มส มสธ มสธ มห า วทิ ย าลยั สโุ ขทยั ธรรม าธ ริ า ช สาขาวิชา นิตศิ าสตร์มสธ แบบฝกึ ปฏบิ ัติชดุ ว ชิ า กฎหมายแพง่ 3: ครอบครัว มรดก Civil Law III: Family Law and Law of Succession 41311 หนว่ ยท ี่ 1-15 ฉบบั ป รับปรุงค รง้ั ที่ 2 มสธ มส
มส ส งวน ลขิ สทิ ธ ิ์มสธ ลิขส ิทธ ิ์ของมหาวิทยาล ัยสุโข ทัยธ รรมาธ ิราช มสธ จดั พมิ พ์โดย สำ�นักพ ิมพ์ มหาวิทยาลัยส ุโขทัยธรร มาธิร าช พิมพ์ค รั้งแรก พ.ศ. 2527 ปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2534 ปรับปรุงครั้งที่ 2 พ.ศ. 2555 พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2563 จำ�นวนพิมพ์ 2,000 เล่ม จัดจำ�หน ่าย โดย ศ ูนย์หนังสือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธร รมาธ ิราช ปากเกร ็ดน นทบุรี 11120 ข อ้ มลู บัตร ราย ก าร แบบฝ ึกปฏิบัติชุดว ิชากฎหมายแ พ่ง 3: ครอบครัว มรดก = Civil law III: family law and law of succession/ สาขาว ิชาน ิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธ รร มาธิร าช.--ฉบับป รับปรุง. หน่วยที่ 1-15 1. กฎหมายแ พ่งแ ละพ าณิชย์--ครอบครัว--แบบฝึกหัด. 2. กฎหมายแ พ่งแ ละพาณิชย์--มรดก--แบบฝึกหัด. (1) มหาวิทยาลัยส ุโขทัยธรรมาธิร าช. สาขาว ิชาน ิติศาสตร์. K PT 540 346.015 STOU 41311 W ISBN 978-616-505-996-1 มสธ มสธ บรรณาธกิ ารผชู้ ว่ ย มส จดั พิมพ์ตน้ ฉบบั ฝ่ายวิชาการ สำ�นักพิมพ์ จัดหน้ารูปเล่ม หน่วยเตรียมต้นฉบับ สำ�นักพิมพ์ ถ่ายภ าพ หน่วยจัดหน้าชุดวิชา สำ�นักพิมพ์ พิมพท์ ่ี หน่วยถ่ายภ าพและไมโครฟอร์ม สำ�นักเทคโนโลยีก ารศ ึกษา โรงพ ิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิร าช
มส 3 มสธ ค�ำ น�ำ มสธ การศึกษาระบบทางไกลของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ใช้สื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อหลัก ได้แก่ เอกสารการสอน ประจำ�ชุดวิชาและแบบประเมินผลตนเอง เพื่อให้นักศึกษาใช้ศึกษาเนื้อหาสาระของแต่ละชุดวิชาด้วยตนเอง ในการศึกษา เอกสารการสอนทั้ง15 หน่วยมีเนื้อหาค่อนข้างมากและละเอียด นักศึกษาควรจัดหาสมุดบันทึกเพื่อใช้ทำ�กิจกรรมอย่าง น้อย 2 ประการ ประการแรกใช้สำ�หรับบันทึกสรุปย่อเนื้อหาสาระของแต่ละเรื่อง หลังจากที่อ่านเอกสารจบแต่ละเรื่องแล้ว อันจะเป็นประโยชน์ในการทำ�ความเข้าใจประเด็นที่สำ�คัญของเรื่องนั้นๆ และเพื่อใช้สำ�หรับทบทวนช่วงใกล้สอบ ประการ ที่สอง ใช้สำ�หรับเขียนตอบค�ำ ถามที่ระบุในกิจกรรมท้ายเร่ืองของแต่ละเร่อื งในเอกสารการสอน เพื่อเป็นการประเมินความรู้ ความเข้าใจในการศึกษาเรื่องนั้นๆ เมื่อเขียนคำ�ตอบแล้วนักศึกษาสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้จากแนวคำ�ตอบที่ได้ พิมพ์เฉลยไว้ต่อท้ายคำ�ถามของกิจกรรมแต่ละข้อในเอกสารการสอน นอกจากนั้น นักศึกษาควรทำ�การประเมินผลตนเอง ทั้งก่อนและหลังการศึกษาเนื้อหาสาระของแต่ละหน่วย ทั้งนี้เพื่อจะได้ทราบผลของการศึกษาว่า ก่อนการศึกษานักศึกษามี ความ รู้มากน้อยเพ ียงใดแล ะ หล ังจ ากที่ท ำ�การศึกษ าแล ้วนักศึกษาได ้รับความรู้เพิ่ม มากขึ้นหรือไม่ เอกสาร “แบบฝึกปฏิบัติชุดวิชา” ฉบับน้ี ประกอบด้วยแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลังเรียนของแต่ละ หน่วย รวม 15 หน่วย พร้อมคำ�เฉลย จัดทำ�ขึ้นเพื่อให้นักศึกษาใช้เป็นเครื่องมือในการทดสอบความรู้เรื่องที่ศึกษาใน แต่ละหน่วย ให ้นัก ศ ึกษาใช้เอกสารฉ บับนี้ก่อนที่จะศ ึกษ าเนื้อหาสาร ะของ หน่วยหน ึ่งหน่วย ใด โด ยการ อ่านค ำ�ถ ามแล ะเล ือก คำ�ตอบท่ีถูกที่สุดในแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนของหน่วยน้ันๆ ในเอกสารเล่มน้ีทั้งหมดทุกข้อ ในข้ันนี้นักศึกษา ไมค่ วรดูเฉลยจากนั้นจึงลงมือศึกษาเนื้อหาสาระของหน่วยนั้นๆ หลังจากที่ศึกษาหน่วยนั้นๆ จบแล้วขอให้นักศึกษากลับ ไปอ ่าน คำ�ถ าม และ เล ือกคำ�ต อบที่ถ ูกท ี่สุดในแ บบ ประ เมินผลตนเอ งหลังเรียนขอ งหน่ว ยน ั้นๆ ใน เอ ก ส ารเล่ม นี้ทั้งห มดทุกข ้อ แล้วตรวจสอบกับเฉลยที่ให้ไว้และขอให้สรุปผลการศึกษาโดยตรวจสอบว่านักศึกษาได้เลือกคำ�ตอบที่ถูกต้องกี่ข้อ ทั้ง แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลังเรียนแล้วเปรียบเทียบดูผลการตอบคำ�ถามจะทำ�ให้ทราบผลว่านักศึกษาได้รับ ความรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่หลังจากศึกษาเอกสารการสอน เพื่อจะได้นำ�ผลนั้นไปพิจารณาทบทวนเนื้อหาสาระให้มีความรู้ที่ สมบูรณ์คร บ ถ้วนต่อไป ขอให้นักศึกษาได้ปฏิบัติตนตามแนวทางข้างต้นอย่างเคร่งครัด และขอให้ใช้ประโยชน์จากเอกสารเล่มนี้อย่าง สูงสุด และขอให้ถือเสมือนว่าเอกสารเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทางไกล ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาประสบความสำ�เร็จ ในการเร ียน รู้ใน แต่ละชุดวิชา คณะกรรมการปรับปรุงชุดวิชา กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ มสธ มส
มส 4 มสธ สารบญัมสธ มสธ หนา้ คำ�นำ�3���������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������������� 3 หนว่ ยท่ี 1 การหมน้ั แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 7 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 9 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 10 หนว่ ยที่ 2 การส มรสแ ละความส ัมพนั ธร์ ะหว่างส ามีภริยา แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 11 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 13 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 14 หนว่ ยท่ี 3 ทรพั ยส์ ินร ะหวา่ งส ามภี ริยา แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 15 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 17 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 20 หน่วยที่ 4 การเลิกจากก ารเป็นสามภี ริยา แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 21 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 23 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 24 หนว่ ยท่ี 5 การเปน็ บ ิดามารดาก ับบ ุตร แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 25 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 27 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 28 หน่วยที่ 6 สทิ ธิ หน้าท่ี ระหว่างบ ดิ ามารดาก บั บ ตุ ร และความปกครอง แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 29 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 31 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 32 มสธ มส
มส 5 มสธ หนว่ ยท่ี 7 บตุ รบ ญุ ธรรม มสธ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 33มสธ แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 35 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 36 หน่วยท่ี 8 มรดกและการเปน็ ทายาท แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 37 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 39 เฉลยประเมินผลตนเอง........................................................................................................................ 40 หนว่ ยที่ 9 การแ บง่ มรดกร ะหวา่ งท ายาทโดยธรรม แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 41 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 43 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 44 หนว่ ยท่ี 10 การร บั มรดกแทนท ่ี แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 45 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 47 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 48 หนว่ ยท่ี 11 การเสยี สิทธิในม รดก แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 49 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 51 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 53 หน่วยที่ 12 พินัยกรรม แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 54 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 56 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 57 มสธ มส
มส 6 หน่วยที่ 13 การเสียไ ปซ ่งึ พ ินัยกรรม แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 58 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 60 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 62 หน่วยท่ี 14 การจ ดั การมรดก แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 63 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 65 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 66 หน่วยท่ี 15 การแบง่ ม รดกและอ ายคุ วาม แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน........................................................................................................... 67 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน........................................................................................................... 69 เฉลยแบบประเมินผลตนเอง................................................................................................................. 70 มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 7 แบบป ระเมนิ ผลตนเองก ่อนเรียนห นว่ ยท่ี 1 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามรู้เดิมของน ักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การห มั้น” คำ�แนะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล้อมรอบข้อคำ�ต อบที่ถูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. การใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก จ. ต้องเป็นการให้ไว้เพื่อเป็นห ลักฐานว่าจ ะสมรสกับ มสธแทนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะต้องเข้า หญิงนั้นและต ้องให้ไว้ก่อนสมรส เงื่อนไขอย่างไร 5. ข้อใดก ล่าวถ ูกต ้องเกี่ยวกับส ินสอด ก. ต้องเป็นความสมัครใจข องคู่ความ ก. ต้องเป็นท รัพย์สิน ข. คู่ความอย่างน้อยฝ่ายห นึ่งน ับถือศาสนาอ ิสลาม ข. ต้องเป็นข องที่ฝ ่ายช ายให้แก่หญิงค ู่ห มั้น ค. คู่ความท ั้งส องฝ ่ายนับถือศ าสนาอ ิสลาม ค. ต้องให้ไว้ในข ณะท ำ�การหมั้น ง. คดีเกิดข ึ้นในจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี หรือ ง. เป็นการให้เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะทำ�การสมรสใน สตูล อนาคต จ. คู่ความทั้งสองฝ่ายนับถือศาสนาอิสลาม และคดี จ. การห มั้นจะสมบูรณ์ได้เมื่อม ีการให้สินสอด 6. ค่าใช้จ ่ายใดท ี่ค ู่ห มั้นส ามารถเรียกค ่าท ดแทนเนื่องจาก เกิดขึ้นในจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี หรือ สตูล ใช้จ่ายหรือตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการส มรส 2. การหมั้นจะสมบูรณ์ได้ กฎหมายบัญญัติว่าจะต้องทำ� โดยสุจริตและตามสมควรไ ด้ อย่างไร ก. ค่าโต๊ะจ ีนเลี้ยงแ ขก ก. ต้องทำ�สัญญาหมั้นกันเป็นล ายลักษณ์อ ักษร ข. ค่าอ าหารเลี้ยงพ ระในงานพ ิธีแ ต่งงาน ข. ต้องมีพ ยานอ ย่างน ้อยส องค น ค. ค่าพ าหนะเดินท างไปง านเลี้ยงแ ต่งงาน ค. ต้องจัดพ ิธีการตามธ รรมเนียมประเพณี ง. ค่าห มากพ ลูและขนมท ี่บรรจุในขันหมาก ง. ต้องมีการส่งมอบข องหมั้น จ. ค่าเสื้อผ้าช ุดแต่งงาน จ. ต้องจดทะเบียนต่อห น้าเจ้าพนักงาน 7. ข้อใดก ล่าวไ ม่ถ ูกต ้องเกี่ยวก ับก ารเลิกส ัญญาห มั้นโดย 3. การหมั้นในกรณีใดไ ม่ต กเป็นโมฆะ ความย ินยอมข องท ั้งสองฝ่าย ก. คู่หมั้นอายุไม่ถ ึง 17 ปีบริบ ูรณ์ ก. สามารถเลิกส ัญญาห มั้นโดยท ำ�เป็นห นังสือป ระนี- ข. คู่หมั้นเป็นค นวิกลจริต ค. คู่หมั้นเป็นญ าติส ืบสายโลหิตกันโดยตรง ประนอมย อมความ ง. การหมั้นระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตร- ข. สามารถท ำ�ได้โดยวาจา บุญธรรม ค. ไม่ต้องค ืนข องห มั้น จ. การที่คู่ห มั้นฝ่ายใดฝ่ายห นึ่งมีคู่ส มรสอ ยู่แ ล้ว ง. ไม่ต้องคืนส ินสอด 4. ข้อใดไ ม่ใช่ล ักษณะสำ�คัญข องข องห มั้น จ. ต้องม ีพยานร ู้เห็นอ ย่างน้อยส องคน ก. ต้องเป็นทรัพย์สิน 8. กรณีใดถือเป็นเหตุสำ�คัญที่ทำ�ให้ชายคู่หมั้นบอกเลิก ข. ต้องเป็นของที่ฝ ่ายชายให้แ ก่ห ญิง ค. ต้องเป็นของที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาของ สัญญาหมั้นได้ ฝ่ายห ญิง ก. บิดาของหญิงคู่หมั้นเป็นผู้จำ�หน่ายยาเสพติด ง. ต้องให้ไว้ในเวลาทำ�สัญญาและหญิงต้องได้รับไว้ รายใหญ่ แล้ว ข. หญิงค ู่หมั้นร ่วมป ระเวณีกับชายอ ื่นห ลังก ารหมั้น ค. หญิงค ู่ห มั้นม ีส ภาพแ ห่งก ายท ี่ไม่อ าจร ่วมป ระเวณี ได้ต ลอดช ีวิต มสธ มส
8 มส ง. หญิงคู่ห มั้นถ ูกน ํ้าร ้อนลวกจ นใบหน้าเสียโฉม 10. ใ นกรณีผิดสัญญาหมั้นตามมาตรา 1439 สิทธิใน จ. หญิงคู่หมั้นมีอ าการวิกลจริตเป็นอย่างม าก การเรียกค ่าท ดแทนจ ะมีอายุความเท่าใด 9. กรณใี ดท คี่ หู่ มัน้ ส ามารถบ อกเลิกส ัญญาห มั้นแ ละเรยี ก ก. 3 เดือน ค่าทดแทนจ ากค ู่ห มั้นได้ต ามม าตรา 1444 ข. 6 เดือน ก. ชายคู่หมั้นถูกท ำ�ร้ายจนหน้าเสียโฉม ค. 1 ปี ข. ชายค ู่หมั้นป ระสบอ ุบัติเหตุจนขาข าดทั้งส องข้าง ง. 5 ปี ค. ชายคู่ห มั้นข ่มขืนก ระทำ�ช ำ�เราเด็ก จ. 10 ปี ง. ชายคู่หมั้นมีสภาพแห่งกายที่ไม่อาจร่วมประเวณี ได้ จ. ชายค ู่ห มั้นกลายเป็นคนว ิกลจริต มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 9 แบบประเมินผ ลตนเองห ลงั เรียนหน่วยท ี่ 1 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความก ้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การห มั้น” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ่านค ำ�ถามแล้วเขียนวงกลมล้อมร อบข ้อค ำ�ตอบท ี่ถูกต้องที่สุด มสธ มสธ 1. ข้อใดเป็นเงื่อนไขท ี่ค ู่ค วามส ามารถใช้ก ฎหมายอ ิสลาม 5. ข้อใดก ล่าวไ ม่ถูกต้องเกี่ยวก ับสินสอด มสธวา่ ด ว้ ยค รอบครวั แ ละม รดกแ ทนป ระมวลก ฎหมายแ พง่ ก. ต้องเป็นทรัพย์สิน และพ าณิชย์ ข. ต้องเป็นของที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาของ ก. ต้องเป็นความส มัครใจของค ู่ค วาม ฝ่ายห ญิง ข. คู่ความอย่างน ้อยฝ่ายหนึ่งนับถือศ าสนาอ ิสลาม ค. ต้องให้ไว้ในข ณะท ำ�การห มั้น ค. คู่ความท ั้งส องฝ่ายนับถือศาสนาอิสลาม ง. เป็นการให้เพื่อต อบแทนท ี่ย อมให้ห ญิงย อมส มรส ง. คดีเกิดขึ้นในจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี หรือ จ. การห มั้นสมบูรณ์ได้แม้ว่าจ ะไม่มีส ินสอด 6. ค่าใช้จ ่ายใดท ี่ค ู่ห มั้นส ามารถเรียกค ่าท ดแทนเนื่องจาก สตูล จ. คู่ความทั้งสองฝ่ายนับถือศาสนาอิสลาม และคดี ใช้จ่ายหรือตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมก ารสมรส โดยสุจริตแ ละต ามสมควรได้ เกดิ ข ึน้ ในจ งั หวดั ย ะลา นราธวิ าส ปตั ตานี หรอื ส ตลู ก. ค่าโต๊ะจ ีนเลี้ยงแ ขก 2. การหมั้นท ี่ถ ูกต้องต ามกฎหมาย ต้องทำ�อ ย่างไร ข. ค่าอ าหารเลี้ยงพระในงานพ ิธีแต่งงาน ก. ส่งม อบข องหมั้น ค. ค่าพาหนะเดินทางไปงานเลี้ยงแต่งงาน ข. ทำ�หลักฐานเป็นหนังสือ ง. ของช ำ�ร่วยแจกในงาน ค. จดท ะเบียนต ่อห น้าเจ้าพ นักงาน จ. ค่าหมากพ ลูและขนมที่บรรจุในข ันหมาก ง. จัดพิธีตามธ รรมเนียมประเพณี 7. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการเลิกสัญญาหมั้นโดย จ. สามารถตกลงก ันได้ด้วยวาจา ความย ินยอมของทั้งส องฝ่าย 3. การห มั้นในก รณีใดที่ม ีผลส มบูรณ์ตามก ฎหมาย ก. การเลิกสัญญาหมั้นโดยความยินยอมของทั้ง ก. คู่หมั้นอายุไม่ถ ึง 17 ปีบร ิบูรณ์ ข. การท ี่ค ู่หมั้นฝ ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีค ู่ส มรสอยู่แ ล้ว สองฝ่าย ต้องทำ�เป็นหนังสือประนีประนอมยอม ค. คู่หมั้นเป็นคนวิกลจริต ความ ง. คู่ห มั้นเป็นญ าติส ืบสายโลหิตก ันโดยตรง ข. การเลิกสัญญาห มั้นโดยความยินยอมข องทั้งส อง จ. การห มน้ั ร ะหวา่ งผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรมก บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม ฝ่าย สามารถท ำ�ได้โดยวาจา 4. ข้อใดไม่ใช่ล ักษณะส ำ�คัญของข องห มั้น ค. การเลิกส ัญญาห มั้นโดยค วามย ินยอมท ั้งส องฝ ่าย ก. ต้องเป็นทรัพย์สิน ไม่ต้องค ืนของหมั้น ข. ต้องเป็นของที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาของฝ่าย ง. การเลกิ ส ญั ญาห มน้ั โดยค วามย นิ ยอมข องท ง้ั ส องฝา่ ย ไม่ต้องค ืนสินสอด หญิง จ. การเลกิ สญั ญาหมน้ั โดยความยนิ ยอมของทง้ั สองฝา่ ย ค. ต้องให้ไว้ในเวลาทำ�สัญญาและหญิงต้องได้รับไว้ ต้องมีพ ยานรู้เห็นอย่างน ้อยสองค น แล้ว ง. ต้องให้ไว้ก่อนส มรส จ. ต้องเป็นการให้ไว้เพื่อเป็นห ลักฐ านว่าจ ะส มรสก ับ หญิงนั้น มสธ มส
10 มส 8. กรณีใดไม่ถือเป็นเหตุสำ�คัญที่ทำ�ให้คู่หมั้นบอกเลิก ข. หญิงคู่หมั้นประสบอุบัติเหตุจนมีอาการอัมพาต สัญญาห มั้นได้ ทั้งตัว ก. ชายคู่หมั้นมีสภาพแห่งกายที่ไม่อาจร่วมประเวณี ค. ชายค ู่หมั้นข ่มขืนกระทำ�ชำ�เราเด็ก ได้ต ลอดช ีวิต ง. ชายคู่หมั้นมีสภาพแห่งกายที่ไม่อาจร่วมประเวณี ข. หญิงค ู่หมั้นร่วมป ระเวณีก ับชายอ ื่นหลังก ารหมั้น ได้ ค. บิดาของชายคู่หมั้นเป็นผู้จำ�หน่ายยาเสพติดราย จ. ชายคู่หมั้นก ลายเป็นค นว ิกลจริต 10. ส ิทธิเรียกร ้องค ่าท ดแทนจ ากค ู่ส ัญญาห มั้นในก รณีผ ิด ใหญ่ของประเทศ ง. หญิงค ู่หมั้นถ ูกนํ้าร ้อนลวกจ นใบหน้าเสียโฉม สัญญาห มั้นต ามม าตรา 1439 มีอายุค วามเท่าใด จ. ชายค ู่ห มั้นม ีอ าการว ิกลจริตเป็นอย่างม าก ก. 6 เดือน 9. กรณีใดที่นอกจากคู่หมั้นจะบอกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว ข. 1 ปี ค. 3 ปี ยังสามารถที่จะเรียกค่าทดแทนจากคู่หมั้นได้ตาม ง. 5 ปี มาตรา 1444 จ. 10 ปี ก. หญิงค ู่ห มั้นถูกทำ�ร้ายจ นห น้าเสียโฉม มสธ มสธ มสธ เฉลยแ บบป ระเมนิ ผ ลตนเองห น่วยท ี่ 1 กอ่ นเรียน มสธ หลงั เรียน 1. จ. มส 1. จ. 2. ง. 2. ก. 3. ง. 3. จ. 4. ค. 4. ข. 5. ก. 5. ค. 6. จ. 6. ง. 7. จ. 7. ข. 8. ก. 8. ค. 9. ค. 9. ค. 10. ข. 10. ก.
มส 11 แบบประเมนิ ผ ลต นเองกอ่ นเรียนห นว่ ยท่ี 2 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความร ู้เดิมของน ักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “การสมรสแ ละค วามสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา” คำ�แนะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านค ำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล้อมรอบข ้อค ำ�ต อบที่ถ ูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. ชายแ ละห ญิงจ ะท ำ�การส มรสก ันได้ต ่อเมื่อม ีอายุเท่าใด 5. สถานที่ส ำ�หรับจดทะเบียนส มรสก รณีป กติคือ มสธ ก. ชาย 18 ปี หญิง 15 ปี ก. ศาลาก ลางจ ังหวัด ข. ชาย 17 ปี หญิง 15 ปี ข. ที่ว่าการอำ�เภอ ค. ชาย 17 ปี หญิง 17 ปี ค. สถานีตำ�รวจ ง. ชาย 20 ปี หญิง 17 ปี ง. บ้าน จ. ชาย 20 ปี หญิง 15 ปี จ. ศาล 2. บุคคลใดทำ�การส มรสไม่ได้ 6. หญิงหม้ายที่ส ามีต ายจ ะทำ�การส มรสใหม่ไม่ได้ถ้า ก. บุคคลล ้มล ะลาย ก. ยังไม่ได้เผาศพส ามี ข. บุคคลวิกลจริต ข. ยังไม่ได้แ บ่งทรัพย์ม รดกข องสามี ค. บุคคลที่เป็นก ามโรคในร ะยะแ พร่เชื้อ ค. ยังไม่มีใบมรณะบ ัตรข องส ามี ง. บุคคลพิการ ง. ยังไม่ค รบสามร ้อยสิบว ันน ับแ ต่วันท ี่สามีตาย จ. ผู้เยาว์ จ. ยังไม่ค รบห นึ่งร ้อยส ามสิบว ันน ับแ ต่ว ันท ี่ส ามีต าย 3. การสมรสระหว่างชายและหญิงอาจเสียไปได้ ถ้า 7. สามีภริยาต ้อง ก. อยู่กินด ้วยก ันฉันสามีภริยา ป รากฏว ่า ข. ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของกัน ก. ชายได้ข ่มขู่ห ญิงว ่าห ากไม่ส มรสก ับต นจ ะฆ ่าห ญิง และก ัน ให้ตาย ค. ช่วยเหลือก ันแ ม้การกร ะทำ�ผิดกฎหมาย ข. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า ง. ร่วมก ันช ดใช้ห นี้ของกันและกันทุกกรณี จ. อยู่กินด ้วยก ันตลอดไป ตนเองให้ตาย 8. ภริยาอาจขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้แยกกันอยู่ต่างหาก ค. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า จากสามีเป็นการชั่วคราวไ ด้ถ้า ผู้บ ัญชาการต ำ�รวจแห่งชาติให้ตาย ก. ภริยาต ้องการหย่า ง. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่าบิดา ข. ภริยาต้องดูแลมารดาของตนที่เจ็บป่วยซึ่งอยู่ ตนเองให้ต าย คนละจังหวัด จ. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า ค. สามีเป็นบ ุคคลล ้มละลาย ง. สามเี สพส รุ าแ ลว้ อ าละวาดท บุ ตภี รยิ าอ ยเู่ ปน็ ป ระจ�ำ ผู้บังคับบ ัญชาข องหญิงให้ต าย จ. สามีม ีอ วัยวะเพศไม่ส มบูรณ์ 4. การสมรสระหว่างชายและหญิงมีผลสมบูรณ์แม้จะ ปรากฏว ่า ก. ชายมีภ ริยาอยู่แล้ว 1 คน ข. ชายเป็นพ ี่ร่วมบิดาข องหญิงน ั้น ค. ชายเป็นปู่ของห ญิงน ั้น ง. ชายเป็นอ าข องหญิงน ั้น จ. ชายเป็นพ ี่ร่วมมารดาข องห ญิงน ั้น มสธ มส
12 มส 9. ตามป กตเิมื่อศ าลส ั่งใหส้ ามซี ึ่งว ิกลจริตเป็นค นไรค้ วาม 10. ตามกฎหมายแล้วห ญิงมีสามี สามารถ ศาลจะสั่งให้ ก. ตอ้ งเปลีย่ นส ญั ชาตมิ าเปน็ ส ญั ชาตเิ ดยี วกนั ก บั ส ามี ข. ต้องร ับชดใช้หนี้เดิมของสามีท ุกก รณี ก. ภริยาหย่าขาดจ ากสามีได้ ค. มีส ิทธิใช้น ามสกุลข องส ามีห รือจ ะใช้น ามสกุลข อง ข. ภริยาเป็นผ ู้อนุบาลสามี ค. ภริยาจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูสามี ตนเองก ็ได้ ง. ภริยาเป็นผ ู้รับมรดกข องสามี ง. ต้องใชน้ ามสกุลข องส ามจี ะใชน้ ามสกุลข องต นเอง จ. ภริยาเลี้ยงดูบ ิดามารดาของสามีด ้วย ไม่ได้ จ. ต้องเปลี่ยนคำ�นำ�หน้าเป็น “นาง” มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 13 แบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรียนหน่วยที่ 2 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามก ้าวหน้าในก ารเรียนร ูข้ องน ักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “การส มรสแ ละค วามส ัมพันธร์ ะหว่าง สามีภ ริยา” คำ�แ นะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล ้อมร อบข้อคำ�ต อบท ี่ถูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. บุคคลใดท ำ�การส มรสไ ม่ได้ ง. สามเี สพส รุ าแ ลว้ อ าละวาดท บุ ตภี รยิ าอ ยเู่ ปน็ ป ระจ�ำ มสธ ก. บุคคลล ้มละลาย จ. สามีม ีอวัยวะเพศไม่ส มบูรณ์ ข. บุคคลว ิกลจริต 6. ชายแ ละห ญิงจ ะท ำ�การส มรสก ันได้ต ่อเมื่อม ีอายุเท่าใด ค. บุคคลที่เป็นกามโรคในร ะยะแพร่เชื้อ ก. ชาย 18 ปี หญิง 15 ปี ง. บุคคลพ ิการ ข. ชาย 17 ปี หญิง 15 ปี จ. ผู้เยาว์ ค. ชาย 17 ปี หญิง 17 ปี 2. สถานท ี่ส ำ�หรับจ ดท ะเบียนสมรสก รณีป กติค ือ ง. ชาย 20 ปี หญิง 17 ปี ก. ศาลาก ลางจังหวัด จ. ชาย 20 ปี หญิง 15 ปี ข. ที่ว่าการอำ�เภอ 7. ตามปกติเมื่อศาลสั่งให้สามีซึ่งวิกลจริตเป็นคนไร้ ค. สถานีต ำ�รวจ ง. บ้าน ความสามารถ ศาลจ ะสั่งให้ จ. ศาล ก. ภริยาหย่าขาดจ ากส ามีได้ 3. หญิงหม้ายที่สามีต ายจ ะทำ�การสมรสใหม่ไม่ได้ถ้า ข. ภริยาเป็นผ ู้อนุบาลสามี ก. ยังไม่ได้เผาศ พส ามี ค. ภริยาจ ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูสามี ข. ยังไม่ได้แบ่งทรัพย์มรดกของสามี ง. ภริยาเป็นผู้รับมรดกข องส ามี ค. ยังไม่มีใบมรณะบ ัตรข องสามี จ. ภริยาเลี้ยงดูบิดาม ารดาข องสามีด ้วย ง. ยังไม่ครบส ามร้อยส ิบวันน ับแต่ว ันท ี่ส ามีตาย 8. ตามก ฎหมายแ ล้วห ญิงมีสามี จ. ยังไม่ค รบห นึ่งร ้อยส ามสิบว ันน ับแ ต่ว ันท ี่ส ามีต าย ก. ตอ้ งเปลีย่ นส ญั ชาตมิ าเปน็ ส ญั ชาตเิ ดยี วกนั ก บั ส ามี 4. สามีภ ริยาต้อง ข. ต้องร ับชดใช้หนี้เดิมข องส ามีท ุกกรณี ก. อยู่กินด ้วยก ันฉันสามีภ ริยา ค. มีส ิทธิใช้น ามสกุลข องส ามีห รือจ ะใช้น ามสกุลข อง ข. ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของกัน ตนเองก ็ได้ และกัน ง. ต้องใชน้ ามสกุลข องส ามจี ะใชน้ ามสกุลข องต นเอง ค. ช่วยเหลือก ันแ ม้การกระท ำ�ผ ิดกฎหมาย ง. ร่วมกันชดใช้ห นี้ข องกันแ ละก ันทุกก รณี ไม่ไ ด้ จ. อยู่กินด ้วยก ันต ลอดไป จ. ต้องเปลี่ยนคำ�นำ�หน้าเป็น “นาง” 5. ภริยาอาจขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้แยกกันอยู่ต่างหาก 9. การสมรสระหว่างชายและหญิงมีผลสมบูรณ์แม้จะ จากสามีเป็นการชั่วคราวไ ด้ถ้า ปรากฏว่า ก. ภริยาต้องการหย่า ก. ชายม ีภ ริยาอยู่แล้ว 1 คน ข. ภริยาต้องดูแลมารดาของตนที่เจ็บป่วยซึ่งอยู่ ข. ชายเป็นพ ี่ร ่วมบ ิดาข องหญิงน ั้น ค. ชายเป็นป ู่ของห ญิงน ั้น คนละจังหวัด ง. ชายเป็นอ าของหญิงนั้น ค. สามีเป็นบ ุคคลล้มละลาย จ. ชายเป็นพ ี่ร ่วมมารดาข องห ญิงนั้น มสธ มส
มส 14 10. ก ารสมรสระหว่างชายและหญิงอาจเสียไปได้ถ้า ฅปรากฏว่า ก. ชายได้ข ่มขู่ห ญิงว ่าห ากไม่ส มรสก ับต นจ ะฆ ่าห ญิง ให้ตาย ข. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า ตนเองใ ห้ตาย ค. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า ผู้บัญชาการตำ�รวจแ ห่งช าติให้ตาย ง. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่าบิดา ตนเองให้ต าย จ. ชายได้ข่มขู่หญิงว่าหากไม่สมรสกับตนจะฆ่า ผู้บ ังคับบ ัญชาข องหญิงให้ต าย มสธ มสธ มสธ เฉลยแบบประเมินผ ลต นเองหน่วยท ี่ 2 ก่อนเรยี น หลงั เรยี น 1. ค. 1. ข. มสธ มส 2. ข 2. ข. 3. ก. 3 ง. 4. ง. 4. ก. 5. ข 5. ง. 6. ค. 6. ค. 7. ก. 7. ข. 8. ง. 8. ค. 9. ข. 9. ง. 10. ค. 10. ก.
มส 15 แบบป ระเมินผลตนเองกอ่ นเรยี นหนว่ ยท ่ี 3 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามรู้เดิมข องนักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “ทรัพย์สินระหว่างส ามีภริยา” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล้อมร อบข้อค ำ�ตอบที่ถูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. หากสามีหรือภริยามิได้ทำ�สัญญาในเรื่องทรัพย์สินไว้ 4. สินส มรส ได้แก่ มสธเป็นพิเศษก่อนสมรส ความสัมพันธ์ในเรื่องทรัพย์สิน ก. ทรัพย์สินที่เป็นของห มั้น ของส ามีภริยาร ะหว่างสมรสจ ะเป็นอย่างไร ข. ทรัพย์สินที่เป็นดอกผลข องส ินส่วนตัว ค. ทรัพย์สินที่ส ามีห รือภ ริยาได้มาระหว่างส มรสโดย ก. สามีส ามารถจ ัดการท รัพย์สินข องภ ริยาได้ท ั้งหมด ข. ภริยาส ามารถจ ัดการท รัพย์สินข องส ามีได้ท ั้งหมด การให้โดยเสน่หา ค. การจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาบังคับตาม ง. ทรัพย์สินที่สามีหรือภ ริยาได้ม าระหว่างส มรสโดย บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การร ับม รดก ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภ ริยา จ. ทรัพย์สินที่สามีหรือภ ริยาได้ม าก่อนส มรส ง. การจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาบังคับตาม 5. หากส ิ่งป ลูกส ร้างท ีเ่ป็นส ินส ่วนต ัวข องน ายเคนส ูญหาย บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเรื่องท รัพย์สินร ะหว่างส ามีภริยา หรอื ถ กู ท �ำ ลายในร ะหวา่ งส มรส ตอ่ ม านายเคนไดร้ บั เงนิ จ. การจัดการทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาบังคับตาม ชดใช้ค่าเสียหายจากบ ริษัทป ระกันภ ัย เงินดังกล่าวถ ือ บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็น ในเรื่องหนี้สินร ะหว่างส ามีภริยา ก. สินส่วนต ัวของน ายเคน 2. สัญญาระหว่างสมรส สามีหรือภริยาสามารถบอกล้าง ข. สินสมรสในส ่วนข องน ายเคน ได้ภายในระยะเวลา ค. สินส่วนตัวข องภริยาน ายเคน ก. หนึ่งปีนับแต่ว ันท ี่จดท ะเบียนสมรส ง. สินสมรสในส่วนของภริยาของน ายเคน ข. หนึ่งป ีน ับแต่วันที่อ ยู่กินฉ ันสามีภ ริยา จ. ไม่มีข้อใดถูก ค. หนึ่งป ีนับแ ต่ว ันที่ข าดจากการเป็นสามีภริยา 6. การจัดการสินสมรสในข้อใด ที่สามีหรือภริยาไ ม่ต้อง ง. หนึ่งป ีน ับแ ต่วันท ี่ส ามีภริยาแยกก ันอยู่ จัดการสินสมรสร ่วมก ัน จ. หนึ่งปีนับแต่วันที่สามีหรือภริยาทำ�นิติกรรม ก. ขายอ สังหาริมทรัพย์ ยกท รัพย์สินให้อีกฝ่ายหนึ่ง ข. ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินก ว่าส ามปี 3. สินส่วนตัว ได้แก่ ค. ประนีประนอมยอมความ ก. ทรัพย์สินที่ส ามีห รือภริยาม ีอยู่ก่อนส มรส ง. กู้ยืมเงิน ข. ทรัพย์สินที่เป็นของห มั้น จ. มอบข้อพ ิพาทให้อ นุญาโตตุลาการวินิจฉัย ค. ทรัพย์สินที่สามีหรือภ ริยาได้ม าระห ว่างสมรสโดย 7. การฟ อ้ งค ดใี นข อ้ ท สี่ ามหี รอื ภ รยิ าส ามารถจ ดั การเองได้ การรับมรดกห รือการให้โดยเสน่หา โดยไ ม่ต้องข อค วามย ินยอมจ ากอ ีกฝ ่ายหนึ่ง ง. เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำ�เป็นในการประกอบอาชีพ ก. นางแอนเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชน ต่อมา หรือวิชาชีพของค ู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จ. ถูกท ุกข ้อ บริษัทเลิกจ้างนางแอนโดยไม่จ่ายเงินเดือนให้แก่ นางแ อน นางแ อนฟ อ้ งน ายจา้ งต อ่ ศ าลแ รงงานก ลาง มสธ มส
16 มส ข. นายเคนและนางแอนร่วมกันประกอบกิจการมสธ ง. รายได้จากการประกอบกิจการค้าขายและรายได้ รับเหมาก่อสร้างโดยใช้ชื่อของนายเคนแต่เพียงมสธ จากการเป็นลูกจ้างของนายเคนเป็นของนางหนิง ผู้เดียวในการประกอบกิจการ ต่อมาปรากฏว่า ทั้งหมด ลูกค้าของน ายเคนผ ิดนัดไม่ช ำ�ระห นี้ให้แก่กิจการ ของนายเคน นายเคนจึงฟ้องลูกค้าดังกล่าวต่อ จ. ไม่มีข้อใดถูก ศาล 9. หนสี้ นิ ในข อ้ ใด ถอื วา่ เปน็ ห นีร้ ว่ มร ะหวา่ งส ามแี ละภ รยิ า ก. หนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินสมรส แต่สามีหรือภริยา ค. นายเคนฟ้องขับไล่ผู้เช่าบ้านที่นายเคนและ นางแอนซ ื้อม าในร ะหว่างสมรส เป็นผู้ก่อ ข. หนที้ สี่ ามหี รอื ภ รยิ าก อ่ ข ึน้ เพือ่ ป ระโยชนข์ องต นเอง ง. นายเคนฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนายทองฐาน ค. หนี้ที่เก่ียวกับการรักษาพยาบาลบุคคลใน ละเมิด เนื่องจากนายทองขับรถยนต์ชนนายเคน ได้รับบ าดเจ็บ ครอบครัว ง. หนี้ที่เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือนของญาติของ จ. ถูกท ุกข้อ 8. หากนายเคนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยากับนางหนิงโดย ฝ่ายใดฝ ่ายหนึ่ง จ. หนี้ที่เกี่ยวกับการงานที่สามีเป็นผู้กระทำ�แต่เพียง ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างอยู่ร่วมกัน นายเคน ร่วมกับนางหนิงทำ�กิจการค้าขายมีรายได้จำ�นวนหนึ่ง ผู้เดียว นอกจากนี้ นายเคนยังทำ�งานเป็นลูกจ้างกับบริษัท 10. ห ากสามีมีหนี้ส่วนตัว เจ้าหนี้สามารถบังคับชำ�ระหนี้ อีกทางหนึ่ง ทรัพย์สินที่ทำ�มาหาได้ดังกล่าวถือเป็น กรรมสิทธิ์ข องใครบ้าง จาก ก. รายได้จากการประกอบกิจการค้าขายและรายได้ ก. สินส่วนตัวของสามีก่อนแล้วจึงบังคับเอากับสิน จากการเป็นลูกจ้างเป็นของนายเคนแต่เพียง ส่วนต ัวของภ ริยา ผู้เดียว ข. สินส ่วนต ัวข องส ามกี ่อนแ ล้วจ ึงบ ังคับเอาส ินส มรส ข. รายไดจ้ ากก ารป ระกอบก ิจการค ้าเป็นข องน ายเคน ครึง่ ห นึง่ และน างห นงิ ครึง่ ห นึง่ สว่ นร ายไดจ้ ากก าร ในส ่วนข องภริยา เป็นล ูกจ้างเป็นข องน ายเคนแ ต่เพียงผ ู้เดียว ค. สินส่วนตัวของส ามีและภ ริยาคนละค รึ่ง ค. รายได้จากการประกอบกิจการและรายได้จาก ง. สินส่วนตัวของสามีก่อนแล้วจึงบังคับเอากับ การเป็นลูกจ้างเป็นของนายเคนครึ่งหนึ่งและ นางหนิงครึ่งห นึ่ง สินสมรสในส ่วนข องสามี จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง มสธ มสธ มส
มส 17 แบบป ระเมินผ ลต นเองห ลงั เรยี นห นว่ ยท่ี 3 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความก ้าวหน้าในก ารเรียนร ู้ของนักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “ทรัพย์สินระหว่างส ามีภ ริยา” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล้อมรอบข้อค ำ�ตอบที่ถูกต ้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. สัญญาก่อนสมรสในข ้อใด ไม่ต กเป็นโมฆะ ง. ระหว่างสมรส ภริยายกท ี่ดินให้แ ก่ส ามีหนึ่งแปลง มสธ ก. สัญญาก่อนสมรสที่กำ�หนดว่า ภริยาจะเป็น ต่อมาสามีและภริยามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ภริยาจึงบอกเลิกสัญญายกที่ดินดังกล่าวที่ยกให้ ผูจ้ ดั การส นิ ส มรสแ ตเ่ พยี งผ ูเ้ ดียว โดยม ไิ ดจ้ ดแ จ้ง แก่ส ามีภายใน 2 ปี นับแ ต่ทะเลาะก ัน ข้อต กลงด ังก ล่าวไว้ในท ะเบียนส มรส ข. สัญญาก่อนสมรสที่กำ�หนดว่า ภริยามีสิทธิได้รับ จ. ระหว่างสมรส ภริยายกท ี่ดินให้แก่ส ามีห นึ่งแ ปลง เงินจากสามีในอัตราเดือนละ 10,000 บาท โดย สามีและภ ริยาอ ยู่ด ้วยกันมา 11 ปี ต่อมาสามีแ ละ จดแจ้งข้อต กลงดังก ล่าวไว้ในทะเบียนส มรส ภรยิ าม เี รือ่ งท ะเลาะเบาะแ วง้ ก นั จงึ ห ยา่ ข าดจ ากกนั ค. สญั ญาก อ่ นส มรสท กี่ ำ�หนดว า่ สามจี ะเปน็ ผ จู้ ดั การ หลังจากหย่าขาดจากกัน 11 เดือน ภริยาจึงบอก สินสมรสของภริยาแต่เพียงผู้เดียว โดยจดแจ้ง เลิกส ัญญาที่ย กท ี่ดินหนึ่งแปลงให้แ ก่สามี ข้อต กลงดังก ล่าวไว้ในท ะเบียนสมรส ง. สัญญาก่อนสมรสที่กำ�หนดว่า หากสามีไปทำ�งาน 3. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง คนละจ ังหวัดกับภริยา ภริยาม ีส ิทธิฟ ้องหย่าได้ ก. บิดาข องน ายเคนย กท ีด่ นิ พ ร้อมส ิ่งป ลกู ส ร้างใหแ้ ก่ จ. สัญญาก่อนสมรสที่กำ�หนดว่า ในระหว่างสมรส หากสามีไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น ภริยาสามารถ นายเคนระหว่างที่นายเคนอยู่กินฉันสามีภริยา ฟ้องหย่าสามีไ ด้ กับนางสาวแอน ต่อมา นายเคนกับนางสาวแอน 2. ขอ้ ใดท ภี่ รยิ าไ มส่ ามารถใชส้ ทิ ธบิ อกล า้ งส ญั ญาร ะหวา่ ง จดทะเบียนสมรสกัน ที่ดินที่บิดาของนายเคนยก สมรสได้ ให้นายเคนถือเป็นสินส่วนตัวของนายเคนและ ก. ระหว่างสมรส ภริยาย กท ี่ดินให้แ ก่สามีห นึ่งแ ปลง น างสาวแ อนค นละครึ่ง ต่อม าส ามีแ ละภ ริยาม ีเรื่องท ะเลาะเบาะแ ว้งก ัน จึง ข. ระหว่างสมรส นายเคน ประกอบธุรกิจส่วนตัว แยกกันอ ยู่ประมาณแปดเดือน จากนั้นภ ริยาบ อก มีร ายได้เดือนล ะ 60,000 บาท ซื้อส ร้อยค อท องคำ� เลิกสัญญาระหว่างสมรสที่ยกที่ดินหนึ่งแปลงให้ ราคา 20,000 บาท ให้แก่นางแอนที่มีอาชีพเป็น แก่สามี ลูกจ้างในบ ริษัทเอกชน มีรายได้เดือนล ะ 40,000 ข. ระหว่างสมรส ภริยาย กที่ดินให้แก่สามีห นึ่งแ ปลง บาท สร้อยคอทองคำ�ดังกล่าวถือเป็นสินส่วนตัว ต่อมาสามีและภริยามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง จึง ของน างแอน หย่าขาดจากกัน หลังจากนั้นประมาณแปดเดือน ค. นายเคนมีรถยนต์อยู่หนึ่งคันก่อนที่จะสมรสกับ ภริยาจึงบอกเลิกสัญญาระหว่างสมรสที่ยกที่ดิน นางแ อน ในร ะหวา่ งส มรสนายเคนป ระสบอ บุ ตั เิ หตุ หนึ่งแปลงใ ห้แก่สามี ทำ�ให้รถยนต์คันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้อีก ค. ระหว่างสมรส ภริยายกที่ดินให้แ ก่ส ามีห นึ่งแ ปลง บริษัทป ระกันภ ัยจ ึงช ดใชเ้งินค า่ เสยี ห ายใหแ้ กน่ าย สามีและภ ริยาอยู่ด ้วยกันมา 11 ปี ต่อมาสามีแ ละ เคน จากนั้น นายเคนนำ�เงินค่าเสียหายดังกล่าว ภริยามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง จึงต่างแยกกันอยู่ ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ รถยนต์คันใหม่นี้ถือเป็น จากนั้น ภริยาจึงบอกเลิกสัญญาที่ยกที่ดินหนึ่ง สินส มรสข องนายเคนและน างแ อนค นละครึ่ง แปลงให้แ ก่ส ามี มสธ มส
18 มส ง. นายเคนมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอยู่หนึ่งแปลงมสธ ง. สิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่บนที่ดินของนายสิทธิและ กอ่ นท จี่ ะส มรสก บั น างแ อน หลงั จ ากน ายเคนส มรสมสธ นางมุกที่ซื้อมาระหว่างสมรสโดยนายสิทธิและ กับนางแอน นายเคนนำ�ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง นางมุกออกเงินร่วมก ัน ดังก ล่าวอ อกข ายได้เงินมาจ ำ�นวนหนึ่ง และน ำ�เงินมสธ ดังกล่าวไปซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหลังใหม่ จ. เงินค ่าช ดเชยต ามก ฎหมายค ุ้มครองแ รงงานท ีส่ ามี ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหลังใหม่เป็นสินสมรส ได้ร ับจ ากนายจ้างในระหว่างส มรส ข องน ายเคน และน างแอนคนละครึ่ง 6. การจ ดั การส นิ ส มรสในข อ้ ใด ทสี่ ามหี รอื ภ รยิ าจ ะไ มต่ อ้ ง จ. ถูกทุกข้อ จัดการส ินส มรสร ่วมกัน 4. ทรัพย์สินในข ้อใดไ ม่ถ ือเป็นส ินสมรส ก. เงินกองทุนสำ�รองเลี้ยงชีพ และเงินโบนัสของ ก. สามีหรือภริยาประสงค์ที่จะกู้ยืมเงินจากธนาคาร พาณิชย์ น ายน นท์ ทีไ่ดม้ าระห ว่างท ีน่ ายน นท์ และน างท ิพย์ เป็นส ามภี ริยาก ัน แตข่ ณะน ั้นน ายน นทแ์ ยกก ันอ ยู่ ข. สามีหรือภริยาประสงค์ที่จะให้บุคคลอื่นเช่าซื้อ กับน างทิพย์แล้ว รถยนต์ข องต นเอง ข. ที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่นางทิพย์ซื้อใน ระหว่างสมรสกับนายนนท์ แต่เงินที่ใช้ผ่อนชำ�ระ ค. สามีหรือภริยาประสงค์ที่จะขายรถแทรกเตอร์ให้ หนเี้ งนิ ก สู้ �ำ หรบั ซ อื้ ท ด่ี นิ พ รอ้ มส ง่ิ ป ลกู ส รา้ งด งั ก ลา่ ว แก่บ ุคคลอื่น เป็นของนางทิพย์แ ต่เพียงผ ู้เดียว ค. ดอกเบี้ยจากเงินฝากที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสของ ง. สามีหรือภริยาประสงค์จะให้ญาติของตนมีสิทธิ นายนนท์ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่นายนนท์ เก็บกินในที่ดินส ินส มรส เก็บออมไว้ตั้งแต่ก่อนส มรสกับน างท ิพย์ ง. ราคาของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มขึ้น จ. สามีหรือภริยาประสงค์ที่จะนำ�ที่ดินของสามี เนื่องจากกรมที่ดินประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่ง และภริยาไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อ ปลูกส ร้างเพิ่มข ึ้น ซึ่งเป็นข องน ายน นทซ์ ื้อไวต้ ั้งแต่ เจ้าพ นักงานหรือศ าล ก่อนสมรสก ับนางท ิพย์ จ. โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ในบ้านอื่นๆ 7. การฟ้อง ต่อสู้หรือดำ�เนินคดีเกี่ยวกับการสงวนบำ�รุง ทีญ่ าตขิ องส ามแี ละภ ริยาใหใ้นว ันม งคลส มรสโดย รักษาสินสมรส ข้อใดถูกต้อง มอบใหก้ อ่ นว นั ส มรสห นึง่ ว นั โดยม ิไดแ้ สดงเจตนา พิเศษว ่าให้แ ก่ฝ่ายใดโดยเฉพาะ ก. สามีหรือภริยาจะต้องขอความยินยอมจากอีก 5. ทรัพย์สินในข ้อใดถือว่าเป็นส ินส ่วนต ัว ฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องสำ�คัญในการจัดการ ก. เงินท ีน่ ายส ิทธไิดร้ ับจ ากบ ริษัทร ับป ระกันว ินาศภัย สินสมรส ในระหว่างสมรส เนื่องจากบ้านที่นายสิทธิเป็น เจ้าของต ั้งแต่ก่อนส มรสกับนางมุกถูกไฟไหม้ ข. สามีหรือภริยาจะต้องขอความยินยอมจากอีก ข. รถยนต์ที่นายสิทธิได้รับโอนจากบริษัทให้เช่าซื้อ ฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและ หลังจากจดทะเบียนส มรสก ับนางมุก พาณิชย์กำ�หนดให้คู่สมรสฝ่ายหนึ่งขอความ ค. ที่ดินท บี่ ดิ าข องน ายส ทิ ธยิ กใหแ้ กน่ ายส ทิ ธิระหว่าง ยินยอมจากอ ีกฝ่ายหนึ่ง สมรสกับนางมุกโดยมิได้โอนทางทะเบียน นายส ทิ ธแิ ละน างม กุ ค รอบค รองร ะหวา่ งส มรสร ว่ ม ค. สามีหรือภริยาสามารถฟ้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับ กันประมาณ 12 ปี ต่อมาน ายส ิทธิแ ละน างมุกห ย่า การจ ดั การส นิ ส มรสไดแ้ ตเ่ พยี งฝ า่ ยเดยี ว เนอื่ งจาก ขาดจ ากก ัน สามีภริยาเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกัน แต่หนี้ที่ เกิดจากการต่อสู้คดี ถือเป็นหนี้ของฝ่ายที่เข้าไป จัดการส ินสมรสแต่เพียงผ ู้เดียว ง. สามีหรือภริยาสามารถฟ้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับ การจ ดั การส นิ ส มรสไดแ้ ตเ่ พยี งฝ า่ ยเดยี ว เนอื่ งจาก สินสมรสเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างสามีและ ภริยา จ. ไม่มีข้อใดถ ูก มสธ มส
มส 19 8. ข้อใดต่อไปน ี้ถูกต ้องมสธ 9. หนี้สินในข้อใด ไม่ถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีและ ก. นายศักดิ์ได้รับที่ดินที่เป็นทรัพย์มรดกระหว่างมสธ ภริยา อยู่กินฉันสามีภริยาแต่มิได้จดทะเบียนสมรสกับ ก. หนคี้ า่ ร กั ษาพ ยาบาลบ ดิ าข องส ามที บี่ คุ คลภ ายนอก นางศรี ต่อมา นายศักดิ์และนางศรีแยกทางกัน ทดรองจ ่ายให้ไปก ่อน นางศรีมีสิทธิขอแบ่งที่ดินแปลงดังกล่าวจาก นายศักดิ์ค รึ่งหนึ่ง ข. หนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของบุตรก่อนสามีแยก ข. นายศักด์ิและนางศรีอยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้ ทางกับภริยา จดทะเบียนสมรสระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยา นายศ กั ดแ์ิ ละน างศ รรี ว่ มก นั ป ระกอบธ รุ กจิ ทรพั ยส์ นิ ค. สามีก ู้ย ืมเงินจ ากธ นาคารเพื่อน ำ�ม าป ระกอบธ ุรกิจ ที่ร่วมกันทำ�มาหาได้ดังกล่าว นายศักดิ์มีสิทธิใน ของครอบครัวโดยภริยาให้ความยินยอมเป็น ทรัพย์สินด ังกล่าวม ากกว่านางศ รี หนังสือ ค. นายศักดิ์และนางศรีอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดย มไิ ดจ้ ดท ะเบยี นส มรส ระหวา่ งอ ยกู่ นิ ฉ นั ส ามภี รยิ า ง. หนคี้ า่ ไฟฟา้ นํา้ ป ระปา และค า่ โทรศพั ทภ์ ายในบ า้ น นายศักดิ์และนางศรีร่วมกันซื้อที่ดินไว้หนึ่งแปลง จ. สามีกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อไถ่ถอนจำ�นองบ้าน โดยระบุชื่อนายศักดิ์เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว นายศักดิ์แต่เพียงผู้เดียวสามารถจำ�หน่ายจ่าย บิดาของส ามี โอนท ี่ดินด ังก ล่าวไดโ้ดยต ้องข อค วามย ินยอมจ าก 10. ห ากสามีภริยามีหนี้ร่วมกันแล้ว เจ้าหนี้สามารถบังคับ น างศ รี ง. ระหว่างที่นายศักดิ์และนางศรีอยู่กินฉันสามี ชำ�ระหนี้จ าก ภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส นายศักดิ์และ ก. สินส่วนตัวของสามีก่อนแล้วจึงบังคับเอากับ นางศรีร่วมกันปลูกสิ่งปลูกสร้างเพื่อพักอาศัยอยู่ ด้วยกัน สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นของนายศักดิ์ สินส่วนตัวข องภริยา ทั้งหมด ข. สินสมรสหรือสินส่วนตัวของฝ่ายใดก็ได้ โดย จ. ไม่มีข ้อใดถูก เจ้าหนี้มีสิทธิเลือกบ ังคับชำ�ระหนี้ได้ ค. สินสมรสก่อนแล้วจึงบังคับเอากับสินส่วนตัวของ แต่ละฝ่าย ง. สินส ่วนต ัวของแต่ละฝ ่าย ฝ่ายละเท่าๆ กันก่อน จ. สินส่วนตัวของภริยาก่อนแล้วจึงบังคับเอากับ สินส ่วนต ัวข องสามี มสธ มสธ มส
มส 20 เฉลยแบบป ระเมินผลต นเองห นว่ ยท ่ี 3 กอ่ นเรียน หลงั เรียน มสธ มสธ 1. ค. 1. ง. 2. จ. 2. ค. 3. ข. 3. จ. 4. ง. 4. ข. 5. ก. 5. ก. 6. ก. 6. ง. 7. ง. 7. จ. 8. ง. 8. ข. 9. จ. 9. ค. 10. ข. 10. ง. มสธ มสธ มส
มส 21 แบบประเมินผลต นเองกอ่ นเรยี นหน่วยที่ 4 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความร ู้เดิมของน ักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การเลิกจากการเป็นส ามีภริยา” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนว งกลมล ้อมร อบข ้อที่ถ ูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. กรณีใดที่ทำ�ให้การสมรสเป็นโมฆะ ง. เมื่อรู้ถึงเหตุที่เป็นโมฆียะ มสธ ก. ชายหญิงอ ายุ 21 ปีหนีไปอยู่กินด้วยก ัน จ. เมื่อมีบุตรท ี่เกิดจ ากการสมรสท ี่เป็นโมฆียะ ข. ชายหญิงอายุ 18 ปีสมรสกันโดยไม่ได้รับความ 5. ตามกฎหมายการห ย่า สามีภ ริยาต้องท ำ�อย่างไร ก. สามภี รยิ าต กลงห ยา่ ก นั ต อ่ ห นา้ บ ดิ าม ารดาส องฝ า่ ย ยินยอมจากบิดาม ารดา ข. ตกลงหย่าด้วยค วามย ินยอมเท่านั้น ค. ชายอายุ 17 ปีห ญิงอายุ 15 ปีสมรสกัน ค. ต้องฟ้องหย่าเท่านั้น ง. ชายอายุ 25 ปีสมรสกับหญิงว ิกลจริตอายุ 20 ปี ง. หย่าด้วยความยินยอมก็ได้หรือถ้าฝ่ายใดไม่ยอม จ. หญิงถูกข่มขู่ให้สมรสกับชายที่หลงรักหญิงนั้น ก็ฟ้องหย่าไ ด้ มาน านก ว่าสิบปี จ. ถ้าสมรสโดยบิดามารดาให้ความยินยอม หากจะ 2. การสมรสท ี่เป็นโมฆะมีผลป ระการใด ก. ผู้มีส่วนได้เสียสามารถกล่าวอ้างการสมรสที่เป็น หย่าต้องให้บ ิดาม ารดาย ินยอมด้วย 6. ข้อใดท ี่ท ำ�ให้ก ารสมรสส ิ้นส ุดล ง โมฆะได้ท ุกก รณี ก. ศาลสั่งให้ส ามีเป็นคนส าบสูญ ข. การสมรสที่เป็นโมฆะต้องร้องขอให้ศาลพิพากษา ข. สามีภริยาเกิดอุบัติเหตุเสียช ีวิตท ั้งคู่ ค. ภริยายิงสามีจนเป็นอัมพาตครึ่งตัวแล้วภริยาทิ้ง ให้การส มรสน ั้นเป็นโมฆะเท่านั้น ค. การสมรสที่สมรสในขณะที่มีคู่สมรสอยู่ (สมรส สามีไปน านเกิน 3 ปี ง. สามีหายจากภูมิลำ�เนาไปไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ ซ้อน) เท่านั้นที่ต้องร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการ สมรสเป็นโมฆะ นานถึง 5 ปี ง. การสมรสที่สมรสในขณะที่มีคู่สมรสอยู่ (สมรส จ. สามีทำ�ร้ายภ ริยาอยู่เป็นประจำ�นานก ว่าหนึ่งป ี ซ้อน) เท่านั้นที่สามารถกล่าวอ้างการสมรสเป็น 7. กรณีใดที่ส ามารถฟ้องห ย่าได้ โมฆะได้ ก. สามีทิ้งร้างภริยาไปห นึ่งป ี จ. บุตรท ีเ่กิดในร ะหว่างก ารส มรสท ีเ่ป็นโมฆะน ั้นเป็น ข. ภริยาจากภูมิลำ�เนาไปสามปีไม่รู้ว ่าตายห รือไม่ บุตรท ี่ไม่ช อบด้วยกฎหมายของบ ิดา ค. สามีป่วยเป็นโรคหอบเรื้อรัง 3. กรณีใดที่ท ำ�ให้ก ารส มรสเป็นโมฆียะ ง. ภริยาท ำ�ผ ิดท ัณฑ์บนท ี่ท ำ�เป็นห นังสือไว้ก ับส ามีว ่า ก. พี่ชายร่วมบ ิดาเดียวกันกับน ้องส าวสมรสกัน ข. ชายที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถสมรสกับ จะไ ม่เล่นการพนันอีก หญิง จ. สามีเกิดอุบัติเหตุต้องตัดข าถึงหัวเข่าส องข ้าง ค. ชายอายุ 16 ปี สมรสกับหญิงอายุ 30 ปี 8. การหย่าโดยคำ�พิพากษาของศาลมีผลต่อบุคคลทั่วไป ง. ชายอายุ 20 ปี สมรสก ับห ญิงอายุ 25 ปี จ. ชายสมรสกบั หญงิ อ น่ื ในขณะทช่ี ายมคี สู่ มรสอ ยแู่ ลว้ ตั้งแต่เมื่อไร 4. การสมรสท ี่เป็นโมฆียะส ิ้นส ุดลงเมื่อใด ก. เมื่อยื่นค ำ�ฟ้องต ่อศาล ก. เมื่อมีก ารกล ่าว อ้าง ข. เมื่อศาลพ ิพากษาถึงที่สุดให้ห ย่า ข. เมื่อศาลพ ิพากษาถ ึงที่สุดให้เพิกถ อนการสมรส ค. เมือ่ ศ าลพ พิ ากษาถ งึ ทสี่ ดุ ใหห้ ยา่ แ ละไดจ้ ดท ะเบยี น ค. เมื่อได้จ ดท ะเบียนเพิกถอนการสมรส หย่าแ ล้ว ง. เมื่อศาลพ ิพากษาให้หย่า จ. เมื่อนายท ะเบียนได้ร ับแจ้งจากศ าล มสธ มส
22 มส 9. ในกรณีที่ภริยามีชู้ สามีสามารถเรียกค่าทดแทนได้ใน 10. ก รณีที่สามีภริยาหย่ากันโดยความยินยอมนั้น ใครมี ข้อใ ด อำ�นาจปกครองบุตร ก. เรยี กจ ากช ายช ไู้ ดแ้ มจ้ ะต กลงห ยา่ ก นั เพราะเหตมุ ชี ู้ ก. มารดาเท่านั้น ข. เรียกจากชายชู้ได้เท่านั้น แต่ต้องหย่าโดยศาล ข. บิดาเท่านั้น ค. บิดาห รือม ารดาก ็ได้แล้วแ ต่จ ะตกลงกัน พิพากษาให้ห ย่าด ้วยเหตุมีชู้ ง. ต้องให้ศ าลเป็นผู้ก ำ�หนด ค. เรียกจากท ั้งช ายช ู้แ ละภริยาได้ถ้าศ าลพ ิพากษาให้ จ. ต้องเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยข องศาล หย่าด ้วยเหตุมีชู้ ง. เรียกจากชายชู้ได้ไม่ว่าจะหย่าโดยความยินยอม หรือศ าลพิพากษาให้หย่าด ้วยเหตุมีชู้ จ. เรียกจากชายชู้หรือภริยาก็ได้ ไม่ว่าจะหย่าโดย ความย นิ ยอมห รอื ศ าลพ พิ ากษาใหห้ ยา่ ด ว้ ยเหตมุ ชี ู้ มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 23 แบบประเมินผ ลต นเองห ลังเรยี นหนว่ ยที่ 4 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามก้าวหน้าในการเรียนรู้ข องน ักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การเลิกจ ากก ารเป็นสามีภริยา” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนว งกลมล ้อมร อบข้อท ี่ถ ูกต้องที่สุด มสธ มสธ 1. กรณีใดที่ท ำ�ให้ก ารส มรสเป็นโมฆะ 4. การส มรสที่เป็นโมฆียะส ิ้นสุดลงเมื่อใด มสธ ก. ชายอ ายุ 25 ปี พาห ญงิ อ ายุ 20 หนไี ปอ ยกู่ นิ ด ว้ ยก นั ก. เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนก ารส มรส ข. ชายอายุ 20 ปีสมรสกับห ญิงวิกลจริตอ ายุ 25 ปี ข. เมื่อผู้ม ีส ่วนได้เสียได้ก ล่าวอ้าง ค. ชายอายุ17 ปีหญิงอ ายุ15 ปีส มรสก ัน ค. เมื่อได้จดท ะเบียนเพิกถอนการสมรส ง. ชายหญิงอายุ 18 ปี สมรสกันโดยไม่ได้รับความ ง. เมื่อรู้ถ ึงเหตุที่เป็นโมฆียะ จ. เมื่อมีบ ุตรท ี่เกิดจากก ารส มรสท ี่เป็นโมฆียะ ยินยอมจ ากบิดามารดา 5. การห ย่าตามก ฎหมายต ้องทำ�อ ย่างไร จ. หญิงถูกข่มขู่ให้ส มรสก ับช ายที่หลงร ักห ญิงนั้นมา ก. ต้องฟ ้องหย่าเท่านั้น ข. ตกลงห ย่าด ้วยความยินยอมเท่านั้น นานก ว่าส ิบป ี ค. สามภี รยิ าต กลงห ยา่ ก นั ต อ่ ห นา้ บ ดิ าม ารดาส องฝ า่ ย 2. การสมรสท ี่เป็นโมฆะม ีผ ลป ระการใด ง. หย่าด้วยความยินยอมหรือฟ้องห ย่าก็ได้ ก. ผู้มีส่วนได้เสียสามารถกล่าวอ้างการสมรสที่เป็น จ. ถ้าค ู่ส มรสม ีบ ุตรต ้องให้บ ุตรให้ค วามย ินยอมด ้วย โมฆะไ ด้ทุกกรณี จึงจะส ามารถห ย่ากันด้วยความยินยอมได้ ข. การสมรสที่เป็นโมฆะต้องร้องขอให้ศาลพิพากษา 6. ข้อใดที่ท ำ�ให้การสมรสส ิ้นสุดลง ก. ศาลส ั่งให้ภริยาเป็นค นส าบสูญ ให้การสมรสนั้นเป็นโมฆะเท่านั้น จะกล่าวอ้างเอง ข. สามีเสียช ีวิตจ ากอ ุบัติเหตุ ภริยาร อดต าย ไม่ได้ ค. ภริยายิงสามีจนเป็นอัมพาตครึ่งตัวแล้วภริยาทิ้ง ค. การสมรสที่สมรสในขณะที่มีคู่สมรสอยู่ (สมรส ซ้อน) เท่านั้นที่ต้องร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการ สามีไปนานเกิน 3 ปี สมรสเป็นโมฆะ ง. สามีหายจากภูมิลำ�เนาไปไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ ง. การสมรสที่สมรสในขณะที่มีคู่สมรสอยู่ (สมรส ซ้อน) เท่านั้นที่สามารถกล่าวอ้างการสมรสเป็น นานถ ึง 5 ปี โมฆะ ได้ โดยไม่ต้องให้ศาลพ ิพากษาว่าการส มรส จ. สามียกย่องหญิงอ ื่นเป็นภริยานานกว่าสามป ี เป็นโมฆะ 7. กรณีใดที่สามารถฟ ้องหย่าได้ จ. บุตรท ีเ่กิดในร ะหว่างก ารส มรสท ีเ่ป็นโมฆะน ั้นเป็น ก. สามีทิ้งร้างภริยาไป 1 ป ี บุตรที่ไม่ช อบด ้วยกฎหมายข องบ ิดา ข. สามีท ำ�ผ ิดท ัณฑ์บนท ี่ท ำ�เป็นห นังสือไว้ก ับภ ริยาว ่า 3. กรณีใดที่ท ำ�ให้ก ารสมรสเป็นโมฆียะ ก. พี่ชายร ่วมบิดาเดียวกันกับน ้องสาวสมรสกัน จะไม่เล่นการพ นันอ ีก ข. หญิงที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถสมรส ค. ภริยาป่วยเป็นโรคห อบเรื้อรัง กับชาย ง. สามีจากภูมิลำ�เนาไป3 ปีไม่รู้ว ่าต ายห รือไม่ ค. ชายอายุ 20 ปี สมรสกับห ญิง อายุ 25 ปี จ. สามีเกิดอ ุบัติเหตุต ้องต ัดข าถึงหัวเข่าสองข ้าง ง. ชายอายุ 30 ปี สมรสก ับหญิง อายุ 16 ปี จ. ชายสมรสกับหญิงอื่นในขณะที่ชายมีคู่สมรส อยู่แล้ว มสธ มส
24 มส 8. การหย่าโดยคำ�พิพากษาของศาลมีผลต่อบุคคลทั่วไป ค. เรียกจากทั้งหญิงที่เป็นชู้และสามีได้ถ้าศาล ตั้งแต่เมื่อไร พิพากษาให้หย่าด ้วยเหตุเป็นช ู้ ก. เมื่อย ื่นค ำ�ฟ้องต่อศาล ง. เรียกจากหญิงที่เป็นชู้ได้ไม่ว่าจะหย่าโดยความ ข. เมื่อศ าลพิพากษาให้ห ย่า ยินยอมหรือศาลพ ิพากษาให้ห ย่าด ้วยเหตุเป็นชู้ ค. เมื่อศ าลพ ิพากษาถ ึงที่สุดให้ห ย่า ง. เมอื่ ศ าลพ พิ ากษาถ งึ ทสี่ ดุ ใหห้ ยา่ แ ละไดจ้ ดท ะเบยี น จ. เรียกจากหญิงที่เป็นชู้หรือสามีก็ได้ ไม่ว่าจะหย่า โดยความยินยอมหรือศาลพิพากษาให้หย่าด้วย หย่าแล้ว เหตุเป็นชู้ จ. เมื่อน ายทะเบียนได้รับแจ้งจ ากศ าล 9. ในกรณีที่สามีเป็นชู้ ภริยาสามารถเรียกค่าทดแทนได้ 10. ก รณีที่สามีภริยาหย่ากันโดยความยินยอมนั้น ใครมี อำ�นาจปกครองบ ุตร ในข ้อใด ก. เรยี กจ ากห ญงิ ท เี่ ปน็ ช ไู้ ด้ แตต่ อ้ งห ยา่ ก นั ด ว้ ยค วาม ก. ศาลเป็นผู้ก ำ�หนดท ุกก รณี ข. ต้องเข้าก ระบวนการไกล่เกลี่ยของศาล ยินยอม ซึ่งม ีส าเหตุจ ากก ารเป็นช ู้ ค. มารดาเท่านั้น ข. เรียกจากหญิงที่เป็นชู้ได้เท่านั้น แต่ต้องหย่าโดย ง. บิดาเท่านั้น จ. บิดาห รือมารดาก็ได้แล้วแต่จ ะต กลงกัน ศาลพ ิพากษาให้ห ย่าด้วยเหตุเป็นช ู้ มสธ มสธ มสธ เฉลยแบบป ระเมนิ ผลตนเองห น่วยที่ 4 ก่อนเรยี น หลงั เรียน 1. ง. 1. ข. มสธ มส 2. ง. 2. ง. 3. ค. 3. ง. 4. ข. 4. ก. 5. ง. 5. ง. 6. ข. 6. ข. 7. ง. 7. ข. 8. ค. 8. ง. 9. ค. 9. ค. 10. ค. 10. จ.
มส 25 แบบประเมนิ ผลต นเองก ่อนเรียนห น่วยท ่ี 5 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความรู้เดิมข องน ักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การเป็นบ ิดามารดากับบ ุตร” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ่านค ำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล้อมรอบค ำ�ตอบท ี่ถูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. เด็กที่เกิดโดยบิดามารดาไม่ได้สมรสกันจะเป็นบุตร ค. ถือว่าเป็นการเพิกถอนความเป็นบุตรชอบด้วย มสธชอบด ้วยกฎหมายของมารดาเมื่อใด กฎหมายของทั้งบ ิดาแ ละมาร ดา ก. เมื่อม ารดายอมรับรองว่าเด็กเป็นบุตรข องต น ง. ถือว่าเป็นการเพิกถอนความเป็นบุตรชอบด้วย ข. เมือ่ ม ารดาย อมใหแ้ จง้ ช ื่อต นเป็นม ารดาในส ตู ิบัตร กฎหมายข องบิดา ค. เมื่อมีคำ�พิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย จ. ไมม่ ผี ลกร ะท บต อ่ ค วามเปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ยก ฎหมาย ของม ารดา 5. ข้อใดอยู่ในความหมายของ “ระยะเวลาที่หญิงอาจ ง. เมื่อม ารดาจดทะเบียนร ับเด็กเป็นบ ุตร จ. เมื่อเด็กเกิด ต ั้งครรภ์ได้” 2. บิดาจะต้องดำ�เนินการอย่างไรเพื่อทำ�ให้บุตรนอก ก. ตั้งแต่ 180 วัน แต่ไม่เกิน 310 วัน ข. ตั้งแต่ 120 วัน แต่ไม่เกิน 310 วัน กฎหมายเป็นบ ุตรชอบด้วยกฎหมาย ค. ตั้งแต่ 120 วัน แต่ไม่เกิน 280 วัน ก. จดท ะเบียนร ับเด็กเป็นบุตรบ ุญธรรม ง. ภายในระยะเวลา 7 ถึง 9 เดือน ข. แจ้งชื่อของต นเป็นบิดาในส ูติบัตร จ. เวลาใดๆ นอกจากระยะเวลาก่อนและหลังมี ค. รับรองบุตรโดยพ ฤตินัย ง. ขอให้ศาลพ ิพากษาว่าเป็นบุตร ประจำ�เดือน 7 วัน จ. ถูกทุกข้อ 6. กรณีที่บิดาได้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแล้ว ผู้มี 3. สมชายและโสภาสมรสกัน แต่โสภาไม่สามารถ ส่วนได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนดังกล่าว ต ัง้ ครรภไ์ ด้ จงึ ต อ้ งใชเ้ ทคโนโลยที างการแ พทยช์ ว่ ย โดย ได้หรือไ ม่ ใช้สเปิร์มของสมชายและไข่ของโสภา เมื่อผสมกันจน ก. ได้เฉพาะก รณีที่ผู้จ ดทะเบียนนั้นกระทำ�ผิดอาญา เกดิ เปน็ ต วั อ อ่ นแ ลว้ จ งึ น �ำ ต วั อ อ่ นฝ งั ในม ดลกู ข องจ ติ รา ตอ่ ม าเมือ่ จ ติ ราค ลอดบ ตุ ร เดก็ ท เี่ กดิ ม าจ ะเปน็ บ ตุ รช อบ ต่อเด็ก ด้วยกฎหมายของใ คร ข. ได้เฉพาะกรณีที่ผู้จดทะเบียนนั้นไม่ใช่บิดาที่ ก. สมชาย ข. สมชายและจ ิตรา แท้จ ริง ค. สมชายและโสภา ค. ไดเ้ ฉพาะก รณที ผ่ี จู้ ดท ะเบยี นน น้ั เปน็ ผ ตู้ ดิ ย าเสพต ดิ ง. โสภา ง. ไดเ้ ฉพาะก รณที ผี่ จู้ ดท ะเบยี นน น้ั เปน็ ผ ไู้ มเ่ หมาะสม จ. จิตรา 4. กรณีที่ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสจะมีผลต่อ ที่จะใช้อำ�นาจป กครองบุตร บุตรที่เกิดในระหว่างการสมรสน ั้นหรือไม่ จ. ไม่ได้ไม่ว่ากรณีใดๆ เมื่อจดทะเบียนรับรองบุตร ก. ความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของทั้งบิดาและ แล้วไม่อ าจเพิกถ อนได้ มารดาเป็นโมฆียะอาจถูกเพิกถอนภายห ลังได้ 7. สมชายสมรสกับโสภาได้เพียง 1 ปีก็หย่าขาดจากกัน ข. ความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาเป็น หลังจากน ั้น 2 เดือน โสภาก็สมรสก ับพ ิชัย ต่อมาอ ีก 5 โมฆียะอาจถ ูกเพิกถ อนภายห ลังได้ เดือน โสภาก ค็ ลอดบ ุตร เช่นน ี้ เด็กท ีเ่กิดม าจ ะเป็นบ ุตร ชอบด้วยก ฎหมายข องใคร ก. กฎหมายใหส้ นั นษิ ฐานไวก้ อ่ นว า่ เปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ย กฎหมายข องพิชัย ข. กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ พิชัย มสธ มส
26 มส ค. กฎหมายใหส้ นั นษิ ฐานไวก้ อ่ นว า่ เปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ยมสธ ก. ไม่ได้ไม่ว ่าก รณีใดๆเพราะก ฎหมายไม่ได้บ ัญญัติ กฎหมายของสมชายมสธ ให้บ ุตรม ีสิทธิท ี่จะท ำ�ได้ ง. กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ข. ไม่ได้ไม่ว่าก รณีใดๆเพราะถือว่าเป็นค ดีอุทลุม สมชาย ค. ไม่ได้เพราะสมศักดิ์ยังไม่ทราบว่าใครเป็นบิดาที่ จ. ต้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรชอบด้วย แท้จ ริงของตน กฎหมายของใคร ง. ได้โดยการร้องขอให้พนักงานอัยการฟ้องคดี 8. ข้อใดเป็นเหตุที่จะฟ้องป ฏิเสธความเป็นบุตร แทนต น ก. ชายไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระหว่างระยะ จ. ได้โดยการฟ้องคดีด้วยตนเองเพราะเป็นสิทธิ เวลา 210 วัน ถึง 270 วันก ่อนเด็กเกิด เฉพาะตัวข องบุตร ข. ชายไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเด็กในระหว่างระยะ 10. สมชายส มรสก ับโสภาม ีบ ุตรด ้วยก ัน 1 คน คือ สมศักดิ์ เวลา 180 วัน ถึง 310 วันก ่อนเด็กเกิด หลงั จ ากส มชายถ งึ แกค่ วามต ายแ ลว้ 1 เดอื น ขอ้ เทจ็ จรงิ ค. ชายไมไ่ ดอ้ ยรู่ ว่ มก บั ม ารดาเดก็ ในร ะหวา่ งร ะยะ เวลา จงึ ป รากฏว า่ สมศ กั ดไิ์ มใ่ ชบ่ ตุ รส บื สายโลหติ ข องส มชาย ถา้ ส มชายม บี ตุ รเพยี งค นเดยี ว ไมม่ บี ดิ าม ารดา สมห ญงิ 180 วัน ถึง 310 วันก ่อนเด็กเกิด ซึ่งเป็นน ้องส าวข องส มชายจ ะฟ ้องค ดีป ฏิเสธค วามเป็น ง. ชายไม่ได้ร่วมประเวณีกับมารดาเด็กเลยถึงแม้จะ บุตรได้ห รือไม่ ก. ได้ในฐ านะผ ู้มีสิทธิรับมรดกร ่วมก ับส มศักดิ์ อยู่ร่วมกันฉันส ามีภ ริยาก็ตาม ข. ได้ในฐานะผู้ซึ่งต้องเสียสิทธิรับมรดกเนื่องจาก จ. ชายพ ิสูจน์ได้ว่าในระหว่างอยู่ก ินกัน ชายจับได้ว ่า ก ารเกิดของสมศ ักดิ์ หญิงมีชู้ ค. ได้ในฐ านะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย 9. สมชายส มรสก ับโสภาม ีบ ุตรด ้วยก ัน 1 คน คือ สมศ ักดิ์ ง. ไมไ่ดเ้พราะไม่ใชผ่ ูม้ สี ิทธริ ับม รดกร ่วมก ับส มศ ักดิ์ จ. ไม่ได้เพราะไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์ม รดก ถ้าสมศักดิ์เพิ่งทราบว่า สมชายเป็นหมันมาแต่กำ�เนิด ซึ่งแสดงว ่าสมศ ักดิ์ไม่ใช่บ ุตรส ืบสายโลหิตข องสมชาย แตส่ มศ ักดิก์ ย็ ังไมท่ ราบว ่าใครค ือบ ิดาท ี่แทจ้ ริงข องต น เช่นนี้ สมศักดิ์จะฟ้องปฏิเสธความเป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายข องส มชายได้ห รือไม่ มสธ มสธ มส
มส 27 แบบป ระเมนิ ผ ลตนเองหลังเรยี นหนว่ ยท ่ี 5 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความก ้าวหน้าในก ารเรียนรู้ข องนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การเป็นบิดามารดาก ับบุตร” คำ�แ นะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านคำ�ถาม แล้วเขียนวงกลมล้อมร อบค ำ�ต อบท ี่ถ ูกต ้องที่สุด มสธ มสธ 1. เด็กที่เกิดโดยบิดามารดาไม่ได้สมรสกันจะเป็นบุตร ข. ความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาเป็น มสธชอบด้วยก ฎหมายข องบ ิดาเมื่อใด โมฆะเพราะถ อื วา่ ไมเ่ คยม กี ารส มรสก นั ม าก อ่ นเลย ก. เมื่อบ ิดาใส่ช ื่อข องตนเป็นบิดาในส ูติบัตร ค. ถือว่าเป็นการเพิกถอนความเป็นบุตรชอบด้วย ข. เมื่อม ีชื่อของบ ิดาในสูติบัตร กฎหมายข องท ั้งบิดาและม ารดา ค. เมื่อบ ิดาม ารดาจ ดทะเบียนส มรสภ ายห ลัง ง. เมื่อบ ิดาจดท ะเบียนร ับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ง. ถือว่าเป็นการเพิกถอนความเป็นบุตรชอบด้วย จ. เมื่อบ ิดาแ สดงก ารร ับรองเด็กโดยพ ฤตินัย กฎหมายข องบ ิดา 2. เด็กที่เกิดโดยบิดามารดาไม่ได้สมรสกันจะเป็นบุตร จ. ไมม่ ผี ลกร ะท บต อ่ ค วามเปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ยก ฎหมาย ชอบด้วยกฎหมายของมารดาเมื่อใ ด ทั้งข องบ ิดาแ ละม ารดา ก. เมื่อม ารดาใส่ช ื่อของม ารดาในสูติบัตร ข. เมื่อม ีชื่อของม ารดาในส ูติบัตร 5 “ระยะเวลาท ีห่ ญิงอ าจต ั้งค รรภไ์ด้” หมายถ ึงร ะยะเวลา ค. เมื่อบ ิดาม ารดาจ ดท ะเบียนสมรสภายห ลัง ในข้อใ ด ง. เมื่อม ารดาจ ดท ะเบียนรับเด็กเป็นบ ุตร จ. เมื่อเด็กเกิด ก. ตั้งแต่ 120 วัน แต่ไม่เกิน 310 วัน 3. ข้อใดเป็นหลักกฎหมายเกี่ยวกับการอุ้มบุญโดยใช้ ข. ตั้งแต่ 120 วัน แต่ไม่เกิน 280 วัน ค. ตั้งแต่ 180 วัน แต่ไม่เกิน 310 วัน ไข่ของภริยาของค ู่ส มรสซ ึ่งต้องการมีบุตร ง. ภายในร ะยะเวลา 9 เดือน ก. เด็กที่เกิดมาต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ จ. เวลาใดๆ นอกจากระยะเวลาก่อนและหลังมี ผู้อ ุ้มบ ุญ ประจำ�เดือน 7 วัน ข. เด็กที่เกิดมาต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ 6. กรณที ีบ่ ิดาไดจ้ ดท ะเบียนร ับเด็กเป็นบ ุตรแ ล้ว ผูม้ สี ่วน สามีภ ริยาผ ู้ต ้องการมีบ ุตร ได้เสียจะขอให้ศาลถอนการจดทะเบียนดังกล่าวได้ ค. เด็กที่เกิดมาต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ภายในกำ�หนดอ ายุความเท่าไร ก. ภายใน 60 วันนับแ ต่วันที่ร ู้ถ ึงก ารจ ดท ะเบียน ภริยาซึ่งเป็นเจ้าของไ ข่ ข. ภายใน 3 เดือนนับแต่วันท ี่ร ู้ถ ึงก ารจดท ะเบียน ง. เด็กที่เกิดมาจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ค. ภายใน 6 เดือนนับแต่วันท ี่ร ู้ถึงการจดทะเบียน ง. ภายใน 1 ปีนับแต่วันท ี่ร ู้ถ ึงการจ ดทะเบียน ภริยาซ ึ่งเป็นเจ้าของไขต่ ่อเมื่อภ ริยาแ จ้งในส ูติบัตร จ. ภายใน 1 ปีนับแต่ว ันจดทะเบียน ว่าเป็นบ ุตรข องต น 7. สมชายสมรสกับโสภาได้เพียง 1 ปีก็เลิกราจ ากกันโดย จ. เด็กที่เกิดมาจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ไม่ได้ติดต่อก ันอ ีก หลังจากน ั้น 2 เดือน โสภาก ็ส มรส ภริยา ซึ่งเป็นเจ้าของไข่ต่อเมื่อภริยาจดทะเบียน กับพ ิชัยท ั้งท ี่ย ังไม่ได้จ ดท ะเบียนห ย่าก ับส มชาย ต่อม า รับรองบุตร อีก 5 เดือน โสภาก็ค ลอดบุตร เช่นนี้ เด็กที่เกิดมาจ ะ 4. กรณีที่ศาลพิพากษาให้การสมรสเป็นโมฆะจะมีผลต่อ เป็นบุตรช อบด้วยกฎหมายของใคร บุตรที่เกิดในระหว่างการส มรสน ั้นหรือไม่ ก. กฎหมายใหส้ นั นษิ ฐานไวก้ อ่ นว า่ เปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ย ก. ความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของทั้งบิดาและ มารดาเป็นโมฆะเพราะถ ือว่าไมเ่คยม กี ารส มรสก ัน กฎหมายข องพิชัย มาก่อนเลย ข. กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ พิชัย มสธ มส
28 มส ค. กฎหมายใหส้ นั นษิ ฐานไวก้ อ่ นว า่ เปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ยมสธ ค. บตุ รต อ้ งร อ้ งขอใหพ้ นกั งานอ ยั การฟ อ้ งค ดแี ทนต น กฎหมายของสมชายมสธ ง. บุตรจะต้องฟ้องคดีด้วยตนเองภายใน 10 ปี นับ ง. กฎหมายให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ แต่เด็กบรรลุนิติภาวะ สมชาย จ. บุตรจะต้องฟ้องคดีด้วยตนเองภายใน 10 ปี นับ จ. ตอ้ งข อใหศ้ าลพ พิ ากษาว า่ เปน็ บ ตุ รช อบด ว้ ยก ฎหมาย แต่ร ู้เหตุที่จะป ฏิเสธความเป็นบุตรนั้น ของใ คร 10. ก รณีที่ชายผู้เป็นสามีของมารดาของเด็กได้ฟ้องคดี 8. ข้อใดเป็นอายุค วามที่จะฟ้องปฏิเสธความเป็นบ ุตร ไมร่ ับเด็กเป็นบ ุตรแ ล้วแ ละถ ึงแกค่ วามต ายก ่อนค ดนี ั้น ก. ภายในก ำ�หนด 1 ปีนับแต่วันร ู้ถ ึงเหตุท ี่จ ะปฏิเสธ ถึงที่ส ุด ศาลจะด ำ�เนินก ารอ ย่างไร ก. จำ�หน่ายคดีเพราะเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิเฉพาะตัว ความเป็นบุตร ข. ภายในก ำ�หนด 1 ปีนับแ ต่ว ันร ู้ถึงการเกิดข องเด็ก จึงไม่อ าจร ับม รดกความได้ ค. ภายในก ำ�หนด 3 เดือนนับแ ต่ว ันร ู้ถึงก ารเกิดข อง ข. จำ�หนา่ ยค ดี หากไม่มผี ใู้ดร ้องขอเข้าม าเป็นค คู่ วาม เด็ก แทนที่ผู้ต ายภายใน 3 เดือน ง. ภายในกำ�หนด 3 เดือน นับแต่วันรู้ถึงเหตุที่จะ ค. จ�ำ หน่ายค ดี หากไม่มผี ูใ้ดร ้องขอเข้าม าเป็นค ูค่ วาม ปฏิเสธความเป็นบุตร แทนที่ผู้ตายภายใน 6 เดือน จ. ภายในก ำ�หนด 1 ปีนับแ ต่วันร ู้ถ ึงเหตุที่จ ะป ฏิเสธ ง. อนญุ าตใหท้ ายาทซ ึง่ ม ชี ือ่ ในล �ำ ดบั ท ายาท ล�ำ ดบั ใด ความเป็นบุตร ลำ�ดับห นึ่งก ็ได้เข้าม ารับม รดกค วาม 9. ข้อใดเป็นหลักเกณฑ์การฟ ้องป ฏิเสธค วามเป็นบ ุตร จ. อนุญาตให้ทายาทซึ่งมีสิทธิรับมรดกร่วมกับเด็ก ก. บตุ รต อ้ งฟ อ้ งค ดดี ว้ ยต นเองเทา่ นัน้ เพราะเปน็ ส ทิ ธิ หรือเสียสิทธิรับมรดกเนื่องจากการเกิดของเด็ก เฉพาะตัว เข้าม าร ับมรดกความได้ ข. บุตรจะฟ้องป ฏิเสธความเป็นบ ุตรไม่ได้ไม่ว่ากรณี ใดๆเพราะถือว่าเป็นคดีอ ุทลุม มสธ เฉลยแบบป ระเมินผลต นเองหนว่ ยที่ 5 กอ่ นเรยี น หลงั เรยี น 1. จ. 1. ค. มสธ มส 2. ง. 2. จ. 3. จ. 3. ก. 4. จ. 4. จ. 5. ก. 5. ค. 6. ข. 6. ข. 7. ก. 7. ก. 8. ค. 8. ข. 9. ง. 9. ค. 10. ข. 10. จ.
มส 29 แบบประเมนิ ผลต นเองก อ่ นเรยี นหนว่ ยท ี่ 6 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความร ู้เดิมของนักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “สิทธิ หน้าที่ระหว่างบิดา มารดาก ับบ ุตร และค วาม ปกครอง” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล ้อมร อบข ้อค ำ�ตอบที่ถ ูกต้องที่สุด มสธ มสธ 1. อำ�นาจป กครองบุตรผ ู้เยาว์เป็นข องใคร 5. กรณีใดท ี่ผู้ป กครองไ ม่มีส ิทธิต ่อผ ู้อ ยู่ในป กครอง มสธ ก. บิดา ก. กำ�หนดท ี่อยู่อาศัย ข. มารดา ข. เฆี่ยนตีเพื่อว ่าก ล่าวส ั่งสอนตามส มควร ค. บิดาแ ละม ารดา ค. ใช้เงินได้ข องผู้อยู่ในปกครองในการค ้า ง. บิดาหรือม ารดาแล้วแ ต่จะตกลงก ัน ง. ให้ผู้อ ยู่ในป กครองท ำ�การง านต ามส มควร จ. บิดา มารดาหรือผ ู้ปกครอง จ. ใช้เงินข องผู้อยู่ป กครองในก ารให้การศึกษา 2. การอุปการะเลี้ยงดูกฎหมายกำ�หนดให้ในกรณีใดเป็น 6. ผู้ปกครองมีสิทธินำ�เงินได้ของผู้อยู่ในปกครองไป หน้าที่ของผู้ใช้อ ำ�นาจป กครอง แสวงหาประโยชน์ใ นกรณีใด ก. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร ก. ฝากออมทรัพย์ในธนาคารพ าณิชย์ ข. ฝากประจำ�ในธ นาคารพาณิชย์ ผ ู้เยาว์เฉพาะแต่ผู้ที่หาเลี้ยงช ีพตนเองไม่ได้ ค. ซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ ข. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร ง. ฝากประจำ�ในบ ริษัทเงินท ุน จ. ซื้อหุ้นในบ ริษัทที่ม ีผลป ระกอบการด ี ผู้เยาว์ทุกกรณี 7. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองไม่มีอำ�นาจทำ�นิติกรรมเกี่ยวกับ ค. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองจะมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู ทรัพย์สินข องผ ู้เยาว์โดยลำ�พัง ในกรณีใด เฉพาะบ ุตรท ี่ท ุพพลภาพ ก. ประนีประนอมยอมค วาม ง. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตร ข. ซื้อสังหาริมทรัพย์ท ี่มีท ะเบียนแ สดงกรรมสิทธิ์ ค. กู้ยืมเงิน ผู้บรรลุน ิติภาวะที่ทุพพลภาพ ง. ให้เช่าอ สังหาริมทรัพย์ม ีกำ�หนด 3 ปี จ. ผู้ใช้อำ�นาจปกครองมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูกรณี จ. ให้ยืมท รัพย์สิน 8. ในข้อใดเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองเมื่อความเป็น บุตรไม่มีผ ู้ป กครอง 3. กฎหมายห้ามบุตรฟ้องบิดา มารดา หากบุตรฟ้องถือ ผู้ป กครองส ิ้นสุดลง ก. รีบทำ�บัญชีทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองให้เสร็จ เป็นค ดีอุทลุมในก รณีใด ก. เฉพาะคดีอาญา ภายใน 1 เดือน ข. เฉพาะคดีแ พ่ง ข. รีบทำ�บัญชีทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองให้เสร็จ ค. ทั้งคดีแพ่งแ ละค ดีอาญา ง. คดีแ พ่งเกี่ยวเนื่องก ับคดีอาญา ภายใน 2 เดือน จ. คดีอ าญาบ างค ดี ค. รีบทำ�บัญชีทรัพย์สินของผู้อยู่ในปกครองให้เสร็จ 4. บุคคลใดท ี่กฎหมายไม่ห ้ามผ ู้สืบสันดานฟ้อง ก. บิดามารดา ภายใน 3 เดือน ข. ปู่ ย่า ง. ทำ�บัญชีท รัพย์สินส่งศาลปีล ะครั้ง ค. ทวด จ. ทำ�บัญชีท รัพย์สินส ่งศาลภายใน 1 ปี นับแ ต่ค วาม ง. ลุง ป้า น้า อา จ. ตา ยาย เป็นผู้ปกครองสิ้นสุดล ง มสธ มส
30 มส 9. กรณีใดท ี่ไ ม่เป็นเหตุให้อ ำ�นาจข องผ ู้ใช้อ ำ�นาจป กครอง 10. กรณีท ี่ผู้ปกครองมีส ิทธิได้ร ับบำ�เหน็จ เมื่อ คนหนึ่งคนใดสิ้นสุดล ง ก. มีข้อกำ�หนดไว้ในพินัยกรรมให้ผู้ปกครองได้รับ ก. ผู้ใช้อ ำ�นาจป กครองค นน ั้นถ ึงแก่ความตาย บำ�เหน็จ ข. ผู้ใช้อ ำ�นาจป กครองค นนั้นลาออก ข. ผู้ปกครองตกลงกับผ ู้อ ยู่ในปกครอง ค. ผใู้ ชอ้ �ำ นาจป กครองค นน ัน้ ถ กู ถ อนอ �ำ นาจป กครอง ค. ศาลก ำ�หนดบำ�เหน็จให้ตามด ุลพินิจ ง. ผู้อ ยู่ในอ ำ�นาจปกครองต าย ง. กรณีมีคำ�สั่งตั้งผู้ปกครองไว้ในพินัยกรรมศาล จ. ผู้อยู่ในป กครองบ รรลุน ิติภาวะ ก�ำ หนดบ �ำ เหนจ็ ใหใ้ นภ ายห ลงั แมม้ ขี อ้ ก �ำ หนดห า้ ม ผู้ป กครองร ับบ ำ�เหน็จ จ. กรณีผู้ปกครองที่ศาลตั้งนั้นไม่ได้เป็นญาติกับ ผู้อ ยู่ในปกครอง มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 31 แบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรยี นห นว่ ยท่ี 6 วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินค วามก้าวหน้าในก ารเรียนร ู้ข องน ักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “สิทธิหน้าที่ระหว่างบิดา มารดากับ บุตรและค วามป กครอง” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านค ำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล้อมร อบข้อค ำ�ต อบที่ถ ูกต ้องที่สุด มสธ มสธ 1. กรณใี ดด งั ต อ่ ไปน ี้ ไมเ่ ปน็ เหตใุหอ้ ำ�นาจป กครองต กอ ยู่ 5. ผู้ป กครองม ีหน้าท ี่ต่อผู้อยู่ในปกครองในกรณีต ่อไปนี้ มสธแก่บ ิดาหรือม ารดาโดยผ ลข องก ฎหมาย ก. อุปการะเลี้ยงดูผู้อยู่ในปกครองจนกว่าผู้อยู่ใน ก. บิดาห รือมารดาต าย ปกครองจะเลี้ยงด ูตนเองได้ ข. ไม่แ น่นอนว ่าบ ิดาหรือมารดาม ีช ีวิตอ ยู่ห รือต าย ข. ให้การศ ึกษาผู้อยู่ในปกครองจนกว่าจะสอบไล่ได้ ค. บิดาหรือมารดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ชั้นมัธยมศึกษาป ีท ี่ 3 เพราะจิตฟ ั่นเฟือน ค. อุปการะเลี้ยงด ูผู้อ ยู่ในปกครองที่ทุพพลภาพแ ละ ง. บิดาห ย่าก ับม ารดา จ. บิดาห รือมารดาอยู่ต่างประเทศ หาเลี้ยงต นเองไม่ได้ แม้ผู้อยู่ในปกครองจะบ รรลุ 2. หน้าที่ให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ เป็นหน้าที่ของบิดา นิติภาวะ ง. ให้การศึกษาผู้อยู่ในปกครองจนกว่าจะสอบไล่ได้ มารดา กรณีใด ชั้นม ัธยมศึกษา ก. บุตรผ ู้เยาว์อายุต ํ่าว ่า 18 ปีบริบ ูรณ์ จ. ให้ผู้อยู่ในป กครองใช้น ามสกุล ข. บุตรผ ู้เยาว์อายุตํ่ากว่า 15 ปีบร ิบ ูรณ์ 6. ผู้ปกครองมีสิทธินำ�เงินได้ของผู้อยู่ในปกครองไป ค. บุตรผ ู้เยาว์ในก รณีศึกษาในช ั้นป ระถมศึกษา แสวงหาป ระโยชน์ในกรณีต่อไปนี้ ง. บุตรผ ู้เยาว์ในก รณีศึกษาในช ั้นมัธยมศึกษา ก. ซื้อหุ้นธนาคารพ าณิชย์ จ. บุตรผู้เยาว์อายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ ข. ซื้อตั๋วส ัญญาใช้เงินข องธ นาคาร ค. ฝากออมท รัพย์ในธ นาคารพ าณิชย์ ชั้นป ีท ี่ 9 ของก ารศึกษาภ าคบ ังคับ ง. ฝากประจำ�ในธนาคารพาณิชย์ 3. คดีอ ุทลุม ได้แก่ค ดีดังต ่อไปนี้ จ. ซื้อหุ้นบ ริษัทท ี่มีผ ลป ระกอบก ารด ี ก. บุตรฟ ้องบ ิดาห รือมารดา 7. นิติกรรมใดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ในกรณี ข. หลานฟ ้องล ุง ป้า ต่อไปน ี้ ที่ผู้ใช้อำ�นาจปกครองมีส ิทธิทำ�ได้โดยล ำ�พัง ค. หลานฟ ้องน้า อา ก. กู้ยืมเงิน ง. หลานฟ ้องผู้บ ุพการีเฉพาะคดีอาญา ข. ให้เช่าอ สังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี จ. บุตรบ ุญธรรมฟ้องผ ู้รับบุตรบุญธรรม ค. ให้เช่าซ ื้ออสังหาริมทรัพย์ 4. กฎหมายห ้ามผู้ส ืบส ันดานฟ้องผู้บุพการีในค ดีต ่อไปนี้ ง. มอบข้อพ ิพาทให้อนุญาโตตุลาการว ินิจฉัย ก. คดีท ำ�ร้ายร่างกาย จ. จะขายอ สังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจ ข. คดีก ู้ยืมเงิน จำ�นองได้ ค. คดีล ะเมิดข ับร ถยนต์ชนได้รับบ าดเจ็บ ง. คดีท ำ�ร้ายร ่างกาย คดีกู้ยืมเงิน คดีปลอมเอกสาร จ. คดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในกรณีที่ผู้สืบสันดาน เป็นผู้จัดการม รดก มสธ มส
32 มส 8. กรณีใดในข้อต่อไปนี้เป็นหน้าที่ซึ่งผู้ปกครองต้องรีบ 10. ผ ู้ป กครองม สี ทิ ธไิ ดร้ บั บ ำ�เหนจ็ ในก ารท �ำ หนา้ ทผ่ี ปู้ กครอง กระทำ�ท ันทีเมื่อความเป็นผู้ปกครองส ิ้นสุดลง ในกรณีต่อไปน ี้ ก. รีบส ่งท รัพย์สินให้แ ก่ผู้อ ยู่ในปกครอง ก. ผู้ปกครองตกลงก ับผ ู้อ ยู่ในปกครอง ข. รีบเก็บรวบรวมท รัพย์สินข องผ ู้อ ยู่ในปกครอง ข. ศาลกำ�หนดบ ำ�เหน็จให้ตามดุลพินิจ ค. รีบเรียกหนี้สินของผู้อยู่ในปกครองจากบุคคล ค. มีข้อกำ�หนดไว้ในพินัยกรรมให้ผู้ปกครองได้รับ ภายนอก บำ�เหน็จ ง. รีบท ำ�บัญชีทรัพย์สินข องผู้อยู่ในป กครอง ง. ศาลกำ�หนดบำ�เหน็จให้ภายหลังจากมีการแต่งตั้ง จ. รีบเก็บร วบรวมท รัพย์สินแ ละท ำ�บ ัญชีข องผู้อยู่ใน ผู้ปกครองโดยพินัยกรรม แม้มีข้อกำ�หนด ห้าม ปกครองส ่งศ าลโดยเร็ว ผู้ป กครองรับบำ�เหน็จ 9. กรณีใดไ ม่เป็นเหตุให้ค วามเป็นผู้ปกครองส ิ้นส ุด จ. ผู้ปกครองไม่ใช่ญ าติข องผู้อยู่ในป กครอง ก. ผู้ป กครองต าย ข. ผู้อยู่ในป กครองว ิกลจริต ค. ผู้ปกครองลาออกโดยได้รับอ นุญาตจ ากศาล ง. ผู้ปกครองถ ูกถอนโดยค ำ�ส ั่งศ าล จ. ผู้อยู่ในปกครองถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ ความสามารถ มสธ มสธ มสธ เฉลยแบบประเมินผลตนเองหนว่ ยท ่ี 6 กอ่ นเรียน มสธ หลงั เรียน 1. ค. มส 1. ง. 2. ข. 2. จ. 3. ค. 3. ก. 4. ง. 4. ง. 5. ค. 5. ข. 6. ข. 6. ง. 7. ก. 7. ก. 8. ค. 8. ง. 9. ข. 9. ข. 10. ก. 10. ค.
มส 33 แบบประเมนิ ผลต นเองก่อนเรียนห นว่ ยท่ี 7 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามรู้เดิมข องนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “บุตรบุญธรรม” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล้อมรอบข้อค ำ�ตอบที่ถูกต้องที่สุด มสธ มสธ 1. ในการรับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมจะต้อง ง. การรับบุตรบุญธรรมไม่จำ�ต้องทำ�ตามแบบแต่ มสธมีอายุเท่าใด อยา่ งใด จ. ไม่มีแบบ แต่ต ้องม ีห ลักฐานเป็นห นังสือ ก. ไม่ตํ่ากว่า 35 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร 5. บุตรบ ุญธรรมม คี วามส ัมพันธก์ ับผ ู้รับบ ุตรบ ุญธรรมใน บุญธรรมอย่างน ้อย 15 ปี ฐานะใด เมื่อม ีการรับบุตรบ ุญธรรมแ ล้ว ข. ไม่ตํ่ากว่า 30 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร ก. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร บุญธรรมอย่างน ้อย 15 ปี บุญธรรมและคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมโดย ค. ไม่ตํ่ากว่า 25 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร ตอ้ งส นิ้ ค วามส มั พนั ธใ์ ดๆ ในค รอบครวั เดมิ ข องต น บุญธรรมอ ย่างน้อย 15 ปี ข. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร บุญธรรมเพียงผู้เดียวและต้องสิ้นความสัมพันธ์ ง. ไมจ่ ำ�กดั อ ายแุ ตต่ ้องแ กก่ ว่าผ จู้ ะเปน็ บ ตุ รบ ุญธรรม ใดๆ ในค รอบครัวเดิมของตน อย่างน ้อย 15 ปี ค. มีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ผู้รับบ ุตรบ ุญธรรม แตไ่มเ่สียฐ านะห รือส ิทธหิ น้าที่ จ. ไม่มีข้อใดถูก ในครอบครัวเดิมข องตน 2. ในก ารร ับบ ุตรบ ุญธรรม ผู้จ ะเป็นบ ุตรบ ุญธรรมจ ะต ้อง ง. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร บุญธรรมและคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม แต่ มีอายุเท่าใด ไม่เสียฐานะหรือสิทธิหน้าที่ในครอบครัวเดิม ก. ไม่ตํ่ากว่า 35 ปี ของต น ข. ไม่ตํ่ากว่า 30 ปี จ. มีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร ค. ไม่ตํ่ากว่า 25 ปี บุญธรรมเท่านั้น ง. ไม่จำ�กัดอายุ 6. ข้อใดถ ูกใ นข ้อความต ่อไปน ี้ จ. ต้องเป็นผู้ย ังไม่บรรลุนิติภาวะ ก. ผูร้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรมแ ละบ ตุ รบ ญุ ธรรมต า่ งม สี ทิ ธริ บั 3. การรับบุคคลอายุ 18 ปี และสมรสแล้วเป็นบุตร มรดกซ ึ่งก ันแ ละก ันในฐานะทายาทโดยธ รรม ข. บตุ รบ ญุ ธรรมม สี ทิ ธริ บั ม รดกข องผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม บุญธรรมจ ะต้องได้รับความย ินยอมจากใครบ้าง และค ูส่ มรสข องผ ูร้ ับบ ตุ รบ ญุ ธรรมเพยี งฝ า่ ยเดียว ก. จากบิดามารดาและค ู่สมรสของผ ู้น ั้น ค. ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกโดยทางพินัย- ข. จากบิดามารดาในฐานะผู้ใช้อำ�นาจปกครอง และ กรรมของบ ุตรบุญธรรม แต่ไม่มีส ิทธิรับม รดกใน ฐานะทายาทโดยธ รรม คู่ส มรสของผ ู้นั้น ง. ผู้รับบ ุตรบ ุญธรรมม ีส ิทธิร ับม รดกในฐ านะท ายาท ค. จากตัวเขาเองและค ู่สมรส โดยธ รรมข องบ ตุ รบ ุญธรรม แตไ่ม่มสี ิทธริ ับม รดก ง. จากบิดาม ารดา ตัวเขาเอง และคู่ส มรส โดยท างพินัยกรรม จ. จากบิดาห รือม ารดา ตัวเขาเอง และคู่สมรส จ. บตุ รบ ญุ ธรรมม สี ทิ ธริ บั ม รดกข องผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม 4. การรับบ ุตรบุญธรรมม ีแบบหรือไม่ อย่างไร เพียงฝ ่ายเดียวไม่ว ่าในฐ านะใด ก. มี คือต ้องท ำ�เป็นหนังสือ ข. มี คือต้องทำ�เป็นหนังสือและจดทะเบียนตาม กฎหมาย ค. มี คือต้องจดท ะเบียนตามก ฎหมาย มสธ มส
34 มส 7. ข้อใดถ ูกในข ้อความต ่อไปนี้มสธ 9. ผู้รับบ ุตรบ ุญธรรม หรือบ ุตรบ ุญธรรมฝ ่ายใดฝ ่ายหนึ่ง ก. บุตรบุญธรรมยังมีสิทธิได้รับการอุปการะเลี้ยงดูมสธ มีสิทธิฟ้องคดีของเลิกการรับบุตรบุญธรรมได้ใน กรณีใ ด จากบิดามารดาโดยกำ�เนิดอยู่ตลอดไป แม้บุตร นั้นจะตกไปเป็นบ ุตรบุญธรรมของผู้อื่นแล้ว ก. เมือ่ ฝ า่ ยห นึ่งฝ า่ ยใดห มิน่ ป ระมาทอ กี ฝ า่ ยห นึ่งห รือ ข. บุตรบุญธรรมยังมีสิทธิรับมรดกของบิดามารดา บุพการีอีกฝ่ายห นึ่งอ ันเป็นการร้ายแ รง ของผู้ให้กำ�เนิด แม้บุตรนั้นจะตกไปเป็นบุตร บุญธรรมของผู้อ ื่นแล้ว ข. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่งหรือ ค. บิดามารดาโดยกำ�เนิดไม่มีสิทธิรับการอุปการะ บุพการีข องอีกฝ ่ายหนึ่ง เลี้ยงด ูจ ากบ ุตรซึ่งได้ตกไปเป็นบ ุตรบุญธรรมของ ผู้อื่นแ ล้ว ค. เมื่อฝ ่ายห นึ่งฝ ่ายใดจ งใจล ะทิ้งอีกฝ่ายห นึ่ง ง. บิดามารดาโดยกำ�เนิดยังมีอำ�นาจปกครองบุตร ง. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องคำ�พิพากษาถึงที่สุดให้ ผู้เยาว์ของตนอยู่ แม้บุตรจะตกไปเป็นบุตร บุญธรรมข องผู้อื่นแล้ว จำ�คุก จ. ไม่มีข ้อใดถ ูก จ. ถูกทุกข ้อ 8. การรับบุตรบ ุญธรรมส ิ้นส ุดลงในกรณีใด 10. ข้อใดถ ูกในข้อความต ่อไปนี้ ก. เมื่อบ ุตรบ ุญธรรมตาย ก. การเลิกรับบุตรบุญธรรมโดยความตกลงกันมีผล ข. เมื่อผ ู้รับบุตรบุญธรรมตาย ค. เมื่อฝ ่ายใดฝ ่ายห นึ่งไมอ่ ุปการะเลี้ยงด อู ีกฝ ่ายห นึ่ง ตั้งแต่วันเวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตร ง. เมื่อบ ุตรบ ุญธรรมสมรสก ับผู้รับบุตรบุญธรรม บุญธรรมตามก ฎหมาย จ. ถูกทุกข้อ ข. อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรมมีกำ�หนด 1 ปี นับแต่ว ันที่เกิดเหตุให้ฟ้องย กเลิก ค. การเลกิ ร บั บ ตุ รบ ญุ ธรรมท �ำ ใหบ้ ดิ าม ารดาข องบ ตุ ร บุญธรรมได้อ ำ�นาจปกครองบ ุตรก ลับคืนมาเสมอ ง. บุตรบุญธรรมซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่สามารถฟ้องคดี ขอเลิกก ารร ับบ ุตรบ ุญธรรมได้ หากไม่ได้ร ับค วาม ยินยอมจากผู้มีอำ�นาจให้ความยินยอมในการรับ บุตรบุญธรรม จ. ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมสมรสกัน ไม่ได้เพราะมีผ ลเป็นโมฆะ มสธ มสธ มส
มส 35 แบบป ระเมินผลตนเองห ลงั เรียนห นว่ ยท ี่ 7 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความก้าวหน้าในก ารเรียนร ู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “บุตรบ ุญธรรม” คำ�แนะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล้อมร อบข ้อคำ�ตอบท ี่ถูกต ้องที่สุด มสธ มสธ 1. ในก ารร ับบ ุตรบ ุญธรรม ผู้จ ะเป็นบ ุตรบ ุญธรรมจ ะต ้อง 5. ข้อใดถ ูกในข ้อความต่อไปน ี้ มสธมีอายุเท่าใด ก. ผูร้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรมแ ละบ ตุ รบ ญุ ธรรมต า่ งม สี ทิ ธริ บั ก. ไม่ตํ่ากว่า 25 ปี มรดกซึ่งกันและกันในฐานะท ายาทโดยธ รรม ข. ไม่ตํ่ากว่า 30 ปี ข. ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกโดยทางพินัย- ค. ไม่ตํ่าก ว่า 35 ปี ง. ไม่จำ�กัดอายุ กรรมของบ ุตรบุญธรรม แต่ไม่มีสิทธิร ับมรดกใน จ. ต้องเป็นผ ู้ยังไม่บ รรลุนิติภาวะ ฐานะท ายาทโดยธรรม 2. การร บั บ คุ คลอ ายุ 18 ปี และส มรสแ ลว้ เปน็ บ ตุ รบ ญุ ธรรม ค. ผู้รับบ ุตรบ ุญธรรมม ีส ิทธิร ับม รดกในฐ านะท ายาท โดยธ รรมข องบ ตุ รบ ุญธรรม แตไ่ม่มสี ิทธริ ับม รดก จะต้องได้รับความยินยอมจากใครบ ้าง โดยท างพินัยกรรม ก. จากตัวเขาเองแ ละค ู่สมรส ง. บตุ รบ ญุ ธรรมม สี ทิ ธริ บั ม รดกข องผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม ข. การบิดามารดา ตัวเขาเอง และค ู่สมรส และค สู่ มรสข องผ ูร้ บั บ ตุ รบ ุญธรรมเพียงฝ ่ายเดยี ว ค. การบิดามารดา และค ู่ส มรสข องผู้นั้น จ. บตุ รบ ญุ ธรรมม สี ทิ ธริ บั ม รดกข องผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม ง. จากบิดาในฐานะผู้ใช้อำ�นาจปกครองและคู่สมรส เพียงฝ ่ายเดียวไม่ว ่าในฐ านะใด 6. การร ับบ ุตรบ ุญธรรมมีแ บบหรือไม่ อย่างไร ของผู้น ั้น ก. มี คือต้องทำ�เป็นหนังสือและจดทะเบียนตาม จ. จากบิดาหรือม ารดา ตัวเขาเอง และค ู่สมรส กฎหมาย 3. ในการรับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมจะต้อง ข. มี คือต ้องจดท ะเบียนตามก ฎหมาย ค. มี คือต ้องทำ�เป็นห นังสือ มีอายุเท่าใด ง. การรับบุตรบุญธรรมไม่จำ�ต้องทำ�ตามแบบ ก. ไม่ตํ่ากว่า 25 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร แต่อย่างใ ด จ. ไม่มีแบบ แต่ต้องม ีห ลักฐ านเป็นหนังสือ บุญธรรมอ ย่างน ้อย 15 ปี 7. ข้อใดถ ูกในข้อความต่อไปนี้ ข. ไม่ตํ่ากว่า 30 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร ก. บุตรบุญธรรมซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่สามารถฟ้องคดี ขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมได้หากไม่ได้รับความ บุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี ยินยอมจากผู้มีอำ�นาจให้ความยินยอมในการรับ ค. ไม่ตํ่ากว่า 35 ปี และต้องแก่กว่าผู้จะเป็นบุตร บุตรบ ุญธรรม ข. การเลิกร ับบ ุตรบ ุญธรรมท ำ�ใหบ้ ิดาม ารดาเดิมข อง บุญธรรมอ ย่างน้อย 15 ปี บุตรบุญธรรมได้อำ�นาจปกครองบุตรกลับคืนมา ง. ไมจ่ ำ�กัดอ ายแุ ตต่ อ้ งแ กก่ วา่ ผ ูจ้ ะเปน็ บ ุตรบ ญุ ธรรม เสมอ ค. การเลิกรับบุตรบุญธรรมโดยความตกลงกันมี อย่างน้อย 15 ปี ผลตั้งแต่วันเวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตร จ. ไม่มีข้อใดถ ูก บุญธรรมต ามกฎหมาย 4. การรับบุตรบุญธรรมส ิ้นส ุดล งในก รณีใด ก. เมื่อบุตรบุญธรรมสมรสก ับผ ู้รับบุตรบุญธรรม ข. เมื่อบุตรบุญธรรมต าย ค. เมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมตาย ง. เมื่อฝ ่ายใดฝ ่ายห นึ่งไมอ่ ุปการะเลี้ยงด อู ีกฝ ่ายห นึ่ง จ. ถูกทุกข ้อ มสธ มส
36 มส ง. อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรมมีกำ�หนดมสธ 9. ข้อใดถูกในข ้อความต ่อไปน ี้ 1 ปี นับแ ต่วันที่เกิดเหตุให้ฟ ้องย กเลิกมสธ ก. บิดามารดาโดยกำ�เนิดไม่มีสิทธิรับการอุปการะ จ. ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมสมรสกัน เลี้ยงดูจ ากบ ุตรซ ึ่งได้ต กไปเป็นบุตรบุญธรรมข อง ไม่ไ ด้เพราะมีผลเป็นโมฆะ ผู้อื่นแล้ว ข. บุตรบ ุญธรรมย ังม สี ิทธไิดร้ ับก ารอ ุปการะจ ากบ ิดา 8. บุตรบ ุญธรรมม คี วามส ัมพันธก์ ับผ ู้รับบ ุตรบ ุญธรรมใน มารดาโดยก �ำ เนดิ อ ยตู่ ลอดไป แมบ้ ตุ รน ัน้ จ ะต กไป ฐานะใดเมื่อม ีก ารร ับบ ุตรบ ุญธรรมแล้ว เป็นบ ุตรบ ุญธรรมข องผู้อ ื่นแล้ว ค. บุตรบุญธรรมยังมีสิทธิรับมรดกของบิดามารดา ก. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร ของผู้ให้กำ�เนิด แม้บุตรนั้นจะตกไปเป็นบุตร บญุ ธรรมแ ละค สู่ มรสข องผ รู้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรม แตไ่ ม่ บุญธรรมของผู้อื่นแล้ว เสียฐ านะหรือส ิทธิห น้าที่ในค รอบครัวเดิมข องต น ง. บดิ าม ารดาเดมิ ย งั ม อี �ำ นาจป กครองบ ตุ รข องต นอ ยู่ แม้บุตรจะต กไปเป็นบ ุตรบ ุญธรรมของผู้อ ื่นแล้ว ข. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร จ. ไม่มีข้อใดถ ูก บุญธรรมแ ละค ู่ส มรสข องผ ู้รับบ ุตรบ ุญธรรม และ 10. ผ ูร้ บั บ ตุ รบ ญุ ธรรมห รอื บ ตุ รบ ญุ ธรรมฝ า่ ยห นึง่ ฝ า่ ยใดม ี ตอ้ งส นิ้ ค วามส มั พนั ธใ์ ดๆ ในค รอบครวั เดมิ ข องต น สิทธิฟ ้องค ดีข อเลิกการรับบ ุตรบุญธรรมได้ในกรณีใด ก. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่งหรือ ค. มีฐานะอย่างบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร บุพการีข องอีกฝ ่ายหนึ่ง บุญธรรมเพียงผู้เดียวและต้องสิ้นความสัมพันธ์ ข. เมื่อฝ่ายห นึ่งฝ ่ายใดจ งใจละทิ้งอีกฝ ่ายหนึ่ง ใดๆ ในค รอบครัวเดิมของตน ค. เมื่อฝ ่ายห นึง่ ฝ ่ายใดห มิ่นป ระมาทอ กี ฝ ่ายห นึง่ ห รอื บุพการีอ ีกฝ่ายห นึ่งอ ันเป็นการร้ายแ รง ง. มีฐ านะอ ย่างเดียวกับบุตรชอบด ้วยก ฎหมายข อง ง. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องคำ�พิพากษาถึงที่สุดให้ ผู้รับบุตรบุญธรรมเพียงผู้เดียว แต่ไม่เสียฐานะ จำ�คุก หรือส ิทธิหน้าที่ในค รอบครัวเดิมของต น จ. ไม่มีข้อใดถูก จ. มีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร บุญธรรมเท่านั้น มสธ เฉลยแบบประเมินผ ลต นเองห นว่ ยท่ี 7 ก่อนเรียน มสธ หลังเรียน 1. ค. มส 1. ง. 2. ง. 2. ก. 3. ค. 3. ก. 4. ค. 4. ก. 5. ค. 5. ข. 6. ค. 6. ข. 7. ข. 7. ค. 8. ง. 8. ง. 9. ก. 9. ค. 10. ก. 10. ค.
มส 37 แบบประเมินผ ลตนเองก่อนเรียนห น่วยที่ 8 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามร ู้เดิมข องนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “มรดกแ ละก ารเป็นท ายาท” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล้อมรอบข ้อคำ�ต อบท ี่ถ ูกต ้องที่สุด มสธ มสธ 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดกใช้ 5. ทายาทท ี่เป็นญาติข องผู้ต ายม ีก ี่ลำ�ดับ มสธบังคับม าตั้งแต่เมื่อใด ก. สองล ำ�ดับ ข. สามลำ�ดับ ก. 1 ตุลาคม พ.ศ. 2475 ค. สี่ลำ�ดับ ข. 1 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ง. ห้าล ำ�ดับ ค. 1 ตุลาคม พ.ศ. 2477 จ. หกล ำ�ดับ ง. 1 ตุลาคม พ.ศ. 2478 6. กองม รดกของผ ู้ต ายได้แก่อะไรบ ้าง จ. 1 ตุลาคม พ.ศ. 2479 ก. ทรัพย์สินของผ ู้ตาย 2. กฎหมายลักษณะมฤดกเดิมที่ตราไว้เป็นลายลักษณ์ ข. สิทธิของผ ู้ต าย ค. หน้าที่และค วามรับผิดของผ ู้ต าย อักษรม ีมาต ั้งแต่สมัยใด ง. ความรับผิดข องผ ู้ตาย ก. กรุงสุโขทัย จ. ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และค วามรับผิดของผ ู้ต าย ข. กรุงศรีอยุธยา 7. กรณีใดต ่อไปน ี้ ซึ่งถ ือว่าเป็นกอ งม รดกของผู้ต ายท ี่จ ะ ค. กรุงธนบุรี ง. กรุงรัตนโกสินทร์ ตกทอดแก่ทายาท จ. ปลายสมัยกรุงธนบุรีต้นส มัยก รุงร ัตนโกสินทร์ ก. สิทธิที่จะได้รับเงินบำ�เหน็จบำ�นาญตกทอดตาม 3. เมื่อเจ้ามรดกตายกองมรดกตกทอดแก่ทายาททันที พระร าชบ ัญญัติบำ�เหน็จบ ำ�นาญ หรือไ ม่ ข. สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครอง ก. ไม่ตกทอดทันที ข. ถ้าแสดงเจตนารับจ ะตกทอดท ันที แรงงาน ค. จะต กทอดท นั ทหี รอื ไมแ่ ลว้ แ ตเ่ จตนาข องเจา้ ม รดก ค. สิทธิในก ารข อป ระทานบัตรท ำ�เหมืองแ ร่ ง. ตกทอดท ันที ง. สิทธิรับเงินสงเคราะห์ตกทอดของผู้ตายตาม จ. ตกทอดท ันทีโดยต ้องดำ�เนินก ารโอนท รัพย์มรดก ข้อบ ังคับข องการร ถไฟแ ห่งประเทศไทย นั้นมาเป็นช ื่อข องตนก ่อน 8. ขณะที่ ก. ตาย ก. มีบ ิดา พี่ชาย น้า และปู่ย ังม ีชีวิตอยู่ 4. จังหวัดใดที่มิได้รวมอยู่ในประกาศข้อบังคับสำ�หรับ ดังนี้ ใครมีสิทธิรับมรดกของ ก. ปกครองบริเวณเจ็ดหัวเมือง ร.ศ. 120 มาตั้งแต่แรก ก. บิดา ด้วย ข. พี่ชาย ก. สตูล ค. น้า ข. ยะลา ง. ปู่ ค. ปัตตานี จ. บิดาและพี่ชาย ง. นราธิวาส จ. สงขลา มสธ มส
38 มส 9. ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ 10. ทายาทป ระเภทใดที่ต้องรับผ ิดต่อเจ้าหนี้ก องม รดก ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุท่านถึงแก่มรณภาพ ก. ทายาทท ี่เป็นญ าติ ทรัพย์สินดังกล่าวอันเป็นมรดกของท่านจะตกเป็น ข. ทายาทโดยธ รรม สมบัติของวัดใด ค. ทายาทท ุกประเภท ง. ผู้รับพินัยกรรม ก. วัดใดก็ได้ต ามที่ทางร าชการกำ�หนด จ. ทายาทท ี่เป็นค ู่สมรส ข. วัดที่จ ำ�พ รรษาอยู่แ ละได้มรณภาพที่วัดนั้น ค. วัดที่เป็นภ ูมิลำ�เนาของท ่าน ง. วัดที่ทำ�พ ิธีอ ุปสมบทเป็นพระภิกษุ จ. วัดที่ทำ�พิธีอุปสมบทจำ�พรรษาและได้มรณภาพที่ วัดน ั้น มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 39 แบบป ระเมินผ ลตนเองหลงั เรยี นหนว่ ยท่ี 8 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามก ้าวหน้าในการเรียนรู้ข องน ักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “มรดกและก ารเป็นท ายาท” คำ�แ นะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ่านค ำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล ้อมรอบข ้อคำ�ต อบที่ถูกต ้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. เมื่อ พ.ศ. 2460 ได้มีสารตราของเสนาบดีกระทรวง 5. ทายาทต ้องร ับผิดต่อเจ้าหนี้กองมรดกเพียงใดห รือไม่ มสธยุติธรรมด ำ�เนินก ารต ามก ระแสพระบรมร าชโองการให้ ก. รับผิด ขยายการใช้ก ฎหมายอิสลามไปถึงจังหวัดใด ข. รับผิดตามจำ�นวนท ี่ก องมรดกเป็นหนี้ ค. รับผิดเพียงเท่าที่กองมรดกตกได้แต่ตน ก. ยะลา ง. รับผิดแม้ต นเองไม่ได้ร ับม รดกเลย ข. สตูล จ. ไม่รับผิดเลย ค. ปัตตานี 6. ก่อนที่เจ้ามรดกบวชเป็นพระภิกษุมีที่ดินอยู่ 1 แปลง ง. นราธิวาส จ. สงขลา ระหว่างบวชเป็นพระภิกษุได้เงินมาจากการเทศนา 2. มีประมวลก ฎหมายแพ่งแ ละพ าณิชย์ว ่าด ้วยเรื่องใดใช้ เป็นเงิน 100,000 บาท แล้วสึกจากการเป็นสมณเพศ มาทำ�ธุรกิจส่งคนงานไปประเทศตะวันออก ต่อมาได้ บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2478 เป็นต้นม า รับอุบัติเหตุถึงแก่ความตายในระหว่างประกอบธุรกิจ ก. ครอบครัวแ ละมรดก ดงั ก ลา่ วม เี งนิ สดอ ยู่ 500,000 บาท ขณะท ตี่ ายท รพั ยส์ นิ ข. ทรัพย์สินและค รอบครัว ดังกล่าวข้างต้นคงมีอยู่ ดังนี้ มรดกดังกล่าวของ ค. มรดกและทรัพย์สิน เจ้าม รดกจ ะต กทอดแก่ใคร ง. มรดก ก. ตกทอดแ ก่ว ัดซ ึ่งเป็นภ ูมิลำ�เนาของเจ้ามรดก จ. ครอบครัว ข. ตกทอดแ ก่ท ายาท 3. ทายาทของเจ้ามรดกแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ค. ที่ได้มาระหว่างเป็นพระภิกษุตกทอดแก่วัด กี่ป ระเภท นอกเหนือจ ากนั้นตกทอดแก่ทายาท ก. ประเภทเดียว ง. ทีไ่ดม้ าถ ึงต อนท ีเ่ป็นพ ระภ ิกษุ ตกทอดแ กว่ ัด ส่วน ข. สองประเภท ค. สามประเภท ที่ได้มาภายหลังจากสึกแล้วตกทอดแก่ทายาท ง. สี่ประเภท โดยธรรม จ. ห้าประเภท จ. ตกแ ก่แ ผ่นดิน 4. ตามก ฎหมายล กั ษณะม ฤดกเดมิ ภรยิ าพ ระราชทานข อง 7. ก. ขับรถโดยประมาทชน ข. เป็นเหตุให้ ข. ได้รับ อันตรายสาหัส ได้รับความเสียห ายค ิดเป็นเงิน 50,000 เจ้ามรดกได้ร ับส ่วนแบ่งมรดกเท่าใด บาท ก่อน ข. จะฟ้องค ดี ก. ตายเสียก ่อน ดังนี้ ข. จะ ก. หนึ่งส่วน ฟ้องให้ทายาทของ ก. รับผ ิดได้เพียงใด หรือไม่ ข. สองส่วน ก. ฟ้องให้รับผิดได้ในฐานะทายาทโดยธรรม แต่ไม่ ค. สองส่วนค รึ่ง เกินก ว่าทรัพย์มรดกท ี่ตกได้แก่ท ายาท ง. สามส่วน ข. ฟ้องให้รับผิดได้เพราะความรับผิดดังกล่าวไม่ จ. สามส่วนครึ่ง เป็นการเฉพาะตัวของผู้ต ายโดยแ ท้ ค. ฟ้องให้รับผิดได้หากทายาทยอมรับผิดและได้รับ มรดกม าแล้ว มสธ มส
40 มส ง. ฟ้องใหร้ ับผ ิดได้ ถ้าก ่อนต าย ก. ไดย้ อมรับผ ิดเป็น ข. สิทธิในก ารบ ังคับค ดีเป็นม รดก ทายาทข องเจ้าห นี้ หนังสือไ ว้ ตามคำ�พิพากษาย่อมมีสิทธิขอเข้ามาดำ�เนินการ บังคับคดีต ่อไปได้ จ. ฟ้องไม่ได้เพราะ ก. ตายแล้ว 8. ก. สามี ข. ภริยา ค. ง. บิดามารดา จ. บุตร ฉ. พี่ช าย ช. ค. สญั ญาจ ะข ายท ด่ี นิ ซ ง่ึ ผ ตู้ ายท �ำ ไวเ้ ปน็ ส ญั ญาเกย่ี วกบั ทรัพย์ ผู้รับม รดกมีหน้าท ี่ต ้องปฏิบัติต าม อา ต่อม า ก. ตายมีทรัพย์สินอ ันเป็นมรดกค ิดเป็นเงิน 2,000,000 บาท ขณะท ี่ ก. ตายบ ุคคลด ังก ล่าวย ังม ชี ีวิต ง. สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าเมื่อผู้เช่า อยู่ ดังนี้ ใครม ีส ิทธิรับมรดกของ ก. ตาย สิทธิการเช่าย่อมสิ้นสุดลงจะรับมรดกกัน ก. ค. ง. จ. และ ฉ. ไม่ได้ ฉะนั้น ทายาทของผู้เช่าจึงไม่มีอำ�นาจเข้า ข. ข. จ. ฉ. และ ช. สวมสิทธิก ารเช่า ค. ข. ค. ง. และ จ. ง. ข. จ. ฉ. และ ช. จ. สิทธิหน้าที่เกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนสามัญ ผู้เป็น จ. ข. ค. ง. และ ฉ. หุ้นส ่วนต ายห้างห ุ้นส ่วนนั้นต้องเลิก 9. กรณีใดต่อไปนี้ที่ไม่ถ ูกต ้อง ก. สิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินที่ผู้ตายขายฝากไว้เป็นกอง 10. ผู้มีสิทธิร ับมรดกได้แก่ใครบ้าง ก. ทายาทโดยธ รรม วัด แผ่นดิน มรดกย ่อมตกทอดไปยังทายาทแ ต่ทายาทจ ะ ข. ผู้รับพินัยกรรม วัด แผ่นดิน ไถ่ถอนได้ต ้องต ั้งผู้จัดการม รดกเสียก่อน ค. ทายาทท ี่เป็นญ าติ วัด แผ่นดิน มสธ ง. ทายาท วัด แผ่นดิน มสธ จ. ทายาทท ี่เป็นค ู่ส มรส มสธ เฉลยแ บบประเมินผลต นเองหนว่ ยท่ี 8 ก่อนเรียน มสธ หลงั เรยี น 1. ง. มส 1. ข. 2. ข. 2. ก. 3. ง. 3. ข. 4. ก. 4. จ. 5. จ. 5. ค. 6. จ. 6. ข. 7. ข. 7. ก. 8. ก. 8. ค. 9. ค. 9. ก. 10. ค. 10. ง.
มส 41 แบบป ระเมินผลตนเองก อ่ นเรียนหน่วยท ี่ 9 วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินค วามร ู้เดิมข องนักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “การแ บ่งม รดกร ะหว่างท ายาทโดยธ รรม” คำ�แ นะนำ� ขอให้นักศึกษาอ่านค ำ�ถามแ ล้วเขียนว งกลมล้อมร อบข้อคำ�ตอบที่ถ ูกต ้องที่สุด มสธ มสธ 1. ขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เจ้ามรดกมีทายาท 5. ในระหว่างผู้สืบสันดานต่างชั้นกัน ทายาทโดยธรรมที่ มสธหลายค น เจา้ ม รดกม ไิ ดท้ �ำ พ นิ ยั กรรมไว้ ตอ้ งแ บง่ ท รพั ย์ เป็นญ าติในช ั้นใด มีสิทธิร ับม รดก มรดกทั้งหมดให้แก่ใคร ก. ชั้นบุตร ก. ให้แก่บุคคลท ี่เจ้าม รดกแสดงเจตนาไว้ ข. ชั้นหลาน ข. ให้แก่แ ผ่นดิน ค. ชั้นเหลน ค. ให้แก่ท ายาทท ี่เป็นคู่สมรสของเจ้ามรดก ง. ชั้นลื่อ ง. ให้แก่ท ายาทในล ำ�ดับญ าติข องเจ้าม รดก จ. ทั้งชั้นบุตร ชั้นหลาน ชั้นเหลนและชั้นลื่อ ได้ จ. ให้แก่ท ายาทโดยธ รรมของเจ้ามรดก 2. เจ้าม รดกถ ึงแก่ค วามต าย มีภ ริยาแ ละบ ุตรย ังม ีช ีวิตอยู่ เท่าๆ กัน 6. เจ้ามรดกมีบิดา มารดา บุตร พี่น้องร่วมบิดามารดา และมีทรัพย์สินระหว่างเจ้ามรดกและภริยาดังนี้ สินส ่วนต ัวข องเจ้าม รดก 100,000 บาท สินส ่วนต ัวข อง เดียวกัน และบุตรของบุตร ดังนี้ บุคคลดังกล่าวนี้ ภริยา 100,000 บาท และสินสมรสอีก 500,000 บาท มีใครบ้างม ีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก ดังนี้ เจ้าม รดกมีทรัพย์ม รดกอยู่เท่าใด ก. บุตร บุตรของบ ุตร ก. มีอยู่ 100,000 บาท ข. บิดา มารดา ข. มีอยู่ 250,000 บาท ค. บุตร พี่น้องร ่วมบิดามารดาเดียวกัน ค. มีอยู่ 350,000 บาท ง. บุตร บิดา มารดา ง. มีอ ยู่ 500,000 บาท จ. บุตรของบ ุตร จ. มีอ ยู่ 600,000 บาท 7. เจ้าม รดกมีบิดา มารดา ภริยา และบ ุตร จะด ำ�เนินการ 3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเป็นทายาทโดยธรรมที่ แบ่งมรดกอย่างไร เป็นญาติในล ำ�ดับใด ของเจ้าม รดก ก. แบ่งให้ภ ริยาก ่อน ก. ลำ�ดับ (1) ข. แบ่งให้บ ุตรก ่อน ข. ลำ�ดับ (2) ค. แบ่งให้บ ิดา มารดาก ่อน ค. ลำ�ดับ (3) ง. แบ่งให้บิดา มารดาและบุตรก่อน ง. ลำ�ดับ (4) จ. แบ่งพร้อมกันโดยให้ทุกคนได้รับส ่วนแ บ่งเท่าก ัน จ. ลำ�ดับ (5) 8. ถ้าเจ้าม รดกม ีภริยาและมีอ าย ังม ีชีวิตอ ยู่ ภริยาของเจ้า 4. บุคคลใดต่อไปนี้มีสิทธิรับมรดกร่วมกับผู้สืบสันดาน มรดกจะได้รับส ่วนแ บ่งในม รดกอย่างไร ชั้นบุตรของเจ้ามรดก โดยให้ได้รับส่วนแบ่งในมรดก ก. ได้รับเท่ากับบุตรเจ้ามรดก เสมือนหนึ่งว ่าตนเป็นท ายาทช ั้นบ ุตรของเจ้าม รดก ข. ได้รับหนึ่งในส าม ก. บิดาม ารดาข องเจ้าม รดก ค. ได้รับหนึ่งในส ี่ ข. พี่น้องร ่วมบิดามารดาเดียวกันของเจ้ามรดก ง. ได้รับส องในส าม ค. พี่น ้องร่วมบ ิดาหรือมารดาเดียวกันข องเจ้าม รดก จ. ได้รับกึ่งหนึ่ง ง. ปู่ ย่า ตา ยาย ของเจ้ามรดก จ. ลุง ป้า น้า อา ของเจ้าม รดก มสธ มส
42 มส 9. เจ้าม รดกมีบ ิดา มารดา ภริยา และบุตรอ ีกส องค นยังมี 10. ขณะเจ้ามรดกถ ึงแก่ค วามต าย เจ้าม รดกม ีภ ริยา ปู่ อา ชีวิตอ ยู่ ขณะถ ึงแก่ค วามต ายม ีม รดกอ ยู่ 500,000 บาท ยังม ีชีวิตอยู่ เจ้าม รดกม ีมรดกอ ยู่ 600,000 บาท ใครมี จงแบ่งม รดกรายน ี้ สิทธิได้ร ับส่วนแบ่งในมรดกเท่าใด ก. ภริยาได้ครึ่งหนึ่ง ที่เหลือตกเป็นของบิดามารดา ก. ปู่ อา ได้คนละ 150,000 บาท ภริยาได้ 300,000 และบ ุตรโดยได้ร ับส ่วนแบ่งเท่ากัน บาท ข. บิดา มารดา ภริยา และบุตรอีกสองคนได้รับ ข. ปู่ได้ 300,000 บาท ภริยาได้ 300,000 บาท ส่วนแ บ่งคนละ 100,000 บาท ค. ปู่ได้ 200,000 บาท ภริยาได้ 400,000 บาท ง. อาได้ 200,000 บาท ภริยาได้ 400,000 บาท ค. บิดา มารดาได้ 300,000 บาท ภริยาได้ 100,000 จ. ภริยาได้ 600,000 บาท บาท บุตรได้ค นละ 50,000 บาท ง. ภริยาได้ 250,000 บาท ที่เหลือตกเป็นของบุตร ส่วนบ ิดา มารดาไม่มีสิทธิ จ. บุตรได้ 500,000 บาท ส่วนบิดา มารดา ภริยาไม่มี สิทธิ มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 43 แบบป ระเมนิ ผลต นเองห ลงั เรียนห นว่ ยที่ 9 วัตถุประสงค์ เพอื่ ป ระเมนิ ค วามก า้ วหนา้ ในก ารเรยี นร ขู้ องน กั ศกึ ษาเกยี่ วก บั เรอื่ ง“การแ บง่ มรดกร ะหวา่ งท ายาทโดยธ รรม” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านคำ�ถามแล้วเขียนวงกลมล ้อมร อบข้อค ำ�ตอบท ี่ถูกต้องที่สุด มสธ มสธ 1. เจ้ามรดกทำ�พินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท ก. 1,000,000 บาท มสธโดยธรรม แต่ยังมีทรัพย์มรดกอีก 1,000,000 บาท ข. 1,050,000 บาท ที่อยู่นอกพินัยกรรม ทรัพย์มรดกดังกล่าวนี้จะตก ค. 1,100,000 บาท ได้แก่ใคร ง. 1,125,000 บาท จ. 1,250,000 บาท ก. ผู้รับพินัยกรรมที่ได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมน้อย 5. เจ้ามรดก มีบิดามารดา และบุตรอีก 1 คน คือ ก. ที่สุด ก. มีบุตร คือ ข. ค. ง. เจ้าม รดกม ีมรดก 300,000 บาท ข. ทายาทโดยธรรมที่ไม่ได้ทรัพย์ต ามพินัยกรรม จงแ บ่งม รดก ค. ทายาทโดยธ รรมท ี่เป็นคู่สมรสของเจ้ามรดก ก. บิดามารดาได้ 100,000 บาท ก. ได้ 200,000 บาท ง. ทายาทในลำ�ดับญาติข องเจ้ามรดก ข. บิดาม ารดาได้ค นละ 100,000 บาท ก. ได้ 100,000 จ. ทายาทโดยธรรมข องเจ้ามรดกท ุกคน 2. เจ้ามรดกมีบิดา มารดา และภริยายังมีชีวิตอยู่ และ บาท ค. บิดาม ารดาได้ 150,000 บาท ก. ได้ 150,000 บาท เจา้ ม รดกม สี นิ ส ว่ นต ัว 500,000 บาท ภรยิ าม สี ินส ่วนตัว ง. บิดามารดาได้ 100,000 บาท ที่เหลือได้แก่ ก. ข. 300,000 บาท และมีสินสมรสด้วยกัน 600,000 บาท ขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ภริยาเจ้ามรดกมี ค. และง. ทรัพย์สินอ ยู่เท่าใด จ. ข. ค. และ ง. ได้คนละ 100,000 บาท ก. 300,000 บาท 6. เจ้าม รดกมีสามี บุตร บิดาม ารดา และพ ี่น ้องร่วมบิดา ข. 350,000 บาท ค. 400,000 บาท มารดาเดียวกัน ยังมีชีวิตอยู่ บุคคลใดไม่มีสิทธิใน ง. 500,000 บาท ทรัพย์ม รดกของเจ้ามรดก จ. 600,000 บาท ก. สามี 3. เจา้ ม รดกม ภี รยิ า และม บี ตุ รด ว้ ยก นั ค อื ข. ค. นอกจากนี้ ข. บิดาม ารดา เจ้าม รดกย งั ไดเ้สียก บั ง. โดยม บี ตุ รด ้วยก ัน คอื จ. ดงั นี้ ค. บุตร ใครไม่มีสิทธิใ นมรดก ง. พี่น ้องร่วมบ ิดามารดาเดียวกัน ก. ข. ค. จ. สามีและบิดามารดา ข. ค. ง. 7. เจ้ามรดกกับภริยา คือ ก. ข. สมรสกันตามกฎหมาย ค. ง. จ. ลักษณะผ ัวเมีย มีบ ุตรด้วยกันค ือ ค. ง. จ. ต่อมา ค. ง. จ. ข. ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก แต่มีบุตรสองคนคือ จ. ข. ง. บ. ป. ขณะเจ้ามรดกถึงแก่ความตายมีทรัพย์มรดก 4. เจา้ ม รดกท �ำ พ นิ ยั กรรมย กม รดกใหบ้ ตุ ร คอื ข.1,000,000 400,000 บาท จงแบ่งม รดกร ายนี้ให้แ ก่บ ุตรของ ค. บาท และ ค. 1,000,000 บาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์ ก. ได้มรดกคนละ 100,000 บาท มรดกนอกพินัยกรรมอีก 500,000 บาท ปรากฏว่า ข. ได้มรดกค นละ 60,000 บาท เจา้ ม รดกย งั ม บี ตุ รน อกก ฎหมายซ ึง่ เจา้ ม รดกร บั รองค ือ ค. ได้มรดกค นละ 80,000 บาท ง. และบ ุตรบุญธรรมต ามบรรพ 5 คือ จ. และภริยายัง ง. ได้มรดกคนละ 50,000 บาท มีช ีวิตอยู่ ดังนี้ ค. ได้มรดกท ั้งสิ้นเท่าใด จ. ได้มรดกค นละ 40,000 บาท มสธ มส
44 มส 8. เจ้ามรดกอยู่กินกับ ก. โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกัน 9. เจ้าม รดกมีภ ริยา ลุง และอา คือ ก. ข. และ ก. ยังมีบ ุตร ขณะ ก. ตั้งครรภ์ เจ้ามรดกได้รับรองบุตรในครรภ์ ทีย่ ังม ชี ีวิตอ ยูค่ ือ แดง ขณะเจ้าม รดกถ ึงแกค่ วามต ายม ี และแสดงให้บุคคลทั่วไปรับรู้ว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์เป็น มรดก 600,000 บาท จงแบ่งม รดกร ายนี้ บุตรข องต น แต่เจ้าม รดกถ ึงแก่ค วามต ายก ่อนเด็กเกิด เด็กเกิดหลังจ ากเจ้าม รดกถ ึงแก่ค วามต ายได้ 3 เดือน ก. ภริยาได้คนเดียว 600,000 บาท และเด็กเกิดมาได้ 10 วันก็ถึงแก่ความตาย ขณะ ข. ภริยาได้ 300,000 บาท นอกนั้นได้ค นละ 100,000 เจ้ามรดกถึงแก่ความต ายม ีมรดกอยู่ 1,000,000 บาท และเจ้ามรดกยังมีบิดา และพี่น้องร่วมบิดามารดา บาท เดียวกันยังมีชีวิตอยู่ มรดกรายนี้ในที่สุดตกได้แก่ ค. ภริยาได้ 400,000 บาท และ ก. ข. ได้คนละ ใคร เพียงใด 100,000 บาท ก. ก. และบิดาเจ้าม รดกได้ไปคนละ 500,000 บาท ง. ภริยาได้ 300,000 บาท ก. ข. ได้คนละ 150,000 ข. ก. ได้ม รดกค นเดียว 1,000,000 บาท ค. บิดาเจ้ามรดกได้คนเดียว 1,000,000 บาท บาท ง. บิดาเจ้าม รดกได้ไป 500,000 บาท จ. ก. ข. ได้ค นละ 300,000 บาท จ. ก. บิดาเจ้ามรดก และพี่น้องร่วมบิดามารดา 10. ถ ้าเจ้ามรดกมีทายาทโดยธรรมที่เป็นญาติคือผู้สืบ เดียวกัน ได้เท่าๆ กัน สันดานชั้นบุตร ทายาทอื่นที่จะได้รับส่วนแบ่งเสมือน มสธ หนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตรได้แก่บ ุคคลใด มสธ ก. คู่สมรส ข. คู่สมรส ปู่ ของเจ้าม รดก ค. คู่สมรส กับบิดามารดา ของเจ้ามรดก ง. คู่สมรส กับบุตร ของเจ้าม รดก จ. คู่สมรส กับบุตร และบิดาม ารดาข องเจ้ามรดก มสธ เฉลยแ บบประเมินผ ลตนเองหน่วยท ่ี 9 ก่อนเรียน มสธ หลังเรยี น 1. จ. มส 1. จ. 2. ค. 2. จ. 3. ค. 3. ค. 4. ก. 4. ค. 5. ก. 5. ข. 6. ง. 6. ง. 7. จ. 7. ง. 8. ง. 8. ก. 9. ข. 9. ค. 10. ค. 10. ค.
มส 45 แบบป ระเมินผ ลตนเองกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 10 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินค วามรู้เดิมของนักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “การรับมรดกแทนที่” คำ�แ นะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนว งกลมล ้อมร อบข ้อท ี่ถ ูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. กรณีใดถ ูกต ้องที่สุดในเรื่องก ารรับม รดกแทนที่ 5. การรับมรดกแ ทนที่คือค วามหมายในข ้อใด มสธ ก. ปู่ตายก่อนบิดา เมื่อบิดาตายบุตรจึงเข้ารับมรดก ก. การท ท่ี ารกในค รรภม์ ารดาร บั ม รดกก อ่ นท จ่ี ะคลอด ของบิดาแทนป ู่ ออกม า ข. ปู่ตายก่อนย่า เมื่อย ่าตายบิดาจ ึงเข้ารับม รดกของ ข. การที่ทารกในครรภ์มารดาคลอดออกมาแล้วตาย ย่าแทนป ู่ แล้วบ ิดาเข้ามารับมรดก ค. บิดาต ายก ่อนม ารดา เมื่อม ารดาต ายบ ุตรจ ึงเข้าร ับ ค. การท ี่พ ี่ช ายห รือพ ี่ส าวเข้าม าร ับม รดกข องน ้องช าย มรดกข องมารดาแ ทนบิดา หรือน้องสาว ง. บิดาตายก่อนปู่ เมื่อปู่ตายบุตรเข้ารับมรดกของ ง. การที่บุตรเข้ามารับมรดกของปู่แทนที่บิดาที่ตาย ปู่แ ทนบิดา ไปก่อนป ู่ จ. สามีตายก ่อนบ ิดา เมื่อบิดาต ายภ ริยาเข้าร ับมรดก จ. การที่ภริยาเข้าม าร ับมรดกข องสามี 6. นายด �ำ ต ายเมอ่ื 3มนี าคมพ.ศ.2554ตอ่ ม า1มกราคมพ.ศ. ของบ ิดาแทนสามี 2. ทายาทโดยธรรมลำ�ดับใดของเจ้ามรดกที่กฎหมาย 2555 นายแ ดงบ ิดาน ายด ำ�ต าย มนี ายข าวแ ละน ายเขียว ซึ่งเป็นบุตรของนายดำ� และนางส้มภริยานายดำ�ยังมี ไม่ให้มีการร ับมรดกแทนที่ ชวี ติ อ ยู่ การรบั มรดกของน ายแดงเจา้ ม รดกข อ้ ใดถ กู ต อ้ ง ก. บุตร ก. นายด ำ�ร ับม รดกข องแ ดงคนเดียว ข. บิดา ข. นางส ้มร ับม รดกแทนที่แ ทนนายดำ� ค. พี่น้อง ค. นายข าวบุตรค นโตร ับมรดกแ ทนที่น ายด ำ� ง. พี่น้องต่างม ารดา ง. นายข าวและน ายเขียวรับมรดกแ ทนที่น ายด ำ� จ. ลุง จ. นางส้ม นายขาวและนายเขียวรับมรดกแทนที่ 3. กรณีใดท ี่ก ฎหมายให้มีการรับมรดกแ ทนที่ได้ ก. ทายาทโดยธ รรมถ ูกตัดม ิให้ร ับม รดก นายด ำ� ข. ผู้รับพินัยกรรมย ักยอกท รัพย์ม รดก 7. ตาม ปพพ. มาตรา 1639 ทายาทล �ำ ดบั ใดบ า้ งท กี่ ฎหมาย ค. ทายาทโดยธ รรมถูกกำ�จัดมิให้ร ับมรดก ง. ผู้รับพินัยกรรมส ละมรดก ให้ม ีการร ับมรดกแ ทนที่ได้ จ. รับมรดกแ ทนที่ได้ท ั้งส ี่กรณี ก. บุตร บิดา ปู่ย่า อา 4. นายม าน ิตย์ซ ึ่งเป็นบ ิดาต ายต ั้งแต่เด็กช ายม านะย ังเด็ก ข. บุตร บิดา อา ลุง ค. บุตร บิดา พี่น้อง อา ต่อมาเมื่อนายมอญปู่ของเด็กชายมานะตาย ใครคือ ง. บุตร พี่น ้อง อา ลุง ผทู้ เี่ ขา้ ม าร บั ม รดกแ ทนที่ ในก ารร บั ม รดกข องน ายม อญ จ. บุตร อา ลุง ย่า เจ้าม รดก 8. การที่ผู้สืบสันดานจะเข้ารับมรดกแทนที่นั้น ผู้สืบ ก. ภริยาของนายม าน ิตย์ ข. น้องชายของนายม านิตย์ สันดานชั้นใดม ีสิทธิได้ร ับมรดกแทนที่ก่อน ค. มารดาของน ายม อญ ก. บุตร ง. เด็กชายม านะบ ุตรของน ายม านิตย์ ข. หลาน จ. น้าของนายมาน ิตย์ ค. เหลน ง. ลื่อ จ. ทั้งบ ุตร หลาน เหลน ลื่อม ีส ิทธิพ ร้อมก ัน มสธ มส
46 มส 9. ผู้สืบสันดานท ี่ไ ม่อ าจจ ะเข้าร ับมรดกแ ทนที่ได้ค ือผ ู้สืบ 10. ข้อใดถูกต ้องท ี่สุดในเรื่องก ารรับม รดกแทนที่ สันดานใ นข้อใด ก. ผู้ที่จะเข้ามารับมรดกแทนที่ได้คือผู้สืบสันดาน ก. บุตรท ี่ไม่ชอบด ้วยกฎหมาย ชั้นบ ุตรเท่านั้น ข. บุตรไม่ช อบด ้วยกฎหมาย แต่บิดารับรอง ข. ผู้ท ี่จ ะร ับมรดกแ ทนที่ได้คือบ ุพการีเท่านั้น ค. บุตรท ี่เกิดม าภ ายหลังเจ้าม รดกต ายไม่เกิน 7 วัน ค. เหตุท ี่จ ะท ำ�ให้ม ีก ารร ับม รดกแ ทนที่ได้ค ือเหตุต าย ง. บุตรช อบด ้วยก ฎหมายท ีต่ ายห ลังเจ้าม รดกไมเ่กิน เท่านั้นไม่ว่าจะก่อนห รือหลังเจ้าม รดก 7 วัน ง. เหตถุ กู ต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกเทา่ นน้ั ท รี่ บั ม รดกแ ทนทไ่ี ด้ จ. บุตรข องบุตรบ ุญธรรม จ. เหตุท ี่จ ะท ำ�ให้ม ีก ารร ับม รดกแ ทนที่ได้ค ือเหตุต าย และถ ูกก ำ�จัดม ิให้ร ับมรดกก ่อนเจ้าม รดก มสธ มสธ มสธ มสธ มส
มส 47 แบบประเมินผ ลต นเองหลงั เรยี นห น่วยท ่ี 10 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความก ้าวหน้าในการเรียนรู้ข องนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การร ับมรดกแ ทนที่” คำ�แนะนำ� ขอให้นักศึกษาอ ่านคำ�ถามแ ล้วเขียนวงกลมล ้อมรอบข ้อท ี่ถ ูกต ้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. การรับม รดกแ ทนที่คือความห มายในข ้อใด 5. ผู้สืบสันดานที่ไม่อาจจะเข้ารับมรดกแทนที่ได้คือผู้สืบ มสธ ก. การท ที่ ารกในค รรภม์ ารดาร บั ม รดกก อ่ นท จี่ ะคลอด สันดานในข ้อใด ออกมา ก. บุตรที่ไม่ช อบด ้วยกฎหมาย ข. การที่ทารกในครรภ์มารดาคลอดออกมาแล้วตาย ข. บุตรไม่ช อบด้วยก ฎหมาย แต่บิดาร ับรอง ค. บุตรที่เกิดมาภายห ลังเจ้ามรดกตายไม่เกิน 15 วัน แล้วบ ิดาเข้าม ารับมรดก ง. บุตรช อบด ้วยก ฎหมายท ีต่ ายห ลังเจ้าม รดกไมเ่กิน ค. การท ี่พ ี่ช ายห รือพ ี่ส าวเข้าม าร ับม รดกข องน ้องช าย 15 วัน หรือน้องสาว จ. บุตรของบุตรบุญธรรม ง. การที่บุตรเข้ามารับมรดกของปู่แทนที่บิดาที่ตาย 6. นายม าน ิตย์ซ ึ่งเป็นบ ิดาต ายต ั้งแต่เด็กหญิงมานีย ังเด็ก ไปก ่อนปู่ ต่อม าเมื่อน ายม อญป ูข่ องเด็กห ญิงมานตี าย ใครค ือผ ู้ที่ จ. การที่ภ ริยาเข้าม าร ับม รดกของสามี เข้ามารับมรดกแทนที่ ในการรับมรดกของนายมอญ 2. ทายาทโดยธรรมลำ�ดับใดของเจ้ามรดกที่กฎหมาย เจ้ามรดก ก. ภริยาข องน ายมานิตย์ ไม่ให้มีก ารรับมรดกแ ทนที่ ข. น้องชายของนายม าน ิตย์ ก. บุตร ค. มารดาข องนายม อญ ข. ปู่ ง. เด็กหญิงมานีบ ุตรของนายมาน ิตย์ ค. พี่น้อง จ. ป้าข องน ายม านิตย์ ง. พี่น้องต ่างม ารดา 7. กรณีใดท ี่ก ฎหมายให้ม ีการรับม รดกแทนที่ได้ จ. ลุง ก. ทายาทโดยธ รรมถ ูกต ัดม ิให้ร ับมรดก 3. ตาม ปพพ.มาตรา 1639 ทายาทล ำ�ดับใดบ ้างท ีก่ ฎหมาย ข. ผู้รับพินัยกรรมยักยอกท รัพย์มรดก ค. ทายาทโดยธรรมถ ูกกำ�จัดม ิให้รับมรดก ให้ม ีการร ับมรดกแทนที่ได้ ง. ผู้รับพินัยกรรมส ละม รดก ก. บุตร มารดา ตายาย น้า จ. รับมรดกแ ทนที่ได้ท ั้งสี่ก รณี ข. บุตร มารดา ป้า น้า 8. ข้อใดถูกต ้องท ี่สุดในเรื่องก ารร ับม รดกแทนที่ ค. บุตร บิดา พี่น้อง อา ก. ผู้ที่จะเข้ามารับมรดกแทนที่ได้คือผู้สืบสันดาน ง. บุตร พี่น ้อง น้า ลุง จ. บุตร อา ลุง ย่า ชั้นบ ุตรเท่านั้น 4. การที่ผู้สืบสันดานจะเข้ารับมรดกแทนที่นั้น ผู้สืบ ข. ผู้ท ี่จะรับมรดกแ ทนที่ได้คือบุพการีเท่านั้น ค. เหตุท ี่จ ะท ำ�ให้ม ีก ารร ับม รดกแ ทนที่ได้ค ือเหตุต าย สันดานช ั้นใดม ีสิทธิได้ร ับมรดกแทนที่ก่อน ก. บุตร เท่านั้นไม่ว่าจ ะก ่อนห รือหลังเจ้าม รดก ข. หลาน ง. เหตถุ กู ต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกเทา่ นน้ั ท รี่ บั ม รดกแ ทนทไ่ี ด้ ค. เหลน จ. เหตุท ี่จ ะท ำ�ให้ม ีก ารร ับม รดกแ ทนที่ได้ค ือเหตุต าย ง. ลื่อ จ. ทั้งบุตร หลาน เหลน ลื่อมีสิทธิพร้อมกัน และถูกกำ�จัดมิให้ร ับม รดกก่อนเจ้ามรดก มสธ มส
48 มส 9. นายด ำ�ดีต าย เมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 ต่อมา 19 10. กรณีใดถ ูกต้องท ี่สุดในเรื่องการร ับม รดกแ ทนที่ มกราคม พ.ศ. 2555 นายแดงบิดานายดำ�ดีตาย มี ก. ย่าต ายก่อนบิดา เมื่อบ ิดาตายบ ุตรจึงเข้าร ับมรดก นายขลุ่ยและนายเขียวซึ่งเป็นบุตรของนายดำ�ดี และ นางส้มจี๊ดภริยานายดำ�ดียังมีชีวิตอยู่ ถามว่าการรับ ของบ ิดาแ ทนย่า มรดกของน ายแ ดงเจ้ามรดกข้อใดถูกต ้อง ข. ปู่ต ายก่อนย ่า เมื่อย่าต ายบ ิดาจ ึงเข้ารับม รดกข อง ก. นายด ำ�ดีรับมรดกข องแ ดงคนเดียว ย่าแทนปู่ ข. นางส ้มจี๊ดรับม รดกแทนที่แ ทนนายดำ�ดี ค. มารดาตายก่อนบิดา เมื่อบิดาตายบุตรจึงเข้ารับ ค. นายข ลุ่ยบ ุตรคนโตรับม รดกแทนที่นายดำ�ดี ง. นายข ลุ่ยและน ายเขียวร ับมรดกแทนที่นายด ำ�ดี มรดกข องบิดาแ ทนมารดา จ. นางส้มจี๊ด นายขลุ่ยและน ายเขียวร ับม รดกแทนที่ ง. บิดาต ายก ่อนป ู่ เมื่อปู่ต ายบุตรเข้าร ับม รดกข องป ู่ นายด ำ�ด ี แทนบิดา จ. ภริยาต ายก ่อนบ ิดา เมื่อบ ิดาต ายสามีเข้ารับมรดก ของบิดาแ ทนภ รรยา มสธ มสธ มสธ เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเองห น่วยที่ 10 กอ่ นเรยี น หลังเรียน 1. ง. 1. ง. มสธ มส 2. ข. 2. ข. 3. ค. 3. ง. 4. ง. 4. ก. 5. ง. 5. ก. 6. ง. 6. ง. 7. ง. 7. ค. 8. ก. 8. จ. 9. ก. 9. ง. 10. จ. 10. ง.
มส 49 แบบประเมินผ ลตนเองก่อนเรียนห นว่ ยที่ 11 วัตถุประสงค์ เพื่อป ระเมินความรู้เดิมข องน ักศึกษาเกี่ยวก ับเรื่อง “การเสียส ิทธิในมรดก” คำ�แนะนำ� ขอให้น ักศึกษาอ่านคำ�ถามแล้วเขียนว งกลมล ้อมร อบข้อค ำ�ต อบท ี่ถ ูกต้องท ี่สุด มสธ มสธ 1. การถูกก ำ�จัดมิให้ร ับมรดกเกิดขึ้นจ ากอ ะไร จ. การถ อนก ารถูกก ำ�จัดม ิให้มรดกจ ะม ีไม่ได้เลย มสธ ก. การกระท ำ�ของเจ้ามรดก 5. เจ้าม รดกจ ะต ัดท ายาทข องต นม ิให้ร ับม รดกได้อ ย่างไร ข. บทบัญญัติข องก ฎหมาย ค. การกร ะท �ำ ข องท ายาทผ มู้ สี ทิ ธริ บั ม รดกต อ่ เจา้ ม รดก และโดยวิธีใ ด ง. การกระทำ�ของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกต่อทรัพย์ ก. แสดงเจตนาชัดแจ้งโดยพินัยกรรมหรือทำ�เป็น มรดก หนังสือย ื่นต่อท ายาทนั้น จ. ไม่มีข้อใดถ ูก ข. แสดงเจตนาชัดแ จ้งโดยพ ินัยกรรมเท่านั้น 2. เหตุใดที่ท ำ�ให้ทายาทอ าจถูกก ำ�จัดม ิให้รับม รดกได้ ค. แสดงเจตนาชัดแจ้งโดยพินัยกรรมหรือโดย ก. ยกั ยา้ ยท รพั ยม์ รดกโดยฉ อ้ ฉลห รอื ร อู้ ยวู่ า่ ต นท �ำ ให้ ห ลักฐ านเป็นหนังสือล งล ายมือช ื่อเจ้าม รดก เสื่อมประโยชน์แ ก่ทายาทอ ื่น ง. แสดงเจตนาชัดแจ้งโดยพินัยกรรมหรือทำ�เป็น ข. ถูกฟ้องว ่าฆ่าหรือพยายามฆ่าเจ้าม รดก ค. ปลอมห รือท ำ�ลายทรัพย์มรดก หนังสือม อบไว้แ ก่พนักงานเจ้าห น้าที่ ง. ปลอมพ ินัยกรรม จ. แสดงเจตนาชัดแจ้งโดยพินัยกรรมหรือทำ�เป็น จ. ข้อ ก. และ ง. ถูก 3. บุคคลประเภทใดไม่ถูกกำ�จัดมิให้รับมรดกแม้จะได้ หนังสือและจ ดทะเบียนต ่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 6. การตัดมิให้ร ับมรดกม ีผ ลอย่างไร ปิดบังท รัพย์มรดกโดยฉ้อฉล ก. การตัดมิให้รับมรดกเป็นการตัดตลอดสายของ ก. ทายาทโดยธ รรมค นเดียวข องเจ้ามรดก ข. ผู้รับพินัยกรรมล ักษณะทั่วไป ทายาทน ัน้ ทายาทผ ถู้ กู ต ดั ร วมท ัง้ ผ สู้ บื ส ันดานข อง ค. ผู้รับพินัยกรรมเฉพาะส ิ่งเฉพาะอย่าง เขาจ ึงไม่มีสิทธิรับมรดกข องเจ้าม รดกเลยท ั้งส ิ้น ง. ผู้รับพินัยกรรมทุกล ักษณะ ข. การต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกม ผี ลเฉพาะต วั ท ายาทผ ถู้ กู ต ดั จ. ไม่มีข้อใดถูก เท่านั้น ผู้ส ืบส ันดานข องเขาม ีส ิทธิร ับม รดกแ ทนที่ 4. การถูกกำ�จัดมิให้ร ับมรดกมีผลอย่างไร ได้แ ต่ส ืบม รดกไม่ได้ ก. ทายาทซึ่งถูกกำ�จัดมิให้รับมรดกไม่มีสิทธิได้รับ ค. การต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกม ผี ลเฉพาะต วั ท ายาทผ ถู้ กู ตดั เท่าน้ัน ผู้สืบสันดานของเขามีสิทธิสืบมรดกต่อ มรดกเลยไม่ว ่าในก รณีใด ไปได้ แต่จะรับม รดกแทนที่ไม่ได้ ข. การถูกกำ�จัดมิให้รับมรดกมีผลเฉพาะตัวทายาท ง. การต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกม ผี ลเฉพาะต วั ท ายาทผ ถู้ กู ต ดั เทา่ นัน้ ผสู้ บื ส นั ดานข องเขาจ งึ ม สี ทิ ธสิ บื ม รดกห รอื ผ ูถ้ ูกก ำ�จัด แตผ่ ูส้ ืบส ันดานข องเขาม สี ิทธริ ับม รดก รับมรดกแทนที่ได้ แล้วแ ต่กรณี แทนที่ไ ด้เท่านั้น จ. ไม่มีข้อใดถ ูก ค. การถูกกำ�จัดมิให้รับมรดกมีผลเฉพาะตัวทายาท 7. ข้อใดถูกในข ้อความต่อไปน ี้ ผู้ถูกกำ�จัดเท่านั้น ผู้สืบสันดานของเขามีสิทธิสืบ ก. เมือ่ ม กี ารต ดั ม ใิ หร้ บั ม รดกเกดิ ข ึน้ แ ลว้ จะเพกิ ถ อน มรดกห รือรับม รดกแ ทนที่ได้แ ล้วแ ต่กรณี ไม่ได้ ไม่ว่าโดยบ ุคคลใดหรือในกรณีใด ง. การถูกกำ�จัดมิให้มรดกทำ�ให้ทั้งตัวทายาทผู้ถูก ข. เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก กำ�จัดและผู้สืบสันดานของเข้าไม่มีสิทธิรับมรดก อาจร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการตัดมิให้รับ ของเจ้ามรดกเลย มรดกน ั้นเสียได้ มสธ มส
50 มส ค. การตัดมิให้รับมรดกจะเพิกถอนได้โดยเจ้ามรดกมสธ 9. ข้อใดถ ูกในข้อความต ่อไปน ี้ เท่านั้นมสธ ก. การส ละมรดกมีผ ลให้ทายาทผู้สละไม่มีฐ านะเป็น ง. เจ้ามรดกจะถอนการตัดมิให้รับมรดกได้โดยทำ� ทายาทอ ีกต่อไปน ับตั้งแต่เวลาที่เจ้ามรดกตาย พินัยกรรมเพิกถอนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการตัด ข. การส ละม รดกม ีผลให้ท ายาทผู้ส ละไม่มีฐานะเป็น มิให้รับม รดกโดยวิธีใด ทายาทอีกต ่อไปนับต ั้งแต่เวลาที่ผ ู้นั้นสละม รดก จ. เจ้ามรดกจะถอนการตัดมิให้รับมรดกได้โดยทำ� ค. การสละมรดกมีผลเฉพาะต ัวทายาทผู้สละเท่านั้น พินัยกรรมหรือทำ�เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าห น้าที่ก็ได้ ผู้สืบส ันดานข องเขาจึงมีส ิทธิรับมรดกแ ทนที่ได้ ง. การสละมรดกเป็นการสละตลอดสายของทายาท 8. ข้อใดถูกในข ้อความต่อไปน ี้ ก. การสละมรดกเป็นสิทธิของทายาทผู้มีสิทธิรับ ผู้น ั้น ผู้ส ืบส ันดานข องเขาจ ึงไม่มีส ิทธิส ืบม รดกได้ จ. ไม่มีข้อใดถูก มรดกนั้น เขาจึงอาจสละมรดกแต่เพียงบางส่วน 10. ข้อใดถ ูกในข้อความต่อไปนี้ หรือส ละท ั้งหมดเลยก ็ได้ ก. การสละมรดกอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ของทายาท ข. การส ละม รดกไว้เป็นการล ่วงหน้าจ ะก ระทำ�ม ิได้ ค. ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก เมื่อสละมรดกแล้ว จะ ผู้สละเสียเปรียบ เจ้าหนี้อาจบอกล้างการสละ ถอนก ารสละน ั้นก็ได้ มรดกนั้นไ ด้ ง. ผู้เยาว์ซึ่งมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว ย่อมสละ ข. เจ้าหนี้ผู้ต้องเสียเปรียบจากการสละมรดกของ มรดกได้โดยลำ�พังตนเองโดยมิต้องได้รับความ ลูกหนี้ของตน จะต้องร้องขอต่อศาลให้เพิกถอน ยินยอมจ ากบ ิดาม ารดาหรือผู้ปกครอง การสละมรดกนั้นเท่านั้น เพื่อรวบรวมทรัพย์สิน จ. การส ละม รดกก ระทำ�ได้โดยพินัยกรรมเท่านั้น ของล ูกหนี้ให้เพียงพอชำ�ระหนี้แก่ต น ค. การเพิกถอนการส ละมรดกจะกระทำ�ได้เพียงเพื่อ ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายทุกคนของทายาท ผู้สละมรดกนั้น ง. การส ละม รดกโดยม ีค ่าต อบแทน เจ้าห นี้จ ะร ้องขอ ให้เพิกถอนไม่ไ ด้ จ. ไม่มีข้อใดถ ูก มสธ มสธ มส
Search