Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 01-1 แผนการจัดการเรียนรู้ การอ่านเชิงวิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน

แผนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 01-1 แผนการจัดการเรียนรู้ การอ่านเชิงวิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน

Published by nopparat.tot, 2021-08-15 08:48:48

Description: แผนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 01-1 แผนการจัดการเรียนรู้ การอ่านเชิงวิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน

Search

Read the Text Version

1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 หนว่ ยการเรยี นท่ี 6 พจิ ารณ์วรรณกรรม เวลา 2 คาบ รหัสวิชา ท 21101 รายวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวน 1.0 หน่วยกติ เร่ือง การอ่านเชงิ วเิ คราะห์ (นทิ านพน้ื บ้าน) ครูผูส้ อน นายนพรตั น์ รตั นวิชัย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 การอา่ น มาตรฐาน มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ยั รักการอ่าน ตัวช้ีวดั จบั ใจความสาคญั จากเรอื่ งที่อ่าน ท 1.1 ม.1/2 ระบุและอธบิ ายคาเปรยี บเทยี บ และคาท่ีมหี ลายความหมายในบรบิ ทต่าง ๆ ท 1.1 ม.1/4 จากการอ่าน สาระสาคัญ นิทานพื้นบ้านเป็นเร่ืองเล่าท่ีเล่าสืบต่อกันมาแบบมุขปาฐะมีบทบาทสาคัญต่อการถ่ายทอด การเรียนรู้ เสริมสร้างบุคลิกภาพ มีพลังโน้มน้าวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของแต่ละบุคคล รวมท้ังมีความสาคัญต่อชีวิตมนุษย์และสังคมในหลายด้านการเรียนรู้นิทานพื้นบ้านจะทาให้นักเรียน เกิดความบันเทิงใจได้รับเร่ืองราวความรู้แทรกอยู่ เช่น ศาสนา พิธีกรรม ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณีตลอดจนมแี นวทางในการดาเนนิ ชวี ติ จากข้อคดิ ของนิทาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรยี นตง้ั คาถาม และตอบคาถามนทิ านพืน้ บ้านได้ถูกต้องครบถว้ น 2. นกั เรยี นลาดับเหตกุ ารณน์ ทิ านพื้นบา้ นได้ถกู ตอ้ ง 3. นกั เรยี นสรปุ สาระสาคัญของนิทานพื้นบา้ นไดถ้ ูกต้อง 4. นกั เรียนวเิ คราะหต์ ัวละครได้อย่างมีเหตผุ ล 5. นักเรียนบอกจุดมุง่ หมายและทรรศนะของผูแ้ ต่งไดถ้ กู ต้อง 6. นกั เรยี นอธบิ ายการใช้ภาษาในการเขยี นไดถ้ ูกตอ้ ง

2 สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ความรทู้ ่ัวไปเกยี่ วกับนทิ านพ้นื บา้ น 2. หลักการวิเคราะห์นิทานพื้นบา้ น ทักษะ/กระบวนการ 1. ทกั ษะการอา่ น 2. กระบวนการคิดวิเคราะห์ 3. กระบวนการกลุ่ม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน สมรรถนะหลัก 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 1 นทิ านพ้ืนบ้าน เรือ่ ง หวั ลา้ นนอกครู 2. ที่คน่ั หนังสือ กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ คาบท่ี 1-2 (100 นาที) ขัน้ กระต้นุ การเรยี นรู้(10นาท)ี 1. ครูช้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้เกยี่ วกับการอา่ นเชิงวเิ คราะห์ประเภทนิทาน พ้นื บ้าน 2. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรเู้ รอื่ ง การอ่านวิเคราะห์นทิ านโดยครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ 3. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกย่ี วกับนทิ านพ้นื บา้ น โดยใหน้ กั เรียนตอบคาถามจาก บทกลอนปรศิ นาคาทาย พรอ้ มทั้งให้ดภู าพนทิ านพื้นบา้ นประกอบ ดังน้ี คนอะไรคุดคู้อยู่ในหอย เฉลย สงั ข์ทอง

3 มเี มียน้อยก็ไมเ่ หมาะเพราะเป็นสตั ว์ เฉลย ไกรทอง หญงิ สองผัวตวั ตายเพราะชายชัด เฉลย วันทอง กรรมซา้ ซดั ใหข้ ุกเข็ญเป็นชะนี เฉลย พิกุลทอง ครกู ระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามโดยใช้ประสบการณ์เดมิ ของนักเรยี นเกี่ยวกับนิทาน พ้ืนบ้านทีน่ กั เรียนรจู้ กั โดยใช้คาถาม ดังน้ี 1) นักเรียนรูจ้ กั นทิ านพืน้ บ้านหรือไม่ หากรจู้ กั นักเรยี นร้จู ักเรือ่ งอะไรบา้ ง 2) นกั เรียนคดิ ว่านิทานพน้ื บา้ นมีความสาคญั อย่างไร 3) นักเรยี นคดิ ว่านทิ านพนื้ บา้ นมีขอ้ คิดที่นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั หรือไม่ ขั้นเรยี นรแู้ ละฝึกฝนกลยทุ ธ์ (40 นาท)ี 4. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนโดยคละความสามารถ กลุ่มละ 6-7 คน ซ่ึงนักเรียนในแต่ละ กลุ่มจะได้ฝกึ ใช้กลวิธีการอ่านตามความเหมาะสมกับบทอ่าน เช่น การค้นหาความหมายของ คาศัพท์ การคน้ หาสาระสาคัญของเร่ือง การลาดับเหตุการณ์ของเรอื่ ง 5. ครูอธิบายและสาธิตการใช้กลวิธีในการอ่าน โดยยกตัวอย่างนิทานพื้นบ้าน เรื่อง ยักษ์วัดแจ้งยักษ์วัดโพธิ์เพื่อให้นักเรียนได้อ่านและฝึกให้กลวิธีการอ่าน เพ่ือค้นหา สาระสาคัญของเรื่องการหาความหมายของคาเปรียบเทียบ และคาท่ีมีหลายความหมายท่ี ปรากฏในเร่ืองโดยใชค้ าถามแบบ QUEST ดังน้ี 1)Q (Question) คาถามจุดประกายความรู้นักเรียนแต่ละกลุ่มเป็นผู้ต้ัง คาถามหรอื ขอ้ สงสยั จากเรือ่ งที่อา่ นเห็นด้วยกบั บทอา่ นหรือไม่

4 2)U (Unhappy) คาถามสืบหาจุดอ่อนผู้นักเรียนแต่ละกลุ่มประเมินค่า หรอื ตดั สินคุณค่าจากเร่ืองทีอ่ า่ น เพื่อค้นหาจดุ ออ่ นหรอื ขอ้ บกพรอ่ งในเรื่อง 3)E (Excellent, Excited) คาถามสืบหาจุดเดน่ นักเรียนแต่ละกลุ่มบอก ความรูส้ ึกทีย่ อดเย่ยี มตน่ื เตน้ เพอ่ื เติมเต็มความรู้และแนวคิดจากเร่อื งทอ่ี ่านได้ 4)S (Strength) คาถามสืบหาจุดแข็ง นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ข้อดี และขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากเรื่องที่อ่านกลวธิ ีการนาเสนอของผูเ้ ขยี นนา่ สนใจหรือไม่ อย่างไร 5)T (Theme)คาถามสืบหาจุดสาคัญนักเรียนแต่ละกลุ่มสามารถบอก สาระสาคัญ ขอ้ ความหลกั หรือแก่นของเรื่องที่อา่ น 6. ครูสุ่มนักเรียน 1- 2 กลุ่มเสนอการตอบคาถามในข้อคาถามแบบ QUESTที่กาหนด ให้เพ่ือน ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ครูแก้ไขเพิ่มเติมและจากน้ันให้แต่ละกลุ่มเขียน เรียบเรียงเน้อื หาสาระที่ถูกต้องสง่ ครู ขั้นการอ่านร่วมกันเป็นกลุ่ม(25นาท)ี 7.นักเรียนในแต่ละกลุ่ม อ่านนิทานพื้นบ้านเรื่อง หัวล้านนอกครูทาความเข้าใจด้วย ตนเองพรอ้ มกับทาใบงานท่ี 1 ตอนท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์นิทานพน้ื บ้าน เรอื่ ง หวั ล้านนอกครู ระหว่างที่นักเรียนอ่านครูคอยสังเกตพฤติกรรมนักเรียนเป็นรายบุคคล ให้ความช่วยเหลือ นักเรียนท่ีมปี ญั หาในขณะอ่าน 8. นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันตั้งคาถามและคน้ หาคาตอบนิทานพน้ื บ้านเรื่อง หัวล้าน นอกครู และทาใบงานท่ี1 ตอนที่ 2 การอ่านวิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน เร่ือง หัวล้านนอกครู โดยใชค้ าถามแบบ QUEST ดงั นี้ 1)Q (Question) คาถาม 1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ตั้งคาถามหรือข้อสงสัยจากเรื่อง หัวล้านนอกครู จดุ ประกายความรู้ และรว่ มกันคน้ หาคาตอบ กลุ่มละ 5 ข้อ 2)U (Unhappy) คาถาม 2) นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกประเด็นที่ขัดแย้งหรือสง่ิ ท่ีนักเรียนเห็นต่าง สบื หาจุดอ่อน ไปจากเรื่อง หรือจุดอ่อนของเรอื่ ง 3)E (Excellent, 3)นักเรยี นแต่ละกลุ่มบอกเหตุการณ์ที่ประทับใจ ลาดับเหตุการณ์จาก Excited) คาถามสบื หา เรอื่ งที่อ่าน จุดเดน่ 4)S (Strength) คาถาม 4) นักเรียนวิเคราะห์ลักษณะตัวละครสาคัญ และบอกกลวิธีในการ สืบหาจดุ แข็ง นาเสนออยา่ งไร 5)T (Theme)คาถามสืบ 5)นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกจุดมุ่งหมาย ทรรศนะ และสาระสาคัญของ หาจดุ สาคัญ เร่ืองท่ีอา่ น

5 ขั้นประเมินความเขา้ ใจของตนเอง(10นาท)ี 9. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนของแต่ละกลุ่ม ออกมาเขียนคาถามจุดประกายความรู้ (Q) บนกระดาน และใหเ้ พอ่ื นช่วยกนั หาค้นหาคาตอบในข้อคาถามท่เี หลอื อยู่ 10. นักเรียนร่วมกันเฉลย และอภิปรายท่ีมาของคาตอบ พร้อมกับแสดงเหตุผล ครู แก้ไข และอธบิ ายเพิ่มเติม ขน้ั ตอบสนองต่อบทอ่าน (15นาท)ี 11. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาความรู้ ข้อคิด หรือขอ้ ความที่ประทับใจในเรื่อง หัวล้าน นอกครู มาจัดทาที่ค่นั หนงั สือ กลมุ่ ละ 1 ชิ้น 12.ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานและนักเรียนร่วมอภิปรายผลงานของ เพือ่ น สือ่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้เร่ือง การอา่ นวิเคราะห์นทิ านพ้นื บ้าน 2. นทิ านพนื้ บา้ นเร่อื ง หวั ลา้ นนอกครู 3. นทิ านพนื้ บา้ นเรือ่ ง ยักษว์ ดั แจ้งยกั ษ์วดั โพธิ์ 4. ใบงานที่ 1 การอ่านวเิ คราะห์นทิ านพ้ืนบ้าน เรอ่ื ง หวั ลา้ นนอกครู 5. หอ้ งสมุด 6. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ การวัดและประเมินผล 1. วิธกี ารประเมิน 1.1 สังเกตพฤติกรรมการทากจิ กรรมกลมุ่ 1.2 ตรวจการทาใบงานท่ี 1 นทิ านพ้นื บา้ น เรื่อง หวั ล้านนอกครู 2. เคร่อื งมอื ประเมิน 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการทากิจกรรมกลมุ่ 2.2 แบบประเมนิ การทาใบงานที่ 1 นทิ านพื้นบา้ น เร่อื ง หัวลา้ นนอกครู 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 การทากิจกรรมกลุ่มผู้เรยี นท่ีผ่านเกณฑ์ควรมีคะแนน 7 คะแนนขึ้นไปหรือมกี าร ตดั สินคณุ ภาพในระดบั พอใช้ ข้นึ ไป 3.2 การทาใบงานที่ 1 นิทานพื้นบ้าน เร่อื ง หัวลา้ นนอกครู ผู้เรยี นท่ีผา่ นเกณฑค์ วรมี คะแนน 7 คะแนนขึน้ ไป หรือมีการตัดสินคุณภาพในระดับพอใช้ขึ้นไป

6 บนั ทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………...……………………… …………………………………………………………………………………………………………………...………………………… ปญั หา/อุปสรรค และข้อค้นพบ …………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………...……………………… …………………………………………………………………………………………………………………...………………………… ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข และผลการแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………...………………… ………………………………………………………………………………………………………………………...…………………… ……………………………………………………………………………………………………………………...……………………… …………………………………………………………………………………………………………………...………………………… ลงชื่อ .....................................................ผ้สู อน (นายนพรัตน์ รัตนวชิ ัย)

7 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทากิจกรรมกลุ่ม ค า ช้ี แ จ ง:ครู สั งเก ต พ ฤติ ก ร รม ก า ร ท า กิ จ ก ร ร มก ลุ่ ม ข อง นั ก เรี ย น แ ล ะ ล งค ะแ น น ใน ช่ อ งท่ี ต รง กั บ พฤตกิ รรมการทากิจกรรมกล่มุ ที่สงั เกตพบ ช่ือกลุ่ม…………………………………………………………………………………......... รายการประเมิน ที่ ชื่อ-สกลุ การ ีมส่วนร่วมในการ คะแนน ผลการประเมิน ทา ิกจกรรมกลุ่ม รวม การตอบคาถามและ แสดงความคิดเห็น การแสวงหาความรู้ ภายในก ่ลุม การนาเสนอผลงานได้ น่าสนใจ ความ ัรบผิดชอบงาน ที่ได้ ัรบมอบหมาย 3 3 3 3 3 15 ผ่าน ไมผ่ า่ น ลงชือ่ ........................................................... ผู้ประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน หมายถึง ดมี าก คะแนน 13 - 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 - 12 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 7 - 9 หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 5 – 6 ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั พอใช้

8 เกณฑ์การประเมินการทากิจกรรมกล่มุ รายการประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1 การมีสว่ นรว่ มใน สมาชกิ ทกุ คนวางแผน 2 สมาชิกตั้งแต่ 2 คนขน้ึ ไป การทากิจกรรมกลุ่ม รว่ มกันยอมรับ ไมม่ สี ่วนร่วมในการ ขอ้ ตกลงของกล่มุ สมาชิก 1 คนไม่มสี ว่ น วางแผน หรือไม่ทาตาม การตอบคาถามและ ทาตามขั้นตอน ในการวางแผนหรือ ข้ันตอน หรอื ไม่ แสดงความคดิ เหน็ ชว่ ยเหลือเพ่อื นในกลมุ่ ไมท่ าตามขนั้ ตอน ช่วยเหลอื เพอื่ นในกลมุ่ สมาชกิ ทกุ คน หรอื ไมช่ ่วยเหลือเพ่อื น สมาชกิ ตงั้ แต่ 2 คนขน้ึ ไป การแสวงหาความรู้ ร่วมตอบคาถามและ ในกลมุ่ ไมใ่ ตอบคาถามและไม่ ภายในกลมุ่ แสดงความคิดเหน็ สมาชิกสมาชกิ 1คน แสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผล ไมต่ อบคาถามและ การนาเสนอผลงาน แสวงหาขอ้ มลู จาก แสดงความคิดเหน็ แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ ได้น่าสนใจ แหลง่ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ มีการ มีการจดบันทึกความรู้ แสวงหาขอ้ มลู จาก จดบนั ทึกความรู้ สรปุ ความรบั ผิดชอบงาน สรปุ ความรู้ที่ได้ แหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ ความรู้ทไ่ี ด้ถกู ต้อง เมอื่ ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ถกู ต้องตรงประเดน็ มีการจดบันทึกความรู้ ไดร้ บั การตักเตือน ดว้ ยตนเอง อยา่ ง สรปุ ความรู้ท่ไี ด้ถูกต้อง สม่าเสมอ ตรงประเดน็ เมื่อได้รับ ไมม่ ีความพร้อมในการ มคี วามพร้อมในการ การกระต้นุ นาเสนอผลงาน นาเสนอผลงาน มีการ ลาดบั ความสาคัญของ มคี วามพร้อมในการ ทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย เนื้อหา มกี ลวิธีการ นาเสนอผลงาน มกี าร เสร็จไมท่ นั เวลาและไม่ นาเสนอทนี่ า่ สนใจ ลาดับความสาคญั ของ เรยี บร้อย ทางานที่ได้รบั เนอ้ื หา มอบหมายเสร็จ ทันเวลา ทางานสะอาด ทางานท่ีไดร้ บั เรยี บรอ้ ย มอบหมายเสร็จ ทนั เวลาแต่ทางานไม่ เรยี บรอ้ ย

9 แบบประเมินใบงานท่ี 1 การอ่านวเิ คราะห์นทิ านพื้นบ้าน เร่ือง หัวล้านนอกครู คาชี้แจง : ให้ผู้ประเมินพิจารณาการทาใบงานท่ี 1 นิทานพ้ืนบ้าน เร่ือง หัวล้านนอกครูแล้ว ประเมินผลตามรายการประเมนิ ทกี่ าหนดให้ ดงั นี้ ช่ือกลุ่ม……………………………………………………………………………………………… รายการประเมิน ที่ ชอ่ื -สกลุ การตั้งคาถามและตอบคาถาม คะแนน ผลการประเมนิ การส ุรป ้ขอคิดและ รวม ประโยช ์นของเรื่อง การอ ิธบายคาเปรียบเ ีทยบ และคาหลายความหมาย การ ิวเคราะ ์หองค์ประกอบ การสรุปเน้ือเรื่อง 3 3 3 3 3 15 ผา่ น ไม่ผา่ น ลงชอ่ื ........................................................... ผู้ประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน หมายถึง ดีมาก คะแนน 13 - 15 หมายถงึ ดี คะแนน 10 - 12 หมายถึง พอใช้ คะแนน 7 - 9 หมายถึง ปรับปรงุ คะแนน 5 – 6 ผา่ นเกณฑ์ในระดับ พอใช้

10 เกณฑก์ ารประเมนิ ใบงานที่ 1 การอา่ นวเิ คราะห์นทิ านพื้นบ้าน เรอ่ื ง หวั ลา้ นนอกครู รายการประเมิน 3 ระดับคณุ ภาพ 1 การตั้งคาถาม และตอบคาถาม 1. ตัง้ คาถามครอบคลมุ 2 1. ตั้งคาถามไม่ เน้อื หาทง้ั หมดของเรื่อง ครอบคลุมเน้ือหาท้งั การสรปุ ข้อคิด 2.ตอบคาถามได้ถูกต้อง 1. ตง้ั คาถามครอบคลุม เร่ือง และ ทุกข้อ เนอ้ื หาทั้งหมดของเรื่อง 2.ตอบคาถามถูกต้อง ประโยชนข์ อง 3.อธิบายและขยายความ 2.ตอบคาถามไดอ้ ย่าง ไมเ่ กนิ 3 ข้อ เรอ่ื ง คาตอบได้ถูกต้องทุกข้อ ถูกต้องทุกข้อ 3.อธบิ ายและขยาย 3.อธบิ ายและขยายความ ความคาตอบหรอื ตอบ การอธบิ ายคา 1. ระบุข้อคดิ ของเร่ืองได้ คาตอบถูกต้อง 3-4 ข้อ ถูกต้อง 1 ข้อ เปรยี บเทียบและ ถูกต้อง 1. ระบขุ อ้ คดิ ของ คาหลาย 2. สรปุ ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั 1. ระบุขอ้ คิดของเรื่องได้ เร่ืองได้ถูกต้อง ความหมาย จากเร่ืองได้ถูกต้องครบ ถกู ต้อง 2. สรปุ ประโยชน์ การวเิ คราะห์ ทกุ ประเดน็ 2.สรุปประโยชน์ท่ไี ดร้ ับ ทไี่ ดร้ บั จากเรอ่ื งขาดไป องค์ประกอบ 3.ยกตัวอย่างการนา จากเรือ่ งขาดไป1 มากกวา่ 1 ประเด็น ข้อคิดทีไ่ ด้จากเรื่องไปใช้ ประเดน็ 3. ยกตัวอยา่ งการ ในชวี ิตประจาวันได้ 3. ยกตวั อย่างการนา นาข้อคิดท่ีไดจ้ ากเรื่อง ข้อคิดทีไ่ ดจ้ ากเรื่องไปใช้ ไปใช้ในชีวิต ตอบคาถามที่ระบุคา ในชวี ติ ประจาวัน ประจาวนั ไม่ได้ เปรยี บเทยี บและคาหลาย ไมไ่ ด้ ไมส่ ามารถตอบคาถาม ความหมายได้ถูกต้องทกุ ตอบคาถามทีร่ ะบุคา คาท่รี ะบุคา ข้อ เปรียบเทียบหรือคา เปรียบเทียบและคา ตอบคาถามทรี่ ะบุ หลายความหมายได้ 1-2 หลายความหมายได้ องค์ประกอบของนิทาน ข้อ ตอบคาถามที่ระบุ พน้ื บ้าน ตอบคาถามทร่ี ะบุ องคป์ ระกอบของนิทาน พรอ้ มท้ังอธิบาย องค์ประกอบของนิทาน พน้ื บ้าน เหตผุ ลประกอบได้ พื้นบ้าน แตไ่ ม่อธิบายเหตุผล อยา่ งถูกต้องทุกข้อ แตไ่ ม่อธบิ าย มากกวา่ 2 ข้อ เหตุผล 1-2 ข้อ

11 รายการประเมิน 3 ระดบั คณุ ภาพ 1 การสรปุ เนื้อเรื่อง 1. สรุปเนื้อหาของเร่อื งได้ 2 1. สรปุ เนอื้ หาของเร่ือง ครบทกุ ประเดน็ ขาดตงั้ แต่ 2 ประเดน็ 2. บนั ทึกเนอื้ เร่ืองโดยใช้ 1. สรปุ เนือ้ หาของเรือ่ ง 2. บนั ทกึ เนือ้ เรื่อง สานวนภาษาของนักเรียน ขาดไป 1 ประเดน็ ท้ังหมดโดยใชส้ านวน เองทง้ั หมด 2.บันทกึ เนื้อเร่ืองท่ี เดิม ปรากฏสานวนเดมิ ของผู้ แต่งไม่เกินร้อยละ10 ของเนื้อเร่ืองทง้ั หมดที่ บันทึก เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน หมายถึง ดมี าก คะแนน 13 - 15 หมายถงึ ดี คะแนน 10 - 12 หมายถึง พอใช้ คะแนน 7 - 9 หมายถึง ปรับปรุง คะแนน 5 – 6 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั พอใช้

12 รายละเอยี ดเนอื้ หาสาระ ความรู้ทวั่ ไปเก่ียวกับนทิ านพน้ื บา้ น สาระสาคัญ นิทานพ้ืนบ้าน คือ เร่ืองเล่าที่เล่าสืบต่อกันมาแบบมุขปาฐะมีบทบาทสาคัญต่อการถ่ายทอด การเรียนรู้ เสริมสร้างบุคลิกภาพ มีพลังโน้มน้าวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของแต่ละบุคคล รวมท้งั มคี วามสาคญั ต่อชวี ิตมนุษยแ์ ละสงั คมในหลายดา้ น ความสาคญั และประโยชนข์ องนทิ านพืน้ บา้ น 1. ให้ความบนั เทิงแก่ผู้ฟงั เน่อื งจากนทิ านสามารถนามาเล่าได้โดยไมต่ อ้ งมีพิธีรีตอง จงึ ได้รับ การสืบทอดและแพร่หลายในทกุ ท้องถ่ิน แม้เน้ือหาของนิทานจะมีหลายรปู แบบ แต่จุดประสงค์ด้ังเดิม ของการเล่านทิ าน คือ เพอ่ื เป็นส่ิงบนั เทงิ ใจในยามว่างจากการงาน 2. ให้ความรู้ นิทานพ้ืนบ้านมีเร่ืองราวความรู้แทรกอยู่ เช่น ศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ ประวตั ศิ าสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี 3. ให้แนวทางในการดาเนินชีวิตโดยท่ัวไปมักมีแก่นหรือแนวคิดสาคัญของเรื่องอิงอยู่กับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดังน้ัน การเล่า การอ่านนิทานพ้ืนบ้านจึงปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ใหแ้ กผ่ ู้ฟังไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 4. ให้คาอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธ์ุ นิทานพ้ืนบ้านบางส่วนมีเนื้อหาเป็น ตานาน หรอื อธิบายความเป็นมาของเผ่าพนั ธ์ทุ ่ีตัง้ รกรากอยู่ในแตล่ ะท้องถ่ิน 5. ให้อิทธิพลต่อศิลปกรรม โดยเฉพาะนิทานพ้ืนบ้านที่เก่ียวกับชาดก เช่น ภาพจิตรกรรมฝา ผนงั เรอื่ ง คันธกุมาร วัดภูมนิ ทร์ จังหวัดนา่ น เรือ่ ง ศรีธนญชยั วัดปทุมวนารามฯ กรงุ เทพมหานคร องคป์ ระกอบของนทิ านพ้นื บ้าน 1. แนวคิดหรือแกนของเร่ือง หรือสารัตถะของเร่ือง แนวคิดของเร่ืองนิทาน มักเป็น องค์ประกอบพื้นฐาน ง่าย ไม่ลึกซึ้งนัก เช่น แนวคิดเร่ืองแม่เลี้ยงข่มแหงลูกเล้ียง การทาความดีจะ ไดผ้ ลดตี อบสนอง 2. โครงเรื่องของนิทาน เค้าโครงของเรื่อง มักส้ัน กะทัดรัด เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เป็น ลกั ษณะเร่อื งเลา่ ธรรมดา โดยดาเนนิ เร่ืองไปตามลาดบั เหตุการณ์กอ่ นหลัง 3. ตัวละคร ไม่ควรมีหลายตัว เพราะเป็นเรื่องสั้น ๆ จะน่าอ่านกว่า เร่ืองยาวๆ ตัวละครอาจ เปน็ คน สตั ว์ เทพเจา้ นางฟ้า มนษุ ย์ อมนษุ ย์ ฯลฯ 4. ฉาก เปน็ ภาพจนิ ตนาการที่ผเู้ ขยี นสรา้ งข้นึ ใหส้ อดคล้องกบั เน้ือเร่ือง

13 5. ถ้อยคาหรือบทสนทนา ที่ตัวละครในเร่ืองพูดกัน ควรใช้ภาษาท่ีกะทัดรัด เข้าใจง่าย สนกุ สนานชวนติดตาม 6. คติชีวิต นิทานที่ดีต้องมีข้อคิดเก่ียวกับชีวิต สังคม และวัฒนธรรม เพ่ือเป็นการปลูกฝัง คุณธรรมแก่ผู้อ่าน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นผู้เยาว์ ดังนั้น ในตอนท้ายของนิทานมักสรุปคติชีวิตให้เป็นเคร่ือง เตือนใจผ้อู า่ นด้วย ประเภทของนทิ านพืน้ บา้ น 1. นิทานมหัศจรรย์ หรือนทิ านประโลมโลกหรือนิทานจักร ๆ วงศ์ ๆ มกั มีเนื้อเรอ่ื งทีใ่ ห้ความ สนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธ์ิ โดยมีแนวคิดหลัก คือ ธรรมะย่อมชนะ อธรรม เชน่ โสนน้อยเรอื นงาม พระรถเมรี จาปาสีต่ ้น 2. นิทานวีรบุรุษ เป็นเรือ่ งราวของวีรบุรุษประจาท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าบุคคลเหล่าน้ันมีชีวิตอยู่ จริง มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยนามาผูกกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น เรือ่ งพระรว่ งวาจาสทิ ธ์ิ ทา้ วแสนปม 3. นิทานประจาถิ่น เปน็ เรอ่ื งราวที่เล่าสืบตอ่ กันมาในท้องถ่ิน ส่วนใหญม่ ักเป็นการอธิบายช่ือ สถานที่หรือประวัติความเป็นมาของโบราณสถาน โดยนาเน้ือเรื่องหรือตัวละครมาเก่ียวพันกับสถานท่ี ในท้องถ่ิน และเช่ือกันว่าเป็นเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้น เช่น เร่ืองพระยากงพระยาพาน จังหวัด นครปฐม เรอ่ื งท้าวปาจิตกับนางอรพมิ 4. นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานที่ตอบคาถามความเป็นมาของส่ิงของ สัตว์ หรือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นเรอ่ื งสน้ั ๆ เช่น ทาไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทาไมข้าวจึงมีเมด็ เล็ก ทาไมงถู งึ มีล้ินสองแฉก 5. นิทานเทพนิยาย เป็นเรื่องที่อธิบายถึงการสร้างโลก กาเนิดโลก กาเนิดมนุษย์ เทวดา ส่ิง ศักดส์ิ ิทธิ์ เช่น เร่อื งเมขลา รามสรู เรือ่ งตานานนางสงกรานต์ 6. นิทานคติธรรม เป็นนิทานสอนใจ โดยนาหลักธรรมมาผูกเป็นเน้ือเร่ือง เพ่ือสอนใจในการ ดาเนินชวี ิต เช่น นิทานชาดก นทิ านสภุ าษิต 7. นิทานมุกตลกเป็นนิทานท่ีมุ่งเน้นความตลกขบขัน ให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ผู้ฟัง เช่น เรอ่ื งศรีธนญชัย คณุ คา่ ของนทิ านพ้ืนบ้าน 1.ให้ความสนุกสนานเพลดิ เพลิน 2.เปน็ สายใยแห่งความรักที่ช่วยกระชับความสมั พันธ์ในครอบครวั และสังคม 3.เป็นเครอื่ งมอื ถ่ายทอดความรู้ ให้การศึกษาและเสรมิ สร้างจนิ ตนาการ

14 4.ให้ขอ้ คดิ และคตเิ ตือนใจ ใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการอบรมสั่งสอนศลี ธรรมได้ 5.เปน็ กระจกเงาท่สี ะท้อนใหเ้ ห็นสภาพของสังคมในหลาย ๆ ด้าน หลกั การอ่านเชงิ วเิ คราะห์นิทานพนื้ บา้ น การอ่านเชิงวิเคราะห์ของนิทานพ้ืนบ้าน เป็นการอ่านวิเคราะห์เร่ืองท่ีเป็นบันเทิงคดีโดยเนื้อ เรื่อง ให้ความเพลิดเพลินในการอ่าน และท่ีสาคญั นิทานจะให้ข้อคิดแก่ผู้อ่าน ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ นทิ านพื้นบ้าน ควรพิจารณาแยกแยะองคป์ ระกอบดังน้ี 1. ชอื่ เรอื่ ง นิทานทุกเรอ่ื งก็ต้องมีชือ่ เรื่องทด่ี งึ ดดู ความสนใจ การตงั้ ช่อื เร่ืองส่วนใหญ่ก็จะ เอาตัวละคร พฤติกรรม หรือสถานการณเ์ ดน่ ในเร่อื งมาตั้งเปน็ ชื่อ 2. โครงเร่ืองคือ องค์ประกอบเร่ืองราวของเรื่องในนิทานต้ังแต่ต้นจนจบ โดยแบ่งออกเป็น จุดเริ่มต้นเร่ือง กลางเรื่อง ตอนจบ และบทสรุป นิทานท่ีมีบทสรุปนั้นเหมาะสาหรับเด็ก ๆ แต่ นทิ านบางอยา่ งที่ตอ้ งการให้คนได้คิดจากเน้ือหานิทาน ก็อาจไม่มีบทสรุปใหค้ นไดต้ ีความ แต่สาหรับ เด็ก ๆ นั้นนทิ านควรมีบทสรปุ 3. เนื้อหาคือ รายละเอียดของเรื่อง ซึ่งอธบิ ายเหตกุ ารณ์ ตัวละคร ฉาก ข้อคดิ และอืน่ ๆ โดยเน้อื หาของเรือ่ งเปน็ ตัวสาคญั ที่ทาใหน้ ทิ านมีคุณคา่ 4. ตวั ละครคอื ส่ิงท่ีทาใหเ้ กิดเร่ืองราว ตัวละครเป็นตัวเดนิ เร่อื งต้งั แตต่ ้นจนจบ ซึ่งนิทานแต่ ละเร่ืองอาจมีตัวละครมากน้อยขน้ึ อยูก่ ับเนอ้ื หาสาระและปัจจยั ตา่ ง ๆ ทเี่ ป็นเหตผุ ลทาใหเ้ กิดตวั ละคร นั้น ๆ และตัวละครบางเรื่องอาจมี ตวั เอก ตวั ร้าย ตวั ประกอบ บางเร่ืองอาจมแี ต่ตวั เอกกับ เหตุการณ์ บางเร่ืองอาจมแี ค่ตวั เอกกบั ตัวรา้ ย 5. ฉากคอื พ้ืนหลงั ของเหตกุ ารณ์ และเหตุการณ์ เช่น เรือ่ งเกดิ ในน้า เกิดในวดั เกดิ ทีใ่ ต้ ต้นไม้ หรือเกิดในท่ีต่าง ๆ เพ่ือใหค้ นฟงั มโนภาพตาม และรู้สึกมอี ารมณร์ ่วมไปกับตวั ละครและเนอ้ื หา ของเร่ือง 6. แกน่ เรื่องคือสาระสาคัญท่ีผู้แตง่ มีจุดประสงค์ตอ้ งการสือ่ มายังผู้อา่ น สาระสาคัญนั้นมกั จะ เก่ยี วกับความเปน็ จรงิ ของชวี ติ เพ่อื ให้ผ้อู า่ นเกิดความหย่งั รู้ เข้าใจและเป็นข้อคิดเตือนใจ แหลง่ อ้างองิ ฟองจันทร์ สขุ ย่งิ และคณะ. (2562). ภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 13). กรงุ เทพมหานคร : ไทยรม่ เกล้า จากัด.

15 ใบความรู้ เร่ือง การอ่านวิเคราะห์นิทานพ้ืนบ้าน นิทานพื้นบ้าน หมายถึง เรื่องเล่าสืบต่อกันมาเป็นทอด ๆ อาจเป็นเรื่องที่อิงความจริง หรือ แต่งข้ึนมาก็ได้ จดุ ประสงค์ของการเล่านิทาน เพื่อให้เกิดความบันเทงิ ความสนกุ สนานเพลิดเพลิน ลด ความเครยี ดและใหข้ อ้ คิด คตสิ อนใจ ความสาคัญของนิทานพืน้ บา้ น 1. ใหค้ วามบนั เทิงแก่ผู้ฟงั เนือ่ งจากนิทานสามารถนามาเล่าได้โดยไมต่ ้องมีพธิ รี ตี อง จึงได้รับ การสบื ทอดและแพร่หลายในทุกท้องถ่ิน แม้เนื้อหาของนทิ านจะมีหลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ด้ังเดิม ของการเล่านทิ าน คอื เพ่อื เป็นสงิ่ บนั เทิงใจในยามวา่ งจากการงาน 2. ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านมีเร่ืองราวความรู้แทรกอยู่ เช่น ศาสนา พิธีกรรม ความเช่ือ ประวตั ศิ าสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี 3. ให้แนวทางในการดาเนินชีวิต โดยท่ัวไปมักมีแก่นหรือแนวคิดสาคัญของเรื่องอิงอยู่กับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น การเล่า การอ่านนิทานพ้ืนบ้านจึงปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ใหแ้ ก่ผฟู้ งั ได้เป็นอยา่ งดี 4. ให้คาอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพ้ืนบ้านบางส่วนมีเนื้อหาเป็น ตานาน หรืออธบิ ายความเป็นมาของเผ่าพันธ์ุทีต่ ้งั รกรากอยูใ่ นแตล่ ะท้องถ่นิ 5. ให้อิทธิพลต่อศิลปกรรม โดยเฉพาะนิทานพ้ืนบ้านท่ีเก่ียวกับชาดก เช่น ภาพจิตรกรรมฝา ผนงั เรื่อง คันธกุมาร วดั ภมู นิ ทร์ จังหวดั น่าน เรื่อง ศรธี นญชยั วัดปทุมวนารามฯ กรงุ เทพมหานคร องค์ประกอบของนิทานพนื้ บา้ น 1. แนวคิดหรือแกนของเรื่อง หรือสารัตถะของเรื่อง แนวคิดของเรื่องนิทาน มักเป็น องค์ประกอบพ้ืนฐาน ง่าย ไม่ลึกซ้ึงนัก เช่น แนวคิดเร่ืองแม่เลี้ยงข่มแหงลูกเลี้ยง การทาความดีจะ ไดผ้ ลดีตอบสนอง 2. โครงเรื่องของนิทาน เค้าโครงของเร่ือง มักสั้น กะทัดรัด เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เป็น ลักษณะเร่ืองเล่าธรรมดา โดยดาเนินเร่ืองไปตามลาดบั เหตกุ ารณก์ อ่ นหลงั 3. ตัวละคร ไม่ควรมีหลายตัว เพราะเป็นเร่ืองส้ัน ๆ จะน่าอ่านกว่า เรื่องยาวๆ ตัวละครอาจ เป็นคน สตั ว์ เทพเจา้ นางฟา้ มนษุ ย์ อมนษุ ย์ ฯลฯ 4. ฉาก เป็นภาพจินตนาการที่ผเู้ ขยี นสรา้ งขึน้ ให้สอดคล้องกับเน้ือเร่อื ง

16 5. ถ้อยคาหรือบทสนทนา ที่ตัวละครในเร่ืองพูดกัน ควรใช้ภาษาท่ีกะทัดรัด เข้าใจง่าย สนกุ สนานชวนติดตาม 6. คติชีวิต นิทานที่ดีต้องมีข้อคิดเก่ียวกับชีวิต สังคม และวัฒนธรรม เพ่ือเป็นการปลูกฝัง คุณธรรมแก่ผู้อ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เยาว์ ดังน้ัน ในตอนท้ายของนิทานมักสรุปคติชีวิตให้เป็นเคร่ือง เตือนใจผู้อา่ นดว้ ย ประโยชน์ของนิทานพน้ื บา้ น 1. ใหค้ วามบันเทิงแกผ่ ฟู้ ัง เนอ่ื งจากนทิ านสามารถนามาเล่าไดโ้ ดยไม่ตอ้ งมีพิธีรีตอง จงึ ได้รับ การสืบทอดและแพร่หลายในทกุ ท้องถ่ิน แม้เน้ือหาของนิทานจะมีหลายรูปแบบ แต่จดุ ประสงค์ดง้ั เดิม ของการเล่านทิ าน คอื เพอ่ื เปน็ สิง่ บนั เทิงใจในยามวา่ งจากการงาน 2. ให้ความรู้ นิทานพ้ืนบ้านมีเร่ืองราวความรู้แทรกอยู่ เช่น ศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ ประวตั ศิ าสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี 3. ให้แนวทางในการดาเนินชีวิต โดยท่ัวไปมักมีแก่นหรือแนวคิดสาคัญของเร่ืองอิงอยู่กับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดังน้ัน การเล่า การอ่านนิทานพ้ืนบ้านจึงปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ให้กบั ผ้เู สพไดเ้ ป็นอยา่ งดี 4. ให้คาอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพ้ืนบ้านบางส่วนมีเน้ือหาเป็น ตานาน หรืออธิบายความเปน็ มาของเผา่ พันธท์ุ ต่ี ัง้ รกรากอยู่ในแตล่ ะท้องถ่ิน 5. ให้อทิ ธิพลต่อศิลปกรรม โดยเฉพาะนิทานพ้ืนบ้านที่เก่ียวกับชาดก เช่น ภาพจิตรกรรมฝา ผนัง เรอื่ ง คนั ธกุมาร วดั ภมู นิ ทร์ จังหวัดนา่ น เรอ่ื ง ศรธี นญชยั วดั ปทมุ วนารามฯ กรงุ เทพมหานคร หลกั ในการอา่ นนิทานพนื้ บ้าน 1. ศึกษา วิเคราะห์ลักษณะนิสัยของตัวละครในนิทานตัวละครในนิทานส่วนใหญ่จะเป็นตัว เดินเรื่อง ลักษณะนิสัยของตัวละครในแต่ละเร่ือง จะทาให้นิทานนั้น ๆ สนุกสนาน ตัวละครและ ลักษณะนิสัยของตัวละครในนิทานเป็นสิ่งที่สมมติหรือแต่งข้ึนมา อาจจะเป็นคนสัตว์ สิ่งของต่าง ๆ ก็ ได้ บทบาทตัวละครอาจจะมีท้ังดี ทั้งร้าย เพ่ือเป็นตัวแทนเปรียบเทยี บระหวา่ งความดี ความช่ัว ความ ฉลาด ฯลฯ ผ้อู ่านควรแยกแยะให้ได้ว่า ลกั ษณะของตวั ละครในเรอ่ื งเปน็ อยา่ งไร มีพฤติกรรมเด่น ดอ้ ย อยา่ งไร สามารถนามาเป็นแบบอย่างอยา่ งไรได้บ้าง 2. ข้อคิด คุณค่าและประโยชน์ท่ีได้จากนิทานนิทานทุกๆ เรื่องจะมีข้อคิด คุณค่า คติสอนใจ และประโยชน์สอดแทรกไว้ทั้งในเนื้อเรื่องและตอนสรุปท้ายเร่ือง เพื่อเป็นการสอนผู้ฟัง อ่านหรือเน้น ให้ปฏิบัติตาม ดังน้ัน ต้องวิเคราะห์ด้วยว่านิทานเรื่องนั้น ๆ มีสาระสาคัญอย่างไร และสามารถยึดถือ เป็นแบบอย่างไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง

17 หลักการอ่านเชิงวิเคราะห์นิทานพ้นื บ้าน การอ่านเชิงวิเคราะห์ของนิทานพื้นบ้าน เป็นการอ่านวิเคราะห์เร่ืองท่ีเป็นบันเทิงคดีโดยเนื้อ เร่ือง ให้ความเพลิดเพลินในการอ่าน และท่ีสาคัญนิทานจะให้ข้อคิดแก่ผู้อ่าน ในการเชิงวิเคราะห์ นิทานพน้ื บา้ น ควรพิจารณาแยกแยะองคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ชื่อเรอื่ ง นทิ านทุกเรอื่ งกต็ ้องมีชอ่ื เร่ืองทีด่ งึ ดดู ความสนใจ การตั้งชอ่ื เร่ืองส่วนใหญ่กจ็ ะ เอาตัวละคร พฤติกรรม หรือสถานการณ์เดน่ ในเรื่องมาตง้ั เป็นชื่อ 2. โครงเร่ืองคือ องคป์ ระกอบเร่ืองราวของเร่ืองในนิทานตั้งแต่ต้นจนจบ โดยแบ่งออกเปน็ จุดเรมิ่ ตน้ เรอื่ ง กลางเรื่อง ตอนจบ และบทสรปุ นิทานท่ีมบี ทสรุปนั้นเหมาะสาหรบั เด็ก ๆ แต่ นิทานบางอย่างทตี่ ้องการใหค้ นได้คิดจากเนอื้ หานิทาน ก็อาจไมม่ บี ทสรุปให้คนไดต้ คี วาม แตส่ าหรับ เด็ก ๆ น้ันนิทานควรมบี ทสรุป 3. เนื้อหาคือ รายละเอยี ดของเรอื่ ง ซ่ึงอธบิ ายเหตกุ ารณ์ ตัวละคร ฉาก ข้อคดิ และอน่ื ๆ โดยเน้อื หาของเรื่องเป็นตวั สาคัญทีท่ าใหน้ ิทานมีคุณคา่ 4. ตวั ละครคอื สิง่ ท่ีทาให้เกิดเรอ่ื งราว ตัวละครเปน็ ตวั เดินเรอื่ งต้งั แต่ตน้ จนจบ ซงึ่ นิทานแต่ ละเรื่องอาจมตี ัวละครมากนอ้ ยขนึ้ อยู่กับเน้ือหาสาระและปัจจัยต่าง ๆ ท่ีเป็นเหตผุ ลทาใหเ้ กิดตัวละคร น้ัน ๆ และตวั ละครบางเร่ืองอาจมี ตวั เอก ตวั ร้าย ตัวประกอบ บางเรอ่ื งอาจมแี ตต่ วั เอกกับ เหตุการณ์ บางเรื่องอาจมีแค่ตัวเอกกับตวั รา้ ย 5. ฉากคอื พ้นื หลังของเหตกุ ารณ์ และเหตุการณ์ เชน่ เรอื่ งเกดิ ในนา้ เกิดในวัด เกดิ ทีใ่ ต้ ต้นไม้ หรือเกดิ ในที่ต่าง ๆ เพ่ือให้คนฟังมโนภาพตาม และรู้สึกมอี ารมณ์รว่ มไปกบั ตวั ละครและเนื้อหา ของเร่ือง 6. แกน่ เร่ืองคือสาระสาคัญทผี่ ู้แต่งมีจุดประสงค์ต้องการสื่อมายังผู้อ่าน สาระสาคัญน้ันมกั จะ เกย่ี วกบั ความเป็นจริงของชีวติ เพอื่ ให้ผอู้ า่ นเกดิ ความหยั่งรู้ เขา้ ใจและเปน็ ข้อคิดเตือนใจ แหล่งอ้างอิง ฟองจนั ทร์ สุขยง่ิ และคณะ. (2562). ภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1. (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 13). กรงุ เทพมหานคร : ไทยรม่ เกลา้ จากัด.

18 นิทานพืน้ บา้ น เร่ืองหวั ลา้ นนอกครู ครั้งหน่ึงนานมาแล้วมีชายสองคนรักใคร่สนิทสนมเป็นเพื่อนเล่นและเรียนหนังสือด้วยกันมา ต้ังแต่เด็กคนหน่ึงชื่อทิดทองเป็นลูกชายเศรษฐีผู้มั่งมีอีกคนหน่ึงช่ือทิดถมเป็นลูกชาวนาฐานะยากจน เม่ือถึงวัยบวชท้ังสองก็ได้บวชท่ีวัดเดียวกันดังน้ันจึงยิ่งสนิทสนมรักใคร่กันมากกว่าเดิมขนาดชาวบ้าน ถงึ กบั เปรียบเทียบว่าทัง้ สองประหนึ่งคอหอยกับลูกกระเดอื กคือถ้าเห็นทิดทองก็ต้องเห็นทิดถมเหมือน เงาตามตัวโดยทั้งสองไม่มีการรงั เกียจเดียดฉันท์เรอ่ื งฐานะความเปน็ อยู่ของกนั และกนั แต่อยา่ งใด เมื่อสึกจากพระแล้วท้ังสองก็ช่วยพ่อแม่ประกอบการงานอาชีพด้วยความขยันขันแข็งและไป มาหาสู่กันมิได้ขาดจนวันหน่ึงมีพ่อค้าเร่นาน้ามันใส่ผมเข้ามาขายในหมู่บ้านทิดทองกับทิดถมซื้อไปใช้ คนละขวดต่อมาเกิดผมร่วงจนกลายเป็นคนหัวล้านกบาลใสท้ังสองคนต่างรู้สึกเป็นทุกข์ถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับจึงปรึกษากันว่าควรจะไปหาอาจารย์ดีๆให้ช่วยรักษาไม่เช่นนั้นก็จะต้องเกิดความอับอาย ไปทุกเม่ือเชื่อวันดงั นั้นเมื่อใครบอกวา่ มีอาจารย์เก่งๆอยู่ที่ไหนทิดทองกับทิดถมต่างชวนกันไปหาอย่าง ไมย่ อ่ ท้อแตก่ ต็ ้องผดิ หวังทุกคร้งั ชาวบา้ นบางคนเห็นความทกุ ขร์ ้อนของผ้อู ่ืนเป็นของสนุกกแ็ กล้งบอกยาพิเรนทร์ ๆ ให้ทิดทอง กับทิดถมไปหามาใช้เช่นให้เอาหนวดเต่าเขากระต่ายน้าลายยุงหรือให้ใช้ขี้ไก่ละลายน้าทาด้วยความ อยากมีผมดกดาเหมือนเดิมท้ังสองก็ลองทาตามดูแต่กไ็ ม่เคยเห็นผลในที่สุดจงึ เขา้ ไปลาพ่อแมเ่ พื่อจะไป หาหมอผู้วิเศษ ณ แดนไกลให้ช่วยรักษาแม้พ่อแม่จะตักเตือนว่าให้ทาใจอย่าไปแคร์กับพวกปากหอย ปากปูแต่ทั้งสองกไ็ ม่ยอมเปลย่ี นความต้ังใจ ทิดทองกับทิดถมเริ่มพเนจรไปพบโยคีองค์หนึ่งปลูกอาศรมอยู่กลางป่าใหญ่ ทั้งสองรีบเข้าไป กราบวิงวอนขอให้ช่วยโยคีจึงสั่งว่าจงลงดาน้าในสระข้างอาศรมคนละ 3 คร้ังผมก็จะขึ้นมาเต็มหัว เหมือนเดิมทิดทองกับทิดถมก้มลงกราบโยคีด้วยความดีใจแล้วรีบกระโดดลงสระดาครั้งแรกหัวล้านก็ เริ่มมีผมขึ้นมาหร็อมแหร็มพอดาเป็นคร้ังท่ี 2 ผมจึงข้ึนมาครึ่งหัวเมื่อดาครั้งที่ 3 น้ันผมได้ข้ึนมา เกือบจะเต็มหัว ยกเวน้ ตรงท่ีเปน็ แผลเป็นเพราะเนือ้ ตายผมไมอ่ าจขนึ้ มาได้ แทนที่จะรีบข้ึนมาหาโยคีท้ังสองกลับปรึกษากันว่าหากดาอีกครั้งผมตรงส่วนที่เกิดแผลเป็นก็ จะข้ึนมาได้แน่จึงดาลงไปเป็นครั้งที่ 4 แต่พอโผล่ข้ึนมาเม่ือเห็นหัวของฝ่ายตรงข้ามทั้งสองก็ร้องไห้ลั่น รบี ตาลตี าเหลอื กไปหาโยคีท้ังนี้เพราะตา่ งก็กลับกลายเป็นคนหัวล้านกบาลใสเหมือนเดิมโยคีไมอ่ าจจะ ช่วยอะไรได้อีกแล้วเน่ืองจากทดิ ทองกบั ทิดถมทานอกเหนือคาส่ังหัวล้านนอกครูทั้งสองได้แตม่ องหน้า กัน แลว้ ทาตาปริบๆและชวนกันเดนิ ทางกลับบ้านดว้ ยความผดิ หวัง (ทมี่ า : พรทิพา จุลสุคนธ์. (2538). ตานานชานกรุง. กรงุ เทพมหานคร : หมึกจนี .)

19 ใบงานท่ี 1 การอ่านวิเคราะห์นทิ านพน้ื บ้าน เรอ่ื ง หัวล้านนอกครู ตอนที่ 1 วเิ คราะห์โครงเร่อื งนทิ านพืน้ บา้ น คาชี้แจง: ใหน้ ักเรียนอา่ นนิทานพนื้ บา้ นเรื่อง หัวลา้ นนอกครูและให้แต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ค้นควา้ ในประเด็นที่กาหนดให้ ดงั นี้ 1. นิทานเร่อื งน้ี มีการตั้งชือ่ เรื่องแบบใด จงอธบิ าย ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ............................. 2. นทิ านเรอื่ งน้ี ปรากฏการใช้คาเปรยี บเทียบและคาหลายความหมายใดบ้าง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................ 3. โครงเรือ่ งของนิทานเร่ืองนี้ กลา่ วไวอ้ ยา่ งไร 3.1 จุดเริ่มต้น ............................................................................................................................. ................................ 3.2 กลางเร่ือง ............................................................................................................................. ................................ 3.3 บทสรุป ............................................................................................................................................................. 4. กลวธิ กี ารใชภ้ าษาของผู้เขียนเปน็ อย่างไร ............................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ........................................................... 5. ปรากฏตวั ละครใดบา้ ง และมีลกั ษณะนิสัยอย่างไร ............................................................................................................................. ................................ ............................................................................................................................. ................................ 6. ฉากและบรรยากาศของเรื่องนี้บรรยายไว้อย่างไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................ 7. แกน่ เรือ่ งน้ีมีจุดประสงค์ให้ผู้อา่ นได้รบั รู้ถึงเร่อื งอะไรเป็นสาคัญ ............................................................................................................................. ................................ ............................................................................................................................. ................................

20 ตอนที่ 2 การใชค้ าถามนาแบบ QUEST เพ่อื คน้ หาคาตอบจากเรอ่ื งท่ีอ่าน คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนตอบคาถามที่กาหนดให้ครบทกุ ข้อ 1. ให้นักเรียนอ่านนทิ านพน้ื บ้านเร่อื ง หวั ล้านนอกครู จากนั้นทากิจกรรม กลอ่ งคาถามปริศนา โดยให้ นักเรียนตั้งคาถามหรือข้อสงสัยจากเรอ่ื ง หวั ล้านนอกครู และรว่ มกนั หาคน้ หาคาตอบแล้วเขียนสรปุ ลง บนใบงาน กลมุ่ ละ 5 ข้อ คาถามขอ้ ท่ี 1 :…………………………………………………………………………………………………………..….. …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาตอบข้อท่ี 1 : ……………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาถามขอ้ ท่ี 2 :…………………………………………………………………………………………………………..….. …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาตอบข้อที่ 2 : ……………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาถามข้อท่ี 3 :…………………………………………………………………………………………………………..….. …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาตอบข้อท่ี 3 : ……………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาถามขอ้ ท่ี 4 :…………………………………………………………………………………………………………..….. …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาตอบขอ้ ท่ี 4 : ……………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาถามข้อท่ี 5 :…………………………………………………………………………………………………………..….. …………………………………………………………………………………………………………..…………………………… คาตอบขอ้ ท่ี 5 : ……………………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………………..……………………………

21 2.นทิ านเรอ่ื งนี้ มจี ุดบกพรอ่ งหรือสิ่งทท่ี าใหผ้ ู้อา่ นเกิดข้อขดั แย้งหรือมีความคิดเหน็ ที่ตา่ งไปจากเรอ่ื งใน ประเด็นใดบ้าง จงอธิบาย พร้อมยกตัวอย่าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จากข้อความที่ว่า “ชาวบ้านถึงกับเปรียบเทียบว่าท้ังสองประหน่ึงคอหอยกับลูกกระเดือก” คา เปรยี บเทียบ “คอหอยกับลูกกระเดือก” หมายความว่าอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จากกล่าวทีว่ า่ “หนวดเตา่ เขากระตา่ ย นา้ ลายยุง” ผ้เู ขยี นต้องการส่ือความหมายว่าอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. เหตกุ ารณใ์ ดท่ีทาให้นักเรียนประทบั ใจมากท่สี ุด จงอธบิ าย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. นักเรียนคดิ ว่าการกระทาของทิดถมกับทดิ ทอง บง่ บอกลักษณะนสิ ยั ด้านใด จงอธบิ าย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. นิทานเร่ืองน้ใี ห้ขอ้ คิดเรอ่ื งใด และนกั เรียนจะนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ให้นักเรียนสรุปใจความสาคัญของเร่ืองด้วยภาษาของตนเองอย่างน้อย 5 บรรทัด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………