ความรู้เกี่ยวกับ E-Book By:Pattaravadee Deebuppa
คำนำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือการนำเอาข้อมูลจากระบบการทำ เอกสารปกติมาจัดทำเป็นหนังสือที่อ่านผ่านโปรแกรมและแอพพลิ เคชั่นในระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงเรียกว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ภัทรวดี ดีบุปผา 2565
สารบัญ ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 วิวัฒนาการของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) 1 ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 2 โครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3 ประโยชน์ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-Book 4 ความแตกต่างของ E-Book และหนังสือทั่วๆไป 5 โปรแกรมที่ใช้สร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 6
ความหมายของ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-Book ย่อมาจากคำว่า Electronic Book หมายถึง หนังสือที่ สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอ คอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์ และออนไลน์ วิวัฒนาการของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) แนวความคิดเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นภายหลัง ปี ค.ศ. 1940 โดยปรากฏในนวนิยายวิทยาศาสตร์ ต่อมาได้มีการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยสแกน หนังสือจัดเก็บข้อมูล เป็นแฟ้มภาพตัวหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และนำแฟ้ม ภาพตัวหนังสือมาผ่านกระบวนการแปลงภาพเป็นข้อความด้วยการทำ OCR (Optical Character Recognition) โดยใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์เพื่อแปลงภาพตัวหนังสือให้เป็นข้อความที่สามารถแก้ไขเพิ่ม เติมได้การถ่ายทอดข้อมูลจะถ่ายทอดผ่านทางแป้นพิมพ์และประมวล ผลออกมาเป็นตัวหนังสือ และข้อความด้วยคอมพิวเตอร์ ดังนั้น หน้า กระดาษจึงเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นแฟ้มข้อมูลแทนทั้งยังมีความสะดวกต่อ การเผยแพร่และจัดพิมพ์เป็นเอกสาร (Documents printing) ทำให้รูป แบบ ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยุคแรก ๆ มีลักษณะเป็นเอกสารประเภท ไฟล์ .doc .txt .rtf และ .pdf
วิวัฒนาการของหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เมื่อมีการพัฒนาภาษา HTML (Hypertext Markup Language) ข้อมูลต่าง ๆ จึงถูกออกแบบ และตกแต่งในรูปของเว็บไซต์ โดยปรากฏในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ซึ่งเรียกว่า “web page” ผู้อ่าน สามารถเปิดดูเอกสารเหล่านั้นได้ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ (Web browser)ซึ่งเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่สามารถแสดงผลข้อความภาพ และการปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ต่อมาเมื่อ อินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัท ไมโครซอฟท์ ได้ผลิตเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้คำแนะนำในรูปแบบ HTML Help ขึ้นมา มีรูปแบบ ของไฟล์เป็น .CHM โดยมีตัวอ่าน คือ Microsoft Reader หลังจากนั้นมีบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำนวนมาก ได้ พัฒนาโปรแกรมจนกระทั่งสามารถผลิตเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ออกมา เป็นลักษณะเหมือนกับหนังสือทั่วไป กล่าวคือ สามารถแทรกข้อความ แทรกภาพ จัดหน้าหนังสือได้ตามความต้องการของผู้ผลิต และที่พิเศษ กว่านั้น คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง เอกสาร (Hypertext) ไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ทั้งภายใน และ ภายนอกได้ อีกทั้งยังสามารถแทรกเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ลงไปใน หนังสือได้ คุณสมบัติเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในหนังสือทั่วไป
ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 10 ประเภท ดังนี้ คือ 1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือแบบตำรา (Textbook) มีรูปแบบหนังสือปกติที่พบเห็นทั่วไป เป็นการแปลงหนังสือ จากสภาพสิ่งพิมพ์ปกติ เป็นสัญญาณดิจิตอล เพิ่มศักยภาพเดิมการนำ เสนอ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้วยศักยภาพ ของคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน เช่น การเปิดหน้าหนังสือ การสืบค้น การคัด เลือก เป็นต้น 2. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเสียงอ่าน เมื่อเปิดหนังสือ จะมีเสียงคำอ่าน หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ประเภทนี้เหมาะสำหรับหนังสือเด็กเริ่มเรียน หรือหนังสือฝึกออกเสียง หรือ ฝึกพูด (Talking Book ) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้เป็นการเน้น คุณลักษณะด้านการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นตัวอักษร และเสียงเป็น คุณลักษณะหลัก นิยมใช้กับกลุ่มผู้อ่านที่มีระดับลักษณะทางภาษาโดย เฉพาะด้านการฟังหรือการอ่านค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเรียน ภาษาของเด็กๆ หรือผู้ที่กำลังฝึกภาษาที่สอง หรือฝึกภาษาใหม่ เป็นต้น
ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 3. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพนิ่ง หรืออัลบั้มภาพ (static Picture Book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีคุณลักษณะหลักเน้นจัดเก็บ ข้อมูล และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพนิ่ง(static picture) หรืออัลบั้ม ภาพเป็นหลัก เสริมด้วยการนำศักยภาพของคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำ เสนอ เช่น การเลือกภาพที่ต้องการ การขยายหรือย่อขนาดของภาพของ คอมพิวเตอร์ การขยายหรือย่อขนาดของภาพหรือตัวอักษร การสำเนา หรือการถ่ายโอนภาพ การแต่งเติมภาพ การเลือกเฉพาะส่วนของภาพ (cropping) หรือเพิ่มข้อมูล เชื่อมโยงภายใน (Linking information) เช่น เชื่อมข้อมูลอธิบายเพิ่มเติม เชื่อมข้อมูลเสียงประกอบ เป็นต้น 4. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพเคลื่อนไหว (Moving Picture Book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลในรูป แบบภาพวีดีทัศน์ (Video Clips) หรือภาพยนตร์สั้น ๆ (Films Clips) ผนวกกับข้อมูลสนเทศที่อยู่ในรูปตัวหนังสือ (Text Information) ผู้อ่าน สามารถเลือกชมศึกษาข้อมูลได้ ส่วนใหญ่นิยมนำเสนอข้อมูลเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ หรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น ภาพเหตุการณ์สงครามโลก ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญๆ ของโลกในโอกาสต่างๆ ภาพ เหตุการณ์ความสำเร็จหรือสูญเสียของโลก เป็นต้น
ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 5. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อประสม (Multimedia Book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นเสนอข้อมูลเนื้อหาสาระ ใน ลักษณะแบบสื่อประสมระหว่างสื่อภาพ (Visual Media) เป็นทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวกับสื่อประเภทเสียง (Audio Media)ในลักษณะต่าง ๆ ผนวกกับศักยภาพของคอมพิวเตอร์อื่นเช่นเดียวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ อื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว 6. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อหลากหลาย (Polymedia book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะเช่นเดียวกัหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์แบบสื่อประสมแต่มีความหลากหลายในคุณลักษณะด้าน ความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลภายในเล่มที่บันทึกในลักษณะต่าง ๆ เช่น ตัว หนังสือภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี และอื่นๆ เป็นต้น
ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 7. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเชื่อมโยง ( Hypermedia Book) เป็นหนังสือที่มีคุณลักษณะสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาสาระ ภายในเล่ม (Internal Information Linking) ซึ่งผู้อ่านสามารถคลิก เพื่อเชื่อมไปสู่เนื้อหาสาระที่ออกแบบเชื่อมโยงกันภายใน การเชื่อมโยงเช่นนี้ มีคุณลักษณะเช่นเดียวกับบทเรียนโปรแกรมแบบแตกกิ่ง ( Branching Programmed Instruction) นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับแหล่ง เอกสารภายนอก (External or Information Sources) เมื่อเชื่อมต่อ ระบบอินเตอร์เน็ต 8. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือัจยะ (Intelligent Electronic Book) เป็นหนังสือประสม แต่มีการใช้โปรแกรมชั้นสูงที่ สามารถมีปฏิกิริยา หรือ ปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านเสมือนหนังสือมีสติปัญญา (อัจฉริยะ) ในการไตร่ตรอง หรือคาดคะเนในการโต้ตอบหรือปฏิกิริยากับผู้ อ่าน
ประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 9. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบสื่อหนังสือทางไกล (Telemedia Electronic Book) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีคุณลักษณะหลักต่างๆ คล้ายกับ Hypermedia Electronic Books แต่เน้นการเชื่อมโยงกับ แหล่งข้อมูลภายนอกผ่านระบบเครือข่าย (Online Information Sourcess) ทั้งที่เป็นเครือข่ายเปิด และเครือข่ายเฉพาะสมาชิกของเครือ ข่าย 10. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือไซเบอร์สเปซ (Cyberspace book) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีลักษณะเหมือนกับ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์หลายๆ แบบที่กล่าวมาแล้วผสมกัน สามารถเชื่อม โยงแหล่งข้อมูลทั้งจากแหล่งภายในและภายนอกสามารถนำเสนอข้อมูล ในระบบสื่อที่หลากหลาย สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านได้หลากหลาย
โครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะโครงสร้างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความ คล้ายคลึงกับหนังสือทั่วไปที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่าง ที่เห็นได้ชัดเจนก็ คือ กระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือ ลักษณะโครงสร้างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความคล้ายคลึงกับ หนังสือทั่วไปที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือกระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือ โครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วย 1. หน้าปก (Front Cover) หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่ง จะอยู่ส่วนแรก เป็นตัวบ่งบอกว่าหนังสือเล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่ง 2. คำนำ (Introduction) หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของ หนังสือเล่มนั้น 3. สารบัญ (Contents) หมายถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ ภายในเล่มว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง อยู่ที่หน้าใดของหนังสือ สามารถ เชื่อมโยงไปสู่หน้าต่างๆ ภายในเล่มได้
โครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 4. สาระของหนังสือแต่ละหน้า (Pages Contents) หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่ม ประกอบด้วย 4.1 หน้าหนังสือ (Page Number) 4.2 ข้อความ (Texts) 4.3 ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff – เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi – ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg, .wav, .avi – จุดเชื่อมโยง (Links) 5. อ้างอิง (Reference) หมายถึง แหล่งข้อมูลที่ใช้นำมาอ้างอิง อาจเป็นเอกสาร ตำรา หรือ เว็บไซต์ 6. ดัชนี (Index) หมายถึง การระบุคำสำคัญหรือคำหลักต่างๆ ที่อยู่ภายในเล่ม โดยเรียงลำดับตัวอักษรให้สะดวกต่อการค้นหา พร้อม ระบุเลขหน้าและจุดเชื่อมโยง 7. ปกหลัง (Back Cover) หมายถึง ปกด้านหลังของหนังสือ ซึ่งอยู่ส่วนท้ายเล่ม
ประโยชน์ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ e-Book สำหรับผู้อ่าน 1. ขั้นตอนง่ายในการอ่าน และค้นหาหนังสือ 2. ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บหนังสือ 3. อ่านหนังสือได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สำหรับห้องสมุด 1. สะดวกในการให้บริการหนังสือ 2. ไม่ต้องใช้สถานที่มากในการจัดเก็บหนังสือ และไม่เสียค่าใช้ จ่ายในส่วนนี้ 3. ลดงานที่เกิดจากการซ่อม จัดเก็บ และการจัดเรียงหนังสือ 4. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมาดูแลและซ่อมแซม หนังสือ 5. มีรายงานแสดงการเข้ามาอ่านหนังสือ สำหรับสำนักพิมพ์และผู้เขียน 1. ลดขั้นตอนในการจัดทำหนังสือ 2. ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการจัดพิมพ์หนังสือ 3. ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ 4. เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายหนังสือ 5. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ตรงถึงผู้อ่าน
ข้อดีและข้อเสียของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีดังต่อไปนี้ 1. อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ ได้ตลอดเวลา เนื่องจากพกไปได้ตลอดและได้ จำนวนมาก 2. ประหยัดการตัดไม้ทำลายป่า เพราะไม่ต้องตัดไม้มาทำกระดาษ 3. เก็บรักษาได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ ประหยัดค่าเก็บ รักษา 4. ค้นหาข้อความได้ ยกเว้นว่าอยู่ในลักษณะของภาพ 5. ใช้พื้นที่น้อยในการจัดเก็บ (cd 1 แผ่นสามารถเก็บ e-Book ได้ ประมาณ 500 เล่ม) 6. อ่านได้ในที่มืด หรือแสงน้อย 7. ทำสำเนาได้ง่าย 8. จำหน่ายได้ในราคาถูกกว่าในรูปแบบหนังสือ 9. อ่านได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพราะไม่ยับหรือเสียหายเหมือน กระดาษ 10. สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง แค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกอ่าน หนังสือที่ต้องการได้ทันที 11. เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาธรรมชาติ โดยลดการใช้กระดาษกับ True e-Book
ข้อเสียของ e-Book มีดังต่อไปนี้ 1. ต้องอาศัยพลังงานในการอ่านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ 2. เสียสุขภาพสายตา จากการได้รับแสงจากอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ 3. ขาดความรู้สึก หรืออรรถรส หรือความคลาสสิค 4. อาจเกิดปัญหากับการลง hardware หรือ software ใหม่ หรือแทนที่อันเก่า 5. ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย 6. การอ่านอาจเกิดอันตรายต่อสายตา 7. เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่าย 8. ไม่เหมาะกับบาง format เช่น รูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่ เป็นต้น
ความแตกต่างของหนังสือ E-book กับ หนังสือทั่วไป หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หนังสือทั่วไป ไม่ใช้กระดาษ (อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้) 1. ใช้กระดาษ สามารถสร้างให้มีภาพเคลื่อนไหวได้ 2. มีข้อความและภาพประกอบธรรมดา สามารถใส่เสียงประกอบได้ 3. ไม่มีเสียงประกอบ สามารถแก้ไขและปรับปรุงข้อมูล (update) ได้ 4. สามารถแก้ไขปรับปรุงได้ยาก ง่าย สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (links) ออกไปยัง 5. มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ข้อมูลภายนอกได้ มีต้นทุนในการผลิตหนังสือต่ำ 6. มีต้นทุนการผลิตสูง ไม่มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ สามารถทำสำเนา 7. มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ ได้ง่ายไม่จำกัด สามารถอ่านผ่านคอมพิวเตอร์ และสั่งพิมพ์ผล 8. สามารถเปิดอ่านจากเล่ม อ่านได้อย่างเดียว ได้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่าน 9. สามารถอ่านได้ 1 คนต่อหนึ่งเล่ม พร้อมกันได้จำนวนมาก (ออนไลน์ผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต) สามารถพกพาสะดวกได้ครั้งละจำนวนมากใน 10. สามารถพกพาลำบาก และต้องเดินทางไป รูปแบบของไฟล์คอมพิวเตอร์ และสามารถเข้า ใช้ที่ห้องสมุดและศูนย์สารนิเทศต่าง ๆ ถึงโดยไม่จำกัดเรื่องสถานที่และเวลา
โปรแกรมที่ใช้สร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรมสำหรับสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีหลายแบบหลาย ประเภท ความยากง่ายซับซ้อนในการใช้งานก็ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะ ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการสร้างทั้งโปรแกรมสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์แบบ pdf และโปรแกรมสำหรับสร้าง e-book แบบ ePub หรือ Filp เช่น แนวโปรแกรมที่ใช้สร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไม่ว่าจะ เป็น Microsoft Word Microsoft Power Point และอื่นๆ ภาพตัวอย่าง โปรแกรม Microsoft Word 3ภาพตัวอย่าง โปรแกรม Microsoft Power Point โปรแกรม desktop author เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมซึ่งสามารถพิมพ์ข้อความใส่รูปภาพภาพ เคลื่อนไหวไฟล์ swf วีดีโอ
และยังสามารถนำเข้าไฟล์ PDF ได้ โปรแกรม Flip Album เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถพิมพ์ ข้อความ ใส่รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว โปรแกรม E-Book ระบบออนไลน์ 1.Anyflip.com
2.FlipHTML5 3.PUBHTML https://pubhtml5.com/free- flip-book-maker
[email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: