นางเอกในวรรณคดีไทย จดั ทำโดย นายสปิ ปวชิ ญ์ ชะนะ เลขที่ ๙ ม.๕/๑ นายเตชินฑ์ ผจญแก้ว เลขที่ ๑๓ ม.๕/๑ นายภวตั หาญสุรยิ ์ เลขที่ ๑๘ ม.๕/๑ นำเสนอ ครูสุภลักษณ์ พลเรอื ง โรงเรียนราชสมี าวทิ ยาลัย
ก คำนำ รายงานเลม่ นจ้ี ัดทำข้นึ เพ่อื เปน็ ส่วนหน่งึ ของวชิ าภาษาไทย ชน้ั ม.๕/๑ เพื่อให้ได้ศึกษา หาความรใู้ นเรือ่ งนางเอกในวรรณคดไี ทยและได้ศึกษาอยา่ งเข้าใจเพอ่ื เปน็ ประโยชน์กบั การ เรยี น ผู้จัดทำหวังวา่ รายงานเลม่ นีจ้ ะเปน็ ประโยชนก์ บั ผู้อา่ น หรอื นกั เรียน นกั ศกึ ษา ท่ี กำลังหาข้อมลู เรอื่ งนีอ้ ยู่ หากมีขอ้ แนะนำหรอื ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรับไว้ และขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย คณะผ้จู ดั ทำ วนั พุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564
สารบัญ ข คำนำ ก สารบญั ข นางสีดา ๑ นางรจนา 3 นางอุษา 6 นางมโนราห์ 9 นางมัทนา 14 นางบษุ บา 18 บรรณานกุ รม 22
1 นางสีดา จากเรอื่ ง : รามเกียรติ์ ประวัตผิ ูแ้ ต่ง รามเกียรต์ิ เป็นวรรณคดีสำคัญเร่อื งหนง่ึ ของไทย โดยมีตน้ เคา้ จากวรรณคดีอนิ เดีย คือมหากาพยร์ า มายณะท่ีฤๅษีวาลมกี ิ ชาวอนิ เดยี แต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต เม่อื ประมาณ 2,400 ปเี ศษ เชอ่ื ว่าน่าจะเป็นทร่ี ูจ้ กั ใน หม่ชู าวไทยมาต้ังแต่สมัยโบราณ จากอิทธิพลของลัทธิพราหมณฮ์ ินดู โดยแฝงไว้ซ่ึงคตยิ กย่องพระมหากษัตรยิ ์ ซึ่ง เช่ือกนั ว่าเป็นอวตารของพระนารายณ์ สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ ของไทยนน้ั มีมาต้ังแต่สมยั อยธุ ยา ในสมยั กรุงธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี ไดท้ รงพระ ราชนพิ นธส์ ำหรบั ให้ชุมนมุ ละครโรงเรยี นสวนกุหลาบวิทยาลยั เลน่ ปัจจบุ นั มอี ยูไ่ ม่ครบ ต่อมาในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ไดท้ รงพระราชนิพนธ์ขึน้ เพอื่ รวบรวมเรอ่ื งรามเกียรติ์ ซง่ึ มีมาแต่ เดิมใหค้ รบถ้วน สมบรู ณต์ ั้งแต่ตน้ จนจบ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ไดท้ รงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรื่องรามเกียรต์ิ เพ่อื ให้ละครหลวงเลน่ โดยไดท้ รงเลอื กมาเปน็ ตอน ๆ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละครเร่ือง รามเกยี รติ์ โดยใช้ฉบบั ของอนิ เดีย (รามายณะ) มาพระราชนพิ นธ์ ใชช้ อื่ วา่ \"บอ่ เกิดรามเกียรต\"ิ์
2 เรอ่ื งย่อรามเกยี รติ์ เหตุเกิดเมื่อนนทกไปเกิดใหม่เป็นทศกัณฐ์มสี บิ หน้าย่ีสิบมือตามคำพระนารายณก์ ่อนนัน้ เม่ือพระนารายณ์ สงั หารนนทกแลว้ ได้ไปขอพระอิศวรจะให้เหล่าเทวดา และตนไปตามสงั หารนนทกในชาติหน้า หลังจากนั้น ทหาร เอกท้ังห้า จึงเกิดตามกันไป ไดแ้ ก่ หนุมานเกิดจากเหล่าศาสตราวธุ ของพระอิศวรไปอยู่ในครรภ์นางสวาหะ สุครพี เกดิ จากพระอาทิตยแ์ ล้วโดนคำสาปฤๅษีท่ีเป็นพ่อของนางสวาหะ องคต เปน็ ลูกของพาลที ่ีเปน็ พขี่ องสคุ รีพ ชมพู พาน เกดิ จากการชบุ เลย้ี งของพระอนิ ทร์ นิลพัท เป็นลูกของพระกาฬ ฝ่ายพระรามและฝา่ ยทศกัณฐ์ได้เกิดศึกชิง นางสีดา จนไพล่พลฝ่ายยกั ษ์ล้มตายเป็นจำนวนมาก และสุดท้าย ทศกัณฐเ์ องก็ถูกพระรามฆ่าตายเช่นเดียวกัน ประวัตคิ วามเปน็ มาของนางสดี า นางสดี า คอื พระลักษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกดิ เพอ่ื เป็นคูค่ รองของพระราม ตาม บญั ชาของพระอศิ วร นางสดี า เปน็ พระธดิ าของทศกัณฐ์ กับนางมณโฑ แตเ่ มือ่ ประสูตแิ ล้ว พิเภกได้ทำนายวา่ นาง เปน็ กาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐจ์ ึงสัง่ ให้นำนางใสผ่ อบลอยน้ำไป พระฤๅษีชนกพบเขา้ จงึ เกบ็ ไปเลี้ยง เปน็ ลูก โดยฝังดนิ ฝากแม่พระธรณีไว้ เวลาผา่ นไปถงึ ๑๖ ปี พระฤๅษีชนกเบ่ือหน่ายการบำเพ็ญพรต คดิ กลับไป ครองกรุงมถิ ลิ าเชน่ เดิม จึงลาเพศพรหมจรรยไ์ ปขุดนางข้นึ มา แลว้ ตงั้ ชือ่ ใหว้ า่ สีดา (แปลว่ารอยไถ) จากน้นั พานาง พานางเข้าเมืองมิถลิ า จดั พธิ ยี กศรค่บู ้าน คูเ่ มืองเพือ่ เส่ียงทายหาคู่ครองใหน้ างสีดา พระรามยกศรได้ จึงได้อภเิ ษก สมรสกบั นางสีดา บทบาทท่สี ำคญั ในเรื่องรามเกียรติ์ - ขณะทีป่ ระสตู นิ ้ันนางสีดาร้องว่า \"ผลาญราพณ\"์ ข้นึ สามครั้ง พิเภกและโหรอืน่ ๆ ทำนายวา่ เปน็ กาลบี ้านกาลีเมอื ง ทศกนั ฐ์จงึ สั่งให้นำพระธดิ าผู้นัน้ ใส่ผอบลอยน้ำไป - พระฤๅษีชนกพบเข้ากเ็ ก็บไปฝังดินฝากแม่พระธรณีไว้ จนเวลาล่วงไปถงึ 16 ปี จึงขดุ นางขึน้ มา แล้วตงั้ ชอ่ื ว่าสดี า แลว้ กลับไปครองเมืองมิถิลาเช่นเดมิ และได้จัดพิธียกศรเพื่อหาคูค่ รองให้นางสีดา พระรามยกศรได้จงึ ได้อภิเษกกบั นางสีดาและพานางกลบั ไปอยู่ท่ีกรงุ อยุธยา - ทำพิธลี ุยไฟเพื่อพสิ จู นค์ วามบริสทุ ธ์ ซ่งึ นางสามารถเดนิ ลุยไฟได้อย่างปลอดภัย พระรามตั้งให้พิเภกครองกรุง ลงกาแลว้ พระรามก็เสด็จกลับอยุธยาพร้อมด้วยนางสดี า และพระลกั ษณ์ ลักษณะภายนอก สีนวลจันทร์หรอื สขี าวผอ่ ง 1 หน้า 2 มอื มงกุฏนาง สวยมาก ลักษณะอุปนสิ ัย นางสีดา เป็นผหู้ ญิงทีร่ กั นวลสงวนตัว รักเดียวใจเดียวมีความมนั่ คงต่อพระราม มีความกล้าหาญ ยอม ลยุ ไฟเพอ่ื พสิ ูจน์ความรักและความมนั่ คงท่มี ตี ่อพระราม
3 นางรจนา จากเร่ือง : สงั ขท์ อง ประวตั ผิ ู้แต่ง บทละครเร่อื งสงั ข์ทองตอนพระสังข์หนนี างพันธุรตั เป็นบทพระราชนพิ นธข์ องพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย (รชั กาลท่ี 2) ซง่ึ เป็นราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก (รชั กาลท่ี 1) และสมเด็จ พระอมรนิ ทราบรมราชนิ ี มีพระนามเดิมว่า “ฉมิ ” ทรงพระราชสมภพเมอ่ื วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ณ ตำบลอัมพวา จงั หวัดสมุทรสาคร เม่ือทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาเลา่ เรียนกบั สมเด็จพระวันรัต (ทองอยู)่ แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม เมือ่ พระชนม์ได้ 16 พรรษา ไดร้ ับการสถาปนาเป็นพระเจา้ ลูกยาเธอ ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้าอสิ รสนุ ทร พระชม มายุ 19 พรรษา พระองคท์ รงผนวชและจำพรรษาอย่ทู ว่ี ดั สมอราย (วัดราชาธวิ าส) และเมื่อพระชมมายไุ ด้ 41 พรรษา ได้อุปราชาภเิ ษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล 2 ปี ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชเสด็จสวรรคร พระองค์จึงได้เสดจ็ เสวยราชสมบตั เิ ป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศจ์ ักรี เมือ่ วนั ท่ี 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ในรัชสมยั ของพระองคท์ ่านถือได้วา่ เปน็ ยุคทองของวรรณคดีไทยสมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ ละครรำรงุ่ เรืองถึงขดี สุด พระองค์ทรงเปน็ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองคไ์ ด้ทรงพระราชนิพนธว์ รรคดรี ้อยกรองไว้หลายเร่ือง และเป็น ท่ีนิยมแพร่หลายมาจนถึงทกุ วันนี้
4 เรอื่ งย่อสังข์ทอง ณ เมอื งยศวมิ ลนคร อนั มีท้าวยศวิมลเปน็ เจา้ เมือง พระมเหสีจนั เทวไี ด้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสงั ข์ จงึ ถกู พระนางจันทา มเหสรี อง ใสร่ า้ ยว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมอื งไปอยู่กระท่อมตายายท่ชี ายป่า จนกระทง่ั พระสังขท์ ี่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สรา้ งความยินดกี ับพระนางจนั เทวีมากขา่ วลว่ งรู้ไปถงึ นางจนั ทา จึงไดส้ ่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงนำ้ แต่ทา้ วภชุ งคพ์ ญานาคราชชว่ ยเอาไว้ และสง่ ให้ไปอยู่กับ นางพนั ธุรัต พระ สังข์รวู้ ่านางพันธุรัตเปน็ ยักษจ์ ึงขโมยรปู เงาะ ไม้เทา้ เกือกแก้ว เหาะหนีมาอย่บู นเขา นางพนั ธุรัตตามมาทนั แต่ ไม่ สามารถขน้ึ ไปหาพระสงั ข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรยี กปลาให้แก่พระสังข์ก่อนท่จี ะอกแตกส้นิ ใจตาย ทเ่ี ชงิ เขา นัน่ เอง พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจดั พิธีเลือกคู่ใหธ้ ิดาทัง้ เจด็ แต่ รจนาพระธิดาองค์สดุ ท้อง ไม่ยอมเลอื กใครเปน็ คู่ ท้าวสามลจึงใหค้ นไปตามเจ้าเงาะมาให้เลอื ก รจนาเห็นรปู ทองที่ ซอ่ นอยู่ในรปู เงาะจงึ เสย่ี งมาลัยไปให้ สร้างความพิโรธใหท้ ้าวสามาลจงึ ถึงกบั ขบั ไลร่ จนาใหไ้ ปอยู่กระท่อมปลายนา กบั เจ้าเงาะท้าวสามลหาทางแกลง้ เจ้าเงาะ โดยการใหไ้ ปหาเนอื้ หาปลาแข่งกบั เขยทง้ั หก เจา้ เงาะให้มนต์ท่นี างพนั ธุ รตั ให้ไว้เรียกเนื้อ เรียกปลามารวมกันทำใหห้ กเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อ และปลาท้าวสามลพโิ รธมากจนถงึ กบั คิดหาทางประหารเจ้าเงาะ ร้อนถงึ พระอนิ ทร์ต้องหาทางชว่ ยโดยการลงมาท้า ตคี ลีชงิ เมอื ง กบั ท้าวสามล ทา้ วสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงตอ้ งยอมใหเ้ จ้าเงาะไปส้แู ทน เจ้าเงาะถอดรูปเป็น พระสงั ขแ์ ละส้กู ับพระอนิ ทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรบั พระสังข์กลับเขา้ เมืองและจัดพธิ อี ภเิ ษกให้ พระอินทรไ์ ป เขา้ ฝันทา้ วยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวมิ ลจึงออกตามหาพระนางจนั เทวจี นพบ และได้เดนิ ทาง ไป เมอื งสามลนครเพ่ือพบพระสังข์ โดยพระนางจนั เทวไี ดป้ ลอมเป็นแมค่ รวั ในวงั และได้แกะสลักเรอ่ื งราวทง้ั หมดบน ช้นิ ฟัก ให้พระสังขเ์ สวย ทำให้พระสงั ขร์ ู้วา่ แมค่ รวั คือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสดจ็ ตามท้าวยศ วมิ ลและพระนาง จันเทวกี ลับไปครองเมืองยศวมิ ลสืบไป ประวตั คิ วามเปน็ มาของนางรจนา นางรจนา จากเรือ่ งสงั ข์ทอง เปน็ ธิดาสุดท้องจากจำนวนธดิ าเจด็ องคข์ องท้าวสามล พีๆ่ เลอื กคู่ไดส้ ามี สมนำ้ สมเนอื้ กันแล้ว แต่นางรจนากลับเลอื กไดเ้ จา้ เงาะ ทั้งๆที่ตนเป็นสาวสวย จงึ เป็นทเ่ี ยาะเย้ยไปท่วั ทำให้พระ บิดากรว้ิ ไล่ให้ไปตกระกำลำบากทก่ี ระท่อมปลายนา แตค่ วามจริงที่นางเลือกก็เพราะเหน็ รปู ทองอย่ขู ้างใน เจ้าเงาะ ถงึ จะข้รี ว้ิ แต่ก็มีวชิ าความรู้ จนต่อมาพระอินทร์ต้องแปลงร่างมาตคี ลเี พ่อื ช่วยใหเ้ จ้าเงาะไดถ้ อดรปู ให้ทุกคนได้เห็น รปู ทองในท่สี ุด ดังน้ันสาวๆท่ีมีสามีขี้ร้วิ จึงมักถูกวา่ เปน็ นางรจนาควงเจ้าเงาะ
5 บทบาททสี่ ำคัญในเรือ่ งสังข์ทอง - นางรจนาเห็นรูปทองภายในของเจ้าเงาะ จงึ ไดเ้ สย่ี งพวงมาลยั ใหเ้ จา้ เงาะ ทำให้ท้าวสามลโกรธมากจึงเนรเทศนาง รจนาไปอยู่ทกี่ ระท่อมปลายนากบั เจ้าเงาะ ลกั ษณะภายนอก ทา้ วสามลและพระนางมณฑามีธิดาล้วนถงึ 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองคส์ ดุ ทอ้ งท่ีช่ือ รจนา มีสริ ิโฉม เลิศลำ้ กว่าธิดาทกุ องค์ ลักษณะอุปนสิ ยั รจนาเปน็ กุลสตรี เป็นผู้หญิงท่ีเรียบรอ้ ย อ่อนน้อมถ่อมตน อยูใ่ นกรอบประเพณีและเป็นแม่บา้ นแม่เรือน เปน็ หญงิ ทม่ี ีความอดทนและมีการควบคุมภาวะทางอารมณ์ได้อย่างดีย่งิ และเปน็ ผทู้ ี่มีความเชือ่ มนั่ ในตัวของตงั เอง สูง โดยมีสติไมไ่ ด้ตดั สินใจดว้ ยอารมณ์แตต่ ัดสินใจด้วยเหตุผลท่ตี นเองได้ไตร่ตรองแลว้ มีจิตใจทีเ่ ป็นอิสระ และมี ความเข้มแข็ง จะเห็นได้จากการเลอื กคู่ของนางในตอนแรกท่ีนางไม่เลือกใครเลย และมาครง้ั ทีส่ องกไ็ ด้เลอื กเจา้ เงาะในทส่ี ุด การกระทำทง้ั สองครั้งนเี้ ปน็ สงิ่ ขดั แย่งกบั ความคดิ ความเข้าใจของคนอ่ืน แต่รจนาก็กลา้ คดิ กล้ากระทำ ด้วยความเชอื่ มั่นวา่ ตนเองเป็นผถู้ ูก และอดทนจนความจริงปรากฏ
6 นางอษุ า จากเรอื่ ง : ท้าวแสนปม ประวตั ผิ แู้ ต่ง บริเวณวัดวงั พระธาตุ ด้านหน้าวดั มีศาลของทา้ วแสนปมและในบรเิ วณวดั มีรูปปน้ั ท้าวแสนปม ท่คี นทัว่ ไปให้ ความเคารพนบั ถือ ในฐานะเปน็ ตำนานของทา้ วแสนปม ผู้สร้างเมือง เทพนคร ฝง่ั ตรงกันข้ามกบั นครไตรตรึงษ์ มี ตำนานเลา่ ขานกนั มาชา้ นาน นอกจากคำเล่าขานของชาวบา้ นแลว้ ท้าวแสนปมตามตำนานในตน้ พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบบั สมเด็จ พระปรมานชุ ติ ชิโนรส วา่ ในจลุ ศักราช 681 พ.ศ. 1862 ทา้ วแสนปม ได้ไปสรา้ งเมืองใหม่ข้ึนท่เี มืองเทพนครและ ขึน้ ครองราชย์สมบตั ิในเมืองเทพนคร ทรงพระนามว่าพระเจ้าสิริชยั เชยี งแสนครองราชย์สมบตั ิ 25 ปี สวรรคตเมอ่ื จุลศกั ราช 706 พ.ศ. 1887 ทรงมีพระราชโอรสทรงพระนามวา่ พระเจ้าอู่ทองไดช้ ่ือเช่นนี้เพราะ เพราะพระราช บดิ านำทองคำมาทำเปน็ อใู่ ห้นอน จงึ ขนานนามพระองคว์ า่ พระเจา้ อ่ทู อง ภายหลงั พระเจ้าอ่ทู องเป็นผู้สถาปนากรุง ศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวงและทรงพระนามวา่ สมเด็จพระรามาธบิ ดที ่1ี พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู ัว ทรงวิจารณ์เรอื่ งท้าวแสนปมไว้ในหนงั สือบทละครเรอ่ื งท้าวแสนปม ที่ พระองค์ทรงพระราชนพิ นธ์วา่ ตำนานเร่ืองทา้ วแสนปมนี้จะต้องมีมลู ความจริง เพราะอย่างนอ้ ยศักราชท่ีทรง ทิวงคต เปน็ ของแนน่ อน แตม่ ีผู้เล่าต่อๆกนั มาภายหลัง เลา่ ไปในทางปาฏหิ าริยจ์ นเหลือเช่ือ จากคำบอกเลา่ ของชาวบ้าน และพระราชนพิ นธ์เรือ่ งทา้ วแสนปมของรัชกาลที่ 6 ลว้ นมแี นวทางใกล้เคยี งกนั ว่าท้าว แสนปมคอื พระชนิ เสน โอรสของท้าวศรีวิชัย ได้ข่าววา่ นางอุษาธิดาของเจ้าเมืองไตรตรงึ ษ์งดงาม จงึ คิดลองพระทัย จึง ปลอมเปน็ ชายเข็ญใจ ชอื่ แสนปม เพราะทำปุ่มปมเต็มตวั เพือ่ ลองใจนาง แลว้ แฝงเขา้ ไปอยกู่ ับคนทำสวนหลวง จนไดพ้ บนาง แลว้ ถวายมะเขือท้าวแสนปม จารึกคารมรักบนผลมะเขือ
7 เรื่องย่อท้าวแสนปม กลา่ วถึงเมืองไตรตรึงษ์ ซ่งึ ทา้ วไตรตรึงษ์ชัว่ ท่ี มรี าชธิดาองคห์ นึง่ ช่ือว่านางอุษามีรปู งดงามมาก กิตติศัพท์เล่า ลอื ระบือไปในเมืองต่าง ๆ ทราบถงึ เจา้ นครศรีวไิ ชย จงึ ใช้ฑูตไปทาบทามเพอ่ื ขอนางนั้นเป็นมเหสแี หง่ พระชนิ เสน ราชโอรสผูเ้ ปน็ ยพุ ราช แตท่ ้าวไตรตรงึ ษไ์ ม่มีราชโอรสกป็ รารถนาจะให้เขย มาเป็นกษตั ริยค์ รองเมืองสบื ไป จงึ ตอบ ว่าถา้ ท้าวศรวี ิไชยยอมเปน็ เมืองข้ึนจึงจะยกพระธิดาให้ ท้าวศรีวิไชยกไ็ ม่ยอจึงงดกันไป กาลตอ่ มาพระชนิ เสนมีความปรารถนาจะเห็นตวั พระธดิ าของทา้ วไตรตรึงษ์ จึงลาพระราชบดิ าไปยงั เมืองไตรตรึงษ์ ครน้ั ว่าจะเข้าไปตรง ๆ ก็เห็นวา่ ไม่สะดวก ดว้ ยพระบดิ าและทา้ วไตรตรึงษ์ผดิ ใจกันอยู่ จงึ ใชอ้ บุ ายแปลงตวั เป็น ยาจกเอาฝุ่นและเขม่าทาตัวใหเ้ ป้ือนเปรอะ เอารงคแ์ ตม้ ตัวใหด้ ปู ระหนึ่งว่าเปน็ ปมปุ่มท่วั ไปท้ังตวั นงุ่ ห่มใหป้ อน ใช้ ชอื่ วา่ แสนปม แล้วกเ็ ขา้ ไปในเมืองไตรตรึงษโ์ ดยไปอาสารับใชผ้ ู้เฝ้าสวนหลวงอยูเ่ พ่ือหาชอ่ งทางดตู วั นางอุษา อยมู่ าวนั หนงึ่ นางอษุ า ออกไปประพาสสวนหลวง ส่วนแสนปมไปเทยี่ วเดินเกบ็ ผลหมากรากไม้และผกั หญ้าอยู่ จงึ ได้เหน็ ตัวนางกเ็ กิดความรัก จึงเข้าไปหาและนำผักไปถวาย ฝ่ายนางอษุ าสงั เกตดนู ายแสนปมเหน็ ว่าไม่ใช่ไพรจรงิ เพราะประการหนึ่ง มิได้ไหวต้ น อีกประการหน่งึ นนั้ นายแสนปมตาจ้องดูนางไมห่ ลบเลย นางจงึ ใหข้ า้ หลวงซักดู ก็ ได้ความแตเ่ พยี งว่าช่ือนายแสนปมแตไ่ ม่บอกว่ามาแตไ่ หน หรือเป็นลกู เตา้ เหลา่ ใคร นางอุษานึกในใจว่าต้องเป็นคน มตี ระกลู แปลงตัวมาเปน็ แน่แท้ ครั้นจะพูดจาอะไรตอ่ ไปก็ไม่ถนัดจงึ สง่ั นายแสนปมวา่ ตอ่ ไปให้หม่นั เก็บผกั สง่ เข้าไป ในวัง แลว้ นางกก็ ลบั เขา้ วงั ฝา่ ยพระชินเสนไตรต่ รองจากท่าทางของนางก็ร้วู า่ นางมใี จตอบ จึงใชอ้ บุ ายเอาเหลก็ แหลมจารเป็นหนงั สอื บนมะเขอื เปน็ ถ้อยคำเกี้ยวเลยี บเคียงเป็นนัย ๆ แล้วนำมะเขือกับผักอ่นื ๆ สง่ ไปใหน้ าง ฝ่าย นางอุษาได้เห็นหนังสือนัน้ แล้ว ก็เขียนหนังสอื ตอบใสห่ อหมากฝากไปให้ นายแสนปม พระชินเสนได้รับหนังสอื ตอบกเ็ ข้าใจไดด้ ีว่านางสมัครรกั ใคร่ในตนแน่แลว้ มคี วามบอกเป็นนยั จงึ เข้าไป หานางที่ในวงั ต่อจากนัน้ ก็นัดพบปะได้เสยี กันโดยวธิ ีมหี นังสือเขยี นบนมะเขอื ในการตดิ ต่อนดั แนะ จึงเกิดปรากฏข้ึน วา่ นางอุษาน้นั โปรดเสวยมะเขือนกั ต่อมาพระชินเสนต้องรบี กลับไปนครศรีวชิ ยั อนั เนื่องมาจากพระบิดาปว่ ย จงึ มิ ทนั พานางไปดว้ ย ตอ่ จากนั้นกม็ ีข้อข้องขัดบังเกิดขึน้ จึงเป็นอนั ยงั ไมม่ โี อกาสท่ีจะจัดการไปรบั นางอษุ า จนนาง ประสูตโิ อรสโหรทำนายตามดวงชะตาว่าพระโอรสของนางจะได้เป็นพระยามหากษัตริย์ทรงเดชานุภาพใหญย่ ่งิ ท้าว ไตรตรงึ ษ์ผู้เปน็ ตา จึงอยากจะใครท่ ราบวา่ ใครเปน็ บิดาของหลาน เพราะถามพระธดิ าก็ไมใ่ ห้การอย่างไรทงั้ ส้ิน ถาม พวกขา้ หลวงก็ไม่มีใครรเู้ ร่ืองอะไร จงเปน็ แต่โจษกันว่าต้ังแต่ไดเ้ สวยมะเขือซึ่งนายแสนปมถวายแล้วก็ทรงครรภ์ ท้าวไตรตรงึ ษ์ทรงไตรต่ รองเห็นวา่ ผ้ชู ายถา้ ไมเ่ ป็นคนดีทีไ่ หนจะบงั อาจลอบรักสมัครสังวาสกับพระธดิ าไดถ้ ้าร้ตู วั และเหน็ วา่ เปน็ ผู้ที่สมควรกนั กจ็ ะได้อภเิ ษกใหเ้ ปน็ คู่ครองกัน จึงคดิ หาอุบายที่จะไดร้ ตู้ ัวผัวแหง่ นางอุษา โดยใหป้ ่าว ประกาศบรรดาทวยลกู เจ้าขุนมลู นายและทวยราษฎรมาพร้อมกัน ให้ถือขนมนมเนยตดิ มือมาแล้วก็ทรงอธิษฐานว่า ถ้าผู้ใดเป็นบิดาพระกุมาร ขอใหพ้ ระกุมารรบั ของจากมือผู้น้ัน แล้วท้าวไตรตรงึ ษ์จะไดย้ กพระธิดาอภเิ ษกให้ ท่คี ดิ อุบายเชน่ นก้ี ็โดยเช่ือวา่ ธดิ านั้น อยา่ งไรก็คงจะไม่ยอมใหล้ กู รับของจากมือผู้อนื่ นอกจากผัวของตน เพราะถ้ากุมาร รับของคนอน่ื นางกต็ ้องตกไปเปน็ เมียของคนอื่น ที่ไหนจะปลงใจยอมได้ความทราบถงึ พระชนิ เสนจงึ จัดทพั ใหญต่ ัง้ พระทัยจะต้องรับนางผู้เป็นชายามาให้จงได้ จึงต้องเตรยี มกำลงั เพ่ือรบไดท้ เี่ ดียว พอใกลน้ ครไตรตรงึ ษก์ ส็ งั่ ให้ทัพ
8 หยดุ พกั และส่ังใหอ้ ุบายแก่ขุนพลไว้แลว้ พระชินเสนจึงแปลงเป็นนายแสนปมถือขา้ วเยน็ ก้อนหน่งึ ไปยงั พระลาน ครัน้ ถงึ เวลากำหนดท้าวไตรตรึงษ์จึงกระทำการตามอบุ ายท่ีออกไว้ พระกุมารก็ไมร่ บั ของใครสักคนเดียว จนกระท่งั นายแสนปมชูก้อนข้าวเยน็ ให้จึงไดร้ ับ (พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทรงอธบิ ายวา่ ไมเ่ ป็นการอัศจรรย์ เพราะนางนมคงจะได้รบั คำสง่ั มาชดั เจนแลว้ ว่าใหร้ ับแต่ของจากมือนายแสนปมคนเดยี วเท่านน้ั )ท้าวไตรตรงึ ษเ์ หน็ เช่นน้นั ร้สู ึกอับอายเพราะคดิ ว่าพระธดิ าเล่นชกู้ ับคนเลวตำ่ ชาติ จงึ ขบั พระธิดาออกจากพระนคร ทั้งด่าว่านายแสน ปมต่าง ๆ นานา นายแสนปมจึงกลา่ วว่าถึงขบั ไล่กไ็ ม่วติ ก เมืองจะสรา้ งอย่เู องไดส้ กั เมอื งไตรตรงึ ษ์กไ็ ด้ ทัง้ ไม่มคี วาม เกรงกลัวใคร เพราะถ้าตนตีอินทเภรีข้ึน รีพ้ ลกจ็ ะมมี าเหมือนน้ำมหาสมุทร ทา้ วไตรตรงึ ษ์สำคัญวา่ นายแสนปมพูด อวดดจี งึ ท้าให้ตีกลอง แสนปมกต็ กี ลองขึ้นสามลา กองทพั ที่ได้เตรียมอบุ ายกนั ไว้นอกเมือง ก็โห่รอ้ งขึ้น ทา้ ว ไตรตรึงษต์ กใจและร้วู า่ เป็นทัพของพระชินเสนซ่งึ ปลอมตัวมา มิรทู้ ่ีจะทำประการใด คร้ันจะวิงวอนงอนง้อพระชิน เสนให้อยู่ เขากค็ งไม่อยเู่ พราะดถู กู พ่อของเขาไว้ พระชนิ เสนจึงได้รบั นางอษุ าและพระราชโอรสกลบั ไปนครศรีวิชยั (ซึ่งพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าได้ทรงพระราชนิพนธเ์ ป็นกลอนบทละครจบั ต้งั แตพ่ ระชินเสนทลู ลาพระบิดาไปดู ตัวนางอษุ าในเมืองไตรตรึงษ์ จึงไดน้ างกลบั มาศรีวิไชยแลว้ กจ็ บ) ประวตั ิความเป็นมาของนางอษุ า กลา่ วถงึ เมืองไตรตรงึ ษ์ ซง่ึ ทา้ วไตรตรงึ ษ์มีราชธดิ าองค์หนึ่ง ชื่อวา่ นางอุษามรี ูปงดงามมาก กติ ติศัพท์เล่าลอื ระบือไปในเมืองต่าง ๆ บทบาททส่ี ำคญั ในเรื่องท้าวแสนปม - สามารถมองเห็นแก่นแทข้ องนายแสนปม - ลักลอบคบหากับนายแสนปม ลักษณะภายนอก นางอุษามีรปู งดงามมาก กติ ติศัพทเ์ ล่าลือระบือไปในเมอื งต่าง ๆ ลักษณะอุปนสิ ัย เปน็ คนทฉ่ี ลาดร้จู ักมองคนได้อยา่ งลึกซึ้งและรเู้ ท่าทัน จะเหน็ จากแมว้ า่ ตัวทา้ วชนิ เสน จะปลอมแปลงตน เปน็ นายแสนปมผู้ตำ่ ต้อยแค่มีฐานะผ้ดู ูแลสวนไม่มใี ครเลยแม้สักผเู้ ดีย๋ วที่จะสามารถมองเห็นแกน่ แท้ของนายแสน ปม แตน่ างอุษาเปน็ ผทู้ ่ฉี ลาด มกี ารสังเกตจากท่าทาง และสามารถจบั แววตาของนายแสนปมได้และร้วู ่าตอ้ งมใิ ช่ผู้ ตำ่ ต้อย ก็พยามหาเหตุจนสามารถรู้ความจรงิ ได้วา่ แท้จรงิ แลว้ น้ันนายแสนปมคอื กษัตริย์นกั รบผกู้ ล้าหาญทีน่ างได้ หมายปองไว้ จึงยอมตกลงปลงใจและแอบไดเ้ สียกันถึงแมจ้ ะมีอปุ สรรคในความรักในระยะแรก แตป่ น้ั ปลายนางก็ได้ สมหวงั และมคี วามสขุ อยา่ งสมบูรณ์ยิง่ เพราะนางน้นั รู้จักที่จะเลือกและมองคน
9 นางมโนราห์ จากเรอ่ื ง : พระสธุ นคำฉันท์ ประวตั ิผู้แตง่ พระยาอิศรานภุ าพ (อน้ ) พ.ศ. 2444 รัตนโกสินทร์ , รัชกาลที่ 5 เร่อื งย่อพระสธุ นคำฉนั ท์ มีราชอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์แหง่ หนึ่งชื่อวา่ \"ปัญจาลนคร\" ปกครองโดยกษตั ริยผ์ ู้ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทรงพระนามว่า \"อาทติ ยวงศ\"์ พระองค์มีพระมเหสที รงพระนามวา่ \"จนั ทาเทว\"ี ซง่ึ ตอ่ มาไดป้ ระสูติพระโอรสพระ นามวา่ \"พระสธุ น\" เมื่อพระกุมารเจริญวัยข้ึนก็มีความเฉลียวฉลาดและพระรูปโฉมงดงามยากท่จี ะหาราชกมุ ารใน แว่นแควน้ อื่นเทียบเคียงได้ คร้งั นั้นมีพญานาคราชตนหนึ่งมีนามว่า \"ท้าวชมพจู ิต\" มฤี ทธิ์อำนาจมาก สามารถนำ ความเจริญรงุ่ เรอื งมาสู่อาณาจกั รใดก็ได้ พญานาคราชเห็นพระเจ้าอาทติ ย์วงศเ์ ปน็ พระราชาทตี่ ้ังอยู่ใน ทศพธิ ราชธรรม จึงบนั ดาลให้เมอื งปัญจาลนครอุดมสมบรณม์ ีฝนตกต้องตามฤดูกาล หากแตเ่ มืองท่ีมีอาณาเขต ตดิ ตอ่ กับปญั จาลนครคือ เมือง “นครมหาปัญจาละ” ซง่ึ ปกครองโดยพระราชาที่ไมต่ ง้ั อยใู่ นทศพิธราชธรรมพระ นามวา่ \"พระเจา้ นนั ทราช\" และจากการท่ีทรงปกครองดว้ ยการกดขข่ี ่มเหงอาณาประชาราษฏร์นเ้ี องจงึ ทำให้ อาณาจักรของพระองค์ ประสบกับความแห้งแล้งขา้ วยากหมากแพง เพื่อหนจี ากความยากเย็นแสนเข็ญนี้บรรดา ประชาราษฏรจ์ งึ พากันอพยพไปอาศัยอยู่ในเมืองปญั จาลนคร พระเจ้านนั ทราชมีจิตรษิ ยาพระเจ้าอาทิตยวงศ์ และ ในขณะเดยี วกันกแ็ คน้ เคอื งทา้ วชมพจู ติ ผซู้ ่งึ ถกู กล่าวหาว่ามีใจลำเอียง ในขณะบนั ดาลให้ฝนฟา้ ตกบนพ้ืนโลก เพื่อ ล้างแคน้ ท้าวชมพจู ติ พระเจ้านันทราช จงึ ทรงปรกึ ษากับปโุ รหติ ผซู้ งึ่ รบั อาสาไปหาผ้ทู ี่สามารถฆา่ พญานาคได้ และ แล้วกไ็ ด้พราหมณ์เฒ่าผู้ซ่ึงมีมนตว์ เิ ศษสงู กว่าพญานาคราช หลังจากได้รบั ทราบพระประสงคข์ องพระราชาแล้ว พราหมณ์กม็ ่งุ หนา้ ไปยงั สระใหญ่ ซงึ่ เปน็ ทอ่ี ยู่ของพญานาคราชแล้วเปา่ มนตล์ งในสระใหญ่ ยังผลให้น้ำป่นั ป่วน และ
10 เกดิ เปน็ คลนื่ ลกู ใหญส่ ่นั สะเทือนไปทว่ั ทัง้ สระ ในขณะประกอบพธิ ีอยู่นนั้ พราหมณ์ต้องเขา้ ไปในป่า เพ่ือหารากไม้ มาทำเป็นเชอื กไวจ้ บั พญานาคราช ดว้ ยอำนาจแหง่ มนตว์ ิเศษของพราหมณ์ ทา้ วชมพจู ติ เกิดความร่มุ ร้อนเหมือนถูก ไฟเผา จงึ ต้องขน้ึ จากสระมา แล้วแปลงกายเป็นพราหมณห์ นมุ่ เพราะรู้ตัวว่าอันตรายไดเ้ ขา้ มาใกล้ตนแลว้ แม้ ตัวเองจะมีฤทธิ์เดชแต่ก็หาต้านทานพราหมณเ์ ฒ่าได้ไม่ ดงั นั้นจงึ คิดหาทางทำลายพธิ ีของพราหมณ์ผูม้ ีจติ คิดกำจดั ตน ในขณะเดินไปมาอยใู่ นปา่ ทา้ วชมพูจติ ในรา่ งของพราหมณห์ นุ่ม ก็พบกับพรานปา่ ผู้หนง่ึ ช่ือพรานบญุ กำลงั ออกปา่ ล่าสัตวอ์ ยู่พอดี จึงเข้าไปทักทายและถามถงึ บ้านเมืองของพรานผ้นู ัน้ พรานป่าบอกวา่ เขาเป็นชาวเมืองปัญ จาลนคร ซ่งึ มคี วามอุดมสมบูรณม์ ากเพราะไดร้ ับความอนุเคราะห์จากพญานาคราช หากมีใครคิดจะทำอันตรายแก่ พญานาคราช พรานปา่ สาบานว่าเขาจะฆา่ บคุ คลผนู้ ั้นเสยี โดยไมร่ ีรอ ท้าวชมพูจิตดีใจมากทไ่ี ด้ยนิ เช่นนัน้ จึงแสดง ตนเปน็ พญานาคราชตนนนั้ และเล่าเร่ืองภยั อันใหญ่หลวงใหพ้ รานฟงั เพอ่ื ทำลายพิธีของพราหมณเ์ ฒ่าเสีย พราน บญุ จงึ ยงิ พราหมณเ์ ฒ่าตายดว้ ยลกู ธนู พญานาคราชดใี จมากและขอบคุณพรานบุญทีไ่ ดช้ ่วยเหลือเขาไว้ แล้วกช็ วน พรานบุญไปเท่ียวชมนครใต้พิภพของเขา พญานาคราชสญั ญาวา่ จะช่วยเหลอื เมอ่ื ใดก็ตามที่พรานบุญ ร้องขอแลว้ ก็ มอบสิ่งมีค่าให้พรานบุญไปมากมาย พรานบุญจงึ อำลาพญานาคราชและใชช้ วี ติ อยู่อยา่ งสบายแตก่ ย็ งั ชอบล่าสตั วอ์ ยู่ เหมอื นเดมิ วันหนึง่ ในขณะทเ่ี ดนิ ทางเข้าไปปา่ ลึก ได้พบกับพระฤๅษีตนหนงึ่ ชื่อ “กัสสปะ” ผ้ซู งึ่ เลา่ เร่อื งกินรีใหเ้ ขา ฟงั โดยปกตหิ มู่กนิ รจี ากเขาไกรลาศ จะบนิ มาลงเล่นนำ้ ในสระโบกขรณีทุกๆ ๗ วัน เมอื่ พรานบญุ เห็นความงามของ กินรี ก็คดิ จะจับนางกินรีสักนางหนง่ึ ไปถวายพระสุธน เพ่ือเปน็ ของขวัญจากปา่ แตพ่ ระฤๅษีก็บอกเขาวา่ ไม่มีหนทาง จะจับนางไดน้ อกจากจะได้บว่ งบาศก์ของพญานาคราชท้าวชมพจู ิตเท่านนั้ เพราะนางกินรสี ามารถบนิ ไดเ้ ร็ว พราน บุญจึงเดนิ ทางไปพบท้าวชมพูจติ เพอื่ ขอยืมบว่ งบาศก์ ความจริงแล้วพญานาคราช ไม่ตอ้ งการให้พรานบุญขอยืม บ่วงบาศกเ์ พราะจะเปน็ บาปแกต่ น แต่เพราะพรานบญุ เคยช่วยชีวติ ตนไว้ให้พ้นภยั จากพราหมณ์เฒา่ และไดท้ ราบ จากการใช้มนต์วเิ ศษของตน ตรวจสอบดูกพ็ บว่านางกินรที ่ีช่อื ว่ามโนห์รา และพระสุธนเปน็ เนอื้ คู่กัน พญานาคราช จึงยอมมอบให้ไป หลังจากได้บว่ งบาศกจ์ ากทา้ วชมพจู ิตมาแล้ว พรานบญุ กส็ ามารถจบั มโนราหซ์ ่งึ เป็นธดิ าองคห์ น่งึ ในบรรดาธิดาทง้ั ๗ คน ของท้าวปทุมราชได้ (ท้าวปทมุ ราชเป็นพระราชาปกครองเขาไกรลาศ) นางมโนหราห์ซึ่ง เปน็ น้องสดุ ท้องไมส่ ามารถหนีบว่ งบาศก์ ท่ีพรานบุญเหวย่ี งมาคลอ้ งได้ พรานบญุ นำนางไปยังปญั จาลนครและถวาย พระสธุ น ทันทที ี่ท้ังคู่พบกนั ก็มีจิตรกั ใคร่ดว้ ยเคยเปน็ คู่บุญบารมี (บุพเพสันนวิ าส) กนั มาแตป่ างก่อน ทั้งพระราชา และพระราชนิ ีเองก็มีความรกั เอน็ ดูนางมโนราห์ เพราะนางมีพระสริ โิ ฉมงดงาม และมีการอบรมอย่างขตั ติยะนารี จึงจัดพธิ ีอภิเษกสมรสอย่างเอิกเกริกให้ทั้งสองพระองค์ สว่ นพรานบุญเองก็ไดร้ ับรางวลั อย่างงามเชน่ กนั ฝา่ ยปโุ รหิต โกรธนางมโนห์รา เพราะเขาเองต้องการใหบ้ ุตรสาวของตนอภิเษกสมรสกบั พระสธุ น แต่วา่ ตอนนมี้ โนราห์ได้ทำให้ ความฝนั ของเขาสลายเสยี แล้ว จงึ คอยโอกาสที่จะไดแ้ ก้แค้นนาง และแล้วกแ็ อบไปคบคิดวางแผนกับเจา้ เมืองปัจจัน ตนคร ให้ยกทัพมาตีเมืองของตน และเพื่อขับไลผ่ ูร้ กุ ราน ปโุ รหติ จงึ ทลู เสนอให้พระสุธน ยกกองทัพออกปกป้องพระ นคร ด้วยวิธีน้ีเขาก็จะได้มีโอกาสดีกำจัดมโนราห์ออกไปเสยี ใหพ้ น้ ทาง คนื วันหนึ่งพระเจ้าอาทติ ยวงศ์ทรงสุบินว่ามี ยักษต์ นหนง่ึ เข้ามาในพระราชวงั และพยายามจะควักเอาดวงพระทยั ของพระองค์ พระองคก์ ท็ รงสะดุ้งตืน่ จาก บรรทม ปโุ รหิตเจ้าเลห่ จ์ ึงไดโ้ อกาสงามทจี่ ะกำจัดมโนราหอ์ อกไปเสยี ให้พน้ ทางของบตุ รสาวตนเอง เขาจึงทำนายวา่ ข้าศกึ จะเข้ามาในพระราชวังและประหารพระองค์เสยี ประชาชนจะพากันเดือดร้อนทุกหย่อมหญา้ และเมืองหลวงก็ จะถูกเผาผลาญจนหมดสนิ้ พระเจ้าอาทิตยวงศ์ทรงสดับดังน้นั ก็ตกพระทัย จงึ ทรงรับสั่งให้หาทางแก้ไขโดยด่วน
11 ปุโรหิตจงึ กราบทลู วา่ \"ใต้ฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทดวงชะตาบ้านเมืองไมด่ จี ะต้องใช้สตั วส์ องเท้าและส่เี ท้ามาทำพธิ ี สงั เวยบชู ายัญ เพ่ือ สะเดาะเคราะห์ บ้านเมืองจึงจะอยู่รอดปลอดภยั พระเจ้าขา้ \" ในขณะเดยี วกนั นน้ั เอง คนสนิท ของปโุ รหติ กเ็ ขา้ มากราบทลู ลวงพระราชาว่าทพั หลวงท่ีพระสุธนยกไปถูกข้าศึกตพี า่ ยแพ้แล้ว เพือ่ เปน็ การปัดเปา่ ลางรา้ ยปุโรหิตจึงกราบทลู ว่า ถ้าจะให้พธิ ีมีความศักดิส์ ิทธ์ิมากย่งิ ขึ้น จำเป็นต้องใช้สัตว์กึง่ มนุษย์ก่ึงนก เชน่ นาง มโนราห์ ก็จะเป็นการบชู ายญั ทด่ี ีเยยี่ ม พระราชาและพระราชินีพยายามชักชวนให้ปโุ รหติ เปลยี่ นไปใชส้ ตั ว์อ่ืน แทนทจี่ ะใชม้ โนราห์ แตเ่ ขาก็ยงั ยนื กรานเชน่ เดมิ ทัง้ สองพระองคร์ ูส้ กึ สงสารมโนราหเ์ ป็นอยา่ งยิง่ และทรงคาดเดา ไมถ่ ูกวา่ พระโอรสจะรูส้ กึ เช่นไร เมื่อกลับจากทัพแล้วไม่พบภรรยาสดุ ทรี่ ักของตน ในพธิ ีพระราชาทรงให้กอ่ ไฟตามที่ ปุโรหติ เสนอ แล้วใหท้ หารไปทูลเชญิ นางมโนราหม์ าเขา้ พธิ ีบูชายญั นางมโนราหผ์ นู้ ่าสงสารได้แต่รำ่ ไห้ครำ่ ครวญถึง พระบิดาพระมารดาของนาง และพระสธุ นสามขี องนาง บรรยากาศเต็มไปดว้ ยความโศกเศร้า ในขณะนัน้ เองนาง มโนราหไ์ ด้สตแิ ละเกดิ ความคิดท่ีจะหนี จากการถูกกระทำอยา่ งไม่ยตุ ิธรรมนี้ ดงั นั้นนางจึงทลู ขอพระราชาขอให้ได้ รำถวายเปน็ ครง้ั สุดท้าย เพราะนางเปน็ กนิ รีผซู้ ง่ึ รกั การร่ายรำ หลงั จากทพ่ี ระราชาทรงอนุญาตแล้ว นางจงึ ขอปีก และหางมาสวมใส่แลว้ นางกอ็ อกรา่ ยรำด้วยท่วงทา่ อันงดงามท่ามกลาง ฝงู ชนอันเนืองแน่น ในขณะท่ีทุกคนกำลัง เพลิดเพลนิ อยกู่ บั การเฝา้ ดูการรา่ ยรำอนั งดงามอยูน่ ้ันเอง นางมโนห์ราก็ได้โอกาสหนีโดยถลาบนิ ข้ึนส่ทู ้องฟ้าและ บ่ายหนา้ ไปยังภเู ขาไกรลาศ ท่ามกลางความตกตะลงึ ของฝูงชนน้นั เอง หลังจากชนะศกึ แล้วพระสธุ นกย็ กทพั กลับ พระนคร อนจิ จา! แตก่ ต็ ้องมาพบวา่ ภรรยาสดุ ท่รี กั ของพระองค์ ไมไ่ ดอ้ ยู่ในพระนครอกี ต่อไปแลว้ พระองค์มีความ เศรา้ โศก และทกุ ขท์ รมานมากยง่ิ นัก และหลงั จากพระองค์สืบทราบความจรงิ แลว้ ก็สงั่ ใหป้ ระหารชีวิตปโุ รหิตชั่ว น้นั เสยี ในขอ้ หาทรยศ แล้วกท็ ูลลาพระบิดาและพระมารดาออกตามหานางมโนราห์ แม้ว่าท้งั สองพระองค์จะ พยายามทัดทานประการใดก็ไมเ่ ป็นผล พระสธุ นยนื กรานที่จะเสด็จไป เพราะตนไม่อาจจะมชี วี ิตอย่โู ดยปราศจาก นางมโนราห์ได้ พระสธุ นใหพ้ รานบุญนำทางไปจนถงึ สระโบกขรณี และไดเ้ ขา้ ไปนมสั การพระฤๅษีกัสปะ พระฤๅษี ทูลให้พระองค์ทราบว่า นางมโนราห์ไดแ้ วะมาหาตนก่อนและได้ส่งั ไวว้ า่ หากพระองคเ์ ดนิ ทางออกตามหานางก็ให้ ลม้ เลิกเสีย เพราะวา่ หนทางลำบากมากและอันตรายมาก แตพ่ ระสธุ นก็ยืนกรานทีจ่ ะตามเมยี รกั ไป แลว้ พระฤๅษกี ็ มอบผา้ กัมพลกบั แหวนทีม่ โนราหฝ์ ากคืนให้พระสุธนไป ตามท่นี างมโนราหข์ อร้องไว้ เม่ือได้เห็นของสองสิ่งน้ันพระสุ ธนก็โศกเศร้าเสียพระทัย ถึงกับร่ำไหอ้ อกมา พระฤๅษรี ูส้ กึ สงสารพระสธุ นและกบ็ อกพระองค์ว่านี้เป็นผลบุญกรรม แห่งอดีตชาติ (พระรถเสนกบั พระนางเมรี) จึงทำใหท้ ั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกัน แล้วกม็ อบผลยาวิเศษให้พร้อมกบั ชี้ ทางใหก้ บั พระสุธนไปตามหามโนราห์ พระสุธนออกเดนิ ทางเพยี งลำพงั โดยไม่ต้องการความชว่ ยเหลือของพราน บญุ ผ่านป่าใหญท่ บึ ซงึ่ มนษุ ย์ไมส่ ามารถจะผ่านไปได้ ซง่ึ มีผลไม้มากมาย ซงึ่ ล้วนแล้วแต่มีพิษ ดว้ ยความช่วยเหลือ ของลูกลิง พระสธุ นกจ็ ะเสวยผลไม้ท่ลี ูกลงิ กนิ ได้เท่าน้ันจงึ ปลอดภัย เมอื่ มาถึงปา่ หวายซึ่งไม่สามารถจะผา่ นไปได้ เพราะลว้ นแต่มหี นามพษิ พระสธุ นจึงใช้ผ้ากมั พลห่มแล้วนอนน่ิงๆ ขณะน้นั นกหัสดลี ิงค์เข้าใจวา่ พระสุธนเปน็ อาหาร จึงคาบพระองคไ์ ปไว้ในรังบนยอดไม้ก่อนทจี่ ะบา่ ยหนา้ ไปหาอาหารเพ่ิมอีก พระสุธนไดโ้ อกาสหนี แต่กห็ วัน่ พระทัยว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้าอีก หลังจากเดินทางมาพกั หนึง่ ก็ไมส่ ามารถจะไปต่อไดอ้ ีกเพราะมีภเู ขายนต์ สองลกู เคล่ือนเข้ากระทบกันอย่ตู ลอดเวลา โดยไมเ่ ปิดช่องวา่ งให้พระองค์ขา้ มไปอกี ทางหน่ึงได้ แต่หลงั จากร่าย มนต์ทีพ่ ระฤๅษีให้พระองคม์ า แลว้ ก็สามารถข้ามไปได้โดยง่าย จากน้นั พระองคก์ เ็ ดนิ ทางมาถึงอีกปา่ หน่ึงซ่ึงเต็มไป ด้วยพืชและสัตว์มีพิษ พระองคจ์ ึงใชย้ าผงวิเศษชโลมกาย เม่ือผ่านปา่ พษิ แล้วก็มาพบที่อยู่ของนกยักษ์ พระองค์จึง
12 ได้แอบอยู่ในโพรงไม้ใหญต่ ้นหนงึ่ และรอเวลาค่ำ คืนนน้ั นกผัวเมยี คหู่ น่ึงคยุ กันถึงเร่ืองการได้รบั เชิญใหไ้ ปรว่ มพธิ ีล้าง กลน่ิ สาบมนุษย์ให้กับนางมโนราห์ ซึ่งจะมขี นึ้ ในวนั รุ่งข้นึ โดยพธิ ีน้จี ดั ให้มขี น้ึ หลังจากมโนราห์กลบั มาถงึ บ้านเมือง ครบ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วนั หลงั จากไดย้ ินนกทัง้ คสู่ นทนากัน พระสธุ นก็ไดป้ นี ข้นึ ไปในรงั นกและซ่อนตัวอยู่ในขนนก ตวั หนึ่ง โดยรอเวลาให้นกไปยังภูเขาไกรลาศ คร้ันนกมาถงึ สวนอทุ ยานกเ็ กาะบนต้นไม้ พระสุธนจึงเร้นกายออกจาก ขนนกแล้วซอ่ นตัวอยู่ในพุ่มไม้ พระองคเ์ หน็ เหลา่ นางกินรีกำลงั นำนำ้ จากสระอโนดาต เพื่อไปสรงสนานใหก้ ับนาง มโนราห์ จึงแอบเอาแหวนใสล่ งในหมอ้ นำ้ ในขณะสรงนำ้ นางมโนราห์ได้เห็นแหวนก็จำได้ นางกร็ ู้ทนั ทีว่าพระสธุ น สามขี องนาง ได้ติดตามมาถงึ เขาไกรลาศน้ีแล้ว นางมีความยนิ ดยี ่งิ นกั จงึ ได้ออกตามหาพระองค์ ในท่ีสุดทั้งคู่ก็ได้ พบกนั มโนราหไ์ ดพ้ าพระสุธนเข้ามายงั ปราสาทของนาง ท้าวปทุมราชและพระมเหสีทรงทราบข่าวและทรงเห็นใจ ท่ีพระสธุ นที่มคี วามรักนางมโนราหอ์ ย่างมาก มิฉะนน้ั ก็คงจะไม่ด้ันด้นเดินทางมาไกลท่ามกลางอนั ตราย นานบั ประการ พระองค์คิดวา่ เจา้ ชายหนุม่ ผู้นจ้ี ะตอ้ งมคี วามเปน็ อัจฉริยะและมีความสามารถ เปน็ พเิ ศษแนๆ่ แต่ ถึงกระนั้นพระองคก์ ็ต้องทดสอบความรักท่ีพระสธุ นทม่ี ีต่อธิดาของพระองค์ก่อน ครั้นถึงวันทดสอบ ทา้ วปทุมราช รบั ส่งั ใหน้ างกนิ รีพนี่ อ้ งทัง้ ๗ ซึ่งมรี ูปร่างสิรโิ ฉมงดงามและคลา้ ยคลึงกันมากออกร่ายรำ ให้พระสธุ นหาตัวนาง มโนราห์ พระสธุ นเองรสู้ กึ หนักใจมาก เพราะท้ังหมดดคู ล้ายคลงึ กนั มาก เพ่ือให้ความรักของพระองค์สมหวงั พระ อินทรจ์ ึงลงมาช่วยโดยการกระซิบบอกวา่ ถา้ นางใดมีแมลงวันทองบนิ มาจับที่ใบหน้า นางนน้ั คือพระชายาของ พระองค์ พระสุธนยนิ ดยี ง่ิ นักและมองเหน็ แมลงวันสีทองเกาะอยู่บนหน้าของมโนราห์ จงึ รีบดึงพระกรของนางมา ทันที พระราชาและทกุ ๆ คนต่างก็มีความยินดยี ่ิงนัก ท่ีได้เห็นทั้งคู่สวมกอดกัน พธิ อี ภเิ ษกสมรสอย่างยงิ่ ใหญ่จงึ จดั ให้ทั้งสองพระองค์อีกคร้งั หนงึ่ อย่างไรก็ตามทมี่ าบางแห่งก็กลา่ ววา่ พระสธุ นจำนางมโนราหไ์ ด้ กเ็ พราะพระองค์ เห็นแหวนในนว้ิ มือของนาง และไม่ได้กล่าวถึงพระอินทรม์ าชว่ ยแต่อย่างใดเลย แต่จะอยา่ งไรกต็ ามทงั้ สองพระองค์ ก็ได้อยรู่ ่วมกนั อกี ครง้ั หนึง่ หลงั จากทีต่ ้องพลดั พรากจากกันไปนาน หลังจากพิธอี ภิเษกสมรสแลว้ พระสธุ นก็ทูลขอ พระราชานญุ าตจากท้าวปทมุ ราช ให้พระองค์และนางมโนราห์กลบั ไปเย่ยี มบ้านเมืองและบดิ ามารดาของพระองค์ บา้ ง ทา้ วปทุมราชทรงอนญุ าตและรว่ มเสดจ็ ไปยังเมืองปญั จาลนครด้วย ท้าวปทมุ ราชได้พบกบั พระบิดาของพระสุ ธน โดยกษัตรยิ ท์ ้ังสองทรงแลกเปล่ยี นของขวัญและรว่ มเป็นพระสหายกันตั้งแตบ่ ัดน้ัน หลงั จากประทับอยู่ใน พระราชวงั ๗ วันแล้ว ทา้ วปทุมราชไดล้ าธิดาของพระองค์และทุกๆ คน แล้วกเ็ ดนิ ทางกลับพระนครของพระองค์ ภายหลงั พระสุธนได้ขนึ้ ครองราชย์สมบัติแทนพระบดิ า โดยพระองค์ได้ปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรมและ ใชช้ ีวิตร่วมกับนางมโนราห์อย่างมคี วามสขุ จนกระท่ังวาระสุดทา้ ยแหง่ พระชนม์ชพี ของพระองค์ ประวตั ิความเปน็ มาของนางมโนราห์ นางมโนราห์ เปน็ ธดิ าองคเ์ ล็กของทา้ งทุมราชผู้เปน็ พระยากินนร นางมพี ระพ่นี างอีกหกองคล์ ้วนมหี น้าตา เหมอื น กนั และงดงามยงิ่ กว่านางมนุษย์ โดยทกุ องค์มปี ีกและหางท่ีถอดออกได้ เม่ือใสป่ ีกใสห่ างแล้วกินนรก็ สามารถบินไปยังท่ีตา่ ง ๆ ได้ นางมโนราห์และพี่น้องทัง้ หกไดไ้ ปเลน่ น้ำทสี่ ระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับ ตวั นางกินรีเพราะเหน็ วา่ นางงดงามคู่ควรแก่พระสธุ น โอรสแห่งเมืองปัญจาลนคร พรานบุญจงึ ไปยืมบ่วงนาคบาศ จากทา้ วชมพูจิต พญานาคราช ทำให้สามารถจับนางมโนราห์ไปถวายแค่พระสุธนได้ พระสุธนเม่อื เหน็ นางเข้ากเ็ กิด หลงรักและพานางกลับเมอื งจนไดอ้ ภเิ ษกกนั
13 บทบาททส่ี ำคญั ในเรื่องพระสุธนคำฉนั ท์ - พระสธุ นเจอกับนางมโนราห์ก็มจี ิตรักใคร่ด้วยเคยเปน็ คบู่ ญุ บารมี (บุพเพสันนิวาส) กันมาแตป่ างก่อน - อภิเษกสมรสกบั พระสุธน ลกั ษณะภายนอก เปน็ พระยากนิ นร มหี น้าตางดงามยิ่งกวา่ นางมนษุ ย์ รูปรา่ งหนา้ ตาเหมือนมนุษย์แต่มปี ีกและหางที่ถอดออกได้ เมือ่ ใสป่ ีกใสห่ างแลว้ กนิ นรก็สามารถบินไปยังทต่ี ่าง ๆ ได้ ลกั ษณะอุปนิสยั นางมโนราห์เปน็ ผ้ทู ่ีมสี ติปัญญาความปราดเปรื่องเฉยี บแหลม รจู้ กั พจิ ารณาไตร่ตรองสิ่งตา่ งๆ ได้อยา่ ง รอบคอบ รู้จักใช้สติปัญญาในการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ได้เป็นอย่างดี เปน็ คนท่ีมีเหตผุ ล
14 นางมัทนา จากเร่ือง : มัทนะพาธา ประวัตผิ ู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หวั รัชกาลท่ี ๖ มพี ระนามเดิมว่ามหาวชิราวุธ เปน็ โอรสองคท์ ี่ ๒๙ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๕ ทรงพระราชสมภพเม่ือวันท่ี ๑ มกราคม ๒๔๒๓ ทรงศึกษาในประเทศไทยจนพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา ก็เสดจ็ ไปศกึ ษาต่อทป่ี ระเทศอังกฤษ ต่อมา เสด็จนิวตั ิประเทศไทยเม่ือวนั ท่ี ๑๖ มกราคม ๒๔๓๘ เพอ่ื รบั การสถาปนาเปน็ เจา้ ฟ้ามหาวชริ าวธุ สยาม มกุฎราชกมุ าร ( ผู้ทจ่ี ะได้เป็นพระมหากษัตริย์องค์ตอ่ ไป ) และทรงกลบั ไปศึกษาวิชาทหาร ณ โรงเรียนทหารบก ทีแ่ ซนดเ์ ฮซิ ต์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้เข้าศกึ ษาวชิ าประวตั ิศาสตร์และวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แต่ทรงพระปรชี าสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตรเ์ ป็นพิเศษ จนแต่งบทละครเปน็ ภาษาอังกฤษได้ เม่ือสำเร็จ การศึกษา พระองค์ทรงเสดจ็ ประพาสยโุ รปก่อน แล้วจึงเสดจ็ นิวัตปิ ระเทศไทย เสดจ็ ขนึ้ ครองราชย์เมื่อวนั ท่ี ๒๓ ตลุ าคม ๒๔๕๓ ขณะมีพระชนมายุ ๓๐ พรรษา สวรรคตเมื่อวนั ท่ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ ( ครองราชย์ ๑๕ ปี พระชนมายุ ๔๕ พรรษา) วตั ถปุ ระสงค์ในการพระราชนพิ นธ์ เรอ่ื ง มัทนะพาธา ทรงตัง้ พระทัยเพอื่ เปน็ หนังสอื อ่านกวนี พิ นธ์ทส่ี นกุ สนานในด้านเนื้อหา และเป็นคตสิ อนใจใหเ้ ห็นถึงอานุภาพของความรัก
15 เร่อื งย่อมัทนะพาธา มทั นะพาธาเปน็ เร่ืองสมมุตวิ า่ เกดิ ในอินเดียโบราณ เน้อื เรื่องกล่าวถึงเหตกุ ารณ์บนสวรรค์ เทพบตุ รสุเทษณ์ หลงรักเทพธดิ ามทั นา แต่นางไม่ปลงใจดว้ ย สเุ ทษณ์จงึ ขอใหว้ ทิ ยาธรมายาวินใช้เวทมนตรส์ ะกดเรยี กนางมา มัทนา เจรจาตอบสุเทษณอ์ ย่างคนไม่ร้สู กึ ตัว สเุ ทษณ์จึงไมโ่ ปรด เม่ือขอให้มายาวินคลายมนตร์ มัทนาก็รูส้ ึกตัวและตอบ ปฏเิ สธสุเทษณ์ สเุ ทษณโ์ กรธ จงึ สาปให้เธอจุติไปเกิดบนโลกมนษุ ย์ มัทนาขอไปเกิดเปน็ ดอกกุหลาบ สุเทษณ์ กำหนดว่า ให้ดอกกหุ ลาบดอกนน้ั กลายเป็นมนุษยเ์ ฉพาะวันเพ็ญเพียงวนั และคนื เดียว ตอ่ เมื่อมีความรักจึงจะพ้น สภาพจากเป็นดอกไม้ และหากเป็นความทุกขเ์ พราะความรักกใ็ หว้ ิงวอนต่อพระองค์ พระองค์จะชว่ ย ณ กลางป่าหมิ ะวัน ฤษกี าละทรรศนิ พบ ต้นกุหลาบจงึ ขุดไปปลูกไว้ท่ีอาศรม เมือ่ มทั นากลายเปน็ มนุษยก์ ็ เลย้ี งดูรกั ใครเ่ หมอื นลูก ทา้ วชยั เสนกษตั ริยแ์ หง่ เมืองหัสตินาปุระเสดจ็ ไปลา่ สตั ว์ ได้พบนางมทั นาก็เกิดความรกั มัท นากม็ ใี จเสนห่ าต่อชัยเสนด้วยเชน่ กัน ทั้งสองจึงสาบานรักต่อกนั และมทั นาไมต่ ้องกลบั ไปเป็นกุหลาบอีก แตเ่ มื่อชัย เสนพามัทนาไปยงั เมืองหสั ตินาปุระของพระองค์ พระนางจัณฑีมเหสขี องชัยเสนหึงหวงและแค้นใจมาก นางขอให้ พระบิดาซึง่ เป็นพระราชาแคว้นมคธยกทัพมาตหี สั ตนิ าปรุ ะ จัณฑยี ังใชใ้ หน้ างค่อมขา้ หลวงทำกลอบุ ายว่า มัทนารัก กับศภุ างค์ทหารเอกของชัยเสน ชัยเสนหลงเชอื่ จึงสง่ั ให้ประหารมัทนาและศุภางค์ แตต่ อ่ มาเมอ่ื ชยั เสนรวู้ ่ามทั นา และศภุ างค์ไม่มีความผดิ ก็เสยี ใจมาก อำมาตยเ์ อกจึงทลู ความจริงว่ายังมไิ ด้สังหารนาง และศิษย์ของพระกา ละทรรศนิ ได้พานางกลบั ไปอยู่ในป่าหิมะวนั แลว้ สว่ นศุภางคก์ ็เปน็ อสิ ระเชน่ กัน และได้ออกต่อสู้กับขา้ ศึกจนตาย อย่างทหารหาญ ชยั เสนจึงเดินทางไปรบั นางมัทนา ขณะนั้นมทั นาทลู ขอใหส้ เุ ทษณร์ ับนางกลับไปสวรรค์ สุเทษณ์ ขอใหน้ างรับรกั ตนกอ่ น แต่มัทนายงั คงปฏเิ สธ สุเทษณ์กรว้ิ จึงสาปให้มทั นาเป็นกหุ ลาบตลอดไป ชยั เสนมาถึงแต่ก็ ไม่ทนั การณ์ จงึ ไดแ้ ต่นำตน้ กุหลาบกลับไปยังเมืองหสั ตินาปุระ ตอนทีเ่ ลือกมาให้เรยี นนีอ้ ยู่ในองค์ที่ ๑ เมื่อมายาวนิ ทำพิธสี ะกดพามัทนามาพบสุเทษณ์ไปจนจบองกเ์ มื่อสุ เทษณ์สาปมัทนา มัทนะพาธาเปน็ เรื่องทีส่ มมุตวิ า่ เปน็ กำเนดิ ของต้นกหุ ลาบ มีการผกู เร่ืองใหเ้ กดิ ความขัดแย้งซึง่ เป็นปม ปญั หาของเรือ่ ง กลา่ วคอื สุเทษณห์ ลงรกั มัทนา แต่มทั นาไม่รบั รัก สเุ ทษณ์จึงกรวิ้ มัทนาต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์ เป็นการชดใช้โทษ เม่ือพบรักกับชยั เสน ความรักก็ไม่ราบร่ืนเพราะมอี ปุ สรรคคอื นางจันฑี มัทนาต้องถูกพรากไป จากชยั เสน และได้พบสุเทษณ์อกี คร้ังหน่ึง แตม่ ัทนาก็ยังไม่เปลยี่ นใจจากชยั เสนมารักสุเทษณ์ เรอื่ งจึงจบดว้ ยความ สูญเสีย สุเทษณไ์ ม่สมหวงั ในความรัก ชัยเสนสญู เสยี คนรกั และมทั นาตอ้ งเปล่ียนสภาพมาเปน็ เพียงดอกกุหลาบ
16 ประวัติความเป็นมาของนางมัทนา นางมัทนา เปน็ นางฟา้ ทมี่ รี ูปโฉมงดงาม จนจอมเทพสุเทษณ์ติดตาตรงึ ใจและใครจ่ ะได้นางเปน็ ชายา แต่ นางมัทนาไม่เคยสนใจจอมเทพสุเทษณ์ เพราะได้ตั้งปณิธานไวว้ ่าจะครองคู่กับชายท่ตี นรักเทา่ นนั้ ดา้ นจอมเทพสุ เทษณ์เปน็ เทพผใู้ หญบ่ นสรวงสวรรค์ แตก่ ลับเปน็ ทุกข์อยดู่ ว้ ยความลุม่ หลงเทพธิดามัทนา แมจ้ ิตระรถสารถคี บู่ ารมี จะนำรปู ของเทพเทวีผู้เลอโฉมหลายตอ่ หลายองคม์ าถวายให้เลือกชม จอมเทพสเุ ทษณ์ก็มสิ นใจไยดี และไมว่ า่ เก้ยี ว พาหรือรำพนั รักอย่างไร นางมทั นาก็ไดแ้ ต่ปฏิเสธวา่ ไมม่ ีจิตเสน่หาตอบ ดังนั้นจอมเทพสเุ ทษณ์จึงโกรธมาก กระทง่ั จะสาปนางมัทนาให้ไปเกดิ ในโลกมนุษย์ แตน่ างมัทนาขอใหต้ นเองได้ไปเกดิ เปน็ ดอกไมม้ ีกลิ่นหอมเพ่ือให้มีประโยชน์บา้ ง จอมเทพสุเทษณ์จงึ สาป นางมัทนาให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบทง่ี ามทั้งกลิ่น ทงั้ รปู และมแี ต่เฉพาะบนสวรรค์ ยังไม่เคยมบี นโลกมนษุ ย์ โดย ทุก ๆ วนั เพญ็ ของแต่ละเดือน นางมทั นาจะกลายรา่ งเป็นคนไดเ้ พียงหนึง่ วัน หนง่ึ คนื เท่านัน้ หากนางมคี วามรกั เมื่อใด นางก็จะไม่ตอ้ งคนื รปู เป็นกุหลาบอีก แตน่ างจะได้รับความทุกข์ทรมานเพราะความรกั จนมิอาจทนอยู่ได้ และเมื่อนั้นถา้ นางอ้อนวอนขอความชว่ ยเหลือ จอมเทพสเุ ทษณจ์ ึงจะงดโทษทณั ฑ์นี้ให้แก่นาง ต่อมานางมทั นาไปจตุ ิเป็นกหุ ลาบงามอยู่ในปา่ หิมะวันแลได้พบรกั กบั พระรถเสน แตน่ างต้องพบกับ อปุ สรรคนานัปการ จนนางตอ้ งออ้ นวอนขอรอ้ งใหจ้ อมเทพสเุ ทษณ์ช่วยนาง ด้านจอมเทพสุเทษณ์ยนิ ดแี ก้คำสาปให้ แต่ยังคงต้องการรบั นางเปน็ มเหสอี ยู่เชน่ เดิม แต่นางมทั นาได้ปฏิเสธอกี คร้งั ดังนั้นจอมเทพสเุ ทษณจ์ งึ สาปส่งให้นาง มัทนาเปน็ ดอกกหุ ลาบไปตลอดกาล มิอาจกลายร่างเป็นมนุษยไ์ ด้อีก เมือ่ ทา้ วชยั เสนตามมาถึงในป่าและทราบเร่ืองทั้งหมด พระองคจ์ ึงรำ่ ไหด้ ว้ ยความอาลยั ก่อนรำพันถงึ ความ หลงผิดและรำพันความรักท่ีมีต่อนางมัทนาให้ตน้ กหุ ลาบได้รับรู้ จากนนั้ จงึ ขดุ ต้นกุหลาบเพ่ือนำกลับไปปลูกใน อทุ ยาน และขอให้พระฤๅษชี ว่ ยใหพ้ รวเิ ศษเพ่ือทำให้ต้นกหุ ลาบงดงามมิโรยราตราบจนกว่าพระองคจ์ ะสน้ิ อายุขยั ซง่ึ พระฤๅษกี ป็ ระสิทธปิ ระสาทพรให้กุหลาบน้นั ดำรงอยู่คโู่ ลกน้ีมมิ สี ูญพันธต์ ลอดมา บทบาทท่ีสำคัญในเรอื่ งมัทนะพาธา -ไปจุติเปน็ กหุ ลาบงามอยู่ในป่าหิมะวันแลได้พบรักกบั พระรถเสน -ต้องพบกับอุปสรรคนานัปการ จนนางต้องออ้ นวอนขอร้องให้จอมเทพสเุ ทษณช์ ว่ ยนาง -เปน็ ดอกกหุ ลาบไปตลอดกาล มอิ าจกลายรา่ งเปน็ มนษุ ย์ได้อกี ลักษณะภายนอก เมอ่ื พจิ ารณาจากรปู ลักษณ์ภายนอก เทพธิดามัทนาเป็นนางทง่ี ามเลศิ เหนือกว่านางใดใน สามโลก โดย พิจารณาจากเนอ้ื เร่ืองตอนทีส่ ุเทษณ์ให้คนสนิทของตนไปวาดรูปหญิงงามท้ังเมืองสวรรค์ เมอื งมนุษย์ และเมอื ง บาดาล มาให้สุเทษณด์ ูแตเ่ มือ่ สเุ ทษณด์ แู ลว้ ก็กล่าวว่าไม่มีนางใดใน ท้ังสามโลกที่มคี วามงดงามเทียบเทา่ กับมัทนา ได้
17 ลกั ษณะอุปนิสยั นางมทั นามนี ิสยั ซ่อื สตั ย์ นิสัยตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไมร่ ักก็บอกตรงๆ ไม่พดู ปดหลอกลวง ไมม่ เี ล่ห์เหลย่ี ม พดู แต่ความจริง แตค่ วามจริงทน่ี างพดู ทำให้นางต้องไดร้ บั ความลำบากทุกขร์ ะทมใจ
18 นางบุษบา จากเร่อื ง : อิเหนา ประวตั ิผแู้ ตง่ อเิ หนาเปน็ บทละครรำพระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยมหาราช รัชกาลที่ ๒ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ตลอดระยะเวลาท่ีพระองค์ทรงครองราชย์ เปน็ สมัยท่ีวรรณคดีเจรญิ ท่ีสุดในสมยั น้ีหลาย เร่ืองไดร้ บั การยกย่องว่าเป็นยอดของวรรณคดี และทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากองค์การการศกึ ษา วทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ในฐานะบคุ คลสำคัญของโลก เรอ่ื งย่ออิเหนา เริ่มเรื่องกล่าวถงึ กษตั ริยว์ งศเ์ ทวา ๔ องค์ มนี ามตามช่อื กรุงท่คี รองราชย์ คือ กเุ รปนั ดาหา กาหลัง และสิง หดั สา่ หรี ยงั มนี ครหมนั หยาซ่ึงเก่ียวดองเปน็ ญาติกนั กับนครเหลา่ นี้ โดยทา้ วกเุ รปันไดน้ างนิหลาอระตาแห่งหมันห ยาเปน็ ชายา สว่ นทา้ วดาหาได้นางดาหราวาตเี ปน็ ชายาเช่นกัน กษตั รยิ แ์ ห่งวงศ์เทวามีมเหสี ๕ องคเ์ รียงลำดบั ตาม ตำแหนง่ ดังนี้ ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลกิ ู และเหมาหลาหงี ตอ่ มาท้าวกเุ รปนั ได้โอรสกบั มเหสเี อก ซ่งึ โอรส องคน์ ้ีมีวาสนาสูง องค์ปะตาระกาหลา ซ่ึงเปน็ ต้นวงศ์เทวาอยู่บนสวรรค์ไดน้ ำกริชวเิ ศษลงมาให้ พร้อมจารึกช่ือไว้ บนกรชิ ว่า \"หยงั หยังหนงึ่ หรัดอนิ ดรา อุดากันสาหรีปาตี อิเหนาเองหยังตาหลา\" แตเ่ รียกสน้ั ๆว่า อเิ หนา ท้าวหมันห ยาได้ธดิ ากบั มเหสีเอกชอื่ จนิ ตะหราวาตี และทา้ วดาหาได้ธดิ ากบั มเหสเี อกของตนเชน่ เดียวกันช่ือว่า บษุ บา ทา้ ว กุเรปันได้ขอตนุ าหงัน (หมั้นไว)้ บุษบาใหแ้ ก่อิเหนา เพื่อเปน็ การสืบราชประเพณี \"...ตามจารีตโบราณสบื มา หวังมิ ให้วงศาอื่นปน...\" ส่วนอเิ หนาเติบโตเป็นเจ้าชายรปู งาม ชำนาญการใช้กริช ครน้ั เมื่อพระอัยกเี มืองหมนั หยา สนิ้ พระชนม์ อิเหนาได้ไปในงานปลงพระศพแทนพระบิดาและพระมารดาซ่ึงทรงครรภแ์ ก่ ไดไ้ ปพบนางจินตะหราก็ หลงรัก และได้นางเป็นชายา โดยไมฟ่ ังคำทดั ทานจากท้าวกุเรปัน และได้บอกเลิกตุหนาหงันนางบษุ บาเสียเฉยๆ ทำ
19 ให้ทา้ วดาหาขดั เคืองพระทัยมาก ดังนัน้ พอจรกาซึง่ \"รปู ช่วั ตวั ดำ\" มาขอตุนาหงนั ท้าวดาหากย็ อมรับเพราะแคน้ อิเหนา ฝ่ายองค์อสัญแดหวา (ปะตาระกาหลา) เทวดาผูท้ รงเปน็ ตน้ วงศ์เทวาไม่พอพระทัย อิเหนา เหน็ วา่ ต้องดดั สนั ดานใหส้ ำนึกตวั จึงบนั ดาลให้วหิ ยาสะกำ โอรสทา้ วกะหมังกหุ นงิ เก็บรูปนางบุษบาได้ เกิดคลั่งไคลร้ บเรา้ ให้พระ บดิ าไปขอ ท้าวดาหาก็ใหไ้ มไ่ ด้ ทา้ วกะหมงั กุหนิงกร็ ักลกู มาก จึงยกทพั ไปรบเพือ่ แย่งชงิ นางบษุ บา ทา้ วดาหาแจง้ ข่าวให้ท้าวกเุ รปนั และจรกายกทัพมาชว่ ย ท้าวกเุ รปนั โปรดให้อิเหนาเป็นแม่ทพั ยกไปชว่ ย อิเหนาจึงจำใจต้องจากนางจินตะหรายกทัพไปชว่ ยทา้ วดาหารบจนไดช้ ัยชนะ และฆ่าทา้ วกะหมังกุหนงิ และวิหยา สะกำตาย หลังจากเสร็จศึกแล้ว อเิ หนาได้เข้าเฝ้าไดท้ ้าวดาหา และเม่ือได้พบนางบุษบาเป็นครง้ั แรก อเิ หนาถงึ กับ ตะลึงหลงนางบุษบา ต่อมา มะเดหวีซึ่งคงจะวุ่นพระทยั วา่ บษุ บาจะลงเอยประการใด จึงชวนบุษบากับนางกำนัลไปทำพธิ เี ส่ยี ง เทียนยงั วิหาร ใกลๆ้ วหิ ารน้นั พวกอิเหนากำลงั ตัง้ วงเตะตะกรอ้ ครั้นพวกสาวใช้มะเดหวขี ึ้นมาไล่ ก็พากันว่ิงหนี กระจายไป แต่อิเหนา สงั คามาระตาและประสันตาว่ิงเข้าไปแอบอยหู่ ลังพระปฏิมาในวิหาร วิธเี สีย่ งทายน้นั ใช้ เทียนสามเลม่ เลม่ หนึ่งเปน็ บุษบา ปกั ตรงหน้านาง อีกเลม่ เปน็ อเิ หนาปักขา้ งขวา และข้างซา้ ยเป็นจรกา แล้ว มะเดหวีสอนให้บุษบากล่าวอธษิ ฐานว่า \"...แมน้ ...จะได้ขา้ งไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา แมน้ จะได้ข้างระตู จรกา ให้เทียนพ่ียานน้ั ดับไป...\" บุษบาแม้จะอายใจเตม็ ทีกจ็ ำตอ้ งทำตามมะเดหวี แล้วกม็ เี สียงจากปฏมิ าวา่ \"...อัน นางบุษบานงเยาว์ จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นม่นั จรกาใช่วงศ์เทวัญ แมน้ ได้ครองกันจะอนั ตราย\" มะเดหวีไดย้ นิ ดังนั้น กต็ ่ืนเตน้ ดี พระทัย แต่ไมช่ า้ เร่ืองก็แตก เพราะอเิ หนาต้อนค้างคาวจนเทยี นดับ แลว้ ใชค้ วามมดื เขา้ มากอดบุษบา แล้วก็ไมย่ อมปล่อย จนพี่เลี้ยงไปเอาคบเพลงิ มา กเ็ หน็ อิเหนากอดบุษบาไวแ้ น่น มะเดหวีจะกริว้ โกรธอยา่ งไร กเ็ ห็น วา่ เสยี ทอี เิ หนาเสยี แล้ว จึงยอมสัญญาว่าจะหาทางให้อิเหนาได้กบั บุษบา อิเหนาจึงยอมปล่อย ครน้ั ไม่เหน็ ทางได้ บุษบาแตโ่ ดยดี อเิ หนากค็ ิดอุบายท่ีร้ายแรงทส่ี ดุ คอื เผาโรงมโหรสพในพิธีแต่งงานของบุษบาและจรกาในเมืองดาหา แล้วลักนางไปไว้ ในถ้ำทอง ซึ่งเตรียมไว้ก่อนแล้ว องคป์ ะตาระกาหลากรว้ิ อเิ หนามาก จงึ บนั ดาลให้เกดิ พายใุ หญห่ อบรถนางบุษบาและพ่ีเล้ียงไปตกทีช่ าย เมอื งประมอตนั แลว้ แปลงกายนางบุษบาให้เป็นชายชอ่ื ว่า อณุ ากรรณ ประทานกริชวิเศษให้ และบอกให้เดนิ ทางเข้าสเู่ มือง ประมอตนั ต่อจากนีก้ ็ถงึ บทมะงมุ มะงาหรา (ท่องเทีย่ วหา) อิเหนาเปน็ ฝ่ายตามหา บุษบาเปน็ ฝา่ ยหนเี ดินทางไป ตามเมืองต่างๆ ปราบเมืองน้นั ๆ ไว้ในอำนาจ มเี หตกุ ารณ์สนุกตน่ื เตน้ สลับซับซ้อน เช่น ธดิ าเจ้าเมืองตา่ งๆ เข้าใจวา่ อุณากรรณเป็นผู้ชายก็หลงรักตอนมะงมุ มะงา หราเป็นเรอื่ งราวสักครงึ่ หนึ่งของเร่ืองทง้ั หมด เม่อื สิ้นเวรส้ินกรรมแลว้ กษัตริย์วงศ์เทวาทงั้ หมดก็ไดพ้ บกัน อเิ หนาได้ปรับความเข้าใจกับนางจนิ ตะหรา และได้ครองเมอื งกุเรปันอย่างมีความสขุ สืบไป
20 ประวตั คิ วามเป็นมาของนางบุษบา นางบุษบา เป็นธิดาของท้าวดาหาและประไหมสหุ รีดาหราวาตี แหง่ กรงุ ดาหา เม่อื ตอนประสตู มิ เี หตุ อัศจรรย์คือ มีกล่ินหอมตลบอบอวลไปทว่ั ท้งั วัง ดนตรี แตรสงั ข์กด็ ังขนึ้ เองโดยไม่มีผบู้ รรเลง และเมือ่ ประสูตไิ ด้ไม่ นาน ท้าวกุเรปันก็ขอตุนาหงันให้กับอเิ หนา ท้งั น้ี นางบษุ บาเป็นหญงิ ท่ีงามลำ้ เลิศกวา่ นางใดใน แผ่นดินชวา กิริยามารยาทเรยี บร้อย คารมคมคาย เฉลยี วฉลาดทันคน ใจกว้างและมีเหตุผล จึงทำให้อิเหนารกั ใครห่ ลงใหลนาง ย่งิ กว่าหญงิ ใด ทวา่ นางถูกเทวดาบรรพบรุ ุษของวงค์อสญั แดหวา คอื องคป์ ะตาระกาหลาบนั ดาลใหล้ มพายุหอบไป ทำ ให้นางตอ้ งพลดั พรากจากอเิ หนาเปน็ เวลาหลายปกี วา่ จะได้พบอเิ หนาและววิ าหก์ นั โดยนางไดต้ ำแหน่งเปน็ ประไหม สหุ รฝี า่ ยซา้ ย ทง้ั น้ี การทน่ี างยอมให้อเิ หนายกนางจินตะหราเป็นประไหมสหุ รฝี า่ ยขวาแต่โดยดี ด้วยเห็นวา่ นางจนิ ตะหราเปน็ ผู้มากอ่ น แมว้ ่าจนิ ตะหราจะไม่ใช่วงศเ์ ทวญั ซงึ่ ข้อน้ยี ากทจ่ี ะหาหญิงใดเสมอเหมอื นและนบั ว่านาง บุษบาเปน็ หญิงไทยในวรรณคดที ่ี สมบูรณ์ด้วยคุณสมบตั ิคนหน่ึง บทบาทท่สี ำคญั ในเรอ่ื งอิเหนา -เป็นหญงิ ท่อี ิเหนารักใครย่ ิ่งกวา่ หญงิ อ่ืน -เป็นลกู ทีด่ ีอยู่ในโอวาทของพระบิดา พระมารดา ยอมแตง่ งานกับระตูจรกา แม้วา่ จะไม่พอใจในความข้ีริว้ ข้เี หรข่ อง ระตูจรกากต็ าม -ถกู เทวดาบรรพบรุ ุษ ของวงค์อสัญแดหวาคือ องค์ปะตาระกาหลาบนั ดาลให้ลมพายหุ อบไป ทำใหน้ างต้องพลัด พรากจากอิเหนา และพระบิดาพระมารดาเปน็ เวลาหลายปี กว่าจะได้พบอิเหนาและววิ าหก์ ัน -เปน็ ประไหมสุหรฝี า่ ยซ้ายของอเิ หนา ลักษณะภายนอก นางบุษบาเปน็ หญิงท่งี ามลำ้ เลิศกว่านางใดในแผ่นดนิ ชวา ลกั ษณะอุปนิสยั 1. บุษบาเป็นหญิงท่ีมาแบบฉบบั ของลกู ทดี่ ีอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ 2. เปน็ คนไมเ่ จ้ายศเจ้าอย่างหรือถือว่าตนสูงศักด์ิ 3. เปน็ คนไม่เหลาะแหละ รู้จกั โตเ้ ถียงแสดงความฉลาดรู้ทันอิเหนาและรักษาเกียรติของตนเองไม่ยอม หลงเช่อื อย่างง่ายๆ 4. เปน็ คนที่มคี วามเปน็ ตวั ของตัวเองแม้ว่านางจะตกอยูใ่ นสภาพทถี่ ูกบังคับ โดยนางไม่ยอมทำตามผใู้ หญ่ 5. มคี วามซือ่ สัตย์ ได้รักษาตัวไวร้ อคอยอเิ หนา
21 6. ไมม่ ีจรติ แงง่ อน เม่ืออิเหนาลกั พานางไปไวใ้ นถำ้ ก็ยินยอมแตโ่ ดยดี 7. เมอื่ เปน็ ชายคือ มสิ าอณุ ากรรณกป็ ฏิบัติตนกบั ระตูประมอตนั อยา่ งบดิ าของตน 8. มีความกตญั ญตู ่อผมู้ ีพระคุณ เชน่ ระตูประมอตนั 9. มคี วามกล้าหาญจนมีระตูมาขอเป็นเมืองขึน้ หลายเมอื ง 10. ไม่มีความริษยาถือโกรธผู้ใด มนี ำ้ ใจ
22 บรรณานุกรม พระสุธน-มโนราห์. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://kesinee1234.blogspot.com/2017/09/blog-post_17.html. (วันทส่ี บื ค้นข้อมูล : 18 กุมภาพันธ์ 2564). ดาวรตั น์ ชูทรพั ย์. พระสธุ นคำฉนั ท์. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=168. (วันทส่ี บื คน้ ข้อมลู : 18 กมุ ภาพันธ์ 2564). นางสาววนิดา พรหมชา. เรอ่ื ง ทา้ วแสนปม. [ออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า : https://sites.google.com/site/thai0049/home/reuxng-yx-thaw-saen-pm. (วันทสี่ ืบคน้ ข้อมูล : 18 กุมภาพันธ์ 2564). Suwichada ann. เร่ือง สังข์ทอง. [ออนไลน์]. แหล่งทม่ี า : https://sites.google.com/site/suwichadaann/bth-thi-9-radab-phasa/4-1. (วันที่สบื คน้ ข้อมูล : 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2564). waiwit chan. ตัวนางในวรรณคดีไทย. [ออนไลน]์ . แหลง่ ทีม่ า : https://sites.google.com/site/mrwaiwit/khwam-ru-thawpi/tawnang-ni-wrrnkhdi- thiy. (วนั ที่สบื ค้นขอ้ มูล : 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2564). เรอื่ งย่อรามเกยี รต์ิ. [ออนไลน์]. แหล่งทีม่ า : https://sites.google.com/site/krutop109/reuxng-yx-ramkeiyrti (วนั ทส่ี ืบค้นข้อมลู : 18 กุมภาพันธ์ 2564). มัทนา จากเรอื่ ง มัทนะพาธา ตำนานรกั ดอกกุหลาบ [ออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา : https://sites.google.com/site/ nangniwannakadee/prawatnangniwannakadee/math-thna-phatha (วันทส่ี ืบคน้ ข้อมลู : 4 มนี าคม 2564). ประวัตนิ างบุษบา. [ออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า : http://wwwaomnoi.blogspot.com/p/blog-page.html (วนั ทีส่ บื คน้ ข้อมูล : 4 มีนาคม 2564).
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: