Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการวัยรุ่น

พัฒนาการวัยรุ่น

Published by Sareeyah Dorloh, 2021-03-23 04:15:58

Description: development

Search

Read the Text Version

Relationship Conflicts at Home  สัมพนั ธภาพระหว่างบดิ า-มารดากบั วัยรุ่นอาจไม่ราบร่ืน ส่วนใหญ่ปัญหา เกดิ จากบุตรต้องการความเป็ นอสิ ระ ซ่งึ ขดั แย้งกับการควบคุมของบดิ า มารดา โดยขนึ้ กบั ปัจจยั ต่างๆ เช่น อายุ เพศ และวฒั นธรรม  ช่วงท่มี คี วามขัดแย้งมากท่สี ุดระหว่างบดิ า-มารดากับวัยรุ่น คือช่วงวยั รุ่น ตอนต้น โดยเฉพาะส่วนใหญ่จะเป็ นความขดั แย้งระหว่างมารดากบั บุตร วยั รุ่นหญิง ซ่งึ ส่วนใหญ่จะเป็ นเร่ืองงานบ้านต่างๆ แต่โดยท่ัวไป วยั รุ่นจะ สามารถปรับตวั กับความขัดแย้งได้เม่อื อายุ 18 ปี โดยมีการเพ่มิ วุฒภิ าวะ ทางด้านอารมณ์ และลดภาวะการเอาตนเองเป็ นศูนย์กลาง (Egocentrism)  ในหลายชนชาติ ธรรมเนียมปฏบิ ัตใิ นครอบครัว และความไม่ลงรอยกนั ระหว่างบดิ ามารดา-บุตร ตัวอย่างของการแสดงบทบาท ได้รับอทิ ธพิ ลจาก บดิ ามารดา และพ่นี ้อง เช่น ถ้าพ่เี ป็ นคนก้าวร้าว หรือใช้ยาเสพตดิ น้องท่มี ี อายุน้อยกว่ากจ็ ะเลยี นแบบตวั อย่างมากกว่าท่จี ะเรียนรู้ว่ามันเป็ นส่งิ ท่ไี ม่ดี

Closeness with the Family ความใกลช้ ิดสมั พนั ธภาพระหว่างบดิ า-มารดาและบตุ ร มี 4 ดา้ น คอื Communication : การท่บี ดิ ามารดา มีการ ตดิ ต่อสอ่ื สารกนั แบบเปิดเผยกบั บตุ ร Support : บดิ ามารดาใหก้ ารสนบั สนุนบตุ รในดา้ นต่างๆ Connectedness : อารมณ์ท่แี สดงออกถงึ ความ ใกลช้ ิดตอ่ กนั Control : บดิ ามารดาจากดั ในการดูแลตนเองของบตุ ร

การดูแลของบดิ ามารดา ตอ้ งมสี มั พนั ธภาพอบอนุ่ มี การการสนบั สนุน ซ่ึงจะช่วยสรา้ งความมนั่ ใจใหก้ บั บตุ ร บดิ ามารดาท่เี ขม้ งวดและควบคมุ บตุ รมากเกนิ ไป จะ สมั พนั ธไ์ ปกบั อาการซมึ เศรา้ และความผดิ ปกติอน่ื ๆ วยั รุ่นตอ้ งการอสิ ระภาพพรอ้ มๆกนั ไปกบั การยอมรบั วา่ ตนเองมีความสามารถและเป็ นท่รี กั ของบดิ ามารดา

Ongoing Influence  บดิ ามารดายงั คงมีอทิ ธิพลต่อบตุ รวยั รุน่ ถงึ แมว้ ่าบตุ รวยั รุน่ จะ แสดงความทา้ ทายหรอื พฤติกรรมท่ไี ม่เหมาะสมกต็ าม ยนี ส,์ วฒุ ิ ภาวะ และสมั พนั ธภาพ กม็ ีผลต่อบคุ ลกิ ภาพและพฤติกรรมตา่ งๆ เช่นกนั วยั รุน่ มแี นวโนม้ ท่จี ะเลยี นแบบบดิ ามารดาในกจิ กรรม หลายดา้ น เช่น ดา้ นการนบั ถอื ศาสนา การสนใจดา้ นกฬี า การ เสพยา ฯลฯ Peer Support  บดิ ามารดาจะมอี ทิ ธพิ ลโดยตรงในวยั เดก็ และช่วงตน้ ของการเขา้ สูว่ ยั รุน่ หลงั จากน้นั เพอ่ื นจะเขา้ มามีอทิ ธพิ ลมากข้ึน เน่ืองจาก เพอ่ื นจะนาความสขุ เบกิ บานมาให้

Cliques and Crowds วัยรุ่นจะสร้าง Cliques and Crowds ซ่งึ จะเป็ นตวั ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยเดก็ และวัยรุ่น ลักษณะของ Cliques Clique จะเป็ นกลุ่มเพ่อื นสนิทท่มี เี พศ และอายุ ใกล้เคยี งกันตงั้ แต่ 2-12 คน (ปกตจิ ะมี 5-6 คน) Clique จะมีกิจกรรมท่วั ไปร่วมกนั ซ่งึ เป็ น กิจกรรมง่ายๆ ตรงไปตรงมา วยั รุ่นหญงิ จะชอบรวมกลุ่มแบบ Clique ส่วน วยั รุ่นชายมักชอบอยู่ตามลาพงั

ลกั ษณะของ Crowds Crowds เป็ นกลุ่มใหญ่ และเป็ นท่รี วมของกลุ่ม Cliques หลายกลุ่ม สัมพนั ธภาพของสมาชกิ ในกลุ่ม Crowds จะตงั้ อยู่บน พนื้ ฐานของช่ือเสยี ง ทศั นคตแิ ละกฎเกณฑ์ท่ชี ัดเจน Crowds จะเป็ นการรวมกลุ่มใหญ่ของวยั รุ่น ท่มี ีความ สนใจในเร่ืองหน่ึงเร่ืองใดร่วมกนั ซ่งึ ไม่จาเป็ นว่าจะต้อง เป็ นเพ่อื นกัน ทงั้ Cliques and Crowds ต้องการทงั้ การควบคุมและ การสนับสนุนทางสังคม

Choosing Friends เพ่อื นเป็ นบุคคลท่สี าคัญมากสาหรับวยั รุ่น ผู้ใหญ่จงึ มกั ตระหนักด้าน Peer pressure ท่อี าจเกดิ ขึน้ ได้ใน วัยรุ่น โดยจะเป็ นความกดดันด้านสงั คม เพ่อื นสาหรับวัยรุ่น จะคอยส่งเสริมให้เกดิ พฤตกิ รรม ท่เี ป็ นความต้องการทางสังคม โดยสมาชกิ ของ Cliques and Crowds จะสนับสนุนซ่งึ กันและกนั ใน ด้านการรวมกลุ่มด้านกีฬา การรวมกลุ่มศึกษาเพ่ือ การสอบ การหลีกเล่ียงการสูบบุหร่ี และการสมัครเข้า ศึกษาต่อ

ผลกระทบของเพอ่ื น มี 2 ปจั จยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง คอื การคดั เลอื ก (Selection) และ การสนบั สนุน (Facilitation)  วยั รนุ่ จะเลอื กเพอ่ื นท่มี ีคณุ ค่า และสนใจในสง่ิ รว่ มกนั และจะไม่คบเพอ่ื นทมี ี ความคดิ เหน็ ท่แี ตกตา่ งกนั โดยผ่านการทดสอบเก่ยี วกบั ความลบั เงนิ และดา้ น ต่างๆก่อนท่จี ะคบหากนั เป็นเพอ่ื น สมั พนั ธภาพความเป็นเพอ่ื นจะค่อยๆลดลง ถา้ วะยรุ่นรูส้ กึ ว่าถกู หกั หลงั แต่การเลอื กคบเพอ่ื นจะยงั คงดาเนินต่อเน่ืองไป  การสนบั สนุนเพอ่ื นจะเป็นเหตกุ ารณ์ท่เี ป็นไปในทางพฤตกิ รรมท่สี รา้ งสรร และ การทาลาย ซ่งึ จรงิ ๆแลว้ การคดั เลอื กและการสนบั สนุนสามารถทางานไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั ได้ เช่น วยั รุ่นเขา้ รว่ มกลมุ่ Clique ท่สี มาชิกของกลมุ่ สูบ บหุ ร่แี ละด่มื เบยี ร์ แต่วยั รุ่นคนน้ีสามารถท่จี ะทากจิ กรรมน้ีเม่ือมงี านเล้ยี งสงั สรร เทา่ น้นั หรอื กรณีการเลอื กเพอ่ื นท่มี คี วามสนใจดา้ นคณิตศาสตร์ และทกุ คนก็ ตดั สนิ ใจท่จี ะสมคั รเรยี นแคลคูลสั

Friends of Both Sexes  สมั พนั ธภาพท่ใี กลช้ ิดจะช่วยใหว้ ยั รุน่ สรา้ งเอกลกั ษณ์ของตนเอง และ ประสานงานไดด้ ีกบั กลมุ่ Cliques and Crowds การ ขดั ขวางสมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื น ซ่ึงไม่เก่ยี วขอ้ งทางดา้ นเพศอาจเป็น สาเหตขุ องความรษิ ยาและภาวะซมึ เศรา้ วยั รุน่ จะไวว้ างใจเพอ่ื นมากกว่า คู่นอน สมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื นจะดาเนินไดน้ านปี แตส่ มั พนั ธภาพ ทางดา้ นเพศจะจะดาเนินเพยี งระยะเวลาสน้ั ๆเทา่ น้นั เพอ่ื นทง้ั สองเพศจะมีความสาคญั ตอ่ วยั รุน่

Sexuality โดยธรรมชาตขิ องมนุษยส์ รา้ งใหว้ ยั รนุ่ มีแรงกระตนุ้ ทางเพศ สูง การรูส้ กึ มีความพงึ พอใจทางเพศครง้ั แรกจะเร่มิ ปรากฎใน ระดบั มธั ยมปลาย (High school) และเพอ่ื นสนิทท่ี คบกนั จะเป็นปจั จยั เก้อื หนุนทางดา้ นอารมณ์ การเลกิ คบกนั ถอื เป็นเร่อื งปกตทิ ่เี กดิ ข้ึนได้  ในปจั จุบนั บดิ ามารดาและสงั คม มคี วามกงั วลเก่ยี วกบั สมั พนั ธภาพทางเพศของวยั ร่นุ มีการใหค้ วามรูแ้ กว่ ยั รนุ่ ซ่งึ เป็นวธิ ที ่ใี ชม้ ากท่สี ดุ ในการควบคมุ การมีเพศสมั พนั ธข์ อง วยั รนุ่ ผ่านทางโรงเรยี นและสอ่ื ต่างๆ

Peers พฤตกิ รรมดา้ นเพศของวยั รนุ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลอยา่ งมาก จากตวั อยา่ งพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ่ อน่ื ๆ วยั รุน่ สว่ นใหญจ่ ะมกี ารพดู คยุ เร่อื งเพศและความรกั ในกลมุ่ เพ่อื นสนิท (Clique) การคาดหวงั ดา้ นพฤติกรรม ทางเพศไดร้ บั การเหน็ ดว้ ยจากกลมุ่ เพอ่ื น บ่อยครง้ั ท่ี วยั รุน่ ชายจะพดู โออ้ วด สว่ นวยั รุน่ หญงิ จะรูส้ กึ วิตก กงั วลเก่ยี วกบั กติ ตศิ พั ทท์ ่ไี ดร้ บั โดยเฉพาะจากเพอ่ื นๆ

Parents บดิ ามารดามีบทบาทสาคญั ในการตดั สนิ ใจเร่อื งเพศของวยั รุน่ ไม่ ว่าจะเป็นทง้ั ดา้ นการควบคุม รูปแบบ และคาพดู ต่างๆ และวยั รุน่ คดิ วา่ บดิ ามารดาเป็นผูใ้ หข้ อ้ มลู ท่ดี ี  มารดาส่วนใหญ่ (72%)ในสหรัฐอเมริกาถกู รายงานว่าได้คุยเร่ืองเพศให้ลูกท่เี ป็ นวัยรุ่น แต่มี วยั รุ่นเพียง 45% ท่เี หน็ ด้วย โดยบิดามารดามักจะ พูดกับบุตรสาวมากกว่าบุตรชาย

Sex education in School บิดามารดาสว่ นใหญต่ อ้ งการใหโ้ รงเรยี นสอนเก่ยี วกบั เรอ่ื งเพศศึกษา สาหรบั นกั เรยี นวยั รนุ่ 5 ประการ คือ การรูจ้ กั ป้ องกนั ตวั เองในการใชส้ ง่ิ ป้ องกนั เช่น การสวมถงุ ยาง อนามยั การเลอื กคูน่ อนท่ไี มม่ โี รคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ การรูจ้ กั วธิ ีป้ องกนั โดยวธิ ีอน่ื ถา้ การป้ องกนั ท่เี ราใชไ้ มม่ ี ประสทิ ธภิ าพ การรูท้ นั ถงึ ผลลพั ธท์ ่จี ะตามมาหลงั จากการมีเพศสมั พนั ธ์ การรูว้ า่ ผลลพั ธท์ ่จี ะตามมาหลงั จากการมเี พศสมั พนั ธท์ ่ผี ิดพลาด

Sexual Behavior อตั ราการมเี พศสมั พนั ธใ์ นวยั รนุ่ จะแตกต่างกนั ในแต่ละชาติ ใน ประเทศสหรฐั อเมรกิ า (2005) พบว่า 50% ของวัยรุ่นทงั้ หมดมี เพศสัมพนั ธ์เม่ืออายุ 16 ปี  75%ของวัยรุ่นชายในประเทศบลั ตมิ อร์ (Baltimore) และ 1/3 ของวัยรุ่นหญิงในซานฟรานซสิ โก (San Francisco) เคยมีเพศสัมพันธ์ เช่นกัน (2006)  การมเี พศสมั พนั ธใ์ นวยั รุ่น อาจทาใหเ้ กดิ ปญั หาตา่ งๆ เช่น การทา แทง้ การรบั เล้ยี งบตุ รบญุ ธรรม และการแตง่ งานท่ไี ม่ถงึ เวลาอนั ควร

Sadness and Anger วยั รุน่ ยคุ น้ีมีช่วงเวลาท่ดี ีกว่าวยั รุ่นยคุ ก่อน การเรง่ รบี ท่จี ะคน้ หา เอกลกั ษณ์ใหก้ บั ตนเองกล็ ดลง บดิ ามารดาและเพอ่ื นใหค้ วาม ช่วยเหลอื โดยทวั่ ๆไป การตง้ั ครรภแ์ ละการแตง่ งานมีจานวนลดลง กว่าแต่กอ่ น วยั รุ่นสว่ นใหญ่จะอยู่ในสถานศึกษา มีจานวนนอ้ ยท่ี เสยี ชีวติ จากโรคภยั ไขเ้ จบ็ ปญั หาสขุ ภาพสว่ นใหญ่ไม่ไดเ้ กดิ จากการ เจบ็ ป่วย หรอื ความผดิ ปกตใิ ดๆ การจาแนกระหว่างอารมณ์ปกตแิ ละปญั หาท่เี กดิ จากพยาธสิ ภาพมี ความซบั ซอ้ น วยั รุน่ สว่ นใหญ่มีความสขุ นอ้ ยลงและจะโกรธงา่ ยกว่า เม่อื ตอนเป็นเดก็ อย่างไรกต็ ามอารมณ์อาจกลายสภาพรุนแรงสดุ ขว้ั เป็นพยาธสิ ภาพ และอารมณ์ตายดา้ น ถา้ วยั รุ่นไม่มีความระมดั ระวงั

Depression  แนวโน้มอารมณ์ท่วั ไปจากวยั เดก็ ตอนปลายถงึ วัยรุ่นจะมีความเช่อื ม่ันใน ตนเองลดลง ในงานวจิ ยั พบว่าช่วงจะเข้าส่วู ัยแรกรุ่น ชาว African Americans มี แนวโน้มท่จี ะเหน็ คุณค่าในตนเองเพ่มิ ขนึ้ แต่ชาว Asian Americans มีแนวโน้ม ลดลง ข้อมลู จากการศกึ ษาแบบ cross -sequential พบว่า เดก็ ชายจะมีความ เช่อื ม่นั ในตนเองก่อนเดก็ หญงิ และจะลดลงเร็วกว่าเม่อื มีอายุเพ่มิ ขนึ้  ความซมึ เศร้า มีความแตกต่างทางด้านเพศ พบว่าเดก็ หญงิ จะมีความซมึ เศร้า รุนแรงกว่าเดก็ ชาย  วัยรุ่นบางคน จะน่ิงเฉย เอาจริงเอาจงั ในการตระหนักรู้ตนเอง ซ่งึ เป็ น ลกั ษณะเฉพาะในวัยนี้ และอาจจะนาไปส่ภู าวะซมึ เศร้า (Clinical depression = ความสนิ้ หวงั รู้สกึ ไร้คุณค่า มีอาการเซ่อื งซมึ ซ่งึ เกดิ ตงั้ แต่ 2 สัปดาห์ขนึ้ ไป) ได้  สาเหตขุ องภาวะซมึ เศร้ารวมทงั้ ความเปราะบางท่สี ืบทอดมาจากพนั ธุกรรม และมารดาวยั รุ่นท่มี ีภาวะซมึ เศร้าท่ตี ้องเลีย้ งดบู ุตร มีบางเหตุการณ์ท่เี กดิ กับ puberty ท่ผี ลกั ดนั ให้มคี วามเปราะบางเกดิ การสนิ้ หวังได้ อตั ราการเกิด Clinical depression มีประมาณ 15% ซ่งึ เกดิ ทกุ 1 ใน 5 ของวยั รุ่นหญิง และเกดิ 1 ใน

Suicide  ความคดิ ฆ่าตวั ตาย (Suicide ideation) เป็ นภาวะปกตทิ ่เี กดิ ขนึ้ ได้ในวัยรุ่น แต่การฆ่าตัวตายไม่ใช่ภาวะปกติ วัยรุ่นมักจะฆ่าตัวตายน้อยกว่าผ้ใู หญ่  Parasuicide เป็ นคาท่ผี ้เู ช่ยี วชาญเรียกแทน Attempted หรือ Failed suicide หมายถงึ การฆ่าตวั ตายท่ไี ม่สาเร็จ  เพศ (Gender) เป็ นปัจจยั ท่มี ีอทิ ธิพลสงู สุดในการฆ่าตวั ตาย แม้ว่าภาวะ ซมึ เศร้าและ Parasuicide จะพบได้มากในเพศหญงิ แต่การฆ่าตัวตายท่ี สาเร็จ (Complete suicide) จะพบมากในเพศชาย เหตุผลหน่ึงกค็ ือ ผู้ชายมกั ใช้วธิ ียงิ ตวั ตาย มากกว่าการใช้วธิ ีอ่ืน  ในการศกึ ษา Longitudinal ส่วนใหญ่สรุปว่า การโกรธใน Puberty เป็ น เร่ืองปกติ แต่ต้องมีแสดงออกในทางท่ถี กู ต้อง เช่น การตะโกนใส่เพ่อื น การบ่นเก่ียวกบั พฤตกิ รรมของผู้ใหญ่ ฯลฯ การโกรธท่ถี กู ระเบดิ ออกและ ถือว่าเป็ นการแสดงความโกรธท่ไี ม่เหมาะสม เช่น การทาลายส่งิ ของ และการทาร้ายผ้อู ่นื  ความก้าวร้าวและอาชญากรรมท่รี ุนแรงจะเกดิ ได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น มากกว่าเกดิ ในช่วงอายอุ ่นื โดยท่วั ๆไปวยั รุ่นท่ถี กู จบั กุมจะมีช่วงอายุ ตงั้ แต่ 12 -16 ปี และจะลดลงต่อเน่ืองอย่างช้าๆจนกระท่งั ผ่านเข้าวัย ผู้ใหญ่



การสง่ เสรมิ ความสขุ และคณุ ภาพชีวติ ปจั จยั เสรมิ จากภายนอก (External asset) คือ 1.การไดร้ บั การสนบั สนุน (Support) : ครอบครวั ใหก้ ารสนบั สนุนดว้ ยความรกั และผูกพนั : สมาชิกในครอบครวั ใหก้ าลงั ใจซ่ึงกนั และกนั และปรกึ ษาไดท้ กุ เร่อื ง : ไดร้ บั แรงใจท่ดี ีจากเพ่อื นบา้ น : ไดร้ บั การสนบั สนุนรวมทง้ั บรรยากาศท่ดี ีจากโรงเรยี น 2. Boundaries and Expectations : ครอบครวั มวี ินยั กรอบกตกิ าท่เี หมาะสมและตดิ ตามสมาชิกในครอบครวั : โรงเรยี นมีวนิ ยั และขอบเขตท่เี หมาะสมและตดิ ตามผลงานและพฤตกิ รรมของนกั เรยี นทกุ คน : ชมุ ชนแวดลอ้ มมีวนิ ยั ขอบเขตท่เี หมาะสม และตดิ ตามพฤตกิ รรมสมาชิกรวมทง้ั ตวั วยั รุน่ : กลมุ่ เพ่อื นท่เี ป็นแบบอย่างท่ดี ี : ใหก้ าลงั ใจและกระตนุ้ ในการเรยี นหรอื กจิ กรรมท่ดี ีจากผูป้ กครองและครู

ปจั จยั จากภายในตวั เอง (Internal asset) คอื 1. การสรา้ งคณุ ค่าใหก้ บั ตนเอง การช่วยเหลอื ผูอ้ น่ื การมีจุดยนื ท่ชี ดั เจน ความซ่ือสตั ย์ ความรบั ผดิ ชอบ  วนิ ยั ในตนเองท่จี ะไม่ขอ้ งเกย่ี วกบั พฤตกิ รรมเสย่ี ง 2. ความสามารถในการอยูร่ ว่ มในสงั คม : สรา้ งทกั ษะในการตดั สนิ ใจโดยคานึงถงึ ผลดีและผลเสยี จากการ ตดั สนิ ใจน้นั : มีทกั ษะในการแกป้ ญั หาขดั แยง้ ดว้ ยสนั ติวธิ ีรวมทง้ั การขจดั ความโกรธ

ปจั จยั เสรมิ จากภายนอก ดงั น้ี 1. การใชเ้ วลาใหเ้ ป็นประโยชน์ : กจิ กรรมสนั ทนาการนอกหลกั สูตร : การเลน่ กฬี าออกกาลงั กาย : กจิ กรรมทางศาสนา : การมนี ดั กบั เพอ่ื นนอกบา้ นไปรว่ มทากจิ กรรมอาสาสมคั ร บาเพญ็ ประโยชน์ 2. การไดร้ บั การสนบั สนุน : ครอบครวั ใหก้ ารสนบั สนุนดว้ ยความรกั และผูกพนั : สมาชิกในครอบครวั ใหก้ าลงั ใจซ่ึงกนั และกนั และปรกึ ษาไดท้ กุ เรอ่ื ง : มีผูใ้ หญ่นอกเหนือจากครอบครวั ทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนมากกว่าหรอื เทา่ กบั 3 คน : ไดร้ บั การตดิ ตามเรอ่ื งการเรยี นเป็นอยา่ งดจี ากผูป้ กครองทง้ั คาแนะนา สอ่ื การเรยี น คาสงั่ สอน และตดิ ตามการประเมนิ 3. ผูใ้ หญ่ กลมุ่ เพอ่ื นท่เี ป็นแบบอยา่ งท่ดี ี

เอกสารอ้างอิง  กลั ยา นาคเพช็ ร์ และคณะ. (2548). จติ วิทยาพฒั นาการสาหรับพยาบาล. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์สุภา จากดั .  เพญ็ พไิ ล ฤทธาคณานนท์. (2549). พฒั นาการมนุษย์ (Human Development). พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1. กรุงเทพฯ: ธรรมดาเพรส จากัด.  Chris Beckett and Hilary Taylor. (2010). Human Growth and Development. 2nd ed. London: SAGE.  Kathleen Stassen Berger. (2008). The Developing Person Through the life span. 7thed. New York: Worth.  Laura E. Berk. (2001). Development Through the Lifespan. 2nd ed. Boston: Allyn and Bacon.  www.apa.org/pi/families/resources/develop.pdf (developmental adolescence) 26 July, 2013  www.ehsnrc.org/Publications/.../TIP%20SHEET%2034_addendum.pdf TT  www.aacap.org  http://www.funnelbrain.com/c-225068-difference-between-clique-crowd.html  http://www.hotcourses.in.th/study-in-australia/student-finance/study-in-australia-postgraduate-study-with- full-scholarship-iprs/?campaign=5939  http://highered.mcgraw-hill.com/sites/0072414561/student_view0/part2/chapter5/chapter_outline.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook