Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เมืองเก่ากับการอนุรักษ์และพัฒนา

เมืองเก่ากับการอนุรักษ์และพัฒนา

Published by oldtown.su.research, 2021-09-02 05:55:02

Description: โครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า:
เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า

ความร่วมมือระหว่าง
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

Keywords: oldtown,thailand,culture

Search

Read the Text Version

เมอื งเกา่ ตามระเบยี บสำ� นกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ย การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทรแ์ ละเมอื งเกา่ พ.ศ.๒๕๔๖ เมอื งเก่า กับ การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

ภาพมมุ สูงเมอื งเก่ายะลา มเี นอ้ื ที่ ๑.๑๐ ตารางกโิ ลเมตร ไดร้ บั การประกาศเขตพน้ื ทเี่ มอื งเกา่ เมอ่ื วนั ที่ ๑๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เมอื งเกา่ กับ การอนรุ ักษ์ และ พัฒนา

“เมืองเกา่ ” ตามระเบียบสำ� นักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย การอนรุ กั ษ์และพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์และเมอื งเกา่ ๘ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี. (๒๕๔๖). สำ� หรบั การศกึ ษาวา่ ดว้ ย “เมอื งเกา่ (Old Town)” ในหนงั สอื เลม่ นจี้ ะกลา่ วถงึ “ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี เมืองเก่าในฐานะ “ขอบเขตพื้นท่ีเมือง หรือบางส่วนของเมือง” ท่ีได้รับการประกาศ ว่าด้วย การอนุรักษ์และพัฒนา ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ด�ำเนินการภายใต้ “ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ กรงุ รัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ.๒๕๔๖” ทั้งนี้ อธิบายค�ำว่า พ.ศ. ๒๕๔๖” ใน ราชกิจจานุ- “เมืองเก่า” ไวด้ งั นี้ ๒ เบกษา เลม่ ท่ี ๑๒๐ ตอนพเิ ศษ (๑) เมือง หรือบริเวณของเมือง ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะแห่งสืบต่อมาแต่ ๓๗ ง. ๒๖ มนี าคม ๒๕๔๖. หนา้ กาลก่อน หรือทม่ี ลี กั ษณะเปน็ เอกลกั ษณข์ องวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ หรอื มลี กั ษณะจำ� เพาะ ๙-๑๐. เข้าถึงข้อมลู จาก : http:/ ของสมยั หนงึ่ ในประวตั ศิ าสตร์ /www.ratchakitcha.soc.go.th/ (๒) เมือง หรอื บริเวณของเมือง ทม่ี รี ูปแบบผสมผสานสถาปัตยกรรมต่างถิน่ DATA/PDF/00121665.PDF หรอื มลี กั ษณะเปน็ รูปแบบววิ ฒั นาการทางสังคมท่สี ืบตอ่ มาในยุคตา่ งๆ (๓) เมือง หรือบริเวณของเมือง ที่เคยเป็นตัวเมืองดั้งเดิมในสมัยหนึ่ง และ ยังคงมีลกั ษณะเด่นประกอบดว้ ยโบราณสถาน (๔) เมือง หรอื บรเิ วณของเมือง ซึง่ โดยหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ หรือโดย อายุ หรือโดยลักษณะแห่งสถาปัตยกรรมมีคุณค่าในทางศิลปะ โบราณคดี หรือ ประวตั ศิ าสตร์ ทั้งน้ี อาจสรุปให้เห็นความหมายของ “เมืองเก่า” ได้ดังน้ี คิอ “สภาพทาง กายภาพท่ีแสดงออกถึงความเป็นเมืองที่เป็นผลสืบเน่ืองมาจากการต้ังถ่ินฐานและ สงั่ สมอารยธรรม และเปน็ ผลมาจากวฒั นธรรมทเ่ี ปน็ ผลจากการดำ� เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย์ ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่บรรพกาลเก่าก่อน และยังด�ำรงสถานะเป็นชุมชน หรือเป็นเมืองที่ยังมีการต้ังถิ่นฐานของผู้คนที่ด�ำรงไว้ซึ่งพลวัตทางสังคมวัฒนธรรมอยู่ ในปัจจบุ นั ” การท่ี “เมืองหรอื พ้นื ทีบ่ รเิ วณของเมืองท่ไี ดร้ ับการประกาศเขตพน้ื ทเ่ี ปน็ เมอื ง เกา่ ตามมตคิ ณะรฐั มนตร”ี จะมีหลกั เกณฑส์ ำ� คัญ คือ ตอ้ งเปน็ พนื้ ที่ท่ีบรบิ ทของความ เปน็ เมืองน้นั ยงั มี “พลวตั ” อยใู่ นปจั จุบนั ด้วยนิยามและความหมายของค�ำว่า “เมืองเก่า” ตาม “ระเบียบส�ำนักนายก รัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ.๒๕๔๖” ท�ำให้การรับรู้ต่อค�ำว่า “เมืองเก่า” จึงไม่ตรงกับความเข้าใจโดยทั่วไปท่ีเรียกเมืองเก่า แกท่ ุกเมือง รวมทั้งเมืองท่ีร้างลงและในปจั จบุ นั เป็นซากหลักฐานทางโบราณคดวี า่ เปน็ “เมืองเก่า” ท้ังสิ้น ซ่ึงไม่ตรงกับนิยามตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีที่เป็นกรอบใน การดำ� เนินการน้ี เพราะฉะน้นั ในกลไกขบั เคลือ่ นแนวทางการอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาเมอื งเกา่ ตาม ระเบียบส�ำนกั นายกรัฐมนตรีฯ จงึ ตอ้ งช้ีแจงนยิ ามกอ่ นเพื่อสร้างความเขา้ ใจท่ตี รงกนั เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา ๕๑

ทีม่ า และการก�ำหนดความหมายของเมืองเก่า จากนิยามของ “เมอื งเกา่ ” ตามระเบยี บสำ� นกั นายกรฐั มนตรฯี พ.ศ. ๒๕๔๖ ๙ ชุดความรู้ด้านการอนุรักษ์ ดังที่กล่าวมาข้างตน้ เพ่อื ให้เกิดความเข้าใจต่อบทบาทและหนา้ ท่ีของ “เมอื งเก่า” ตาม พฒั นา และบรหิ ารจดั การเมอื ง ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพ่ือน�ำไปสู่ความเข้าใจบทบาทหน้าที่ท่ีชัดเจนมากขึ้น เกา่ เลม่ ๑ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ท้ังน้ี ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม เก่ียวกับเมืองเก่าในประเทศ ซ่ึงมีหน้าท่ีเป็นส�ำนักงานเลขานุการ จึงได้จัดท�ำเอกสารเผยแพร่ “ชุดความรู้ด้านการ ไทย. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงาน อนุรักษ์ พัฒนา และบริหารจัดการเมืองเก่า เล่ม ๑ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ นโยบายและแผนทรัพยากร เมืองเกา่ ในประเทศไทย” โดยให้อรรถาธิบายขยายความบริบทเพ่ือสร้างความเข้าใจ ดังน้ี “เมืองหรือบริเวณของเมืองท่ีมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะแห่งสืบต่อมาแต่กาลก่อน ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม. หรอื มรี ปู แบบผสมผสานของสถาปตั ยกรรมทอ้ งถน่ิ หรอื มลี กั ษณะของรปู แบบววิ ฒั นาการ ทางสังคมท่ีสืบต่อมาของยุคต่างๆ หรือเคยเป็นตัวเมืองด้ังเดิมในสมัยหนึ่ง หรือโดย ๒๕๕๔. หน้าที่ ๔-๗. หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หรือสถาปัตยกรรมมีคุณค่าในทางศิลปะ โบราณคดี หรือ ประวัตศิ าสตร”์ ๙ ๑๐ เพง่ิ อ้าง. หน้าที่ ๔. คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้จ�ำแนก ๑๑ เพง่ิ อ้าง. หน้าที่ ๕. ประเภทของเมืองเก่า โดยใช้เกณฑ์ของลักษณะทางกายภาพเป็นตัวบ่งช้ีคุณลักษณะ ที่แตกต่างกันของเมืองเก่า จ�ำแนกออกเป็น ๔ ประเภทสรุปได้ดังนี้ (๑) เมอื งเกา่ ทไ่ี มป่ รากฏหลกั ฐานทางกายภาพทบ่ี ง่ บอกถงึ ลกั ษณะอนั เดน่ ชดั ของโครงสรา้ งเมอื งในอดีต๑๐ เมืองในกลุ่มนี้เป็น “ชุมชนโบราณ” ท่ีมีหลักฐานทางโบราณคดีแสดงถึงการ ตั้งถิ่นฐานอันเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนเข้าถึงสมัยประวัติศาสตร์ ทว่า ตอ่ มาไดถ้ ูกทง้ิ รา้ งลงไปดว้ ยเงอื่ นไขต่างๆ และไมม่ ีพัฒนาการสืบเนื่อง จนมีการวางผัง และการก่อสรา้ งสถาปตั ยกรรมจนเปน็ หลักฐานเชงิ ประจักษใ์ นภายหลงั ซ่งึ ปรากฏแต่ เพียงแนวคูคันดินและซากฐานรากของโบราณสถานดังตัวอย่างของเมืองในวัฒนธรรม ทวารวดีที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของไทย ท่ีได้จากการส�ำรวจทางโบราณคดี พบเมืองหรือชุมชนในลักษณะดังกล่าวน้ีกว่า ๑,๒๐๘ แหล่ง และอาจยังมีการค้นพบ เพิ่มเติมข้นึ อีกในอนาคต (๒) เมืองเกา่ ทีป่ รากฏหลกั ฐานทางกายภาพอันบ่งบอกถงึ ลกั ษณะอนั เด่น ชัดของโครงสรา้ ง เมอื งหรอื โบราณวตั ถุสถานในอดีต และปจั จบุ ันไม่มีผู้คนพักอาศัย หรือพักอาศยั อยนู่ อ้ ย มลี กั ษณะเป็นเมืองร้างและไดร้ บั การอนรุ กั ษไ์ ว้ในลกั ษณะเป็น อนสุ รณส์ ถานหรืออทุ ยานประวัติศาสตร์ โดยกลายประโยชนใ์ ชส้ อยเป็นแหลง่ ศกึ ษา หรือแหล่งทอ่ งเที่ยวทางวฒั นธรรม๑๑ เมืองในกลุ่มน้ีเป็น “เมืองโบราณ” ท่ีแสดงคุณลักษณะของความเป็นเมือง ศนู ยก์ ลางการปกครองในอดตี ทวา่ กลบั ไมม่ พี ฒั นาการทส่ี บื เนอื่ งมาถงึ ปจั จบุ นั เนอ่ื งจาก ท�ำเลท่ีตั้งดังเดิมนั้นหมดบทบาทลงไปในช้ันหลัง แต่ยังคงเหลือหลักฐานความรุ่งเรือง ๕๒ เมืองเกา่ กับ การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

๑๒ เพงิ่ อา้ ง. หน้าที่ ๖. เป็นซากโบราณสถานต่างๆ ของเมือง เช่น พระราชวัง วัด ป้อม ประตู คู เมือง ๑๓ เพิ่งอา้ ง. หนา้ ท่ี ๗. ดังตัวอย่างเชน่ เมอื งเวยี งกุมกาม เมอื งสุโขทัย เมอื งศรีสชั นาลยั เมืองกำ� แพงเพชร เปน็ ตน้ การทิ้งร้างของเมืองไปมีเงื่อนไขและบริบทแวดล้อมในอดีตหลายประการ เชน่ มกี ารเปลยี่ นแปลงของสภาพแวดลอ้ มและระบบนเิ วศนจ์ นไมเ่ ออ้ื ตอ่ การตง้ั ถน่ิ ฐาน ดังตัวอยา่ งเชน่ การเกดิ น�้ำท่วมหลาก แมน่ ้�ำเปลี่ยนทางเดนิ การทบั ถมของดินตะกอน ฯลฯ หรอื เกดิ ภยั พบิ ตั หิ รอื ทพุ ภกิ ขภยั ขนาดใหญจ่ นเปน็ เหตใุ หต้ อ้ งทงิ้ บา้ นเมอื ง ซงึ่ ปจั จยั แวดล้อมทางธรรมชาตินั้นเป็นปัจจัยท่ีส�ำคัญอย่างย่ิงยวดต่อการก�ำหนดการต้ัง ถนิ่ ฐานของผคู้ น คงเหลอื แตเ่ พยี งรอ่ งรอยทางโบราณคดี หรอื หากจะมกี ารตงั้ ถนิ่ ฐานก็ เป็นการเข้าไปต้ังถิ่นฐานใหม่ในช้ันหลังท่ีไม่เกี่ยวเนื่องหรือเช่ือมโยงกับร่องรอยทาง วฒั นธรรมในอดตี (๓) เมอื งเก่าทป่ี รากฏหลกั ฐานทางกายภาพอนั บง่ บอกถงึ ลกั ษณะอันเดน่ ชัดของโครงสรา้ งเมอื ง หรือโบราณวัตถุสถานในอดตี และมกี ารใชส้ อยในลักษณะของ เมอื งทย่ี งั มชี วี ติ อยา่ งตอ่ เนอื่ งจากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั ในลกั ษณะของชมุ ชนเมอื งขนาดเลก็ หรอื เมอื งท่ีมไิ ด้เป็นศูนยก์ ลางทางเศรษฐกิจ สงั คม การบริหารจัดการของจงั หวัด๑๒ เมืองในกลมุ่ นมี้ ีลกั ษณะเป็น “เมืองโบราณ” เชน่ เดยี วกันกับเมืองในกลมุ่ ที่ ๒ ท้ังนี้ มีพัฒนาการของเมืองมาต้ังแต่สมัยรัฐจารีต ทว่าในเขตพ้ืนท่ีดังกล่าวปัจจุบันมี การต้ังถ่ินฐานของผู้คนเป็นชุมชนที่ยังมีพลวัตอยู่ และเป็นชุมชนหรือย่านท่ีมีขนาด ไม่ใหญ่และไม่ซับซ้อนมากนัก อาทิ เมืองเชียงแสน เมืองถลาง เป็นต้น (๔) เมืองเก่าทปี่ รากฏหลกั ฐานทางกายภาพอันบง่ บอกถงึ ลกั ษณะอันเด่น ชดั ของโครงสรา้ งเมอื งหรือโบราณวตั ถสุ ถานในอดตี และมกี ารใชส้ อยในลกั ษณะของ เมอื งทย่ี งั มชี วี ติ อยา่ งตอ่ เนอื่ งจากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั ในลกั ษณะของชมุ ชนเมอื งขนาดใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม การบริหารจัดการของจังหวัดท่ีมีประชากร พักอาศยั เป็นจ�ำนวนมาก๑๓ เมอื งในกลมุ่ นถี้ ือเป็น “เมอื งเกา่ ท่ีมพี ลวตั ” ทมี่ คี วามเคลอ่ื นไหวในมิติสงั คม วัฒนธรรม และเศรษฐกจิ สบื เนือ่ งมาโดยตลอด และมีลกั ษณะเปน็ เมอื งศูนย์กลางของ รัฐจารีต (Traditional State) นับต้ังแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมา หรือเป็น เมืองท่ีตั้งข้ึนมาจากท�ำเลที่ตั้งของการเป็นชุมชนการค้าขาย จากการศกึ ษาพบวา่ ยังมีเมอื งเกา่ ท่ีมีการตัง้ ถ่ินฐานมาอยา่ งเก่าแก่ แต่ยังมี พลวัตทางสงั คม วัฒนธรรม เศรษฐกิจอยูใ่ นปัจจบุ ัน ไมไ่ ด้ถูกทงิ้ ร้างลงไป รวมท้งั บาง เมืองยงั คงมซี ากโบราณสถานอนั เก่าแก่แทรกตัวอยู่ในเมอื ง อาทิ ป้อม ประตู คเู มอื ง และวัดวาอาราม ท้ังท่ีเป็นซากโบราณสถานและเป็นวัดเก่าที่ยังมีการบูรณปฏิสังขรณ์ สืบเนื่องเร่ือยมาและยังคงท�ำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของชุมชนและเมือง มาจนกระทั่งปัจจุบัน เช่น เมืองเก่าเชียงใหม่ เมืองเก่าแพร่ เมืองเก่าน่าน เมืองเก่า สงขลา เมืองเก่านครศรีธรรมราช เปน็ ต้น เมืองเก่า กับ การอนุรักษ์ และ พฒั นา ๕๓

การจดั กลุ่ม “เมืองเก่า” ในประเทศไทย โดยส�ำนกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม จากนิยาม “เมืองเก่า” ตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ ๑๔ UNESCO. (2013). New อนุรักษ์และพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ พ.ศ.๒๕๔๖ และแนวทางการจำ� แนก life for historic cities: the เมอื งเกา่ โดยคณะกรรมการอนุรกั ษ์และพัฒนากรงุ รตั นโกสินทร์ และเมืองเก่า เป็น ๔ historic urban landscape ประเภท นนั้ จะเหน็ ไดว้ า่ มที ง้ั “เมอื งเกา่ ทยี่ ตุ บิ ทบาทความเปน็ เมอื งหรอื ชมุ ชนไปแลว้ ” approach explained. Paris: “เมอื งเกา่ ทม่ี กี ารประกาศขอบเขตเปน็ อทุ ยานประวตั ศิ าสตร”์ และ “เมอื งเกา่ ทมี่ พี ลวตั ” UNESCO. p.5. การประกาศเปน็ เขตพนื้ ทเี่ มอื งเกา่ ตามนโยบายของรฐั บาลนน้ั ใหค้ วามสำ� คญั กับ “เมืองเก่าท่ีมีพลวัต” ซ่ึงยังมีผู้คนต้ังถิ่นฐานอยู่อาศัย มีความเคล่ือนไหวทาง สงั คม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม โดยรฐั บาลไดใ้ หค้ วามสำ� คญั เมอื งเกา่ ทมี่ พี ลวตั มากกวา่ เมืองเก่าท่ีเป็นเมืองโบราณท่ีตัดขาดจากพลวัตของการต้ังถิ่นฐานและการอยู่อาศัยใน ปัจจบุ ันแล้ว เนอื่ งจากเมืองโบราณ เช่น เมืองอยธุ ยา เมอื งสโุ ขทัย เมืองศรีสัชนาลัย ดังกล่าวน้ันมีกลไกและกฎหมายท่ีคุ้มครองดูแลในฐานะการเป็นโบราณสถาน และมี กลไกการดูแลรักษาให้ธ�ำรงคุณค่าไว้ในฐานะการเป็นอุทยานประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ในขณะท่ีเมืองเก่าท่ีมีพลวัตน้ัน ยังมีผู้คนตั้งถิ่นฐาน ยังมีความเคลื่อนไหวทางสังคม เศรษฐกจิ และวัฒนธรรม จงึ ต้องการกลไกในการสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา ดว้ ยกลไกที่เหมาะสมในการบริหารจัดการ เพราะหากไมม่ ีกลไกขบั เคล่ือนการอนรุ ักษ์ และการพัฒนาอย่างเหมาะสมแล้ว อาจเกิดเหตุความเปลี่ยนแปลงท่ีลดทอนคุณค่า และความหมายของมรดกวฒั นธรรมตา่ งๆ ในเมอื งเกา่ ลง แตห่ ากมกี ารสรา้ งกลไกและ เครื่องมือท่เี หมาะสมในการรักษาคณุ ค่าพร้อมการใช้ประโยชน์ เมืองเกา่ จะเปน็ ตน้ ทุน สำ� คญั ทชี่ ว่ ยขบั เคลอื่ นการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ใหแ้ กช่ มุ ชนในทอ้ งถนิ่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี สอดคล้องกับแนวทางที่องค์การยูเนสโกได้เสนอไว้ว่า “กุญแจส�ำคัญในการ ท�ำความเข้าใจและการจัดการสภาพแวดล้อมในเมืองเก่าใดๆ คือการรับรู้ว่าเมืองไม่ ได้หยุดน่ิง เป็นแต่เพียงอนุสรณ์สถาน หรือกลุ่มอาคาร แต่ทว่าเมืองน้ันมีพลวัตที่ สัมพันธ์กับมิติเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม ซง่ึ ตา่ งสง่ อทิ ธพิ ลตอ่ คณุ ลกั ษณะของ เนอ้ื เมอื งเกา่ และเสนอวา่ บรบิ ททางประวตั ศิ าสตรแ์ ละการพฒั นาสามารถมปี ฏสิ มั พนั ธ์ กนั ไดแ้ ละลว้ นแตเ่ สรมิ สรา้ งบทบาทและความหมายของกนั และกนั ” ๑๔ รฐั บาลใหค้ วามสำ� คญั กบั เมอื งเกา่ ทมี่ พี ลวตั ดว้ ยเหตผุ ลหลกั คอื ประการทห่ี นง่ึ เมอื งเกา่ มกี ารตงั้ ถนิ่ ฐานของผคู้ นอยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดหนา้ ประวตั ศิ าสตร์ และทำ� หนา้ ท่ี เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารราชการ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและหน้าที่อ่ืนๆ ของเมือง และเมื่อประกาศเขตพ้ืนที่เมืองเก่าแล้ว ย่อมจะท�ำให้พลเมืองที่อยู่อาศัยในเมืองเกิด ความภาคภมู ใิ จ และไดร้ บั ประโยชนต์ า่ งๆ สบื เนอื่ งมาจากการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ในอนาคต ประการที่สอง คือ เม่ือมีการใช้ประโยชน์เมืองเก่าในบริบทร่วมสมัย จึงมี ความจ�ำเป็นในการสร้างกลไกในการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมเมืองเก่าให้อยู่คู่กับ ๕๔ เมอื งเก่า กับ การอนรุ กั ษ์ และ พัฒนา

๑๕ สำ� นกั งานนโยบาย และแผน พลวัตในบริบทสังคมร่วมสมัย และเมื่อสามารถสร้างสมดุลของการอนุรักษ์และการ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิง พัฒนาบนฐานความย่ังยืนให้เกิดข้ึนแล้ว ประชาชนในชุมชนท้องถ่ินในเมืองเก่าต่างๆ แวดลอ้ ม. (๒๕๕๔). อา้ งแลว้ . จะไดร้ บั ประโยชนใ์ นรปู แบบตา่ งๆ ทสี่ บื เนอ่ื งจากการบรหิ ารจดั การกบั มรดกวฒั นธรรม หนา้ ท่ี ๒๔. เมอื ง อนั นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ และความเปน็ อยทู่ ด่ี รี ว่ มกบั การธำ� รงรกั ษาคณุ คา่ ของเมืองเกา่ ควบคู่ไปดว้ ย การจ�ำแนกกลุ่มของเมืองเก่าท่ีมีพลวัตเพื่อน�ำไปสู่การ “ประกาศเขตพ้ืนท่ี เมืองเก่า” โดยจ�ำแนกเมืองเก่าตาม “ความส�ำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี” ซง่ึ กม็ คี วามสมั พันธ์กับ “ขนาดของเมอื งเก่า” ดว้ ย ท้งั น้ี จากการศกึ ษาของส�ำนกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ้ มทีก่ ล่าวมานัน้ ได้น�ำไปสู่การจำ� แนกเมืองเก่าออกเป็น ๓ กลมุ่ คอื ๑๕ (๑) เมอื งเก่ากลมุ่ ท่ี ๑ เมอื งเก่ากล่มุ ท่ี ๑ เป็นเมอื งทมี่ ีความสำ� คัญทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี มีลักษณะเป็นเมืองขนาดใหญ่ ซ่ึงเคยเป็นศูนย์กลางของรัฐจารีตโบราณ (Traditional State) หรอื เมอื งในเครอื ขา่ ยของรฐั โบราณ ทงั้ นยี้ งั ปรากฏหลกั ฐานทางโบราณคดแี ละ ศลิ ปกรรมของยุคสมยั ดังกลา่ วเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ และยงั เป็นเมอื งที่มีพลวตั อยู่ในปจั จบุ นั ซึ่งเป็นเมืองเกา่ ทีม่ คี วามเรง่ ด่วนในการจัดทำ� การประกาศเป็นเมอื งเก่า เพื่อเปน็ กลไก ในการอนรุ กั ษ์และพฒั นาเมอื งอยา่ งเหมาะสม คณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ ไดพ้ จิ ารณาจดั จำ� แนกเมอื งเกา่ ในกลมุ่ ที่ ๑ มจี ำ� นวน ๑๐ เมอื ง ไดแ้ ก่ เมอื งเกา่ เชยี งใหม่ เมอื งเกา่ นา่ น เมืองเก่าล�ำปาง เมืองเก่าล�ำพูน เมืองเก่าก�ำแพงเพชร เมืองเก่าพิษณุโลก เมืองเก่า ลพบุรี เมืองเกา่ พมิ าย เมอื งเกา่ นครศรีธรรมราช และเมืองเกา่ สงขลา (๒) เมืองเก่ากล่มุ ที่ ๒ เมอื งเกา่ กลมุ่ นเ้ี ปน็ เมอื งทมี่ คี วามสำ� คญั รองลงมาจากกลมุ่ ท่ี ๑ ทง้ั ในประเดน็ เร่ืองของขนาดเมอื ง และมิตคิ วามส�ำคัญในหน้าประวตั ิศาสตร์ นอกจากนี้ ยงั มกี าร กลายเป็นเมืองท่ียังมีไม่สูงมากนัก ตลอดจนปัญหาจากภัยคุกคามด้านต่างๆ ยังไม่ มากและเรง่ ด่วนเทา่ กบั เมืองเก่ากลมุ่ ที่ ๑ คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่าได้พิจารณา จัดจำ� แนกเมอื งเก่าในกลมุ่ ท่ี ๒ จ�ำนวน ๒๗ เมือง เพือ่ ก�ำหนดขอบเขตพนื้ ทเี่ มอื งเกา่ และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนา ได้แก่ เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าพะเยา เมอื งเกา่ แพร่ เมืองเก่าตาก เมืองเกา่ พิจิตร เมืองเก่าแมฮ่ ่องสอน เมอื งเกา่ สรรคบุรี เมืองเกา่ อทู่ อง เมืองเกา่ สุพรรณบรุ ี เมืองเกา่ กาญจนบรุ ี เมืองเกา่ ราชบุรี เมืองเก่า เพชรบุรี เมืองเก่านครนายก เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าจันทบุรี เมืองเก่านครราชสีมา เมืองเก่าบุรีรัมย์ เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าร้อยเอ็ด เมืองเก่าสกลนคร เมืองเก่า ระนอง เมอื งเกา่ ตะกัว่ ป่า เมอื งเกา่ ภูเก็ต เมืองเกา่ ปัตตานี เมืองเก่ายะลา เมอื งเก่า สตลู และเมอื งเก่านราธวิ าส เมืองเก่า กับ การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา ๕๕

(๓) เมอื งเกา่ กลุ่มที่ ๓ เมืองเกา่ กลุม่ ท่ี ๓ เปน็ เมืองโบราณขนาดเล็ก มีหลกั ฐานทางโบราณคดี และศลิ ปกรรมไมม่ าก รวมทง้ั มชี มุ ชนตงั้ ถน่ิ ฐานอยไู่ มม่ าก มคี วามหนาแนน่ ของการ อยอู่ าศยั เปน็ ชมุ ชนในระดบั ตำ� บลหรอื อำ� เภอ หรอื บางแหลง่ กไ็ มม่ กี ารอยอู่ าศยั จงึ มี ลกั ษณะเปน็ เมอื งร้าง ซง่ึ ยงั ไม่จำ� เป็นเรง่ ดว่ นทต่ี อ้ งดำ� เนนิ การประกาศเปน็ เมอื งเกา่ เมืองเก่าในกลุ่มที่ ๓ น้ี ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมได้จัดท�ำฐานข้อมูลไว้จ�ำนวน ๓๙ เมือง ได้แก่ เมืองเชียงแสน เมืองบัว เวียงกุมกาม เวยี งเจด็ ลิน เวยี งท่ากาน เวยี งสวนดอก เวียงท่าวังทอง เวยี งบัว เวียงปู่ลา่ ม เวียงพระธาตจุ อมทอง เวยี งลอ เวยี งหนองหา้ เมอื งโคกไมเ้ ดน เมอื งดอนคา เมอื งไพศาลี เมอื งบางขลงั เมอื งทงุ่ ยงั้ เมอื งนครไทย เมอื งศรเี ทพ เมอื ง กำ� แพงแสน เมอื งซบั จำ� ปา เมอื งดงคอน เมอื งอตู่ ะเภา เมืองบ้านคูเมือง เมืองครุฑ เมืองสิงห์ เมอื งคบู ัว เมืองดงละคร เมืองศรีมโหสถ เมืองเสมา เมืองคูเชียงเทียน เมืองเสือ ดงเมืองแอม ดอนเมืองเตย เมืองฟ้าแดดสงยาง เมืองสลักได เมือง หนองหาน เมอื งไชยา เมอื งยะรงั อยา่ งไรกต็ าม ยงั มเี มอื งเกา่ ทเ่ี ขา้ เกณฑเ์ มอื งเกา่ กลุ่มท่ี ๓ อีกหลายเมืองท่ียังไม่มีการศึกษาข้อมูล จากนิยามความเป็น “เมืองเก่า” ท่ีให้ความส�ำคัญกับเมืองที่มีพลวัตนับ ต้งั แตเ่ มือ่ แรกสร้างบา้ นแปงเมืองมาตง้ั แตค่ รั้งอดีตกาล และคงด�ำรงบทบาทและมี พลวัตตราบมาจนกระทั่งปัจจุบัน ซ่ึงถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีสร้างข้ึนมาใน อดตี และมพี ฒั นาการสบื ทอดตอ่ เนือ่ งอยา่ งไมข่ าดสาย ทั้งยังคงธ�ำรงบทบาทอยู่ใน สังคมปจั จบุ นั หรือเรยี กวา่ เปน็ “เมอื งเก่า” หรอื “เมอื งเกา่ ท่ีมพี ลวตั ” ซงึ่ มนี ิยาม ตรงตามวัตถุประสงค์และสอดคล้องกับการที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศเขตเมืองเก่า ซงึ่ เมอื งเกา่ ทม่ี พี ลวตั เปน็ คณุ ลกั ษณะของเมอื งทห่ี นงั สอื เลม่ นีต้ ้องการจะสื่อถึง แม้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ทว่าเมืองกลุ่มน้ียังมีพลวัตมาตลอด หน้าประวัตศิ าสตร์ มจี ดุ ร่งุ โรจน์ มีจุดเส่อื มถอย มีการวางแผนทางกายภาพ มกี าร แกป้ ญั หา และมพี ลวตั ตราบจนกระทงั่ ปจั จบุ นั เมอื งเกา่ จงึ เปน็ แหลง่ รวบรวมคณุ คา่ ทางวฒั นธรรมหลากมติ ิ ทง้ั ทเ่ี ปน็ มรดก วฒั นธรรมทางกายภาพเป็นรปู ธรรม และมรดกวัฒนธรรมไร้รปู หรอื เป็นนามธรรม ซง่ึ ลว้ นแตป่ ระกอบกนั เปน็ ตน้ ทนุ สำ� คญั ของการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื บนฐานทรพั ยากร ในท้องถ่ินของตน จากความส�ำคัญของ “เมืองเก่า” ท่ีได้กล่าวมานั้น ท�ำให้รัฐบาลก�ำหนด นโยบายการด�ำเนินงานเพื่อการอนุรักษ์ และพัฒนา โดยการประกาศ “ระเบียบ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ พ.ศ.๒๕๔๖” กำ� หนดใหค้ ณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ ให้มีอ�ำนาจหน้าที่ในการวางนโยบาย การก�ำหนดขอบเขตพ้ืนที่ ตลอดจนการจัด ท�ำแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เพ่ือให้เมืองเก่านั้นท�ำหน้าท่ีเป็นแหล่งอุ้มชูให้มรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นองค์ ประกอบของเมอื งนนั้ ดำ� รงอยแู่ ละสบื ทอดความเจรญิ รงุ่ เรอื งทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม ของชาตติ ลอดไป ๕๖ เมืองเก่า กบั การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา

ระเบียบส�ำนกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วย การอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมอื งเก่า พ.ศ.๒๕๔๖ ๑๖สำ� นกั นายกรฐั มนตร.ี (๒๕๔๖). ด้วยคุณค่าและความหมายของเมืองเก่าท่ีเป็นต้นทุนส�ำคัญของการพัฒนาสู่ “ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ความย่ังยนื ในทุกมิติ ดว้ ยตระหนักถึงความส�ำคัญของการสรา้ งกลไกขบั เคลอ่ื นใหเ้ กิด ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนา การอนรุ กั ษ์และพัฒนาเมอื งเก่าให้ธำ� รงคุณค่าสืบต่อไป จงึ มกี ารผลักดันใหม้ ี “ระเบยี บ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ ส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า” พ.ศ.๒๕๔๖” ราชกจิ จานเุ บกษา. เพือ่ กำ� หนดนโยบาย แผนงาน มาตรการ และแนวทางเกยี่ วกับการอนรุ ักษแ์ ละพฒั นา เล่มท่ี ๑๒๐ ตอนพเิ ศษ ๓๗ เมืองเก่าอยา่ งเป็นระบบและมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทง้ั ส่งเสริมภาคเอกชน และประชาชน ง. ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๖. หน้า ไดม้ ีส่วนร่วมเพ่อื ธำ� รงรกั ษาคุณคา่ ของเมอื งเก่าสืบไป ๙-๑๐. ในการน้ี ตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีฯ จึงได้ก�ำหนดให้มีการแต่งต้ัง “คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า” ซ่ึงประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ท่ีนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กํากบั การบรหิ ารราชการกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ ประธานกรรมการ ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อม ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผ้อู าํ นวยการสาํ นักงบประมาณ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการพระราชวัง ผู้อํานวยการ ทรพั ยส์ นิ พระมหากษตั รยิ ์ ผอู้ าํ นวยการสาํ นกั งานนโยบายและแผนการขนสง่ และจราจร อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถน่ิ อธบิ ดกี รม ธนารักษ์ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกสมาคม สถาปนกิ สยามในพระบรมราชปู ถมั ภ์ นายกสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและส่ิงแวดล้อม และผทู้ รงคุณวฒุ ไิ ม่เกนิ เจ็ดคน๑๖ ในท่ีนี้ จะเห็นว่าคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และ เมืองเก่าประกอบด้วยผู้มีอ�ำนาจหน้าท่ีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเมืองเก่าโดยตรง เพอื่ อำ� นวยใหก้ ารอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั หนว่ ยงานตา่ งๆ ขบั เคลอ่ื น ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีผลสัมฤทธ์ิตามเปา้ ประสงคข์ องระเบียบฯ ตอ่ ไป โดยคณะกรรมการมอี ำ� นาจหนา้ ที่ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) วางนโยบาย กําหนดพืน้ ที่ และจัดทําแผนแมบ่ ทการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนา กรุงรัตนโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ โดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี (๒) จัดทําแนวทาง แผนปฏิบัติการและมาตรการต่างๆ เพ่ือดําเนินการใน พ้ืนที่รบั ผดิ ชอบ (๓) ให้คาํ ปรกึ ษาและความเห็นโครงการของรฐั ในพืน้ ทร่ี บั ผดิ ชอบ (๔) สนบั สนนุ การจดั สรรงบประมาณใหแ้ กห่ นว่ ยงานของรฐั ทรี่ บั ผดิ ชอบ เพอื่ ดาํ เนนิ งานตามแผนปฏบิ ตั กิ ารอนุรักษแ์ ละพัฒนากรงุ รัตนโกสินทร์ และเมืองเกา่ เมืองเกา่ กบั การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา ๕๗

(๕) ออกระเบยี บปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และ เมอื งเกา่ เทา่ ทไ่ี มข่ ดั หรอื แย้งกบั กฎหมาย โดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี (๖) สนับสนุน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และภาคเอกชนได้มีส่วน ร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรตั นโกสินทร์ และเมอื งเก่า (๗) ประสานงาน ตดิ ตาม ตรวจสอบและกํากับดแู ลให้การดําเนินงาน เปน็ ไปตามแนวทางโครงการ และแผนงานทไ่ี ดจ้ ัดทาํ ไว้ (๘) เชิญผู้แทนหน่วยงานราชการและภาคเอกชน หรือบุคคลอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง มาให้คําชแ้ี จงและขอ้ มลู (๙) แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการ หรอื คณะทาํ งานตามความจาํ เปน็ และเหมาะสม เพอื่ ทาํ การแทนคณะกรรมการในเรอ่ื งท่ีได้รับมอบหมาย (๑๐) รายงานผลการดาํ เนนิ งานให้คณะรัฐมนตรีทราบตามท่เี ห็นสมควร (๑๑) ดาํ เนนิ การอนื่ ใดทจี่ าํ เปน็ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากคณะรฐั มนตรี เพอ่ื ให้การอนุรักษ์และพัฒนากรงุ รตั นโกสินทรแ์ ละเมืองเก่าประสบความสำ� เรจ็ แผนภมู แิ สดงบทบาทและหนา้ ทขี่ องคณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทรแ์ ละเมอื งเกา่ และคณะอนกุ รรมการ กลั่นกรองและพจิ ารณาแผนการดำ� เนนิ งานในพื้นท่เี มอื งเกา่ และคณะอนุกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมืองเกา่ รายเมอื ง ๖๒ เมืองเก่า กับ การอนรุ กั ษ์ และ พัฒนา

การก�ำหนดขอบเขต และการประกาศเขตพ้ืนทเี่ มอื งเกา่ “สำ� นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม” ที่เรยี กชื่อ ยอ่ วา่ “สผ.” เป็นหนว่ ยงานภายใตก้ ระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม โดย “กองจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม กลุ่มงานอนุรักษ์และพัฒนา กรงุ รตั นโกสนิ ทรแ์ ละเมอื งเกา่ ” ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ สำ� นกั งานเลขานกุ ารของ “คณะกรรมการ อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า” เพ่ือให้การบริหารจัดการในพื้นที่ เมืองเก่ามีการขับเคล่ือนและด�ำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และทันต่อสถานการณ์ที่ เปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ตลอดจนรบั มอื กบั ประเดน็ ทจ่ี ะสง่ ผลกระทบตอ่ การธำ� รงรกั ษา คุณค่าในมิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองเกา่ ทง้ั น้ี การขบั เคลอื่ นกลไกการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ นน้ั ดำ� เนนิ การภายใต้ “ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และ เมืองเก่า ปีพ.ศ.๒๕๔๖” ขนั้ ตอนแรกของการดำ� เนนิ การศกึ ษาเพอื่ การ “กำ� หนดขอบเขตพนื้ ทเี่ มอื งเกา่ ” ใช้การศึกษาข้อมูลในมิติต่างๆ ทั้งการปริทัศน์การศึกษาเพื่อทบทวนวรรณกรรมและ ผลการศึกษาท่ีผ่านมา (Literature Review) ในพื้นท่ีเมืองเก่าและพื้นท่ีเก่ียวเน่ือง เพ่ือท�ำความเข้าใจสถานภาพขององค์ความรู้และข้อเสนอทางวิชาการที่มีอยู่ในพ้ืนท่ี ศึกษา ตลอดจนเพื่อทบทวนว่าในพ้ืนที่เป้าหมายนั้นมีโครงการใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องและ ได้ด�ำเนินการมาแลว้ บ้าง อนั จะน�ำไปส่กู ารวางแผนการดำ� เนินการในพนื้ ทีไ่ ดอ้ ยา่ ง เหมาะสมบนฐานความเขา้ ใจในองคค์ วามรู้ และคณุ คา่ ของพนื้ ท่ี ในข้ันตอนปริทัศน์ความรู้ในส่วนนี้ ยังรวมไปถึงการศึกษาเอกสารที่ให้ข้อมูล ทางประวัติศาสตร์ตา่ งๆ ทง้ั หลกั ฐานช้ันต้น (Primary Historical Account) ประเภท ต่างๆ รวมทั้งการศึกษาเอกสารช้ันรอง (Secondary Resources) ประเภทอ่ืนๆ ซึ่ง ทั้งหมดต้องน�ำมาสู่กระบวนการท�ำสารัตถะวิพากษ์เพ่ือกลั่นกรองข้อเท็จจริงทาง ประวัติศาสตร์ และขอ้ เสนอทางวชิ าการต่างๆ ให้กระจ่างชัด ตลอดจนการช�ำระขอ้ มลู และล�ำดับเวลาของเหตกุ ารณท์ างประวตั ิศาสตรใ์ ห้ถูกต้องแมน่ ยำ� จากขั้นตอนการปริทัศน์การศึกษาท่ีกล่าวมาข้างต้นจนมีความเข้าใจพื้นฐาน ต่อพน้ื ทเี่ มืองเก่าแลว้ จะนำ� ไปสกู่ ารลง “เกบ็ ข้อมูลภาคสนาม” ซง่ึ กระบวนการทำ� งาน ในส่วนน้ี จะใหค้ วามสำ� คัญกับ “การวิจัยแบบการบนั ทึกข้อมลู (Documentation Re- search)” ที่จะบนั ทกึ ขอ้ มลู ประเภทต่างๆ ท้งั “การส�ำรวจรังวดั มรดกสถาปตั ยกรรม” “การบันทึกภาพถ่ายสภาพปจั จบุ ัน” “การเกบ็ พกิ ัดทางภูมศิ าสตรข์ องทตี่ ้ัง” ตลอดจน “การสัมภาษณ์” เพื่อใหไ้ ด้ข้อมูลประวัตศิ าสตรบ์ อกเล่า (Oral History) ของทอ้ งถิน่ ที่แฝงฝังอยู่ในความทรงจ�ำของผู้คนในเมือง ซึ่งข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นน้ีมักไม่ ปรากฏในหลกั ฐานลายลกั ษณอ์ น่ื ๆ เพอื่ นำ� ขอ้ มลู ทรี่ อบดา้ นจากกระบวนการปฏบิ ตั กิ าร ภาคสนามมาสู่การประมวลผลเพื่อท�ำความเข้าใจ “คุณค่าและความส�ำคัญของพื้นที่ เมืองเก่า” เมืองเก่า กับ การอนุรักษ์ และ พฒั นา ๕๙

จากการศึกษาภาคสนามและการปรทิ ัศน์เพอื่ ทบทวนสถานภาพของความรู้ จะนำ� มาใชใ้ นการ เรียบเรยี งเน้อื หาว่าดว้ ย “ความส�ำคญั ของพืน้ ทเ่ี มืองเกา่ ” ซึง่ ประกอบด้วยโครงสรา้ งเนื้อหา คือ “ความ เปน็ มา พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ และการตัง้ ถ่นิ ฐาน” เพอ่ื เรยี บเรียงเน้อื หาทางประวตั ิศาสตร์ การ ตง้ั ถนิ่ ฐานและบรบิ ททางวฒั นธรรมของพน้ื ทเ่ี มอื งเกา่ เพอ่ื เปน็ ฐานคดิ ในการทำ� ความเขา้ ใจประเดน็ เรอ่ื ง คณุ คา่ และพัฒนาการของเมอื ง ซ่ึงข้นั ตอนการศึกษาข้อมลู ต่าง ๆ ดว้ ยระเบยี บวธิ ีทางวิชาการ และการ วจิ ัยทีร่ ัดกุมในการค้นคว้าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี มรดกทางสถาปตั ยกรรม ตลอดจน มรดกวัฒนธรรมตา่ งๆ ท้ังทีเ่ ป็นกายภาพเป็นประจักษ์ (Tangible Cultural Heritage) และมรดก วัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ซ่ึงประกอบสร้างกันเป็นคุณลักษณะเฉพาะ ตัวของเมืองเกา่ แต่ละเมือง ในการจัดท�ำฐานข้อมูลเพ่ือประกอบการประกาศเขตพื้นท่ีเมืองเก่านั้น ได้รวบรวมข้อมูลเชิง พื้นท่ีมาเพ่ือประกอบการพิจารณาถึงองค์ประกอบตา่ งๆ ของเมอื ง อาทิ “องคป์ ระกอบเมืองทีแ่ สดงขอบเขตทางกายภาพของเมอื ง” คอื ปอ้ ม ประตู คเู มือง ก�ำแพง เมอื ง ซงึ่ เปน็ โบราณสถานท่ีส�ำคญั ของเมอื ง “แบบแผนโครงข่ายคมนาคมในเขตเมืองเก่า” หมายถึง เส้นทางสัญจรต่าง ๆ ที่อยู่ในพ้ืนที่ เมืองเก่าหรือพื้นท่ีเกี่ยวเนื่อง มีท้ังท่ีเส้นทางสัญจรทางบก และเส้นทางสญั จรทางนำ้� ซึ่งตา่ งเชือ่ มโยง กันเป็นโครงข่ายเส้นทางสญั จรของผคู้ นในอดีตท่ีใช้ไปมาหากันในเมอื ง เช่น แม่นำ้� ลพบุรี และเครอื ขา่ ย คลองในเมอื งเก่าลพบุรี แม่น้�ำแมก่ ลางทเ่ี มอื งเก่าราชบรุ ี เปน็ ต้น และตอ่ มาเม่ือมกี ารพัฒนาระบบการ ขนสง่ ทางรางนบั ต้ังแตส่ มัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ในเมืองเก่าหลายเมืองจะมีองค์ประกอบเป็นสถานี รถไฟและรางรถไฟ เช่น เมืองเกา่ ลพบรุ ี เมอื งเกา่ ราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เป็นต้น “จุดหมายตาในบริเวณเมืองเก่า” เป็นองค์ประกอบส�ำคัญท่ีแสดงเป็นภาพจ�ำของเมืองอันมี ลกั ษณะทมี่ คี วามโดดเดน่ และเปน็ สญั ลกั ษณบ์ ง่ ชถี้ งึ ความเปน็ สถานทขี่ องเมอื งเกา่ นนั้ ๆ ทง้ั น้ี อาจจะเปน็ สถานท่ที างธรรมชาติ เชน่ ภเู ขา แม่นำ�้ ต้นไมใ้ หญ่ เปน็ ตน้ “ย่านและบริเวณที่ส�ำคัญและมีคุณค่าของเมืองเก่า” เน่ืองจากในเมืองเก่าจะประกอบดว้ ยยา่ น ตา่ ง ๆ ซงึ่ อาจจะมศี นู ยก์ ลางเปน็ ทที่ ำ� การหนว่ ยงานภาครฐั สถานขี นสง่ สถานีรถไฟ ตลาด หรือศาสน สถานในเมืองเก่า ซึ่งมีการตั้งถ่ินฐานของผู้คนรวมกันเป็นย่าน สร้างให้เกิดพลวัตทางสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจภายในพ้ืนท่ีย่านและประกอบสร้างใหเ้ มอื งเก่าเปน็ เมอื งท่มี ีพลวัต ท้ังน้ี ในภาพรวมของการศึกษาจะท�ำให้ข้อมูล “สถานภาพของเมืองเก่า” ซ่ึงมุ่งหมายเพ่ือ ทราบสภาพขอ้ เทจ็ จรงิ ของพนื้ ทเี่ มอื งเกา่ วา่ ในปจั จบุ นั มสี ถานการณอ์ ยา่ งไร ทงั้ ขอ้ มลู วา่ ดว้ ยองคป์ ระกอบ ของเมืองเก่ามีอะไรบ้าง และมีสภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร (Existing Condition) สถานการณ์ด้านการ อนรุ กั ษ์ และสถานการณก์ ารเปลยี่ นแปลงลดทอนคณุ คา่ ขององคป์ ระกอบของเมอื งเกา่ มหี รอื ไม่ และเปน็ อยา่ งไร ผมู้ อี ำ� นาจหนา้ ทหี่ รอื สทิ ธใิ นการครอบครองดแู ลเปน็ อยา่ งไร พนื้ ทใ่ี นเมอื งเปา้ หมายในการศกึ ษา ประกอบไปด้วยพนื้ ทีใ่ นลักษณะใดบ้าง เมื่อจัดเก็บข้อมูลแวดล้อมดังกล่าวมาข้างต้น จะน�ำข้อมูลองค์ประกอบต่างๆ ท่ีอยู่ในขอบเขต พ้ืนที่เป้าหมายมาวิเคราะห์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ข้อมูลเชิงพื้นท่ีจากการเก็บข้อมูล ผลลัพธ์ของ การด�ำเนินการในส่วนนี้จะน�ำไปสู่การก�ำหนด “ร่างขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า” ซึ่งร่างขอบเขตดังกล่าวน้ัน จะมขี อบเขตครอบคลมุ พื้นท่ที ีม่ จี ำ� นวนของแหล่งมรดกวฒั นธรรมและธรรมชาตทิ สี่ ำ� คัญ และมจี �ำนวน แหล่งที่เปน็ ประจกั ษ์ และประกอบดว้ ยคณุ คา่ และความหมายท่ีรว่ มกันประกอบสรา้ งขึน้ เปน็ ตน้ ทนุ ของ เมอื งทีแ่ สดงถึงคณุ ลักษณะของการเป็นเมอื งเก่าท่ีทรงคณุ ค่า ๖๐ เมอื งเกา่ กบั การอนุรักษ์ และ พฒั นา

เมื่อด�ำเนินการจัดท�ำร่างขอบเขตพื้นท่ีเมืองเก่า จากการส�ำรวจข้อมูลภาคสนาม จากการศึกษาเอกสาร ตา่ งๆ อย่างรอบดา้ น และผ่านกระบวนการวิเคราะหด์ ้วยระเบยี บวธิ ีในการวจิ ยั ทรี่ ดั กมุ เปน็ ที่เรียบร้อยแลว้ ขน้ั ตอน ตอ่ มาคือการนำ� รา่ งขอบเขตไปสกู่ ารน�ำเสนอในเวทสี าธารณะ โดยในขนั้ ตอนนใี้ ห้ความส�ำคัญกับการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน ท้ังหน่วยงานราชการในจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่างขอบเขตเมืองเก่า ตลอดจนด�ำเนิน กระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการรับรู้ความเข้าใจต่อ “โครงการก�ำหนดขอบเขตพ้ืนท่ีเมืองเก่า” เพ่ือน�ำไปสู่ กระบวนการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพ้ืนท่ีเมืองเก่า ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาคธรุ กจิ ในท้องถิ่น รวมทั้งชี้แจงตอบขอ้ ซักถามในประเดน็ ที่ทกุ หน่วยงานสนใจหรือมีขอ้ สงสัย จากนนั้ จงึ นำ� ผลการประชุมระดมความคดิ เหน็ ตลอดจนขอ้ เสนอแนะตา่ งๆ ทีไ่ ด้รับ จากขน้ั ตอนการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากทกุ ภาคสว่ นนำ� มาประมวลผลและเสนอตอ่ “คณะอนกุ รรมการกลนั่ กรองและ พิจารณาแผนการดำ� เนินงานในพนื้ ทเี่ มอื งเก่า” พจิ ารณาและให้ความเหน็ ชอบ จากนั้นจึงน�ำร่างเขตพื้นที่เมืองเก่าที่ผ่านการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจจากภาคส่วนต่างๆ ของท้องถิ่น โดยคณะอนุกรรมการทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ภายใต้คณะกรรมการอนรุ กั ษ์และพฒั นากรงุ รตั นโกสินทร์ และเมืองเกา่ พิจารณา ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เมื่อด�ำเนินการครบตามขั้นตอนแล้ว จึงเสนอคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุง รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ กอ่ นเสนอคณะรฐั มนตรี เพอ่ื ประกาศเขตพน้ื ทเ่ี มอื งเกา่ ตอ่ ไป แผนภมู แิ สดงขนั้ ตอนการกำ� หนดขอบเขตพนื้ ทเ่ี มอื งเกา่ เมอื งเก่า กับ การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา ๖๑

เมืองเก่า และและบทบาทของ คณะอนกุ รรมการอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาเมืองเก่ารายเมือง เมอ่ื คณะรฐั มนตรไี ดเ้ หน็ ชอบใหป้ ระกาศเขตพนื้ ทเ่ี มอื งเกา่ แลว้ สำ� นกั งานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็นส�ำนักงานเลขานุการของ คณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ จะดำ� เนนิ การประสานงาน ไปยังเมืองเก่าเป้าหมาย โดยประสานงานกับจังหวัดเพ่ือให้ด�ำเนินการจัดท�ำร่างรายชื่อ คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ซ่ึงมีโครงสร้างประกอบด้วยหัวหน้าส่วน ราชการท่เี กี่ยวขอ้ ง ภาคเอกชน และผูท้ รงคณุ วุฒใิ นท้องถ่นิ ท่ีมคี วามรู้ความสามารถและ ประสบการณด์ ้านต่างๆ ในพืน้ ทรี่ ว่ มเป็นคณะอนุกรรมการฯ เมอื่ ไดร้ า่ งรายชอื่ คณะอนกุ รรมการฯ จะดำ� เนนิ การเสนอตอ่ ยงั ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เพ่ือลงนามรับรอง และน�ำส่งกลับมายังกองจัดการส่ิงแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม ซึง่ กลุ่มงานอนุรักษ์และพัฒนากรงุ รัตนโกสนิ ทรแ์ ละเมืองเกา่ สำ� นักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท�ำหน้าท่ีเป็นส�ำนักงานเลขานุการเพ่ือด�ำเนินการ จัดท�ำค�ำสงั่ แตง่ ตัง้ ต่อไป “คณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ ” จะออก “คำ� สงั่ คณะกรรมการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนากรงุ รัตนโกสนิ ทร์ และเมอื งเก่า” เรอ่ื ง “การแต่งตงั้ คณะ อนุกรรมการอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเก่า” โดยมีองค์ประกอบของคณะอนกุ รรมการฯ ดังนี้ ส�ำหรับ “อนกุ รรมการทีป่ รกึ ษา” จะเรยี นเชญิ ผนู้ �ำทางศาสนาท่เี กย่ี วข้องในพน้ื ท่ี เมอื งเกา่ ใหเ้ กยี รตมิ าปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ นกุ รรมการทปี่ รกึ ษา เนอื่ งจากผนู้ ำ� ทางศาสนามบี ทบาท ผนู้ ำ� ทางทป่ี ระชาชนใหค้ วามเคารพนบั ถอื อกี ทงั้ เปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ เี่ พยี บพรอ้ มดว้ ยวยั วฒุ ิ และประสบการณ์ที่จะให้ค�ำปรึกษาและแนวทางในการด�ำเนินการขับเคลื่อนโครงการและ กจิ กรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และมปี ระสทิ ธภิ าพ ในทนี่ ี้ ขอยกตวั อยา่ งองคป์ ระกอบคณะอนกุ รรมการอนรุ กั ษพ์ ฒั นาเมอื งเกา่ จนั ทบรุ ี ลงวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๑ ซ่ึงอนุกรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วย “เจ้าคณะ จงั หวัดฯ ธรรมยุตกิ นกิ าย” “เจา้ คณะจงั หวดั ฯ มหานิกาย” และ “เจา้ อาสนวหิ ารพระนาง มารีอาปฏสิ นธินิรมล” เป็นตน้ จะเหน็ ได้วา่ การแต่งตัง้ อนกุ รรมการทป่ี รึกษาจากผู้น�ำทาง ศาสนาในพื้นท่ีเมืองเก่าอย่างครบถ้วนเหมาะสมจะท�ำให้การประชุมคณะอนุกรรมการฯ มมี มุ มองสำ� หรบั การทำ� งานทร่ี อบดา้ นหลากมติ ิ อกี ทงั้ ยงั เปน็ กำ� ลงั สำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื น โครงการและกจิ กรรมการอนรุ ักษ์และพัฒนาเมืองเกา่ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพอีกด้วย สำ� หรบั “ประธานอนกุ รรมการ” คอื ผวู้ า่ ราชการจังหวดั และมหี วั หนา้ สว่ น ราชการตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เมอื งเกา่ รว่ มเปน็ อนกุ รรมการ ทง้ั ทเี่ ปน็ หนว่ ยงานทม่ี อี ำ� นาจ หน้าที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการพัฒนาภายในพ้ืนท่ี รวมท้ังหน่วยงานท่ีมีท่ีตั้งอยู่ ในพ้ืนที่เมืองเก่า อาทิ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าส�ำนักงานจังหวัด ๖๒ เมืองเกา่ กบั การอนุรักษ์ และ พัฒนา

โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ธนารักษ์พื้นที่ วัฒนธรรมจังหวัด ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งาน พระพทุ ธศาสนาจงั หวดั ทอ่ งเทยี่ วและกฬี าจงั หวดั ทอ้ งถนิ่ จงั หวดั เจา้ พนกั งานทดี่ นิ จงั หวดั นายอ�ำเภอ นายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั นายกเทศมนตรเี มอื งและตำ� บลทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ในพ้ืนท่ีที่ประกาศเขตเมืองเก่า ตลอดจนหัวหน้าหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและ ศลิ ปกรรมทอ้ งถ่ินจังหวดั เปน็ ต้น นอกจากนี้ กลไกการขบั เคลอื่ นของคณะอนกุ รรมการฯ ยงั มอี งคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั อีกส่วน คือ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ในท้องถ่ินเพื่อช่วยให้ข้อมูลความรู้ในมิติต่างๆ เพ่ือ ประกอบการตัดสินใจในการพิจารณาประเด็นต่างๆ รวมไปถึงยังเป็นกลไกท่ีส�ำคัญในการ ส่งเสริมให้เกิดการสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสงั คม และประชาชนบนฐานขององคค์ วามรู้ และประโยชน์ร่วมกนั ของผ้คู นใน เมอื งเกา่ เพอ่ื ดำ� เนนิ การขบั เคลอ่ื นใหก้ ารอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ บรรลเุ ปา้ หมายอยา่ ง แทจ้ ริง ท้ังนี้ “เลขานุการคณะอนุกรรมการ” เป็น ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานทรัพยากร ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มจงั หวดั ยกเวน้ เมอื งเกา่ นา่ นทว่ี ฒั นธรรมจงั หวดั นา่ นจำ� ทำ� หนา้ ที่ เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ อ�ำนาจหนา้ ที่ของคณะอนกุ รรมการฯ น้ัน มีหน้าทดี่ �ำเนินงาน และวางแผนการ บริหารจัดการต่างๆ ในเขตพ้ืนท่ีเมืองเก่าตามที่ประกาศ ดังมีรายการดังน้ี ๑. จัดท�ำแนวทาง มาตรการ แผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนา บริเวณเมืองเกา่ แผนปฏบิ ตั กิ าร และระเบยี บตา่ งๆ เพ่อื ดำ� เนินการอนุรักษ์และการพฒั นา ในพื้นท่เี มอื งเกา่ ๒. พิจารณากล่ันกรองให้ความเห็น และข้อเสนอแนะในเร่ืองที่คณะกรรมการฯ มอบหมาย ๓. ใหค้ ำ� ปรึกษาและความเห็นโครงการของหนว่ ยงานภาครฐั รัฐวิสาหกจิ และ หนว่ ยงานของรัฐอยา่ งอนื่ ที่จะดำ� เนนิ การก่อสรา้ งในบรเิ วณเมืองเก่า ๔. ประสาน ติดตาม ตรวจสอบ และก�ำกับดูแลให้การด�ำเนินงานเป็นไปตาม แนวทาง แผนงาน โครงการทีไ่ ด้จัดทำ� ไว้ ๕. สนับสนุนการจดั สรรงบประมาณใหแ้ กห่ น่วยงานทีร่ บั ผดิ ชอบเพือ่ ดำ� เนนิ งาน ตามแผนแมบ่ ท และผงั แม่บท และแผนปฏิบัติการอนรุ ักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๖. แต่งตั้งคณะท�ำงานตามความจ�ำเป็นและเหมาะสม เพื่อท�ำการแทนคณะ อนุกรรมการในเรอื่ งท่ไี ด้รบั มอบหมาย ๗. ด�ำเนินการอื่นใดท่ีจ�ำเป็นตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการอนุรักษ์ และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เพ่ือให้การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าบรรลุ ตามวตั ถปุ ระสงค์ ๘. รายงานผลการปฏบิ ตั งิ านตอ่ คณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมอื งเกา่ ทราบและพจิ ารณา เมอื งเก่า กับ การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา ๖๓

จากอำ� นาจหน้าท่ีของคณะอนุกรรมการฯ รายเมอื ง จะเห็นไดว้ า่ มบี ทบาทส�ำคัญในการ พจิ ารณาแผนโครงการกอ่ สรา้ งอาคารของหนว่ ยงานรฐั ทจี่ ะกอ่ สรา้ งในเขตพน้ื ทเี่ มอื งเกา่ รวมไปถงึ โครงการกอ่ สรา้ งทจี่ ะเกดิ ขน้ึ บนทด่ี นิ ของหนว่ ยงานภาครฐั ดว้ ย นอกจากนี้ ในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าจะต้องมีการจัดท�ำ “แผน แม่บทและผังแมบ่ ทการอนุรักษแ์ ละพฒั นาบริเวณเมืองเกา่ ” ซ่งึ การศึกษาวจิ ยั เพอื่ พฒั นาแผนน้ี จะตอ้ งใหค้ วามส�ำคญั ต่อการศึกษาข้อมูลและบริบทแวดล้อมของเมืองเก่าอย่างครบถ้วนทุกมิติ และดำ� เนินการภายใต้การมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจของคนในทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั ผทู้ มี่ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เมอื งเกา่ ทั้งน้ี เมื่อมีการจัดท�ำแผนแม่บทฯ จะน�ำเสนอตอ่ “คณะอนกุ รรมการกลน่ั กรองและ พิจารณาแผนการด�ำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่า” เพื่อให้ความเห็น และเสนอแผนแม่บทฯไปยัง คณะกรรมการชดุ ตา่ งๆ ตามขนั้ ตอน และเมอ่ื แผนแมบ่ ทฯ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี แลว้ หนว่ ยงานทุกภาคส่วนท่เี ก่ยี วข้องกบั เมอื งเก่าน้ันจะต้องน�ำแผนไปปฏิบัติโดยบูรณาการเขา้ กับงานประจ�ำตามพันธกิจของหน่วยงาน ภายใต้แนวทางของการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า รวมท้ังขับเคลื่อนให้แผนแม่บทฯได้รับการน�ำไปปฏิบัติ ตลอดจนการกระจายความรู้ และ แนวทางการปฏบิ ตั ิสภู่ าคประชาชน และภาคธรุ กจิ ที่เกี่ยวข้องกับเมอื งเก่าตอ่ ไป จากอำ� นาจหนา้ ทีด่ งั กล่าวมาขา้ งตน้ จะเห็นได้วา่ คณะอนกุ รรมการฯ เป็นกลไกทส่ี ำ� คญั อย่างย่ิงในการขับเคล่ือนให้เกิดการอนุรักษ์และพัฒนาในพ้ืนที่เมืองเก่าให้สอดคล้องกับทิศทางที่ คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าก�ำหนด ทว่ามีความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของทอ้ งถน่ิ นอกจากนี้ การแต่งตั้งผู้แทนหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับเมืองเก่าหลายภาคส่วนเป็น คณะอนุกรรมการฯ จะช่วยบูรณาการการอนุรักษ์และพฒั นาเมืองเกา่ เข้ากับงานตามพนั ธกจิ ของ หนว่ ยงานได้โดยตรงและมีประสทิ ธิภาพ ในการแตง่ ต้งั ผูท้ รงคุณวฒุ ิของทอ้ งถิ่นซึง่ มีความรู้ความ สามารถด้านต่างๆ อีกท้ังยังเปน็ ผู้ใกล้ชดิ กบั ชมุ ชน และเป็นทีเ่ คารพนับถือกันในพน้ื ท่ีเมืองเกา่ ซง่ึ จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยิง่ ตอ่ การอนุรกั ษ์และพัฒนาเมืองเกา่ ดงั นนั้ โครงสรา้ งของคณะอนกุ รรมการฯ จงึ เปน็ กลไกสำ� คญั ในการขบั เคลอื่ นงานเมอื งเกา่ สามารถวางแผนและก�ำหนดมาตรการได้อย่างเหมาะสม เนอ่ื งจากมีความร้คู วามเข้าใจในบริบท แวดลอ้ มของเมอื งเกา่ อยา่ งลึกซ้ึง และดำ� เนนิ การได้อย่างทันทว่ งที สอดรับกบั ความทา้ ทายและ ความเปลย่ี นแปลงท่เี กิดขน้ึ อยา่ งรวดเร็วกับเมอื งเกา่ ในบริบทร่วมสมยั อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ คณะอนกุ รรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอืิ งเกา่ จะมอี ำ� นาจหนา้ ทท่ี ไ่ี ด้ รับมอบหมาย แตใ่ นการปฏิบัติงานจรงิ ในพน้ื ทน่ี น้ั ควรเปน็ ไปดว้ ยความเกื้อกูล สร้างบรรยากาศ ของการสนทนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ตลอดจนการสร้างพ้ืนที่ในการแสดงออกทางความคิด และขอ้ ถกเถยี งตา่ งๆ เพอื่ หาแนวทางทเี่ หมาะสมกบั การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ตอ่ พลเมอื ง และผทู้ เ่ี กย่ี วข้องกับเมอื งเกา่ ทกุ คน ๖๔ เมอื งเก่า กับ การอนุรักษ์ และ พฒั นา

๑ โครงการกอ่ สรา้ งอาคารของภาครฐั รฐั วิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่น ในบริเวณเมืองเก่า ๒ โครงการกอ่ สรา้ งอาคารของภาคเอกชนในที่ดินของรัฐ ในบริเวณเมอื งเก่า เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา ๖๕

กรณีศกึ ษาทน่ี า่ สนใจในการดำ� เนินการของ คณะอนกุ รรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมืองเกา่ รายเมอื ง สำ� หรบั กรณศี กึ ษาของเมอื งเกา่ ทน่ี า่ สนใจ สำ� หรบั การอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเกา่ เมืองอน่ื ๆ ขอยกตัวอยา่ ง “เมืองเกา่ นา่ น” ประกอบด้วยพื้นท่ีท่ีได้รับการประกาศ ๒ ส่วน คือ “พื้นที่ใจเมือง นา่ น” ซ่ึงอยู่ใจกลางเมอื งเกา่ ทมี่ ีวดั ภูมนิ ทรเ์ ป็นศนู ยก์ ลาง และ “พืน้ ท่ีเวยี งพระธาตแุ ชแ่ หง้ ” พนื้ ที่ ท่มี ีความสำ� คัญด้วยเป็นทำ� เลทต่ี ่างๆ วดั พระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง หา่ งจากใจเมอื งน่านไป ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ ๔ กิโลเมตร จุดเด่นของการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านเกิดขึ้นแรกเริ่มจากการ ศึกษาวิจัยและการจัดท�ำองค์ความรู้เก่ียวกับองค์ประกอบของเมืองเก่าน่านผ่านการศึกษาวิจัยเพื่อ จัดท�ำ “แผนที่ชุมชน เมืองเก่าน่าน” โดยส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ภายใตก้ ารชว่ ยเหลอื ทางวชิ าการจากรฐั บาลเดนมาร์ก โดยนำ� เอาเทคนคิ วิธี และระบบการ อนุรักษ์สิ่งแวดลอ้ มศิลปกรรม (Cultural Environment Conservation System | CECS) เขา้ มา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั เกบ็ ขอ้ มลู และนำ� มาสกู่ ารจดั ทำ� แผนทช่ี มุ ชน จากการศกึ ษาวจิ ยั อยา่ งเปน็ ระบบ ดงั กลา่ วมาขา้ งตน้ ทำ� ใหเ้ มอื งเกา่ นา่ นมี “องคค์ วามร”ู้ ในมติ ติ า่ งๆ ทงั้ ประเดน็ ทางประวตั ศิ าสตร์ พัฒนาการของเมือง การระบพุ ้ืนทแี่ หล่งสง่ิ แวดล้อมศิลปกรรม คณุ ลักษณะอนั โดดเดน่ ทางกายภาพ ของพื่้นที่ และการให้ความหมายเชิงคุณค่าความส�ำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมท้ังจับต้องได้ และ จับต้องไม่ได้ ผลการศึกษาถูกอธิบายเชื่อมโยงกับ “ท�ำเลท่ีตั้ง” อันแสดงข้อมูลใน “แผนท่ีมรดก วัฒนธรรมชุมชน” นบั เป็นย่างกา้ วแรกทสี่ ำ� คญั ย่ิง เพราะทำ� ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจวา่ “มรดกวัฒนธรรม เมอื ง (Urban Heritage)” น้นั ไมไ่ ด้มีเพียงแตโ่ บราณสถานท่ีขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติเท่าน้ัน ทว่ามรดกทางวัฒนธรรมที่ก่อร่างข้ึนผ่านการใช้ชีวิตประจ�ำวันของผู้คนในท้องถิ่น (Heritage in Everyday Use) เมอ่ื ผา่ นกาลเวลาและประกอบสรา้ งขน้ึ รว่ มกนั เปน็ เนอื้ เมอื งเกา่ กเ็ ปน็ สงิ่ ทท่ี รงคณุ คา่ เฉกเช่นเดยี วกันกับโบราณสถานท่มี ีความส�ำคญั ของชาติ จากองค์ความรู้และคุณค่าดังกล่าวข้างต้น เป็นประโยชน์ยิ่งเมื่อมีการด�ำเนินการโครงการ เพ่อื จดั ทำ� “แผนแมบ่ ทและผงั แมบ่ ทการอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนาบริเวณเมืองเกา่ น่าน” ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ซ่ึงได้ด�ำเนินการศึกษาบริบทแวดล้อมในมิติต่างๆ ของเมืองน่านท้ังมิติทางกายภาพ มิติทาง นามธรรม ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และก�ำหนดเป็นแผน กลยุทธ์ที่ก�ำหนดแนวทางและมาตรการต่างๆ ซึ่งจะใช้เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญในการก�ำกับ ควบคุม ดูแล และคุ้มครองบริบทความเป็นเมืองเก่าน่าน ท้ังในพื้นทสี่ ว่ นใจเมอื งนา่ น และพนื้ ทส่ี ว่ นเวยี ง พระธาตแุ ชแ่ หง้ ทง้ั นม้ี เี ปา้ หมายเพ่ือใหเ้ กดิ การเชอื่ มแผนลงไปสกู่ ารปฏบิ ัติงานของภาคราชการ ซงึ่ เปน็ ผูท้ ีด่ ำ� เนินโครงการพฒั นาปรบั ปรงุ ทางกายภาพในพน้ื ทเ่ี มอื งเกา่ และพน้ื ทเ่ี กยี่ วเนอื่ ง ตลอดจน แผนการจดั กจิ กรรมตา่ งๆ ได้สอดคล้องกับเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของเมืองเก่าน่าน คือ การธ�ำรง รักษาคุณค่าของเมืองเก่าและการรกั ษาสง่ิ แวดล้อมศิลปกรรม วัฒนธรรม ประเพณี เพอื่ ให้มกี าร สบื ทอดและสง่ ผา่ นคุณค่าต่อไปยังอนุชนร่นุ หลงั ตามแนวคิดของการพฒั นาที่ยง่ั ยนื ๖๖ เมอื งเก่า กบั การอนุรักษ์ และ พฒั นา

จากกระบวนการศกึ ษาวิจยั ทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ ทำ� ให้ผูค้ นในท้องถ่นิ เรม่ิ หันมาสนใจมรดกทาง วฒั นธรรมในชุมชนของตน นอกจากนี้ เมอื งเก่านา่ นยงั มีตน้ ทุนที่ส�ำคัญ คือ มผี ู้ทรงคณุ วุฒปิ ราชญ์ ทอ้ งถนิ่ ท่ีมอี งค์ความรทู้ เี่ กี่ยวเน่ืองกับเมืองเกา่ อยา่ งลึกซง้ึ ช่วยให้คำ� ช้ีแนะและกำ� กบั การศึกษาวิจยั และการด�ำเนินการตา่ งๆ ทงั้ น้ี การแตง่ ตง้ั ผู้ทรงคณุ วุ ฒุ ิในทอ้ งถ่ิน หรอื ผู้ทรงคุณวุฒจิ ากสถาบันการ ศึกษาในท้องถิ่นเข้ามาเป็นคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่านั้นมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นกลไกท่ีช่วยให้เกิดความต่อเน่ืองในการด�ำเนินการตามแผนและผังแม่บทและโครงการ ตา่ งๆ แมว้ า่ จะมกี ารโยกยา้ ยตำ� แหนง่ ของผปู้ ฏบิ ตั งิ านในหนว่ ยงานภาครฐั ทเี่ ปน็ อนกุ รรมการอนรุ กั ษ์ และพฒั นาเมอื งเกา่ กย็ งั ทำ� ใหแ้ ผนการดำ� เนนิ การทห่ี นว่ ยงานตา่ งๆ เกย่ี วขอ้ งนนั้ ยงั ดำ� เนนิ การตอ่ เนอื่ ง ไปสู่เป้าหมายทีก่ �ำหนดไวต้ ามแผนแม่บทและผงั แมบ่ ทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า นอกจากน้ี การด�ำเนนิ การร่วมกบั หนว่ ยงานสนบั สนุนอนื่ ๆ ยังเปน็ กลไกสำ� คญั ทท่ี �ำให้การ อนุรกั ษแ์ ละพัฒนาเมืองเก่าเดนิ ไปสเู่ ปา้ หมายได้ เน่อื งมาจากหนว่ ยงานภาครฐั แต่ละหนว่ ยงานซง่ึ มี อำ� นาจหนา้ ทเี่ ฉพาะดา้ นตา่ งๆ การทำ� งานเชงิ บรู ณาการจงึ ยงั ตดิ ขดั ดว้ ยขอ้ จำ� กดั ตา่ งๆ ในการผลกั ดนั การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าให้เกิดข้ึนได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีความจ�ำเป็นที่ต้องประสานงาน ร่วมกับหน่วยงานภาคสว่ นต่างๆ ทั้งระหวา่ งหนว่ ยงานราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาค ประชาสังคม องค์กรต่างๆ และภาคประชาชน ร่วมกันเป็นคณะทำ� งานแบบบูรณาการยอ่ มจะช่วย แกไ้ ขขอ้ ขัดข้องและอุปสรรคในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาเมอื งเก่าให้คล่องตวั ข้ึนได้ กรณีศึกษาเมืองเก่าน่านพบว่า ได้รับการสนับสนุนอย่างส�ำคัญจาก “องค์การบริหารการ พัฒนาพ้ืนที่พิเศษเพ่ือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)” ซ่ึงมีวิสัยทัศน์ คือ “ประสาน ทุกภาคีเพ่ือการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน” มีการขับเคลื่อนเมืองเก่าน่านบนทิศทางของการ อนรุ กั ษแ์ ละพัฒนา ท�ำให้เมืองเก่าน่านเป็นเมืองท่ีมีเสน่ห์สามารถเก็บรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้ ได้เป็นอย่างดี และกลายเปน็ ตน้ ทนุ ส�ำคัญทด่ี ึงดดู ใหเ้ กดิ การท่องเทีย่ วทางวัฒนธรรม สง่ ผลตอ่ การก ระจายรายไดจ้ ากการทอ่ งเทยี่ วลงไปยงั ภาคส่วนตา่ งๆ ทำ� ใหป้ ระชาชนในทอ้ งถ่นิ ได้รับประโยชน์จาก การอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนาเมอื งเก่าในมติ ิเศรษฐกิจ การบริหารจัดการของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองท่ีมีการด�ำเนินการท่ีน่า สนใจ ในแงข่ องการออกประกาศเพอื่ สอ่ื สารแนวทางปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหห้ นว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งทง้ั หนว่ ยงาน ภาครฐั รฐั วสิ าหกจิ ตลอดจนภาคประชาชนเขา้ ใจขน้ั ตอนในการดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งในพนื้ ทเ่ี มอื งเกา่ คือ กรณีศึกษาคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าก�ำแพงเพชร ซึ่งมีการด�ำเนินการออก “ประกาศคณะอนกุ รรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ กำ� แพงเพชร เรอ่ื ง แนวทางปฏบิ ตั วิ า่ ดว้ ยการ ควบคุมการกอ่ สรา้ งอาคารภายในบรเิ วณขอบเขตเมอื งเกา่ ก�ำแพงเพชรของภาครฐั บาล รัฐวสิ าหกิจ หน่วยงานของรัฐอย่างอ่ืน ภาคเอกชน และประชาชน ที่อาจพึงมีในบริเวณเมืองเก่าก�ำแพงเพชร พ.ศ.๒๕๖๑” เน้ือหาแบ่งออกเป็น ๓ หมวด คือ “หมวดท่ี ๑ การยื่นขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร” “หมวดที่ ๒ การตรวจสอบพ้ืนทข่ี ออนญุ าตปลูกสรา้ งอาคารและเงื่อนไขการอนุญาต” “หมวดที่ ๓ ขน้ั ตอนการพจิ ารณาเหน็ ชอบ” การดำ� เนนิ การดงั กลา่ วชว่ ยอำ� นวยความสะดวกใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั มิ แี นวทาง ในการปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมของทุกภาคส่วน ทั้งผู้ขออนุญาตก่อสร้าง และผู้มีอ�ำนาจหน้าที่ท่ีรับ ผิดชอบ เพือ่ ให้การดำ� เนินการกอ่ สรา้ งอาคารในพน้ื ท่เี มืองเกา่ กำ� แพงเพชรน้นั มีกลไกการกลัน่ กรอง อย่างเหมาะสมเพ่อื ให้สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์ของการอนรุ ักษ์ และพัฒนาเมอื งเก่าให้รกั ษาคณุ คา่ เปน็ ตน้ ทนุ สำ� หรบั การพฒั นา อยา่ งย่ังยืนบนฐานวัฒนธรรมสบื ตอ่ ไป เมอื งเก่า กับ การอนุรักษ์ และ พัฒนา ๖๗

ภาพมุมสูงเมืองเก่าปตั ตานี มเี นอื้ ท่ี ๒.๓๕ ตารางกโิ ลเมตร ๗๒ ไดร้ บั การประกาศเขตพน้ื ทเี่ มอื งเกา่ เมอ่ื วนั ที่ ๑๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เมืองเกา่ กบั การอนรุ กั ษ์ และ พัฒนา

เมอื งเก่าในประเทศไทย นบั ตง้ั แตป่ ี พ.ศ.๒๕๔๙-๒๕๖๓ คณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ และเมืองเก่า โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ด�ำเนินการประกาศเขตพื้นท่ีเมือง เกา่ แลว้ ทงั้ สนิ้ ๓๒ เมอื ง อยรู่ ะหวา่ งการดำ� เนนิ การประกาศ ๑ เมอื ง คอื เมืองเกา่ ร้อยเอด็ และดำ� เนนิ การศกึ ษาเพอื่ เตรยี มการประกาศเขตพน้ื ท่เี มอื งเกา่ ๓ เมือง คือ ภาคเหนอื จ�ำนวน ๑๑ เมอื ง เมอื งเก่านา่ น เมอื งเก่าเชยี งใหม่ เมอื งเกา่ ลำ� พนู เมอื งเก่าลำ� ปาง เมืองเกา่ แพร่ เมอื งเกา่ เชยี งราย เมอื งเกา่ พะเยา เมอื งเกา่ แมฮ่ อ่ งสอน เมอื งเกา่ ตาก เมอื งเกา่ กำ� แพงเพชร และเมอื งเกา่ พิษณโุ ลก ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จำ� นวน ๕ เมือง เมอื งเกา่ พมิ าย เมอื งเกา่ นครราชสมี า เมอื งเกา่ สรุ นิ ทร์ เมอื งเกา่ บรุ รี มั ย์ เมอื งเกา่ สกลนคร ภาคกลาง จ�ำนวน ๕ เมือง เมืองเก่าลพบรุ ี เมืองเกา่ เพชรบุรี เมืองเกา่ สพุ รรณบรุ ี เมอื งเกา่ ราชบรุ ี และ เมืองเก่ากาญจนบรุ ี ภาคตะวนั ออก จำ� นวน ๒ เมอื ง เมืองเกา่ ระยอง และเมอื งเก่าจันทบุรี ภาคใต้ จำ� นวน ๙ เมอื ง เมืองเก่าปัตตานี เมืองเก่านครศรีธรรมราช เมืองเก่าสงขลา เมืองเก่าตะกั่วป่า เมืองเกา่ สตูล เมอื งเกา่ ภูเก็ต เมอื งเกา่ ระนอง เมอื งเกา่ ยะลา และเมืองเกา่ นราธวิ าส ทั้งน้ี ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ด�ำเนินการศึกษาเพื่อการประกาศเขตพ้ืนที่เมืองเกา่ เพมิ่ เติมจ�ำนวน ๓ เมือง คือ เมอื งเก่าอุทยั ธานี เมอื งเกา่ ตรัง และเมอื งเกา่ ฉะเชงิ เทรา เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา ๖๙

๗๐ เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

๗๒ เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

เมอื งเกา่ เชยี งใหม่ | รางวัลรองชนะเลิศ ประเภทประชาชนทั่วไป | นายวีระยุทธ ไชยวรรณา เมืองเก่านครศรีธรรมราช | รางวลั ชมเชย ประเภทประชาชนท่ัวไป | นายสุชาติ เกือ้ ทาน เมืองเก่า กบั การอนุรักษ์ และ พัฒนา

กลไก มาตรการ และการสง่ เสรมิ การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมอื งเก่า กับ การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

ภาพมุมสงู เมืองเกา่ อุทยั ธานี เมอื งเกา่ กับ การอนรุ ักษ์ และ พฒั นา

กลไก มาตรการ และการสง่ เสรมิ การอนรุ ักษ์และพัฒนาเมืองเกา่ “เมืองเก่าที่ยังมีพลวัต” มีคุณค่าและความหมายตอบโจทย์การอยู่อาศัย การด�ำเนิน ธุรกิจ กจิ กรรมทางสงั คม ตลอดจนวฒั นธรรมตา่ งๆ อยา่ งไรกด็ ี พลวัตของกิจกรรมทางสงั คมอนั มี ท่ีเกิดข้ึนในเมืองเก่าดังกล่าวนั้น หากไม่มีการวางแผนการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจเป็น การคกุ คามคุณค่าของเมืองเก่าให้เส่ือมสภาพลง ท้งั ที่เปน็ การเส่อื มสภาพลงขององค์ประกอบของ มรดกทางวัฒนธรรมทางกายภาพ (Tangible Cultural Heritage) และมรดกวัฒนธรรมจับต้อง ไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ซึ่งองค์ประกอบของมรดกเมืองนี้ถือว่าเป็นต้นทุนส�ำคัญ ในการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาไปสคู่ วามยงั่ ยืน กรอบแนวคดิ หลัก คอื “การพัฒนาบนฐานของคุณคา่ ” กล่าวคอื หากมีการบริหารจดั การ เมืองเก่าอย่างเหมาะสมบนฐานของการให้คุณค่าและความหมายตามบริบทของเมืองเก่าแต่ละ เมือง ทวา่ ต้องตอบโจทย์การใช้สอยความต้องการในบริบทรว่ มสมยั เพราะวา่ มรดกเมืองเกา่ ไมไ่ ด้ หมายถงึ คณุ คา่ ทสี่ บื ทอดมาจากอดตี แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว หากแตม่ คี ณุ คา่ สำ� หรบั การพฒั นาในอนาคต ทั้งน้ี ในการบริหารจดั การเมอื งเก่าเพอ่ื ความยั่งยืนต้องเกดิ ขน้ึ จากกระบวนการรับฟังความคดิ เหน็ การรว่ มตดั สนิ ใจของผมู้ สี ว่ นได-้ เสยี ทอ่ี ยอู่ าศยั และผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั เมอื งเกา่ ดว้ ยการบรหิ ารจดั การที่ มีประสทิ ธภิ าพดงั กลา่ วนน้ั จะท�ำให้เมืองเกา่ ทำ� หนา้ ท่ีเป็นกลไกสำ� คัญของการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ และสังคมอยา่ งยัง่ ยนื ได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเมืองเก่ายังมีพลวัตด�ำรงบทบาทในบริบทสังคมร่วมสมัยซึ่งมี ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะน้ัน การบริหารจัดการเมืองเก่าไปสู่ความย่ังยืนจึงเป็น สิ่งที่มีความท้าทายมาก เน่ืองจากต้องการใช้องค์ความรู้หลากมิติอันเกิดจากศาสตร์ท่ีกว้างขวาง และหลากหลาย ตอ้ งมีการจดั เก็บข้อมูลต่างๆ อยา่ งครบถ้วนและเป็นระบบ ตลอดจนมีการศึกษา ผลกระทบในทกุ แงม่ มุ เพราะในปรากฏการณแ์ ตล่ ะสงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในเมอื งลว้ นแลว้ แตโ่ ยงใยสมั พนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ และมคี วามเปลยี่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา จงึ มคี วามจำ� เปน็ ทต่ี อ้ งเกบ็ ขอ้ มลู ตา่ งๆ เพอื่ ใช้ สำ� หรบั การวเิ คราะห์ วางแผนปฏบิ ตั งิ าน และการคาดการณถ์ งึ ผลกระทบทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ตลอดจน รายละเอียดในประเดน็ ต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั เมืองเกา่ ในการบริหารจัดการเมืองเก่าจึงมีแนวทางปฏิบัติที่หลากหลายข้ึนอยู่กับบริบทแวดล้อม อันซับซ้อนและคุณลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละเมือง ดังจะเห็นได้ว่าในการบริหารจัดการเมืองเก่า บางเมืองอาจใช้วิธกี ารก�ำหนดพน้ื ทเี่ พื่อการพฒั นาใหม่ และสามารถรองรบั กิจกรรมทส่ี ืบเนอ่ื งจาก ความต้องการใหม่ๆ ซึ่งในบางกิจกรรมน้ันอาจจะขัดแย้งหรือลดทอนคุณค่าของเมืองเก่าลง หรือ บางกจิ กรรมแมจ้ ะไมไ่ ดข้ ดั แยง้ กบั คณุ คา่ ของเมอื งเกา่ ทวา่ มคี วามเขม้ ขน้ ของการใชส้ อยมากจนอาจ ส่งผลกระทบกบั เมอื งเกา่ จึงมกี ารวางผังเมืองใหมเ่ พอ่ื ก�ำหนดให้แยกกิจกรรมเหลา่ นอ้ี อกไปอยู่ใน พ้ืนที่ส่วนการพัฒนาใหม่ ทว่ายังคงค�ำนึงถึงความเชื่อมโยงของพ้ืนท่ีทั้งสองเข้าด้วยกันในลักษณะ พ่ึงพากัน หรือแบ่งเบาภาระของเมืองเก่า เนื่องจากพ้ืนท่ีพัฒนาใหม่นั้นสามารถพัฒนาโครงสร้าง พ้ืนฐานท่ีมีรูปแบบและขนาดเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการ และการขยายตัวในอนาคต เมอื งเกา่ กบั การอนรุ ักษ์ และ พัฒนา ๗๗

จึงเป็นการแบ่งเบาภาระขีดจ�ำกัดความสามารถในการรองรับของเมืองเก่าลง รวมไป เป็นการลดความตึงเครียดและลดช่องว่างของข้อจ�ำกัดระหว่างการอนุรักษ์และการ พัฒนาให้แคบลง ควบคู่กับการด�ำเนินมาตรการอนุรักษ์เมืองเก่าท่ีให้ความส�ำคัญกับ คุณค่าด้านต่างๆ ขององค์ประกอบของเมืองเก่าท่ีมีคุณค่าด้านต่างๆ อาทิ ความ สมบรู ณ์ (Integrity) ความเปน็ ของแทด้ งั้ เดมิ (Authenticity) และระบบนเิ วศของเมอื ง (Urban Ecology) กลไก และมาตรการภาครฐั ในการสง่ เสรมิ การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ (๑) แนวทางการบริหารจดั การ กลไกการบรหิ ารจัดการเมอื งเก่าของหน่วยงานภาครัฐน้นั อาศัยอ�ำนาจตาม “ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย การอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และ เมืองเกา่ พ.ศ. ๒๕๔๖” แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ แตล่ ะเมอื ง เพอื่ กำ� หนดนโยบาย แผนงาน มาตรการ และแนวทางเกย่ี วกบั การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา เมอื งเกา่ และใหก้ ารอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ดำ� เนนิ ไปอยา่ งเปน็ ระบบและมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทงั้ การประชาสมั พนั ธ์ และสง่ เสรมิ ใหภ้ าคเอกชนและประชาชนไดม้ สี ว่ นรว่ มในการ อนุรักษ์ และพัฒนาเมืองเก่า ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีสืบทอดความเจริญรุ่งเรือง ทางด้านศลิ ปวฒั นธรรมของชาติตลอดไป (๒) การสง่ เสริมและรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม๑๗ ๑๗ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ ส�ำหรับการส่งเสริมและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมนั้น อาศัยอ�ำนาจตาม “พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕” และ ชุดความรู้ด้านการอนุรักษ์ “พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๖๒” พั ฒ น า แ ล ะ บ ริ ห า ร จั ด ก า ร เพื่อก�ำหนดให้พื้นที่เมืองเก่าเป็นเขตอนุรักษ์และพื้นท่ีคุ้มครองส่ิงแวดล้อม เพื่อรักษา เมืองเก่า เล่มที่ ๓ ระเบียบ สภาพแวดลอ้ มและกำ� หนดแนวทางการพฒั นาทเี่ หมาะสมกบั ศกั ยภาพ บทบาท ความ กฎหมาย และข้อบังคับที่ สำ� คญั ในแตล่ ะพนื้ ที่ ซง่ึ จะใชเ้ ปน็ แนวทางในการออกขอ้ บญั ญตั หิ รอื ข้อบังคบั ควบคุมทม่ี ี เกย่ี วขอ้ ง กบั การอนรุ กั ษแ์ ละ มาตรการปกปอ้ งคมุ้ ครองพ้ืนท่เี มืองเกา่ พัฒนาเมืองเก่าในประเทศ (๓) การอนรุ ักษโ์ บราณสถานและสถานทท่ี ม่ี คี ุณคา่ และความสำ� คัญ ไทย. กรุงเทพฯ: สํานักงาน สำ� หรับการอนรุ กั ษ์โบราณสถานและสถานที่ทม่ี คี วามสำ� คัญนั้น อาศยั อำ� นาจ นโยบายและแผนทรัพยากร ตาม “พระราชบญั ญตั โิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ และพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั โิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ และ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๓๕” ในการปกป้องและคุ้มครองมรดก ทางวัฒนธรรม โดยประกาศใหอ้ าคารหรอื สถานที่ ที่มคี ุณค่าและความส�ำคญั ท่ียงั ไม่ได้ ๒๕๕๖. หนา้ ท่ี ๓๖. ๗๘ เมืองเกา่ กับ การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

รับการข้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถานให้มีการขึ้นทะเบียนและประกาศเขตโบราณสถาน รวมถงึ โบราณสถานทขี่ นึ้ ทะเบยี นแลว้ กส็ ามารถขยายเขตท่ีดินโบราณสถานให้มากขึ้น ตามความเหมาะสม เพ่ือสร้างพ้ืนที่คุ้มครองโบราณสถานทีม่ ีประสทิ ธิภาพย่ิงขึ้น (๔) การควบคมุ การใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ การควบคมุ การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ อาศยั อำ� นาจตามพระราชบญั ญตั กิ ารผงั เมอื ง พ.ศ.๒๕๖๒ เปน็ กรอบชนี้ ำ� การพฒั นาทางดา้ นกายภาพในทกุ ระดบั ของประเทศ สมั พนั ธ์ กบั แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ดว้ ยจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื การพฒั นาเมอื ง บรเิ วณ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง หรอื ชนบทเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพ และในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับเมืองเก่า คือ “การส่งเสริมทางเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม เพ่ือด�ำรง รกั ษาหรอื บรู ณะสถานทแี่ ละวตั ถทุ ม่ี ปี ระโยชน์ หรอื คณุ คา่ ในทางศลิ ปกรรม สถาปตั ยกรรม ประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี หรือบ�ำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ภูมิประเทศที่งดงามหรือมีคุณค่าในทางธรรมชาติ”๑๘ อันเป็นไปเพ่ือประโยชน์ในด้าน ต่างๆ แก่ประชาชนโดยสว่ นรวม พระราชบัญญตั กิ ารผงั เมือง พ.ศ.๒๕๖๒ ให้นิยาม “ผังเมืองรวม” คอื แผนผงั นโยบาย และโครงการ รวมทั้งมาตรการควบคุมโดยทั่วไปในพ้ืนท่ีหน่ึงพ้ืนที่ใด เพ่ือ ใช้เป็นแนวทางในการพฒั นาเมือง และการด�ำรงรักษาเมือง บริเวณท่ีเก่ียวข้อง หรือ ชนบท ในดา้ นการใชป้ ระโยชนใ์ นทรพั ยส์ นิ การคมนาคมและการขนสง่ สาธารณปู โภค สาธารณูปการ บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม เพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ของการ ผังเมือง และ “ผังเมืองเฉพาะ” หมายความว่า แผนผังและโครงการด�ำเนินการเพื่อ พัฒนาหรือด�ำรงรักษาบริเวณเฉพาะแห่ง หรือกิจการที่เก่ียวข้องในเมือง บริเวณ ทเี่ กยี่ วขอ้ งหรอื ชนบท เพอื่ ประโยชนใ์ นการสรา้ งเมอื งใหม่ การพฒั นาเมอื ง การอนรุ กั ษ์ เมอื ง หรอื การฟื้นฟเู มอื ง ๑๘ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๖ (๕) การควบคุมการก่อสร้างและดัดแปลงอาคาร ตอนที่ ๗๑ วนั ท่ี ๒๙ พฤษภาคม การควบคมุ การกอ่ สรา้ ง และดดั แปลงอาคาร อาศยั อำ� นาจตามพระราชบญั ญตั ิ ๒๕๖๒. หน้าที่ ๒๘. ควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ แก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ และ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ.๒๕๔๓ และกฎกระทรวงที่เก่ียวข้อง เพ่ือรักษาสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบ ของเมืองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาคารและการใช้ประโยชน์ท่ีดินเพ่ือปลูกสร้างอาคาร ใหเ้ มอื งเกดิ ความเปน็ ระเบยี บและมคี วามนา่ อยู่ ยอ่ มทำ� ใหป้ ระชาชนสว่ นรวมมคี ณุ ภาพ ชวี ติ ทดี่ ขี น้ึ นอกจากน้ี ยังให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอ�ำนาจออกประกาศ กระทรวงมหาดไทย และกฎกระทรวงเพื่อควบคุมรายละเอียดการก่อสร้าง ดัดแปลง เคล่ือนย้าย ร้ือถอน ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร รวมถึงการก�ำหนดลักษณะ รูปแบบ รปู ทรง สดั สว่ น เนอ้ื ที่ ทตี่ งั้ ของอาคาร ระดบั เนอ้ื ทวี่ า่ งภายนอกอาคาร หรอื แนวอาคาร และระยะ หรอื ระดบั ระหวา่ งอาคารกบั อาคาร หรอื เขตทดี่ นิ ของผอู้ นื่ หรอื ระหวา่ งอาคาร กับถนนทางเท้าหรือท่ีสาธารณะ มาตรการควบคุมเร่ืองป้าย และที่ว่างริมแหล่งน้�ำ สาธารณะ เปน็ ต้น เมอื งเก่า กบั การอนุรักษ์ และ พฒั นา ๗๙

(๖) การควบคุมกจิ กรรมบางประเภททีไ่ มเ่ หมาะสม การควบคมุ กจิ กรรมบางประเภททไ่ี มเ่ หมาะสมกบั เมอื งเกา่ อาศยั อำ� นาจตาม “พระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถ่ิน พ.ศ.๒๕๔๒” “พระราช บัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ.๒๕๓๗” และ “กฎหมายอื่นๆ ท่ีเก่ียวข้อง” เพื่อควบคุมกิจกรรมบางประเภทที่ไม่เหมาะสมกับพ้ืนท่ีเมืองเก่าในรูป ประกาศ และ / หรอื ขอ้ บัญญตั ิทอ้ งถนิ่ ทเ่ี อ้อื ตอ่ การนี้ได้ จะเหน็ ไดว้ า่ มกี ลไกในลกั ษณะการปกปอ้ งคมุ้ ครองดว้ ยมาตรการทางกฎหมาย หลายประการ แมจ้ ะเปน็ มาตรการทมี่ คี วามจำ� เปน็ ในเชงิ การปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ การละเมดิ ทว่าในความเป็นจริงแล้วกลไกและมาตรการทางกฎหมายที่รัดกุมเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ได้เป็นวิธีท่ีดีที่สุดของการคุ้มครองป้องกันคุณค่าด้านต่างๆ ที่มีอยู่คู่กับเมืองเก่าให้ ธ�ำรงรักษาไว้ได้ จึงมีความจ�ำเป็นต้องสร้างระบบและกลไกในลักษณะแรงจูงใจ และ ค่านิยมการอนรุ ักษ์และพัฒนาเมืองเกา่ อยา่ งร้คู ณุ คา่ บนแนวทางการบริหารจดั การท่ี ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในเมืองเก่าให้ร่วม ตัดสนิ ใจ รว่ มลงมือลงแรงดแู ลเมืองเกา่ ดว้ ยตระหนักเห็นคุณค่า เลง็ เห็นโอกาสในการ พฒั นาเมอื งเกา่ ใหเ้ ปน็ ทนุ ทางวฒั นธรรมเปน็ สนิ ทรพั ย์ ตลอดจนเปน็ โอกาสตา่ งๆ สำ� หรบั การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ และชุมชนอย่างยง่ั ยืน ข้อบญั ญัตทิ อ้ งถ่ินเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเมอื งเก่า การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ เพอ่ื ใหธ้ ำ� รงรกั ษาคณุ คา่ ไวน้ น้ั สามารถประยกุ ต์ ระบบ และกลไกท่ีเหมาะสมกับเมืองเก่าแต่ละเมืองได้ แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างให้ กฎ กติกา ข้อตกลงที่เหมาะสมเป็นบรรทัดฐานของแต่ละเมอื งให้เปน็ กลไกทีส่ �ำคัญใน การควบคุมและส่งเสริมให้รักษาคุณลักษณะเฉพาะตัวของเมืองเก่าแต่ละเมืองไว้ได้ การออกข้อบัญญัติท้องถ่ินจึงเป็นเครื่องมือท่ีส�ำคัญ เนื่องจากท่ีผ่านมากฎกระทรวง ผังเมืองรวมจะมีอายุการบังคับใช้ ๕ ปี ท�ำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์ ที่ดินท่ีเข้มข้นเกินกว่าการรองรับในมิติต่างๆ ของพื้นที่จะรองรับได้ฉวยโอกาสยื่นแบบ ขออนญุ าตกอ่ สรา้ งอาคารสงู หรอื อาคารขนาดใหญท่ มี่ กี ารใชส้ อยทเี่ ขม้ ขน้ มากเกนิ กวา่ ขีดจ�ำกัดความสามารถในการรองรับได้ของพ้ืนท่ีมีโอกาสส่งผลกระทบกับเมืองเก่า ตลอดจนสง่ ผลทางลบตอ่ บรรยากาศของเมอื งเกา่ ในภาพรวม เพราะฉะนนั้ หากมกี ารออกขอ้ บญั ญตั ทิ อ้ งถน่ิ จะเปน็ กลไกสำ� คญั ในการพทิ กั ษ์ รักษาคุณค่าของเมืองจากความเปล่ียนแปลงท่ีมากเกินจนคุกคามคุณค่าของเมือง เก่า เน่ืองมาจากสาเหตุว่าจากข้อบัญญัติท้องถิ่นไม่หมดอายุการบังคับ ต่างจากกฎ กระทรวงผังเมืองรวมที่มีอายุ ๕ ปี ซึ่งท�ำให้เกิดเป็นช่องว่าง หากมีการปรับปรุงแก้ไข เทศบัญญัติก็เป็นเพราะความต้องการปรับปรุงให้ข้อบัญญัติท้องถิ่นน้ันมีความเหมาะ สมและมีประสิทธิภาพในการควบคมุ ท่ดี ีขนึ้ ๘๐ เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา

๑๙เรียบเรียงจากการบรรยาย กรณีศึกษาการจัดท�ำข้อบัญญัติท้องถ่ินของเทศบาลนครเชียงใหม่๑๙ พบว่า โดย อาจารย์อิศรา กันแตง มกี ารขบั เคลอ่ื นจากความรว่ มมอื ๔ ภาคสว่ น คอื “ภาครฐั ทำ� หนา้ ทขี่ บั เคลอื่ นนโยบาย” คณะศิลปกรรมและสถาปัตย- ได้แก่ เทศบาลนครเชียงใหม่ ด�ำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรุง กรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทศบัญญัติเทศบาลนครเชียงใหม่ มีองค์ประกอบ คือ “ภาคส่วนวิชาการ” ได้แก่ เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยท่ีมีการจัดการเรียนการสอนด้านสถาปัตยกรรมและการ ผู ้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ด ้ า น ผั ง เ มื อ ง ผังเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ “ภาคส่วนวิชาชีพ” ได้แก่ กรรมาธิการสถาปนิกล้านนา และคณะกรรมการพิจารณา สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสุดทา้ ย คือ “ภาคส่วนผูป้ ฏบิ ตั งิ าน และปรบั ปรงุ เทศบญั ญตั เิ ทศบาล ที่เก่ียวข้อง” ได้แก่ ผู้มีเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการทางกายภาพของเมืองใน นครเชียงใหม่ฯ ในโครงการ เทศบาลนครเชียงใหม่ อาทิ ผู้บริหาร เจ้าพนักงาน นิติกร ส่วนควบคุมอาคารและ ฝึกอบรมเสริมสร้างความรู้ ผงั เมอื ง สำ� นกั การช่าง กลมุ่ ส่งเสริมการพฒั นาเมอื ง กองวชิ าการและแผนงาน ทง้ั น้ี ความเขา้ ใจ และการเรยี นรกู้ าร ไดจ้ ดั กระบวนการหารอื ถกเถยี งอยา่ งรอบดา้ น เพอ่ื ใหร้ า่ งเทศบญั ญตั นิ นั้ มคี วามสมดลุ อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า: ทง้ั มติ วิ ชิ าการ วชิ าชพี และสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาในพน้ื ท่ี เมอื งเกา่ ในภาคเหนอื วนั ที่ ๑-๒ เมอื งเกา่ ตลอดจนสามารถนำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั เปา้ หมาย สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ของการอนุรักษแ์ ละพัฒนาเมอื งเก่า ทวา่ ยังเออ้ื ใหป้ ระชาชนในพื้นท่ไี ด้รับโอกาสในการ พฒั นาพ้ืนท่ใี นเมอื งเก่าไดอ้ ย่างเหมาะสมตามข้อบญั ญัติ ในการท�ำงานนั้นมีกรอบความคิดว่าเทศบัญญัติท่ีร่างข้ึนมา มีสถานะเป็นข้อ บญั ญตั ทิ อ่ี อกโดยเทศบาลจะตอ้ งไมข่ ดั แยง้ กบั ความใน “พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.๒๕๒๒” รวมท้ังประกาศอนื่ ๆ อาทิ “ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ก�ำหนด บรเิ วณหา้ มกอ่ สรา้ ง ดดั แปลง บริเวณทวี่ ดั จากรมิ ฝง่ั ทง้ั สองขา้ งทางของคลองแมข่ า่ ออก ไปข้างละ ๕๐ เมตร” “กฎกระทรวงผังเมืองรวมเมอื งเชยี งใหม่ ฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ.๒๕๕๖” และกฎหมายอนื่ ๆ ที่น�ำมาใชใ้ นการพิจารณาร่วมดว้ ย เช่น สถานบรกิ ารตามพระราช บัญญัติ สถานบริการ เปน็ ตน้ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรงุ เทศบญั ญัตเิ ทศบาลนครเชียงใหม่ได้ จัดท�ำร่างเทศบัญญตั แิ ลว้ จึงนำ� ร่างเทศบัญญตั เิ ขา้ ส่ขู น้ั ตอนรบั ฟังความคดิ เหน็ และข้อ เสนอแนะ โดยมีกลมุ่ เปา้ หมาย คือ ภาคประชาชน ภาคธุรกจิ ภาคประชาสังคม และ สื่อมวลชน ภาคสถาปนิก และนกั วิชาการด้านสถาปัตยกรรม เม่ือรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายแล้วน�ำร่างเทศบัญญัติฯ เสนอต่อ นายกเทศมนตรีเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว จึงน�ำเสนอร่างเทศบัญญัติฯ ต่อ สภาเทศบาล พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ จากนน้ั สภาเทศบาลเสนอรา่ งเทศบญั ญตั ฯิ ตอ่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เชยี งใหมพ่ จิ ารณา ซงึ่ ในขน้ั ตอนนไี้ ดพ้ จิ ารณารว่ มกบั โยธาธกิ ารและ ผงั เมอื งจงั หวดั โดยเมอ่ื ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เหน็ ชอบแล้ว จะเป็นขั้นตอนการเสนอร่าง เทศบญั ญตั ฯิ ใหค้ ณะกรรมการควบคมุ อาคารพจิ ารณาเพอื่ ใหค้ วามเหน็ ชอบ จากนนั้ จงึ ด�ำเนินการส่งร่างเทศบัญญัติต่อรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยพิจารณาอนุมัติ และ ขน้ั ตอนสดุ ทา้ ย ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาวา่ ดว้ ย “เทศบญั ญตั เิ ทศบาลนครเชยี งใหม่ เร่ือง ก�ำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือ บางประเภทในท้องที่ต�ำบลศรีภูมิ ตำ� บลสเุ ทพ ตำ� บลชา้ งม่อย ตำ� บลพระสงิ ห์ ตำ� บล ชา้ งคลาน และตำ� บลหายยา ในเขตเทศบาลนครเชยี งใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม่ พ.ศ.๒๕๕๗” ประกาศเมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๕๘ เมอื งเก่า กบั การอนุรักษ์ และ พัฒนา ๘๑

ความน่าสนใจของเทศบัญญัติเทศบาลนครเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๕๗ คือ การ ๒๐ ราชกจิ จานเุ บกษา. (๒๕๕๘). ขยายขอบเขต นิยามของค�ำว่า “อาคารแบบล้านนาหรือแบบพ้ืนเมอื งภาคเหนือ” ให้ “ เ ท ศ บั ญ ญั ติ เ ท ศ บ า ล น ค ร หมายความวา่ “อาคารที่ได้นําเอาคุณคา่ และลักษณะเฉพาะทางสถาปัตยกรรมลา้ นนา เชยี งใหม่เร่อื ง ก�ำหนดบริเวณ ในแต่ละยคุ สมัยดงั อาคารต้นแบบประเภทคุ้ม สถานท่รี าชการ วัด ตลาด เรอื นรา้ นคา้ หา้ มกอ่ สร้าง ดัดแปลง หรอื และบ้านในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่มาใช้ในการออกแบบก่อสร้าง หรือดัดแปลงอาคาร เปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด ทง้ั ในดา้ นรปู ทรงหลงั คา สอี าคาร สว่ นประดบั ตกแตง่ รวั้ กาํ แพง หรอื อนื่ ๆ เพอ่ื สง่ เสรมิ ห รื อ บ า ง ป ร ะ เ ภ ท ใ น ท ้ อ ง ท่ี คณุ ค่าและบรรยากาศความเปน็ เมอื งเกา่ ของเมอื งเชียงใหม่” ๒๐ ตำ� บลศรภี มู ิ ตำ� บลสเุ ทพ ตำ� บล จะเหน็ ไดว้ า่ ใหน้ ยิ ามทมี่ คี วามชดั เจนเปน็ รปู ธรรม ดว้ ยการยกตวั อยา่ งประเภท ชา้ งมอ่ ย ตำ� บลพระสงิ ห์ ตำ� บล อาคารประกอบไว้ท�ำให้ผู้น�ำแนวทางไปปฏิบัติน้ันเกิดความสะดวก และสอดคล้องกับ ช้างคลาน และต�ำบลหายยา เจตนาของเทศบญั ญัติฯ นอกจากน้ี ในเทศบญั ญตั ยิ งั มรี ายละเอียดทเี่ ปน็ ประโยชนใ์ น ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ การอนุรักษ์บรรยากาศของเมืองเก่าเชียงใหม่ในภาพรวม จากการก�ำหนดเฉดสี และ จงั หวัดเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๕๗” สดั สว่ นของการทาสขี องตวั อาคาร ตลอดจนกำ� หนดคุณลักษณะวัสดปุ พู น้ื ทวี่ า่ งดา้ นหนา้ ใน ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ของอาคารดว้ ย นอกเหนอื จากประเดน็ ของลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรมทก่ี ลา่ วมาข้างต้น ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๓๓ ลงวนั ที่ เทศบญั ญตั เิ ทศบาลนครเชยี งใหม่ ไดก้ ำ� หนดพน้ื ทขี่ องการควบคมุ ตามเทศบญั ญตั ิ ๑๐ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๘. โดยจ�ำแนกพื้นท่ีออกเป็น ๔ ส่วน ซึ่งสอดคล้องกับขนาดและขอบเขตของพื้นของ หนา้ ท่ี ๒๕-๓๓. เมืองเกา่ เชียงใหมท่ ไ่ี ดร้ บั การประกาศตามมตคิ ณะรฐั มนตรี ทง้ั นี้ การจ�ำแนกพนื้ ที่ของ ๒๑ ราชกจิ จานเุ บกษา. (๒๕๖๑). เมืองออกเป็นส่วนๆ นี้ เพ่ือให้ออกแบบมาตรการควบคุมท่ีเหมาะสมสอดคล้องกับ “ เ ท ศ บั ญ ญั ติ เ ท ศ บ า ล น ค ร บริบทแวดล้อมของพนื้ ที่แตล่ ะส่วนท่แี ตกตา่ งกันน่นั เอง สงขลา เร่อื ง กาํ หนดบริเวณ นอกจากนี้ ยงั มี “เมืองเก่าสงขลา” ทอี่ อกข้อบัญญัตทิ ้องถนิ่ เพือ่ การอนุรกั ษ์ หา้ มก่อสร้าง ดดั แปลง หรอื บรรยากาศของเมอื งเกา่ โดยออก “เทศบญั ญตั เิ ทศบาลนครสงขลา เรอื่ งกาํ หนดบรเิ วณ เปล่ียนการใช้อาคารบางชนิด หา้ มกอ่ สรา้ งดดั แปลง หรือเปลย่ี นการใชอ้ าคารบางชนิด หรือบางประเภทบรเิ วณย่าน หรือบางประเภท บริเวณยา่ น เมอื งเกา่ ในทอ้ งทเ่ี ขตเทศบาลนครสงขลา อําเภอเมืองสงขลา จงั หวัดสงขลา พ.ศ. เมืองเก่าในท้องท่ีเขตเทศบาล ๒๕๖๐”๒๑ ดงั จะเหน็ ไดว้ า่ ขอ้ บญั ญตั ทิ อ้ งถนิ่ ฉบบั นใี้ หค้ วามสำ� คญั ตอ่ การควบคมุ ความสงู นครสงขลา อาํ เภอเมอื งสงขลา ของอาคาร และการควบคุมประเภทกจิ กรรมท่ไี มเ่ หมาะสมสอดคล้องกบั ย่านเมืองเก่า จงั หวดั สงขลา พ.ศ.๒๕๖๐” ใน เปน็ สำ� คญั กลา่ วคอื อาคารทมี่ หี ลงั คาดาดฟา้ ใหม้ คี วามสงู นบั ตงั้ แตร่ ะดบั พน้ื ทกี่ อ่ สรา้ ง ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ ๑๓๕ จนถึงพ้ืนดาดฟ้า ไม่เกิน ๙.๕ เมตร และหากเป็นอาคารมีหลังคาทรงจ่ัวหรือหลังคา ตอนพเิ ศษ ๓๕ ง. ลงวนั ที่ ๑๐ ปั้นหยา ให้วัดจากระดับพ้ืนดินท่ีก่อสร้างถึงยอดผนังชั้นสูงสุดและความสูงของส่วนท่ี กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๘. หนา้ สูงท่สี ุดใหม้ คี วามสงู ไมเ่ กนิ ๑๒ เมตร แต่ไมไ่ ด้ลงรายละเอียดต่าง ๆ ทางสถาปัตยกรรม ที่ ๔๑-๔๔. สีอาคาร และรายละเอียดอื่นๆ ท่ีมีความแตกต่างไปจากรายละเอียดของข้อบัญญัติ ท้องถ่ินของเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เนื่องจากพัฒนาการของ แนวคดิ ว่าด้วยการอนุรักษ์เมืองเก่าสงขลาที่ด�ำเนินการเป็นข้อก�ำหนดกฎหมายน้ันเกิด ข้ึนภายหลังจากการท่ีเมืองเก่าเชียงใหม่ออกข้อบัญญัติท้องถิ่น ซึ่งผู้ท่ีเก่ียวข้องใน เมอื งเกา่ เชยี งใหมผ่ า่ นประสบการณใ์ นเรอ่ื งดงั กลา่ วมาอยา่ งยาวนาน นบั ตงั้ แตบ่ งั คบั ใช้ “เทศบญั ญัตขิ องเทศบาลนครเชียงใหม่ เรือ่ งกำ� หนดบรเิ วณหา้ มกอ่ สรา้ ง ดดั แปลง รื้อ ถอน เคล่ือนย้าย ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในท้องท่ี ตำ� บลศรภี มู ิ ตำ� บลชา้ งมอ่ ย ตำ� บลพระสงิ ห์ ตำ� บลชา้ งคลาน ตำ� บลหายยา ในเขตเทศบาล นครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๑” ซึ่งเทศบัญญัติฯ ฉบับ พ.ศ.๒๕๓๑ ท่ี ๘๒ เมืองเก่า กบั การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

อ้างถึงนั้นมีคุณูปการอย่างส�ำคัญต่อเมืองเก่าเชียงใหม่ในปัจจุบัน คือ ท�ำให้สามารถ ควบคุมความสงู อาคารในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ชั้นใน ให้มีความสูงไม่เกิน ๑๒ เมตร ท�ำให้ประชาชนท่ีอยู่อาศัยหรือเกี่ยวข้องกับเมืองเก่าชั้นในได้ยอมรับและปฏิบัติตาม ขอ้ บญั ญัติดังกล่าวมาแลว้ เพราะฉะนนั้ ในการออกเทศบญั ญัตใิ หม่ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ จงึ สามารถลงรายละเอยี ดขอ้ ก�ำหนดทเ่ี กี่ยวเนือ่ งกบั สถาปตั ยกรรมและประเดน็ อื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าข้อบัญญัติท้องถ่ินท่ีถูกน�ำมาใช้เป็น กลไกควบคุม และส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืิองเก่าน้ัน ควรได้รับการประเมิน ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลวา่ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลลพั ธส์ อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารอนรุ กั ษ์ และพัฒนาเมืองเก่าหรือไม่อย่างไร เพื่อวิเคราะห์หาจุดท่ีต้องปรับปรุง ตลอดจนการ แก้ไขให้เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร เพ่ือน�ำไปพัฒนา มาตรการในข้อบัญญัติท้องถ่ินให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากข้ึนสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ของการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ต่อไป เพราะฉะนนั้ การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ดว้ ยเครอ่ื งมอื ดา้ นมาตรการทาง กฎหมายผ่านข้อบัญญัติท้องถิ่น เป็นส่วนหน่ึงของการควบคุมประเภทและขนาดของ กจิ กรรม ตลอดจนการควบคมุ การกอ่ สรา้ งและปรบั ปรงุ อาคาร ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ อาคารที่ มีรูปแบบไม่เก้ือกูลกับองค์ประกอบของเมืองเก่า นับเป็นกลไกส�ำคัญในการอนุรักษ์ คณุ ลกั ษณะของสภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมกบั การเปน็ เมอื งเกา่ เพอ่ื ดำ� เนนิ การควบคมุ ไมใ่ หม้ กี จิ กรรมใดๆ ทลี่ ดทอนหรอื คกุ คามคณุ คา่ ของเมอื งเกา่ เกดิ ขน้ึ อนั เปน็ การเตรยี ม ความพร้อมทางด้านกายภาพของเมืองเก่าไว้ส�ำหรับการขับเคลื่ิอนการอนุรักษ์ และ พัฒนาเมอื งเก่าด้วยเคร่อื งมอื ประเภทอ่ืนๆ ต่อไป เมืองเกา่ กับ การอนุรักษ์ และ พฒั นา ๘๓

ตัวอยา่ งการสร้างแรงจูงใจการอนรุ ักษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ (๑) การส่งเสรมิ และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการอนุรกั ษด์ ้วยมาตรการทางภาษี มาตรการด้านภาษีเป็นกลไกในส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโดย ภาคประชาชน และภาคธรุ กจิ กลา่ วคอื เมอื่ มกี ารลงทนุ ในการอนรุ กั ษม์ รดกสถาปตั ยกรรม โดยให้ความส�ำคัญต่อคุณค่าของอาคารเป็นส�ำคัญ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้อาคารทรงคุณค่า ดังกล่าวน้ันอยู่ในสภาพที่ม่ันคง แข็งแรง สวยงาม และสอดคล้องกับการใช้สอยในบริบท รว่ มสมยั ทอ่ี ยบู่ นฐานของการเคารพในคณุ คา่ ในมติ ติ า่ งๆ ของอาคาร ทงั้ นี้ ในหลายประเทศ จึงมีกลไกสรา้ งแรงจงู ใจใหเ้ กิดการอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาตามประเดน็ เป้าหมายผา่ นกลไกทาง ภาษีให้นำ� ค่าใชจ้ า่ ยในการอนุรักษด์ งั กลา่ วนนั้ มาใช้ในการลดหย่อนภาษีบางประเภทได้ นอกจากน้ี ในบางประเทศมกี ารส่งเสรมิ ใหร้ ักษาองค์ประกอบของเมอื งเกา่ ด้วย มาตรการควบคุมต่างๆ ทว่ารัฐก็มีกลไกดูแลให้ประโยชน์แง่มุมอื่นๆ ส�ำหรับเจ้าของท่ีดิน และอาคาร เชน่ มาตรการลดหยอ่ นภาษบี างประเภทใหแ้ กเ่ จา้ ของทด่ี นิ และเจา้ ของอาคาร ท่ีถูกควบคุมด้วยมาตรการต่างๆ เพ่ือลดความรู้สึกตึงเครียดในการเสียประโยชน์ในการ พัฒนาที่ดินร่วมกับกลไกส่งเสริมอ่ืนๆ เพ่ือท�ำให้เกิดการอนุรักษ์อาคาร ไม่รื้อถอนอาคาร ลงไปเพ่ือการก่อสรา้ งใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการใชม้ าตรการทางภาษีดงั กล่าวให้แก่เจา้ ของ ท่ีดิน และเจ้าของอาคารที่น�ำเงินไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ เช่น การ ดัดแปลงอาคารใหเ้ หมาะสมกบั แนวทางท่ีก�ำหนดดว้ ย ในตา่ งประเทศมกี ารใช้มาตรการสง่ เสริมให้เกดิ การอนรุ ักษ์ และการนำ� อาคารมา ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์กับสาธารณะดว้ ยมาตรการยกเวน้ ภาษี หรือค่าธรรมเนยี มบางประเภท แก่ผปู้ ระกอบกจิ การที่เกดิ คณุ ประโยชนต์ อ่ สาธารณะ เช่น กจิ การพพิ ธิ ภณั ฑ์ หรือกจิ การ ที่คล้ายคลึงกันที่ท�ำหน้าท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเท่ียวทาง วัฒนธรรม ตลอดจนผดู้ ูแลรักษาอาคารเก่าควรคา่ แก่การอนรุ ักษ์ใหอ้ ยูใ่ นสภาพท่ีสวยงาม และปลอดภยั นอกจากจะเปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องเมอื งเกา่ แลว้ ยงั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทสี่ รา้ ง รายไดใ้ ห้แก่เมอื งเกา่ อกี ด้วย ท้งั นี้ การยกเวน้ ภาษบี างประเภท หรือการคืนคา่ ธรรมเนยี ม กลบั ไปนั้น มวี ัตถุประสงค์ใหผ้ ้ปู ระกอบการพิพธิ ภัณฑ์ หรอื ศูนย์การเรยี นรู้ หรอื เจ้าของ อาคารทรงคุณค่าแก่การอนุรักษ์ได้น�ำเงินดังกล่าวไปใช้ในการดูแลรักษา ท�ำนุบ�ำรุง และ บูรณะซ่อมแซมอาคารเก่าอันควรค่าแก่การอนุรักษ์ ตลอดจนได้น�ำเงินไปใช้ในการพัฒนา ระบบการส่ือความหมายในพพิ ิธภณั ฑ์และศูนยก์ ารเรียนร้ตู อ่ ไป นอกจากการสง่ เสริมใหเ้ กิดการอนรุ ักษ์เมืองเกา่ ด้วยมาตรการทางภาษี โดยการ ลดหย่อนการจัดเก็บภาษบี างประเภทกบั เจา้ ของท่ีดนิ และอาคารดังกลา่ วมาขา้ งต้นแลว้ ยงั มมี าตรการทางภาษใี นแงม่ มุ อน่ื ๆ อกี เชน่ การจดั เกบ็ ภาษบี างประเภทกบั เจา้ ของทดี่ นิ หรืออาคารโดยมีฐานคิดมาจากระดบั ของการลงทุนโดยภาครฐั ในการพัฒนาและจัดการ พ้นื ทดี่ งั กล่าวน้นั เช่น เมื่อรัฐลงทุนกอ่ สร้างระบบสาธารณูปโภค-สาธารณปู การทีส่ มบูรณ์ ยอ่ มเปน็ พน้ื ทท่ี ไี่ ดร้ บั การลงทนุ สงู กวา่ พนื้ ทอ่ี น่ื ๆ โดยหลกั การแลว้ พน้ื ทดี่ งั กลา่ วควรตอ้ งเสยี ภาษสี ูงกว่าพื้นที่ทย่ี งั ขาดแคลนโครงสร้างพน้ื ฐานและสาธารณปู โภค-สาธารณูปการ ๘๔ เมอื งเก่า กบั การอนรุ ักษ์ และ พัฒนา

ทงั้ น้ี เมอื่ รฐั มเี งนิ รายไดจ้ ากการเกบ็ ภาษมี ากเพยี งพอกส็ ามารถน�ำมาจัดสรร งบประมาณเพ่ือใช้จ่ายในกระบวนการอนุรักษ์ และพัฒนาในพื้นท่ีเมืองเก่า ตลอดจน สามารถสรา้ งกลไกสง่ เสรมิ การอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเกา่ อยา่ งเหมาะสมได้ด้วย ๒๒ ไพจิตร วบิ ูลย์ธนสาร, และ (๒) การจดั เกบ็ ภาษกี จิ กรรมบางประเภททใ่ี ชท้ รพั ยากรมากกวา่ ปกติ หรอื จุภาภรณ์ กิจประพฤทธ์ิกุล. กจิ กรรมท่ีอาจสง่ ผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม Green Tax... ภาษเี พอ่ื ความ ในหลายประเทศมีการจัดเก็บภาษีในกิจกรรมบางประเภทท่ีใช้สาธารณูปโภค สุขของประชาชน. ปักก่ิง: มากกวา่ ปกติ หรอื กจิ กรรมทเี่ สยี่ งตอ่ การกอ่ มลพษิ มากกวา่ กจิ กรรมประเภทอน่ื ๆ และ อคั รราชทตู ไทยประจำ� กรงุ ปกั กงิ่ . จะต้องจ่ายภาษีในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่อาจเกิดข้ึน เช่น ในสหภาพยุโรป ๒๕๕๖. เอกสารออนไลน์ เข้า (European Union) มีแนวคดิ วา่ ดว้ ยกฎระเบยี บและภาษีต้นทนุ สง่ิ แวดลอ้ ม มาตง้ั แต่ ถงึ จาก http://www.vijaichina. พ.ศ.๒๕๑๖ จนกระท่ัง พ.ศ.๒๕๑๘ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ผนวกภาษีด้าน com สงิ่ แวดลอ้ ม รวมไปในตน้ ทุนการผลิต โดยใชเ้ ป็นเครือ่ งมือทางเศรษฐศาสตรเ์ พ่อื จูงใจ ๒๓ ดูเพิม่ เติมท่ี http://wqm. ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการด�ำเนินชีวิตให้เป็นส่วนหนึ่งของการ pcd.go.th/water/images/ อนรุ กั ษ์สง่ิ แวดล้อมและช่วยกันลดมลพษิ โดยอาศัยหลกั การว่าผู้ทก่ี ่อให้เกิดมลพษิ นน้ั agriculture/media/๒๕๕๘/ ต้องมีความรับผิดชอบ ต่อมาแนวความคิดดังกล่าวได้เปิดตัวสู่ประเทศในเอเชีย เช่น ecotax.pdf ประเทศจีนทีร่ ิเร่มิ ด�ำเนินการเก็บ “ภาษสี งิ่ แวดล้อม (Green Tax)” หรือบางทีเรยี กวา่ “Eco Tax” แมว้ า่ จะยงั ไมค่ รอบคลมุ ทงั้ หมด โดยมวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั สรรและกำ� กบั การใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีเหตุผลและเกิดประโยชน์สูงสุด๒๒ ในต่างประเทศ มีการใช้มาตรการทางภาษี หรือการเก็บค่าธรรมเนียมท่ีเก่ียวข้องกับสิ่งแวดล้อมใน หลากหลายวธิ กี าร อาทิ เกบ็ ผา่ นคา่ ธรรมเนยี มการอนญุ าตในการด�ำเนินการ (Admin- istrative Fees) เกบ็ ผา่ นคา่ ธรรมเนยี มการใชส้ อย (User Fees หรอื User Charges) หรือค่าธรรมเนียมผลติ ภณั ฑ์ (Product Surcharge) ทีจ่ ดั เก็บในลกั ษณะของคา่ ปรับ (Fines) เกบ็ คา่ ภาษใี นการกอ่ ใหเ้ กดิ มลพษิ (Pollution Tax) ทจ่ี ดั เกบ็ เปน็ คา่ ธรรมเนยี ม ใบอนญุ าตใหป้ ลอ่ ยมลพษิ (Pollution Permits) หรอื การจัดเกบ็ ในระบบการเรียกเงิน มัดจ�ำและคนื เงนิ (Deposit-Refund System) รวมถึงการใหว้ างเงนิ ประกนั ความเสยี หายทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม (Performance Bonds) ตลอดจนการให้เงินอุดหนนุ ในการอนรุ ักษ์ (Subsidy)๒๓ จะเห็นได้ว่า แนวทางมาตรการทางภาษีท่ีมีวิธีการ และวิธีคิดที่หลากหลาย ดงั กลา่ วมาขา้ งตน้ สามารถนำ� มาประยุกตเ์ ป็นกลไก และมาตรการในการสง่ เสริม และ ควบคุมให้เกิดการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าได้ท้ังสิ้น ทว่ามีความจ�ำเป็นต้องมีการ ศกึ ษาทำ� ความเข้าใจปัจจยั แวดล้อมอย่างถ่องแท้จึงจะท�ำให้กลไกและมาตรการต่าง ๆ ที่จะน�ำมาขับเคล่ือนน้ันตอบโจทย์การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาในเมอื งเกา่ อยา่ งแทจ้ รงิ และ ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียน้อยท่ีสุด หรือหากมีผลกระทบก็มีแนวทางในการ ชว่ ยเหลือดแู ลอย่างเหมาะสมและเปน็ ทพ่ี ึงพอใจ อนั จะทำ� ให้เกิดความสำ� นึกตระหนกั ร้ใู นคณุ คา่ ของการอนรุ ักษ์และพัฒนาเมอื งเก่าเพื่อความย่งั ยนื อยา่ งแทจ้ ริง เมืองเกา่ กบั การอนุรักษ์ และ พัฒนา ๘๕

กลไกที่ยกมาข้างต้นน้ี เป็นกลไกที่มีการปฏิบัติแล้วในต่างประเทศ ส�ำหรับ ในประเทศไทยยังคงต้องมกี ารศึกษาความเปน็ ไปได้ของแนวทางการปฏบิ ัติทีเ่ หมาะสม ตลอดจนต้องหารือความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ และด�ำเนินการขับเคล่ือนสู่ การวางนโยบายของชาตติ อ่ ไป (๓) การพิจารณาให้สิทธิพิเศษเพ่ือแลกเปลี่ยนกับผลกระทบจากมาตรการควบคุม ในเมอื งเกา่ ในกรณีผู้ท่ีเป็นเจ้าของท่ีดินหรือเจ้าของอาคารท่ีต้ังอยู่ในพื้นท่ีอนุรักษ์ได้รับ ผลกระทบจากมาตรการการควบคมุ ด้านต่างๆ จากแนวทางปฏิบตั หิ รือกฎหมาย เชน่ มาตรการควบคุมการใช้พ้ืนท่ีเพื่อก่อสร้างอาคาร มาตรการควบคุมความสูงอาคาร เป็นต้น ควรมกี ารพจิ ารณาใหส้ ทิ ธพิ ิเศษแกบ่ ุคคลกลุ่มน้ี เชน่ ให้ได้สิทธทิ างภาษีและ ค่าธรรมเนียมในการขายหรือโอนเพื่อเป็นการชดเชยการเสียสิทธิในพ้ืนที่อนุรักษ์ท่ีตน เป็นเจ้าของและ/หรือการชดเชยผลกระทบจากการถูกควบคุมด้วยมาตรการทาง กฎหมาย เป็นต้น (๔) การประกาศเกยี รตคิ ุณผมู้ ีสว่ นรว่ มในการอนุรักษแ์ ละพฒั นาในเมืองเก่า ๒๔ UNESCO. UNESCO Asia-Pacific การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมท้ังภาคธุรกิจ ผู้ท่ี Awards Cultural Heritage Con- ครอบครองอาคารทรงคุณค่าในเมืองเก่าให้เกิดการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าอย่าง servation. Bangkok: UNESCO เหมาะสมน้ัน เป็นกลไกส�ำคัญที่สร้างให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ผู้ท่ีครอบครองอาคาร Asia-Pacific. ทรงคุณค่าในเมืองเก่า และมีการท�ำนุบ�ำรุงดูแลรักษาให้อาคารเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ แข็งแรงสมบูรณ์ ท้ังนี้ แนวทางการด�ำเนินการสามารถวางแผนจัดการได้หลากหลาย รูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์ หรือประเด็นท่ีเร่งด่วนท้าทาย ตัวอย่าง เชน่ - กลไกเพ่ือส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมในเมืองเก่าโดย ส�ำนักงานภูมิภาคเอเชยี และแปซฟิ ิก องค์การยเู นสโก องค์การยูเนสโก ส�ำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ได้ตระหนักว่ามรดก สถาปัตยกรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจ�ำนวนมากนั้นอยู่ในการครอบครองของ เอกชน และก�ำลังตกอยู่ในสภาวะถูกคุกคาม จากการพัฒนาในพื้นที่เมืองเก่าต่างๆ ท่ี สง่ ผลกระทบตอ่ การเปลยี่ นแปลงสภาพทางกายภาพ ดว้ ยการรอ้ื ถอนอาคารทรงคณุ คา่ ทางประวัติศาสตร์ลงเพื่อสร้างอาคารใหม่ รวมไปถึงการทอดท้ิงอาคารขาดการบ�ำรุง รกั ษา ทำ� ใหอ้ าคารทรงคณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตรท์ อ่ี ยคู่ กู่ บั ชมุ ชนหรอื เมอื งเกา่ ทรดุ โทรม หรอื ถกู รอ้ื ถอนจนอยใู่ นสภาวะอนั ตรายเส่ยี งต่อการสิ้นสูญเปน็ จำ� นวนมาก จากมลู เหตดุ งั กลา่ วมาขา้ งตน้ องคก์ ารยเู นสโก สำ� นกั งานภมู ภิ าคเอเชยี และ แปซิฟิกได้เสนอโครงการรางวัลมรดกสถาปัตยกรรมแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Heritage Awards) โดยมีแนวความคิดว่า “ไมไ่ ด้ให้รางวัลน้แี ก่มรดก สถาปัตยกรรมท่ีมีคุณค่าโดดเด่น ไม่ได้ให้รางวัลนี้แก่มรดกสถาปัตยกรรมท่ีดีเลิศที่สุด ทวา่ รางวลั นมี้ อบแกโ่ ครงการตวั อยา่ งของการอนรุ กั ษท์ ่ีดี”๒๔ โดยมีเป้าหมายของรางวัล ๘๖ เมืองเก่า กับ การอนรุ ักษ์ และ พฒั นา

เพ่ือส่งเสริมและสร้างขวัญก�ำลังใจ และสร้างส�ำนึกทางบวกต่อการเป็นเจ้าของต่อมรดก ทางสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่ากับภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมให้ อนุรักษ์อาคารทรงคุณค่าตามหลักวิชาการ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการฟื้นฟูการใช้สอย ตัวอาคารทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งลักษณะการใช้สอยในบริบทด้ังเดิม หรือการ ปรับประโยชน์ใช้สอยที่สอดคล้องกับบริบทความต้องการในโลกร่วมสมัย โดยแบ่งรางวัล เป็นหลายประเภท อย่างสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการอนุรักษ์และการพัฒนาเมืองเก่า ในเอเชยี และแปซิฟกิ เชน่ “รางวัลการอนรุ กั ษ์มรดกวัฒนธรรม (Awards for Cultural Heritage Conservation)” ตอ่ มาเมอ่ื มนี โยบาย สง่ เสรมิ ใหเ้ มอื งเกา่ และการฟน้ื ฟใู หอ้ าคารทางประวตั ศิ าสตร์ ทำ� หนา้ ทตี่ อบโจทยก์ ารใชส้ อยในบรบิ ทสงั คมรว่ มสมยั มากขนึ้ จงึ มคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งมกี าร ออกแบบเพ่ิมเติมใหม่เพ่ือให้อาคารดังกล่าวน้ันสอดรับกับความต้องการใช้สอย แต่ทั้งน้ี การออกแบบใหม่ในพื้นท่ีเมืองเก่าจะต้องแสดงความเคารพในคุณค่าด้ังเดิมในแง่มุมต่างๆ ในการนี้ จงึ เพมิ่ เติม “รางวัลการออกแบบใหมใ่ นบรบิ ทมรดกสถาปัตยกรรม (Award for New Design in Heritage Context)” ในปีพ.ศ.๒๕๖๑ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้สถาปนิก และเจา้ ของอาคารทต่ี ้องมีการออกแบบใหมใ่ นพืน้ ที่เมืองเก่า หรอื การปรับปรุงอาคารทรง คุณค่าให้ตอบโจทย์สมัยใหม่บนฐานความเคารพในคุณค่า โดยไม่สร้างส่ิงก่อสร้างใหม่ที่ ท�ำลายคุณค่าดง้ั เดมิ ของเมืองเก่าและอาคารทางประวตั ศิ าสตร์ลง ในประเทศไทยมีมรดกสถาปัตยกรรมหลายหลังที่ได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดก วัฒนธรรม เช่น พระราชวังเดมิ กรุงธนบรุ ี กรงุ เทพฯ, ตำ� หนกั ใหญว่ งั เทวะเวสม์ กรงุ เทพ, วิหารพระเจา้ พนั องค์วดั ปงสนกุ ลำ� ปาง, ชมุ ชนคลองอมั พวา สมุทรสงคราม, สำ� นกั งาน ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์จังหวัดฉะเชิงเทรา, ชุมชนและตลาดเก่าสามชุก สุพรรณบุรี, หอไตรวัดเทพธิดาราม กรุงเทพ, ตกึ แถวการคา้ ถนนหนา้ พระลาน กรุงเทพฯ, ศาลาเรียน วัดคูเต่า สงขลา, พระบรมธาตุมหาเจดีย์วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพฯ, เรือน พระยาศรธี รรมราช กรงุ เทพฯ, บา้ นหลวงราชไมตรี จนั ทบรุ ี จะเห็นได้ว่า อาคารทรงคุณคา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ และอาคารในเมืองเก่าทีไ่ ด้รับ ยกย่องให้ได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ส�ำนักงานเอเชีย และแปซิฟิกน้ัน ต่างเป็นการอนุรักษ์ที่ด�ำเนินการโดยภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนมสี ว่ นรว่ มในการอนุรักษ์ ไม่ได้เป็นโครงการอนุรักษข์ องภาครฐั ดำ� เนินการ แต่เพียงฝ่ายเดียว รูปแบบดังกล่าวเปน็ กลไกสำ� คญั ในการสร้างความภาคภมู ิใจแกเ่ จ้าของ อาคาร และหน่วยงานท่ีด�ำเนินการอนุรักษ์อาคารบนฐานวิชาการเพ่ือรักษาคุณค่าภายใต้ การมสี ่วนร่วมของผ้เู กย่ี วข้อง และชมุ ชน - กลไกเพ่ือส่งเสรมิ ให้เกิดการอนรุ ักษม์ รดกทางสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า และ การเชดิ ชเู กียรติผสู้ ง่ เสรมิ การอนุรกั ษ์ โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมสถาปนกิ สยามในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ไดเ้ ลง็ เหน็ ความสำ� คญั ในการสง่ เสรมิ ให้เกิดการสร้างแรงจูงใจในการรักษาอาคารทรงคุณค่าเพ่ือเป็นต้นทุนส�ำคัญในการเป็น แหล่งเรียนรู้เพ่ือท�ำความเข้าใจพัฒนาการทางสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ได้จ�ำแนก เมอื งเกา่ กับ การอนรุ ักษ์ และ พฒั นา ๘๗

รางวัลออกเป็น ๒ กลุ่ม คอื “รางวลั อาคารควรคา่ แก่การอนุรกั ษ”์ เพ่อื มอบแก่อาคารเกา่ ท่ีมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมที่สมควรได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้เพ่ือเป็นมรดก สถาปัตยกรรมทรงคณุ คา่ การมอบรางวลั ดังกล่าวเปน็ ขวัญกำ� ลังใจแก่ผู้ครองครองอาคาร ให้รักษาอาคารดังกล่าวไว้ไม่ให้ร้ือท�ำลายลง และเป็นมาตรการส่งเสริมสร้างแรงจูงใจใน การอนุรักษ์อาคารตามหลักวิชาการเพื่อธ�ำรงรักษาคุณค่าของตัวอาคารไว้ต่อไปในอนาคต ประเภทอาคารท่ีสามารถส่งเพื่อขอรับรางวัล ได้แก่ อาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ ปูชนยี สถานและวัดวาอาราม เคหสถานและบ้านเรอื นเอกชน และอาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ “รางวัลอาคารอนุรักษ์” เพื่อมอบให้แก่อาคารทรงคุณค่าท่ีด�ำเนิน การอนรุ กั ษอ์ ยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ และสามารถธำ� รงรกั ษาคณุ คา่ ทางสถาปตั ยกรรม และคุณค่าในมิติต่างๆ ของอาคารเอาไว้ได้เป็นอย่างดี จ�ำแนกออกเป็น “ประเภทรางวัล ชุมชน” โดยมอบให้แก่ชุมชนที่ร่วมมือกันอนุรักษ์อาคารทรงคุณค่าของชุมชน “ประเภท รางวลั บคุ คล” ซงึ่ มอบใหแ้ กบ่ คุ คลทอี่ ทุ ศิ ตนกบั การอนรุ กั ษอ์ าคารจนมผี ลงานเปน็ ประจกั ษ์ “ประเภทรางวลั องคก์ ร” ซง่ึ มอบใหแ้ กอ่ งคก์ รทดี่ ำ� เนนิ การอนรุ กั ษอ์ าคารทรงคณุ คา่ ในความ ดแู ลของหนว่ ยงาน “ประเภทรางวลั อาคาร” มอบแก่อาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ตามหลัก วชิ าการจนทำ� ให้กลับมาอยูใ่ นสภาพที่มนั่ คงแข็งแรง ทวา่ รักษาคุณคา่ หลากมติ ขิ องอาคาร เอาไว้ รวมไปถงึ ในปี พ.ศ.๒๕๖๒ ไดม้ กี ารรเิ รม่ิ ในการให้ “รางวลั งานออกแบบใหมใ่ นบรบิ ท การอนรุ กั ษ”์ เพอ่ื จะเปน็ กลไกสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาในพื้นทีเ่ มอื งเก่าไดเ้ ป็น อย่างดี (๕) การจัดหาทนุ สมทบการอนุรักษ์ การสนบั สนนุ เงินจากกองทุนต่างๆ เพ่ือการอนรุ กั ษ์ในประเทศไทยนัน้ เก่ยี วขอ้ ง กับทุกๆ ภาคสว่ นในสงั คม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสงั คม ตวั อย่างเช่น กองทนุ โบราณคดี กองทนุ สง่ิ แวดลอ้ ม กองทนุ จากองคก์ รระหวา่ งประเทศ กองทนุ สง่ เสรมิ กจิ การ เทศบาล กองทนุ ส่งเสรมิ กจิ การองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ฯลฯ อยา่ งไรกด็ ี ในปจั จบุ นั การดำ� เนนิ การทางธรุ กจิ ของภาคเอกชนมที ศิ ทางทใ่ี หค้ วาม ส�ำคญั กับการอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและพฒั นาชุมชนในพนื้ ทท่ี ่ีตนประกอบธรุ กจิ โดยดำ� เนิน โครงการ “กิจกรรมเพ่ือสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility)” หรือเรียกกันว่า “CSR” คือ “กิจกรรมท่ีแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อม ขององค์กร” เพ่ือด�ำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรมและการจัดการที่ดี ซึ่งเป็นแนวคิดของการท�ำธุรกิจในโลกร่วมสมัยท่ีต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมและ ส่ิงเเวดล้อมอันมีเป้าหมายไปสู่การพัฒนาที่ย่ังยืน จึงเป็นช่องทางส�ำคัญท่ีภาคเอกชนให้ ความสนใจจัดสรรงบประมาณด�ำเนินการในสว่ นน้ีเพม่ิ มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ นบั เปน็ อกี ช่องทาง ส�ำคัญในการหางบประมาณมาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า นอกจากน้ี ในบริบทปัจจุบันยังมีแนวทางการด�ำเนินธุรกิจ โดยก�ำกับทิศทาง ของธุรกิจน้ันๆ ให้สอดคล้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Creating Shared Value | CSV) ทำ� ใหธ้ รุ กจิ ตา่ งๆ เรมิ่ ปรบั ตวั ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ท และความตอ้ งการของสงั คมและชมุ ชน ตลอดจนเปน็ ธรุ กจิ ทมี่ คี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมและส่ิงแวดลอ้ ม ๘๘ เมอื งเก่า กับ การอนุรักษ์ และ พฒั นา

ในการบริหารจัดการเมืองเก่าไปสู่ความยั่งยืนนั้น ต้องเกิดจากความร่วมมือกับ หลายภาคสว่ น เนอ่ื งจากแตล่ ะหนว่ ยงานนน้ั ตา่ งมขี อ้ ไดเ้ ปรยี บในการดำ� เนนิ การ ตลอดจน ข้อจ�ำกัดในการด�ำเนินการ อันมาจากอ�ำนาจและหน้าท่ีท่ีก�ำหนดไว้แตกต่างกันออกไป เพราะฉะน้ัน การด�ำเนินการร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาค ประชาชน จะชว่ ยลดข้อจำ� กดั ทีเ่ กิดข้ึนจากแนวทางการปฏบิ ัติทบี่ อ่ ยครั้งทีต่ ดิ ขัดอันเนอื่ ง มาจากระเบยี บงบประมาณของภาคราชการ ทำ� ใหก้ ารขบั เคลื่อนโครงการ และการดำ� เนนิ การอนรุ ักษ์และพัฒนาเมืองเก่าที่ด�ำเนินการโดยภาครัฐแต่ฝ่ายเดยี วนนั้ จงึ ไม่อาจมีความ ไมค่ ล่องตัวนกั ในบางประเดน็ และบางคร้งั กไ็ มส่ ามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ตลอดจนกว่า จะด�ำเนนิ การได้น้ันก็อาจมีความล่าชา้ ไมท่ ันตอ่ ความเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนนั้ การทำ� งานรว่ มกบั ภาคสว่ นตา่ งๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนจะชว่ ยทำ� ให้ ช่องว่างดังกล่าวนั้นลดลง นอกจากนี้ ในการสร้างกลไกอาจใช้วิธกี ารศกึ ษาเปรยี บเทยี บ ลักษณะการด�ำเนินงานการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าจากประเทศอ่ืนมาเพื่อปรับแก้ นโยบายและข้อจ�ำกดั ตา่ งๆ ตอ่ ไป เมืองเก่าสงขลา | รางวัลรองชนะเลิศ ประเภทนักเรียน | ไตรสทิ ธ์ิ กลุ ไตรรัตนนนท์ เมืองเกา่ กบั การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา ๘๙

เมอื งเกา่ นา่ น| รางวลั ชนะเลิศ ประเภทนักเรยี น | วรารตั น์ หริ ญั สารพงศ์ เมอื งเกา่ ลำ� พูน | รางวลั ชมเชย ประเภทนกั เรียน | ชนกันต์ ธนวงศ์อุดม เมอื งเก่า กับ การอนุรกั ษ์ และ พัฒนา

ภาคผนวก เมอื งเก่า กบั การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

ภาพมุมสูงเมืองเก่าสงขลา มเี นอื้ ท่ี ๔.๓๓๕ ตารางกโิ ลเมตร ไดร้ บั การประกาศเขตพน้ื ทเ่ี มอื งเกา่ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ จากภาพจะเห็นได้ว่าเมืองเก่าสงขลามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ทะเลสาบสงขลาในฐานะเป็นแหล่งก่อก�ำเนิดและหล่อเล้ียงเมืองใน ดา้ นตา่ ง ๆ นบั ตงั้ แตเ่ มอ่ื แรกสรา้ งบา้ นแปงเมอื งจนกระทง่ั ปจั จบุ นั เมืองเกา่ กบั การอนุรักษ์ และ พัฒนา

เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา ๙๓

๙๔ เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา ๙๕

๙๖ เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา

เมอื งเก่า กบั การอนรุ กั ษ์ และ พฒั นา ๙๗

๙๘ เมืองเกา่ กับ การอนุรกั ษ์ และ พฒั นา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook