Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

Published by EarthAek, 2021-11-01 17:09:33

Description: การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)

Search

Read the Text Version

การจดั การเรยี นรูแ บบ Active Learning

นายณฐั วฒุ ิ มะโนโฮง้ รหสั นกั ศึกษา 63031030141 Section 15 สาขาวิชาสงั คมศึกษา คณะครศุ าสตร์

การจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning)

การจัดการเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) การจัดการเรียนรแู้ บบร่วมมือนับว่าเป็ นการจัดการเรียนการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็ น สําคัญ โดยใชก้ ระบวนการกล่มุ ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีโอกาสทํางานร่วมกัน เพ่ือผลประโยชน์และเกิด ความสาํ เร็จร่วมกันของกล่มุ ซึ่งการเรียนแบบร่วมมือมิใชเ่ ป็ นเพียงจัดใหผ้ เู้ รียนทาํ งานเป็ นกล่มุ เชน่ ทํารายงาน ทาํ กิจกรรมประดิษฐห์ รือสรา้ งช้ินงาน อภิปราย ตลอดจนปฏิบัติการทดลอง แลว้ ผสู้ อนทําหนา้ ท่ีสรปุ ความรดู้ ว้ ยตนเองเท่านั้น แต่ผสู้ อนจะตอ้ งพยายามใชก้ ลยทุ ธ์วิธีให้ ผเู้ รียนไดใ้ ชก้ ระบวนการประมวลสิง่ ที่มาจากการทาํ กิจกรรมตา่ งๆ จดั ระบบความรู้ สรปุ เป็ นองค์ ความรดู้ ว้ ยตนเองเป็ นหลกั การสาํ คญั (พิมพนั ธ์ เดชะคปุ ต,์ 2544 :15 )

ความหมายการจดั การเรยี นรแู บบรว มมอื (Cooperative Learning) สาํ หรับการจดั การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื ไดม้ นี กั วชิ าการใหค้ วามหมายไวห้ ลายทา่ น ดงั นี้ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2550 : 121) ไดก้ ลา่ ววา่ การจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมือหรือแบบมี สว่ นร่วม หมายถึง การจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ีผ่ เู้ รียนมคี วามรคู้ วามสามารถตา่ งกนั ไดร้ ่วมมือ กนั ทาํ งานกลมุ่ ดว้ ยความตงั้ ใจและเต็มใจรบั ผดิ ชอบในบทบาทหนา้ ที่ในกล่มุ ของตน ทาํ ใหง้ านของ กลมุ่ ดาํ เนนิ ไปสเู่ ป้ าหมายของงานได้ สลาวิน (Slavin, 1987 : 7-13) อา้ งใน ไสว ฟักขาว (2544 : 192) ไดใ้ หค้ วามหมาย ของการเรียนรแู้ บบร่วมมือว่า หมายถึง วิธีการจัดการเรียนการสอนท่ีใหน้ ักเรียนทํางาน ร่วมกันเป็ นกล่มุ เล็ก ๆ โดยทัว่ ไปมีสมาชิกกล่มุ ละ 4 คน สมาชิกกล่มุ มีความสามารถในการ เรียนตา่ งกนั สมาชกิ ในกลมุ่ จะรับผิดชอบในสิ่งท่ีไดร้ ับการสอน และชว่ ยเพื่อนสมาชิกใหเ้ กิดการ เรียนรดู้ ว้ ย มีการชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกนั โดยมเี ป้ าหมายในการทาํ งานร่วมกนั คือ เป้ าหมาย ของกลมุ่

ความหมายการจดั การเรยี นรแู บบรว มมอื (Cooperative Learning) จากความหมายของการเรียนรแู้ บบร่วมมือขา้ งตน้ สรปุ ไดว้ ่า การจัดการเรียนรแู้ บบ ร่วมมอื หมายถึง การจดั การเรียนการสอนที่ผสู้ อนจัดใหผ้ ู้ เรียนแบ่งเป็ นกล่มุ เล็กๆ ประมาณ 4- 6 คน เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรโู้ ดยการทาํ งานร่วมกนั ชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกนั และร่วมกนั รับผดิ ชอบ งานในกลมุ่ ที่ไดร้ ับมอบหมาย เพ่ือใหเ้ กิดเป็ นความสาํ เร็จของกลมุ่

วตั ถปุ ระสงคการจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) สาํ หรับวตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื อาภรณ์ ใจเท่ยี ง (2550 : 121) ไดก้ ลา่ ววา่ ดงั น้ี 1. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรแู้ ละฝึ กทักษะกระบวนการกล่มุ ไดฝ้ ึ กบทบาทหนา้ ท่ีและความ รบั ผดิ ชอบในการทาํ งานกลมุ่ 2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการคิดคน้ ควา้ ทกั ษะการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ การแกป้ ัญหา การตัดสินใจ การต้ังคําถาม ตอบคําถาม การใช้ ภาษา การพดู ฯลฯ 3. เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึ กทกั ษะทางสงั คม การอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ื่น การมนี า้ํ ใจชว่ ยเหลือผอู้ ่ืน การเสียสละ การยอมรบั กนั และกนั การไวว้ างใจ การเป็ นผนู้ าํ ผตู้ าม ฯลฯ

ลกั ษณะการจดั การเรยี นรูแ บบรว มมือ (Cooperative Learning) อาภรณ์ ใจเที่ยง (2550 : 121) ไดก้ ล่าวถึง การจัดกิจกรรมแบบร่วมแรงร่วมใจว่ามลี ักษณะ ดังนี้ 1 . มี ก า ร ทํ า ง า น ก ลุ่ ม ร่ ว ม กั น มี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ ภ า ย ใ น ก ลุ่ ม แ ล ะ ร ะ ห ว่ า ง ก ลุ่ ม 2. สมาชกิ ในกลมุ่ มจี าํ นวนไมค่ วรเกนิ 6 คน 3.สมาชกิ ในกลมุ่ มคี วามสามารถแตกตา่ งกนั เพื่อชว่ ยเหลอื กนั 4 . ส ม า ชิ ก ใ น ก ลุ่ ม ต่ า ง มี บ ท บ า ท รั บ ผิ ด ช อ บ ใ น ห น้ า ท่ี ที่ ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม า ย เ ช่ น - เป็ นผนู้ าํ กลมุ่ (Leader) - เป็ นผอู้ ธิบาย (Explainer) - เป็ นผจู้ ดบนั ทึก (Recorder) - เป็ นผตู้ รวจสอบ (Checker) - เป็ นผสู้ งั เกตการณ์ (Observer) - เป็ นผใู้ หก้ าํ ลงั ใจ (Encourager)

เทคนิคการจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) วัฒนาพร ระงับทกุ ข์ (2545 :177 –195) อา้ งใน อาภรณ์ ใจเท่ียง (2550 :123 – 125) กล่าวถึง เทคนิคการจัดการเรียนรแู้ บบร่วมมือ ไวว้ ่า เทคนิคที่นํามาใชใ้ นการเรียนรแู้ บบ รว่ มมือ มีหลายวิธี ไดแ้ นะนาํ ไวด้ งั นี้ 1. ปรศิ นาความคิด (Jigsaw) ปริศนาความคิด เป็ นเทคนิคที่สมาชิกในกล่มุ แยกยา้ ยกันไปศึกษาหาความรู้ ในหวั ขอ้ เน้ือหาที่ แตกตา่ งกนั แลว้ กลบั เขา้ กลมุ่ มาถ่ายทอดความรทู้ ี่ไดม้ าใหส้ มาชกิ กลมุ่ ฟัง วิธนี คี้ ลา้ ยกบั การตอ่ ภาพจิก ซอร์ จึงเรียกวิธนี ีว้ า่ Jigsaw หรือปริศนาการคิด ลักษณะการจัดกิจกรรมผเู้ รียนท่ีมีความสามารถต่างกันเขา้ กล่มุ ร่วมกันเรียกว่า กล่มุ บา้ น (Home Group) สมาชกิ ในกลมุ่ บา้ นจะรบั ผิดชอบศึกษาหวั ขอ้ ทแี่ ตกตา่ งกนั แลว้ แยกยา้ ยไปเขา้ กล่มุ ใหมใ่ นหวั ขอ้ เดยี วกนั กลมุ่ ใหมน่ ี้เรียกว่า กลมุ่ ผเู้ ชี่ยวชาญ (Expert Group) เมื่อกลมุ่ ผเู้ ช่ียวชาญทาํ งาน ร่วมกันเสร็จ ก็จะยา้ ยกลบั ไปกล่มุ เดิมคือ กล่มุ บา้ นของตน นาํ ความรทู้ ่ีไดจ้ ากการอภิปรายจากกล่มุ ผเู้ ชยี่ วชาญมาสรปุ ใหก้ ลมุ่ บา้ นฟัง ผสู้ อนทดสอบและใหค้ ะแนน

เทคนิคการจัดการเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 2. กลม่ ุ รว่ มมือแขง่ ขนั (Teams – Games – Toumaments : TGT) คดะว้ แยนกนนั ขอแเงทลกวค้ลแนมุ่ ติคล่ กกะลลคม่่นมุุ ทแรย่ไี่วดกมค้ ยมะา้แือยนแไนขปร่งแวขขมันง่ สขนังูเปสท็ ดนุดไกสดิอจร้ บกบั ครรวรางามมวทลัรี่สู้ มคาะชแิกนในนทกี่ไดลข่้มุ อเรงียแตนล่ ระเู้ คนน้ือจหะานสาํ ามราะรจวามกกผนั สู้ เปอ็ นน ลกั ษณะการจดั กจิ กรรม พคกวันราอด้ มมว้ รคยทู้ ะชแ่ีผดุสนสู้ คมนอาํ าทนถชีไ่จดาิกะมรท้กทบัดลี่เส่มุหทอจมีมบะือชทน่วไ่ีเมดกยือ่คัน้ กไะัดนแเนเเ้มวตน่ืลอรรากียวแามมขรง่ตสแขงัวูขนัสเง่ ขดุขา้แถันแตือจข่ลวบ่งะ่าลขทเปันงีม็ นจผทโะดเีมเู้ขขยชา้า้ผปนรละร่วเัดะลมจศิกแาํ ันขโต่งถะ๊ขาแนัมขจง่ตะขอกนั บลใับแหไลเ้ปกว้ เิดเขราค้่ิมทวเลีมาน่มเดเแกิมมมข่นพอยงรําตอ้ ใมนน

เทคนคิ การจัดการเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 3. กลม่ ุ รว่ มมือชว่ ยเหลอื (Team Assisted Individualization : TAT) เทคนิคการเรียนรวู้ ิธีนี้ เป็ นการเรียนรทู้ ี่เปิ ดโอกาสใหส้ มาชิกแตล่ ะคนไดแ้ สดงความสามารถ เฉพาะตนกอ่ น แลว้ จึงจบั ค่ตู รวจสอบกนั และกนั ชว่ ยเหลือกนั ทาํ ใบงานจนสามารถผา่ นได้ ตอ่ จากนนั้ จึงนาํ คะแนนของแตล่ ะคนมารวมเป็ นคะแนนของกลมุ่ กลมุ่ ทไี่ ดค้ ะแนนสงู สดุ จะเป็ นฝ่ ายไดร้ ับรางวลั ลกั ษณะการจดั กิจกรรม กลมุ่ จะมสี มาชกิ 2 – 4 คน จบั ค่กู ันทาํ งานตามใบงานที่ไดร้ ับมอบหมาย แลว้ แลกเปล่ียนกัน ตรวจผลงาน ถา้ ผลงานยงั ไมถ่ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ ตอ้ งแกไ้ ขจนกวา่ จะผา่ น ตอ่ จากนนั้ ทกุ คนจะทาํ ขอ้ ทดสอบ คะแนนของทกุ คนจะมารวมกนั เป็ นคะแนนของกลมุ่ กลมุ่ ทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ จะไดร้ ับรางวลั

เทคนิคการจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 4. กลม่ ุ สบื คน้ (Group Investigation : GI) กล่มุ สืบคน้ เป็ นเทคนิคการจัดกิจกรรมท่ีใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึ กทักษะการศึกษาคน้ ควา้ แสวงหา ความรดู้ ว้ ยตนเอง ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ไดร้ บั มอบหมายใหค้ น้ ควา้ หาความรมู้ านาํ เสนอ ประกอบเน้ือหาที่ เรียน อาจเป็ นการทาํ งานตามใบงานท่ีกาํ หนด โดยที่ทกุ คนในกลมุ่ รบั รแู้ ละชว่ ยกนั ทาํ งาน ลกั ษณะการจดั กิจกรรม สมาชกิ กลมุ่ จะชว่ ยกันศึกษาคน้ ควา้ หาคาํ ตอบ หรือความรมู้ านาํ เสนอตอ่ ชน้ั เรียน โดยผสู้ อน แบ่งเนื้อหาเป็ นหัวขอ้ ย่อย แตล่ ะกลมุ่ ศึกษากลมุ่ ละ 1 หัวขอ้ เม่อื พรอ้ ม ผเู้ รียนจะนาํ เสนอผลงานทีละ กลมุ่ แลว้ รว่ มกนั ประเมนิ ผลงาน

เทคนิคการจัดการเรยี นรแู บบรว มมอื (Cooperative Learning) 5. กลม่ ุ เรียนรรู้ ว่ มกนั (Learning Together : LT) กล่มุ เรียนรรู้ ่วมกัน เป็ นเทคนิคการจัดกิจกรรมที่ใหส้ มาชิกในกล่มุ ไดร้ ับผิดชอบ มีบทบาท หนา้ ท่ีทกุ คน เช่น เป็ นผูอ้ ่าน เป็ นผูจ้ ดบันทึก เป็ นผูร้ ายงานนําเสนอ เป็ นตน้ ทกุ คนช่วยกัน ทาํ งาน จนไดผ้ ลงานสาํ เร็จ สง่ และนาํ เสนอผสู้ อน ลกั ษณะการจดั กิจกรรม กลมุ่ ผเู้ รียนจะแบ่งหนา้ ที่กนั ทาํ งาน เชน่ เป็ นผอู้ ่านคาํ สัง่ ใบงาน เป็ นผจู้ ดบันทึกงาน เป็ นผหู้ า คาํ ตอบ เป็ นผตู้ รวจคาํ ตอบ กลมุ่ จะไดผ้ ลงานที่เกิดจากการทาํ งานของทกุ คน

เทคนิคการจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 6. กลม่ ุ รว่ มกนั คิด (Numbered Heads Together : NHT) กิจกรรมนเี้ หมาะสาํ หรับการทบทวนหรือตรวจสอบความเขา้ ใจ สมาชกิ กล่มุ จะประกอบดว้ ย ผเู้ รียนที่มีความสามารถเก่ง ปานกลาง และอ่อนคละกัน จะช่วยกันคน้ ควา้ เตรียมตัวตอบคําถามที่ ผสู้ อนจะทดสอบ ผสู้ อนจะเรียกถามทีละคน กล่มุ ที่สมาชิกสามารถตอบคําถามไดม้ ากแสดงว่าได้ ชว่ ยเหลอื กนั ดี ลกั ษณะการจดั กิจกรรม สมาชกิ กลมุ่ ท่ีมีความสามารถแตกต่างกัน จะร่วมกันอภิปรายปัญหาที่ไดร้ ับเพ่ือใหเ้ กิดความ พรอ้ มและความมนั่ ใจท่ีจะตอบคาํ ถามผสู้ อน ผสู้ อนจะเรียกสมาชิกกลมุ่ ใหต้ อบทีละคน แลว้ นาํ คะแนน ของแตล่ ะคนมารวมเป็ นคะแนนของกลมุ่

เทคนคิ การจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 7. กลม่ ุ รว่ มมือ (Co – op Co - op) กลมุ่ รว่ มมอื เป็ นเทคนคิ การทาํ งานกลมุ่ วิธีหนง่ึ โดยสมาชกิ ในกลมุ่ ท่ีมีความสามารถและความ ถนดั แตกตา่ งกันได้ แสดงบทบาทตามหนา้ ท่ีที่ตนถนดั อยา่ งเต็มท่ี ทาํ ใหง้ านประสบผลสาํ เร็จ วิธีนีท้ าํ ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ ึ กความรับผิดชอบการทาํ งานกล่มุ ร่วมกัน และสนองต่อหลักการของการเรียนรู้ และ ร่วมมือที่ว่า “ความสาํ เร็จแตล่ ะคน คือ ความสาํ เร็จของกล่มุ ความสําเร็จของกล่มุ คือ ความสาํ เร็จ ของทกุ คน” ลกั ษณะการจดั กิจกรรม สมาชิกกล่มุ ที่มีความสามารถแตกตา่ งกันจะแบ่งหนา้ ที่รับผิดชอบไปศึกษาหัวขอ้ ย่อยทีไดร้ ับ มอบหมาย แลว้ นาํ งานจากการศึกษาคน้ ควา้ มารวมกันเป็ นงานกล่มุ ปรับปรงุ ใหต้ อ่ เนื่องเช่ือมโยง มี ความสละสลวย เสร็จแลว้ จึงนาํ เสนอตอ่ ชน้ั เรียน ทกุ กลมุ่ จะชว่ ยกนั ประเมนิ ผลงาน

วิธีการจดั การเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) วันเพ็ญ จันทร์เจริญ (2542 : 119-128) กล่าวถึง วิธีการเรียนแบบ ร่วมมอื ทน่ี ยิ มใชก้ นั มเี ทคนคิ สาํ คญั 2 แบบ คือ 1. แบบเป็ นทางการ (Formal cooperative learning) 2. และแบบไมเ่ ป็ นทางการ (Informal cooperative learning)

วธิ ีการจัดการเรยี นรแู บบรว มมือ (Cooperative Learning) 1. การเรยี นแบบรว่ มมืออยา่ งเป็ นทางการ มีดงั น้ี 1.1 เทคนคิ การแขง่ ขนั ระหว่างกลมุ่ ดว้ ยเกม (Team – Games – Tournament หรือ TGT) 1.2 เทคนคิ การแบ่งกลมุ่ แบบกลมุ่ สมั ฤทธ์ิ (Student Teams Achievement Divisions หรือ STAD) 1.3 เทคนคิ การจดั กลมุ่ แบบชว่ ยรายบคุ คล (Team Assisted Individualization หรือ TA) 1.4 เทคนคิ โปรแกรมการร่วมมอื ในการอา่ นและเขยี น (Cooperative Integrated Reading and Composition หรือ CIRC) 1.5 เทคนคิ การตอ่ ภาพ (Jigsaw) 1.6 เทคนคิ การตอ่ ภาพ 2 (Jigsaw II) 1.7 เทคนคิ การตรวจสอบเป็ นกลมุ่ (Group Investigation) 1.8 เทคนคิ การเรียนร่วมกนั (Learning Together) 1.9 เทคนคิ การเรียนแบบร่วมมอื ร่วมกลมุ่ (Co – op – Co - op)

วธิ กี ารจดั การเรยี นรูแ บบรว มมอื (Cooperative Learning) 2. การเรยี นแบบรว่ มมืออยา่ งไมเ่ ป็ นทางการ มีดงั น้ี 2.1 การพดู เป็ นคู่ (Rally Robin) 2.2 การเขยี นเป็ นคู่ (Rally Table) 2.3 การพดู รอบวง (Round Robin) 2.4 การเขยี นรอบวง (Roundtable) 2.5 การแกป้ ัญหาดว้ ยการตอ่ ภาพ (Jigsaw Problem Solving) 2.6 คิดเดย่ี ว คิดคู่ รว่ มกนั คิด (Think Pair Share) 2.7 อภิปรายเป็ นคู่ (Pair Discussion) 2.8 อภิปรายเป็ นทีม (Team Discussion) 2.9 ทาํ เป็ นกลมุ่ ทาํ เป็ นคู่ และทาํ คนเดียว (Team - pair - Solo)

รปู แบบการเรยี นรูแ บบรว มมอื (Cooperative Learning) ไสว ฟักขาว ( 2544 : 195 - 217) กลา่ วถึง รปู แบบการเรียนรแู้ บบร่วมมือ ท่นี ยิ มใชใ้ นปัจจบุ นั มี 7 รปู แบบ ดงั นี้ 1. รปู แบบ Jigsaw 2. รปู แบบ STAD (Student Teams – Achievement Division) 3. รปู แบบ LT (Learning Together) 4. รปู แบบ TAI (Team Assisted Individualization) 5. รปู แบบ TGT (Teams-Games-Tournaments) 6. รปู แบบ GI (Group Investigation) 7. โปรแกรม CIRC (Cooperative Integrated Reading and Composition)

ประโยชนก ารเรยี นรแู บบรว มมอื (Cooperative Learning) วนั เพ็ญ จนั เจริญ (2542 : 119)กลา่ วถึงประโยชนข์ องการเรียนแบบรว่ มมือ มีดงั น้ี 1. สรา้ งความสมั พนั ธท์ ีด่ รี ะหว่างสมาชิก เพราะทกุ ๆ คนร่วมมือในการทาํ งานกล่มุ ทกุ ๆ คนมีสว่ น ร่วมเทา่ เทียมกนั 2. สมาชิกทกุ คนมโี อกาสคิด พดู แสดงออก แสดงความคิดเห็น ลงมือกระทาํ อยา่ งเทา่ เทียมกนั 3. เสริมใหม้ ีความชว่ ยเหลอื กนั เชน่ เด็กเก่งชว่ ยเด็กทเ่ี รียนไมเ่ ก่ง ทาํ ใหเ้ ด็กเก่ง ภาคภมู ิใจ รจู้ ักสละ เวลา สว่ นเด็กท่ีไมเ่ ก่งเกิดความซาบซ้ึงในนา้ํ ใจของเพ่ือนสมาชิกดว้ ยกนั 4. ร่วมกันคิดทกุ คน ทาํ ใหเ้ กิดการระดมความคิด นาํ ขอ้ มลู ท่ีไดม้ าพิจารณาร่วมกัน เพื่อประเมิน คาํ ตอบทเ่ี หมาะสมทสี่ ดุ เป็ นการสง่ เสริมใหช้ ว่ ยกนั คิดหาขอ้ มลู ใหม้ าก และวิเคราะหแ์ ละตดั สนิ ใจเลอื ก 5. สง่ เสริมทกั ษะทางสงั คม เชน่ การอย่รู ว่ มกนั ดว้ ยมนษุ ยสมั พนั ธท์ ี่ดีตอ่ กนั เขา้ ใจกนั และกนั อีกทงั้ เสริมทกั ษะการสื่อสาร ทกั ษะการทาํ งานเป็ นกลมุ่ สงิ่ เหลา่ นลี้ ว้ นสง่ เสริมผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนใหส้ งู ขน้ึ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook