พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง สมัยรตั นโกสนิ ทรก์ ่อนการปฏริ ูปการปกครอง 2475
รายนามพระมหากษตั ริย์ไทยในราชวงศ์จกั รี พระนาม ชว่ งเวลาท่ีครองราชย์ ระยะเวลาครองราชย์ รชั กาลท่ี 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. 2325 - พ.ศ.2352 27 ปี รชั กาลที่ 2 พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย พ.ศ. 2352 - พ.ศ.2367 15 ปี รชั กาลที่ 3 พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยู่หวั (พระมหาเจษฎาราชเจ้า) พ.ศ. 2367 - พ.ศ.2393 27 ปี รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว (พระสยามเทวมหามกฏุ วทิ ยมหาราช) พ.ศ. 2393 - พ.ศ.2411 17 ปี รัชกาลท่ี 5 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว (พระปยิ มหาราช) พ.ศ. 2411 - พ.ศ.2453 42 ปี รัชกาลท่ี 6 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั (พระมหาธีรราชเจ้า) พ.ศ. 2453 - พ.ศ.2468 15 ปี รชั กาลท่ี 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั พ.ศ. 2468 - พ.ศ.2477 9 ปี รชั กาลท่ี 8 พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหดิ ล (พระอัฐมรามาธิบดินทร) พ.ศ. 2477 - พ.ศ.2489 12 ปี รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระภทั รมหาราช) พ.ศ. 2489 - พ.ศ. 2559 70 ปี รชั กาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระวชริ เกลา้ เจ้าอย่หู วั พ.ศ. 2559 - ปัจจบุ นั 4 ปี +
พัฒนาการด้านการเมอื งการปกครอง กรุงรัตนโกสินทร์มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ อย่างตอ่ เน่ือง ตงั้ แต่เริ่มสถาปนา เม่ือ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ยาวนานกว่า 239 ปี มกี ารแบ่งพัฒนาการด้านตา่ ง ๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์ออกได้ 3 ช่วง ดงั นี้ ระบอบราชาธิปไตย (ระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์) ราชบัณฑติ ยสถานให้ความหมายของคาวา่ “ราชาธปิ ไตย” ไวว้ า่ “ระบอบการปกครองแบบหน่ึงทีม่ ีพระราชาเปน็ ใหญ่.” กษัตริยม์ อี านาจสูงสุด ร.5 ปฏริ ปู การปกครองทงั้ สว่ นกลางและสว่ นภมู ิภาค โดยดงึ อานาจบริหารเข้าสู่ศูนย์กลาง สมัยกอ่ นการปฏิรปู ระหวา่ ง พ.ศ. 2325 - 2393 สมยั ปรบั ปรงุ และปฏิรูป ระหว่าง พ.ศ. 2393 - 2475 สมัยประชาธิปไตย ระหว่าง พ.ศ. 2475 - ปจั จบุ ัน รัชกาลท่ี 1-3 รชั กาลท่ี 4-7 รัชกาลที่ 7-10 (ปจั จบุ นั ) ระบอบประชาธปิ ไตย ราชบณั ฑิตยสถานใหค้ วามหมายของคาว่า “ประชาธิปไตย” ไว้ว่า “แบบการปกครองท่ีถือมตปิ วงชนเปน็ ใหญ่” ในสมัยรชั กาลที่ 7 คณะราษฎรได้ยดึ อานาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอย่หู ัวได้พระราชทานรฐั ธรรมนูญเลม่ แรก เพอื่ ใชเ้ ป็นหลกั ในการปกครอง เมือ่ วนั ท่ี 10 ธันวาคม 2475 และไดเ้ ปลีย่ นแปลงการปกครองเปน็ ระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษตั ริย์อยู่ภายใต้รฐั ธรรมนูญ
สมยั กอ่ นการปฏริ ูป ระหวา่ ง พ.ศ. 2325 - 2393 การปกครองส่วนกลาง การปกครองส่วนหวั เมือง การปกครองส่วนประเทศราช พระมหากษัตรยิ ์ จตุสดมภ์ สมุหนายก กรมกลาโหม กรมมหาดไทย กรมเวยี ง/เมือง (กรมนครบาล) ดแู ลความสงบเรียบร้อย สมหุ กลาโหม (สมหุ กลาโหม) (สมหุ นายก) ตัดสินคดีในเขตราชธานี (ตารวจ , ศาล) ดูแลดา้ นการทหาร + พลเรอื น กรมวัง (ธรรมธิกรณ)์ ดแู ลพระราชวงั พระราชพธิ ี ดูแลดา้ นการทหาร + พลเรอื น ตดั สนิ คดใี นเขตพระราชวงั ควบคมุ หัวเมอื งฝา่ ยใต้ ควบคุมหัวเมอื งฝา่ ยเหนอื กรมคลงั /ท่า (กรมโกษาธบิ ด)ี ดแู ลรายรับ – จา่ ย การคา้ ต่างชชาติ ตราประจา ตราราชสีห์ ตราประจา ตราคชสีห์ กรมนา (เกษตราธิบด)ี ดแู ลหวั เมอื งทะเลชายฝงั่ ตะวนั ออก ดูแลเสบยี ง เก็บภาษคี า่ นา ตัดสนิ คดเี รอ่ื งที่นา โค กระบือ
สมยั กอ่ นการปฏริ ปู ระหวา่ ง พ.ศ. 2325 - 2393 การปกครองส่วนกลาง การปกครองส่วนหวั เมอื ง การปกครองส่วนประเทศราช กรม ดูแล หน้าที่ กรมมหาดไทย สมุหนายก ดแู ลทหารและพลเรอื น ใน หวั เมืองฝ่ายเหนือ กรมกลาโหม สมหุ กลาโหม ดูแลทหารและพลเรือน ใน หวั เมอื งฝ่ายใต้ กรมเวียง/เมือง นครบาล) เจ้าพระยายมราช ดแู ลความสงบเรยี บร้อย ภายในเขตราชธานี กรมวัง (ธรรมธกิ รณ์) เจ้าพระยาธรรมธิกรณ์ ดูแลภายในพระราชวัง พระราชพธิ ี พพิ ากษาคดี กรมคลงั /ทา่ (โกษาธิบดี) เจ้าพระยาพระคลงั กรมนา (เกษตราธบิ ดี) เจ้าพระยาพลเทพ ดูแลรายรับ – จ่าย การค้าตา่ งชชาติ ดแู ลหัวเมอื งทะเล ชายฝ่ังตะวนั ออก ดูแลเสบยี ง เกบ็ ภาษาค่านา ตดั สินคดีเร่ืองทีน่ า โค กระบอื
สมยั ก่อนการปฏิรูป ระหวา่ ง พ.ศ. 2325 - 2393 การปกครองสว่ นกลาง การปกครองส่วนหวั เมอื ง การปกครองสว่ นประเทศราช หวั เมืองช้ันใน หวั เมอื งชน้ั นอก หัวเมอื งประเทศราช ใกลร้ าชธานี ห่างไกลจากราชธานี ปกครองตนเอง เปน็ หัวเมืองจตั วา แบง่ เปน็ ชัน้ เอก โท ตรี ผปู้ กครอง : ผ้รู ั้ง ผู้ปกครอง : เจา้ เมือง เมอื งต่างชาติ ตา่ งภาษาตาม เจา้ เมอื งไมม่ อี านาจเดด็ ขาด เจา้ เมืองมีอานาจเดด็ ขาด ชายแดน ตอ้ งถวายราชบรรณาการให้ กรงุ เทพฯ 3 ปีครง้ั
สมยั ก่อนการปฏริ ูป ระหว่าง พ.ศ. 2325 - 2393 การปกครองสว่ นกลาง การปกครองสว่ นหวั เมือง การปกครองส่วนประเทศราช ประเทศราช เมอื งช้ันนอก เมืองช้นั ใน ประเทศราช เมืองช้ันใน เมอื งชน้ั นอก ประเทศราช เมอื งช้ันนอก เมืองชน้ั ใน ราชธานี เมืองชัน้ ใน เมอื งชัน้ นอก ประเทศราช
สมยั ก่อนการปฏริ ปู ระหวา่ ง พ.ศ. 2325 - 2393 การปกครองส่วนกลาง การปกครองสว่ นหัวเมอื ง การปกครองส่วนประเทศราช หลายบา้ นรวมกนั เปน็ หมบู่ ้าน หลายหมู่บ้านรวมกันเปน็ ตาบล หลายตาบลรวมกนั เป็นแขวง หลายแขวงรวมกันเปน็ เมือง บ้านหลาย ๆ หลงั รวมกนั หวั หนา้ คอื พนั เทยี บเท่าอาเภอในปัจจบุ ัน เทยี บเทา่ จังหวดั ในปัจจุบัน (กานนั ) หวั หนา้ คือ เจ้าแขวง หัวหนา้ คือ เจ้าเมอื ง หวั หนา้ คอื ทนาย (ผู้ใหญ่บ้าน) แตง่ ต้ัง
เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการปกครอง กฎหมาย สมยั ก่อนการปฏริ ูป ระหว่าง พ.ศ. 2325 - 2344 ใช้จนถงึ ในช่วงรัชกาลท่ี 5 กฎหมายตราสามดวง ใชเ้ ปน็ หลักในการพิจารณาคดีความ หน่วยงานแตล่ ะ่ กรมในการพิจารณาคดแี บง่ เป็น 2 สว่ น ดังนี้ 1. ข้าราชการฝ่ายไทย ทาหนา้ ทช่ี ัน้ ต้นในการรบั ฟอ้ ง สอบสวน และปรบั ไหมลงโทษผู้กระทาผิด 2. ขา้ ราชการณฝ์ า่ ยพราหมณ์ (ลกู ขนุ ) ทาหน้าทีพ่ ิจารณาคดีวา่ ถูกหรือผดิ
สมัยปรับปรุงและปฏริ ูป ระหวา่ ง พ.ศ. 2393 - 2475 รัชกาลที่ 4 รชั กาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รชั กาลที่ 7 รชั กาลท่ี 4 ทรงปรบั ปรุงบ้านเมอื งใหท้ ันสมัย เพอ่ื ปอ้ งกนั มิให้ชาตติ ะวันตกดถู กู ไทย และถือเป็นข้ออา้ งในการยึดครอง ให้ขนุ นางใส่เสื้อเขา้ เฝา้ ให้ราษฎรเข้าเฝา้ ใกล้ชิด ใหร้ าษฎรถวายฎีการอ้ งทุกข์ ทรงออกหนงั สอื ราชกจิ จานุเบกษา เพ่ือให้หนังสอื ราชการมคี วามถกู ต้อง
สมัยปรบั ปรงุ และปฏิรูป ระหว่าง พ.ศ. 2393 - 2475 รัชกาลท่ี 4 รชั กาลท่ี 5 รชั กาลท่ี 6 รัชกาลท่ี 7 รชั กาลที่ 5 ชว่ ง พ.ศ. 2411 – 2430 (ช่วงดงึ อานาจการบรหิ ารคนื จากกลุ่มขุนนาง) การปกครองส่วนกลาง ตั้งทป่ี รึกษาราชการแผน่ ดิน ขุนนาง 12 คน ทาหนา้ ทถี่ วายคาปรกึ ษาราชการทส่ี าคญั และพิพากษาคดพี เิ ศษ สภาที่ปรึกษาส่วนพระองค์ ขุนนาง 49 คน ทาหนา้ ท่ีถวายคาแนะนาขอ้ ปรกึ ษาส่วนพระองค์ ยกเลิกทาเนียมหมอบคลานเปลี่ยนเป็นยืนหรือเดินแทน ยกเลิกธรรมเนยี มถวายบงั คมและกราบไหวเ้ ป็นโคง้ ศีรษะ และจัดระเบียบการแตง่ กาย การปกครองหัวเมือง มกี ารแตง่ ตัง้ ขา้ หลวงไปประจาหัวเมือง เริ่มตน้ ท่เี ชียงใหม่ นบั เป็นการเริ่มต้นควบคุมหวั เมืองจากสว่ นกลางและลดอานาจเจา้ เมืองลง
สมยั ปรับปรงุ และปฏิรูป ระหว่าง พ.ศ. 2393 - 2475 รัชกาลที่ 4 รชั กาลท่ี 5 รชั กาลท่ี 6 รชั กาลท่ี 7 ชว่ ง พ.ศ. 2430 – 2453 (ช่วงมอี านาจสมบรู ณ์) รชั กาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ทรงยกเลิกตาแหน่งอคั รมหาเสนาบดี ยกเลิกตาแหน่งจตสุ ดมภ์ทงั้ 4 และทรงประกาศต้ัง กระทรวงขึน้ อยา่ ง เป็นทางการจานวน 12 กระทรวง เมือ่ วนั ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 อันประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย รบั ผิดชอบงานท่ีเดมิ เป็นของสมหุ นายก ดูแลกิจการพลเรอื นทัง้ หมดและบังคบั บัญชาหวั เมอื งฝา่ ยเหนือและชายทะเลตะวนั ออก กระทรวงกลาโหม รับผดิ ชอบกจิ การทหาร และบังคับบัญชาหัวเมอื งฝ่ายใต้ กระทรวงยุทธนาธิการ รบั ผดิ ชอบปฏบิ ัติการการทหารสมยั ใหมต่ ามแบบยโุ รป กระทรวงวงั รบั ผิดชอบกจิ การพระมหากษตั ริย์ กระทรวงมรุธาธร ดแู ลเครอื่ งราชปู โภคของพระมหากษตั ริย์ กระทรวงเกษตรพานิชการ รบั ผดิ ชอบงานที่ในปัจจุบันเปน็ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงนครบาล รับผดิ ชอบกิจการในพระนคร กระทรวงโยธาธิการ รับผิดชอบการกอ่ สร้าง กระทรวงธรรมการ ดแู ลการศาสนาและการศกึ ษา กระทรวงยตุ ิธรรม ดแู ลเร่ืองตุลาการ กระทรวงการต่างประเทศ (กรมท่า) รบั ผิดชอบการตา่ งประเทศ กระทรวงพระคลังสมบัติ รับผดิ ชอบงานทใ่ี นปจั จบุ นั เป็นของกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2437 ทรงกาหนดใหเ้ ทศาภิบาลขึน้ กับกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกระบบกินเมือง และระบบหัวเมืองแบบเกา่ (ไดแ้ ก่ หัวเมืองชน้ั ใน ชน้ั นอก และเมอื งประเทศราช) จัดเป็นมณฑล เมอื ง อาเภอ หมูบ่ า้ น ระบบเทศาภิบาลดังกล่าวทาใหส้ ยามกลายเป็นรัฐชาติท่มี นั่ คง มเี ขตแดนที่ชัดเจนแน่นอน นบั เป็นการรักษาเอกราชของประเทศ และทาให้ราษฎรมคี ณุ ภาพชวี ิตดีขึ้น
สมยั ปรับปรุงและปฏิรูป ระหว่าง พ.ศ. 2393 - 2475 รัชกาลที่ 4 รัชกาลท่ี 5 รชั กาลท่ี 6 รชั กาลท่ี 7 รชั กาลที่ 6 รชั กาลที่ 7 พ.ศ. 2454 กลุ่มเติร์ก หรือขบวนการ ร.ศ. 130 พยายามเปล่ียนแปลงการปกครองเป็น ระบอบประชาธปิ ไตย แตไ่ ม่สาเร็จ ต่อมาทรงริเริ่มทดลองการปกครองแบบประชาธิปไตย ในกลุ่มเสนาบดีและ ข้าราชบรพิ าร โดยจาลอง “ดสุ ติ ธาน”ี ในเขตพระราชวงดุสติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าวางรากฐานการปกครองท้องถ่ินเป็นแบบเทศบาล เจ้าอยู่หัวทรงตั้ง อภิรัฐมนตรีสภาเพื่อเปน็ ท่ปี รึกษาราชการ เพอื่ ให้ราษฎรรู้จักปกครองตนเอง แผ่นดิน ขณะเดียวกันทรงตั้งสภา ท่ปี รึกษา คือ อภริ ฐั มนตรีสภา ประกอบดว้ ย พระบรมวงศานุวงศ์ท่ีทรงไว้วางพระราชหฤทัย 5 พระองค์ และ ทรงตั้งสภากรรมการองคมนตรี ประกอบด้วย พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางระดับเจ้าพระยา และพระยารวม 9 นาย เพื่อให้คาปรึกษาต่างๆ และทรงปรับปรุงหน้าท่ีของสภากรรมการองคมนตรี ให้มีหน้าท่ีพิจารณาร่าง กฎหมายตา่ งๆ คล้ายกับสภานติ ิบัญญัติ จนกระทัง่ ในวนั ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้ทาการเปล่ียนแปลงการปกครอง เปน็ ระบอบประชาธิปไตยซึง่ ดาเนินตอ่ มาจนถึงปัจจุบัน
พัฒนาการทางด้านสังคม สมัยรัตนโกสนิ ทรก์ ่อน 1 เมษายน พ.ศ. 2448
มอี านาจ พฒั นาการทางดา้ นสงั คม พลเมืองที่ สทิ ธขิ์ าดใน สงั กัดมูลนาย การปกครอง โครงสรา้ งชนช้นั ในสงั คม มหี น้าที่ในการ มหี นา้ ทีส่ ั่ง เรยี กอีกชื่อวา่ ชว่ ยเหลอื สอน “ข้า” กษตั รยิ ์ในการ หลักธรรมของ กลุม่ ท่ีไม่มี ปกครอง ศาสนาพุทธ อิสระในตัว
ใบงานท่ี 3.1
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: