง อาศัยความรู้พื้นฐานอย่างมากในการเรียนรู้ และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ผู้สอนคิดว่า เกิดจาก กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมายังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้นักเรียนไม่สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วย ตนเองซึ่งผลที่ตามมากค็ ือ นักเรียนไม่สามารถต่อยอดความรู้ได้ ทำให้การเรยี นในบทเรยี นตอ่ ไป เรื่อง การเขียน โปรแกรมข้นั พ้นื ฐานนัน้ เกิดความไมเ่ ข้าใจและยากลำบากในการเรยี น อกี ท้ังนกั เรยี นยงั มีเจตคติท่ีไมด่ ีตอ่ รายวิชา อีกด้วย ส่งผลต่อเนื่องให้นักเรียนไม่เปิดใจและไม่ชอบที่จะเรียนรู้หรือศึกษาค้นคว้าหาความรู้ที่เกี่ยวกับวิชา วิทยาการคำนวณ ผู้สอนจึงได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ของนักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 2.2 แนวทางการแกป้ ัญหาและพัฒนา จากความเป็นมาและสภาพปัญหาดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ครูผู้สอนจะต้องร่วมกันพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ให้ดีขึ้น สอดคล้องกับ ศศิธร พงษ์โภคา และ อุบลวรรณ ส่งเสริม (2558) ที่ได้ระบุว่า การเรียนรู้ผ่าน นวัตกรรมวิธีสอนแบบต่าง ๆ และกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมพัฒนาให้นักเรียน
3 สามารถเรียนรู้ได้ดีย่ิงขึ้นและทำให้การจดั การเรียนรู้ของครูผู้สอนนั้นบรรลตุ ามเป้าหมายหรอื จุดประสงค์ท่ีไดต้ ั้ง ไว้ได้ ผู้สอนจึงได้ศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธีการสอนในแบบตา่ ง ๆ สอดคล้องกับ ภัทราวดี มากมี (2015) ที่ได้ระบุ ว่า การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning หรือ PBL) ซึ่งเป็นรูปแบบการสอนท่ี สามารถ นำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้ของผ้เู รียนท่ดี ีมากวิธีหนึ่ง คอื ทำใหผ้ ู้เรยี นเกิดทักษะในการคิด วิเคราะห์ แก้ปญั หา และคิดอย่างสรา้ งสรรค์ ผเู้ รยี นมีส่วนรว่ มในการเรียนและได้ลงมือปฏบิ ัติมากข้ึน ยงั มีโอกาส ออกไป แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ในส่วนของผู้สอนก็ลดบทบาทของการ เป็นผู้ควบคุม ในชั้นเรียนลง กันผู้เรียนมีอำนาจในการจัดการควบคุมตนเอง สามารถหาความรู้ใหม่ได้ตามความ ประสงค์ผู้เรียน ต้องทำงานเป็นกลุ่ม กำหนดขั้นตอนการเรียนรู้เป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่ การกำหนดปัญหา, การ ระดมสมอง, การวิเคราะห์ ปัญหา, การวางแผนการศึกษาค้นคว้า, การสร้างประเด็นการเรียนรู้และประยุกต์ใช้ ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา และ การสรุปผลและรายงานผล มีบทบาทให้กำลังใจผู้เรียนในการอภิปรายและเรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์ และช่วยประธานกลุ่ม ขับเคลื่อนการอภิปรายและรักษาเวลา ให้กลุ่มได้ดำเนินการตาม วตั ถปุ ระสงค์ รวมถงึ ตรวจสอบความเข้าใจของกลมุ่ และสุดทา้ ยคือและประเมนิ การแสดงออกของสมาชกิ ในกลมุ่ 3. จุดประสงคแ์ ละเปา้ หมายของการดำเนนิ งาน 3.1 จุดประสงค์ 3.1.1 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) รหัสวิชา ว 13101 เร่อื ง การแกป้ ญั หาโดยแสดงอัลกอรทิ มึ ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 3.2.2 เพื่อสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมั่นในการทำงานท่ีดีต่อการเรียนใน รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 3.2 เปา้ หมาย 3.2.1 เชิงปริมาณ - นักเรยี นประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 7 คน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 โรงเรียน ชุมพลศึกษา อำเภอสว่างแดนดนิ จังหวัดสกลนคร ได้รับการการจดั การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม รอ้ ยละ 80 3.2.2 เชงิ คณุ ภาพ - นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ใฝ่เรียนรู้และมุ่งมั่นใน การทำงานทีด่ ีตอ่ การเรยี นในวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหัสวชิ า ว 13101
4 4. กระบวนการผลติ ผลงาน หรอื ขัน้ ตอนการดำเนินงาน 4.1 การออกแบบผลงาน/นวตั กรรม ขัน้ ตอนท่ี 1 ศึกษา/คน้ คว้า 1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรุง พุทธศักราช 2560) หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนชมุ พลศกึ ษา 2. ศกึ ษารูปแบบการจัดการเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning) และทักษะของผู้เรยี นในศตวรรษ ท่ี 21 3. ศึกษารูปแบบและวิธีการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดของกระบวนการเรียนรู้แบบใช้ ปัญหาเปน็ ฐาน (Problem-based learning หรอื PBL) ขั้นตอนที่ 2 ออกแบบและวเิ คราะห์เนื้อหา/รปู แบบ/วิธีการ 1. วเิ คราะหโ์ ครงสร้างหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 2. ออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง การแก้ปญั หา 3. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ดงั นี้ - เร่อื ง การแก้ปญั หาโดยแสดงอัลกอริทมึ - มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน และมีจริยธรรม - ตวั ช้วี ัด ว 4.2 ป.3/1 แสดงอัลกอรทิ มึ ในการทำงานหรือการแกป้ ัญหาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพ สญั ลักษณห์ รือ ขอ้ ความ - เนอื้ หา อัลกอริทมึ หรอื ผังงานเป็นการเขยี นข้ันตอนการแก้ปัญหา โดยแสดงให้เห็นแนวทางการแกป้ ัญหา ผแู้ กป้ ญั หาจะต้องทำความเข้าใจกบั ปัญหา แล้วเลอื กวธิ ีการทเี่ หมาะสมซง่ึ อาจมีหลายวธิ ี - จดุ ประสงค์ อธิบายเหตผุ ลของขนั้ ตอนการแก้ปัญหา (K) เรียงลำดับกิจกรรมได้เปน็ ขน้ั ตอน (P) ผลงานทเี่ กดิ จากการทำกจิ กรรม (S) เห็นความสำคัญในการแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นขนั้ ตอนและการทำงานเป็นกลุ่ม (A) - ช้นิ งาน/ภาระงาน ใบกิจกรรม, การนำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน ,ผลงานกล่มุ การทำขนมแพนเค้ก
5 - การวัดและประเมินผล 1.การตอบคำถามในใบกิจกรรม 2.สงั เกตทักษะการทำงานกลุ่มและผลงานที่ได้ 3.สังเกตด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ ฝเ่ รียนรู้และมงุ่ มนั่ ในการทำงานต่อวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ขน้ั ตอนที่ 3 ออกแบบและจดั ทำสอ่ื /นวัตกรรมประกอบการจดั การเรยี นรู้ 1. สร้างสอ่ื ประกอบการจัดการเรยี นการสอน (สอ่ื ทำมอื ) ใบความรเู้ รื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอรทิ ึม 2. สรา้ งกิจกรรมสถานการณจ์ ำลองปญั หา เรื่อง แพนเคก้ แสนอรอ่ ย (แพนเค้กทหี่ ายไป) เพื่อใช้ ในการวดั และประเมินผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 3. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ประกอบการจัดการเรียนการสอน เช่น กระดาษ A4 ปากกา/สีเทียน สมาร์ททีวี ภาพประกอบสีสันสวยงาม สื่อวิดีโอประกอบเรียน สื่อใบความรู้ทำมือ สื่อใบกิจกรรมสถานการณ์ จำลองทำมือ(ถ่ายเอกสารได้) การใช้วัตถุดิบของจริง เครื่องครัวจริง และมีอุปกรณ์สวมใส่ (สื่อทำมือหมวกเชฟ) ดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ รยี น โดยใชข้ องสว่ นใหญ่ทมี่ ีอยแู่ ล้วจากแต่ละบ้านนำมารวมกนั ดงั ภาพตอ่ ไปน้ี 3.1. การจัดทำส่ือประกอบการจดั การเรียนการสอนใบความรเู้ รอ่ื ง การแกป้ ญั หาโดยแสดงอลั กอริทึม (สอื่ ทำมอื )
6 2. กิจกรรมสถานการณ์จำลองปัญหา เร่อื ง แพนเค้กแสนอรอ่ ย (แพนเคก้ ที่หายไป) (สื่อทำมอื )
7
8
9 4.2 ดำเนนิ งานตามกิจกรรม จากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จน ได้มาซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพ่ือ พัฒนาทักษะการเรียนรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม กิจกรรมสถานการณ์จำลองปัญหา เรื่อง แพน เค้กแสนอร่อย (แพนเค้กที่หายไป) รวมทั้งสื่อและนวัตกรรมประกอบการจัดการเรียนการสอนตา่ ง ๆ นั้น ผู้สอน จึงได้ดำเนินงานตามกจิ กรรมดังต่อไปน้ี ท่มี า : การเรยี นรเู้ ชิงรกุ Active Learning โดย ดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ การจดั การเรยี นรู้โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) ทีม่ า : https://www.trueplookpanya.com/blog/content/77414/-teaartedu-teaart-teamet-
10 การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เพ่ือ พัฒนาทักษะการเรียนรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยดำเนิน กิจกรรมการเรยี นการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง แพนเค้กแสนอรอ่ ย (แพนเค้กทีห่ ายไป) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning : PBL) เปน็ แกนหลัก แล้วสอดแทรกการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ผสมผสานลงไปในการดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ดงั น้ี ข้ันที่ 1 กำหนดปัญหา + กระตุ้นคดิ ใหอ้ ยากเรยี นรู้ (A : Attitude = อยากรู้ อยากเรยี น อยากทำ) - การทำทา่ ทางประกอบเพลง ความเกรงใจ - การใชส้ ่อื สมารท์ ทวี ี ภาพประกอบสีสนั สวยงาม สอ่ื วดิ โี อประกอบเรยี น ส่ือใบความรทู้ ำมอื สอ่ื ใบกจิ กรรม สถานการณ์จำลองทำมือ(ถา่ ยเอกสารได)้ การใช้วตั ถุดบิ ของจริง เคร่ืองครัวจริง และมีอุปกรณ์สวมใส่ (สือ่ ทำมือ หมวกเชฟ) ดงึ ดดู ความสนใจของผู้เรยี น โดยใช้ของสว่ นใหญท่ ี่มอี ยู่แลว้ จากแตล่ ะบ้านนำมารวมกัน
11 - ผูส้ อนสร้างสถานการณ์ตา่ ง ๆ เพื่อกระต้นุ ผ้เู รียน โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ เรอื่ ง แพนเค้กแสนอรอ่ ย (แพน เคก้ ทหี่ ายไป) ท่ีให้คดิ ต่อ เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกิดความสนใจและมองเห็นปัญหา มีโอกาสเลือกเฟน้ และเสนอปญั หาที่ หลากหลาย และสามารถแบง่ กลุ่มตามความสนใจ ซ่งึ ก่อนท่ีจะกำหนดปัญหานัน้ ครผู ู้สอนได้ทดสอบความรู้ พื้นฐานของผู้เรยี นมาก่อน เพื่อใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการกำหนดปัญหา ซงึ่ ตอ้ งเหมาะสมกบั ความรพู้ นื้ ฐานทผี่ ้เู รียนมีใน เรอ่ื งการแก้ปญั หาโดยการแสดงอัลกอรทิ มึ
12 ข้ันท่ี 2 ทำความเข้าใจกบั ปัญหา + แสวงหาความรแู้ ละฝกึ ปฏบิ ตั ิ (KSA) ผสู้ อนจะกระตุ้นผู้เรียนดว้ ยคำถามหรือการเสริมแรง เพ่ือให้ผู้เรียนทำความเข้าใจกับปัญหาทอ่ี ยากรู้ โดยเนน้ ให้เกดิ การระดมสมอง เพือ่ หาแนวทางและวิธกี ารในการหาคำตอบ โดยมคี รผู สู้ อนคอยดแู ลตรวจสอบ เพื่อใหเ้ กิดความถูกตอ้ ง
13 ขัน้ ท่ี 3 ดำเนนิ การศึกษาคน้ คว้า + ลงมือปฏบิ ัติจรงิ และสะท้อนคิด (SKA) ผู้เรยี นจะตอ้ งดำเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งเปน็ ระบบร่วมกัน โดยมีการกำหนดกติกา วางเปา้ หมาย และดำเนินกจิ กรรมตามระยะเวลาท่กี ำหนด โดยมีครูผู้สอนคอยให้คำช้ีแนะและอำนวยความสะดวก
14 ขนั้ ท่ี 4 สังเคราะหค์ วามรู้ + ส่อื สารผลการปฏบิ ัติ (ASK) ผเู้ รยี นแตล่ ะคนสงั เคราะห์ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการคน้ ควา้ โดยมีการนำเสนอกนั ภายในกล่มุ เพอื่ หาข้อสรปุ ทบทวนและตรวจสอบความถูกต้อง โดยมีครผู ู้สอนถามคำถามโดยกระต้นุ ใหผ้ เู้ รยี นมีการแลกเปลี่ยนความ คดิ เห็นและเกิดความคดิ รวบยอด
15 ขนั้ ท่ี 5 สรุปและประเมินค่าของคำตอบ + ปรบั ประยุกต์ใช้ความรแู้ ละเผยแพร่ (KSA) ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำขอ้ สรุปท่ีได้มาสร้างเปน็ องค์ความรใู้ หม่ และเลือกวธิ ีทจ่ี ะนำเสนอสู่ภายนอก โดย ผา่ นความเหน็ ชอบจากครผู ้สู อนในการตรวจสอบความถูกต้อง และความเหมาะสมในการนำเสนอ โดยผ้เู รยี นได้ สตู รและข้นั ตอนการทำแพนเค้กแบบใหมใ่ นรปู แบบของกลุ่มตัวเอง
16 ข้นั ท่ี 6 นำเสนอและประเมินผลงาน + ปรบั ประยุกตใ์ ช้ความรแู้ ละเผยแพร่ (KSA) ผ้เู รยี นแตล่ ะกลมุ่ นำองค์ความรทู้ ีไ่ ด้ไปนำเสนอตามวธิ กี ารที่ได้กำหนดไว้ เพ่ือเผยแพร่ออกสู่ สาธารณะ โดยครผู ูส้ อนประเมนิ ผลการเรยี นร้จู ากการดำเนินงานของผเู้ รยี นตามสภาพจริง
17 4.2 การประเมลิ ผลจากกิจกรรม ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การสอบถาม ใบ กิจกรรม การประเมินจากชิ้นงานหรือผลงาน โดยให้ผู้เรียนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง และประเมินผลงานของตนเองพรอ้ มท้ังประเมนิ ผลงานของผู้เรยี นกลมุ่ อนื่ ครูผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปและอภิปรายผลการดำเนินกิจกรรม พร้อมทั้งเชื่อมโยงความรู้ไปยัง สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้เรียนเห็นถึงความสำคัญของการนำความรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดย แสดงอลั กอรทิ มึ ไปปรับใชแ้ ละสรา้ งองค์ความรูใ้ หม่ทย่ี ่งั ยืนต่อไป
18 4.3 ประสทิ ธิภาพของการดำเนินงาน การจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรยี นรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน เพ่ือพฒั นาทกั ษะการเรยี นร้เู ร่อื ง การแก้ปัญหาโดยแสดงอลั กอริทึม ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้สอนได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบ พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น สนใจในเนื้อหาความรู้เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม และมีความชื่นชอบสื่อการสอนทำมือ และส่ือ อุปกรณ์การทำแพนเค้ก เครื่องครัวของจริง อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงความรู้จากสถานการณ์ที่ผู้สอนสร้างขึ้นสู่ เรื่องราวทีอ่ าจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้อกี ด้วย ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวนี้ ผู้เรียนให้ความรว่ มมือ ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (วัดและประเมินผลจากการ สังเกตและตรวจสอบชิ้นงาน) มีการแบ่งหน้าที่การทำงานภายในกลุ่ม มีการวางกติการการทำงานร่วมกันโดยใช้ หลักการทำงานเป็นทีม คือ มีผู้นำและผู้ตามในแต่ละเรื่องหรือสถานการณ์ที่แตกต่างกัน สามารถสร้างสรรค์ ผลงานและสรุปความรรู้ วบยอด เรื่อง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอัลกอรึทีม โดยอธบิ ายและตอบคำถามครูผู้สอนได้ อยา่ งถูกตอ้ งและสอดคล้องกับเนอื้ หาความรทู้ ่ีไดเ้ รยี นไป ทั้งนี้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) นั้นเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างมากต่อครูผู้สอนในด้านการ พฒั นาศกั ยภาพของตนเอง ไม่วา่ จะเป็นเรื่องเทคนิคการสอนที่แตกต่าง การวดั และการประเมนิ ผลที่หลากหลาย โดยใช้ศักยภาพของผู้เรียนเป็นเกณฑ์ และได้ตั้งใจไว้ว่า ผู้เรียนจะต้องเกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ อย่างเต็ม ความสามารถของตน ซึ่งผู้สอนได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวอย่างสุดความสามารถ ทำให้ผลที่เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนนั้น ทั้งด้านการคิดเชิงคำนวณ ด้านการทำงานเป็นทีม ด้านความสามารถในการค้นคว้าและวางแผนการ ดำเนนิ งาน ไดพ้ ฒั นาไปในทางทีด่ ีขึ้น และเชอ่ื วา่ จะสง่ ผลตอ่ การพฒั นาตนเองของผู้เรียนในศาสตร์อ่ืน ๆ ตอ่ ไป และผู้สอนได้จัดทำแผนผังเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) ไว้ดังต่อไปน้ี
19 4.4 การใช้ทรัพยากร การนำเทคนิคและวิธีการจดั การเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) มาใช้ในการจัดกิจกรรมภายใต้การใช้ กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) นั้น เกิดจากการท่ีผู้สอนได้เข้า ร่วมและผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สกลนคร เขต 2 ที่ได้จัดขึ้น ผู้สอนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ข้อดีและจุดที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ซึ่งทั้งนี้ จะ ส่งผลแก่ผู้เรียนโดยตรงในด้านการเรียนรู้เป็นอย่างมาก นั่นคือ ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้และสามารถนำ ความรู้ที่มีนั้นมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ อีกทั้งยังสามารถบอกต่อความรู้ดังกล่าวได้อีก ด้วย ทั้งนี้ การจัดการเรียนการสอนของผู้สอนได้ใช้ทรัพยากรที่มีในสถานศึกษาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เช่น ห้องเรียนที่มีสมาร์ททีวีหรือสื่อกระจายภาพและเสียง สัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย วัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัว มากมาย ไม่ว่าจะเปน็ กระดาษ ปากกา สีเทยี น เครือ่ งเขยี นต่าง ๆ ที่ทางโรงเรียนได้ทำกับจัดซื้อให้แก่ผู้เรียนทุก คนตามนโยบายแล้วนั้น การสร้างสื่อหรือนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสื่อทำมือ (สื่อที่จับต้องได้ ทำจากวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องเขียนต่าง ๆ) และสื่อออนไลน์ (Online) โดยใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น Youtube , Facebook , Canva และแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกมากมายจาก Google เป็นต้น ผู้สอนยังจัดทำขึ้นภายใต้การใช้ สิ่งของและทรัพยากรต่าง ๆ บนพื้นฐานของความมีเหตุผล (มีเหตุผลในการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม) ความ พอประมาณ (เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างพอประมาณตามที่มีอยู่ ไม่จัดหาวัสดุที่ไกลตัว ไม่มีในท้องถิ่นและหาได้ ยากจนเกินไป) เน้นวัสดุและอุปกรณ์ท่คี รแู ละนักเรียนมีจากบา้ นของแต่ละคนนำมารวมกนั และรวมถึงทรัพยากร บุคคล คือ ผู้เรียน หากผู้เรียนสามารถเรียนรู้และเข้าใจจนตกผลึกความรู้นั้น ๆ ได้อย่างดี ก็จะถือว่าทรัพยากร บุคคลดังกล่าวเป็นสื่อการสอน และสามารถสอนเพื่อน สอนน้อง สอนผู้ปกครอง สอนคนอื่น ๆ ต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้สอนยังได้นำผลงานของผูเ้ รยี นในระดับชัน้ ดงั กล่าว เก็บรักษาเพื่อเป็นผลงานตวั อยา่ งและส่งต่อเพอ่ื ใชเ้ ปน็ ส่ือและนวัตกรรมประกอบการจดั การเรยี นการสอนในปีตอ่ ๆ ไปอกี ดว้ ย 5. ผลการดำเนนิ การ/ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั 5.1 ผลที่เกิดตามจดุ ประสงค์ 1. เพอ่ื พัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนรายวชิ า วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 13101 เรอื่ ง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอลั กอริทมึ ของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 จากเป้าหมายที่กําหนดไว้ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 13101 เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ปรากฏผลดงั ตารางที่ 1 ตาราง 1 ผลการประเมินผลงานกลุ่ม รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 13101 เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดงอัลกอริทึม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมพล ศกึ ษา จำนวนท้งั หมด 7 คน
20 เลขท่ี ชื่อ-สกุล แบบประเมนิ ผลงานกลุม่ 1 เด็กชายณฐพร สขุ ษาเกษ ระดบั คุณภาพ 2 เดก็ ชายภาคิน พร้อมใจ ดมี าก 3 เดก็ ชายรพภี ทั ร ทองกลำ่ ดมี าก 4 เดก็ ชายหน่งึ ตะวัน แพงอะมะ ดมี าก 5 เด็กชายธารารนิ ทร์ เสมอภัค ดมี าก 6 เดก็ ชายพมิ ุกต์ญาดา บญุ นำ ดมี าก 7 เดก็ ชายรัษฎา ไชยวเิ ศษ ดมี าก รวม ดมี าก ร้อยละ ผ่าน 100 จากตาราง 1 พบว่าการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) นั้น ผู้เรียนมีการ พัฒนาอย่างมากโดยวัดและประเมินผลจากการประเมินผลจากชิ้นงานหรือผลงานกลุ่ม ผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนสงู ขึ้น ระดบั คุณภาพ ดีมาก สรุป นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนชุม พลศึกษา อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ได้รับการการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้แบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการเรยี นรเู้ รอ่ื ง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอลั กอรทิ มึ มี ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสูงขนึ้ รอ้ ยละ 100 ซึ่งสูงกวา่ เกณฑ์ 80/80 จากเป้าหมายทก่ี ําหนดไว้ 2. เพ่ือสรา้ งคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ใฝ่เรียนร้แู ละม่งุ มั่นในการทำงานต่อการเรยี นในรายวิชา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) จากเปา้ หมายทก่ี ําหนดไว้ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการต่อการเรยี นในรายวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ปรากฏผลดา้ นคุณภาพ ดังตารางที่ 2 ตาราง 2 การประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมั่นในการทำงาน ตอ่ การเรียน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 13101 เรื่อง การแก้ปัญหาโดยแสดง อัลกอริทึม ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ โรงเรยี นชมุ พลศกึ ษา จำนวน 7 คน
21 เลขที่ ชื่อ-สกุล คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน ระดับคุณภาพ ระดบั คุณภาพ 1 เด็กชายณฐพร สุขษาเกษ ดมี าก ดีมาก 2 เด็กชายภาคนิ พร้อมใจ ดีมาก ดีมาก 3 เด็กชายรพีภัทร ทองกล่ำ ดีมาก ดีมาก 4 เดก็ ชายหนงึ่ ตะวนั แพงอะมะ ดีมาก ดีมาก 5 เด็กชายธารารินทร์ เสมอภัค ดีมาก ดีมาก 6 เด็กชายพมิ ุกตญ์ าดา บญุ นำ ดมี าก ดีมาก 7 เดก็ ชายรัษฎา ไชยวเิ ศษ ดมี าก ดีมาก รวม ผา่ น ผ่าน รอ้ ยละ 100 100 จากตาราง 2 พบว่า นกั เรยี นจาํ นวน 7 คน มคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงคใ์ ฝ่เรยี นรู้ ระดับคณุ ภาพ เท่ากบั ดีเย่ียม คดิ เป็นร้อยละ 100 และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ระดบั คุณภาพ เท่ากับ ดีมาก คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 สรุป นกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 มคี ุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ใฝเ่ รยี นร้แู ละมงุ่ มน่ั ในการทำงานต่อ การเรยี นในรายวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 13101 เรื่อง การแกป้ ัญหาโดย แสดงอัลกอริทมึ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 3 สรุปผลการประเมิน ผา่ น รอ้ ยละ 100 ซงึ่ สงู กวา่ เกณฑ์ 80/80 จาก เป้าหมายที่กําหนดไว้ 5.2 ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ 1. ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม คือ มีความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเป็น มี การสื่อสารซึ่งกันและกันที่ดี มีความเต็มใจร่วมมือกัน มีวิจารณญาณในการเลือกใช้วิธีการในการวางแผนการ แกป้ ญั หา และมีความใส่ใจในนวัตกรรมตา่ ง ๆ เปน็ อย่างดี 2. ผเู้ รียนมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 13101 เรือ่ ง การแกป้ ัญหาโดยแสดงอัลกอรทิ ึม สงู ข้ึนในระดบั การผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 3. ผู้เรยี นมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อการเรียนรู้วชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 4. ผู้เรียนรู้จักการใช้ส่ือและเทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชนต์ ่อการศึกษามาก ขึ้น รวมถึงการใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชนอ์ ีกดว้ ย 5. ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในด้านของการทำงาน คือ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน และมคี วามใฝร่ มู้ ากขึน้
22 6. ครูผู้สอนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองด้วยการแสวงหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ออกแบบ เทคนิคและวิธกี ารจัดการเรยี นการสอนในรปู แบบตา่ ง ๆ อีกทง้ั ยงั สามารถสร้างส่ือและนวตั กรรมท่ีเป็นประโยชน์ ต่อการศกึ ษาอกี ดว้ ย 7. โรงเรยี นเปน็ ท่ยี อมรบั ของชุมชนและหน่วยงานภายนอก 6. ปจั จยั ความสำเรจ็ 6.1 ส่ิงท่ีช่วยใหง้ านประสบความสำเรจ็ 1. ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาให้การสนบั สนนุ ในดา้ นงบประมาณ (โครงการที่เก่ยี วขอ้ ง) วัสดุ อุปกรณ์ สถานทที่ เี่ ออื้ อำนวย เวลา ขวัญกำลังใจแกผ่ ู้เรียนและครูผู้สอน 2. ผู้บริหารสถานศึกษาคอยให้คำแนะนำ ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาครู และพฒั นาผเู้ รียน 3. ครูผู้สอนให้ความสนใจแก่ผู้เรียนอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมผู้เรียนในด้านการเรียนรู้เพื่อ นำไปสคู่ วามสำเร็จ 4. ผู้เรยี นตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน การพัฒนาตนเองในด้านวิชาการและ การให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลายตามกระบวนการท่ี ครผู สู้ อนไดว้ างแผนและจัดทำขึ้น 7. บทเรียนที่ได้รับ ปรับปรงุ คณุ ภาพมุ่งพัฒนาต่อไป 7.1 ขอ้ เสนอแนะในการนำผลงานไปใช้ การจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการ เรียนรู้ใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) นั้น เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ของทั้งสองเทคนิค ซึ่งเป็นเทคนิคและวิธีการสอนที่สำคัญและเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการสอนในรายวิชา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หรือรายวชิ าทเ่ี นน้ ทักษะกระบวนการคิด การคดิ อย่างมีระบบและเปน็ ข้นั ตอน อาทิ เช่น กระบวนการเรียนรูแ้ บบใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นการจัดกลุ่มผู้เรียนที่เป็นการสอนผู้เรียนทางอ้อมในเร่ืองของ การช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกัน ทงั้ น้ี ทำใหไ้ มม่ ีการท้งิ ผเู้ รยี นทีป่ านกลางและออ่ นไวข้ ้างหลงั แตเ่ ป็นการนำพาผู้เรียน ทุกคนเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เรียนรู้ไปด้วยกันในแบบวธิ ีการทำงานเป็นทีม โดยผู้สอนต้องเปิดใจรบั ฟังเสียงของ ผู้เรียน เพ่อื ใหร้ ู้จกั และเขา้ ใจผู้เรียนมากยง่ิ ข้ึน นอกจากนี้การจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) นั้น สามารถช่วยสร้างและกระตุ้น ความสนใจของผู้เรียนให้อยู่กับเนื้อหารายวิชานั้น ๆ ได้อย่างดี ทั้งนี้ ผู้เรียนจะสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วย
23 ตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การนำความรู้ไปใช้ได้อย่างหลากหลาย หรือในขั้นตอนการปรับประยุกต์ใช้ความรู้ในการ แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวนั ของผเู้ รยี นเองอกี ด้วย 7.2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นาผลงานครัง้ ต่อไป ควรมีการพัฒนาผลงานเกี่ยวกับผลของการใช้แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) ประกอบกิจกรรมอื่นที่สอดคล้อง เช่อื มโยงกับตวั แปรดา้ นสมรรถนะของนักเรียน หรอื คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เช่น ความสามารถในการคดิ การ ใช้ทักษะชีวิต การมีจิตสาธารณะ และการอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียน เพื่อการนำไปปรับประยุกต์ใช้และการ วัดและประเมนิ ผลที่หลากหลาย 8. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลท่ีไดร้ บั 8.1 การเผยแพร่ - จัดทำรายงานผลการปฏบิ ตั ิที่ดี (Best Practice) ตอ่ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา - เผยแพร่การจดั การเรยี นรู้ตอ่ เพ่อื นร่วมงานและผเู้ รียนภายในสถานศกึ ษา - เผยแพรท่ างส่อื ออนไลน์ ในแพลตฟอรม์ Facebook ผา่ น Facebook page : ห้องเรียนครปู อ๊ ป : ส่ือการสอนประถมศึกษา ทอ่ี ย่เู ว็บไซต์ : https://web.facebook.com/teacherpopclassroom Scan QR CODE
24 8.2 การได้รับการยอมรบั /รางวลั ทไ่ี ด้รบั - ได้รับรางวลั ประเภท ครูผู้ใชส้ อ่ื เทคโนโลยี ระบบ OBEC Content Center ผลงานระดับ ดีมาก ในการส่งผลงานเข้าร่วมการคัดเลือกผลงานที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) โครงการ ขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ด้วยสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2565 สำนักงาน เขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 2 กลุ่มพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ประจำเขตตรวจราชการที่ 11 ตามหนังสือ เลขท่ี ศธ 04060/ว3254 ลงวันท่ี 9 กนั ยายน 2565
25 ภาพเอกสารประกาศรายช่อื ผู้ไดร้ ับรางวลั ในการประกวดดงั กลา่ ว
26 ท่มี าของข้อมลู : หนงั สอื เลขท่ี ศธ 04060/ว3254 ลงวนั ที่ 9 กนั ยายน 2565
27 9. การรับรองผลงานการจดั การเรยี นการสอนดว้ ย Active Learning ครแู กนนำโครงการพฒั นากระบวนการจดั การเรยี นรู้ Active Learning ตัวแทนศนู ยเ์ ครือข่ายการศึกษาท่ี 14 สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 2
28 ภาพเอกสารประกาศรายช่อื ครแู กนนำผ้ไู ดเ้ ข้ารบั การอบรมดงั กลา่ ว
29 ท่มี าของข้อมลู : หนงั สอื เลขท่ี ศธ 04143/2176 ลงวนั ที่ 1 กนั ยายน 2565
ภาคผนวก
การเผยแพรผ่ ลงานในรูปแบบ คลปิ การสอน การจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) + วิธีการสอนแบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (PBL) ลงิ ก์ : https://fb.watch/fLbCacOdLC/ สแกน เพือ่ รับชมคลปิ การสอน Active learning
การเผยแพร่ผลงาน ในรูปแบบ e-book
การจดั การเรียนรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน เพ่ือพฒั นาทกั ษะการเรียนรูเ้ รอ่ื ง การแก้ปญั หาโดยแสดงอัลกอริทมึ ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3
แบบประเมินกิจกรรมการทำงานกลมุ่ คำชี้แจง ให้คนแนนและทำเคร่อื งหมาย ✓ลงในช่องระดบั คะแนนใหต้ รงกบั พฤตกิ รรมของนักเรียนตามความจริง ที่ ชื่อ-สกลุ การแสดง การ การทำงาน รวม ระ ผ่าน ไม่ ผา่ น ความคดิ เห็น ยอมรบั ฟัง ตามที่ 9 ดบั ความ ไดร้ บั คะ คณุ ภาพ คิดเหน็ มอบหมาย แนน 3 2 13213 21 1 เด็กชายณฐพร สขุ ษาเกษ 2 เด็กชายภาคิน พร้อมใจ 3 เด็กชายรพีภทั ร ทองกลำ่ 4 เดก็ ชายหนงึ่ ตะวัน แพงอะมะ 5 เด็กชายธารารินทร์ เสมอภคั 6 เดก็ ชายพิมุกต์ญาดา บญุ นำ 7 เด็กชายรัษฎา ไชยวเิ ศษ ลงชอื่ …………………………………………..ครูผสู้ อน (นายเมธวัจน์ ธนธรธีรไพศาล) เกณฑก์ ารประเมนิ กิจกรรมการทำงานกลมุ่ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ = ดมี าก ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั = ดี ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ = ปรับปรงุ ให้ 1 คะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 7 – 9 ดมี าก 5 – 6 ดี 3 – 4 พอใช้ 0 - 2 ปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ นการประเมิน : ระดับดี
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 13101 เรือ่ ง การแกป้ ญั หาโดยการแสดงอัลกอรทิ ึม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ คำช้แี จง ทำเคร่ืองหมาย ✓ลงในชอ่ งระดบั คะแนนใหต้ รงกับพฤติกรรมของนักเรียนตามความจริง คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ท่ี ชอื่ -สกุล ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการทำงาน 1 เดก็ ชายณฐพร สขุ ษาเกษ 3 21 0 ผ่าน ไม่ 3 2 1 0 ผา่ น ไม่ 2 เดก็ ชายภาคิน พร้อมใจ ผา่ น ผา่ น 3 เด็กชายรพีภัทร ทองกล่ำ 4 เดก็ ชายหน่ึงตะวัน แพงอะมะ 5 เด็กชายธารารินทร์ เสมอภคั 6 เด็กชายพมิ ุกตญ์ าดา บุญนำ 7 เดก็ ชายรัษฎา ไชยวเิ ศษ ลงชือ่ …………………………………………..ครผู ู้สอน (นายเมธวัจน์ ธนธรธรี ไพศาล)
เกณฑก์ ารประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้และมุ่งมั่นในการทำงาน พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยีย่ ม (3) 1. ใฝเ่ รียนรู้ ไมต่ ้ังใจเรยี น เข้าเรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา ตง้ั ใจ ไม่ศึกษาค้นคว้าหา ตงั้ ใจเรยี น เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ เรียน เอาใจใส่ในการ ความรู้ ในการเรยี น และมี ในการเรยี น และมี เรยี น และมสี ่วนร่วมใน สว่ นร่วมในการ ส่วนรว่ มในการ การเรยี นรู้ และเข้าร่วม เรียนรู้ และเข้ารว่ ม เรียนรู้ และเข้าร่วม กจิ กรรมการเรียนรู้ต่างๆ กจิ กรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ทัง้ ภายในและภายนอก ตา่ งๆ เป็นบางครั้ง ตา่ งๆ บอ่ ยครงั้ โรงเรียนเป็นประจำ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ยีย่ ม (3) 2. มุ่งมัน่ ในการ ไม่ตัง้ ใจปฏิบตั ิหน้าท่ี ตงั้ ใจและรับผิดชอบ ตงั้ ใจและรบั ผิดชอบ ตง้ั ใจและรับผิดชอบใน ทำงาน การงาน ในการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ท่ี ในการปฏิบตั ิหน้าท่ี การปฏิบัตหิ นา้ ท่ที ่ีได้รับ ไดร้ บั มอบหมายให้ ที่ได้รบั มอบหมายให้ มอบหมายให้สำเร็จ มี สำเรจ็ สำเร็จ มีการ การปรบั ปรงุ และ ปรบั ปรงุ และ พฒั นาการทำงานให้ดี พฒั นาการทำงานให้ ข้ึนภายในเวลาทกี่ ำหนด ดขี ้ึน ระดบั คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 3 ดมี าก 2 ดี 1 0 พอใช้ ปรับปรงุ เกณฑ์การผ่านการประเมิน : ระดับดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: