มสธ สญั ญายืมใชส้ ิน้ เปลือง 2-1 หน่วยที่ 2 สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง รองศาสตราจารย์ปรียา วิศาลเวทย์ มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ ชื่อ รองศาสตราจารย์ปรียา วิศาลเวทย์ วุฒิ น.บ. (เกียรตินิยมด)ี , น.บ.ท. LL.M. (Tulane University, U.S.A. ทนุ รัฐบาล) ต�าแหน่ง กรรมการกล่มุ ปรบั ปรุงเอกสารการสอน หน่วยที่ปรับปรุง หน่วยที่ 2
มสธ 2-2 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยืม ฝากทรพั ย์ ตวั แทน ประกนั ภัย แผนการสอนประจ�าหน่วย ชุดวิชา กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตัวแทน ประกนั ภยั หน่วยที่ 2 สญั ญายมื ใช้ส้ินเปลอื ง ตอนที่ 2.1 สาระส�าคญั ของสัญญายืมใชส้ น้ิ เปลอื งและสทิ ธิหนา้ ทขี่ องคสู่ ญั ญา 2.2 ความระงับและอายุความแหง่ สญั ญายืมใชส้ ิ้นเปลือง มสธ มส แนวคิด 1. ยมื ใช้สน้ิ เปลืองเป็นการยมื ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะอันเปน็ สาระส�าคัญที่แตกต่างจาก สัญญายืมใชค้ งรูปโดยส้นิ เชงิ 2. ความระงบั แหง่ สญั ญายืมใชส้ ้ินเปลืองและอายุความทีเ่ ก่ยี วข้องมีทั้งบทบัญญัติทใี่ ช้ทว่ั ไป และ บทบัญญตั ิพเิ ศษท่ีเกีย่ วกบั การกู้ยมื เงิน ธมมสธสธมสธสธ วัตถุประสงค์ เมือ่ ศกึ ษาหนว่ ยที่ 2 จบแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายสาระส�าคญั ของสัญญายืมใชส้ ิ้นเปลอื งได้ 2. แจกแจงสทิ ธแิ ละหน้าทีใ่ นระหวา่ งผยู้ ืมและผใู้ หย้ มื ในสัญญายืมใชส้ ้นิ เปลืองได้ 3. อธบิ ายเกยี่ วกับความระงบั ของสัญญายมื ใช้สิน้ เปลอื ง ตลอดจนอายุความที่เกี่ยวข้องได้ 4. วนิ จิ ฉยั ปัญหาเก่ียวกบั สัญญายมื ใช้ส้ินเปลอื งได้ กิจกรรมระหว่างเรียน 1. ทา� แบบประเมนิ ผลตนเองก่อนเรยี นหน่วยที่ 2 2. ศึกษาเอกสารการสอนตอนที่ 2.1-2.2 3. ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมายในเอกสารการสอน 4. ฟงั ซีดเี สียงประจา� ชดุ วชิ า 5. ชมรายการวทิ ยโุ ทรทศั น์ (ถ้ามี) 6. เข้ารบั บรกิ ารสอนเสริม (ถ้ามี) 7. ทา� แบบประเมินผลตนเองหลงั เรยี นหนว่ ยท่ี 2
มสธ สัญญายืมใชส้ ิ้นเปลือง 2-3 สื่อการสอน 1. เอกสารการสอน 2. แบบฝึกปฏบิ ัติ 3. ซดี เี สยี งประจา� ชุดวิชา 4. รายการวทิ ยุโทรทัศน์ (ถ้ามี) 5. การสอนเสรมิ (ถ้ามี) การประเมินผล 1. ประเมินผลจากแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรียนและหลงั เรียน 2. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมและแนวตอบท้ายเรอ่ื ง 3. ประเมินผลจากการสอบประจ�าภาคการศึกษา เมื่ออ่านแผนการสอนแล้ว ขอให้ท�าแบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยท่ี 2 ในแบบฝึกปฏิบัติ แล้วจึงศึกษาเอกสารการสอนต่อไป มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-4 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกันภัย มสธ ตอนที่ 2.1มส สาระส�าคัญของสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองและสิทธิหน้าท่ีของคู่สัญญา โปรดอ่านหวั เรอ่ื ง แนวคดิ และวตั ถุประสงค์ของตอนท่ี 2.1 แล้วจึงศึกษารายละเอยี ดต่อไป หัวเร่ือง 2.1.1 สาระสา� คัญของสญั ญายืมใช้สนิ้ เปลือง 2.1.2 สิทธแิ ละหน้าท่ีของผยู้ ืมใช้สนิ้ เปลอื ง 2.1.3 สทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของผู้ให้ยมื ใชส้ ้ินเปลือง แนวคิด 1. สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งมลี กั ษณะเฉพาะอนั เปน็ สาระสา� คญั นอกเหนอื ไปจากลกั ษณะทว่ั ไป ของสัญญายืม คือเป็นสัญญาท่ีอาจมีค่าตอบแทนได้และเป็นสัญญาที่กรรมสิทธิ์ใน ทรัพย์สินท่ียืมโอนไปยังผู้ยืม วัตถุแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองเป็นทรัพย์ประเภทใช้ไป ยอ่ มเสยี ภาวะเสอื่ มสลายหรอื สน้ิ เปลอื งหมดไป ซง่ึ อาจใชท้ รพั ยอ์ นื่ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดียวกนั แทนได้ 2. ผยู้ มื ใชส้ น้ิ เปลอื งมสี ทิ ธใิ ชส้ อยทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ตามความพอใจโดยไมม่ ขี อ้ จา� กดั ในเรอ่ื งการ ใชห้ รอื สงวนรกั ษาทรพั ยส์ นิ แตก่ ม็ หี นา้ ทใ่ี นการเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยตามสญั ญา และตอ้ งสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกบั ทยี่ มื ไปใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื เมอื่ ถงึ กา� หนด เวลาส่งคนื 3. ผู้ให้ยืมใช้สิ้นเปลืองมีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืนหรือเรียกให้ใช้ราคาทรัพย์สินที่ยืมเมื่อถึง ก�าหนดเวลา ส่งคืน และมีหน้าท่ีแจ้งความช�ารุดบกพร่องของทรัพย์สินที่ยืมซึ่งผู้ให้ยืม ไดร้ อู้ ยแู่ ลว้ กอ่ นการสง่ มอบใหผ้ ยู้ มื ทราบ มฉิ ะนน้ั จะตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ ผยู้ มื หากเกดิ ความเสยี หาย ขน้ึ วัตถุประสงค์ เม่อื ศึกษาตอนที่ 2.1 จบแลว้ นักศกึ ษาสามารถ 1. อธบิ ายสาระส�าคญั ของสญั ญายืมใชส้ ้ินเปลอื งได้ 2. แจกแจงสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของผูย้ ืมในสัญญายมื ใชส้ ้ินเปลอื งได้ 3. แจกแจงสิทธิและหนา้ ทีข่ องผใู้ หย้ ืมใช้สน้ิ เปลอื งได้ 4. วนิ จิ ฉยั ปญั หาเกย่ี วกบั สาระสา� คญั และสทิ ธหิ นา้ ทรี่ ะหวา่ งคกู่ รณใี นสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งได้ ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายืมใชส้ ิ้นเปลอื ง 2-5 ความน�า นกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษามาแลว้ ในหนว่ ยท่ี 1 ซง่ึ วา่ ดว้ ยลกั ษณะสา� คญั โดยทวั่ ไปของสญั ญายมื ตลอดจน การแบง่ ประเภทของสญั ญายมื วา่ มอี ยู่ 2 ประเภท คอื สญั ญายมื ใชค้ งรปู และสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื ง สา� หรบั สญั ญายืมใชค้ งรปู นน้ั ไดก้ ลา่ วไว้โดยละเอยี ดแล้ววา่ มีสาระส�าคัญของสญั ญาอยา่ งไร ผลในทางกฎหมายได้ กอ่ ใหเ้ กดิ สทิ ธแิ ละหนา้ ทใี่ นระหวา่ งคสู่ ญั ญา คอื ผยู้ มื และผใู้ หย้ มื ในประการใดบา้ ง รวมตลอดถงึ ความระงบั แห่งสัญญาและอายุความ ในหน่วยที่ 2 นี้จะได้กล่าวต่อไปในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองโดย เฉพาะในทา� นองเดยี วกบั สญั ญายมื ใชค้ งรปู โดยจะกลา่ วถงึ สาระสา� คญั ของสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื ง ผลในทาง กฎหมายซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ สทิ ธแิ ละหนา้ ทใ่ี นระหวา่ งผใู้ หย้ มื และผยู้ มื ทจี่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ติ อ่ กนั จนในทสี่ ดุ จะไดก้ ลา่ ว ถึงความระงับแห่งสัญญายืมประเภทนี้ ตลอดจนอายุความท่ีเกี่ยวข้อง ดังนั้น เพ่ือการท�าความเข้าใจถึง ลักษณะโดยทั่วไปของสัญญายืมให้ได้ชัดเจนและถูกต้องครบถ้วน นักศึกษาจึงจ�าเป็นต้องศึกษาเอกสาร การสอนในหนว่ ยท่ี 1 และ 2 นตี้ อ่ เนอื่ งกันไปโดยไม่ขาดตอน มสธ มส เรื่องที่ 2.1.1 สาระส�าคัญของสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ธมมสธสธมสธสธ มาตรา 650 บญั ญตั วิ า่ “อนั วา่ ยมื ใชส้ นิ้ เปลอื งนน้ั คอื สญั ญาซง่ึ ผใู้ หย้ มื โอนกรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยส์ นิ ชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น เป็นปริมาณมีก�าหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น สัญญาน้ีย่อมบริบูรณ์ต่อเม่ือส่งมอบทรัพย์สินท่ียืม” จากมาตรา 650 ดงั กล่าว จะเหน็ ได้ว่าสัญญายมื ใช้ส้นิ เปลืองมสี าระสา� คญั สว่ นหน่งึ ทีเ่ ป็นลักษณะ ทว่ั ไปรว่ มอยู่กบั สญั ญายืมใชค้ งรปู ตามทีไ่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ ในหน่วยที่ 1 ตอนท่ี 1.1 ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับ สัญญายืม ซ่งึ จะขอน�ามากลา่ วโดยสรปุ ไว้ ดังต่อไปน้ี 1. สัญญายมื ใชส้ ิน้ เปลืองเป็นเอกเทศสญั ญา 2. สญั ญายมื ใชส้ ิน้ เปลอื งเปน็ สัญญาไม่ต่างตอบแทน 3. สัญญายืมใชส้ นิ้ เปลืองยอ่ มบรบิ รู ณ์เม่ือมีการส่งมอบทรัพยส์ นิ ท่ีให้ยืม 4. สัญญายมื ใช้ส้ินเปลืองมวี ตั ถุแห่งสญั ญาเป็นทรัพย์สิน ในส่วนรายละเอียดของหัวข้อดังกล่าวข้างต้น ขอให้นักศึกษาย้อนกลับไปทบทวนเนื้อหาของ หนว่ ยท่ี 1 ตอนท่ี 1.1 ดงั กล่าว เพื่อความเขา้ ใจทชี่ ัดเจนข้ึน
มสธ 2-6 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยมื ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกันภัย นอกจากสาระส�าคัญอันเป็นลักษณะร่วมดังกล่าว สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองยังมีสาระส�าคัญซ่ึงเป็นมสธ มส ลักษณะเฉพาะในตวั ของมนั เองซ่งึ บ่งช้ใี ห้เหน็ วา่ แตกตา่ งจากสัญญายืมใช้คงรปู โดยส้นิ เชิง กล่าวคอื 1. สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองอาจเป็นสัญญามีค่าตอบแทนได้ ในสัญญายืมใช้คงรูปน้ันได้กล่าวมา แล้วว่านอกจากจะเป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทน คือก่อหนี้ให้เกิดแก่ผู้ยืมเพียงฝ่ายเดียวแล้ว ยังเป็นสัญญา ไม่มคี า่ ตอบแทนอีกดว้ ย ซึง่ จะเห็นไดช้ ัดเจนจากความในมาตรา 640 ซงึ่ บญั ญตั ิวา่ ผใู้ ห้ยืมให้ผู้ยมื ใช้สอย ทรัพย์สนิ ไดเ้ ปล่า และถือเป็นลกั ษณะส�าคญั ของสญั ญายมื ใช้คงรปู ซ่ึงทา� ให้เกดิ ผลทางกฎหมายอยู่หลาย ประการตามที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองน้ัน มาตรา 650 ไม่ได้กล่าวไว้เลยว่าผู้ให้ยืมให้ ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินได้เปล่า ดังนั้น ในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองจึงอาจมีค่าตอบแทนได้ด้วย การที่อาจมี ค่าตอบแทนนที้ า� ให้สญั ญายืมใช้ ส้ินเปลอื งมลี กั ษณะใกล้เคยี งกบั สัญญาเช่าทรพั ย์ แต่มีขอ้ แตกต่างกันอยู่ ทวี่ า่ ในสญั ญาเชา่ ทรพั ยน์ น้ั วตั ถแุ หง่ สญั ญาเปน็ ทรพั ยเ์ ฉพาะสง่ิ ทก่ี า� หนดตวั แนน่ อน ไมอ่ าจใชข้ องอน่ื แทน ได้ และผู้เช่าไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินท่ีเช่า ผู้เช่าจึงต้องส่งคืนทรัพย์อันเดียวกับที่ผู้ให้เช่าได้ส่ง มอบมาใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ สว่ นสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งนนั้ เปน็ การโอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยท์ ยี่ มื ใหแ้ กผ่ ยู้ มื ผยู้ มื ไมจ่ า� ตอ้ ง สง่ คนื ทรพั ยส์ นิ อนั เดยี วกบั ทย่ี มื ไป คงคนื แตท่ รพั ยส์ นิ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกบั ทรพั ยส์ นิ ทร่ี บั มอบไปคืนให้แกผ่ ู้ให้ยมื เท่านัน้ คา่ ตอบแทนในสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งนม้ี ไิ ดจ้ า� กดั วา่ จะตอ้ งเปน็ ทรพั ยส์ งิ่ ใด หรอื ประเภทใด ดงั นนั้ คา่ ตอบแทนจงึ อาจจะเป็นเงนิ หรือทรพั ย์สินอยา่ งอน่ื ก็ไดส้ ดุ แลว้ แตค่ ูส่ ัญญาจะได้ตกลงกัน ท่สี า� คญั คือต้อง ตกลงกนั จงึ จะเรยี กค่าตอบแทนได้ เชน่ ยืมขา้ วสาร 10 ลิตร ตกลงเรยี กค่าตอบแทนเป็นข้าวสาร 2 ลิตร หรอื ยมื เงนิ ตกลงเรยี กดอกเบยี้ เปน็ คา่ ตอบแทน เปน็ ตน้ ในกรณยี มื เงนิ นี้ ถา้ ไมไ่ ดม้ ขี อ้ ตกลงใหด้ อกเบย้ี จะ เรยี กดอกเบีย้ ในระหวา่ งสญั ญาไมไ่ ด้ เว้นแตจ่ ะผดิ นัดแล้วเรียกดอกเบี้ยในระหว่างผดิ นัดเทา่ นนั้ อนงึ่ การยมื เงนิ โดยผูย้ ืมใหค้ า่ ตอบแทนแก่ผูใ้ หย้ มื ในการทผี่ ู้ยืมไดใ้ ช้ประโยชน์ในเงินท่ียมื ไปเปน็ ดอกเบี้ยนั้น กฎหมายเรียกว่า การกู้ยืมเงิน ซ่ึงการกู้ยืมเงินก็เป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง แต่ก็มี บทบญั ญตั ทิ เี่ กยี่ วกบั การกยู้ มื เงนิ และใชบ้ งั คบั แกก่ ารกยู้ มื เงนิ เปน็ พเิ ศษแตกตา่ งจากการยมื ใชส้ นิ้ เปลอื งใน ทรัพย์สินอ่ืนอยู่หลายมาตรา คือตั้งแต่ มาตรา 653 ถึงมาตรา 656 เช่น การให้ยืมทรัพย์สินอ่ืนไม่มี บทบญั ญตั ใิ หต้ อ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื เหมอื นการกยู้ มื เงนิ การใชค้ นื กไ็ มม่ ขี อ้ จา� กดั การพสิ จู นเ์ หมอื นการ ใชเ้ งิน แตเ่ ป็นการพิสจู นโ์ ดยอาศยั ขอ้ เทจ็ จริงจากพยานหลกั ฐานทว่ั ไป ทเ่ี ปน็ เช่นนเ้ี พราะเงินหรือเงินตรา นั้นมีการหยิบยืมใช้กันมากกว่าทรัพย์สินอย่างอื่น และมีลักษณะพิเศษกว่าทรัพย์สินอ่ืนอยู่หลายประการ เชน่ ถา้ ใครได้ไปโดยสุจรติ แล้วเจ้าของจะมาตดิ ตามเอาคืนไม่ได้ ท้งั น้ี ตาม ปพพ. มาตรา 1331 ซึง่ บญั ญัติ วา่ “สิทธิของบุคคลผู้ได้เงินตรามาโดยสุจริตน้ัน ท่านว่ามิเสียไปถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าเงินนั้นมิใช่ ของบุคคลซึ่งโอนให้มา” ซงึ่ ตา่ งกับทรัพยส์ ินอ่ืนซึง่ ถ้าผใู้ หย้ มื ไมใ่ ช่เจา้ ของกรรมสิทธิ์ (เช่นในสัญญายืมใช้ คงรูป) เจ้าของที่แท้จริงมีสทิ ธิติดตามเอาคนื ได้ มีปัญหาว่า การยืมเงินคิดดอกเบ้ียเป็นค่าตอบแทนได้เพราะมีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ท�าได1้ ถ้า เป็นการยมื ทรพั ยส์ ินอย่างอื่นโดยมีคา่ ตอบแทน จะเป็นการขัดกบั บทบัญญตั ิในมาตรา 650 ซงึ่ กา� หนดให้ 1 ดู ปพพ. มาตรา 654 ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายมื ใชส้ น้ิ เปลือง 2-7 มสธ ผยู้ มื ตอ้ งคนื ทรพั ยส์ นิ ในปรมิ าณเชน่ เดยี วกนั กบั ทใี่ หย้ มื หรอื ไม่ ในเรอื่ งนคี้ วรพจิ ารณาดู ปพพ. มาตรา 151มส ซงึ่ บญั ญตั วิ า่ “การใดเป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมาย ถ้ามิใช่กฎหมายอันเก่ียวกับ ความสงบ เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การน้ันไม่เป็นโมฆะ” ดังน้ัน หากมีการตกลงให้คืนทรพั ย์สนิ ที่ยืมเกินกว่าปริมาณ ที่ให้ยืม ซึ่งถือเป็นการยืมโดยมีค่าตอบแทน จึงต้องดูผลแห่งการตกลงนั้นว่า ต้อง หา้ มตามกฎหมายอน่ื และเปน็ กฎหมายอนั เกยี่ วดว้ ยความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชนหรอื ไม่ หากเป็นการต้องห้ามตามน้ัน ข้อตกลงนั้นก็เป็นโมฆะ หากไม่ต้องห้ามข้อตกลงน้ันก็ใช้บังคับได้ตาม กฎหมาย ซงึ่ จะต้องพิจารณาเปน็ กรณๆี ไป ในเร่ืองกู้ยืมเงินน้ันมีพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบ้ียเกินอัตรา พ.ศ. 2475 บัญญัติห้ามเรียก ดอกเบี้ย เงินกู้เกินอัตราท่กี ฎหมายกา� หนดไว้ ตาม ปพพ. มาตรา 654 คอื ร้อยละ 15 ต่อปี ผ้ฝู ่าฝืนยอ่ ม มโี ทษทางอาญา นอกจากนน้ั ยงั มปี ระกาศหา้ มมใิ หต้ กขา้ วแกช่ าวนา จ.ศ. 1239 ซงึ่ มสี าระสา� คญั คอื ถา้ ผกู้ เู้ งนิ กันแล้วตกลงให้ส่ง ข้าวแทนตัวเงินหรือดอกเบ้ีย ห้ามมิให้คิดราคาข้าวต�่ากว่าราคาที่ซ้ือขายกันในเวลาใช้ ข้าว ซึง่ ตอ่ มามีคา� พิพากษาศาลฎีกา2 วนิ ิจฉยั วา่ ประกาศหา้ มตกขา้ วแกช่ าวนา จ.ศ. 1239 นัน้ รวมอยใู่ น ปพพ. มาตรา 656 แล้ว ประกาศดังกล่าวจึงถูกยกเลิกไปไม่ใช้บังคับแล้ว ในเรื่องน้ีจึงขอให้สังเกตว่า พระราชบญั ญตั หิ ้ามเรยี กดอกเบีย้ เกนิ อัตรา พ.ศ. 2475 น้นั เป็นบทบัญญัติท่ีใช้แก่การกยู้ ืมเงินเท่านน้ั ไม่ ใชบ้ ังคับแกก่ ารยมื ใชส้ ้นิ เปลอื งทรพั ย์สนิ อยา่ งอื่นด้วย ดงั น้นั ถา้ ยมื ขา้ วสารกัน 2 กระสอบ และตกลงกนั วา่ จะใชค้ นื 3 กระสอบ ซงึ่ ถา้ จะคดิ วา่ เปน็ ดอกเบยี้ กเ็ ทา่ กบั รอ้ ยละ 50 เชน่ นี้ ยอ่ มกระทา� ได้ ไมเ่ ปน็ การเรยี กรอ้ ง ดอกเบย้ี เกนิ อตั ราตามกฎหมายแตอ่ ยา่ งใด และกรณกี ไ็ มเ่ ขา้ ตาม ปพพ. มาตรา 656 ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งกยู้ มื เงนิ แลว้ ช�าระคืนเป็นสิง่ ของหรอื ทรัพยส์ นิ อยา่ งอืน่ แทนจา� นวนเงนิ ดว้ ย อุทาหรณ์ ฎ. 1050/2512 การยมื ขา้ วเปลือกซง่ึ ตกลงให้ดอกเบ้ียเปน็ ขา้ วเปลือกในอตั รา 1 ถังต่อขา้ วเปลอื ก ทยี่ มื 2 ถังนั้น มิใชด่ อกเบ้ียตามความหมายของกฎหมายเพราะผลประโยชน์ทีเ่ รียกเป็นดอกเบยี้ จะเกิดข้ึน ไดจ้ ากหนี้เงินเท่าน้นั เม่อื ตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการยืมข้าวเปลือกกันไวอ้ ยา่ งไร แม้คา� นวณ แลว้ ผลประโยชน์ ตอบแทนจะสงู กวา่ รอ้ ยละ 15 ต่อปี ผู้ยืมกต็ ้องช�าระให้ตามข้อตกลงน้นั สา� หรบั รายละเอยี ดเกย่ี วกบั เรอื่ งการกยู้ มื เงนิ น้ี นกั ศกึ ษาจะไดศ้ กึ ษาเปน็ อกี สว่ นหนงึ่ ตา่ งหากโดย เฉพาะ ในหน่วยที่ 3 การกู้ยืมเงิน ตอ่ ไป อนง่ึ ขอให้สงั เกตวา่ แม้จะมีคา่ ตอบแทนเกดิ ขึ้นในสญั ญายมื ใช้สน้ิ เปลอื งก็ตาม กไ็ ม่ทา� ให้สญั ญา ยืมใช้สิ้นเปลืองน้ันกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไป กล่าวคือ ลักษณะที่เป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทนของ สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองยังคงมีอยู่ ผู้ยืมยังคงมีหนี้ตามสัญญาต่อผู้ให้ยืมอยู่ฝ่ายเดียวดังเดิม เพียงแต่เพ่ิม หน้าที่ท่ตี ้องช�าระ คา่ ตอบแทนควบคู่ไปด้วยเทา่ นนั้ 2. สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองเป็นสัญญาโอนกรรมสิทธ์ิแห่งทรัพย์สินท่ียืม ความข้อนี้ปรากฏชัดใน มาตรา 650 น้นั เองวา่ “…ผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สิน…” ซ่งึ เป็นลกั ษณะสา� คญั อีกประการหนึง่ ที่แตกต่างกับสัญญายืมใช้คงรูป เพราะในสัญญายืมใช้คงรูปน้ันผู้ให้ยืมมอบการครอบครองในทรัพย์สินให้ แกผ่ ยู้ มื ไป เพยี งเพอื่ ใชส้ อยเทา่ นนั้ โดยผยู้ มื ตอ้ งสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ อนั เดมิ ทยี่ มื ไปแกผ่ ใู้ หย้ มื เมอื่ สน้ิ สดุ สญั ญาแลว้ 2 ฎ. 650/2505, ฎ.1981/2511. ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-8 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกนั ภยั มสธ ผลทางกฎหมายบางประการจากการที่สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองเป็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์แห่งมส ทรพั ย์สิน มดี งั ต่อไปน้ี 2.1 ผใู้ หย้ มื ในสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งตอ้ งเปน็ ผมู้ กี รรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ ทใี่ หย้ มื นน้ั หรอื เปน็ เจา้ ของ ทรัพย์สินนั้น หรืออาจเป็นตัวแทนหรือผู้ได้รับมอบอ�านาจจากเจ้าของกรรมสิทธ์ิในการให้ยืมได้ มิฉะน้ันก็ ไมอ่ าจ โอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรัพย์สินนัน้ ไปได3้ ปญั หาโตเ้ ถียงอาจมไี ด้ว่า ในกรณที ีผ่ ูใ้ หย้ มื ไมม่ กี รรมสิทธิใ์ น ทรพั ยส์ ินที่ใหย้ ืมสัญญายืมใช้ส้นิ เปลืองน่าจะมีผลบังคบั กนั ไดใ้ นระหว่างคู่สญั ญา คือ ห้ามมิให้จา� เลยตอ่ สู้ วา่ โจทก์ไมใ่ ชเ่ จ้าของ ทรัพย์สนิ ทใ่ี หย้ มื โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร่อื งการก้ยู ืมเงนิ ซงึ่ มหี ลกั ฐานในสัญญาเปน็ เอกสารประกอบดว้ ย ในเร่อื ง นี้เคยมี ฎ. 1413/2479 วนิ ิจฉยั ว่า โจทก์ฟอ้ งจ�าเลยตามสัญญากู้ จ�าเลยตอ่ สู้ ว่าเงินกู้ไม่ใช่ของโจทก์ แต่รับว่า โจทก์ท�าการแทนเจ้าของเงินกู้ ศาลฎีกาจึงวินัจฉัยว่า สัญญายืมเงินนั้น สมบูรณ์ ไม่ให้จา� เลยน�าพยานบุคคลเข้า มาสืบหักล้างเอกสาร ซ่ึงเร่อื งน้ีมีข้อเท็จจรงิ ว่า จ�าเลยรบั วา่ โจทก์ ท�าการแทนเจ้าของเงินกู้ จึงย่อมมีอา� นาจมาทา� สญั ญาใหก้ ไู้ ด้ แต่หากไมไ่ ด้ข้อเท็จจรงิ เชน่ นั้น เช่น โจทก์ ฟอ้ งเรยี กเงนิ ตามสญั ญากู้ แลว้ จา� เลยตอ่ สวู้ า่ โจทกไ์ มใ่ ชเ่ จา้ ของเงนิ โดยไมป่ รากฏวา่ โจทกท์ า� การแทนหรอื ไดร้ ับมอบอา� นาจจากเจ้าของเงนิ มาหรือไม่ เชน่ นี้ ก็ยังนา่ จะถอื ว่า จา� เลยไมส่ ามารถจะนา� พยานบคุ คลมา สบื ได้ เพราะจะเป็นการสบื แกไ้ ขพยานเอกสารคือสัญญากทู้ ่ีได้ท�าข้นึ นน้ั อันเป็นการต้องหา้ ม ตาม ปวพ. มาตรา 94 ต่อมามี ฎ.16/2534 วินิจฉัยในทา� นองเดียวกันโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามท่ีคู่ความ นา� สบื ฟงั เปน็ ยตุ วิ า่ เมอ่ื วนั ที่ 17 มนี าคม พ.ศ. 2527 จา� เลยที่ 1 ไดท้ า� สญั ญากเู้ งนิ โจทกจ์ า� นวน 300,000 บาท อัตราดอกเบ้ียตามกฎหมายคือร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จ�าเลยที่ 1 ได้รับเงินกู้ไปเรียบร้อยแล้วจากมารดาโจทก์ ก�าหนดใช้เงินคืนภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2527 โดยจ�าเลยที่ 2 เป็นผู้ค้�าประกัน เมื่อจ�าเลยท่ี 1 ได้ ท�าสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ไว้ แม้เงินกู้ที่จ�าเลยที่ 1 รับไป จะเป็นเงินของมารดาโจทก์และมารดาโจทก์เป็นผู้ มอบเงินกู้ให้แก่จ�าเลยท่ี 1 รับไป ก็เป็นเร่ืองท่ีมารดาโจทก์มีเจตนาช่วยออกเงินกู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นบุตร โจทก์ในฐานะเป็นผู้ให้กู้ จึงมีอ�านาจฟ้องจ�าเลยท่ี 1 ในฐานะผู้กู้ และฟ้องจ�าเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค�้าประกัน” 2.2 เม่ือสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองเป็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินไปยังผู้ยืม ผลก็เท่ากับว่า ผ้ยู มื จะใช้สอยทรพั ยส์ นิ ท่ยี มื นัน้ อยา่ งไร หรอื เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้ หรอื โอนกรรมสิทธต์ิ ่อไป กย็ อ่ มมี สิทธิท่ีจะท�าได้ตามอ�านาจของเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ตาม ปพพ. มาตรา 1336 เพราะการยืมใน ประเภทน้ี ถา้ ไมโ่ อนกรรมสทิ ธใิ์ หผ้ ยู้ มื กไ็ มม่ ที างใชส้ อยทรพั ยไ์ ด้ และขอใหส้ งั เกตวา่ ทรพั ยอ์ นั เปน็ วตั ถแุ หง่ สัญญายืมใชส้ ้นิ เปลืองมีได้แตส่ ังหารมิ ทรัพยเ์ ทา่ นนั้ เพราะอสังหาริมทรัพย์โดยสภาพจะยมื ใชส้ ้ินเปลืองไม่ ได้ นอกจากน้นั ถา้ ทรพั ยส์ ินที่ยมื นน้ั สูญหายหรอื บุบสลายไปไม่วา่ ท้ังหมดหรือแตบ่ างส่วน ผ้ยู ืมก็ต้องรับ ความวนิ าศในผลพบิ ตั นิ น้ั เองแตผ่ เู้ ดยี ว ตามหลกั ลาตนิ ทว่ี า่ “Res perit domino” ความวนิ าศในทรพั ยส์ นิ ตกเป็นพับแก่ เจ้าของ เช่น ยืมน้�าตาลเขามา 1 กระสอบ เมื่อรับมอบมาแล้วในระหว่างนั้นบ้านเกิดถูก นา�้ ทว่ ม นา้� ตาลจงึ ละลาย สญู หายไปหมดโดยสดุ วสิ ยั ทผ่ี ยู้ มื จะขนของหนนี า้� ไดท้ นั เชน่ น้ี เมอ่ื ถงึ กา� หนดจะ 3 จด๊ี เศรษฐบุตร คำ�อธิบ�ยกฎหม�ยแพ่งและพ�ณชิ ย์ว�่ ด้วยยืม ฝ�กทรัพย์ ฯลฯ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตรแ์ ละการเมือง พ.ศ. 2492 น. 39-40, กมล สนธเิ กษตรนิ ประมวลกฎหม�ยแพง่ และพ�ณชิ ยว์ �่ ดว้ ยยมื และฝ�กทรพั ย์ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2521 น. 23. ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายมื ใชส้ ิน้ เปลอื ง 2-9 มสธ ต้องใช้คืนน้�าตาล ผู้ยืมจะไม่ยอมคืนน�้าตาลอันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกับที่ยืมไปโดยอ้างว่ามส น�้าตาลน้ันถูกทา� ลายโดยมิใชค่ วามผิดของตนหาได้ไม่ 2.3 วตั ถแุ หง่ สญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งเปน็ ทรพั ยส์ นิ ชนดิ ใชไ้ ปสน้ิ ไปตามทป่ี รากฏในมาตรา 650 คอื เมื่อมีการใช้สอยทรัพย์ตามสัญญา ทรัพย์น้ันจะเปล่ียนแปลงภาวะเสื่อมสลายไปหรือสิ้นเปลืองหมดไป ไมค่ งรปู อยใู่ นสภาพเดมิ เนอ่ื งจากการทผ่ี ยู้ มื ไดร้ บั โอนกรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยท์ ย่ี มื ไปแลว้ กย็ อ่ มมสี ทิ ธใิ ชส้ อยทรพั ย์ นนั้ จนสนิ้ เปลอื งหมดไปไมอ่ าจนา� ของเดมิ มาใชค้ นื ได้ จงึ ตอ้ งใหค้ นื ทรพั ยอ์ นั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณ เดยี วกนั แทน ทรัพยป์ ระเภทน้ี เช่น ข้าว นา้� ตาล ถา่ น น้�ามนั เกลอื แป้ง เงนิ ตรา เป็นต้น อยา่ งไรก็ตาม ทรพั ยส์ นิ บางประเภท ถา้ พจิ ารณาเพยี งลกั ษณะของทรพั ยส์ นิ นนั้ นา่ จะเปน็ วตั ถแุ หง่ สญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื ง หรอื สญั ญายมื ใชค้ งรปู แตก่ รณอี าจหาเปน็ เชน่ นน้ั ไม่ ทงั้ นตี้ อ้ งดเู จตนาของคสู่ ญั ญาประกอบดว้ ยวา่ ตอ้ งการ ใหเ้ ปน็ สญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งหรอื ยมื ใชค้ งรปู เชน่ ยมื ขา้ วสารตวั อยา่ ง หรอื เงนิ ตรารนุ่ เกา่ ซงึ่ ไมม่ กี ารพมิ พ์ ออกมาใช้แลว้ ไว้ส�าหรบั ไปแสดงในงานนิทรรศการ เป็นต้น จะเห็นไดว้ ่าการยืมในลักษณะนเี้ ป็นการยืมใช้ คงรปู กล่าวคือ เม่ือเสร็จงานนทิ รรศการแลว้ ผยู้ ืมกจ็ ะนา� ข้าวสารและเงินตราดงั กล่าวน้ันมาคนื แกผ่ ใู้ ห้ยมื ดังเดมิ โดยมไิ ด้มีการใชท้ รพั ยใ์ ห้เสอื่ มสลายภาวะไปแต่อย่างใด อุทาหรณ์ ฎ. 905/2505 จา� เลยไดย้ มื ไมแ้ ละสงั กะสขี องผรู้ อ้ งเพอ่ื ปลกู เรอื น ซง่ึ อาจตอ้ งเอามาบนั่ ทอน ตดั ฟนั แปรสภาพไปเปน็ ตวั เรอื น หาไดค้ งรปู ในสภาพเดมิ ไม่ และหากตามปกตเิ มอื่ ยมื มาใชเ้ ชน่ นก้ี ห็ มายความวา่ เอาทรพั ยน์ ้นั ๆ มาขาดทเี ดยี ว ไม่ใชจ่ ะเอาทรพั ยน์ ้นั ไปคนื อีก ฉะนนั้ การยมื ชนิดนตี้ อ้ งถอื ว่าเป็นการยืมใช้ สน้ิ เปลืองกรรมสทิ ธ์ิในทรพั ยโ์ อนไปเปน็ ของจ�าเลย ตาม ปพพ. มาตรา 650 กิจกรรม 2.1.1 1. จงกลา่ วถึงสาระส�าคญั ของสญั ญายืมใช้ส้ินเปลือง โดยสังเขป 2. นายเขียวยืมน�้าตาลทรายจากนายขาวมา 1 กระสอบ เพ่ือใช้ท�าอาหารขาย ก�าหนดจะใช้คืน ภายใน 1 เดือน ในระหวา่ งการใช้ เกิดไฟไหมโ้ รงครวั ของนายเขยี ว ทา� ให้น�า้ ตาลทรายที่ยืมมาและเกบ็ ไว้ ในโรงครัวนั้นเสีย หายหมด เม่ือเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ความผิดของนายเขียว นายเขียวจะไม่ยอมคืนน้�าตาล ทรายใหน้ ายขาว ไดห้ รอื ไม่ แนวตอบกิจกรรม 2.1.1 1. สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองนอกจากจะมีสาระส�าคัญอันเป็นลักษณะท่ัวไปของสัญญายืมร่วมอยู่กับ สญั ญายมื ใชค้ งรปู กลา่ วคอื เปน็ สญั ญาไมต่ า่ งตอบแทนและมผี ลบรบิ รู ณเ์ มอ่ื มกี ารสง่ มอบทรพั ยส์ นิ ทใี่ หย้ มื แล้ว ยังมีลักษณะเฉพาะท่ีส�าคัญที่แตกต่างไปจากสัญญายืมใช้คงรูปโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ สัญญายืมใช้ สน้ิ เปลอื งนนั้ อาจเปน็ สญั ญามคี า่ ตอบแทนกไ็ ด้ และเปน็ สญั ญาทผ่ี ใู้ หย้ มื โอนกรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยส์ นิ ประเภท ใช้ไปสิ้นไป คอื เสื่อมภาวะสลายไปให้แก่ผู้ยมื โดยทผี่ ้ยู ืมตอ้ งคืนทรพั ยอ์ ันเปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณ เดียวกันกับทีย่ ืมไป ใหแ้ กผ่ ูใ้ หย้ ืมเมอ่ื ถึงก�าหนดจะตอ้ งสง่ คืน ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-10 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตัวแทน ประกนั ภยั 2. กรณีตามอุทาหรณ์ การยืมน�้าตาลทรายมาใช้ท�าอาหารขายลักษณะของน�้าตาลเป็นทรัพย์มสธ มส ประเภทใช้ไปสน้ิ ไป และตามเจตนาของคู่กรณเี ป็นสัญญายืมใช้สน้ิ เปลอื ง กรรมสิทธิใ์ นน�า้ ตาลตกเป็นของ นายเขียว ซึ่งนาย เขียวมีสิทธิจะใช้สอยอย่างไรก็ได้ตามอ�านาจแห่งกรรมสิทธิ์แห่ง ปพพ. มาตรา 1336 ดงั นน้ั แมน้ า�้ ตาลจะสญู หาย ไปดว้ ยเหตสุ ดุ วสิ ยั นายเขยี วกต็ อ้ งรบั ผลพบิ ตั แิ หง่ ความเสยี หายของนา�้ ตาลนน้ั ในฐานะเปน็ เจา้ ของ โดยทนี่ ายเขยี วยงั จะตอ้ งมหี นา้ ทป่ี ฏบิ ตั ติ ามสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื ง คอื คนื ทรพั ยส์ นิ อนั เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดยี วกับท่ีได้ยืมมาให้แกน่ ายขาว คอื น้า� ตาล 1 กระสอบ แก่นายขาว จะ ปฏิเสธความรับผิดไมไ่ ด้ เรื่องที่ 2.1.2 สิทธิและหน้าที่ของผู้ยืมใช้สิ้นเปลือง เม่ือมีการโอนกรรมสิทธ์ิส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ยืมให้แก่ผู้ยืมแล้ว สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองก็เกิดขึ้น โดยบริบูรณ์และมีผลท�าให้เกิดสิทธิและหน้าท่ีในระหว่างผู้ให้ยืมและผู้ยืมผูกพันกันตามสัญญา ในเรื่องท่ี 2.1.2 นี้จะขอกล่าวถงึ สทิ ธิและหน้าที่ของผูย้ มื ใชส้ ้นิ เปลืองกอ่ น เนอ่ื งจากสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งมลี กั ษณะแตกตา่ งจากสญั ญายมื ใชค้ งรปู ในประการสา� คญั ประการหนงึ่ คอื เปน็ สญั ญาทผี่ ใู้ หย้ มื โอนกรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยส์ นิ ทใ่ี หย้ มื ใหแ้ กผ่ ยู้ มื ตามทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ แตต่ น้ กรรมสทิ ธิ์ ใน ทรัพย์สินย่อมตกเป็นของผู้ยืมทันทีท่ีมีการส่งมอบทรัพย์สินนั้น ดังนั้นกฎหมายจึงบัญญัติถึงสิทธิและ หน้าที่ของผู้ยมื ไวน้ ้อยกวา่ ในสัญญายืมใชค้ งรปู ดังจะได้กล่าวต่อไปน้ี สิทธิของผู้ยืมใช้สิ้นเปลือง โดยอา� นาจแหง่ กรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื ซงึ่ ไดโ้ อนมายงั ผยู้ มื ในทนั ทที ม่ี กี ารสง่ มอบทรพั ยส์ นิ นนั้ ผู้ยืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง จึงมีสิทธิท่ีจะใช้สอยทรัพย์สินน้ันอย่างไรก็ได้หรือจะโดยวิธีใดก็ได้ (ตาม ปพพ. มาตรา 1336) สัญญายมื ใช้ส้นิ เปลอื งไม่ใช่เรอ่ื งสิทธิเฉพาะตัวผยู้ มื แม้จะเปน็ การใช้ผิดวัตถุประสงค์ ท่ียืมมาก็ตาม ผู้ให้ยืมก็ไม่อาจทักท้วงห้ามปรามได้ เช่น ยืมข้าวสารเพ่ือมาหุงรับประทาน แล้วผู้ยืมกลับ น�าเอามาแจกจ่ายหรือให้ผู้อ่ืนยืมต่อไปอีกก็ย่อมกระท�าได้ นอกจากนี้ ผู้ยืมในสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองยังไม่ จา� เปน็ ต้องสงวนรกั ษาทรัพย์สนิ ทย่ี มื เหมอื นเช่นในสญั ญายืมใชค้ งรูป เพราะเหตทุ ก่ี รรมสิทธิใ์ นทรพั ย์สนิ ท่ี ยมื โอนมายงั ผยู้ มื แลว้ หากจะเกดิ ความสญู หายหรอื บบุ สลายแกท่ รพั ยส์ นิ ทย่ี มื ในระหวา่ งนี้ ผยู้ มื กต็ อ้ งรบั ผล พิบัติน้ันเอง ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื ง 2-11 มสธ หน้าท่ีของผู้ยืมใช้สิ้นเปลืองมส กฎหมายก�าหนดหน้าท่ีของผู้ยืมในสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองไว้เป็นประการส�าคัญ 2 ประการ ดัง ต่อไปนี้ คอื 1. หน้าท่ใี นการเสยี คา่ ใช้จา่ ย ซงึ่ มาตรา 651 บญั ญัตวิ า่ “คา่ ฤชาธรรมเนียมในการท�าสญั ญากด็ ี ค่าส่งมอบและส่งคืนทรัพย์สินซึ่งยืมก็ดี ย่อมตกแก่ผู้ยืมเป็นผู้เสีย” มาตราน้บี ัญญตั ไิ ว้เป็นอย่างเดยี วกับมาตรา 642 ในสญั ญายมื ใชค้ งรูป ซ่ึงนกั ศกึ ษาได้ศึกษาผา่ น มาแล้วในหน่วยที่ 1 เหตุผลจึงเป็นไปในท�านองเดียวกัน คือ ผู้ยืมเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่จาก สัญญาคือได้ใช้สอยทรัพย์สินท่ียืมมา แม้ในบางกรณีสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองอาจจะมีค่าตอบแทนในการได้ ใชท้ รัพย์สนิ ซงึ่ ผูย้ ืมจะต้องจ่ายใหผ้ ใู้ ห้ยมื ก็ตาม เช่น สัญญากยู้ ืมเงนิ เป็นตน้ แตก่ ไ็ มท่ า� ใหส้ ญั ญายมื ใชส้ ้ิน เปลืองน้ันกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไปได้4 ดังน้ัน ในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองอันเป็นสัญญาไม่ต่าง ตอบแทนซึง่ ก่อหน้ีแก่ผ้ยู ืมเพยี งฝา่ ยเดยี วกฎหมายจงึ กา� หนดใหผ้ ู้ยมื เปน็ ฝ่ายเสียคา่ ใชจ้ ่ายตา่ งๆ ดงั กลา่ ว อยา่ งไรกต็ าม ถา้ ผยู้ มื และผใู้ หย้ มื จะตกลงกนั ไวเ้ ปน็ อยา่ งอนื่ เชน่ ตกลงกนั ใหฝ้ า่ ยผใู้ หย้ มื เปน็ ผเู้ สยี หรอื ให้ รับผิดชอบร่วมกันฝ่ายละคร่ึงหนึ่ง กฎหมายก็ยอมรับบังคับให้ เนื่องจากมาตรา 651 ไม่ใช่กฎหมายที่ เกยี่ วกบั ความสงบเรยี บรอ้ ยและศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน คสู่ ญั ญาจงึ ตกลงเปน็ อยา่ งอนื่ ได้ ไมเ่ ปน็ โมฆะ (ปพพ. มาตรา 151) ส่วนท่ีว่า ค่าฤชาธรรมเนียมในการท�าสัญญา ค่าส่งมอบ และค่าส่งคืนน้ัน คืออะไรบ้าง ขอให้ นกั ศกึ ษา ยอ้ นกลบั ไปทบทวนหน่วยที่ 1 เร่ืองท่ี 1.2.2 สิทธิและหน้าที่ของผู้ยืมใช้คงรูป จะไมน่ า� มากลา่ ว ซ�า้ อีก อนง่ึ ในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั สถานทใี่ นการสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ในสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งนน้ั กต็ อ้ งนา� บท บญั ญตั ทิ ่ัวไปในเรอื่ งการช�าระหนี้ ตาม ปพพ. มาตรา 324 มาใช้บังคบั เชน่ กัน ซึง่ จะได้กล่าวถึงในลา� ดับ ต่อไปเมอื่ ศึกษาเกย่ี วกบั ความระงบั ของสัญญายมื ใช้สิ้นเปลอื ง 2. หน้าท่ีในการคืนทรัพย์สิน ผู้ยืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองมีหน้าท่ีต้องส่งคืนทรัพย์สินท่ียืมไป เมอื่ ครบกา� หนดเวลาทยี่ มื หรอื เมอ่ื ครบกา� หนดเวลาทผี่ ใู้ หย้ มื ไดบ้ อกกลา่ วใหผ้ ยู้ มื สง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ตาม ปพพ. มาตรา 652 แล้ว ซ่ึงเรื่องกา� หนดเวลาส่งคนื นจี้ ะได้กลา่ วโดยละเอยี ดในเรื่องความระงบั แหง่ สญั ญา ยืมใช้สนิ้ เปลืองต่อไป ทั้งน้ผี ยู้ ืมจะตอ้ งคนื ทรพั ยส์ นิ ซ่ึงเป็นประเภท ชนิด และปรมิ าณเช่นเดยี วกันกับทีไ่ ด้ รับมอบมาให้ แก่ผู้ให้ยืม เพราะโดยลักษณะแห่งทรัพย์สินประกอบกับเจตนาของคู่กรณีในสัญญายืมใช้ สนิ้ เปลอื งนน้ั ผยู้ มื ไดร้ บั โอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื มาและใชส้ อยทรพั ยน์ น้ั ในลกั ษณะทใี่ ชไ้ ปแลว้ ทรพั ย์ นนั้ นยอ่ มเสยี ภาวะเสอ่ื มสลายหรอื สนิ้ เปลอื งหมดไป ยอ่ มไมม่ ที รพั ยเ์ ดมิ คนื ใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื กฎหมายจงึ กา� หนด ใหค้ นื ทรพั ย์ซึ่งเป็นประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกันกบั ท่ียมื ไป 4 ในสัญญาต่างตอบแทนซึ่งตาม ปพพ. มาตรา 369 เป็นสัญญาที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต่างมีสิทธิและหน้าท่ีผูกพันซ่ึงกัน และกัน ในการปฏิบัติการช�าระหนี้ตอบแทนให้แก่กันและกัน คือต่างเป็นเจ้าหน้ีและลูกหนี้ซ่ึงกันและกันท้ังสองฝ่ายนั้น โดยปกติ คูส่ ญั ญามีหน้าทตี่ อ้ งออกค่าฤชาธรรมเนียมในการท�าสญั ญากันฝา่ ยละครึ่งหน่งึ เท่าๆ กัน เช่น สญั ญาซ้ือขายทรพั ยส์ ิน ทง้ั ผูซ้ ือ้ และ ผขู้ ายมหี นา้ ทีอ่ อกคา่ ฤชาธรรมเนียมในการทา� สัญญากันฝ่ายละเท่าๆ กนั (ปพพ. มาตรา 457) ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-12 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกันภัย คา� วา่ ประเภท (Kind) หมายถงึ ทรพั ยส์ นิ จา� พวกเดยี วกนั มชี อื่ เรยี กอยา่ งเดยี วกนั เชน่ ยมื ขา้ วสาร กต็ อ้ งคนื ข้าวสาร ยมื ถา่ นกต็ ้องคนื ถา่ น จะเอาน้�าตาลหรือถว่ั เขยี วมาคืนไมไ่ ด้ คา� วา่ ชนดิ (Quality) หมายถงึ คณุ ภาพของทรพั ยส์ นิ ในระดบั เดยี วกนั ทรพั ยส์ นิ ประเภทเดยี วกนั ย่อมมีคุณภาพแตกต่างกันได้ เมื่อยืมทรัพย์สินชนิดใดก็ต้องเอาทรัพย์สินท่ีมีคุณภาพเดียวกันมาคืน เช่น ยมื ขา้ วสารหอมมะลิ 100% กต็ อ้ งคนื ข้าวสารหอมมะลิ 100% ให้ จะคืนข้าวชนดิ 5% หรอื 10% ซง่ึ มขี ้าว หกั หรอื ปน่ ปนอย่ใู นจา� นวน 5% หรอื 10% ตามล�าดบั ย่อมไม่ได้ ค�าว่า ปริมาณ (Quantity) หมายถึง จ�านวนหรือปริมาตรของทรัพย์สินเดียวกัน คือต้องคืน ทรพั ยส์ นิ ในจา� นวนหรอื ปรมิ าตรเดยี วกนั กบั ทยี่ มื มา เชน่ ยมื ขา้ วสารเสาไหช้ นดิ 5% มา 2 กระสอบ กต็ อ้ ง คนื ขา้ วสารเสาไหช้ นดิ 5% ในจ�านวน 2 กระสอบเท่าท่ยี มื มา เช่นกัน หรอื ยืมนา�้ มันร�าข้าวมา 1 ลิตร ก็ ต้องคืนน�้ามนั รา� ข้าว 1 ลิตรเชน่ กนั กิจกรรม 2.1.2 สิทธแิ ละหน้าทข่ี องผู้ยมื ในสญั ญายืมใชส้ น้ิ เปลอื ง มอี ย่างไรบ้าง จงอธิบาย แนวตอบกิจกรรม 2.1.2 สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองเป็นสัญญาซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนไปยังผู้ยืม ดังน้ัน ผู้ยืมจึงมีสิทธิ ใช้สอย ทรัพย์สินยืมนั้นอย่างไรก็ได้ตามชอบใจ โดยไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ยืมต้องมีหน้าท่ีใช้ทรัพย์ตามที่ กฎหมายกา� หนด หรอื ต้องสงวนรักษาทรพั ย์สนิ นน้ั แต่ประการใด หนา้ ที่ของผ้ยู ืมในสญั ญายืมใช้สน้ิ เปลอื ง จึงมีแต่หน้าท่ีในการเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามสัญญา เช่น ค่าส่งมอบ ค่าฤชาธรรมเนียมในการท�าสัญญา ค่าส่งคืนทรัพย์สิน และหน้าที่ในการคืนทรัพย์สินเม่ือถึงก�าหนดต้องส่งคืน โดยจะต้องคืนทรัพย์สินเป็น ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั กบั ทยี่ ืมไปให้ผู้ให้ยืมตามสัญญา มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายมื ใช้สนิ้ เปลอื ง 2-13 เรื่องที่ 2.1.3 สิทธิและหน้าที่ของผู้ให้ยืมใช้สิ้นเปลือง จากเร่ืองท่ี 2.1.2 สิทธิและหน้าที่ของผู้ยืมใช้ส้ินเปลือง นกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษาเกย่ี วกบั สทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีมสธ ของผ้ยู ืมในสัญญายมื ใชส้ ้นิ เปลืองแลว้ ต่อไปควรจะไดท้ ราบถงึ สทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องผู้ให้ยืมบ้างดังน้ีมส สิทธิของผู้ให้ยืม 1. สทิ ธเิ รยี กคนื ทรพั ยส์ นิ ถงึ แมว้ า่ สาระสา� คญั ของสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งจะเปน็ การโอนกรรมสทิ ธิ์ ในทรพั ยส์ ินท่ยี ืมให้แกผ่ ูย้ มื และการใชส้ อยทรัพย์สนิ น้นั จะเปน็ การใช้ไปส้นิ เปลืองหมดไปก็ตาม แต่ผ้ยู ืมก็ มหี นา้ ทจ่ี ะตอ้ งคนื ทรพั ยส์ นิ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั กบั ทไ่ี ดร้ บั มอบมาใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื ดงั นน้ั เมือ่ ครบก�าหนดเวลายมื ตามท่ีได้ตกลงกันไว้ ผู้ให้ยืมก็มสี ทิ ธทิ ่จี ะเรียกให้ผยู้ มื คนื ทรพั ย์สนิ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั นน้ั ไดท้ นั ที หรอื ถา้ ไมไ่ ดก้ า� หนดเวลากนั ไวก้ ต็ อ้ งมกี ารบอกกลา่ วกอ่ น (ตามมาตรา 652) 2. สิทธิเรียกให้ใช้ราคาทรัพย์สิน ในกรณีทีผ่ ้ยู มื ไม่ยอมคนื ทรัพยส์ ินอันเปน็ ประเภท ชนิด และ ปริมาณเดียวกับท่ีได้ยืมให้แก่ผู้ให้ยืม ผู้ให้ยืมก็มีสิทธิฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับผู้ยืมให้ส่งมอบทรัพย์สินอัน เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกบั ทย่ี มื หรอื ถา้ ผยู้ มื ไมส่ ามารถหาทรพั ยส์ นิ เชน่ นน้ั ได้ ผใู้ หย้ มื กม็ สี ทิ ธิ เรยี กรอ้ งใหผ้ ยู้ มื ใชร้ าคาทรพั ยส์ นิ แกผ่ ใู้ หย้ มื ได้ ในการเรยี กรอ้ งใหใ้ ชร้ าคาทรพั ยส์ นิ นน้ั มปี ญั หาวา่ จะคดิ ราคา ทรัพย์สนิ ในเวลาและสถานที่ใด ซงึ่ อาจพิจารณาได้ คอื 2.1 ถ้าสัญญาได้ก�าหนดเวลาและสถานท่ีในการส่งคืนทรัพย์ท่ียืมไว้อย่างไร การคิดราคา ทรพั ย์ใหเ้ ปน็ ไปตามทก่ี า� หนดไว้เช่นนัน้ 2.2 ถา้ ในสญั ญาไมไ่ ดก้ า� หนดเวลาและสถานทใ่ี นการสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื ไว้ ปญั หาวา่ ในการ คิดราคาทรัพย์นั้นจะคิดในเวลาและสถานท่ีใดเน่ืองจากทรัพย์สินบางอย่างอาจมีราคาเปล่ียนแปลงได้ตาม กาลเวลาและ สถานที่ เชน่ ยมื ขา้ วสารไว้ 1 ถงั ซง่ึ ขณะทยี่ มื นนั้ ขา้ วสารชนดิ ดงั กลา่ วมรี าคาถงั ละ 570 บาท แต่ในเวลาท่ีผู้ยืมถูกบังคับให้ต้องใช้ราคาข้าวสารน้ี ข้าวชนิดเดียวกันน้ีมีราคาถังละ 640 บาท ในเร่ืองนี้ บทบญั ญตั ใิ น ปพพ. มไิ ดก้ ล่าวไว้ อย่างไรก็ตาม เมอื่ พิเคราะห์ตามลักษณะของสญั ญายมื ใช้สิน้ เปลอื งแลว้ ผู้ให้ยืมมีสิทธิจะได้รับทรัพย์สิน อันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกับที่ให้ยืมไปคืนจากผู้ยืม คือ ขา้ วสาร 1 ถัง ไมใ่ ช่จ�านวนเงนิ การท่ใี หผ้ ู้ยมื ช�าระเป็นเงินแทนทรพั ย์สนิ ซึ่งไม่สามารถส่งคนื ไดน้ ้ันกเ็ พราะ เป็นหน้าที่ท่ีจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายของราคาทรัพย์ที่ยืมในขณะท่ีส่งคืนเพราะผู้ให้ยืม เสียหายไปจรงิ ตามราคาข้าวสาร 1 ถงั โดยตรง ผู้ให้ยมื จึงควรมีสทิ ธไิ ดร้ บั ชา� ระราคาแทนตามราคาในเวลา และสถานท่ที ี่ส่งคืน ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-14 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรพั ย์ ตัวแทน ประกันภยั มสธ อุทาหรณ์มส ฎ. 76/2489 จ�าเลยขอยืมเงินโจทก์ 400 บาท โจทก์ไม่มีให้ จ�าเลยจึงขอยืมทองรูปพรรณไป 5 อยา่ ง รวมหนกั 11 บาทสลงึ โจทกใ์ หย้ มื ไป ตอ่ มาจา� เลยบอกกลา่ ววา่ ทองคา� จา� นา� หลดุ ไปแลว้ ขอใหใ้ ชเ้ งนิ 60 บาทก่อน สว่ นท่คี ้างเอาไวค้ ดิ กนั ทีหลงั โจทก์ยอมตกลงด้วย ตอ่ มาจ�าเลยไม่ยอมชา� ระอกี เลย โจทกจ์ งึ มาฟอ้ งขอให้ จ�าเลยคืนทองหรือชา� ระราคาตามราคาในขณะฟอ้ ง ศาลฎกี าวินิจฉยั วา่ “เรือ่ งนจี้ ำ�เลยขอใช้ร�ค�ทองใหไ้ ป 60 บ�ทกอ่ น เป็นกรณที โี่ จทก์และจ�ำ เลย ต�่ งได้ ตกลงกนั เสรจ็ แลว้ ว�่ จะช�ำ ระเปน็ เงนิ ตอ่ กนั จงึ ตอ้ งคดิ ร�ค�ทองทจ่ี ะช�ำ ระตอ่ กนั ในขณะทตี่ กลงกนั นน้ั โจทก์จะม�เรยี กทองคนื หรอื ม�คดิ ร�ค�ในสมัยทท่ี องขน้ึ ร�ค�แพงไปนน้ั ห�ถกู ต้องไม”่ 3. สิทธิเรียกค่าเสียหาย นอกจากผใู้ หย้ มื จะมสี ทิ ธเิ รยี กใหผ้ ยู้ มื คนื ทรพั ยส์ นิ หรอื ใชร้ าคาแลว้ หาก เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ใู้ หย้ มื ในการไมค่ นื ทรพั ยส์ นิ หรอื คนื ลา่ ชา้ หรอื ไมส่ ามารถหาทรพั ยส์ นิ เชน่ นนั้ มาคนื ได้แล้วแต่กรณี ผู้ให้ยืมยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากการที่ผู้ยืมไม่ช�าระหนี้ให้ถูกต้องตามความประสงค์ ที่แทจ้ รงิ ของมูลหน้ี นนั้ ไดอ้ ีกสว่ นหนึง่ ด้วยตามหลกั ทั่วไปในเรอ่ื งหน้ี หน้าท่ีของผู้ให้ยืม ผใู้ หย้ มื ในสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งมหี นา้ ทไ่ี มข่ ดั ขวางการใชท้ รพั ยส์ นิ ตามความพอใจของผยู้ มื เพราะ กรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินนั้นโอนไปยังผู้ยืมแล้ว นอกจากน้ียังมีหน้าที่ในประการส�าคัญเช่นเดียวกับกรณีของ สัญญายืมใช้ คงรูปอยู่ประการหน่ึง คือ ถ้าไม่มีข้อสัญญาก�าหนดกันไว้เป็นอย่างอ่ืนแล้ว หากทรัพย์สินท่ี ใหย้ มื นน้ั บบุ สลายหรอื มอี นั ตราย ซงึ่ ผใู้ หย้ มื ไดร้ อู้ ยแู่ ลว้ กอ่ นการสง่ มอบถงึ ความบบุ สลายหรอื อนั ตรายเชน่ วา่ นน้ั ซง่ึ อาจจะเกดิ ความเสยี หายแกผ่ ยู้ มื ได้ ผใู้ หย้ มื มหี นา้ ทจี่ ะตอ้ งบอกกลา่ วใหผ้ ยู้ มื ไดท้ ราบถงึ ความบบุ สลายหรืออันตรายแห่งทรัพย์ท่ีให้ยืมน้ัน หากไม่บอกกล่าวให้ทราบและผู้ยืมใช้ทรัพย์สินท่ียืมไปแล้วเกิด ความเสยี หายหรอื เกดิ อนั ตรายขน้ึ ผใู้ หย้ มื จะตอ้ งรบั ผดิ ชดใชค้ า่ เสยี หายแกผ่ ยู้ มื เชน่ ใหย้ มื อาหารกระปอ๋ ง ไปโดยที่ผู้ให้ยมื รู้แล้ววา่ อาหารกระป๋องนั้นได้เก็บ ไว้นานแล้วอาจจะเสียได้ แต่ไม่บอกใหผ้ ้ยู ืมรู้ เมอ่ื ผู้ยืม นา� ไปประกอบอาหารรบั ประทานแลว้ เกดิ มีอาการอาหาร เป็นพษิ ปว่ ยเจบ็ ขนึ้ ผ้ใู ห้ยมื ตอ้ งรบั ผิด เปน็ ต้น กิจกรรม 2.1.3 สทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องผู้ให้ยมื ในสัญญายมื ใช้สนิ้ เปลืองมอี ย่างไร จงอธบิ าย แนวตอบกิจกรรม 2.1.3 สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งเปน็ สญั ญาทผ่ี ใู้ หย้ มื โอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ ทใ่ี หย้ มื ใหแ้ กผ่ ยู้ มื ผใู้ หย้ มื จงึ มีแต่ เพียงสิทธิที่จะเรียกทรัพย์สินคืนเมื่อถึงเวลาต้องส่งคืน โดยเรียกเอาทรัพย์สินอันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณ เดียวกับท่ีให้ยืมไปคืนจากผู้ยืม หากผู้ยืมไม่ยอมส่งคืนหรือไม่สามารถหาทรัพย์สินอันเป็น ประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันมาคืนได้ ผู้ให้ยืมก็มีสิทธิฟ้องศาลบังคับให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั หรอื ใหใ้ ชร้ าคาทรพั ยส์ นิ แลว้ แตก่ รณแี ละเรยี กคา่ เสยี หาย สว่ นหนา้ ทขี่ องผใู้ หย้ มื ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายืมใช้สน้ิ เปลือง 2-15 กเ็ พยี งแตไ่ มข่ ดั ขวางการใชท้ รพั ย์ ตามความพอใจของผยู้ มื และตอ้ งแจง้ ถงึ ความบบุ สลายหรอื ชา� รดุ อนั ตราย ของทรัพย์สิน ซึ่งผู้ให้ยืมรู้อยู่แล้วก่อน การส่งมอบให้ผู้ยืมได้ทราบ มิฉะน้ันต้องรับผิดต่อผู้ยืม หากเกดิ ความเสียหายแก่ผยู้ มื เมอ่ื นา� ทรัพยส์ นิ น้ันไปใช้ มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-16 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกนั ภยั ตอนที่ 2.2 ความระงับและอายุความแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง โปรดอา่ นหัวเรือ่ ง แนวคดิ และวัตถุประสงค์ของตอนที่ 2.2 แลว้ จงึ ศึกษารายละเอยี ดต่อไป หัวเร่ือง 2.2.1 ความระงับแหง่ สญั ญายมื ใชส้ ิ้นเปลอื ง 2.2.2 การช�าระหน้ตี ามสัญญากยู้ มื เงนิ 2.2.3 อายคุ วามแหง่ สัญญายมื ใช้สนิ้ เปลอื ง แนวคิด 1. ความระงบั แหง่ สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นกฎหมายลกั ษณะยมื คอื การที่ ผยู้ มื สง่ คนื ทรพั ยอ์ นั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกบั ทย่ี มื คนื ใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื เมอื่ ถงึ เวลาทีก่ �าหนด 2. การช�าระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินมีบทบัญญัติพิเศษนอกเหนือจากการส่งคืนทรัพย์ที่ยืม ในสัญญายมื ใช้สิน้ เปลืองโดยทว่ั ไป 3. อายุความแห่งสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองมีเฉพาะเร่ืองการเรียกทรัพย์สินที่ยืมคืนหรือ เรียกดอกเบ้ยี คา้ งส่งในกรณที ีเ่ ป็นการกู้ยมื เงนิ แตไ่ มม่ บี ทบัญญัตเิ กย่ี วกับอายุความใน เร่ืองคา่ ทดแทนดังเชน่ สญั ญายืมใช้คงรูป วัตถุประสงค์ เมอ่ื ศกึ ษาตอนที่ 2.2 จบแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธบิ ายเรื่องความระงบั แหง่ สัญญายมื ใชส้ ิน้ เปลอื งได้ 2. อธบิ ายเรือ่ งการชา� ระหนี้ตามสญั ญากู้ยมื เงนิ ได้ 3. อธิบายและใหเ้ หตุผลในเรอ่ื งอายคุ วามแหง่ สญั ญายืมใชส้ นิ้ เปลอื งได้ 4. วนิ จิ ฉัยปัญหาเกีย่ วกบั ความระงบั และอายคุ วามแห่งสัญญายืมใชส้ ้ินเปลืองได้ มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายืมใช้ส้ินเปลอื ง 2-17 ความน�า นักศึกษาได้ศึกษามาแล้วในตอนที่ 2.1 สาระส�าคัญของสัญญายืมใช้ส้ินเปลือง เกี่ยวกับสาระ สา� คัญของสญั ญายมื ใชส้ ้ินเปลืองตลอดจนสทิ ธิและหน้าท่ขี องผ้ยู ืมและผู้ให้ยืมแลว้ ตอ่ ไปตอนท่ี 2.2 น้ี จะ ได้กล่าวถึงเร่ืองความระงับแห่งสัญญายืมใช้ส้ินเปลือง และอายุความท่ีเก่ียวข้อง ซึ่งมีลักษณะท่ีแตกต่าง ออกไปจากสญั ญายมื ใช้คงรูป โดยเฉพาะความระงับแหง่ สญั ญาในกรณที เ่ี ปน็ การยืมใชส้ ้นิ เปลอื งทั่วไปกบั กรณีทเ่ี ปน็ การกูย้ มื เงนิ ซ่งึ แมจ้ ะเปน็ สญั ญายมื ใชส้ ้นิ เปลืองเหมอื นกัน ก็ยงั คงมีความแตกต่างกันอยู่หลาย ประการ มสธ มส เรื่องที่ 2.2.1 ความระงับแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ธมมสธสธมสธสธ จากท่ีได้ทราบแล้วว่า สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นมีลักษณะเป็นสัญญาท่ีผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธ์ิใน ทรัพย์สินที่ให้ยืมแก่ผู้ยืมไปโดยที่ทรัพย์สินน้ันเป็นประเภทใช้ไปส้ินเปลืองหมดไป ผู้ยืมมีสิทธิที่จะใช้สอย ทรพั ยส์ นิ อย่างไรก็ได้ตามความพอใจ แต่เมอ่ื ถึงกา� หนดเวลาที่จะตอ้ งคืนทรัพย์ ซึง่ เท่ากับเปน็ การชา� ระหน้ี ตามสญั ญายืมใชส้ ิ้นเปลืองน้ัน ผ้ยู ืมเพยี งแต่ต้องคืนทรพั ยอ์ ันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดยี วกับที่ยมื ไปใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื เทา่ นนั้ ไมจ่ า� ตอ้ งคนื ทรพั ยอ์ นั เดมิ นน้ั เหมอื นอยา่ งสญั ญายมื ใชค้ งรปู และเมอ่ื มกี ารคนื ทรพั ย์ ตามสัญญาเสร็จสนิ้ แล้วก็มีผลใหส้ ัญญายมื ใช้สนิ้ เปลืองระงบั ลง ซึ่งแยกอธิบายได้ คอื 1. ในกรณีท่ีสัญญายืมใช้สิ้นเหลืองนั้นได้มีก�าหนดเวลายืมไว้ สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองย่อมระงับ ส้นิ ไปเมอ่ื พ้นกา� หนดเวลาตามที่ไดต้ กลงไวใ้ นสญั ญา เชน่ ยมื ขา้ วสารเสาไหช้ นิด 5% มา 5 กโิ ลกรมั เพื่อ ใชร้ ับประทานมกี า� หนด 7 วัน เมื่อครบก�าหนดแลว้ สัญญายืมดังกล่าวย่อมระงบั สิ้นไป ผู้ใหย้ มื มีสทิ ธิเรยี ก ใหผ้ ยู้ มื ส่งคนื ข้าวสารเสาไหช้ นดิ 5% ในจ�านวน 5 กโิ ลกรมั ให้แก่ผใู้ ห้ยืมได้ทันที ขอใหส้ งั เกตวา่ ในกรณที มี่ กี ารกา� หนดเวลายมื กนั ไว้ ผใู้ หย้ มื จะเรยี กใหผ้ ยู้ มื คนื ทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื กอ่ น ถึงเวลาก�าหนดไมไ่ ด้ ทงั้ น้ี เปน็ ไปตามหลักท่ัวไปใน ปพพ. มาตรา 192 ทใ่ี ห้สันนษิ ฐานวา่ เง่ือนเวลา ไม่ว่า จะเป็นเง่ือนเวลาเริ่มต้นหรือเง่ือนเวลาส้ินสุดน้ันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของลูกหน้ี แต่ถ้าผู้ให้ยืมฟ้องเรียก ทรัพยส์ ินคนื ก่อนครบกา� หนดตามสัญญา แลว้ ผู้ยืมไมย่ กก�าหนดเวลาข้นึ เป็นข้อต่อสู้ ก็ตอ้ งถือว่าผยู้ ืมสละ ข้อตอ่ สใู้ นเร่ืองก�าหนดเวลานแี้ ลว้ อุทาหรณ์ ฎ. 1671/2505 เจ้าหน้ีฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงก�าหนดช�าระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าเป็น นติ ิกรรมอ�าพราง ย่อมแสดงวา่ ลูกหน้ไี ม่ถือเอาประโยชน์แหง่ เง่อื นเวลาในสญั ญากู้น้นั เงอ่ื นเวลาจงึ ไม่เป็น ขอ้ ทลี่ กู หนีจ้ ะอ้างเปน็ ประโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป
มสธ 2-18 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรัพย์ ตัวแทน ประกนั ภัย มสธ ฎ. 1098/2507 เจ้าหน้ฟี ้องเรยี กเงินกูก้ อ่ นถึงกา� หนดชา� ระ ลกู หน้ีปฏิเสธความรับผิด อ้างวา่ ชา� ระมส หนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่า ลูกหน้ีไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลา จงึ ไม่เป็นขอ้ ท่ลี กู หนี้จะอา้ งเปน็ ประโยชนไ์ ดต้ อ่ ไป ในบางกรณี แม้มีการก�าหนดเวลาไว้ แต่หากมีการตกลงให้ผู้ให้ยืมเรียกทรัพย์คืนก่อนกา� หนดได้ ก็ต้องบังคับไปตามน้ัน เพราะถือว่าป็นข้อสัญญาที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน อุทาหรณ์ ฎ. 866/2534 สัญญากู้ระบุว่า ผู้กู้ตกลงจะช�าระหนี้ตามสัญญาน้ีภายในวันท่ี 27 สิงหาคม พ.ศ. 2525 แตท่ งั้ นไี้ มเ่ ปน็ การตดั สทิ ธผิ ใู้ หก้ ทู้ จ่ี ะเรยี กรอ้ งใหผ้ กู้ ชู้ า� ระหนตี้ ามสญั ญานที้ งั้ หมดหรอื แตบ่ างสว่ นกอ่ น ถึงก�าหนดก็ได้ตามแต่ผู้ให้กู้จะเห็นสมควรและโดยมิพักต้องชี้แจงแสดงเหตุ ผู้กู้สัญญาว่าในกรณีท่ีผู้ให้กู้ เรียกร้องให้ช�าระหน้ี ผู้กู้จะช�าระหนี้ที่เรียกร้องทันที ข้อสัญญาน้ีไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม อันดีของประชาชน จงึ มผี ลผูกพนั อย่างไรก็ดี ถ้าผู้ยืมตายก่อนครบก�าหนดเวลา ผู้ให้ยืมมีสิทธิเรียกคืนทรัพย์จากผู้รับมรดกหรือ ผจู้ ดั การมรดกของผยู้ มื ไดท้ นั ทโี ดยไมต่ อ้ งรอใหถ้ งึ กา� หนด และตอ้ งเรยี กคนื ดว้ ย มฉิ ะนนั้ สทิ ธเิ รยี กรอ้ งของ ผู้ใหย้ มื อาจขาดอายคุ วาม ตาม ปพพ. มาตรา 1754 วรรคสามได้ อุทาหรณ์ ฎ. 1413/2479 ในกรณที ลี่ กู หนต้ี ายกอ่ นหนถ้ี งึ กา� หนดชา� ระนน้ั เจา้ หนม้ี สี ทิ ธฟิ อ้ งเรยี กจากผจู้ ดั การ มฤดกไดท้ นั ที แมห้ นจ้ี ะยงั ไม่ถึงกา� หนดช�าระกต็ าม อายุความมฤดก 1 ปนี ั้นรวมถงึ เจ้าหนีด้ ว้ ย ฎ. 2620/2517 ปพพ. มาตรา 1754 วรรคสามบัญญัติให้เจ้าหนี้ต้องฟ้องบังคับสิทธิเรียกร้องเสีย ภายในก�าหนด 1 ปี ย่อมเป็นการให้สิทธิเจ้าหนี้ฟ้องคดีให้ช�าระหนี้ได้ตั้งแต่วันท่ีลูกหนี้ถึงแก่กรรมโดย เจา้ หนไ้ี มจ่ �าเป็นตอ้ งทวงถามใหช้ �าระหน้ีกอ่ น ฉะนัน้ แม้สัญญากู้ซ่งึ จ. ก้เู งินโจทก์ไปจะมขี อ้ ความวา่ หาก โจทก์ต้องการเงนิ คืนเมื่อใด จ. จะคนื ใหท้ ันทีแตต่ อ้ งบอกลว่ งหน้าไมน่ อ้ ยกวา่ 1 เดอื นกต็ าม เมื่อ จ. ถึงแก่ กรรม โจทก์ยอ่ มฟ้องคดไี ดท้ ันทีโดยไมจ่ า� ต้องทวงถามก่อน ฎ. 3994/2540 ปพพ. มาตรา 1754 วรรคสาม เปน็ บทบัญญัติมิใหเ้ จา้ หน้ฟี อ้ งรอ้ งเมอ่ื พ้นกา� หนด 1 ปี นบั แตเ่ จา้ หนไี้ ดร้ หู้ รอื ควรไดร้ ถู้ งึ ความตายของลกู หน้ี ในกรณดี งั กลา่ ว เจา้ หนขี้ องผตู้ ายจะตอ้ งเรยี กรอ้ ง ใหช้ า� ระหนจี้ ากทรพั ยม์ รดกของผตู้ ายซง่ึ เปน็ ลกู หนใี้ นกา� หนด 1 ปี นบั แตล่ กู หนถี้ งึ แกค่ วามตาย ดงั นน้ั แม้ หนังสือสัญญากู้ยืมเงินท่ีลูกหน้ีท�าไว้กับโจทก์ยังไม่ถึงก�าหนดช�าระ แต่ลูกหน้ีได้ถึงแก่ความตายเสียก่อน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 1 ปี นับแต่เม่ือโจทก์รู้ถึงความตายของ ลูกหน้ี ตาม ปพพ. มาตรา 1754 วรรคสาม เพราะสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นเมื่อลูกหน้ีถึงแก่ ความตาย หากรอจนหนี้ถึงก�าหนดช�าระ อายุความ 1 ปีตามมาตรา 1754 วรรคสาม ดงั กลา่ วขา้ งต้นอาจ จะลว่ งพ้นไปแล้ว โจทกจ์ งึ มีอ�านาจฟ้องบังคับให้ช�าระหนีไ้ ดแ้ มห้ นี้ยงั ไม่ถึงกา� หนดชา� ระ 2. ในกรณีท่ีสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองน้ันไม่มีก�าหนดระยะเวลายืม มีบทบัญญัติใน มาตรา 652 ความว่า “ถ้าในสัญญาไม่มีก�าหนดเวลาให้คืนทรัพย์สินซ่ึงยืมไป ผู้ให้ยืมจะบอกกล่าวแก่ผู้ยืมให้คืน ทรัพย์สิน ภายในเวลาอันควรซึ่งก�าหนดให้ในค�าบอกกล่าวน้ันก็ได้” ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายมื ใช้ส้นิ เปลอื ง 2-19 มสธ ตามมาตรา 652 น้ีหมายความวา่ ในการยืมใชส้ นิ้ เปลอื งทีไ่ มไ่ ด้กา� หนดเวลาคืนทรพั ยส์ ินทย่ี ืมกนัมส ไว้ ผู้ให้ยืมจะมีสิทธิท่ีจะบอกเลิกสัญญายืมเม่ือใดก็ได้ แต่ผู้ให้ยืมจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้ยืมจัดการ สง่ คนื ทรัพย์ สนิ ที่ยมื คืนภายในเวลาสมควร โดยก�าหนดเวลาใหส้ ง่ คืนทรพั ยส์ นิ ไวใ้ นคา� บอกกล่าวน้ันด้วย การทก่ี ฎหมายบัญญัตใิ หบ้ อกกลา่ วให้ผ้ยู มื ทราบลว่ งหนา้ เสยี กอ่ น ก็เพอ่ื ใหโ้ อกาสผ้ยู มื ท่จี ะได้มเี วลาจดั หา ทรัพย์สินอันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันมาคืนให้แก่ผู้ให้ยืมได้ทัน ซ่ึงไม่เหมือนกับการยืมใช้ คงรูปซึง่ ทรพั ย์สินท่ีต้องส่งคืนก็คือทรพั ยส์ นิ อันเดมิ ทไ่ี ดร้ ับมอบมานัน่ เอง เม่ือถึงก�าหนดเวลาตามค�าบอกกล่าวตามมาตรา 652 น้ีแล้ว สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองย่อมระงับลง ถา้ ผยู้ มื ยงั ไมส่ ง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ผใู้ หย้ มื กย็ อ่ มมสี ทิ ธฟิ อ้ งรอ้ งเรยี กใหผ้ ยู้ มื สง่ คนื หรอื เรยี กเอาราคาทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื รวมทงั้ คา่ เสยี หายทผ่ี ใู้ หย้ มื ไดร้ บั เนอ่ื งจากการทผ่ี ยู้ มื ไมส่ ง่ ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื คนื ตามกา� หนดเวลาทแ่ี จง้ ใน คา� บอกกล่าวได้ อุทาหรณ์ ฎ. 859/2515 จา� เลยยมื เงินจากโจทกร์ วมหา้ คร้งั โดยไมม่ กี า� หนดเวลาใหใ้ ช้เงนิ เมอื่ โจทก์ไดส้ ง่ คา� บอกกลา่ วใหจ้ า� เลยชา� ระเงนิ คนื ภายในเวลาหนงึ่ เดอื น จา� เลยไมช่ า� ระเงนิ ภายในกา� หนดเวลานน้ั โจทกฟ์ อ้ ง บังคับช�าระหนี้เงินพร้อมทั้งดอกเบี้ย ตาม ปพพ. มาตรา 652 ได้โดยไม่จ�าต้องมีการบอกเลิกสัญญาเสีย ก่อน ฎ. 599/2535 จา� เลยซงึ่ เปน็ ชาวไรท่ า� ใบยาสบู ยมื ปยุ๋ ยาบา� รงุ ใบยาสบู และยาฆา่ แมลงไปจากโจทก์ เพอื่ ใชใ้ นการทา� ใบยาสบู จา� เลยตกลงกบั โจทกไ์ วว้ า่ จะตอ้ งสง่ คนื สงิ่ ของเมอื่ สน้ิ ฤดกู าลทา� ใบยาสบู ซง่ึ อนมุ าน จาก พฤติการณว์ ่าภายในสิน้ เดือนเมษายน พ.ศ. 2526 อนั เป็นกรณที มี่ ิไดก้ า� หนดไว้ตามวนั แห่งปีปฏทิ นิ การท่ีจ�าเลยยังไม่ส่งคืนของภายในสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2526 จึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด แต่เมื่อวันท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2529 โจทก์มหี นงั สอื บอกกลา่ วใหจ้ �าเลยคืนของทยี่ ืมภายในวันที่ 11 เดอื นเดียวกัน จ�าเลย ไมค่ นื ของตามที่ทวงถาม จ�าเลยจงึ ตกเป็น ผู้ผิดนดั นบั แตว่ ันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2529 ตอ้ งใช้ดอกเบย้ี ร้อยละ 7.5 ต่อปขี องราคาสง่ิ ของท่สี ่งคนื ไมไ่ ดน้ บั แตว่ นั ดังกลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ ตาม ฎ. 859/2515 และ 599/2535 ซง่ึ ไดย้ กขนึ้ มานนั้ เปน็ กรณที ส่ี ญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื ง นนั้ ไมไ่ ดก้ า� หนดเวลาชา� ระหนไ้ี วแ้ ละมกี ารบอกกลา่ วใหช้ า� ระหนตี้ ามมาตรา 652 โดยถกู ตอ้ งครบถว้ น ปญั หา มีต่อไปว่า หากเป็นกรณีที่ผู้ให้ยืมมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา 652 จะเกิดผลที่ทา� ให้ผู้ให้ยืมจะยัง บังคบั ให้ผยู้ ืมชา� ระหนี้ตามสทิ ธขิ องตนโดยอาศัยบทบญั ญัติทว่ั ไปใน ปพพ. มาตรา 203 ได้อยหู่ รือไม่ ในเรอื่ งนเ้ี คยมี ฎ. 873/2518 (มี ฎ. 1324/2519 วนิ จิ ฉยั ทา� นองเดยี วกนั ) วนิ จิ ฉยั ไวว้ า่ “กู้เงินไม่มี ก�าหนดเวลาช�าระคืน ผู้ให้กู้เรียกให้ช�าระเงินได้โดยพลัน ไม่จ�าต้องบอกกล่าวก่อนฟ้อง” โดยท่าน ศาสตราจารยจ์ ติ ติ ตงิ ศภทั ยิ ์ ไดก้ รณุ าหมายเหตไุ วท้ า้ ยคา� พพิ ากษาศาลฎกี านไ้ี วว้ า่ “ควรสังเกตข้อวินิจฉัย ตามมาตรา 203 ซ่ึงว่าเจ้าหน้ีเรียกให้ช�าระหน้ีได้โดยพลัน จึงไม่ต้องบอกกล่าวก่อนฟ้องน้ัน โดยเฉพาะ การกู้ยืมใช้สิ้นเปลืองมีมาตรา 652 บัญญัติว่า “ถ้าในสัญญาไม่มีก�าหนดเวลาให้คืนทรัพย์สินซ่ึงยืมไป ผู้ให้ยืมจะบอกกล่าวแก่ผู้ยืมให้คืนทรัพย์สินภายในเวลาอันควร ซ่ึงก�าหนดให้ ในค�าบอกกล่าวนั้นก็ได้” หาใช่เรียกให้ช�าระหนี้โดยพลันตามมาตรา 203 ไม่ ไม่ปรากฏว่าจ�าเลยยกมาตรานี้ขึ้นโต้แย้งแต่อย่างใด” ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-20 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยืม ฝากทรพั ย์ ตวั แทน ประกันภยั มสธ จากหมายเหตทุ า้ ยคา� พพิ ากษาศาลฎกี าดงั กลา่ วนี้ ทา� ใหเ้ กดิ คา� ถามตอ่ มาวา่ หากจา� เลยโตแ้ ยง้ วา่มส โจทก์มิได้บอกกลา่ วลว่ งหนา้ กอ่ นตามมาตรา 652 ผลของคา� วนิ ิจฉยั ของศาลฎีกาจะเปลี่ยนไปอยา่ งไรหรือ ไม่ ซึ่งในระยะเวลาตอ่ มามี ฎ. 3493/2525 วนิ ิจฉยั ว่า “โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามให้ลูกหน้ีช�าระหน้ีจน ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว ตาม ปพพ. มาตรา 686 ลูกหน้ีผิดนัดลงเม่ือใด เจ้าหน้ีชอบท่ีจะเรียกให้ผู้ค�้า ประกันช�าระหน้ีได้แต่น้ัน ดังน้ันแม้ผู้ค้�าประกันจะมิได้รับหนังสือทวงถาม ผู้ค�้าประกันก็หาหลุดพ้นจาก ความรับผิดไม่ และโจทก์ย่อมมีอ�านาจฟ้องผู้ค้�าประกัน โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัด ระหว่างโจทก์กับจ�าเลยที่ 1 นับแต่วันท่ีจ�าเลยที่ 1 ได้รับหนังสือบอกเลิกแต่ไม่ปรากฏว่าจ�าเลยที่ 1 ได้รับ หนังสือดังกล่าวเมื่อใด โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบ้ียทบต้นได้เพียงแค่วันที่ลงในหนังสือนั้น ต่อจากนั้นไป คงคิดได้แต่ดอกเบ้ียธรรมดา” ศาสตราจารยจ์ ติ ติ ตงิ ศภทั ยิ ์ ไดบ้ นั ทกึ หมายเหตทุ า้ ยคา� พพิ ากษาศาลฎกี าดงั กลา่ วนไ้ี วว้ า่ “เร่ือง ทวงถามหน้ีในแง่ของกฎหมายลักษณะหนี้อันเป็นสารบัญญัติ เม่ือเป็นหน้ีเขาแล้วก็ต้องใช้หน้ีเขา ซึ่งตาม มาตรา 194 บัญญัติว่า ด้วยอ�านาจแห่งมูลหน้ี เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหน้ีช�าระหน้ีได้ มิใช่ว่าถ้าไม่ ทวงถามก็ไม่มีอ�านาจเรียกให้ช�าระหนี้หรือถ้ายังไม่ทวง ลูกหน้ีก็ยังไม่ต้องช�าระหน้ี การทวงถามเป็นแค่ “ค�าเตือน” ตามมาตรา 204 ซ่ึงมีผลให้ลูกหน้ีผิดนัดในกรณีหน้ีท่ีมิได้ก�าหนดช�าระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เท่าน้ัน… ถ้าเจ้าหน้ี ฟ้องคดีเช่นนี้โดยไม่ปรากฏว่าได้บอกกล่าวก่อนก็ถือว่าเป็นการท่ีเจ้าหนี้ใช้สิทธิของ เขาตามมาตรา 194 มาตรา 203 …ถ้าจ�าเลยให้การปฏิเสธหน้ีก็คงแน่ชัดว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกันแล้ว ถ้า จ�าเลยรับว่าเป็นหนี้จริง หรือถือได้ว่าจ�าเลยรับว่าเป็นหนี้จริงตามฟ้อง แต่อ้างว่าโจทก์ฟ้องไม่บอกกล่าว ก่อน ค�าฟ้องนั้นเองก็เป็นการบอกกล่าวอยู่ในตัวและคงไม่ใช่วิสัยที่ศาลจะให้ความยุติธรรมโดยยกฟ้อง เพราะโจทกไ์ ม่บอกกลา่ วกอ่ นจงึ ไมม่ อี �านาจฟอ้ ง ทั้งที่จา� เลยก็รบั ว่าเปน็ หนีโ้ จทกจ์ ริง นอกจากจะเปน็ กรณี ท่ีเห็นได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามมาตรา 5… หรือมีแต่จะท�าให้จ�าเลยเสียหายตามมาตรา 421 ศาล ก็คงยกฟ้องได้…” อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มี ฎ. 2103/2535 วินิจฉัยไว้อีกว่า “สัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์จ�าเลย ไมไ่ ดก้ า� หนดเวลาชา� ระตน้ เงนิ คนื ไว้ โจทกผ์ ใู้ หก้ ยู้ อ่ มจะเรยี กใหจ้ า� เลยผกู้ ชู้ า� ระหนไี้ ดโ้ ดยพลนั ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 203 วรรคหน่ึง และมีอ�านาจฟ้องให้จ�าเลยช�าระหน้ีโดยไม่จ�าต้องบอก กล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 652 ก่อนก็ได้ จึงไม่จ�าต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์บอกกล่าวให้จ�าเลยช�าระหน้ีก่อนฟ้องแล้วหรือไม่” จากค�าพิพากษาศาลฎีกาซึ่งวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวประกอบกับความเห็นของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ที่ได้ยกข้ึนมาแล้วน้ัน ตลอดจนถ้อยค�าในมาตรา 652 เอง ซ่ึงใช้ค�าว่า “ก็ได้” ไว้ในตอนท้าย ผู้เขียนสรุปได้ว่า ในสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นสัญญายืมใช้ส้ินเปลือง ซึ่งไม่ได้ก�าหนดเวลาช�าระหนี้กันไว้นั้น หากโจทก์หรือเจ้าหน้ีมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 652 คือมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกหน้ีช�าระหน้ี แม้จ�าเลย หรือลูกหน้ีจะโต้แย้งข้ึนในประเด็นนี้ในขณะท่ียอมรับว่าเป็นหน้ีโจทก์จริง ศาลก็ยังหาทางออกด้วยเหตุผล เพอ่ื ความยตุ ธิ รรมโดยถอื วา่ เปน็ การทเ่ี จา้ หนใ้ี ชส้ ทิ ธิ ตาม ปพพ. มาตรา 194, 203 อนั เปน็ บทบญั ญตั ทิ ว่ั ไป เทา่ กบั พจิ ารณาวา่ มาตรา 652 ไมม่ ผี ลบงั คบั เครง่ ครดั เดด็ ขาดตอ่ เจา้ หนซี้ งึ่ มไิ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญตั นิ หี้ าก ลกู หนยี้ อมรบั วา่ เปน็ หนเ้ี ขาจรงิ ซง่ึ เทา่ กบั วา่ ไมไ่ ดโ้ ตแ้ ยง้ สทิ ธิ และไมป่ รากฏวา่ เปน็ กรณที เี่ จา้ หนใ้ี ชส้ ทิ ธไิ ม่ ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายืมใชส้ น้ิ เปลอื ง 2-21 สจุ รติ หรอื มแี ตจ่ ะทา� ใหล้ กู หนเ้ี สยี หาย เชน่ นจี้ ะถอื ไดห้ รอื ไมว่ า่ ศาลพจิ ารณาวา่ มาตรา 652 ไมใ่ ชบ่ ทยกเวน้มสธ ของมาตรา 203 แตเ่ ปน็ การใหท้ างเลอื กแกเ่ จา้ หนว้ี า่ จะปฏบิ ตั ติ ามมาตรา 652 หรอื ไมก่ ไ็ ด้ ซง่ึ อาจเปน็ การมส วนิ จิ ฉยั โดยพจิ ารณาจากสภาพสงั คมในปจั จบุ นั ทคี่ วามเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยใี หมๆ่ ในการคมนาคม สือ่ สาร และการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ ทา� ให้อุปสรรคในการท่ีจะตอ้ งให้เวลาแกล่ ูกหนใ้ี นการจดั เตรยี มหา ทรัพย์สินอันเป็นประเภท ชนิด และประมาณเดียวกันกับท่ียืมเจ้าหน้ีไปมาคืนให้แก่เขานั้นลดน้อยลงแล้ว หรือเกือบจะไม่มีเลย จึงต้องให้ความยุติธรรมแก่เจ้าหน้ีซึ่งอาจเลือกที่จะไม่ปฏิบัติในข้ันตอนของการบอก กล่าวโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้ีไม่สุจริต และในเม่ือลูกหน้ีก็ยอมรับว่าเป็นหนี้เขาจริง ศาลก็ไม่อาจตัดฟ้อง โจทก์เพียงเพราะสาเหตุไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องการบอกกล่าวให้ช�าระหน้ีก่อนฟ้อง5 โดยถือว่า คา� ฟอ้ งน้ันเองเป็นการบอกกล่าวอยใู่ นตวั แลว้ อน่ึง ในการส่งคืนทรัพย์สินท่ียืมตามสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองนี้มีเรื่องที่ต้องปฏิบัติเก่ียวข้องอยู่ด้วย ใน ท�านองเดียวกบั สัญญายืมใชค้ งรปู คือเกี่ยวกับคา่ ใชจ้ า่ ยในการสง่ คืนทรัพยส์ ินที่ยมื และสถานทส่ี ง่ คืน ทรัพยส์ ินที่ยมื กล่าวคอื ค่าใช้จ่ายในการส่งคืนทรัพย์สินท่ียืม สญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งมบี ทบญั ญตั เิ กยี่ วกบั คา่ ใชจ้ า่ ยในการ สง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ไวเ้ ปน็ พเิ ศษเชน่ เดยี วกบั ในเรอ่ื งการยมื ใชค้ งรปู ตามมาตรา 651 ซง่ึ บญั ญตั ไิ วว้ า่ “… ค่าสง่ คนื ทรัพยส์ นิ ซง่ึ ยมื ก็ดี ย่อมตกแก่ผู้ยืมเป็นผเู้ สยี ” เหตผุ ลกเ็ ปน็ ทา� นองเดยี วกบั สญั ญายมื ใชค้ งรปู กลา่ วคอื สญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งมลี กั ษณะสา� คญั ท่ี ผู้ยมื ไดร้ บั ประโยชน์จากสญั ญาแต่เพียงฝ่ายเดยี ว แม้ในบางกรณีสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งบางสัญญาอาจมี คา่ ตอบแทน แกผ่ ใู้ หย้ มื ดว้ ยกต็ าม แตก่ ย็ งั ถอื วา่ สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งซง่ึ เปน็ สญั ญาไมต่ า่ งตอบแทนนน้ั ถอื ประโยชนข์ องผยู้ มื เปน็ สาระสา� คญั กฎหมายจงึ บญั ญตั ใิ หฝ้ า่ ยผยู้ มื เปน็ ผเู้ สยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื เชน่ ค่าพาหนะ ค่าอากรแสตมป์ หรือค่าระวางขนสง่ ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรกต็ าม คู่สัญญาอาจตกลง กนั เปน็ อยา่ งอน่ื นอกเหนอื จากทบี่ ญั ญตไิ วใ้ นมาตรา 651 กไ็ ด้ เพราะไมใ่ ชบ่ ทบญั ญตั ทิ เี่ กย่ี วดว้ ยความสงบ เรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน ทงั้ นกี้ รณเี ปน็ เขน่ เดยี วกบั มาตรา 642 ในสญั ญายมื ใชค้ งรปู ทไี่ ด้ กล่าวมาแลว้ สถานที่ส่งคืนทรัพย์สินท่ียืม เชน่ เดยี วกบั กรณขี องสญั ญายมื ใชค้ งรปู ในเรอ่ื งการยมื ใชส้ นิ้ เปลอื ง น้ีไมม่ ี บทบญั ญตั ิไวเ้ ป็นการเฉพาะในเร่ืองสถานทีส่ ่งคืนทรัพย์สินท่ียืม จงึ ต้องนา� หลกั ทัว่ ไปเรอ่ื งการชา� ระ หน้ี ตาม ปพพ. มาตรา 324 มาใชบ้ งั คบั กลา่ วคอื การสง่ คนื ทรพั ยส์ นิ ทยี่ มื ตามสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งตอ้ ง ส่งคนื ณ สถานทีซ่ ่งึ เปน็ ภมู ลิ �าเนาปัจจบุ ันของเจ้าหนี้ หากไม่ไดต้ กลงกันไว้วา่ จะชา� ระกนั ทใ่ี ด ตามความ ใน ปพพ. มาตรา 324 ตอนทา้ ย ซ่ึงบญั ญตั วิ ่า “…ส่วนการช�าระหนี้โดยประการอื่น ท่านว่าต้องช�าระ ณ สถานที่ซ่ึงเป็นภูมิล�าเนาปัจจุบันของเจ้าหน้ี” การที่จะบังคบั ใหเ้ ป็นไปตามมาตรานี้ ก็คอื หากค่สู ัญญาได้ตกลงกนั ไว้วา่ ใหส้ ง่ คนื ทรพั ยส์ ินที่ยืม กนั ณ สถานทใี่ ด กต็ อ้ งปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามนนั้ แตห่ ากไมไ่ ดม้ กี ารตกลงกนั ไวเ้ นอื่ งจากทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื ตาม 5 ดคู วามเห็นของท่านอาจารยโ์ สภณ รัตนากร ประกอบ จาก รวมค�ำ บรรย�ยภ�ค 1 สมัย 4 ของสา� นกั อบรมกฎหมาย เนตบิ ณั ฑิตยสภา, พ.ศ. 2537 เลม่ 5 น. 141 ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-22 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยืม ฝากทรพั ย์ ตัวแทน ประกันภยั สญั ญายมื ใช้ สนิ้ เปลอื งมลี กั ษณะทม่ี ใิ ชท่ รพั ยเ์ ฉพาะสงิ่ ซงึ่ ไมอ่ าจหาของอนื่ มาแทนได้ แตก่ ลบั เปน็ ทรพั ยส์ นิมสธ ซึ่งอาจหาของอื่น เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันมาแทนได้ เม่ือเวลาจะส่งคืนทรัพย์สินท่ียืมจึงมส ต้องส่งคนื ณ ภมู ลิ �าเนา ปจั จบุ นั ของเจา้ หนีซ้ ึง่ แตกต่างจากสญั ญายมื ใชค้ งรูปในเรื่องดงั กล่าว ขอใหส้ งั เกตวา่ บทบญั ญตั ใิ นสว่ นทเี่ กย่ี วกบั ความระงบั ของสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งนน้ั มกี ลา่ วไวโ้ ดย เฉพาะในเร่อื งกา� หนดเวลายมื ตามมาตรา 652 เทา่ น้ัน ไมม่ ีบทบัญญัตเิ ก่ยี วกับเร่อื งความระงบั ของสัญญา เป็นกรณีพิเศษเชน่ ในสญั ญายมื ใชค้ งรูป เช่น ในเร่ืองการตายของผ้ยู มื หรอื การใหส้ ิทธิผใู้ ห้ยืมในการบอก เลกิ สญั ญาเพราะผยู้ มื ผดิ สญั ญาหรอื ไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องผยู้ มื ในการใชท้ รพั ยห์ รอื สงวนรกั ษาทรพั ยส์ นิ อยา่ ง เชน่ ในสญั ญายมื ใชค้ งรปู ทง้ั นเ้ี พราะลกั ษณะของสญั ญายมื ใชส้ นิ้ เปลอื งนน้ั เปน็ กรณที ผ่ี ใู้ หย้ มื โอนกรรมสทิ ธ์ิ ในทรพั ยส์ นิ ชนดิ ใชไ้ ปสนิ้ ไปใหแ้ กผ่ ยู้ มื ไปใชส้ อยตามความพอใจโดยผใู้ หย้ มื ไมม่ สี ทิ ธเิ ขา้ ไปเกย่ี วขอ้ ง ทรพั ย์ นนั้ จะเสยี หายหรอื สญู หายไปในระหวา่ งการใชอ้ ยา่ งไรกเ็ ปน็ เรอ่ื งทผี่ ยู้ มื จะตอ้ งรบั ผลแหง่ ภยั พบิ ตั นิ น้ั เอง และ จะสงวนรกั ษาทรพั ยส์ นิ นนั้ อยา่ งไรหรอื ไมก่ เ็ ปน็ เรอื่ งของผยู้ มื เองในฐานะเปน็ เจา้ ของกรรมสทิ ธิ์ หลกั ในเรอ่ื ง ถอื เอาความสา� คญั เฉพาะตวั ผยู้ มื กไ็ มน่ า� มาใชเ้ พราะผใู้ หย้ มื มสี ทิ ธเิ พยี งแตจ่ ะไดร้ บั ทรพั ยส์ นิ อนั เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกบั ทไ่ี ดใ้ ห้ ยมื กลบั คนื ไปตามสญั ญาเทา่ นนั้ ดงั นนั้ ในสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื ง แมผ้ ยู้ มื จะตายลงก่อนครบก�าหนด เวลาส่งคืนทรัพย์ สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองก็ไม่ระงับ ทายาทหรอื ผจู้ ดั การมรดก ของผยู้ มื ยังจะตอ้ งรบั ผดิ ในการสง่ คืนทรัพย์สินท่ยี ืมคนื ให้แก่ผู้ให้ยืม ตาม ปพพ. มาตรา 1600 โดยผู้ให้ยืม กต็ อ้ งใช้สทิ ธเิ รยี กคืนโดยค�านงึ ถึง ปพพ. มาตรา 1754 วรรคสามตามทกี่ ลา่ วมาแล้วดว้ ย หรือแมท้ รัพยส์ นิ น้ันจะสูญหายไปทั้งหมดสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองก็ไม่ระงับ ผู้ยืมยังคงมีหน้าที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินอันเป็น ประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับท่ียืมมาให้แก่ผู้ให้ยืมตามสัญญาอยู่นั่นเอง ต่อเมื่อมีการส่งคืน ทรัพย์สนิ ท่ยี มื เสร็จสิ้นแล้วจึงจะมผี ลใหส้ ัญญาระงับลง กิจกรรม 2.2.1 ความระงับของสัญญายืมใชส้ ้ินเปลืองโดยทั่วไปมีกรณีใดบา้ ง แนวตอบกิจกรรม 2.2.1 สัญญายมื ใชส้ ิน้ เปลืองระงับลงในกรณีต่อไปนคี้ ือ 1. ถา้ เวลายมื ไดก้ า� หนดกนั ไวใ้ นสญั ญา สญั ญายมื ยอ่ มระงบั ไป เมอ่ื พน้ กา� หนดเวลาทไี่ ดต้ กลงกนั ไวใ้ นสญั ญา 2. ถา้ เวลายมื ไมไ่ ดก้ า� หนดไวใ้ นสญั ญา ผใู้ หย้ มื จะบอกเลกิ สญั ญาเมอ่ื ใดกไ็ ด้ แตจ่ ะตอ้ งบอกกลา่ ว ให้ผู้ยืมได้ทราบล่วงหน้าเพ่ือให้ผู้ยืมจัดการส่งคืนทรัพย์สินที่ยืมภายในเวลาสมควร โดยก�าหนดเวลาให้ส่ง คืนทรัพย์สิน ไว้ในค�าบอกกล่าวด้วย และเม่ือถึงก�าหนดเวลาตามค�าบอกกล่าวแล้วสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ยอ่ มระงับลง ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สัญญายืมใชส้ น้ิ เปลอื ง 2-23 เรื่องที่ 2.2.2 การช�าระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน จากทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ การกยู้ มื เงนิ กเ็ ปน็ การยมื ใชส้ น้ิ เปลอื งอยา่ งหนงึ่ แตเ่ นอ่ื งจากทรพั ยอ์ นั เปน็มสธ วัตถุ แห่งสัญญากู้ยืมเงิน เป็นเงินตราซึ่งมีลักษณะพิเศษในตัวของมันเองแตกต่างจากทรัพย์ประเภทอ่ืนมส เนอ่ื งจากเปน็ วตั ถกุ ลางแหง่ การแลกเปลยี่ น ซงึ่ หากใครไดไ้ ปโดยสจุ รติ แลว้ เจา้ ของกจ็ ะมาตดิ ตามเอาคนื ไม่ ได้ ตาม ปพพ. มาตรา 1331 ซง่ึ ไดก้ ลา่ วมาแลว้ ดงั นน้ั ในเรอื่ งการกยู้ มื เงนิ จงึ มบี ทบญั ญตั พิ เิ ศษในลกั ษณะยมื แตกตา่ งจากการยืมใช้สน้ิ เปลืองโดยทว่ั ไป ความระงบั หนขี้ องสญั ญากยู้ มื เงนิ ในบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายลกั ษณะยมื กค็ อื การชา� ระหนเ้ี งนิ กยู้ มื แต่ท้ังนี้มิได้หมายความว่าหนี้กู้ยืมเงินจะระงับลงได้ก็แต่เพียงการช�าระหนี้เงินกู้ยืมเท่านั้น เพราะยังมี บทบัญญตั ทิ ่ัวไปในบรรพ 2 หมวด 5 ว่าด้วยความระงบั หน้ี ซ่งึ บัญญตั ถิ งึ กรณีทห่ี นี้ทงั้ หลายอาจจะระงบั ไปดว้ ยเหตอุ น่ื นอกจากการชา� ระหนก้ี ไ็ ด้ เชน่ ปลดหน้ี หกั กลบลบหนี้ แปลงหนใี้ หม่ หรอื หนเ้ี กลอ่ื นกลนื กนั หนกี้ ยู้ มื เงนิ กเ็ ชน่ เดยี วกนั อาจระงบั ไปดว้ ยเหตอุ น่ื ดงั กลา่ วนไี้ ด้ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งศกึ ษาบทบญั ญตั ใิ นบรรพ 2 หมวดที่ 5 วา่ ดว้ ยความระงบั หนป้ี ระกอบดว้ ย ในทนี่ จ้ี ะกลา่ วเฉพาะการชา� ระหนเ้ี งนิ กยู้ มื ตามบทบญั ญตั ใิ น กฎหมายลักษณะยืมเท่าน้ัน และจะกล่าวเพียงสังเขปเพื่อให้ท�าความเข้าใจในเบ้ืองต้นก่อนจะศึกษาราย ละเอยี ดในหน่วยที่ 3 การกู้ยืมเงิน ตอ่ ไป การช�าระหน้ีตามสัญญากู้ยืมเงิน ก็คือการใช้เงินที่ยืมพร้อมทั้งดอกเบี้ยท่ีตกลงช�าระให้ โดยปกติ การช�าระหน้ีกู้ยืมก็ต้องเป็นการส่งใช้เงินท่ียืมมาท้ังหมด จะช�าระเพียงบางส่วน หรือช�าระด้วยสิ่งของหรือ ชา� ระเปน็ อยา่ งอนื่ นอกจากเงนิ ทยี่ มื ไมไ่ ด้ เวน้ แตเ่ จา้ หนจ้ี ะยนิ ยอมดว้ ย (ปพพ. มาตรา 320, 321) การชา� ระหนี้ ตามสญั ญากยู้ ืมเงินจึงอาจแยกพจิ ารณาได้ 2 ประการ คอื 1. การชา� ระด้วยเงนิ 2. การชา� ระดว้ ยทรพั ยส์ ินหรือส่งิ ของอ่นื 1. การชา� ระดว้ ยเงนิ เนอื่ งจากการกยู้ มื เงนิ นน้ั มบี ทบญั ญตั พิ เิ ศษเกยี่ วกบั เรอ่ื งหลกั ฐานเปน็ หนงั สอื ไว้ เพอ่ื ผลในการฟอ้ งรอ้ งบงั คบั คดกี นั ในระหวา่ งผใู้ หก้ แู้ ละผกู้ ตู้ ามมาตรา 653 วรรคหนง่ึ ซงึ่ บญั ญตั ใิ หก้ าร ก้ยู มื เงนิ เกนิ กวา่ สองพันบาท ต้องมีหลักฐานเปน็ หนังสอื ลงลายมอื ช่ือผู้กยู้ ืมเป็นสา� คัญ ในการชา� ระหน้ีเงิน กูย้ มื ก็อาจมีปัญหาโตเ้ ถียงกนั ได้วา่ หนี้เงินก้นู ้นั ได้ชา� ระกันแลว้ หรือยงั มาตรา 653 วรรคสอง จงึ บัญญตั ไิ ว้ วา่ “ในการกยู้ มื เงนิ มหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื นนั้ ทา่ นวา่ จะนา� สบื การใชเ้ งนิ ไดต้ อ่ เมอ่ื มหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื อย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือ ชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืน แล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสาร นั้นแล้ว” โดยหลักการแล้วการกู้ยืมเงินกันไม่เกินสองพันบาท กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็น หนงั สอื ลงลายมอื ชอื่ ผกู้ ู้ กส็ ามารถฟอ้ งรอ้ งบงั คบั คดกี นั ไดแ้ ลว้ ดงั นน้ั การชา� ระหนเ้ี งนิ กใู้ นจา� นวนเงนิ ไมเ่ กนิ สองพนั บาท ผกู้ กู้ ส็ ามารถพสิ จู นก์ ารชา� ระหนไ้ี ดด้ ว้ ยการนา� พยานบคุ คลมาสบื โดยไมจ่ า� ตอ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-24 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยมื ฝากทรัพย์ ตวั แทน ประกันภยั มสธ หนังสือแสดงการรับช�าระหน้ีของผู้ให้กู้ หรือต้องมีการแทงเพิกถอนหรือเวนคืนเอกสารแต่อย่างใด เพราะมส ไม่มีเอกสารหรือหลกั ฐานอะไรทจ่ี า� ต้องนา� มาพิสจู น์ แตต่ ามมาตรา 653 วรรคสอง นห้ี มายความว่า หาก ในการกยู้ มื เงนิ นนั้ ไดม้ กี ารทา� หลกั ฐานเปน็ หนงั สอื กนั ไวไ้ มว่ า่ จะเปน็ จา� นวนเทา่ ใด การทผ่ี กู้ ยู้ มื จะพสิ จู นว์ า่ ไดม้ กี ารชา� ระหนเ้ี งนิ กไู้ ปแลว้ กจ็ ะตอ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื มขี อ้ ความแสดงวา่ ผใู้ หก้ ไู้ ดร้ บั ชา� ระเงนิ จา� นวน น้ันแล้ว และมีลายมือช่ือผู้ให้กู้ในหลักฐานน้ันมาแสดง หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีการเวนคืนเอกสารอันเป็น หลักฐานแหง่ การกยู้ ืม กล่าวคือ ผใู้ ห้กสู้ ง่ มอบหนังสือสญั ญากูห้ รือหลกั ฐานการกู้ยืมท่ีผกู้ ู้ยมื ไดท้ า� ไว้คืนให้ แก่ผู้กู้ หรือได้มีการแทงเพิกถอนลงในเอกสารดังกล่าวน้ัน คือ มีการบันทึกข้อความลงในเอกสารน้ันโดย ผูใ้ ห้กแู้ สดงวา่ สญั ญากไู้ ด้ระงบั ลงแลว้ โดยการช�าระเงนิ กู้ยมื ดังนั้น หากไมม่ กี ารกระทา� อย่างใดอย่างหนึ่ง ในมาตรา 653 วรรคสองน้ี ผกู้ จู้ ะน�าพยานบคุ คลมาสืบวา่ ไดม้ ีการชา� ระหนีแ้ ล้วไม่ได้ อุทาหรณ์ ฎ. 110/2480 กเู้ งนิ กนั แม้จะไมเ่ กนิ กวา่ 50 บาท (ปัจจุบนั 2,000 บาท) ถา้ หากได้ท�าหนงั สอื ไว้ เปน็ หลกั ฐาน การใชเ้ งนิ กต็ อ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื ผกู้ จู้ ะนา� พยานบคุ คลมาสบื วา่ ไดใ้ ชเ้ งนิ ตามสญั ญาแลว้ ไมไ่ ด้ ตอ้ งบงั คบั ตาม ปพพ. มาตรา 653 วรรคสาม (หมายเหต-ุ คา� พพิ ากษาศาลฎกี านต้ี ดั สนิ ตามกฎหมาย เกา่ ก่อนมกี ารแกไ้ ขจ�านวนเงนิ ตามมาตรา 653 ในปัจจุบัน-ผูเ้ ขียน) นอกจากนี้ มาตรา 653 วรรคสอง นใ้ี ชบ้ งั คบั เฉพาะกรณกี ารชา� ระหนตี้ น้ เงนิ เทา่ นนั้ ไมร่ วมถงึ การ ช�าระดอกเบี้ยด้วย ดังน้ัน การช�าระดอกเบ้ียเงินกู้นั้นแม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงก็สืบพยาน บุคคลแทนได้ไมต่ อ้ งห้ามตามมาตรา 653 วรรคสอง (ฎ. 243/2530, ฎ. 936/2504) 2. การช�าระหนี้ด้วยทรัพย์สินหรือสิ่งของอ่ืน เร่อื งน้ีมมี าตรา 656 วรรคสอง บญั ญัตไิ ว้ว่า ถา้ ท�าสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาส่ิงของหรือทรัพย์สินอย่างอ่ืนเป็นการช�าระหน้ีแทนเงินที่กู้ ยืมแลว้ หนก้ี เ็ ป็นอัน ระงับไปได้ แต่การคิดราคาทรพั ย์สินหรือสิ่งของน้นั ตอ้ งคดิ ตามราคาซอ้ื ขาย ณ เวลา และสถานทท่ี ไี่ ดน้ า� ทรพั ยส์ นิ หรอื สงิ่ ของอน่ื นน้ั มาชา� ระ เชน่ ถา้ กยู้ มื เงนิ ไป 1,000 บาท แลว้ เจา้ หนยี้ อมรบั เอาข้าวเปลอื กจา� นวน 5 ถงั มาใช้หน้แี ทนเงินก็ย่อมทา� ได้ แต่ต้องคิดราคาขา้ วเปลอื กในเวลาและสถานที่ ทไ่ี ดน้ า� ขา้ วเปลอื กมาชา� ระแทนเงินนนั้ เมื่อคิดราคาได้เป็นจ�านวนเงนิ เท่าใด จึงเอาไปหักกบั หนเี้ งนิ กู้ หลัง จากนนั้ จงึ จะรวู้ า่ หนเ้ี งนิ นน้ั ระงบั ไปมากนอ้ ยเพยี งใด ดงั นนั้ ตามอทุ าหรณ์ ถา้ ในเวลาและสถานทท่ี ชี่ า� ระขา้ ว เปลอื กแทนเงนิ นนั้ ราคาขา้ วเปลอื ก 5 ถงั ราคา 1,500 บาท ผใู้ หก้ กู้ ต็ อ้ งคนื สว่ นทเี่ กนิ ใหแ้ กผ่ กู้ ู้ แตถ่ า้ ราคา เพียง 900 บาท กถ็ อื ว่าผกู้ ู้ไดช้ �าระเงินคืนให้แกผ่ ้ใู หก้ เู้ ท่าจา� นวนราคาข้าวเปลอื กนนั้ นอกจากการชา� ระหนดี้ ว้ ยทรพั ยส์ นิ หรอื สงิ่ ของอนื่ แลว้ ยงั อาจมกี ารชา� ระหนอี้ ยา่ งอน่ื ไดอ้ กี ถา้ เจา้ หนี้ หรอื ผ้ใู หก้ ยู้ ินยอมดว้ ย ท้ังน้ีเป็นไปตามหลักทั่วไปใน ปพพ. มาตรา 321 เช่น กยู้ ืมเงินกนั แลว้ ตอ่ มาผ้ใู ห้ กู้ยอมใหผ้ ้กู มู้ าทา� งานให้แทนการช�าระหนี้เปน็ เงนิ กไ็ ด้ เมือ่ ผกู้ ทู้ า� งานครบตามก�าหนดเวลาตามที่ตกลงกัน หนเี้ งนิ กู้ยมื ก็ระงบั ไป โดยการช�าระหนี้อย่างอ่ืน ตาม ปพพ. มาตรา 321 อนึ่ง ขอให้สังเกตว่า การน�าสืบเรื่องการช�าระหน้ีด้วยทรัพย์สินหรือสิ่งของอื่นหรือช�าระอย่างอ่ืน แทนการชา� ระเปน็ เงินน้นั ไม่อยู่ในบงั คับของมาตรา 653 วรรคสอง ผูก้ ้จู ึงนา� พยานบคุ คลมาสบื ได้ไมต่ อ้ ง หา้ ม ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายมื ใช้ส้นิ เปลือง 2-25 อุทาหรณ์ ฎ. 905/2497 การกเู้ งนิ มหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื ผกู้ นู้ า� พยานบคุ คลมาสบื ไดว้ า่ ผใู้ หก้ ยู้ อมรบั การชา� ระหน้ี อยา่ งอน่ื แทนเงินกู้ ฎ. 1051/2503 จ�าเลยให้การรับว่าได้ท�าสัญญายืมเงินโจทก์จริง แต่โจทก์ได้ยอมรับช�าระหนี้ด้วย ข้าวเปลอื กแทนเงินตามสัญญายมื ดงั นี้ หน้ีเปน็ อันระงบั ส้ินไป ตาม ปพพ. มาตรา 321 จา� เลยยอ่ มสบื ได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 653 วรรคสอง (อา้ งฎกี าท่ี 905/2497) ฎ. 1496/2503 ทา� หนงั สอื สัญญากเู้ งินกนั แล้วตอ่ มาตกลงชา� ระหนด้ี ว้ ยทรัพย์อยา่ งอนื่ แมจ้ ะมไิ ด้ ท�าหลักฐานการชา� ระหน้หี รือเวนคนื หรือแทงเพกิ ถอนหนังสือสัญญากู้กย็ ่อมนา� สบื การช�าระหน้ีเชน่ นนั้ ได้ ฎ. 767/2505 การชา� ระหนเี้ งนิ กดู้ ว้ ยเชค็ เปน็ การชา� ระหนด้ี ว้ ยการออกตวั๋ เงนิ ตาม ปพพ. มาตรา 321 วรรค สาม ถอื ว่าเปน็ การชา� ระหนี้อย่างอ่นื อันมใิ ชก่ ารชา� ระหนด้ี ้วยเงิน ผกู้ จู้ งึ น�าพยานบคุ คลมาสบื ได้ ไมต่ อ้ งห้าม ตาม ปพพ. มาตรา 653 วรรคสอง ฎ. 182/2518 ออกเชค็ ใชห้ นเ้ี งนิ กเู้ ปน็ การชา� ระหนด้ี ว้ ยของอนื่ เมอ่ื โจทกย์ อมรบั และไดร้ บั เงนิ ตาม เชค็ แลว้ หนกี้ ็ระงบั จ�าเลยนา� สบื การใชเ้ งินโดยพยานบุคคลได้ กิจกรรม 2.2.2 การช�าระหนี้เงินกู้ยืมในจ�านวนไม่เกินสองพันบาท ผู้กู้ยืมน�าพยานบุคคลน�าสืบพิสูจน์ได้เสมอไป หรอื ไม่ แนวตอบกิจกรรม 2.2.2 โดยหลกั แล้ว การก้ยู ืมเงินไมเ่ กินสองพนั บาท กฎหมายไมบ่ งั คบั ใหต้ ้องมหี ลักฐานเปน็ หนังสือลง ลายมือชอื่ ผกู้ ยู้ ืม ดงั น้นั ในการชา� ระหน้ีเงินก้ยู มื นี้ก็ไมจ่ า� ต้องมหี ลักฐานเปน็ หนงั สอื ลงลายมือชือ่ ผู้ให้ก้ยู ืม แสดงการรบั ชา� ระหน้ีแล้วมาแสดง หากเกดิ ปญั หาโต้เถียงกนั ผ้กู ยู้ มื นา� พยานบคุ คลมาสบื ได้ แต่หากไดม้ ี การทา� หลกั ฐานการกยู้ มื ไวเ้ ปน็ หนงั สอื แลว้ แมเ้ งนิ ทก่ี ยู้ มื จะไมเ่ กนิ สองพนั บาท การพสิ จู นว์ า่ ไดม้ กี ารชา� ระ หนเ้ี งินกยู้ มื แล้ว กต็ อ้ งกระทา� การอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ตาม มาตรา 653 วรรคสอง ผูก้ ยู้ มื จะนา� พยานบุคคล มาสบื แทนไมไ่ ด้ มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-26 กฎหมายพาณิชย์ 2 : ยมื ฝากทรพั ย์ ตัวแทน ประกันภัย มสธ เรื่องที่ 2.2.3มส อายุความแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง เน่ืองจากสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองนั้น กรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินท่ียืมตกเป็นของผู้ยืมในทันทีท่ีผู้ให้ยืม ส่งมอบทรัพย์สินท่ียืมแก่ผู้ยืม ในเรื่องสิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์สินของผู้ให้ยืม ตาม ปพพ. มาตรา 1336 จงึ ไมม่ ี ผยู้ มื คงมหี นแี้ ตเ่ พยี งทจ่ี ะตอ้ งคนื ทรพั ยส์ นิ เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั กบั ทยี่ มื ไปใหแ้ ก่ ผใู้ หย้ มื เทา่ นนั้ ดงั นน้ั สทิ ธเิ รยี กรอ้ งของผใู้ หย้ มื ทจ่ี ะใหผ้ ยู้ มื คนื ทรพั ยส์ นิ ตามสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งนนั้ (ไม่ ว่าวัตถุแห่งสัญญาจะเป็นสิ่งของหรือเป็นเงินก็ตาม) จึงเป็นสิทธิเรียกร้องให้ช�าระหนี้ตามธรรมดา ซ่ึงต้อง นา� หลกั ทวั่ ไปในเรอื่ งอายคุ วาม ตาม ปพพ. มาตรา 193/30 มาใชบ้ งั คบั เนอ่ื งจากไมม่ บี ทบญั ญตั พิ เิ ศษ คอื 10 ปี นบั แตท่ อี่ าจบังคบั ตามสทิ ธิเรียกร้องได้ ตาม ปพพ. มาตรา 193/12 ซ่ึงแยกอธิบายได้ ดังน้ี 1. ถา้ เปน็ การยืมมกี �าหนดเวลา อายคุ วาม 10 ปี เริม่ นับตง้ั แต่วันทพ่ี ้นกา� หนดเวลายืมอนั เปน็ วนั ท่ผี ู้ให้ยืมมสี ทิ ธิเรียกร้องใหค้ ืนทรพั ยส์ นิ ทย่ี ืม 2. ถ้าเป็นการยมื ไม่มีก�าหนดเวลา แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 2.1 กรณที ่มี ีการบอกกลา่ วเรยี กทรัพย์สินคนื โดยกา� หนดเวลาให้ในคา� บอกกล่าวตามมาตรา 652 อายคุ วาม 10 ปี เร่ิมนับตั้งแตเ่ มอ่ื พ้นก�าหนดเวลาในคา� บอกกล่าวเลกิ สญั ญาของผใู้ หย้ มื 2.2 กรณไี มม่ ีการบอกกล่าวเรยี กทรัพยส์ ินคนื อายุความ 10 ปี เริ่มนบั ต้งั แตว่ ันทส่ี ัญญายมื เกดิ ข้นึ เพราะเปน็ ขณะแรกที่จะบอกกล่าวเรยี กทรพั ยส์ ินคนื ได้ อุทาหรณ์ ฎ. 422/2478, ฎ. 22/2479 อายคุ วามฟอ้ งเรยี กเงนิ กไู้ มม่ กี ฎหมายบญั ญตั ไิ วเ้ ปน็ อยา่ งอนื่ ตอ้ งถอื วา่ มีกา� หนดอายคุ วาม 10 ปี นอกจากน้ี สญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งไมม่ บี ทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั อายคุ วามในเรอ่ื งคา่ ทดแทน เหมอื นเชน่ ในสัญญายืมใช้คงรูป ทั้งน้ีเพราะไม่มีค่าทดแทนในการที่ท�าให้ทรัพย์เสียหาย เนื่องจากเมื่อผู้ยืมได้ทรัพย์ น้ันมาก็เป็นการได้รับโอนกรรมสิทธ์ิในทรัพย์ท่ียืมน้ันมาเป็นของตน ดังนั้นทรัพย์จะเสียหายหรือบุบสลาย ไปอย่างไรก็เป็นเรื่องท่ีผู้ยืมจะต้องรับบาปเคราะห์ในผลพิบัตินั่นเอง เมื่อครบก�าหนดเวลายืมก็ต้องส่งคืน ทรัพย์ใหม่อันเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกับท่ียืมไปให้แก่ผู้ให้ยืม ดังน้ัน อายุความในเร่ืองค่า ทดแทนจึงไม่มเี หมอื นเชน่ ในสญั ญายมื ใชค้ งรูป อนงึ่ สา� หรบั สญั ญากยู้ มื เงนิ นน้ั อาจมกี า� หนดเวลาชา� ระกนั เปน็ งวดๆ และมกี ารเรยี กดอกเบยี้ เปน็ ค่า ตอบแทนในการให้กู้ยืมรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ในส่วนท่ีเกี่ยวกับการฟ้องเรียกเงินที่ผ่อนช�าระเป็นงวดๆ ซึ่งก�าหนดไว้แน่นอนก็ดี หรือในการเรียกดอกเบี้ยท่ีผู้กู้ค้างช�าระอยู่ก่อนฟ้องก็ดี ก็ต้องบังคับกันโดยอายุ ความ 5 ปี ตามบท บญั ญตั ใิ น ปพพ. มาตรา 193/33 (1),(2) ธมมสธสธมสธสธ
มสธ สญั ญายมื ใชส้ ิน้ เปลือง 2-27 อุทาหรณ์ ฎ. 1187/2482 สทิ ธเิ รยี กรอ้ งดอกเบยี้ ซง่ึ มกี า� หนดอายคุ วาม 5 ปี ตาม ปพพ. มาตรา 166 (ปจั จบุ นั มาตรา 193/33) นั้น หมายถงึ ดอกเบยี้ ทคี่ า้ งส่งอยู่กอ่ นฟอ้ ง ส่วนดอกเบี้ยต้ังแตว่ ันฟ้องไปจนกว่าจะใช้เงนิ เสรจ็ นัน้ ไม่ใช่ดอกเบ้ียค้างสง่ เจา้ หนม้ี สี ิทธิเรียกได้จนกว่าลกู หน้ีจะใช้เงินเสร็จ ไม่อยูใ่ นบงั คบั ของมาตรา 166 (ปัจจุบนั มาตรา 193/33) ฎ. 275/2487 แมใ้ นสญั ญากจู้ ะเขยี นไวว้ า่ ผอ่ นชา� ระเปน็ งวดกด็ ี ถา้ ไมม่ ขี อ้ ความวา่ จะใชก้ ง่ี วด งวด ละเท่าใด และใช้เมื่อใดแล้ว ถือว่าคดีไม่อยู่ในบังคับอายุความ ตาม ปพพ. มาตรา 166 (ปัจจุบันมาตรา 193/33) กิจกรรม 2.2.3 เหตุใดในสัญญายืมใช้ส้ินเปลืองจึงไม่น�า ปพพ. มาตรา 1336 มาใช้บังคับ และไม่มีก�าหนดอายุ ความในเร่ืองค่าทดแทนดังเช่นในสญั ญายมื ใช้คงรูป แนวตอบกิจกรรม 2.2.3 สัญญายืมใช้ส้ินเปลืองน้ัน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมตกเป็นของผู้ยืมในทันทีที่มีการส่งมอบ ใน เรอื่ งสทิ ธิติดตามเอาคนื ทรพั ยส์ นิ ของผู้ให้ยมื ตาม ปพพ. มาตรา 1336 จงึ ไมม่ ี ผูย้ ืมคงมีหนแ้ี ต่เพียงทจี่ ะ ตอ้ งคนื ทรพั ยส์ นิ เปน็ ประเภท ชนดิ และปรมิ าณเดยี วกนั กบั ทย่ี มื ไปใหแ้ กผ่ ใู้ หย้ มื เทา่ นน้ั ดงั นนั้ สทิ ธเิ รยี กรอ้ ง ของผใู้ หย้ มื ทจี่ ะใหผ้ ยู้ มื คนื ทรพั ยส์ นิ ตามสญั ญายมื ใชส้ น้ิ เปลอื งนนั้ (ไมว่ า่ วตั ถแุ หง่ สญั ญาจะเปน็ สง่ิ ของหรอื เป็นเงินก็ตาม) จึงเป็นสิทธิเรียกร้องให้ช�าระหนี้ตามธรรมดา ซึ่งต้องน�าหลักทั่วไปในเรื่องอายุความ ตาม ปพพ. มาตรา 193/30 มาใช้บังคับ และเมื่อสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองมีลักษณะเป็นการโอนกรรมสิทธ์ิใน ทรพั ยส์ นิ ทย่ี มื ใหแ้ กผ่ ยู้ มื ผยู้ มื จะใชท้ รพั ยส์ นิ ทยี่ มื อยา่ งไรกไ็ ด้ หรอื แมท้ รพั ยส์ นิ นนั้ สญู หายหรอื บบุ สลายไป กเ็ ปน็ เรื่องภัยพิบตั ิตกแกผ่ ยู้ ืมเอง ผใู้ ห้ยมื จึงไม่มสี ทิ ธิในการเรียกค่าทดแทนในการใชท้ รพั ย์สินโดยไมช่ อบ หรือไม่สงวนรักษาทรัพย์สินดังเช่นในสัญญายืมใช้คงรูป ก�าหนดอายุความในการเรียกค่าทดแทนดังกล่าว จึงไมม่ ี มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
มสธ 2-28 กฎหมายพาณชิ ย์ 2 : ยมื ฝากทรพั ย์ ตัวแทน ประกนั ภัย บรรณานุกรม กมล สนธิเกษตริน. (2521). ประมวลกฎหม�ยแพ่งและพ�ณิชย์ว่�ด้วยยืมและฝ�กทรัพย์. คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ จ๊ีด เศรษฐบุตร. (2492). คำ�อธิบ�ยกฎหม�ยแพ่งและพ�ณิชย์ว่�ด้วยยืม ฝ�กทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้� ประนปี ระนอมยอมคว�ม ก�รพนนั และขันต่อ. มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์และการเมอื ง. บญั ญัติ สชุ วี ะ. (2506). “ประม�ท” บทบณั ฑติ ย์. เลม่ 21 ตอน 2 เมษายน พ.ศ. 2506. ประวตั ิ ปตั ตพงศ์. (2487). คำ�สอนชนั้ ปรญิ ญ�ตรกี ฎหม�ยแพ่งและพ�ณชิ ยว์ �่ ดว้ ยยืม ฯลฯ. พระนคร. ประเสริฐมนกู จิ , หลวง. (2477). คำ�สอนชั้นปรญิ ญ�ตรกี ฎหม�ยแพง่ และพ�ณิชย์ว�่ ด้วยยมื ฯลฯ. พระนคร. พจน์ ปษุ ปาคม. (2521). ค�ำ อธบิ �ยประมวลกฎหม�ยแพง่ และพ�ณชิ ยว์ �่ ดว้ ยยมื กยู้ มื ฝ�กทรพั ย.์ นติ บิ รรณาการ. ศกั ดิ์ สนองชาต.ิ (2524). ค�ำ อธบิ �ยประมวลกฎหม�ยแพง่ และพ�ณชิ ยว์ �่ ดว้ ยนติ กิ รรมและสญั ญ�. (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 2). นติ บิ รรณาการ. สปุ นั พลู พฒั น์. (2515). ค�ำ อธิบ�ยประมวลกฎหม�ยแพ่งและพ�ณชิ ยว์ ่�ดว้ ยยมื ฝ�กทรัพย์ เกบ็ ของในคลงั สนิ ค้� ประนปี ระนอมยอมคว�ม ก�รพนนั และขนั ตอ่ . (พมิ พ์ครัง้ ท่ี 3). พระนคร. เสนีย์ ปราโมช, ม.ร.ว. (2505). ประมวลกฎหม�ยแพ่งและพ�ณิชย์ว่�ด้วยนิติกรรมและหน้ี. เล่ม 1 (ภ�ค 1-2) พ.ศ. 2478 แก้ไขเพม่ิ เติม. (พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2). นติ ิบรรณาการ. มสธ มส ธมมสธสธมสธสธ
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: