1 รปู แบบการจัดการเรียน วทิ ยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสรมิ สร้างสมรรถนะนกั เรยี น กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เลม่ ที่ 2 เร่ือง การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น วา่ ท่รี อ้ ยตรชี ัยยุทธ ถนอมวงษ์ ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ โรงเรยี นเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห)์ สังกัดเทศบาลเมืองกาญจนบรุ ี กรมส่งเสริมการปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กระทรวงมหาดไทย
ก คำนำ รปู แบบการจัดการเรยี นวทิ ยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบรู ณาการเสริมสร้าง สมรรถนะนักเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 โดยดำเนินการ จดั ทำใหส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วดั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและสามารถเรียนรู้และฝึกทักษะได้ด้วยตนเอง ถือว่ามีบทบาทต่อการเรียนและการทำงานใน ปัจจุบันเป็นอยา่ งมาก เพื่อให้การเรียนการสอนทีเ่ ปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพผู้รายงานจึงได้จัดทำส่อื ชดุ นี้ขึ้นมา ซึ่งหวังว่าจะส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียนโดยตรงเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคุณลักษณะ อันพึงประสงคแ์ ละมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อการเรยี น ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารูปแบบการจัดการเรียนวิทยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 น้ีจะพัฒนาการเรียนของนักเรียน ให้มีความรู้ความเข้าใจ และผ่านเกณฑ์การ ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาขนึ้ ไป ขอขอบพระคุณ นางสาวภรดิ า บ่อพืชน์ ตำแหนง่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) และผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งทุกท่านท่ใี หค้ ำแนะนำในการจัดทำรูปแบบการจัดการ เรียนวิทยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เล่มนี้ ว่าทร่ี ้อยตรชี ัยยุทธ ถนอมวงษ์
ข สารบญั เรอ่ื ง หนา้ คำนำ................................................................................................................................ก สารบญั ............................................................................................................................ข คำชี้แจง ...........................................................................................................................ค คำแนะนำการใช้งานสำหรับครู........................................................................................ง คำแนะนำการใชง้ านสำหรับนกั เรียน...............................................................................จ คำแนะนำการใชง้ านสำหรับนกั เรียน...............................................................................ฉ จดุ ประสงค์การเรียนรู้......................................................................................................1 แบบทดสอบก่อนเรยี น.....................................................................................................2 ใบความรู้ท่ี 1 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้ .............................................................4 กจิ กรรมที่ 1 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมเบื้องต้น...............................................................8 ใบความรู้ท่ี 2 เรือ่ ง ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์...........................9 กจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง ซอฟต์แวร์ทใี่ ชใ้ นการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ............................13 ใบความรทู้ ่ี 3 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์จากอลั กอรทิ มึ ...............................14 กิจกรรมที่ 3 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอรทิ ึม................................17 แบบทดสอบหลงั เรียน .....................................................................................................19 ภาคผนวก ........................................................................................................................ 21 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ............................................................................................22 เฉลยกิจกรรมท่ี 1 เร่ือง การเขยี นโปรแกรมเบือ้ งต้น ......................................................23 เฉลยกิจกรรมท่ี 2 เรอื่ ง ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใช้ในการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์....................24 เฉลยกิจกรรมท่ี 3 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรจ์ ากอลั กอริทึม........................25 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน.............................................................................................27 บรรณานุกรม ................................................................................................................... 28
ค คำชี้แจง รูปแบบการจัดการเรยี นวิทยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบรู ณาการเสริมสรา้ ง สมรรถนะนกั เรยี น กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 พฒั นาข้นึ มา เพ่อื แหลง่ ความร้ขู องนกั เรียน สง่ เสรมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาทีพ่ บใน ชวี ติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ร้เู ท่าทันและมีจริยธรรม รูปแบบการจัดการเรยี นวทิ ยาการคำนวณดว้ ยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการ เสริมสร้าง สมรรถนะนกั เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ทั้งหมด 4 เล่ม ดังนี้ เล่มท่ี 1 เรอ่ื ง การออกแบบและการเขียนอัลกอริทึม เลม่ ท่ี 2 เร่ือง การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้ เลม่ ที่ 3 เร่อื ง การจัดการข้อมูลสารสนเทศ เลม่ ที่ 4 เรื่อง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย
ง คำแนะนำการใช้งานสำหรับครู รปู แบบการจัดการเรียนวิทยาการคำนวณดว้ ยแนวทาง New Normal แบบบรู ณาการ เสริมสร้างสมรรถนะนกั เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษา ปีท่ี 1 เล่มที่ 2 เรื่อง การเขยี นโปรแกรมเบ้ืองตน้ ควรปฏิบัติ ดงั น้ี 1. ครูศกึ ษารูปแบบการจัดการเรียนวทิ ยาการคำนวณดว้ ยแนวทาง New Normal แบบ บูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยม ศึกษาปีท่ี 1 เล่มท่ี 2 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมเบือ้ งต้น เลม่ น้ีให้เขา้ ใจก่อนการใช้งาน 2. ครชู แ้ี จงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวธิ ีการใช้รปู แบบการจดั การเรียนวทิ ยาการคำนวณดว้ ยแนว ทาง New Normal แบบบูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรยี น กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เล่มท่ี 2 เร่ือง การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งต้น 3. นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนทุกคร้งั เมอ่ื เร่ิมใชร้ ปู แบบการจดั การเรียนวทิ ยาการ คำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะนกั เรยี น กลุม่ สาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เล่มที่ 2 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมเบื้องตน้ ในแต่ละเล่มและครูเป็นผู้ตรวจ 4. ครูแนะนำและใหค้ ำปรึกษาขณะนักเรยี นศึกษาใบความรู้และฝกึ ปฏบิ ัติตามกจิ กรรม ในรูปแบบการจัดการเรียนวทิ ยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสรมิ สร้าง สมรรถนะนกั เรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มท่ี 2 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมเบ้ืองตน้ 5. ครทู บทวนความรู้แกน่ ักเรียนทุกครั้งกอ่ นหมดเวลาตามทกี่ ำหนด 6. ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เม่อื จบการเรียนร้ใู นรูปแบบการจัดการเรียน โดยใชช้ ุดกจิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ออนไลน์ เพ่ือพฒั นากระบวนการคดิ เชิงออกแบบ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 เล่มที่ 2 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมเบ้อื งต้น อลั กอริทึมในแตล่ ะเลม่ แล้วส่งให้ครตู รวจ 7. ครูประเมินนักเรียนตามพฤตกิ รรมการเรียนรตู้ ามสภาพจรงิ พรอ้ มบันทึกผลทุกครัง้ ครูแจ้งผลการเรยี นกบั นกั เรยี นทกุ คร้งั เมือ่ ทำกจิ กรรมการเรียนรเู้ รยี บรอ้ ยแลว้
จ คำแนะนำการใช้งานสำหรับนักเรียน รูปแบบการจัดการเรียนโดยใช้รูปแบบการจดั การเรียนวทิ ยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เล่มที่ 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้ ควรปฏิบัติ ดงั น้ี 1. นักเรยี นศึกษาคำแนะนำการใชง้ านรปู แบบการจัดการเรียนวทิ ยาการคำนวณด้วยแนว ทาง New Normal แบบบูรณาการเสรมิ สร้างสมรรถนะนักเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 เลม่ ที่ 2 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมเบอ้ื งต้น เล่มนใ้ี ห้เข้าใจก่อน การใชง้ าน 2. นักเรยี นฟังคำชแ้ี จงการใช้รูปแบบการจดั การเรยี นวิทยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสรมิ สร้างสมรรถนะนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 เล่มท่ี 2 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมเบ้อื งตน้ จากครใู ห้เขา้ ใจ วธิ กี ารใช้งานกอ่ นลงมอื ศึกษาด้วยตนเอง 3. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนทกุ คร้งั เมอื่ เรม่ิ ใช้รูปแบบการจดั การเรียนวทิ ยาการ คำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบรู ณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรยี น กลมุ่ สาระการ เรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เล่มที่ 2 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งต้น แลว้ ส่งใหค้ รตู รวจ 4. นักเรยี นศึกษาเนอื้ หาสาระจากใบความรู้และฝกึ ปฏิบตั ิตามตวั อยา่ ง ทำกิจกรรมดว้ ย ความตงั้ ใจ โดยมีครูคอยแนะนำและใหค้ ำปรึกษาเสร็จแลว้ ส่งให้ครตู รวจ 5. นกั เรียนทบทวนความร้ทู ไี่ ดร้ ับทุกครั้งกอ่ นหมดเวลา 6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนทุกครั้ง หลังการศึกษารูปแบบการจัดการเรียน วิทยาการคำนวณด้วยแนวทาง New Normal แบบบูรณาการเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่มท่ี 2 เรอื่ ง การ เขียนโปรแกรมเบอ้ื งต้น แล้วสง่ ใหค้ รูตรวจ
ฉ มาตรฐานและตวั ช้วี ัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อยา่ ง เปน็ ขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และ การแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม ตวั ชีว้ ัด ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบอลั กอรทิ ึมที่ใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรืออธบิ ายการทำงานที่ พบในชวี ติ จรงิ ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายเพอื่ แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ สาระสำคัญ 1. การเขยี นโปรแกรม เป็น การเขียนชุดคำส่ังด้วยภาษาโปรแกรมทส่ี ่งั ให้ คอมพิวเตอร์ สามารถทำงานไดต้ รงตามความตอ้ งการ และสามารถทำงานไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ซง่ึ เปน็ การกำหนด ขน้ั ตอนให้กับคอมพิวเตอร์ทำงานตามลำดบั และรูปแบบทก่ี ำหนดไว้ 2. ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ช้เขียนภาษาโปรแกรมเพอื่ สรา้ งโปรแกรมคอมพวิ เตอรน์ นั้ สามารถแบง่ ได้ เป็น 2 กลมุ่ ดงั นี้ 2.1 โปรแกรม Editor ท่วั ไป เป็นซอฟต์แวร์ทมี่ ุ่งเนน้ การพิมพ์ขอ้ ความหรือการ เขยี นชดุ คำส่งั ภาษาโปรแกรมเปน็ หลกั 2.2 โปรแกรม IDE Editor ซอฟตแ์ วรท์ ี่รวมเครอ่ื งมืออำนวยความสะดวกตา่ ง ๆ 3. การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอลั กอรทิ ึมเป็น กระบวนการในการทำงานท่ใี ช้การ ตดั สินใจดว้ ยหลกั เหตผุ ลและคณติ ศาสตร์ เป็นตัวชว่ ยในการเลอื กวิธีการหรือขั้นตอนการดำเนนิ งานถงึ ขัน้ ตอนสุดทา้ ยเปน็ วิธที ี่ใช้ การแยกย่อย เรียงลำดบั ข้นั ตอนของกระบวนการในการทำงาน ตา่ ง ๆ เพ่อื เพม่ิ ประสิทธิภาพใน การค้นหาและแก้ไขปญั หา สาระการเรยี นรู้ 1. การเขยี นโปรแกรมเบื้องต้น 2. ซอฟตแ์ วร์ท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3. การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรจ์ ากอัลกอริทมึ
1 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) 1. นกั เรียนอธิบายการเขยี นโปรแกรมเบือ้ งตน้ ได้ 2. นกั เรียนอธบิ ายซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ได้ 3. นกั เรยี นเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์จากอลั กอรทิ มึ ได้ ด้านทกั ษะกระบวน (P) 1. การแก้ปัญหา 2. การให้เหตผุ ล 3. การสอ่ื ความหมาย คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. ความรับผดิ ชอบ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
2 แบบทดสอบก่อนเรียน เล่มที่ 2 เร่ือง การเขียนโปรแกรมเบอื้ งตน้ คำชแ้ี จง ทำเครอ่ื งหมาย ทับตัวอักษร ก ข ค หรอื ง ตรงกับอกั ษรท่ถี ูกที่สุด 1. การเขยี นโปรแกรมคอื อะไร ก. การเขยี นใหค้ อมพิวเตอรท์ ำงานตามใจชอบ ข. การเขียนคำสั่งใหค้ อมพิวเตอรท์ ำงานตามขน้ั ตอนทวี่ างแผนไว้ ค. การเขยี นคำสั่งให้คอมพวิ เตอรว์ าดภาพ ง. การเขียนใหค้ อมพิวเตอรว์ าดภาพ 2. ข้อใดไมใ่ ชข่ น้ั ตอนของหลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ก. การวิเคราะห์ปญั หา ข. การออกแบบโปรแกรม ค. การเขียนโปรแกรม ง. การตดิ ตง้ั โปรแกรม 3. ขอ้ ใดเรียงลำดับการเขียนโปรแกรมได้ถูกต้อง ก. Compile Coding Run Testing ข. Coding Run Testing Compile ค. Coding Compile Run Testing ง. Run Compile Coding Testing 4. ในการเขียนโปรแกรมภาษา C คำสั่งและไวยากรณ์พ้นื ฐานตอ้ งมีองค์ประกอบอะไรบา้ ง ก. จบคำสง่ั ด้วยเครอ่ื งหมาย : เสมอ ข. คำสั่งการรับตัวแปร โดย %d หมายถึง ชนิดเลขจำนวนเตม็ ค. รปู แบบคำสั่งเพ่ือให้ข้อมลู ออกมาทางหน้าจอ คอื \"9oprint\";, ง. คำสงั่ การเปลี่ยนแปลงโปรแกรม ตวั แปร width เป็นตวั แปรประเภทเลขคี่ 5. จดุ ประสงคข์ องการเขียนโปรแกรมภาษา Scratch คือข้อใด ก. เพอ่ื การเขยี นคำสั่งมาตรฐานท่ใี ชใ้ นการทำงาน ข. เพือ่ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของกราฟิก ค. เพ่อื การเขียนคำส่ังแค่เพยี งครั้งเดียว สามารถวันได้ทกุ แพลตฟอรม์ ง. เพื่อการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถแุ บบสมบูรณ์ สำหรับพฒั นาระบบท่ซี บั ซ้อน 6. ขอ้ ใดเป็นจุดเดน่ ของโปรแกรมภาษาไพทอน ก. ใช้ได้กบั ทกุ ระบบปฏบิ ัตกิ าร ข. เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไดท้ ุกโปรแกรม ค. มแี ถบเคร่ืองมือทม่ี ากกวา่ โปรแกรมภาษาอน่ื ๆ ง. ไม่ยึดตดิ กบั แพลตฟอร์มทใ่ี ช้ สามารถพฒั นาโปรแกรมไดอ้ ย่างอสิ ระ
3 7. \"Write Once, Run Anywhere\" คือโปรแกรมภาษาในข้อใด ก. โปรแกรมภาษาซี ข. โปรแกรมภาษาจาวา ค. โปรแกรมภาษาไพทอน ง. โปรแกรมภาษา Scratch 8. ข้อใดไมใ่ ชซ่ อฟตแ์ วรท์ ใี่ ชเ้ ขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก. SPSS ข. Notepad ค. Turbo C++ ง. Python IDLE 9. ข้อใดเปน็ คำส่ังการประกาศตวั แปรในการเขียนโปรแกรม ก. #include<stdio.h> ข. area = base * height; ค. printf(\"Enter height : \"); ง. int width, length, height, area; 10. ขอ้ ใดไมใ่ ชช่ ุดคำส่ังโปรแกรมคำนวณการแปลงค่าเงนิ สกุลเยนเป็นเงินบาทไทย ก. scanf(\"%.2f\", ¥japan); ข. printf(\"Enter yen japan: \"); ค. rate = thaibaht * yenjapan; ง. float yenjapan, thaibaht, rate;
4 ใบความรู้ที่ 1 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งตน้ การเขียนโปรแกรม (Programming) คือ การเขียนชดุ คำส่ังดว้ ยภาษาโปรแกรมทส่ี ง่ั ให้ คอมพิวเตอรส์ ามารถทำงานไดต้ รงตามความต้องการ และสามารถทำงานไดอ้ ย่างถูกต้อง ซง่ึ เปน็ การกำหนดขั้นตอนให้กบั คอมพิวเตอร์ทำงานตามลำดบั และรูปแบบท่ีกำหนดไว้ หลกั การเขยี นโปรแกรม การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์น้ัน ผู้เขยี นโปรแกรมจะตอ้ งเลอื กใช้ภาษาโปรแกรมท่ี เหมาะสม รวมถึงตอ้ งเข้าใจโครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษาโปรแกรมน้นั ๆ การกำหนด กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ กำหนดลกั ษณะ และวเิ คราะห์ปัญหา ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ข้อมูลนำเขา้ กำหนดวิธีการประมวลผล กำหนดลกั ษณะ หรอื วธิ ีการคำนวณ ขอ้ มูลออก การออกแบบ การออกแบบ การออกแบบสว่ น โปรแกรม อลั กอรึทมึ ติดตอ่ ผ้ใู ช้ การเขียน เขียนคำสัง่ แปลภาษา สงั่ ใหไ้ ฟล์โปรแกรม โปรแกรม ทำงาน
5 โปรแกรมภาษา C ภาษา c พฒั นาข้นึ ในช่วงปี ค.ศ. 1969-1973 โดยเดนนิส รติ แห่ง Bell Lab ภาษา C มี ตน้ กำเนิดมาจากภาษา 2 ภาษา คอื ภาษา BCPL และ ภาษา B และได้รบั การรบั รองเป็นมาตรฐาน โดย ANSI ซึ่งภาษา C เป็นภาษาโปรแกรมหนึง่ ทีไ่ ดร้ ับความนิยมอยา่ งแพรห่ ลายมาจนถึงปจั จุบัน โครงสรา้ งของภาษา C preprocessor directives ใช้สำหรบั เรียกใช้คำสั่งมาตรฐาน global declaration ใช้สำหรบั ประกาศตัวแปร main function เปน็ ส่วนการทำงานหลกั user-defined function เป็นสว่ นของการเขียนคำสั่ง โปรแกรมภาษา Scratch Scratch เปน็ เครือ่ งมือและโปรแกรมภาษาที่ถูกพัฒนาขน้ึ มา เพื่อการเขยี นโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ ในรูปแบบของกราฟกิ โดยมโี ครงสรา้ ง ดังนี้ เวที สคริปต์ เปน็ สถานท่ใี ห้ตัวละครแสดง ชดุ คำสงั่ เพอื่ ส่งั ให้ตัวละครหรือเวที มภี าพฉากหลังเปล่ยี นแปลงได้ ทำงานตามวัตถุประสงคท์ ต่ี ้องการ มีขนาดความกว้าง 480 pixels เชน่ การเคลือ่ นไหว การแสดงเสยี ง การรับรู้ เปน็ ต้น สูง 360 pixels ตัวละคร ตัวละครแตล่ ะตัวจะมขี ้อมลู แตกตา่ งกนั เชน่ ชือ่ ตัวละคร ตำแหนง่ บนเวที เปน็ ตน้
6 โปรแกรมภาษาไพทอน ไพทอน (python) ถกู พัฒนาครงั้ แรกเมือ่ ปี 1989 โดย กิโด ฟาน รอสซัม (Guido van Rossum) โดยโครงสรา้ งของภาษานั้นจะไม่มกี ารยึดติดกับแพลตฟอรม์ ทีใ่ ช้ ทำให้ python เปน็ Open Source เต็มรูปแบบทีใ่ ช้พัฒนาได้อยา่ งอสิ ระ โครงสร้างของ คอมเมนต์หรอื การประกาศตัวแปรภาษา ภาษาไฟทอนเบอื้ งตน้ การนำเข้าไลบราร่ี หรือคลาสของไพทอนมาใช้ ประกาศตัวแปร ฟงั ก์ชนั และคำสง่ั ควบคุมการ ทำงาน โปรแกรมภาษาจาวา ภาษาจาวา (Java) เป็นภาษาทถี่ กู พฒั นาขน้ึ ในปี ค.ศ. 1991 เป็นภาษาทพ่ี ัฒนาขึน้ มา โดย เจมส์ กอสลิง (James Gosling) ภาษาจาวาได้รบั กำรออกแบบใหม้ ีรูปแบบทางภาษาเหมอื น ภาษา C โดยมีคำกลา่ ววา่ เป็น “Write Once, Run Anywhere” เขยี นเพียงครงั้ เดยี วและสามารถ นำไปรนั ไดบ้ นทกุ แพลตฟอรม์ โครงสร้างของ ขอ้ ดขี องภาษาจาวา ภาษาจาวาเบื้องตน้ • เหมาะสำหรบั พฒั นาระบบท่มี คี วามซับซ้อน • ทำงานได้ในระบบปฏิบัติกำรท่แี ตกตา่ ง Import สว่ นของกำรเรยี กใช้งานคลาส • ใชง้ านไดง้ ่ายกวา่ และลดความผดิ พลาด ที่อยู่ตา่ งแพ็กเกจ ไดม้ ากขึน้ • มคี วามปลอดภยั สงู ในกำรเขียนโปรแกรม Package ส่วนการระบตุ ำแหน่งหรือทอ่ี ยู่ ของคลาส ข้อเสยี ของภาษาจาวา • โปรแกรมทีส่ ร้างด้วยภาษาจาวาจะทำงาน Class สว่ นของการเขยี นคำส่ังการ ชำ้ กว่า native code ทำงาน • tool ท่มี ีในกำรใช้พัฒนาโปรแกรมจาวา ไม่ทนั สมัย ของโปรแกรม
7 รปู แบบการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผู้เขียนโปรแกรมต้องเข้าใจหลักการในการเขียนแต่ละ รูปแบบ ซง่ึ จะทำใหส้ ามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาโปรแกรมต่าง ๆ ได้ง่ายขน้ึ ภาษา โปรแกรมแตภ่ าษาจะมีลกั ษณะหรือรูปแบบการเขยี นท่แี ตกตา่ งกนั การเลือกภาษาโปรแกรมหรอื ภาษาคอมพวิ เตอรเ์ พอื่ นำมาเขียนโปรแกรมนัน้ ขนึ้ อย่กู บั ปัจจยั ต่าง ๆ เช่น ความเหมาะสมของโปรแกรม กับลกั ษณะงานทีจ่ ะนำไปใช้ การทำงานรว่ มกันได้กับโปรแกรมอน่ื ๆ หรืออาจเปน็ ความถนดั ของ แต่ละคน เปน็ ตน้ โดยภาษาโปรแกรมในปัจจบุ นั มีรูปแบบการเขียนโปรแกรมขั้นต้น 3 รปู แบบ แบ่ง ตามโครงสรา้ ง ดงั นี้ - โครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดบั เปน็ รปู แบบการเขียนโปรแกรมทมี่ ีการทำงานเป็น ลำดับข้นั ตอน ไล่เรียงลำดบั กันไปเหมอื นเสน้ ตรง ไม่มีการข้ามข้ันตอน ไมม่ กี ารย้อนกลบั ไปทำงาน เดิมทท่ี ำซ้ำไปแลว้ หรือไมม่ กี ารตดั สินใจเพื่อเลือกทำงานใด ๆ - โครงสร้างการทำงานแบบเลือกทำหรือมีเงื่อนไข เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรม ที่มีการตัดสินใจมีทางเลือก ให้เลือกกระทำ โดยแต่ละทางเลือกจะมีเงื่อนไข ซึ่งจะต้อง ผ่านการตรวจสอบเงื่อนไข นั้น ๆก่อน จึงจะสามารถทำงาน ในทางเลือกนน้ั ได้ ทัง้ นี้ ภายในโปรแกรมคอมพวิ เตอรอ์ าจ มีการตัดสินใจเช่นนี้ อยู่หลายจุดเรียกโครงสร้างการทำงาน ลักษณะน้ีวา่ selection หรือ condition - โครงสร้างการทำงานแบบทำซ้ำ รูปแบบการเขียนโปรแกรมท่มี ีการทำงานเดิมซำ้ ๆ โดยมี เง่อื นไขเพ่ือกำหนดจำนวนรอบในการทำงานซำ้ การทำงานแบบทำซ้ำมี 3 ประเภท คอื การทำงาน แบบทำซำ้ ตามจำนวนรอบที่ระบุ การทำงานแบบทำซำ้ ในขณะทม่ี เี ง่อื นไขเปน็ จริง การทำงานทำซำ้ จนกระท่งั เงื่อนไขเปน็ จริง
8 กิจกรรมที่ 1 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมเบอื้ งต้น คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคำถามทีก่ ำหนดให้ถูกต้อง 1…. …จง…อ…ธ…ิบา…ย…ค…วา…ม…ห…ม…าย…ข…อ…งก…า…รเ…ข…ยี น…โ…ป…รแ…ก…ร…ม……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………….. ………2.………จ………ง……อ…ธ………ิบ………า……ย…ค………ว………า……ม…ห………ม………า………ย……ข…อ………ง………ห………ล……กั…ก………า………รเ………ข……ีย…น………โ………ป………รแ………ก………ร……ม…ค………อ………ม………พ………วิ ……เ…ต………อ……ร…เ์ ………บ……ื้อ…ง………ต………น้ ……………………………………………………………………………………………………………….……. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จงอธิบายความหมายของภาษา C ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4……….………จ…ง……อ………ธ…ิบ………า……ย………ข………้อ…ด………ขี ……อ………ง…โ……ป………ร…แ………ก………ร……ม………ภ…า………ษ……า………จ…า………ว……า……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……5……….…โ………ค……ร…ง………ส……ร………้า…ง……โ…ป………ร……แ………ก…ร………ม………ม……ที………ัง้ …ห………ม………ด……ก………ีร่ …ูป………แ………บ……บ…………ไ……ด………แ้ …ก………อ่ ………ะ……ไ…ร……บ……..า้……ง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………..………………………………………………………………
9 ใบความรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง ซอฟต์แวร์ทใี่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้เขียนภาษาโปรแกรมเพือ่ สร้างโปรแกรมคอมพวิ เตอรน์ ้นั สามารถแบ่งได้ เปน็ 2 กลุ่ม ดังน้ี 1. โปรแกรม Editor ท่ัวไป เปน็ ซอฟต์แวร์ทม่ี ่งุ เนน้ การพิมพ์ขอ้ ความหรือการเขยี นชุดคำสง่ั ภาษาโปรแกรมเปน็ หลัก แต่ไมไ่ ดต้ ิดตงั้ เคร่อื งมอื อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเขียนโปรแกรม คอมพวิ เตอรไ์ ว้ด้วย โปรแกรม Editor กลุม่ น้ี ส่วนใหญส่ ามารถเปน็ เครอ่ื งมอื สำหรบั เขียนภาษา โปรแกรมได้ทกุ ภาษา ด้วยโปรแกรม Editor ทัว่ ไป เชน่ Notepad EditPlus เป็นตน้ 2. โปรแกรม IDE Editor เป็นซอฟต์แวร์ท่ี รวมเครอื่ งมืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเขียน โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยสว่ นมาก IDE Editor จะ ใชเ้ ฉพาะโปรแกรมภาษาหน่ึงๆ หรือกลมุ่ ภาษาโปรแกรม ท่ีใกล้เคียงกันเทา่ นั้น ตัวอย่างโปรแกรม IDE Editor เชน่ Turbo C++ สำหรบั เขียนโปรแกรมด้วยภาษา C โปรแกรม Scratch สำหรบั เขยี นโปรแกรมด้วยภาษา Scratch โปรแกรม NetBeansIDE สำหรบั เขียน โปรแกรมดว้ ยภาษา Java เป็นต้น ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรม โปรแกรม Turbo C++ เพ่ือเขียนชุดคำสัง่ ภาษา C เบื้องต้น ภาษาซี เปน็ การเขยี นโปรแกรมพน้ื ฐานทส่ี ามารถประยุกต์ใชก้ ับงานตา่ ง ๆ ได้มากมาย เชน่ โปรแกรม MATLAB (The MathWorks-MATLAB and Simulink for Technical Computing) ซ่งึ เวลาใช้สามารถพมิ พ์ชดุ คำสัง่ ภาษาซเี พมิ่ เข้าไปในโปรแกรมคำนวณคณิตศาสตร์ ประมวลผลทาง สัญญาณไฟฟา้ และทางไฟฟ้าสอ่ื สาร ซง่ึ ทำให้ประสทิ ธิภาพของงานที่ทำดยี งิ่ ขึ้น ตวั อย่างโปรแกรมภาษาซี
10 โปรแกรม Turbo C/C++ โปรแกรม Turbo C/C++ เป็นโปรแกรมเขียนภาษา C โดยบอรแ์ ลนด์ ซอฟต์แวร์ คอร์ปอเรชัน (Borland Software Corportion) ซงึ่ เพยี บพร้อมไปด้วยเครอ่ื งมือตา่ ง ๆ มากมาย เช่น โปรแกรม เรยี บเรียงขอ้ ความ และโปรแกรมตรวจสอบและแปลคำสงั่ แถบเมนู หน้าต่างเอดิเตอร์ สำหรับเขียนคำสั่ง สงั่ ให้ทำงานโดยกด Alt+F9 และ Ctrl+F10 แถบคยี ์ลดั ตัวอย่างโปรแกรม Turbo C/C++ เมนูหลัก (Main Menu) ประกอบด้วย File เก็บรวมรวมคำสง่ั เกย่ี วกบั การเปดิ -ปิดไฟล์ การบันทึกไฟล์ การออกจากโปรแกรม Edit การแก้ไขโปรแกรม การสำเนาหรือการย้ายข้อความท่ีปรากฏบนเอดเิ ตอร์ Search ค้นหาคำหรือขอ้ ความท่ีเขยี นในโปรแกรม ตลอดจนการแทนท่คี ำ Run รันโปรแกรมท่เี ขียนด้วยดำสัง่ แบบตา่ ง ๆ Compile แปลข้อมูลของโปรแกรมทเี่ ป็น source file ให้เปน็ object file Debug ตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม Project ใช้ในการระบุไฟล์ต่าง ๆ ที่จำเป็นตอ้ งนำมาใช้ในตัวโปรแกรมและ project ทีท่ ำงานอยู่ Option กำหนดรายละเอยี ดต่าง ๆ ของคอมไพเลอร์ เช่น directories compiler เป็นตน้ Window จัดการเกย่ี วกบั หน้าตา่ งที่ใชใ้ นการเขียนโปรแกรม Help ขอความชว่ ยเหลอื หรอื รายละเอียดเก่ียวกบั โปรแกรมในลักษณะตา่ ง ๆ
11 โปรแกรม Scratch เพอื่ เขียนชดุ คำสั่งภาษา Scratch โปรแกรม Scratch เป็นโปรแกรมภาษาทีผ่ เู้ รียนสามารถสรา้ งชิน้ งานได้อยา่ งง่าย เช่น นทิ าน ทส่ี ามารถตอบโตก้ ับผูอ้ า่ นได้ ภาพเคล่ือนไหว เกม ดนตรี และศลิ ปะ เมอื่ สร้างเป็นช้นิ งานเสร็จแล้ว สามารถนำช้นิ งานทสี่ รา้ งสรรค์นี้แสดงและแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นร่วมกบั ผ้อู ่นื บนเว็บไซตไ์ ด้ ทำให้ ผเู้ รยี นรู้หลกั การทางคณิตศาสตร์ และแนวคิดการโปรแกรมไปพรอ้ ม ๆ กับการคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์มี เหตผุ ล เป็นระบบ และเกิดการทำงานร่วมกัน 12 48 56 7 3 รปู หน้าตา่ งโปรแกรม Scratch สว่ นประกอบหลกั ของโปรแกรม หนา้ ตา่ งการทำงานของโปรแกรม Scratch มสี ว่ นประกอบหลกั ดังน้ี 1. แถบเครือ่ งมือ 2. เครื่องมือเวที 3. ข้อมลู ของเวทหี รือตวั ละครท่ถี ูกเลอื ก 4. กลมุ่ บล็อก ประกอบด้วยชุดคำส่งั ทจี่ ะกำหนดให้กบั ตวั ละคร หรือเวที 5. บล็อกในกลมุ่ ทีเ่ ลอื ก เพื่อใช้ในการทำสคริปต์การทำงานของโปรแกรม 6. พน้ื ทที่ ำงาน เปน็ ส่วนที่ใชใ้ นการเขียนสครปิ ต์ โดยเป็นลักษณะของการลากวาง 7. เวที เปน็ สถานทีท่ ่ีให้ตวั ละครใช้แสดง สามารถมภี าพฉากหลัง 8. รายการตัวละคร สร้างข้นึ มาเพือ่ ใช้แสดงบทบาทหน้าทีต่ ่าง ๆ บนเวที และเวทีที่ใช้ ในโปรเจกต์ปัจจุบนั หมายเหตุ ส่ังใหท้ ำงานโดยการคลิกทีร่ ปู ภาพ ท่หี น้าตา่ ง 7
12 โปรแกรม Netbeans IDE เพอื่ เขยี นชดุ คำสัง่ ภาษาจาวา Netbeans คือ เครือ่ งมอื ท่ชี ่วยในการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาท่มี ปี ระสทิ ธิภาพอยา่ งมาก ทำให้สามารถพฒั นางานได้ง่ายและเรว็ เพราะ Netbeans มี Editor อยใู่ นตัวทใี่ ชใ้ นการเขยี นภาษา โปรแกรมมีการแบ่งสอี อกเป็นสๆี ใน Editor เพ่อื ให้ง่ายต่อการสังเกตและการจดั รูปแบบ เพ่อื ให้ เขยี นโปรแกรมไดง้ า่ ยขึน้ มคี อมไพล์ไดง้ ่าย สามารถกด run ไดโ้ ดยไมต่ ้องกดคอมไพลก์ อ่ น เพราะ Netbeans จะทำการคอมไพล์ให้โดยอัตโนมัติ มีปมุ่ ทีใ่ ช้สำหรบั ทำ GUI (Graphic User Interface) อยูใ่ นตัวสามารถลากวางได้ และมบี ริการใหฟ้ รี โดยมบี ริษัท Sun Microsoft เปน็ ผูใ้ ห้บริการ จงึ สามารถมั่นใจไดว้ ่า เคร่อื งมือนจี้ ะรองรบั มาตรฐานใหม่ๆของภาษาจาวาในอนาคตไดอ้ ย่างแน่นอน โปรแกรม Netbeans IDE เพอ่ื เขยี นชุดคำสัง่ ภาษาจาวา หน้าต่างการทำงานของโปรแกรม Netbeans มีส่วนประกอบหลกั ดงั น้ี 1. แถบเมนู (Menu Bar) แสดงเมนเู พื่อเรยี กใช้งาน 2. หนา้ ต่างโปรเจกต์ (Project Window) แสดงโครงสรา้ งของไฟลต์ ่าง ๆ ในโปรเจกต์ 3. หน้าต่างเนวิเกเตอร์ (Navigator Window) แสดงองคป์ ระกอบของทใ่ี ชใ้ นโปรเจกต์ 4. หนา้ ต่างเอดเิ ตอร์ (Editor Window) สำหรับชดุ เขียนคำสัง่ 5. หน้าต่างแสดงผลการทำงาน (Output window) สำหรับแสดงผลการทำงาน
13 กจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามทกี่ ำหนดใหถ้ กู ตอ้ ง 1…….……จ……ง……บ……อก……ส……่ว……น……ป……ระ……ก……อ……บห……ล……กั ……ข……อ……งโ……ป……รแ……ก……ร……ม……S……cr……at……c……h……ข……อง……แ……ต……ล่ ะ……ห……ม……า……ยเ……ล……ข………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 1.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8.…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
14 ใบความรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์จากอลั กอรทิ ึม การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรจ์ ากอัลกอริทึม อลั กอรทิ ึม (Algorithm) คอื กระบวนการในการทำงานที่ใช้การตดั สินใจดว้ ยหลกั เหตุผลและ คณิตศาสตร์ เปน็ ตัวช่วยในการเลอื กวิธีการหรอื ข้นั ตอนการดำเนนิ งานถงึ ข้นั ตอนสุดท้ายเป็นวธิ ีทใี่ ช้ การแยกย่อยและเรียงลำดับข้ันตอนของกระบวนการในการทำงานต่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพใน การค้นหาและแก้ไขปัญหา โดยอัลกอริทึมจะเป็นกระบวนการแก้ปัญหาท่ีสามารถเข้าใจได้มีลำดับ และวธิ กี ารในการแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขัน้ ตอนและชดั เจน ขนั้ ตอนการเขยี นชดุ คำสง่ั ภาษาซจี ากอัลกอริทึมรปู แบบจำลอง 1. แปลงรหัสจำลองการนำเขา้ ข้อมูล INPUT width และ INPUT length เปน็ ชุดคำส่ังภาษาซี เ3พ.1่อื ปกราะรเกขาียศนตโัวปแ-รปปแรรกะรแกมลาคะศอนตมำัวพเแขิวปา้ เขตร้ออ:มรiลูn์จาtดกwังอนiัลdี้ กthอ,รleทิ nึมgth,area; คือ การแปล-งจนาำกเขอา้ลั ขก้ออมรูลทิ มึ: รปู แบบตา่ งๆ ให้เป็นการเขยี นชดุ คำส่ังด้วยภาษาคอมพวิ เตอร์ printf (\"Enter width :\"); scanf (\"%d\", &width); printf (\"Enter longs :\"); scanf (\"%d\", &length); 2. แปลงรหัสจำลองการประมวลผล computer area = width x length เปน็ ชุดคำส่ัง ภาษาซี ดังน้ี area = width x length; 3. แปลงรหัสจำลองการแสดงผลข้อมูลหรอื การนำเข้าขอ้ มูลออก OUTPUT area เปน็ ชุดคำส่ังภาษาซี ดังนี้ printf(\"Square area is : %d\\n\",area); กรณีศกึ ษาการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ กรณศี กึ ษาท่ี 1 รา้ นขายอุปกรณก์ ารเรยี นแหง่ หนึ่งกำลังจดั โปรโมชันส่วนลดสินคา้ โดยสินค้า ทุกช้ินจะมีสว่ นลด 10% (ร้อยละ 10) จากราคาปกติ เชน่ ดินสอไมก้ ลอ่ งละ 200 บาท ส่วนลด 10% คดิ เปน็ ส่วนลดกบ่ี าท โดยตอ้ งการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ พื่อคำนวณหาส่วนลดของสินค้า โดย นำขอ้ มลู เขา้ ราคาสินคา้ ปกติจากแป้นพมิ พ์ ตวั อย่าง สไี ม้มรี าคากล่องละ 200 บาท ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นส่วนลดกบ่ี าท โดยแปลง 10 เปอรเ์ ซ็นต์ให้เป็นร้อยละได้ ดังนี้ “รอ้ ยละ 10 ของ 200” วิธกี ารคำนวณ ข้ันตอนท่ี 1 นำราคาสนิ คา้ ปกติมาหารด้วย 100 คือ 200/100 = 2 ข้นั ตอนท่ี 2 หาสว่ นลด โดยนำ 10 เปอร์เซน็ ต์ มาคณู กบั ผลลัพธจ์ ากขน้ั ตอนที่ 1 คือ 10 x 2 = 20 จะได้สว่ นสด 20 บาท จากราคาปกติ 200 บาท
15 ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ปญั หา 1. กำหนดวัตถุประสงค์ของโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ - เพื่อคำนวณหาสว่ นลดราคาสินค้า 2. กำหนดลักษณะข้อมลู นำเข้า (input) - ข้อมลู ราคาสนิ คา้ ปกติ เปน็ ประเภทเลขจำนวนเต็ม - กำหนดขอ้ มูลนำเข้าเป็นตวั แปร - price แทนขอ้ มลู ราคาสินคา้ ปกติ 3. กำหนดลักษณะขอ้ มลู นำออก (output) - ข้อมูลสว่ นลด เปน็ ประเภทตวั เลข - กำหนดข้อมลู นำออกเป็นตัวแปร โดยให้ discount แทนข้อมลู ส่วนลด 4. กำหนดวิธกี ารประมวลผล (process) - ขั้นตอนท่ี 1 ผลลัพธช์ วั่ คราว = ราคาสินคา้ ปกต/ิ 100 - กำหนดวธิ กี ารประมวลผลเปน็ สมการได้ ดงั นี้ temp = price / 100 - ขน้ั ตอนที่ 2 ส่วนลด = เปอร์เซน็ ตส์ ว่ นลด x ผลลัพธช์ ่ัวคราว - กำหนดวิธีการประมวลผลเปน็ สมการได้ ดงั น้ี discount = 10 x temp ขนั้ ตอนท่ี 2 การออกแบบโปรแกรม 1. ออกแบบอลั กอรทิ ึม ภาษาธรรมชาติ รหัสจำลอง 1. เริ่มต้นการทำงาน 1. START 2. นำเข้าข้อมลู ราคาสินค้าปกติ 2. INPUT price 3. คำนวณ ผลลพั ธช์ ่วั คราว = ราคาสนิ ค้าปกติ / 100 3. COMPUTE temp = price / 100 4. คำนวณ ส่วนลด = เปอรเ์ ซ็นตส์ ่วนลด x ผลลพั ธ์ชัว่ คราว 4. COMPUTE discount = 10 x temp 5. แสดงผล ส่วนลด 5. OUTPUT discount 6. จบการทำงาน 6. STOP ผงั งาน START price temp = price / 100 discount = 10 x temp discount STOP
16 ===================================== Calculate Discount Program ===================================== Enter price : <input> ===================================== Discount is : <output> ===================================== ขน้ั ตอนท่ี 3 การเขยี นโปรแกรม รปู แบบการเขียนโปรแกรม : โครงสร้างการทำงานแบบเรยี งลำดบั (sequence structure) โดยโปรแกรมคำนวณส่วนลดน้ีมีการใชต้ วั แปร ดังนี้ - price แทนราคาสินค้าปกติ - temp แทนผลลัพธ์ช่วั คราว - discount แทนสว่ นลด #include<stdio.h> #include<conio.h> void main(){ int price, temp, discount; printf(\"======================\\n); printf(\" Calculate Discount Program\\n\"); printf(\"======================\\n\"); printf(\"Enter price : \"); scanf(\"%d\", &price); temp = price / 100; discount = 10 * temp; printf(\"======================\\n\"); printf(\"Discount is : %dn\"); printf(\"======================\\n\"); {
17 กิจกรรมที่ 3 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรจ์ ากอัลกอริทึม คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณท์ ีก่ ำหนด แลว้ ตอบคำถาม ……………ภตั…ต…า…คา…ร…แ…ห่ง…ห…น…่ึง…ค…ดิ ร…า…ค…าค…า่ …อ…าห…า…รแ…ล…ะ…เค…ร…อื่ ง…ด…ืม่ …ปก…ต…ิ …ซ่งึ…ไม…่ร…ว…มภ…า…ษ…ีม…ูลค…า่…เพ…ิ่ม……7%……ถ…า้ ค…่า… อ…า…ห…าร…แ…ล…ะเ…ค…ร่อื …ง…ด…่ืมข…อ…ง…รัช…น…ใี น…ร…า…คา…ป…ก…ต…ทิ …ีไ่ ม…ย่ …งั ร…ว…มภ…า…ษ…ีม…ูล…ค่า…เพ…ิ่ม…เ…ป…น็ เ…งนิ……2…,0…00……บา…ท……รชั …น…ีจ…ะ…… ต…อ้ …ง…เส…ยี …ภา…ษ…มี …ูล…คา่…เ…พ…ม่ิ เ…ท…า่ ไ…ร…(เ…ข…ยี น…โ…ป…รแ…ก…ร…มค…อ…ม…พ…ิว…เต…อ…รเ์ …พ…ือ่ ค…ำ…น…วณ……หา…ภ…า…ษ…มี ูล…ค…า่ …เพ…่มิ …โ…ด…ยน…ำ…เข…า้ … ข…้อ…ม…ลู …คา่…อ…า…หา…ร…แ…ละ…เค…ร…่ือ…งด…ม่ื …ร…าค…า…ป…ก…ตจิ…า…ก…แป…น้…พ…มิ …พ…)์ ……………………………………………………………… 1….…ว…เิ ค.ร. าะห์ปญั หาจากสถานการท่กี ำหนด ขั้นตอนท่ี 1 กำหนดวัตถุประสงค์ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ขน้ั ตอนท่ี 2 กำหนดลักษณะข้อมลู นำเขา้ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ขน้ั ตอนท่ี 3 กำหนดลกั ษณะข้อมูลนำออก ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ขน้ั ตอนท่ี 4 กำหนดวธิ กี ารประมวลผล ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ออกแบบอลั กอริทมึ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
18 3. การเขียนโปรแกรม …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
19 แบบทดสอบหลงั เรียน เลม่ ที่ 2 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรมเบอื้ งตน้ คำช้ีแจง ทำเครอื่ งหมาย ทับตวั อักษร ก ข ค หรือ ง ตรงกับอักษรท่ถี ูกทสี่ ุด 1. ในการเขียนโปรแกรมภาษา C คำสงั่ และไวยากรณพ์ นื้ ฐานต้องมีองค์ประกอบอะไรบา้ ง ก. จบคำสัง่ ดว้ ยเครือ่ งหมาย : เสมอ ข. คำสง่ั การรับตวั แปร โดย %d หมายถึง ชนดิ เลขจำนวนเต็ม ค. รปู แบบคำส่ังเพ่อื ใหข้ ้อมลู ออกมาทางหนา้ จอ คอื \"9oprint\";, ง. คำสั่งการเปลี่ยนแปลงโปรแกรม ตัวแปร width เปน็ ตวั แปรประเภทเลขค่ี 2. จุดประสงค์ของการเขียนโปรแกรมภาษา Scratch คือข้อใด ก. เพ่อื การเขียนคำสงั่ มาตรฐานทใี่ ช้ในการทำงาน ข. เพอื่ การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในรูปแบบของกราฟกิ ค. เพ่อื การเขยี นคำสัง่ แคเ่ พียงคร้งั เดยี ว สามารถวันไดท้ กุ แพลตฟอรม์ ง. เพ่อื การเขียนโปรแกรมเชงิ วัตถุแบบสมบูรณ์ สำหรับพัฒนาระบบที่ซบั ซ้อน 3. การเขยี นโปรแกรมคืออะไร ก. การเขียนให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามใจชอบ ข. การเขยี นคำสงั่ ใหค้ อมพิวเตอร์ทำงานตามข้ันตอนท่ีวางแผนไว้ ค. การเขียนคำสงั่ ให้คอมพิวเตอรว์ าดภาพ ง. การเขยี นให้คอมพิวเตอรว์ าดภาพ 4. ขอ้ ใดไมใ่ ชข่ ัน้ ตอนของหลกั การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ก. การวิเคราะหป์ ญั หา ข. การออกแบบโปรแกรม ค. การเขยี นโปรแกรม ง. การติดตั้งโปรแกรม 5. ข้อใดเรียงลำดับการเขียนโปรแกรมไดถ้ กู ตอ้ ง ก. Compile Coding Run Testing ข. Coding Run Testing Compile ค. Coding Compile Run Testing ง. Run Compile Coding Testing 6. \"Write Once, Run Anywhere\" คอื โปรแกรมภาษาในข้อใด ก. โปรแกรมภาษาซี ข. โปรแกรมภาษาจาวา ค. โปรแกรมภาษาไพทอน ง. โปรแกรมภาษา Scratch
20 7. ข้อใดเปน็ จุดเดน่ ของโปรแกรมภาษาไพทอน ก. ใชไ้ ดก้ ับทุกระบบปฏิบตั กิ าร ข. เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ทกุ โปรแกรม ค. มีแถบเครื่องมือทีม่ ากกว่าโปรแกรมภาษาอื่น ๆ ง. ไม่ยดึ ติดกับแพลตฟอร์มทใ่ี ช้ สามารถพฒั นาโปรแกรมได้อย่างอิสระ 8. ขอ้ ใดไม่ใชช่ ุดคำสั่งโปรแกรมคำนวณการแปลงค่าเงนิ สกุลเยนเป็นเงนิ บาทไทย ก. scanf(\"%.2f\", ¥japan); ข. printf(\"Enter yen japan: \"); ค. rate = thaibaht * yenjapan; ง. float yenjapan, thaibaht, rate; 9. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ซอฟต์แวร์ทีใ่ ชเ้ ขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ก. SPSS ข. Notepad ค. Turbo C++ ง. Python IDLE 10. ข้อใดเป็นคำส่ังการประกาศตัวแปรในการเขยี นโปรแกรม ก. #include<stdio.h> ข. area = base * height; ค. printf(\"Enter height : \"); ง. int width, length, height, area;
21 ภาคผนวก
22 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ข้อ คำตอบ 1. ข 2. ง 3. ค 4. ก 5. ข 6. ง 7. ข 8. ก 9. ง 10. ค
23 เฉลยกจิ กรรมท่ี 1 เร่ือง การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งต้น คำช้ีแจง ให้นักเรียนตอบคำถามทก่ี ำหนดให้ถูกต้อง 1…. …จง…อ…ธ…ิบา…ย…ค…วา…ม…ห…ม…าย…ข…อ…งก…า…รเ…ข…ยี น…โ…ป…รแ…ก…ร…ม……………………………………………………………………… ………………………ก…า……ร…เ…ข……ีย…น……โ…ป……ร…แ…ก……ร……ม…ค……ือ……ก……า…ร……เข……ีย……น…ช……ดุ …ค……ำ……ส…งั่…ด……้ว…ย……ภ……า…ษ……า…โ…ป……ร…แ……ก…ร……ม……ท…่ีส……ัง่ …ใ…ห……ค้ …อ……ม……พ……ิว…เ…ต……อ…ร…์ส……า……ม…า…ร……ถ………… ท……ำ……ง…า…น……ไ…ด…้ต……ร……ง…ต…า……ม…ค……ว…า……ม…ต……้อ…ง……ก……า…ร……แ…ล……ะ……ถ…กู……ต…้อ……ง……ซ……ึ่ง…เ…ป……็น……ก…า…ร……ก…ำ…ห……น……ด……ข…ั้น……ต……อ…น……ใ…ห……้ …ก……ับ…ค……อ…ม……พ……ิว……เต……อ……ร…ท์ ……ำ…ง…า…น………… ต……า……ม…ล……ำ…ด……ับ…แ……ล…ะ……ร…ูป……แ……บ…บ……ท……ี่ก……ำ…ห……น…ด……ไ…ว…้………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………..……………………………………………………………………………………………………………………….. ………2.………จ………ง……อ…ธ………หิบ………ลา……กัย…กค………าว………ราเ……ม…ขห………ยี มน………าโ………ยป……ข…รแอ………กง………หร……ม…ล……ัก…กก………าาร………รเเ……ข…ขีย……ยี…นน………โโป………ปร………รแแ………กก……ร…รม……ม…คค………ออ………มม……พ…พ……วิ…ิวเ……เต…ตอ………อร……ร…น์ ์เ………บ้นั ……้อื…ผง………ูเ้ตข………้นยี ………น………โป………ร………แ……ก…ร………ม………จ………ะต………้อ………ง………เล………ือ………ก……ใ…ช.…….้ …ภา…ษ…า…โป…ร…แก…ร…ม…ท…่เี ห…ม…าะ…ส…ม…ร…ว…มถ…งึ …ต…้อ…งเ…ขา้…ใ…จโ…ค…รง…ส…ร้า…ง…แล…ะ…ไว…ย…า…กร…ณ…ข์ …อ…งภ…า…ษ…า…โป…ร…แก…ร…ม…น…ั้น…ๆ………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. จงอธิบายความหมายของภาษา C ……………ภ…าษ…า…ซ…ี ค…ือ…ภ…า…ษ…าค…อ…ม…พ…วิ เ…ต…อร…์ใ…ช้ส…ำ…ห…รบั…พ…ัฒ…น…า…โป…ร…แ…ก…รม…ท…วั่ …ไป……ถูก…พ…ัฒ…น…า…คร…้ัง…แ…รก…เพ…่อื…ใ…ช้เ…ป…น็ … …ภา…ษ…า…สำ…ห…ร…ับ…พัฒ……นา…ร…ะ…บบ…ป…ฏ…บิ …ัต…กิ …าร…ย…ูน…ิกซ…์ …แท…น…ภ…า…ษ…าแ…อ…ส…เซ…ม…บ…ล…ี ซ…ึง่ เ…ป…น็ …ภา…ษ…า…ระ…ด…ับ…ต…่ำท…ส่ี …า…มา…ร…ถ…… …กร…ะ…ท…ำใ…น…ระ…บ…บ…ฮ…าร…ด์ …แ…วร…ไ์ ด…้ด…ว้ …ย…คว…า…ม…รว…ด…เร…็ว……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4……….………จ…ง……ขอ………อ้ธ…ิบ……ด…ขีา……ย…อ……ขง………ภ้อ…ดา………ษขี ……อา………จง…โา……ป…ว……าร…แ………ก………ร……ม………ภ…า………ษ……า………จ…า………ว……า……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………•……เ…ห……ม……า…ะ…ส……ำ…ห……ร…บั……พ……ฒั ……น……า…ร……ะ…บ……บ……ท……มี่ …ีค……ว…า……ม…ซ……บั ……ซ…อ้……น…..……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………•…ท…ำง…า…น…ได…ใ้ น…ร…ะ…บ…บป…ฏ…ิบ…ัต…ิก…ำร…ท…แี่ …ต…กต…า่ …ง……………………………………………………………………… ………………•…ใช…ง้ …าน…ไ…ด…ง้ า่ …ย…กว…า่ …แ…ละ…ล…ด…ค…วา…ม…ผ…ิดพ…ล…า…ด…ได…้ม…าก…ข…ึน้ ……………………………………………………….. ………………•…ม…คี ว…า…ม…ป…ลอ…ด…ภ…ยั …สงู…ใ…นก…ำ…ร…เข…ยี …นโ…ป…รแ…ก…ร…ม…………………………………………………………………… ……5…ร…….…ปู โ……แ…ค……บร…ง……บ…สก……ร…า……้าร…ง……เโ…ขป……ีย…ร……นแ…โ……กป…ร……ร…มแ………มก……ีท…ร……ัง้ม…ห……ข…มนั้………ดต……ก…น้ ……่รี …ูป3………แ……ร…บูป……บ…แ……บ…ไ……ดบ………้แ…แก………บ่อ……่ง…ะต……ไ…รา……บ…ม.…โ.า้……คง……ร……ง……ส………ร…า้………ง………ด……ัง……น……ี้………………………………………………………………………………………………………………………………… ………-…โ…ค…รง…ส…ร้า…ง…กา…ร…ท…ำง…า…นแ…บ…บ…เร…ยี …งล…ำ…ด…บั …เ…ป็น…ร…ูป…แ…บ…บก…า…ร…เข…ีย…นโ…ป…รแ…ก…ร…ม…ที่ม…กี…า…รท…ำ…ง…าน…เ…ป…็น………… …………ล…ำ…ด…บั ข…นั้ …ต…อ…น………………………………………………………………………………………………………………… ………-…โ…ค…รง…ส…ร้า…ง…กา…ร…ท…ำง…า…นแ…บ…บ…เล…อื …ก…ท…ำห…ร…ือ…ม…ีเง…่ือน…ไ…ข…เป…็น…ร…ูป…แ…บบ…ก…า…ร…เข…ยี …นโ…ป…รแ…ก…ร…ม………………….. ………-…โ…ค…รง…ส…ร้า…ง…กา…ร…ท…ำง…า…นแ…บ…บ…ท…ำ…ซ้ำ…ร…ูป…แ…บ…บ…กา…ร…เข…ีย…น…โป…ร…แก…ร…ม…ท…ี่ม…กี า…ร…ท…ำง…าน…เ…ด…ิมซ…้ำ…ๆ………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………..………………………………………………………………
24 เฉลยกิจกรรมที่ 2 เร่ือง ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามที่กำหนดให้ถูกต้อง 1…….……จ……ง……บ……อก……ส……่ว……น……ป……ระ……ก……อ……บห……ล……ัก……ข……อ……งโ……ป……รแ……ก……ร……ม ……S……cr……at……c……h……ข……อง……แ……ต……่ละ……ห……ม……า……ยเ……ล……ข ………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. .…ส…่วน…ร…ะก…อ…บ…ห…ล…กั ข…อ…ง…โป…ร…แ…กร…ม…ห…น…้า…ต…า่ ง…ก…าร…ท…ำ…งา…น…ขอ…ง…โป…ร…แ…ก…รม…S…c…ra…t…ch……มีส…ว่ …น…ป…ระ…ก…อ…บ…หล…กั ……ดงั..น…้ี ……………1….…แ…ถบ…เ…คร…อ่ื …ง…มือ…………………………………………………………………………………………………………… .……………2…. เ…ค…รอ่ื…ง…ม…ือเ…ว…ที…………………………………………………………………………………………………..……… ……………3….…ข…อ้ ม…ลู …ข…อ…งเ…วท…ีห…ร…อื …ตัว…ล…ะ…คร…ท…ถี่ …ูก…เล…อื …ก………………………………………………………………………… .……………4…. ก…ล…มุ่ …บ…ล…็อก……ป…ระ…ก…อ…บด…้ว…ย…ช…ดุ ค…ำ…ส…ง่ั ท…จ่ี …ะ…กำ…ห…น…ด…ให…ก้ …ับ…ต…วั ล…ะ…ค…ร…ห…รือ…เ…วท…ี ……………..…………… ……………5….…บ…ล็อ…ก…ใ…นก…ล…่มุ …ท…ี่เล…ือ…ก…เพ…ื่อ…ใ…ช…้ใน…ก…าร…ท…ำ…สค…ร…ปิ …ต…์กา…ร…ท…ำง…า…นข…อ…ง…โป…ร…แก…ร…ม…………………………… ……………6….…พ…้นื …ท่ีท…ำ…ง…าน……เป…น็ …ส…่วน…ท…่ีใ…ชใ้…น…ก…าร…เข…ยี …น…ส…คร…ปิ …ต…์ โ…ด…ยเ…ป…น็ ล…ัก…ษ…ณ…ะ…ข…อง…ก…า…รล…า…ก…วา…ง……………… .……………7…. เ…ว…ที…เป…น็ …ส…ถ…าน…ท…ท่ี …่ใี …หต้…วั …ล…ะค…ร…ใช…แ้ …ส…ด…ง …ส…าม…า…รถ…ม…ภี …า…พฉ…า…ก…ห…ลงั………………………………..……… ……………8….…รา…ย…ก…าร…ต…ัว…ละ…ค…ร…ส…ร้า…ง…ข…้ึนม…า…เพ…อื่ …ใ…ช้แ…ส…ด…งบ…ท…บ…า…ท…ห…นา้…ท…ี่ต…่าง…ๆ……บ…น…เว…ท…ี แ…ล…ะเ…วท…ีท…่ีใ…ช…้ ……… .………………ใ…น…โป…ร…เจ…ก…ตป์…ัจ…จ…บุ …นั …ห…ม…า…ยเ…ห…ตุ…ส…ั่งใ…ห…้ท…ำง…า…นโ…ด…ยก…า…ร…คล…ิก…ท…ีร่ …ูป…ภา…พ…ท…่ีห…น…้า…ต…า่ ง…7…..…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… .……………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… .………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
25 เฉลยกจิ กรรมท่ี 3 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากอัลกอริทึม คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณท์ ่กี ำหนด แลว้ ตอบคำถาม ……………ภตั…ต…า…คา…ร…แ…ห่ง…ห…น…ึ่ง…ค…ดิ ร…า…ค…าค…่า…อ…าห…า…รแ…ล…ะ…เค…ร…่ือง…ด…่ืม…ปก…ต…ิ …ซึง่…ไม…่ร…ว…มภ…า…ษ…ีม…ูลค…่า…เพ…ิ่ม……7%……ถ…้าค…า่ … อ…า…ห…าร…แ…ล…ะเ…ค…ร่อื …ง…ด…มื่ ข…อ…ง…รัช…น…ใี น…ร…า…คา…ป…ก…ต…ิท…่ีไม…่ย…ังร…ว…มภ…า…ษ…มี …ูล…คา่…เพ…่มิ…เ…ป…็นเ…งิน……2…,0…00……บา…ท……รชั …น…จี …ะ…… ต…อ้ …ง…เส…ยี …ภา…ษ…ีม…ลู …ค่า…เ…พ…ม่ิ เ…ท…า่ ไ…ร…(เ…ข…ียน…โ…ป…รแ…ก…ร…มค…อ…ม…พ…วิ …เต…อ…รเ์ …พ…อ่ื ค…ำ…น…วณ……หา…ภ…า…ษ…ีมูล…ค…่า…เพ…่ิม…โ…ด…ยน…ำ…เข…้า… ข…อ้ …ม…ลู …ค่า…อ…า…หา…ร…แ…ละ…เค…ร…่ือ…งด…่ืม…ร…าค…า…ป…ก…ติจ…า…ก…แป…้น…พ…ิม…พ…)์ ……………………………………………………………… 1….…ว…เิ ค.ร. าะหป์ ญั หาจากสถานการทก่ี ำหนด ข้นั ตอนที่ 1 กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ……เพ…่อื …ค…ำ…นว…ณ…ห…า…ภ…าษ…มี …ลู …ค…่าเ…พ…ิ่ม…ขอ…ง…ค…่าอ…า…ห…าร…แ…ล…ะเ…ค…ร่ือ…ง…ดมื่…ท…ั้ง…ห…ม…ด……………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ข้นั ตอนท่ี 2 กำหนดลักษณะข้อมูลนำเข้า ……1….ข…้อ…มลู…ค…า่ …อ…าห…า…รแ…ล…ะ…เค…ร…ื่อง…ด…ืม่ …ท…งั้ ห…ม…ด…เ…ป…น็ เ…ล…ขจ…ำ…น…วน…เ…ต…ม็ ……………………………………… ……2….ก…ำห…น…ด…ข…้อ…มูล…น…ำ…อ…อก…เ…ป…็นต…ัว…แ…ป…ร…ค…อื …ta…x…แ…ท…น…ข…อ้ ม…ลู …ค…า่ ภ…า…ษ…ีม…ลู …คา่…เพ…่มิ……………………… ขน้ั ตอนที่ 3 กำหนดลกั ษณะข้อมูลนำออก ……1….ข…้อม…ลู …ค…่า…อา…ห…า…รแ…ล…ะ…เค…รื่…อง…ด…ื่ม…ท้ัง…ห…ม…ด…เป…็น…เ…ลข…จ…ำ…น…วน…เ…ตม็………………………………………… ……2….ก…ำห…น…ด…ข…้อม…ูล…น…ำ…ออ…ก…เ…ป็น…ต…วั …แ…ป…ร …คอื……ta…x…แ…ท…น…ข้อ…ม…ลู …ค…่าภ…า…ษ…มี …ูลค…่า…เพ…ิม่ ……………………… ขัน้ ตอนท่ี 4 กำหนดวธิ กี ารประมวลผล ………คา่…ภ…า…ษ…มี ลู…ค…า่ …เพ…มิ่ …=……7…*…ผ…ล…ลพั…ธ…์ช…วั่ ค…ร…า…ว …ก…ำห…น…ด…วธิ…ีก…า…รป…ร…ะ…มว…ล…ผ…ล…เป…น็ …ส…มก…า…ร…ค…อื …… ………ta…x…=…7…*…t…em……p………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ออกแบบอลั กอริทึม …………1….…S…TA…R…T…………………………………………………………………………………………………………………… …………2….…IN…P…U…T…p…ri…ce…………………………………………………………………………………………………………… …………3….…C…O…M…P…U…TE……te…m…p…=……p…ric…e…/1…0…0……………………………………………………………………………… …………4….…C…O…M…P…U…TE……ta…x…=…7…*…t…e…m…p…………………………………………………………………………………… …………5….…O…U…T…PU…T……ta…x………………………………………………………………………………………………………… …………6….…S…TO…P……………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………
26 3. การเขียนโปรแกรม ……………………#…in…c…lu…d…e<…s…td…i…a.…h>…………………………………………………………………………………………… ……………………#…in…c…lu…d…es…c…o…ni…o….h…2………………………………………………………………………………………… ……………………v…o…id…m…a…in…(…){…………………………………………………………………………………………………… ………………………………in…t…p…r…ice…,…t…em……p;…………………………………………………………………………………… ………………………………f…lo…a…t …ta…x;……………………………………………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf…(\"=…=…=…=…=…==…=…=…=…=…=…==…=…\\…n…); ………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf(…\"C…a…lc…u…la…te…t…ax…P…ro…g…ra…m…\\…n…\");………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf…(\"=…=…=…=…=…==…=…=…=…=…=…==…=…\\…n…); ………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf(…\"E…n…te…r…p…ri…ce……: \"…);………………………………………………………………………… ………………………………s…ca…n…f(…\"%…d…\"…, …&p…r…ic…e…):…………………………………………………………………………… ………………………………t…em……p…=…p…r…ic…e …/ …1…00……………………………………………………………………………… ………………………………t…ax……=…7…* …te…m…p…;…………………………………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf(…\"=…=…=…=…=…==…=…=…=…=…=…==…=…\\…n…); ………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf(…\"T…a…x…is…:…%…2…f\\…n…\",…ta…x)…; ………………………………………………………………… ………………………………p…ri…n…tf(…\"=…=…=…=…=…==…=…=…=…=…=…==…=…\\…n…); ………………………………………………………… ……………………{………………………………………………………………………………………………………………………
27 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน ขอ้ คำตอบ 1. ก 2. ข 3. ข 4. ง 5. ค 6. ข 7. ง 8. ค 9. ก 10. ง
28 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชว้ี ดั และหลักสตู รแกนกลาง กลมุ สาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพชมุ นมุ สหกรณการเกษตรแหง ประเทศไทย จํากัด. โกสนั ต์ เทพสิทธทรากรณ.์ (2559). เทคโนโลยีสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พ์แมค็ . ครรชติ มาลยั วงศ์. (2559). พจนานกุ รมคอมพวิ เตอร์สำหรับเยาวชน. กรงุ เทพฯ : กองบรกิ ารส่อื สารสนเทศ ศนู ย์เทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอรแ์ ห่งชาติ สำนักงานพฒั นา วิทายาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ง่ิ แวดลอ้ ม, ม.ป.ป. จุฑาพร เรืองฤทธ.ิ์ (2559). คอมพิวเตอร์และระบบปฏบิ ตั ิการเบือ้ งตน้ . กรงุ เทพฯ : วงั อักษร. วชิราพร พ่มุ บานเยน็ .(2560). เทคโนโลยสี ารสนเทศและคอมพิวเตอร์. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยเู คชั่น, วิโรจน์ ทวีปวรเดช. (2560). ความรู้เบื้องต้นกับคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรุงเทพฯ : โปรวชิ น่ั , สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2560). หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 เลม่ ท่ี 1-2. กรงุ เทพฯ : สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.)
29
30
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: