สัญญาซอื้ ขาย 2 4-51 มสธกิจกรรม 4.1.3 ก. ซือ้ กระสอบปา่ นจาก ข. จ�ำนวน 5,000 ใบ หลงั จาก ข. ส่งมอบแล้ว 7 วัน ก. จึงตรวจพบว่า มีกระสอบรั่วหรือขาดเล็กน้อยจ�ำนวน 100 ใบ ก. จึงเรียกให้ ข. รับผิดชอบกระสอบที่ช�ำรุดน้ัน แต่ ข. อา้ งวา่ ในเวลาสง่ มอบ ก. ควรจะรหู้ ากใชร้ ะมดั ระวงั ตามสมควร หรอื เหน็ ประจกั ษอ์ ยแู่ ลว้ แตไ่ มท่ กั ทว้ งเอง ก. จึงไม่ต้องรบั ผิด เช่นนีใ้ ห้ทา่ นวินิจฉัยวา่ ข้ออา้ งของ ข. รับฟังไดห้ รอื ไม่ มสธ มสธแนวตอบกิจกรรม4.1.3 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 473 “ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีดังจะกล่าวต่อไปน้ี คือ (1) ถ้าผู้ซ้ือได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความช�ำรุดบกพร่องหรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ ใช้ความระมัดระวังอันจะพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน (2) ถา้ ความชำ� รดุ บกพรอ่ งนนั้ เปน็ อนั เหน็ ประจกั ษแ์ ลว้ ในเวลาสง่ มอบ และผซู้ อื้ รบั เอาทรพั ยส์ นิ มสธนั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน (3) ถ้าทรัพย์สินน้ันได้ขายทอดตลาด” ตามปัญหา ก. ซ้ือกระสอบป่านจาก ข. จ�ำนวน 5,000 ใบ หลังจากส่งมอบแล้ว 7 วัน ก. จึง ตรวจสอบวา่ มกี ระสอบรวั่ หรอื ขาดเลก็ นอ้ ย 100 ใบ การรบั มอบทรพั ยส์ นิ จำ� นวนมากดงั กลา่ วเปน็ ปกตโิ ดย มสธ มสธท่วั ไปทต่ี ้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ข. จะอ้างว่าในเวลาส่งมอบ ก. ควรจะรไู้ ดห้ ากไดใ้ ช้ความระมดั ระวัง ตามควร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 473(1) หรอื เห็นประจักษ์อยู่แล้วแตไ่ ม่ทกั ท้วง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 473 (2) หาไดไ้ ม่ ข. จึงตอ้ งรับผิดแหง่ ความช�ำรุดบกพร่องดังกล่าว มสธ มมสสธธ มสธฉะนนั้ ขอ้ อ้างของ ข. หารับฟงั ไดไ้ ม่
4-52 กฎหมายพาณิชย์ 1: ซอ้ื ขาย เชา่ ทรัพย์ เช่าซอื้ มสธตอนที่ 4.2 หน้าท่ีและสิทธิของผู้ซื้อ โปรดอา่ นหวั เรอ่ื ง แนวคิด และวตั ถปุ ระสงคข์ องตอนที่ 4.2 แล้วจึงศึกษารายละเอียดตอ่ ไป มสธ มสธหัวเรื่อง 4.2.1 หน้าท่ีของผซู้ ื้อ 4.2.2 สทิ ธิยึดหนว่ งของผู้ซือ้ แนวคิด มสธ1. ผู้ซ้ือมีหน้าท่ีรับมอบทรัพย์สินที่ตนได้รับซื้อและใช้ราคาตามข้อสัญญาซ้ือขาย โดย ราคาทรัพยส์ ินนัน้ จะกำ� หนดลงไวใ้ นสัญญา จะปลอ่ ยไปให้ก�ำหนดกนั ดว้ ยวิธีอน่ื ตามท่ี ตกลงกนั ไว้ หรอื จะถอื เอาตามทางการทคี่ สู่ ญั ญาประพฤตติ อ่ กนั อยกู่ ไ็ ด้ ถา้ มไิ ดก้ ำ� หนด เด็ดขาดไว้ ผู้ซ้ือจะต้องใช้ราคาตามสมควร นอกจากนี้ผู้ซ้ือยังมีหน้าท่ีออกค่าขนส่ง ทรพั ยส์ ินซ่ึงไดซ้ ื้อขายกนั ไปยังทแ่ี หง่ อ่ืน นอกจากสถานทอ่ี นั พงึ ชำ� ระหน้ดี ว้ ย มสธ มสธ2. ผู้ซื้อเห็นความช�ำรุดบกพร่องในทรัพย์สินที่ซื้อขาย ผู้ซ้ือชอบท่ีจะยึดหน่วงราคาท่ียัง ไม่ได้ช�ำระไว้ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้ ถา้ ผซู้ อ้ื ถกู ผรู้ บั จำ� นองหรอื บคุ คลผเู้ รยี กรอ้ งเอาทรพั ยส์ นิ ทข่ี ายนนั้ ขวู่ า่ จะฟอ้ งเปน็ คดขี นึ้ หรอื มีเหตุอนั สมควรเชอ่ื ว่าจะถูกขเู่ ช่นนนั้ ผู้ซอ้ื กช็ อบท่ีจะยึดหนว่ งราคาไวท้ ง้ั หมดหรือ บางส่วนได้ จนกว่าผู้ขายจะได้บ�ำบัดภัยน้ันให้ส้ินไป หรือจนกว่าผู้ขายจะหาประกัน ที่สมควรให้ได้ มสธวัตถุประสงค์ เมือ่ ศึกษาตอนที่ 4.2 จบแล้ว นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายและวนิ จิ ฉยั ปญั หาเก่ยี วกบั หน้าทีข่ องผู้ซื้อได้ มสธ มสธ มสธ2. อธบิ ายและวนิ จิ ฉัยปญั หาเกย่ี วกบั สทิ ธยิ ดึ หนว่ งของผู้ซื้อได้
มสธเร่ืองที่ 4.2.1 สญั ญาซื้อขาย 2 4-53 หน้าท่ีของผู้ซื้อ มสธ มสธในเร่ืองหน้าท่ีของผู้ซื้อนี้ จะได้จ�ำแนกอธิบายออกเป็น 3 หัวข้อ คือ (1) หน้าที่ในการรับมอบ ทรัพย์สนิ (2) หนา้ ที่ในการใช้ราคาทรพั ยส์ ิน และ (3) หน้าท่อี อกคา่ ขนส่งทรัพยส์ นิ ซงึ่ ไดซ้ ื้อขายกนั ไปยัง ท่แี หง่ อืน่ นอกจากสถานทอ่ี นั พงึ ช�ำระหนี้ 1. หน้าที่ในการรับมอบทรัพย์สิน ในสญั ญาตา่ งตอบแทนคสู่ ญั ญาตา่ งฝา่ ยตา่ งมหี นา้ ทตี่ อ้ งตอบแทนกนั สำ� หรบั สญั ญาซอ้ื ขายในเมอ่ื มสธผขู้ ายมหี นา้ ทใี่ นการสง่ มอบทรพั ยส์ นิ และรบั มอบราคาทรพั ยส์ นิ ผซู้ อ้ื กม็ หี นา้ ทรี่ บั มอบทรพั ยส์ นิ และใชร้ าคา ซงึ่ หนา้ ทใี่ นการรบั มอบทรพั ยน์ นั้ มีบัญญตั ิไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 486 ดงั น้ี มาตรา 486 “ผู้ซื้อจ�ำต้องรับมอบทรัพย์สินที่ตนได้รับซื้อและใช้ราคาตามข้อสัญญาซื้อขาย” ดงั ได้กลา่ วมาแลว้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 361 ผ้ขู ายมีหนา้ ทจี่ �ำตอ้ งส่งมอบทรัพยส์ ินซึ่งขายใหแ้ ก่ ผู้ซอ้ื ตาม ป.พ.พ. มาตรา 486 จงึ บญั ญัตริ ับกันไวใ้ หผ้ ซู้ ือ้ มหี นา้ ท่ีจำ� ตอ้ งรบั มอบทรพั ยส์ ินทีต่ นไดร้ บั ซื้อ มสธ มสธตามสัญญาซ้ือขาย กล่าวคือ เม่ือมีการส่งมอบก็ต้องมีการรับมอบ เป็นเร่ืองการช�ำระหน้ี ถ้าลูกหนี้ ของปฏิบัติการช�ำระหนี้และเจ้าหนี้ไม่รับช�ำระหน้ีนั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ เจ้าหน้ี จะตกเปน็ ผู้ผดิ นัด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 207 ซึง่ จะตอ้ งมีความรับผิดตามมานั่นเอง อุทาหรณ์ ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 950/2487 ทรัพยท์ ่ผี ้ขู ายจะส่งมอบแก่ผ้ซู ือ้ ถูกตอ้ งตามสญั ญาแลว้ เมอ่ื ผซู้ ือ้ ไม่ ยอมรบั มอบ ผู้ซ้ือตกเปน็ ฝา่ ยผดิ นดั มสธหน้าท่ีในการรับมอบทรัพย์สินของผู้ซื้อดังกล่าว มีความส�ำคัญต่อสิทธิของคู่สัญญา หากผู้ซื้อ ได้ตรวจและรบั มอบทรพั ย์สนิ ท่ีซ้ือขายไวถ้ กู ต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ซ้อื กห็ ามีสิทธบิ อกเลกิ สัญญาไม่ อุทาหรณ์ ค�ำพพิ ากษาฎกี าท่ี 8635/2550 ในการดำ� เนนิ การจดั ซอ้ื กงิ่ พนั ธล์ุ ำ� ไยจำ� เลยไดแ้ ตง่ ตง้ั คณะกรรมการ ตรวจรับพสั ดุไว้ ซง่ึ มี ก. เป็นประธานกรรมการ แต่การด�ำเนนิ การดงั กล่าวเป็นการบริหารกิจการภายใน มสธ มสธซ่ึงเป็นเร่ืองของจ�ำเลย ทั้งตามสัญญาซ้ือขายก็มิได้มีข้อตกลงว่าการรับมอบส่ิงของจะต้องกระท�ำโดย คณะกรรมการตรวจรับพัสดุที่จ�ำเลยแต่งต้ังไว้ ค�ำส่ังของจ�ำเลยดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ การท่ีโจทก์น�ำ กง่ิ พนั ธล์ุ ำ� ไยไปสง่ มอบใหจ้ ำ� เลยภายในเวลาทกี่ ำ� หนดไวต้ ามสญั ญาโดย น. และ ก. ซง่ึ เปน็ ประธานกรรมการ บริหารและกรรมการบริหารของจ�ำเลยตามล�ำดับได้รับมอบก่ิงพันธุ์ล�ำไยจากโจทก์ไว้แล้วให้โจทก์น�ำไป สง่ มอบใหผ้ ใู้ หญบ่ า้ นหมบู่ า้ นตา่ งๆ ตามหลกั ฐานการสง่ มอบกง่ิ พนั ธล์ุ ำ� ไย เปน็ พฤตกิ ารณท์ แ่ี สดงใหเ้ หน็ อยา่ ง ชดั แจง้ วา่ จำ� เลยไดร้ บั มอบกงิ่ พนั ธล์ุ ำ� ไยจากโจทกไ์ วแ้ ลว้ โดยมไิ ดโ้ ตแ้ ยง้ วา่ กง่ิ พนั ธล์ุ ำ� ไยไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ มสธถูกตอ้ งตามสญั ญา
4-54 กฎหมายพาณชิ ย์ 1: ซ้ือขาย เชา่ ทรัพย์ เช่าซ้อื หลกั ฐานการสง่ มอบกงิ่ พันธ์ลุ �ำไยซ่งึ น. และ ก. ได้ลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการสง่ มอบพสั ดมุ ี มสธข้อความระบุว่า คณะกรรมการส่งมอบพัสดุได้ส่งมอบก่ิงพันธุ์ล�ำไยให้แก่ผู้ใหญ่บ้านต่างๆ เพ่ือจะได้ สง่ มอบใหแ้ กป่ ระชาชนในหมบู่ า้ นของตนตอ่ ไป ขอ้ ความดงั กลา่ วบง่ ชวี้ า่ จำ� เลยไดต้ รวจและรบั มอบกง่ิ พนั ธ์ุ ลำ� ไยไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ มใิ ชเ่ พยี งแตร่ บั มอบไวเ้ พอ่ื ใหค้ ณะกรรมการตรวจรบั พสั ดทุ ำ� การตรวจรบั เมอื่ จำ� เลย ได้รับมอบกิ่งพันธุ์ล�ำไยจากโจทก์โดยถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาแล้ว จ�ำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา มสธ มสธและริบเงนิ ประกันของโจทก์ อย่างไรกด็ ี ในการรบั มอบทรัพยส์ ินผซู้ ือ้ กต็ อ้ งใชค้ วามระมัดระวงั ต้องตรวจตราทรัพย์สนิ ท่ซี อื้ ว่า ตรงตามวตั ถุประสงคแ์ ห่งสญั ญาซ้ือขาย ครบถว้ น ขาดตกบกพรอ่ งหรือล้�ำจำ� นวน มีความชำ� รดุ บกพร่อง หรอื ไมป่ ระการใด เชน่ ถา้ ผซู้ อื้ ไดร้ อู้ ยแู่ ลว้ แตใ่ นเวลาซอื้ ขายวา่ มคี วามชำ� รดุ บกพรอ่ งหรอื ควรจะไดร้ เู้ ชน่ นนั้ หากได้ใช้ความระมัดระวังอันพึงคาดหมายได้แต่วิญญูชน หรือถ้าความช�ำรุดบกพร่องน้ันเป็นอันเห็น ประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบและผู้ซ้ือรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยมิได้อิดเอ้ือน ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดเพ่ือ มสธความชำ� รุดบกพร่อง (ตาม ป.พ.พ. มาตรา 473(1) และ (2) ดงั ได้กล่าวมาแล้วในเร่อื งท่ี 4.1.3) ซ่งึ เป็นไป ตามหลกั “ผูซ้ ้ือพึงระวงั ” (Caveat emptor) นั่นเอง 2. หน้าท่ีในการใช้ราคาทรัพย์สิน ดงั กลา่ วมาแลว้ วา่ ลกั ษณะของสญั ญาซอ้ื ขายนน้ั ผขู้ ายโอนกรรมสทิ ธแิ์ หง่ ทรพั ยส์ นิ ใหแ้ กผ่ ซู้ อ้ื และ มสธ มสธผูซ้ ื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรพั ยส์ นิ ให้แกผ่ ู้ขายตาม ป.พ.พ. มาตรา 453 เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกับลักษณะสำ� คญั ของสญั ญาซอื้ ขายดงั กลา่ ว กฎหมายไดก้ ำ� หนดหนา้ ทใี่ นการชำ� ระราคาทรพั ยส์ นิ ไว้ ซงึ่ จะไดจ้ ำ� แนกอธบิ าย ออกเปน็ 3 หวั ขอ้ คอื (1) ผซู้ อ้ื จำ� ตอ้ งใชร้ าคาตามสญั ญาซอื้ ขาย (2) วธิ กี ารกำ� หนดราคา และ (3) กำ� หนด เวลาใชร้ าคา 2.1 ผู้ซอื้ จ�ำต้องใช้ราคาตามสัญญาซอื้ ขาย ซงึ่ มบี ัญญตั ิไวใ้ น ป.พ.พ. มาตรา 486 ดังนี้ มาตรา 486 “ผู้ซื้อจ�ำต้องรับมอบทรัพย์สินท่ีตนได้รับซื้อและใช้ราคาตามข้อสัญญาซ้ือขาย” มสธตามบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว คำ� วา่ “ราคา” นนั้ จะตอ้ งเปน็ เงนิ ตรา (money price) อาจเปน็ เงนิ ตราไทย หรือเงินตราต่างประเทศก็ได้ ถา้ หากกำ� หนดไวเ้ ป็นเงนิ ตราตา่ งประเทศ จะสง่ ใชเ้ ป็นเงินไทยกไ็ ด้ โดยการ แลกเปลยี่ นเงนิ ย่อมคดิ ตามอัตราแลกเปลีย่ นเงิน ณ สถานท่ีและในเวลาท่ีใชเ้ งิน (มาตรา 196) และจะต้อง ใชเ้ ป็นเงินสด นอกจากจะตกลงกันเปน็ อยา่ งอืน่ 20 อุทาหรณ์ มสธ มสธ(1) ผู้ซื้อได้ช�ำระราคาทรัพย์สินที่ซ้ือขายให้แก่ตัวแทนผู้ขาย ถือได้ว่าผู้ซื้อได้ใช้ราคา ตามขอ้ สัญญาซอื้ ขายแล้ว ค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 1020/2546 เม่อื โจทกช์ �ำระราคารถจกั รยานยนต์จำ� นวน 52 คนั ให้แก่ ส. ตวั แทนของจำ� เลยแลว้ จำ� เลยในฐานะตวั การยอ่ มมคี วามผกู พนั ตอ่ โจทกซ์ งึ่ เปน็ บคุ คลภายนอกในกจิ การ ทัง้ หลายอนั ส. ตัวแทนไดท้ ำ� ไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 จงึ ถือได้วา่ โจทกไ์ ด้ มสธ20 ไพจิตร ปญุ ญพนั ธ.์ุ เอกสารการสอนชุดวชิ ากฎหมายพาณชิ ย์ 1. หน้า 89.
สัญญาซื้อขาย 2 4-55 ช�ำระราคารถจกั รยานยนต์จ�ำนวน 52 คัน ใหแ้ ก่จ�ำเลยซง่ึ เปน็ ตวั การแล้วตามกฎหมาย แม้ ส. จะยงั ไมไ่ ด้ มสธส่งมอบเงินค่ารถจักรยานยนต์ให้แก่จำ� เลยก็เป็นเร่ืองระหว่างจ�ำเลยซึ่งเป็นตัวการจะไปว่ากล่าวไล่เบ้ียเอา จาก ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของตน โจทก์จึงไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา จ�ำเลยมีหน้าที่ต้องจัดส่งเอกสารให้แก่ โจทก์ เพ่ือโจทกจ์ ะได้น�ำไปใชป้ ระกอบในการจดทะเบยี นรถจักรยานยนต์ เม่อื จำ� เลยไม่ปฏบิ ตั ติ ามยอ่ มได้ ชื่อว่าเป็นผผู้ ดิ สัญญา ต้องชดใช้ค่าเสยี หายใหแ้ ก่โจทก์ มสธ มสธ(2) ผู้ขายมิได้รับคืนทรัพย์สินท่ีขาย เพียงแต่ช่วยขายให้ ผู้ซ้ือยังต้องรับผิดใช้ราคาตาม ขอ้ สญั ญาซอ้ื ขายอยู่น่นั เอง ค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 1678/2546 จ�ำเลยผู้ซื้อได้มีหนังสือแจ้งไปยังโจทก์ผู้ขายขอคืนผ้า แต่ โจทกไ์ มไ่ ดท้ ำ� คำ� สนองรบั เพยี งแตโ่ จทกใ์ หจ้ ำ� เลยชว่ ยขายผา้ ใหบ้ คุ คลอน่ื โจทกจ์ ะรบั ผา้ คนื กต็ อ่ เมอ่ื มบี คุ คล หรือลูกค้าอ่ืนรับซ้ือผ้าไว้เท่าน้ัน ซ่ึงเมื่อโจทก์ขายผ้าได้บางส่วนจึงให้พนักงานของโจทก์มารับผ้าไปจาก จำ� เลย กไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ โจทกร์ บั คนื ผา้ ทงั้ หมดเพยี งแตต่ กลงกนั วา่ โจทกจ์ ะรบั ผา้ ไปเมอ่ื ขายผา้ ไดบ้ าง มสธส่วนเท่าน้ัน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเร่ืองโจทก์ช่วยจ�ำเลยขายผ้าส่วนท่ีเหลือ ไม่ได้ตกลงยินยอมรับคืนผ้า จำ� เลยจึงต้องรบั ผดิ ช�ำระคา่ ผ้าท่เี หลือให้แกโ่ จทก์ (3) การบอกกล่าวให้ใช้ราคาทรัพย์สิน ไม่มีแบบแต่อย่างใด การบอกกล่าวด้วยวาจาก็มี ผลใชบ้ งั คับได้ ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 872/2527 การบอกกล่าวทวงถามให้ช�ำระหน้ีค่าสินค้า กฎหมายมิได้ มสธ มสธบังคับวา่ จะต้องท�ำเปน็ หนงั สอื ก่อนท่ีโจทกจ์ ะมหี นงั สอื ถึงจ�ำเลย โจทกไ์ ด้บอกกล่าวทวงถามดว้ ยวาจาให้ จ�ำเลยช�ำระหน้ีแล้ว เมื่อจ�ำเลยไม่ช�ำระย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด โดยโจทก์ไม่จ�ำต้องมีหนังสือเตือนซ้ําอีก เม่ือ ตามฟอ้ งและทางพิจารณาไม่ปรากฏชดั ว่าจำ� เลยผดิ นดั ต้งั แตเ่ ม่ือใด โจทก์จึงควรได้ดอกเบ้ียตงั้ แตว่ ันฟ้อง 2.2 วิธกี ารกำ� หนดราคา มีบัญญัตไิ ว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 487 ดังนี้ มาตรา 487 “อันราคาทรัพย์สินท่ีขายน้ันจะก�ำหนดลงไว้ในสัญญาก็ได้ หรือจะปล่อยไปให้ ก�ำหนดกันด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งดั่งได้ตกลงกันไว้ในสัญญานั้นก็ได้ หรือจะถือเอาตามทางการที่คู่ มสธสัญญาประพฤติต่อกันอยู่น้ันก็ได้ ถ้าราคามิได้มีก�ำหนดเด็ดขาดอย่างใดด่ังว่ามาน้ันไซร้ ท่านว่าผู้ซื้อจะต้องใช้ราคาตามสมควร” ตามบทบัญญัติดังกล่าว อาจจ�ำแนกวิธีการก�ำหนดราคาออกเป็น 4 วิธี คือ (1) ก�ำหนดราคา ทรัพย์สินแน่นอนไว้ในสัญญา (2) ปล่อยให้ก�ำหนดกันด้วยวิธีอย่างหน่ึงอย่างใดท่ีตกลงกันไว้ในสัญญา (3) ถือเอาตามทางการที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันอยู่น้ัน และ (4) ถ้ามิได้ก�ำหนดเด็ดขาดไว้อย่างใด มสธ มสธผซู้ ้ือจะต้องใชร้ าคาตามสมควร 2.2.1 กำ� หนดราคาทรพั ยส์ นิ แนน่ อนไวใ้ นสญั ญา โดยปกตคิ สู่ ญั ญาซอื้ ขายจะตกลงกำ� หนด ราคาเปน็ การแนน่ อนไวใ้ นขอ้ สญั ญา เพอ่ื ปอ้ งกนั ปญั หาการตคี วามเปน็ อยา่ งอน่ื หากคสู่ ญั ญาตกลงกำ� หนด เวลาไว้แน่นอนแล้ว ผู้ซ้ือท่ีมีหน้าที่ต้องใช้ราคาตามน้ัน คู่กรณีจะยกค�ำพยานผู้ช�ำนาญการตีความ มาหักลา้ งข้อตกลงตามสญั ญาไม่ได2้ 1 มสธ21 คำ� พพิ ากษาฎีกาที่ 266/2472
4-56 กฎหมายพาณชิ ย์ 1: ซือ้ ขาย เช่าทรัพย์ เชา่ ซอ้ื ข้อสังเกต มสธ(1) หากผูซ้ ้อื ไมช่ ำ� ระราคาขณะสง่ มอบทรัพย์สนิ ทีซ่ ้อื ขายและคนื ทรัพยส์ นิ นนั้ ไป ถอื ได้ว่าเป็นการเลิกสัญญาซ้ือขายต่อกัน หน้ีตามสัญญาซื้อขายเป็นอันระงับ คู่สัญญาย่อมกลับสู่ฐานะเดิม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 อุทาหรณ์ มสธ มสธค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 1284/2527 ข้อตกลงซ้ือสินค้ารายพิพาทเป็นการซื้อขายกันด้วย เงนิ สดเมือ่ จำ� เลยในฐานะผซู้ ือ้ ยอมรับมอบสินคา้ ไวจ้ ำ� เลยกต็ อ้ งช�ำระราคาสนิ คา้ นนั้ ตามประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 486 การทจ่ี ำ� เลยไมช่ ำ� ระราคาขณะสง่ มอบและยอมคนื สนิ คา้ แกผ่ คู้ ดั คา้ นไป แสดง ว่าจ�ำเลยไม่ประสงค์จะซ้ือสินค้าต่อไปแล้วผู้คัดค้านจึงมีสิทธิน�ำสินค้ากลับคืนได้ กรณีเช่นนี้หาใช่เป็นการ รับเอาสินคา้ นน้ั เปน็ การตีใชห้ นี้คา่ สินคา้ ชำ� ระแทนไม่ จงึ ไม่เข้าข่ายการโอนทรพั ยส์ นิ หรือการกระทำ� ใด ๆ ซึ่งจ�ำเลยได้กระท�ำหรือยินยอมให้กระท�ำ โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อ่ืน มสธอันจะเป็นเหตใุ ห้เพกิ ถอนการชำ� ระหน้ีตามพระราชบญั ญัตลิ ้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 (2) กรณีสัญญาซ้ือขายมิได้มีเง่ือนไขหรือเงื่อนเวลา หากผู้ขายไม่มีทรัพย์จะส่งมอบ ก็หามีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ซ้ือช�ำระราคาตอบแทนไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักสัญญาต่างตอบแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 นน่ั เอง อุทาหรณ์ มสธ มสธค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 462/2486 ในการซื้อขายทรพั ยส์ นิ ซ่ึงมีการซ้ือขายกนั ทวั่ ไป มใิ ช่ ทรัพยเ์ จาะจงเฉพาะส่งิ น้นั แมผ้ ขู้ ายไม่อาจสง่ มอบทรพั ยส์ นิ ดงั กล่าวแลว้ ได้โดยเหตนุ อกอ�ำนาจของตนกด็ ี ผขู้ ายจะอา้ งวา่ เปน็ เหตสุ ดุ วสิ ยั ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 219 หาไดไ้ ม่ ในสญั ญาซอ้ื ขายซ่ึงตกลงกันช�ำระเงินสด หากผู้ขายไม่มีทรัพย์จะส่งมอบแล้วก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ซื้อช�ำระราคา ตอบแทน (3) การฟ้องคดีเพ่ือเรียกให้ใช้ราคาท่ีค้างช�ำระ ไม่มีกฎหมายก�ำหนดอายุความไว้ มสธจึงตอ้ งใชอ้ ายุความทั่วไป 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 อุทาหรณ์ ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 2764/2519 การฟ้องร้องขอให้ช�ำระค่าเงินซื้อขายท่ีค้างอยู่ตาม สัญญา ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 มสธ มสธ(4) คสู่ ญั ญาซอ้ื ขายไม่จ�ำตอ้ งกำ� หนดราคาทรัพย์สินทซ่ี ้อื ขายแน่นอนตายตวั เสมอไป อาจกำ� หนดโดยวธิ อี ื่นกไ็ ด้ ซ่งึ จะได้กลา่ วต่อไป อุทาหรณ์ ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 6420/2539 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 487 คู่สัญญาซ้ือขายไม่จ�ำเป็นเสมอไปท่ีจะต้องก�ำหนดราคาแน่นอนตายตัวในขณะท�ำสัญญา แต่อาจจะตกลง มสธใหร้ าคาซ้ือขายเป็นไปตามราคาทอ้ งตลาด ณ เวลาใดกไ็ ด้
สัญญาซื้อขาย 2 4-57 2.2.2 ก�ำหนดราคาโดยปล่อยให้ก�ำหนดกันด้วยวิธีอย่างหน่ึงอย่างใดตามท่ีตกลงกันไว้ใน มสธสัญญา ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ก�ำหนดโดยวิธีใดก็ย่อมใช้บังคับได้ หากข้อตกลงนั้นไม่เป็นการต้องห้าม ชดั แจง้ โดยกฎหมาย เปน็ การพน้ วสิ ยั หรอื เปน็ การขดั ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 ตัวอย่าง มสธ มสธก. ตกลงขายเกวยี นเล่มหน่งึ ให้ ข. โดยให้ ค. ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นคนกลางกำ� หนดราคา เชน่ น้ี ยอ่ มใชบ้ งั คบั กนั ได้ แตห่ ากตกลงมาพนนั เลน่ ไพก่ นั ใครเปน็ ฝา่ ยได้ คนนน้ั กำ� หนดราคา เชน่ นี้ ต้องห้าม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 ดงั กลา่ ว 2.2.3 ก�ำหนดราคาโดยให้ถือเอาตามทางการท่ีคู่สัญญาประพฤติต่อกันอยู่น้ัน เช่น เป็น คคู่ า้ กนั เคยซอื้ ขายกนั ในราคาเทา่ ใดกพ็ งึ ชำ� ระราคาเทา่ นนั้ ตามทซ่ี อื้ ขายกนั มาแตก่ อ่ น หากคกู่ รณฝี า่ ยหนงึ่ ฝ่ายใดมไิ ดท้ ำ� คำ� เสนอใหม่ ก็ใหย้ ดึ ถือราคาตามทป่ี ระพฤติปฏบิ ัตติ อ่ กนั มา เป็นต้น มสธ2.2.4 ถา้ มไิ ดก้ ำ� หนดเดด็ ขาดไวอ้ ยา่ งใด ผซู้ อ้ื จะตอ้ งใชร้ าคาตามสมควร กลา่ วคอื หากมไิ ด้ มกี ารกำ� หนดราคาอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดตามทกี่ ลา่ วมาแลว้ กฎหมายกำ� หนดใหผ้ ซู้ อื้ จะตอ้ งใชร้ าคาตามสมควร ซึ่งบัญญัติสอดคล้องเป็นแนวเดียวกับกรณีการช�ำระหน้ีอันมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระท�ำเพียงการใด การหนง่ึ แตอ่ ยา่ งเดยี ว สทิ ธทิ จ่ี ะเลอื กทำ� การอยา่ งใดนนั้ ตกแกฝ่ า่ ยลกู หนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 198 นน่ั เอง มีปัญหาว่า อยา่ งไรจะถอื วา่ เป็น “ราคาตามสมควร” นั้น เป็นปญั หาขอ้ เทจ็ จริง ซึง่ แลว้ แต่ มสธ มสธพฤตกิ ารณแ์ ตล่ ะกรณเี ปน็ เรอื่ งๆ ไป22 แตไ่ มจ่ ำ� ตอ้ งเปน็ ราคาตลาดเสมอไป23 ซงึ่ ผเู้ ขยี นมคี วามเหน็ วา่ การ ที่คู่สัญญามิได้ก�ำหนดราคาตามวิธีอย่างหน่ึงอย่างใดไว้เลยดังกล่าวมาแล้ว จะต้องเป็นกรณีมีพฤติการณ์ พิเศษ เพราะหากเป็นกรณีทั่วไป คู่กรณยี ่อมจะก�ำหนดราคาตามวธิ หี นึง่ วิธีใดไว้ เพอ่ื ไม่ให้เปน็ ปญั หาตอ้ ง ตคี วาม ซง่ึ อาจนำ� ไปสขู่ อ้ พพิ าทได้ พฤตกิ ารณพ์ เิ ศษดงั กลา่ ว เชน่ คกู่ รณเี ปน็ คนกนั เอง อาจเปน็ ญาตหิ รอื เป็นเพื่อสนิท อาจมีความเกรงใจต่อกันไม่รู้จะก�ำหนดราคาอย่างไร ครั้นผู้ขายจะก�ำหนดตามราคาตลาด ก็อาจดูเหมือนจะเป็นธุรกิจเกินไป ในเม่ือกฎหมายให้ผู้ซ้ือจะต้องใช้ราคาตามสมควร ผู้ซื้ออาจจะก�ำหนด มสธราคาหย่อนกว่าราคาตลาดตามสมควรในฐานะคนกนั เอง เปน็ ต้น 2.3 เวลาก�ำหนดใช้ราคา มีบัญญัตไิ วใ้ น ป.พ.พ. มาตรา 490 ดงั น้ี มาตรา 490 “ถ้าได้ก�ำหนดกันไว้ว่าให้ส่งมอบทรัพย์สินซ่ึงขายน้ันเวลาใด ท่านให้สันนิษฐานไว้ ก่อนว่าเวลาอันเดียวกันน้ันเองเป็นเวลาก�ำหนดใช้ราคา” ตามบทบัญญัติดังกล่าว เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า ในสัญญาซ้ือขายถ้าได้ก�ำหนดให้ มสธ มสธส่งมอบทรัพย์สินซ้ือขายกันในเวลาใด เวลาเดียวกันนั้นเองเป็นเวลาก�ำหนดใช้ราคา ซ่ึงเป็นไปตามหลัก สัญญาต่างตอบแทน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 กล่าวคือ ในสัญญาต่างตอบแทนน้ัน คู่สัญญาฝ่ายหน่ึง จะไม่ยอมช�ำระหนี้จนอกี ฝ่ายหนึง่ จะขอชำ� ระหน้ี หรือขอปฏบิ ัตกิ ารชำ� ระหนก้ี ไ็ ด้ 22 Hulsburg, op eit. pp. 39 อา้ งถงึ ใน ไพจิตร ปุญญพันธุ์. เอกสารการสอนชดุ วิชากฎหมายพาณิชย์ 1. หน้า 89. มสธ23 พระมนภู าณวิมลศาสตร์. กฎหมายแพ่งและพาณิชยว์ า่ ดว้ ยซอ้ื ขาย กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. 2478. หนา้ 37-38.
4-58 กฎหมายพาณิชย์ 1: ซือ้ ขาย เช่าทรัพย์ เชา่ ซื้อ อุทาหรณ์ มสธค�ำพิพากษาฎีกาที่ 421/2536 ตามคำ� ฟ้องของโจทก์สรุปได้ว่า จำ� เลยทั้งสองซ้ือปา่ นจากโจทกค์ ดิ เป็นเงนิ 288,000 บาท แล้วไม่ชำ� ระราคาป่านแกโ่ จทก์ ขอใหบ้ งั คบั จ�ำเลยทั้งสองชำ� ระราคาปา่ นแกโ่ จทก์ กรณีตามฟ้องเป็นเร่ืองการซื้อขาย ซ่ึงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 490 บัญญัติว่าถ้าได้ ก�ำหนดกันไว้ว่าให้ส่งมอบทรัพย์สินซึ่งซ้ือขายนั้นเวลาใด ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเวลาอันเดียวกันน้ัน มสธ มสธเองเปน็ เวลากำ� หนดใชร้ าคา เมอ่ื โจทกส์ ง่ มอบปา่ นใหก้ รมพลาธกิ ารทหารอากาศตามคำ� สงั่ ของจำ� เลย และ กรมพลาธิการทหารอากาศได้ตรวจรับมอบไว้ถูกต้องแล้ว เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2529 จ�ำเลยจึงชอบ ทจ่ี ะตอ้ งชำ� ระราคาปา่ นใหแ้ กโ่ จทกซ์ งึ่ เปน็ ผขู้ ายในวนั ดงั กลา่ วเชน่ เดยี วกนั เมอื่ จำ� เลยไมช่ ำ� ระยอ่ มไดช้ อื่ วา่ ผดิ นัดแลว้ โจทก์จึงฟ้องให้จ�ำเลยชำ� ระราคาป่านไดโ้ ดยไม่ต้องทวงถาม อยา่ งไรก็ดี บทบญั ญัตติ าม ป.พ.พ. มาตรา 490 ดังกล่าว เป็นเพยี งขอ้ สนั นษิ ฐานของกฎหมาย เท่าน้ัน หากคู่สัญญาซ้ือขายมีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น หรือสัญญาซ้ือขายมีก�ำหนดเวลาช�ำระหน้ีไว้ เจ้าหนี้ มสธจะเรยี กใหช้ ำ� ระหนกี้ อ่ นถงึ เวลานนั้ หาไดไ้ ม่ เชน่ ตกลงชำ� ระราคากนั ในวนั สนิ้ ปี ดงั น้ี ผขู้ ายจะเรยี กใหช้ ำ� ระ ราคาก่อนสนิ้ ปไี มไ่ ด้ เป็นต้น ซ่งึ ผ้ซู อื้ สามารถนำ� สบื หกั ล้างขอ้ สันนิษฐานดงั กล่าวได้ 3. หนา้ ทอี่ อกคา่ ขนสง่ ทรพั ยส์ นิ ซงึ่ ไดซ้ อ้ื ขายกนั ไปยงั ทแี่ หง่ อน่ื นอกจากสถานทอี่ นั พงึ ชำ� ระหน้ี มสธ มสธกรณหี นา้ ทอี่ อกคา่ ขนสง่ ทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ไดซ้ อื้ ขายกนั ไปยงั ทแ่ี หง่ อนื่ นนั้ มบี ญั ญตั ไิ วใ้ น ป.พ.พ. มาตรา 464 ดงั นี้ มาตรา 464 “ค่าขนส่งทรัพย์สินซึ่งได้ซื้อขายกันไปยังท่ีแห่งอ่ืนนอกจากสถานที่อันพึงช�ำระหนี้ น้ัน ผู้ซื้อพึงออกใช้” ตามบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว เปน็ กรณที ค่ี สู่ ญั ญาซอ้ื ขายตกลงกนั ใหส้ ง่ ทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ขายนนั้ จากทแี่ หง่ หนง่ึ ไปยงั ทอี่ กี แหง่ หนง่ึ นอกจากสถานทอ่ี นั พงึ ชำ� ระหนน้ี น้ั โดยผขู้ ายสง่ มอบทรพั ยส์ นิ นนั้ แกผ่ ขู้ นสง่ ซง่ึ ประกอบ การเปน็ ทางค้าปกตขิ องตน กฎหมายกำ� หนดใหเ้ ปน็ หนา้ ที่ของผซู้ ้ือในการออกคา่ ขนส่งดงั กล่าว มสธตัวอย่าง ก. อยูน่ นทบรุ ตี กลงซ้อื มงั กรแกะสลักดว้ ยไมส้ ักจาก ข. ผู้ขายซึง่ อยู่ที่เชยี งใหม่ โดยตกลงให้ ข. ผขู้ ายสง่ ใหบ้ รษิ ทั ขนสง่ ทเี่ ชยี งใหม่ เพอ่ื ขนสง่ มายงั นนทบรุ ี เชน่ น้ี คา่ ขนสง่ ดงั กลา่ ว ก. ผซู้ อื้ พงึ ออกใชต้ าม ป.พ.พ. มาตรา 464 มสธ มสธอย่างไรก็ดี บทบัญญัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 464 ดังกล่าวมิใช่บทบัญญัติเกี่ยวด้วยความสงบ เรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน คสู่ ญั ญาซอื้ ขายจงึ ตกลงกนั เปน็ อยา่ งอนื่ ได้ เชน่ ใหอ้ อกคา่ ขนสง่ ฝา่ ยละครงึ่ หรือให้ผู้ขายออกแตฝ่ า่ ยเดยี วก็ได้ เปน็ ต้น ข้อสังเกต (1) สัญญาซื้อขายก�ำหนดให้ผู้ขายส่งมอบทรัพย์ท่ีขายท่ีโรงงานของผู้ซ้ือ มิใช่ให้ผู้ขนส่งด�ำเนิน การส่งทรัพยส์ นิ ซง่ึ ไดซ้ ้ือขายกนั ไปยังท่ีแห่งอน่ื นอกจากสถานทอี่ นั พึงชำ� ระหนน้ี นั้ ไม่ใชก่ รณตี าม ป.พ.พ. มสธมาตรา 464
สัญญาซ้ือขาย 2 4-59 อุทาหรณ์ มสธค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 685/2538 สญั ญาซอ้ื ขายไมซ้ งุ กระยาเลยกำ� หนดใหจ้ ำ� เลยทงั้ สองผขู้ ายสง่ มอบ ไมซ้ งุ ทโี่ รงงานของบรษิ ทั โจทก์ สถานทด่ี งั กลา่ วจงึ เปน็ สถานทท่ี โ่ี จทกแ์ ละจำ� เลยทง้ั สองแสดงเจตนาไวโ้ ดย เฉพาะเจาะจงว่าจะช�ำระหน้ี ณ สถานท่ีน้ันตาม ป.พ.พ. มาตรา 324 เมื่อจ�ำเลยทั้งสองส่งมอบไม้ซุงให้ โจทก์ ณ สถานที่ดังกล่าวแล้ว จ�ำเลยท้ังสองจึงไม่อาจเรียกค่าขนส่งไม้ซุงจากโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องด้วย มสธ มสธป.พ.พ. มาตรา 464 ซึง่ โจทก์ผซู้ อ้ื จะต้องออกคา่ ขนส่ง (2) สญั ญาซอื้ ขายระบใุ หผ้ ขู้ ายสง่ ทรพั ยส์ นิ ทขี่ ายไปยงั รา้ นคา้ ของผซู้ อ้ื มใิ ชใ่ หผ้ ขู้ นสง่ ดำ� เนนิ การ ขนส่งไปยังที่แห่งอ่ืนนอกจากสถานที่อันพึงช�ำระหนี้น้ัน ผู้ขายจึงต้องออกค่าขนส่งเอง ไม่ใช่กรณีตาม ป.พ.พ. มาตรา 464 อุทาหรณ์ ค�ำพิพากษาฎีกาท่ี 2080/2514 ผเู้ รมิ่ กอ่ การตงั้ บรษิ ทั จำ� กดั เปน็ โจทกฟ์ อ้ งเรยี กเงนิ คา่ ไมท้ จ่ี ำ� เลยซอื้ มสธไปในระหว่างที่โจทก์ร่วมกันออกทุนเข้าหุ้นค้าไม้ไปพลางระหว่างขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจ�ำกัด จ�ำเลย ใหก้ ารรบั วา่ ไดท้ ำ� สญั ญากบั โจทกจ์ รงิ แตอ่ า้ งวา่ โจทกผ์ ดิ สญั ญาสง่ ไมไ้ มค่ รบ มไิ ดต้ อ่ สวู้ า่ บรษิ ทั เปน็ คสู่ ญั ญา ไม่มีประเด็นว่าหน้ีสินตามฟ้องเป็นของบริษัทหรือไม่โจทก์จึงมีอ�ำนาจฟ้องและด�ำเนินคดีได้ แม้จะปรากฏ ว่าบริษัทนั้นได้จดทะเบียนแล้วก็ตาม สัญญาซ้ือขายไม้ระบุให้ผู้ขายส่งไม้ถึงร้านค้าของผู้ซื้อที่จังหวัด พระนคร ผขู้ ายตอ้ งมหี นา้ ทเ่ี สยี คา่ ขนสง่ เอง กรณไี มเ่ ขา้ ลกั ษณะขนสง่ ทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ไดซ้ อ้ื ขายกนั ไปยงั ทแ่ี หง่ มสธ มสธอื่นนอกจากสถานท่ีอันพึงช�ำระหน้ี ซ่ึงผู้ซื้อจะต้องออกค่าขนส่งโจทก์กับจ�ำเลยท�ำสัญญาซื้อขายไม้กัน 2 ฉบบั ตา่ งวาระกันโจทกฟ์ ้องเรยี กราคาค่าไมซ้ ึ่งจำ� เลยค้างชำ� ระตามสัญญาฉบบั แรกจำ� เลยจะฟ้องแย้งวา่ โจทกผ์ ิดสญั ญาไมส่ ่งไมต้ ามสญั ญาฉบับหลงั เป็นเหตุให้จำ� เลยเสียหาย ขอหักหน้กี ับโจทกห์ าได้ไม่ เพราะ ไมเ่ กยี่ วกบั คำ� ฟอ้ งเดมิ ทงั้ หนดี้ งั กลา่ วโจทกก์ ย็ งั มขี อ้ ตอ่ สอู้ ยู่ จำ� เลยจงึ จะขอหกั หนใี้ นคดที โี่ จทกฟ์ อ้ งนมี้ ไิ ด้ มสธกิจกรรม 4.2.1 ก. ตกลงซอื้ สนิ คา้ จาก ข. ในราคาตนั ละ 10,000 บาท โดยในการซอื้ ขายคราวตอ่ ๆ มา มไิ ดต้ กลง ราคากัน แต่ ก. กช็ ำ� ระในราคาเทา่ เดมิ เรื่อยมาเปน็ เวลาประมาณ 2 ปีเศษ แต่ในการซื้อขายคราวหลังสดุ เมอ่ื สง่ มอบสนิ คา้ แลว้ ข. เรยี กเกบ็ เงนิ ในราคาตนั ละ 11,000 บาท โดยอา้ งวา่ เปน็ ราคาตลาดปจั จบุ นั เพราะ ขา้ วของขนึ้ ราคาไปมาก ซง่ึ ภาวะราคาตลาดเปน็ เชน่ นน้ั จรงิ ดงั นน้ั ใหท้ า่ นวนิ จิ ฉยั วา่ ก. จะมขี อ้ ตอ่ สอู้ ยา่ งไร มสธ มสธหรือไม่ แนวตอบกิจกรรม 4.2.1 มาตรา 487 “อันราคาทรัพย์สินท่ีขายน้ันจะก�ำหนดลงไว้ในสัญญาก็ได้ หรือจะปล่อยไปให้ ก�ำหนดกันด้วยวิธีอย่างใดอย่างหน่ึงด่ังได้ตกลงกันไว้ในสัญญานั้นก็ได้ หรือจะถือเอาตามทางการที่ คู่สัญญาประพฤติต่อกันอยู่น้ันก็ได้ มสธถ้าราคามิได้มีก�ำหนดเด็ดขาดอย่างใดดั่งว่ามานั้นไซร้ ท่านว่าผู้ซ้ือจะต้องใช้ราคาตามสมควร”
4-60 กฎหมายพาณิชย์ 1: ซอ้ื ขาย เช่าทรัพย์ เช่าซ้ือ ตามปัญหา ก. ตกลงซ้ือสินค้าจาก ข. ในราคาตันละ 10,000 บาท โดยในการซ้อื ขายคราวต่อๆ มสธมามิได้ตกลงราคากัน แต่ ก. ก็ช�ำระราคาเท่าเดิมเรื่อยมาเป็นเวลา 2 ปีเศษ แสดงว่าราคาทรัพย์สินที่ ซ้ือขายก�ำหนดไว้แน่นอนในสัญญาเพียงการซ้ือขายคราวแรกเท่าน้ัน ในคราวต่อมาถือเอาตามทางการ ทคี่ ู่สญั ญาประพฤติต่อกันเรอ่ื ยมา แต่ในการซื้อขายคราวหลังสุดเม่อื ส่งมอบสนิ คา้ แล้ว ข. เรียกเก็บเงินใน ราคาตนั ละ 11,000 บาท โดยอา้ งวา่ เปน็ ราคาตลาดปจั จบุ ันเพราะขา้ วของขึน้ ราคาไปมาก แมภ้ าวะราคา มสธ มสธตลาดจะเป็นเช่นน้ันจริง หาก ข. จะคิดราคาเพมิ่ จากเดมิ กต็ อ้ งตกลงกนั ใหม่ในเวลาซอ้ื ขาย มใิ ชเ่ รยี กเก็บ เงินเมื่อได้ส่งมอบสินค้าแล้ว ก. จึงมีข้อต่อสู้โดยถือเอาตามทางการที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันอยู่น้ัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 487 วรรคหนงึ่ ฉะน้ัน ก. จึงมีข้อตอ่ สู้โดยถือเอาตามทางการค้าท่ีคูส่ ัญญาประพฤติตอ่ กนั ดงั กลา่ ว มสธเร่ืองที่ 4.2.2 สิทธิยึดหน่วงของผู้ซื้อ มสธ มสธในเรอื่ งสทิ ธยิ ดึ หนว่ งของผซู้ อื้ น้ี จะไดจ้ ำ� แนกอธบิ ายออกเปน็ 2 หวั ขอ้ คอื (1) สทิ ธยิ ดึ หนว่ งราคา กรณีผู้ซื้อพบเห็นความช�ำรุดบกพร่อง และ (2) สิทธิยึดหน่วงราคากรณีผู้ซื้อถูกขู่ว่าจะฟ้องเป็นคดีหรือ มเี หตอุ นั ควรเชอื่ ว่าจะถกู ขู่เช่นนั้น 1. สิทธิยึดหน่วงราคากรณีผู้ซื้อพบเห็นความช�ำรุดบกพร่อง มาตรา 488 “ถ้าผู้ซ้ือพบเห็นความช�ำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซ่ึงตนได้รับซ้ือ ผู้ซื้อชอบท่ีจะยึด มสธหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ช�ำระไว้ได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันท่ีสมควรให้ได้” ตามบทบัญญัติดังกล่าว จะได้จ�ำแนกอธิบายออกเป็น 2 กรณี คือ (1) กรณีที่ผู้ซื้อชอบที่จะ ยึดหน่วงราคาได้ และ (2) กรณีผูซ้ ือ้ ไมอ่ าจยดึ หนว่ งราคาได้ ดงั น้ี 1.1 กรณีท่ผี ซู้ ือ้ ชอบท่ีจะยดึ หน่วงราคาได้ จะต้องประกอบด้วยหลกั เกณฑ์ 2 ประการ ดังต่อไปนี้ 1) ผู้ซ้ือพบเห็นความช�ำรุดบกพร่องในทรัพย์สินท่ีตนได้รับซื้อไว้ ซึ่งต้องเป็นการช�ำรุด มสธ มสธบกพรอ่ งอนั เปน็ เหตใุ หเ้ สอื่ มราคาหรอื เสอื่ มความเหมาะสมแกป่ ระโยชนอ์ นั มงุ่ จะใชเ้ ปน็ ปกติ หรอื ประโยชน์ ท่มี งุ่ หมายโดยสญั ญา ซึ่งผู้ขายต้องรับผิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 ต้องมใิ ชก่ รณยี กเวน้ ให้ผ้ขู ายไม่ต้อง รับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 473 และมาตรา 483 ดังกลา่ วมาแล้ว 2) ผู้ซื้อยังไม่ได้ช�ำระราคาท้ังหมดหรือบางส่วน หากยังไม่ได้ช�ำระราคาท้ังหมดก็มีสิทธิ ยึดหน่วงราคาทั้งหมดได้ หากยังไม่ได้ช�ำระราคาบางส่วนก็มีสิทธิยึดหน่วงราคาส่วนท่ียังไม่ได้ช�ำระได้ นนั่ คอื หากยงั ไมไ่ ดช้ ำ� ระราคาเทา่ ใดกม็ สี ทิ ธยิ ดึ หนว่ งไวเ้ ทา่ นนั้ มไิ ดห้ มายความวา่ จะมสี ทิ ธยิ ดึ หนว่ งราคา มสธไดเ้ พียงไมเ่ กินกวา่ ความชำ� รุดบกพรอ่ งเทา่ นั้น
สัญญาซ้อื ขาย 2 4-61 อุทาหรณ์ มสธค�ำพิพากษาฎีกาที่ 66-67/2547 บา้ นทจ่ี ำ� เลยซอื้ จากโจทกช์ ำ� รดุ บกพรอ่ ง และโจทกไ์ มไ่ ดซ้ อ่ มแซม ให้เรยี บร้อย เมอื่ เกดิ ความช�ำรุดบกพร่องในทรัพย์สนิ ท่ซี ้อื ขาย ผขู้ ายต้องรับผดิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 ส่วนจ�ำเลยผู้ซ้ือชอบที่จะยึดหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ช�ำระท้ังหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันท่ี สมควรใหไ้ ดต้ าม ป.พ.พ. มาตรา 488 ทโี่ จทกฎ์ กี าวา่ โจทกเ์ ปน็ บคุ คลภายนอกเขา้ รบั ชว่ งสทิ ธเิ รยี กรอ้ งโดย มสธ มสธสจุ รติ ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั สญั ญาจะซอ้ื จะขายทด่ี นิ พรอ้ มบา้ นระหวา่ งบรษิ ทั กบั จำ� เลย และจำ� เลยสามารถไปฟอ้ ง ร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทดังกล่าวได้น้ัน เห็นว่าโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าวและเป็น ผกู้ ระทำ� แทนบรษิ ทั ตลอดมา ทง้ั ในขณะทำ� บนั ทกึ การโอนสทิ ธเิ รยี กรอ้ ง โจทกไ์ ดร้ บั รองวา่ จะซอ่ มแซมความ เสียหายท้ังหมดด้วยตนเอง แม้เช็คท้ังห้าฉบับจ�ำเลยจะสั่งจ่ายช�ำระหน้ีตามบันทึกการโอนสิทธิ เรยี กรอ้ ง แตก่ เ็ ปน็ เรอื่ งสบื เนอ่ื งมาจากการวางเงนิ ดาวนค์ า่ ทด่ี นิ และบา้ นตามสญั ญาจะซอื้ จะขายทด่ี นิ พรอ้ ม บ้าน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบ้านท่ีช�ำรุดบกพร่องโจทก์ไม่ซ่อมแซมให้เรียบร้อย จ�ำเลยชอบที่จะยึดหน่วง มสธไมช่ �ำระราคาท่ดี นิ และบ้านโดยไมน่ �ำเงินเขา้ บญั ชีช�ำระหนี้ดงั กล่าว จ�ำเลยจงึ ไมม่ คี วามผดิ ตาม พ.ร.บ. ว่า ดว้ ยความผดิ อันเกดิ จากการใช้เช็คฯ มาตรา 4 ข้อสังเกต ความช�ำรุดบกพร่องนั้น ตอ้ งเป็นความช�ำรดุ บกพรอ่ งทมี่ ีอยกู่ ่อนหรือในขณะทำ� สญั ญา ซึง่ ผู้ขาย ตอ้ งรบั ผดิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 หากเปน็ ความชำ� รดุ บกพรอ่ งทเี่ กดิ ขนึ้ ภายหลงั ผซู้ อื้ หามสี ทิ ธยิ ดึ หนว่ ง มสธ มสธราคาไม่ อุทาหรณ์ ค�ำพิพากษาฎีกาที่ 508/2545 ความชำ� รดุ บกพรอ่ งของทรพั ยส์ ินที่ขายอนั ผขู้ ายจะตอ้ งรบั ผดิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 นน้ั จะตอ้ งเปน็ ความชำ� รดุ บกพรอ่ งทม่ี อี ยกู่ อ่ นแลว้ หรอื มอี ยใู่ นขณะทำ� สญั ญาซอ้ื ขาย หรอื ในเวลาสง่ มอบทรพั ยส์ นิ ทข่ี าย สว่ นความชำ� รดุ บกพรอ่ งทมี่ ขี นึ้ ภายหลงั ผขู้ ายหาตอ้ งรบั ผดิ ไม่ ปรากฏ ว่าก่อนท่ีจ�ำเลยรับมอบเครื่องผลิตไอศกรีมพิพาทจากโจทก์ จ�ำเลยได้ตรวจสอบการท�ำงานของเครื่องแล้ว มสธซ่ึงสามารถใช้การได้ดี แสดงว่าเคร่ืองผลิตไอศกรีมดังกล่าวมิได้มีความช�ำรุดบกพร่องอยู่ก่อนหรือในขณะ ท�ำสัญญาซื้อขายหรือในเวลาส่งมอบ ดังนั้น การท่ีเคร่ืองผลิตไอศกรีมพิพาทเกิดช�ำรุดบกพร่องหลังจาก ใชง้ านไปไดเ้ กอื บ 1 ปี จงึ เปน็ ความชำ� รดุ บกพรอ่ งทม่ี ขี นึ้ ภายหลงั อนั เกดิ จากการใชง้ าน โจทกห์ าตอ้ งรบั ผดิ ในความชำ� รุดบกพรอ่ งนไี้ ม่ จ�ำเลยจึงไมม่ ีสิทธิยึดหน่วงราคาท่ียังไมไ่ ด้ชำ� ระตาม ป.พ.พ. มาตรา 488 มีปัญหาว่า หากในข้อรับผิดเพ่ือความช�ำรุดบกพร่องน้ันขาดอายุความฟ้องคดีแล้ว ตาม มสธ มสธป.พ.พ. มาตรา 474 กลา่ วคอื ผซู้ อื้ พบเหน็ ความชำ� รดุ บกพรอ่ งเกนิ 1 ปี แลว้ ซง่ึ ไมอ่ าจจะฟอ้ งคดใี หผ้ ขู้ าย รับผิดได้ เช่นน้ี ผู้ซื้อจะยังคงมีสิทธิยึดหน่วงตาม ป.พ.พ. มาตรา 488 ได้อยู่อีกหรือไม่ กรณีนี้ ผู้เขียน มคี วามเหน็ วา่ สทิ ธยิ ดึ หนว่ งนน้ั แมส้ ทิ ธจิ ะเกดิ ขน้ึ ดว้ ยเหตแุ หง่ การพบเหน็ ความชำ� รดุ บกพรอ่ ง กเ็ ปน็ คนละเรอ่ื ง กับอายุความฟ้องคดีเพ่ือความช�ำรุดบกพร่อง ในเม่ือไม่มีกฎหมายใดห้ามผู้ซื้อยึดหน่วงราคาในกรณีสิทธิ ฟอ้ งคดใี นขอ้ รับผดิ เพอื่ ความช�ำรุดบกพร่องนัน้ ขาดอายคุ วามแล้ว ฉะนน้ั หากครบหลกั เกณฑ์ 2 ประการ มสธดงั กล่าวขา้ งตน้ ผูซ้ ือ้ ยอ่ มมสี ิทธิยึดหนว่ งเสมอ
4-62 กฎหมายพาณชิ ย์ 1: ซื้อขาย เชา่ ทรพั ย์ เช่าซอ้ื อย่างไรก็ดี การยึดหน่วงราคาดังกล่าวเป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ซ้ือ ซ่ึงผู้ซ้ือจะใช้หรือไม่ก็ได้ มสธมไิ ด้มบี ทบัญญตั ใิ ดบังคบั ใหผ้ ู้ซ้ือใชห้ รอื ไมใ่ ช้แตอ่ ยา่ งใด 1.2 กรณีผซู้ อ้ื ไม่อาจยึดหน่วงราคาได้ หากต้องด้วยกรณีหนึง่ กรณีใด ดังต่อไปน้ี 1) ผขู้ ายหาประกนั ทส่ี มควรใหไ้ ด้ ซงึ่ อาจจะเปน็ คำ�้ ประกนั ดว้ ยบคุ คลหรอื ดว้ ยทรพั ย์ ไมว่ า่ จะเปน็ จำ� นอง จำ� นำ� หรือค้�ำประกนั โดยธนาคาร กไ็ ดท้ ง้ั สนิ้ ทว่ี ่า “ทสี่ มควร” ก็คือคุ้มกับหนห้ี รอื คมุ้ กับ มสธ มสธความเสยี หายนนั่ เอง หากมปี ระกนั ท่สี มควรดงั กล่าวแลว้ สิทธยิ ดึ หนว่ งยอ่ มหมดไป 2) ผู้ซื้อได้ช�ำระราคาไปท้ังหมดแล้ว ย่อมไม่มีราคาท่ียึดหน่วงกันไว้อีกแต่อย่างใด และจะ ไปเรียกราคากลับคืนมายึดหน่วงอีกก็หามีบทกฎหมายใดรองรับให้ท�ำได้ไม่ ฉะน้ัน เม่ือได้ช�ำระราคา ทรพั ยส์ นิ ทซี่ อื้ ทง้ั หมดแลว้ สทิ ธยิ ดึ หนว่ งราคาของผซู้ อื้ ยอ่ มสน้ิ ไป คงเหลอื แตท่ างแกค้ อื เรยี กใหผ้ ขู้ ายรบั ผดิ ในความช�ำรดุ บกพรอ่ ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 ซ่งึ ตอ้ งใชส้ ิทธิฟ้องคดีภายใน 1 ปี นบั แตเ่ วลาทพี่ บเห็น ความชำ� รุดบกพรอ่ ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 474 มิฉะนัน้ เปน็ อันขาดอายุความดงั กลา่ วมาแล้ว มสธข้อสังเกต กรณีผู้ขายเข้าไปด�ำเนินการซ่อมแซมความช�ำรุดบกพร่องไม่ได้ เป็นเพราะความผิดของ ผู้ซอ้ื เช่นนี้ผ้ซู ้อื หาอาจยึดหนว่ งราคาไดไ้ ม่ อุทาหรณ์ คำ� พพิ ากษาฎกี าท่ี 519/2545 จำ� เลยซอ้ื แผน่ พลาสตกิ พรอ้ มตดิ ตงั้ จากโจทกเ์ พอ่ื ใชป้ บู อ่ บำ� บดั มสธ มสธนํ้าเสียของจ�ำเลย โจทกส์ ง่ มอบงานปแู ผน่ พลาสติกในบ่อบำ� บัดน้ําเสียใหจ้ ำ� เลยเรียบรอ้ ยแล้ว หลังจากนนั้ จ�ำเลยใช้บ่อบำ� บดั นา้ํ เสียไดป้ ระมาณ 2 ถงึ 3 เดอื น แผ่นพลาสตกิ ท่ปี ูไวไ้ ดโ้ ปง่ พองลอยขึ้นอนั เป็นความ บกพร่องซึ่งไม่พึงพบได้ในขณะเม่ือส่งมอบ โจทก์จึงยังต้องรับผิดต่อจ�ำเลยอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 598 โดยจ�ำเลยมีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้างไว้ได้แต่เพียงเพ่ือให้โจทก์แก้ไขซ่อมแซมความช�ำรุดบกพร่องดังกล่าว เทา่ นน้ั เมอ่ื โจทกต์ ดิ ตอ่ กบั จำ� เลยขอเขา้ ไปแกไ้ ขซอ่ มแซมหลายครง้ั แตจ่ ำ� เลยไมย่ อมโดยอา้ งถงึ ความจำ� เปน็ ทีต่ ้องใช้บอ่ บ�ำบัดนํ้าเสยี ดงั กล่าว ไมส่ ามารถสูบน้าํ ออกจากบอ่ ไดเ้ พราะจะท�ำใหเ้ สยี รายได้ ถอื เป็นขอ้ อ้าง มสธทไี่ มอ่ ยใู่ นวสิ ยั ทโี่ จทกซ์ ง่ึ เปน็ เพยี งผรู้ บั จา้ งจะสามารถดำ� เนนิ การไดโ้ ดยลำ� พงั ดงั นนั้ การทโ่ี จทกไ์ มส่ ามารถ แก้ไขซ่อมแซมความชำ� รุดบกพร่องของงานได้จึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จ�ำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงค่าจ้าง ทีค่ า้ งช�ำระอีกต่อไป มสธ มสธ2. สทิ ธยิ ดึ หนว่ งราคากรณผี ซู้ อื้ ถกู ขวู่ า่ จะฟอ้ งเปน็ คดหี รอื มเี หตอุ นั ควรเชอื่ วา่ จะถกู ขเู่ ชน่ นน้ั ในเรื่องสิทธิยึดหน่วงราคากรณีผู้ซื้อถูกขู่ว่าจะฟ้องเป็นคดีหรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะถูกขู่เช่นน้ัน มบี ญั ญตั ิไวใ้ น ป.พ.พ. มาตรา 489 ดังน้ี มาตรา 489 “ถ้าผู้ซื้อถูกผู้รับจ�ำนองหรือบุคคลผู้เรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ขายนั้นขู่ว่าจะฟ้องเป็น คดีข้ึนก็ดี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะถูกขู่เช่นน้ันก็ดี ผู้ซื้อก็ชอบท่ีจะยึดหน่วงราคาไว้ท้ังหมดหรือบาง มสธส่วนได้ดุจกัน จนกว่าผู้ขายจะได้บ�ำบัดภัยอันนั้นให้ส้ินไป หรือจนกว่าผู้ขายจะหาประกันท่ีสมควรให้ได้”
สัญญาซ้ือขาย 2 4-63 ตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว หมายถงึ กรณที ท่ี รพั ยส์ นิ ซง่ึ ซอ้ื ขายตดิ จำ� นองอยกู่ อ่ นแลว้ ฉะนน้ั ทรพั ยส์ นิ มสธซ่ึงซ้ือขายจะเข้ากรณีตามมาตรานี้ได้จึงเป็นทรัพย์สินท่ีอาจจ�ำนองได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 703 เท่านั้น ได้แก่ อสังหารมิ ทรพั ย์ และสงั หาริมทรพั ยช์ นิดพเิ ศษ ซ่งึ การโอนกรรมสทิ ธติ์ ้องมีการจดทะเบียน คือ เรือ ทมี่ รี ะวางตง้ั แต่ 5 ตนั ขน้ึ ไป แพ สตั วพ์ าหนะ และสงั หารมิ ทรพั ยอ์ น่ื ๆ ซง่ึ กฎหมายบญั ญตั ไิ วใ้ หจ้ ดทะเบยี น เฉพาะการ เช่น เคร่ืองจกั รในอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ. จดทะเบยี นเคร่อื งจักร พ.ศ. 2514 เปน็ ตน้ มสธ มสธโดยทว่ั ไปทรพั ยส์ นิ ทต่ี ดิ จำ� นองมกั จะขายในราคาตา่ํ กวา่ ปกติ เพราะทรพั ยส์ นิ นน้ั อาจมคี วามเสย่ี ง ต่อการถูกฟ้องบังคับจ�ำนอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกรณีทรัพย์ติดจ�ำนองดังกล่าว หากมีการฟ้องบังคับ จำ� นองยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ ทรพั ยส์ นิ ซงึ่ ซอื้ ขายนน้ั กฎหมายจงึ ใหส้ ทิ ธผิ ซู้ อ้ื ชอบทจ่ี ะยดึ หนว่ งราคาไวท้ ง้ั หมด หรอื บางสว่ นก็ได้ ถา้ มเี หตอุ ย่างหนง่ึ อย่างใดดังตอ่ ไปนี้ 1) ผซู้ อ้ื ถกู ผรู้ บั จำ� นองหรอื บคุ คลผเู้ รยี กรอ้ งเอาทรพั ยส์ นิ ทข่ี ายนน้ั ขวู่ า่ จะฟอ้ งเปน็ คดขี น้ึ ทวี่ า่ “ข”ู่ นน้ั ไมถ่ งึ กบั ตอ้ งขม่ ขู่ เพยี งแตม่ หี นงั สอื บอกกลา่ ววา่ จะฟอ้ งผซู้ อื้ ในฐานะเปน็ ผรู้ บั โอนทรพั ยส์ นิ นนั้ เปน็ คดี มสธก็เพียงพอแลว้ หรือ 2) มเี หตอุ นั ควรเชอื่ วา่ จะถกู ขเู่ ชน่ นนั้ กลา่ วคอื ผซู้ อ้ื มเี หตอุ นั ควรเชอื่ วา่ จะถกู ขวู่ า่ จะถกู ฟอ้ งนน่ั เอง เช่น ผู้ซื้อทราบว่าผู้รับจ�ำนองมีหนังสือบอกกล่าวแก่ผู้ขายว่าจะฟ้องร้องบังคับจ�ำนอง และยังทราบอีกว่า ผู้รบั จ�ำนองจะฟ้องคดผี ้เู ก่ยี วข้องทกุ คน เปน็ ต้น เมอ่ื เกดิ เหตอุ ยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดดงั กลา่ วขา้ งตน้ ผซู้ อ้ื ชอบทจี่ ะยดึ หนว่ งราคาไวท้ ง้ั หมดหรอื บางสว่ นได้ มสธ มสธจนกวา่ ผู้ขายจะได้ด�ำเนินการอย่างหน่งึ อยา่ งใด ตอ่ ไปน้ี (1) ผู้ขายจะไดบ้ ำ� บดั ภัยน้นั ใหส้ ้นิ ไป เช่น ผ้ขู ายไดท้ ำ� หนงั สอื ประนีประนอมยอมความกับ ผูร้ บั จำ� นองไวแ้ ล้วว่าจะชำ� ระหนใ้ี นภายหลงั และจะระงบั การดำ� เนินคดไี วก้ อ่ น รวมท้ังรับรองวา่ จะไม่ฟอ้ ง คดีผซู้ ือ้ ดว้ ย เป็นต้น (2) ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้ ซ่ึงอาจเป็นการประกันด้วยทรัพย์สินหรือบุคคลก็ได้ มสธ มมสสธธ มสธเช่น นำ� ทรัพยส์ ินอน่ื มาจำ� นำ� เปน็ ประกนั ไว้ หรอื หาบุคคลทผ่ี ู้ซ้ือใหค้ วามเชอ่ื ถอื มาคำ�้ ประกัน เปน็ ตน้
4-64 กฎหมายพาณชิ ย์ 1: ซ้อื ขาย เช่าทรัพย์ เช่าซอ้ื มสธกิจกรรม 4.2.2 ก. ท�ำหนงั สือสัญญาซือ้ คอมพวิ เตอร์ชุดหน่งึ จาก ข. ซง่ึ มรี ะบบการท�ำงาน 10 ระบบ ปรากฏวา่ มอี ปุ กรณบ์ างสว่ นบกพรอ่ งทำ� ใหใ้ ชง้ านไดค้ รบถว้ นสมบรู ณเ์ พยี ง 5 ระบบเทา่ นนั้ ก. จงึ ระงบั การชำ� ระราคา ท้ังหมดไว้ แต่ ข. ขอให้ช�ำระราคาท้ังหมดก่อนโดยรับรองวา่ จะซ่อมแซมใหค้ รบถว้ นสมบูรณโ์ ดยเร็ว และ หากจะระงับการช�ำระหนี้ก็ท�ำได้ไม่เกินความช�ำรุดบกพร่องหรือสูงสุดก็ไม่เกินครึ่งหนึ่งเท่านั้น เช่นนี้ มสธ มสธใหท้ า่ นวนิ จิ ฉยั ว่า ก. จะมีข้อต่อสอู้ ยา่ งไรหรือไม่ แนวตอบกิจกรรม 4.2.2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 488 “ถ้าผู้ซื้อพบเห็นความช�ำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซึ่งตนได้รับซื้อ ผู้ซ้ือชอบที่จะยึดหน่วงราคาท่ียังไม่ได้ช�ำระไว้ได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันท่ี สมควรให้ได้” มสธตามปัญหา ก. ท�ำหนงั สือสญั ญาซอ้ื คอมพวิ เตอร์ชดุ หน่งึ จาก ข. ซง่ึ มีระบบการท�ำงาน 10 ระบบ ปรากฏว่ามีอุปกรณ์บางส่วนบกพร่องท�ำให้ใช้งานได้ครบถ้วนสมบูรณ์เพียง 5 ระบบเท่านั้น เห็นได้ว่า ทรัพยส์ นิ ท่ีซ้อื ขายน้ันมีความช�ำรุดบกพร่อง ก. ผูซ้ ื้อชอบทจ่ี ะยึดหน่วงราคาที่ยังไมช่ ำ� ระไว้ได้ท้ังหมดหรอื แตบ่ างสว่ น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 488 ดงั กลา่ ว กฎหมายมไิ ดจ้ ำ� กดั ใหย้ ดึ หนว่ งราคาไดเ้ ฉพาะไมเ่ กนิ ความ มสธ มสธช�ำรุดบกพร่องและค�ำรับรองว่าจะซ่อมแซมให้ครบถ้วนสมบูรณ์โดยเร็ว ก็มิใช่ประกันท่ีสมควรตามมาตรา 488 ดังกล่าวแต่ประการใด การท่ี ข. ขอให้ช�ำระราคาท้ังหมดก่อนโดยรับรองว่าจะซ่อมแซมให้ครบถ้วน โดยเร็ว และหากจะระงับการช�ำระหนี้ก็ท�ำได้ไม่เกินความช�ำรุดบกพร่องหรือสูงสุดก็ไม่เกินคร่ึงหนึ่งนั้น หาชอบด้วยกฎหมายไม่ มสธ มมสสธธ มสธฉะน้นั ก. จงึ มีขอ้ ตอ่ สใู้ นอันทจ่ี ะยดึ หนว่ งราคาทั้งหมดไวไ้ ดต้ ามเหตผุ ลดงั กล่าว
มสธบรรณานุกรม สัญญาซือ้ ขาย 2 4-65 ประพนธ์ ศาตะมาน และไพจิตร ปญุ ญพันธ์. (2525). ค�ำอธิบายประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ลักษณะซอื้ ขาย. กรุงเทพฯ: สำ� นักพิมพน์ ิติบรรณการ. มสธ มสธพระมนภู าณวมิ ลศาสตร.์ (2478). กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยว์ า่ ดว้ ยซอ้ื ขาย. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ ไพจิตร ปุญญพันธ์. (2547). หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขายและหน้าท่ีของผู้ซ้ือ. ใน เอกสารการสอน ชุดวิชากฎหมายพาณิชย์ 1, เล่ม 1, หน่วยที่ 3. นนทบุรี: สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัย- ธรรมาธริ าช. เสนีย์ ปราโมทย์. (2551). อธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายลักษณะทรัพย์. กรุงเทพฯ: มมสสธธ มมมสสสธธธ มมสสธธเนตบิ ัณฑิตยสถาน.
Search