แผนการสอนประจําสปั ดาหท์ ี่ 1 วิชา หอ้ งสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ รหสั 3000 – 1601 จํานวน 1หนว่ ยกิต การบรรยายครั้งท่ี 1 บทท่ี 1 การเรยี นรแู้ ละการศกึ ษาคน้ ควา้ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1.1 อธิบายความหมายของการเรยี นรู้ และการศกึ ษาคน้ คว้าได้ 1.2 บอกกระบวนการของการเรยี นรู้ และการศกึ ษาค้นควา้ ได้ 1.3 อธบิ ายความหมายของจินตนาการและความคดิ สร้างสรรคไ์ ด้ 1.4 บอกองค์ประกอบพื้นฐานของการศึกษาค้นควา้ ได้ สาระการเรยี นรู้ 1. การเรยี นรู้และการแสวงหาความรู้ 2. กระบวนการเรียนรู้ จนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ 3. การศึกษาคน้ คว้า กิจกรรมการเรียนการสอน 1. ครูกลา่ วถึงขอบเขตการเรยี นการสอนเก่ยี วกับการเรยี นรแู้ ละการศึกษาค้นคว้า และบรรยายเนอื้ หาที่กาํ หนด 2. ครใู หน้ กั ศึกษาอภปิ รายถงึ ทักษะการค้นคว้าหาความรู้จากประสบการณ์ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวา่ งกัน สือ่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าหอ้ งสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ 2. งานนาํ เสนอเรอ่ื ง การเรยี นรแู้ ละการศึกษาค้นคว้า วิธีวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตความสนใจ การมสี ว่ นร่วมในการอภปิ รายและการเข้าชั้นเรียน 2. การซักถามเพอ่ื ทดสอบความเขา้ ใจของนักศกึ ษา 3. แบบทดสอบก่อนและหลังเรยี น
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาหอ้ งสมดุ กบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 1 การเรียนรแู้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 2 บทที่ 1 การเรียนรูแ้ ละการศึกษาคน้ คว้า “นํ้ามัน E20 มีส่วนผสมเป็นอะไร เหมาะกับรถประเภทใด” นักศึกษาจะหาคําตอบได้จากท่ีใด อย่างไร บางคนอาจตอบว่าดูจากข่าวในโทรทัศน์ อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ฟังจากผู้คนคุยกัน หรืออ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ต จะเห็นว่าเรารับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มากมายในส่ือและสถานการณ์ ต่าง ๆ มากมาย การที่บุคคลจะรับรู้ในเร่ืองใดก็มักจะให้ความสําคัญเฉพาะในเร่ืองท่ีตนสนใจเท่าน้ัน ความสนใจและการใฝ่หาความรู้จึงมีความสําคัญต่อการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวนั้น มากนอ้ ยตามความต้องการ ความถนดั และความสนใจของแต่ละคน 1.1 การเรยี นรูแ้ ละการแสวงหาความรู้ การเรียนรขู้ องมนุษย์มีความสัมพันธก์ นั กบั สมองของคนเรา สมองแบ่งออกเป็นซีกซ้ายและซีกขวา ท้ังสองซีกร่วมกันทําหน้าที่ในการควบคุมและการคิดของร่างกาย สมองซีกซ้ายทําหน้าท่ีเกี่ยวกับ การพูด เขียน การใช้เหตุผล การคํานวณ การคิดแบบวิทยาศาสตร์ สมองซีกขวาทําหน้าท่ีเก่ียวกับ งานศิลปะ การระบุรูปแบบและรูปทรง การคิดเช่ือมโยงสงิ่ ตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั ให้เขา้ ใจได้อยา่ งลกึ ซึ้ง ภาพท่ี 1.1 ภาพจําลองหน้าทีข่ องสมองซีกซ้ายและซีกขวา ทมี่ า : http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/nerve(7)/ch2/chapter2/part_1_1.html ประสิทธิภาพของการเรียนของคนขึ้นอยู่กับการดูและสุขภาพกายและสุขภาพจิต สมองต้องการ พลังงานอย่างสมํ่าเสมอจากอาหารท่ีรับประทานอาหาร วิตามิน และเคร่ืองดื่มท่ีมีประโยชน์ การพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เร่ิมจากสุขภาพกายท่ีสมบูรณ์ดี จะทําให้พร้อมสําหรับการพัฒนา เรียนรู้ท้งั จากบ้าน โรงเรียน ทีท่ าํ งานและในสังคม
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาห้องสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ บทที่ 1 การเรยี นร้แู ละการศกึ ษาคน้ ควา้ 3 1.1.1 ความรู้ จุดเร่ิมต้นของการเรียนรู้เร่ิมต้นจากการการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจ ให้ได้รับข้อมูล สารสนเทศและความรู้ พฒั นาความรู้ความสามารถ ดงั นัน้ การรูว้ ิธีการหาขอ้ มลู สารสนเทศจงึ มีผลต่อ การเรียนท่ีหลากหลายกว้างขวาง ความรู้จึงมี 2 ลักษณะ ได้แก่ ความรู้ในเน้ือหาวิชาน้ัน ๆ และ ความร้ถู งึ วิธกี ารค้นหาความรจู้ ากท่ตี า่ ง ๆ ซ่ึงมคี วามสัมพนั ธก์ ันเปน็ รูปปริ ามิดดงั ในรูปที่ 1.2 ปญั .ญา ความรู้ทฝี่ ังในตวั ตน เกดิ ประโยชนใ์ นการนําไปใช้ (Wisdom) ความรู้ เปน็ สารสนเทศทผี่ ่านการคิดเปรียบเทยี บเช่อื มโยงกบั ความรู้อ่ืน (Knowledge) สารสนเทศ ผ่านการสงั เคราะห์ วเิ คราะห์ นาํ ไปใชใ้ นการตัดสินใจ (Information) ขอ้ มลู ข้อมลู ดิบ (Data) รปู ท่ี 1.2 ความรู้ในรูปของปิรามดิ ขอ้ มูล (Data) หมายถึง ขอ้ มูลดบิ เชน่ ตวั เลข ตัวอกั ษร เสียง ภาพ บ่งบอกถงึ ส่ิงใดสิ่งหนึ่ง ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการประมวลผลและจัดให้เป็นระบบ มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เช่น รายการ สินค้า ปริมาณการผลิตต่อวัน ราคาวัตถุดิบ ชื่อลูกค้า ถ้าเป็นในทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคือข้อเท็จจริง ที่มกี ารเกบ็ รวบรวมไว้ในคอมพวิ เตอร์ สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้และทําการสรุป เรียบเรียง คาํ นวณ จัดหมวดหมใู่ นรูปแบบต่าง ๆ เพอ่ื นาํ ไปเผยแพรแ่ ละใช้ประโยชน์ในงานต่าง ๆ ความรู้ หมายถึง ความเข้าใจในเร่ืองราวท่ีรับรู้เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ การทาํ งานของบคุ คล สติปัญญา หมายถึง ความสามารถโดยรวมของบุคคลในการทําตามเป้าหมาย ด้วยวิธีการ คิดทมี่ เี หตผุ ล สามารถจดั การกบั สภาวการณ์ท่เี กิดขน้ึ รอบตัวไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ระดับของการรับข้อมูลข่าวสารในรูปแบบต่าง ๆ กัน ทําให้เกิดความเข้าใจได้ชัดเจน ในหลายระดับความเขา้ ใจ ดงั ภาพ
เอกสารประกอบการเรียนวิชาหอ้ งสมดุ กับการรู้สารสนเทศ บทที่ 1 การเรียนรแู้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 4 ฟงั พูดคุย ดู ฟัง ดู ฟังและดู ฟงั พดู คุยและดู และลงมือปฏิบัติ 20% 30% 50% 70% 90% % ระดบั การรับรู้ รปู ท่ี 1.3 แสดงระดบั การรบั ข้อมูลข่าวสาร จากภาพแสดงถึงระดับความเข้าใจของบุคคลในเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีระดับแตกต่างกัน หลังจากรับข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้จากการได้ยิน เห็นด้วยตา พูดคุยแสดงความคิดเห็น และลงมือ ปฏิบัติจะทําให้เกิดความเข้าใจในระดับท่ีแตกต่างกัน ดังนั้นหากต้องการให้เกิดทักษะความรู้ ในด้านใด นอกจากการฟัง ดู ซักถามแล้ว ยังต้องปฏิบัติด้วยจึงจะทําให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ได้อย่าง แท้จริงและคงทนกวา่ การฟงั เพยี งอยา่ งเดยี ว วิธีการเรียนรู้ในยุคใหม่ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักวิธีการแสวงหาความรู้ใหม่ จากแหลง่ ขอ้ มูลที่หลากหลาย ฝึกความคิด ทกั ษะและการแสดงออกเพอ่ื พัฒนาตนเอง ดังคํากล่าวที่ว่า “ถา้ เราใหป้ ลาเป็นอาหาร เขาจะมีอาหารรับประทานได้เพียงมื้อเดียว แต่ถ้าเราสอนให้เขารู้วิธีหาปลา เขาจะมคี วามรู้พอที่จะหาปลารับประทานไดเ้ องตลอดชีวิต” 1.1.2 การเรียนรู้ การเรียนรู้ (Learning) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเน่ืองมาจากประสบการณ์ ท่ีผู้เรียนได้ลงมือศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติ สัมผัส สืบค้น จนได้รับคําตอบด้วยตนเองสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง ข้ันตอนการเรียนรู้ มี 3 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ขั้นท่ี 1 เปิดใจรับรู้ขอ้ มูล ขั้นท่ี 2 คดิ วเิ คราะห์ ไตร่ตรองทําความเข้าใจ ขั้นท่ี 3 นําไปประยกุ ตใ์ ช้ในทางสร้างสรรค์ เปลยี่ นแปลงคา่ นยิ ม ทศั นคติ 1.1.3 การแสวงหาความรู้ การแสวงหาความรู้ หมายถึง กระบวนค้นหาความรู้ หรือคําตอบในเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง จากการซักถามจากผู้รู้ ผู้เช่ียวชาญ การคิดคาดเดาคําตอบจากประสบการณ์ของตนเอง การรับฟัง ขอ้ มูลความคิดเห็นของบุคคลอ่นื หาคาํ ตอบจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์
เอกสารประกอบการเรียนวิชาห้องสมุดกับการรสู้ ารสนเทศ บทที่ 1 การเรยี นรูแ้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 5 วิทยุ โทรทัศน์ ซ่ึงแนวทางการแสวงหาความรู้ข้อมูลพื้นฐานของแต่ละบุคคลมีหลากหลายวิธี เช่น การเช่ือบุคคลท่ีมีอํานาจ การเรียนรู้ด้วยฌาน การสืบทอดค่านิยม ความคิด ทัศนคติจากรุ่นสู่รุ่น หรือธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของบุคคลในสังคม ความเชื่อถือในโชคลาภ เคร่ืองราง คําทํานายของ หมอดู เวทมนตร์ อํานาจลึกลับ หรือการเลือกสังเกตข้อมูล การอธิบายเหตุผล การใช้ความรู้สึก ส่วนตัวประกอบการตัดสินใจ การเรียนรู้และการแสวงหาความรู้จะช่วยให้บุคคลเกิดความคิด ความรู้ และสตปิ ัญญา 1.1.4 ผลของการเรยี นรู้ การเรยี นรทู้ ําใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม 3 ด้าน ได้แก่ 1) ความรู้ หมายถึง ความคิด ความเข้าใจ และความจําในเน้ือหาสาระ ซ่ึงมี 2 ส่วนได้แก่ ความรู้ในเน้ือหาเร่ืองราวนั้น ๆ และความรู้ถึงวิธีการแสวงหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ อันนับเป็นสิ่ง สําคัญอย่างย่ิงในการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองในอนาคต 2) ทกั ษะ ไดแ้ ก่ การพูด การกระทาํ การเคล่อื นไหว เช่น ทักษะการสอ่ื สาร ทกั ษะ การจดั การ และทักษะในการทํางาน 3) เจตคติหรือความรูส้ ึก เชน่ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม มคี วามหมายดังนี้ คุณธรรม คอื การยึดมัน่ ความจริง ความดงี ามและความถกู ตอ้ ง จริยธรรม คือ ความรับผดิ ชอบในหนา้ ที่และปฏบิ ัตติ ามสัญญา คา่ นยิ ม คือ ความคิด ความเชือ่ ทน่ี ําไปสูก่ ารปฏิบัติ ความสมั พนั ธข์ องผลการเรียนรู้ทงั้ 3 ดา้ น แสดงไดด้ ังรปู ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ รูปที่ 1.4 แสดงความสมั พันธ์ของการเรียนรู้ 1.1.5 ความจําเปน็ ในการเรยี นรู้ 1) การตระหนกั ถงึ ความจําเป็นในการพฒั นาตนเอง 2) ความต้องการความรูแ้ ละสติปญั ญาในการดําเนินชีวิต 3) ความตอ้ งการเปน็ ผเู้ ชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพ 4) ความมงุ่ ม่นั ในการหาความรเู้ พ่ิมเตมิ ของผเู้ รยี น
เอกสารประกอบการเรียนวชิ าห้องสมดุ กับการร้สู ารสนเทศ บทที่ 1 การเรียนรแู้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 6 1.1.6 สิ่งทีไ่ มค่ วรเรยี นรู้ 1) ปรัชญา คา่ นิยมทีไ่ มถ่ ูกต้อง เช่น การฟ้งุ เฟอ้ ใชจ้ า่ ยสุรุ่ยสุร่าย การวัดคณุ คา่ ของบคุ คล ดว้ ยวตั ถุ 2) สิง่ ผิดจริยธรรม คณุ ธรรม ศลี ธรรม 3) สง่ิ ผดิ กฎหมาย 1.2 กระบวนการเรียนรู้ จนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ 1.2.1 กระบวนการเรยี นรู้ กระบวนการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่มีความต่อเน่ืองและสัมพันธ์กัน คือ การจัดเน้ือหา สาระและกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยการผสมผสานความรู้ ดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ งสมดลุ เพื่อส่งเสรมิ ใหค้ ดิ เปน็ ทาํ เปน็ รกั การอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนอื่ ง 1.2.2 ประเภทของความรู้ ความรู้ของบุคคลที่มีประโยชน์ได้แก่ความรู้ที่ทําให้เกิดปัญญา สามารถนําไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ได้ ดังคํากล่าวของขงจ้ือที่ว่า “ความสําคัญของความรู้อยู่ท่ีการรู้ว่าจะนําไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ได้อย่างไร” ดังนั้น การท่ีจะมีความรู้ได้จะต้องเข้าใจวิธีการคิดเพื่อนําไปสู่การปรับเปลี่ยน การกระทาํ ให้มีพฤติกรรรมทเ่ี หมาะสม ความรมู้ ีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ความรู้ท่ีฝังอยู่ในตัวบุคคล (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ หรือพรสวรรค์ต่างๆ หรือเรียกกันว่า ภูมิปัญญา เป็นส่ิงท่ีอธิบายออกมาได้ยาก แต่สามารถพัฒนาและแบ่งปันได้ เช่น ความรู้ทางด้านการเขียนแบบ ทักษะในการถ่ายภาพ เม่ือถ่ายทอดความรู้เหล่าน้ีออกมาในรูปแบบของเอกสาร หรือส่ืออ่ืน ๆ ที่สามารถบันทึก และนํามา แสดงใหมไ่ ด้ กจ็ ะกลายเป็น ความรทู้ ี่ชัดแจ้ง 2) ความรู้ท่ีชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้เชิงทฤษฎีท่ีปรากฏให้เห็น อย่างชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น เอกสารตํารา เทปวิดีโอ ซีดี วีซีดี และคู่มือปฏิบัติงาน เป็นต้น เปน็ ความรทู้ ถี่ ูกถา่ ยทอดจากบุคคล 3) ความรู้ที่ถูกซ่อนอยู่ในข้อมูล (Potential Knowledge) คือ ความรู้ที่ถูกซ่อนอยู่ใน ข้อมูล (Data) สารสนเทศ (Information) จะต้องเข้าใจความสัมพันธ์และรูปแบบ จึงปรากฏเป็น ความรู้ เป็นความรู้ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ เป็นความรู้เฉพาะของหน่วยงานน้ันๆ เช่น ข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น การจะได้มา ซึ่งความรู้จากข้อมูลเหล่าน้ี จําเป็นจะต้องมี การเปล่ียนแปลงข้อมูล (Data) ให้กลายเป็นสารสนเทศ (Information) เปลยี่ นแปลงสารสนเทศมาเป็นความรู้ (Knowledge) และเปลี่ยนแปลงความรู้ไปเป็น ปญั ญา
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาห้องสมดุ กบั การรสู้ ารสนเทศ บทท่ี 1 การเรยี นรู้และการศกึ ษาคน้ คว้า 7 1.2.3 จินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ กล่าวไว้ว่า “จินตนาการสําคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge)” ทั้งน้ีเพราะจินตนาการสร้างความแตกต่างในการนําไปปฏิบัติ ได้มากกวา่ ทาํ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงได้ในหลายด้าน จินตนาการ หมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขึ้นใหม่ภายในใจ ให้นา่ พอใจกว่า สวยกว่า เปน็ ระเบยี บกวา่ หรือร้ายกาจกว่าสิง่ ทม่ี ีอยู่ในธรรมชาตทิ วั่ ไป จินตนาการเป็นเหมอื นการใชเ้ หตผุ ล 2 ลกั ษณะ คอื 1) จินตนาการสังเคราะห์ เกิดขึ้นมาจากประสบการณ์และเหตุผล เป็นการผสมผสาน ระหวา่ งแนวคดิ แผนการ ความหมายและขอ้ เท็จจริงทม่ี อี ยู่ นํามาใช้แนวทางใหม่ ๆ เชน่ การประดิษฐ์ คดิ คน้ หลอดไฟฟ้าของเอดสิ นั 2) จินตนาการสร้างสรรค์ เกิดขึ้นมาจากความผูกพันต่อเป้าหมายที่แน่นอน จินตนาการ สร้างสรรค์อยู่ในจิตใต้สํานึก ทําให้เห็นแนวคิดใหม่ ๆ และข้อเท็จจริงที่เน้นเป้าหมายที่แน่นอน เช่น วลิ เวริ ด์ คดิ วธิ ีวางสนิ คา้ ขายทีโ่ ตะ๊ ตัวหนงึ่ ภายในร้านในราคาเดยี วกัน ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง การส่งเสริมการคิดให้ได้มาซ่ึงสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ไม่ซ้ําเดิม และมกี ารพัฒนาตวั เองอยา่ งสม่าํ เสมอ ความคิดสร้างสรรค์มีความสัมพันธ์กับจินตนาการสร้างสรรค์ แต่ยังมีอะไรมากกว่าน้ัน จึงกลา่ วได้วา่ ความคดิ สร้างสรรค์อยู่เหนือจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์เป็นความคิดริเริ่ม เป็นพลัง กระตุ้นให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ความคิดสร้างสรรค์เป็นส่ิงท่ีต้องการมากในโลกปัจจุบัน เพราะเกิดขึ้นได้ ในสมองมนุษยเ์ ทา่ นน้ั และมผี ลตอ่ ความก้าวหนา้ ของโลกอนาคต ความคดิ รเิ รมิ่ หมายถงึ การทาํ ส่งิ ทจ่ี าํ เปน็ จะตอ้ งทาํ โดยไมต่ อ้ งมีใครบอกให้ทํา โดยมีจิตใจ ท่ีจดจ่อที่จะทํางานให้ดีที่สุด ทั้งนี้ เพราะการมีความคิดริเร่ิมช่วยสร้างโอกาส สร้างอนาคต และสร้างความกา้ วหนา้ ในชีวิตได้ นอกจากนี้ การทําแผนที่ความคิด (Mind mapping) เป็นแนวทางหนึ่งในการเชื่อมโยง ความรู้ ความคิดและจินตนาการ โดยการเชื่อมโยงเร่ืองราว หรือแนวคิดโดยการใช้แผนภูมิ ใช้สี ใช้ภาพ ใช้คําสําคัญ หรือใช้การบันทึกย่อให้สมองได้เห็นภาพ ความเชื่อมโยงของสิ่งที่เรียนรู้ในการ ทํางานกับความเป็นจริงของชีวิต จะทําให้ผู้เรียนจําได้ และสนุกท่ีจะเรียนรู้มากขึ้น เป็นการส่งเสริม กระบวนการเรยี นรอู้ ย่างมคี วามสขุ ดังตวั อย่างในรปู
เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าห้องสมดุ กบั การรู้สารสนเทศ บทท่ี 1 การเรยี นรู้และการศึกษาคน้ ควา้ 8 รูปที่ 1.4 แสดงกระบวนการเรยี นร้อู ยา่ งมคี วามสุข ภาพตวั อยา่ งของท่านพทุ ธทาส ดังภาพน้ี รูปท่ี 1.5 แสดงกระบวนการเรียนร้ขู องท่านพทุ ธทาส
เอกสารประกอบการเรียนวชิ าห้องสมุดกับการร้สู ารสนเทศ บทที่ 1 การเรียนร้แู ละการศกึ ษาคน้ คว้า 9 1.3 การศกึ ษา 1.3.1 ความหมายของการศกึ ษา การศึกษา หมายถึง การเสาะแสวงหาความรู้เพ่ือให้เกิดความเข้าใจในเรื่องต่างๆ อยา่ งถอ่ งแทจ้ นสามารถนาํ ความร้นู ้ันมาปรับปรงุ ตนให้ดาํ รงชีวิตอยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ การศึกษาเป็นรากฐานท่ีสําคัญในการพัฒนาประเทศการศึกษาจึงมีความจําเป็นสําหรับ บุคคลทกุ เพศทุกวัยโดยเฉพาะผทู้ ่ีอย่ใู นวยั ศกึ ษาเลา่ เรียนสภาพแวดล้อม ในปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว เรียกว่าเป็นยุคของข่าวสาร ความรู้ หรือสารสนเทศ การศึกษาหา ความรู้ จึงมีความ จาํ เปน็ ในการพัฒนาชวี ติ ให้ทันต่อสังคมโลก 1.3.2 วธิ ศี กึ ษาหาความรู้ วิธีการศึกษาหาความรู้ขั้นพื้นฐานมี 4 วิธี คือ การฟัง การอ่าน การคิด การไต่ถาม และ การเขยี น จดบนั ทกึ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับหลักหัวใจนกั ปราชญ์ คือ สุ จิ ปุ ลิ สุ ได้แก่ สตุ คือ การฟัง การอา่ น จิ ไดแ้ ก่ จินตนะ คอื การคดิ ปุ ไดแ้ ก่ ปจุ ฉา คอื การไตถ่ าม ลิ ไดแ้ ก่ ลขิ ติ คอื การเขียน จดบันทึก รปู ท่ี 1.6 แสดงหลกั ปรัชญา “หัวใจนักปราชญ์” ทีม่ า : http://www.baanbaimai.com/forum/index.php?topic=11519.0
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาห้องสมุดกบั การรู้สารสนเทศ บทที่ 1 การเรยี นรู้และการศกึ ษาคน้ ควา้ 10 1) การอ่าน การเป็นนักอ่านที่ดี หมายถึง ผู้ท่ีอ่านสามารถเข้าใจเนื้อหามากท่ีสุด โดยใช้เวลาน้อยที่สุด ผู้ฟังที่ดี จะต้องมีสมาธิในการฟัง เพ่ือให้มีความต่อเน่ืองของเน้ือหา และความเข้าใจ การฟังจะต้องนํามาคิดไตร่ตรอง ความน่าเชื่อถือ การเป็นผู้รู้นอกจากเกิดจากการ เป็นผู้อ่านมากแล้ว ยังมาจากการเป็นผู้ฟังมาก เรียกว่า พหูสูต ซึ่งข้อแนะนําสําหรับการเป็นนักอ่าน ท่ีดีมี 4 ประการ คือ 1.1) การอ่านอย่างคร่าวๆ (Skimming) เป็นการอ่านอย่างเร็วๆ โดยดูว่ามีเน้ือหา อะไรบ้าง เป็นการอ่านไม่ต้องการรายละเอียดแต่ต้องการความรู้ความเข้าใจบ้างเท่าน้ัน เช่น อา่ นหนังสอื พมิ พ์ 1.2) การอ่านอย่างเฉพาะเจาะจง (Scanning) เป็นการอ่านเพื่อค้นหาคําตอบ เฉพาะเร่ือง เช่น การค้นหา ความหมายของคําในพจนานุกรม การค้นหาสถานที่ตั้งของเมือง เป็นต้น ซ่ึงการอ่านในลักษณะน้ี ใช้กับการค้นหาความรู้จากหนังสืออ้างอิง เช่น การอ่านหนังสืออ้างอิง ประเภทสารานุกรม 1.3) การอ่านเพ่ือศึกษารายละเอียด (Through Reading) เป็นการอ่านเพ่ือให้เข้าใจ ความหมายท้ังหมดของผู้เขียน ทั้งข้อความท่ีเป็นสาระสําคัญและข้อความที่ปลีกย่อย การอ่านแบบน้ี ต้องใช้สมาธิและเวลา เป็นการอ่านท่ีจําเป็นสําหรับนักศึกษา ในระดับอุดมศึกษาและนักวิชาการ เช่น การอา่ นหนังสือห้องสมดุ กับการรู้สารสนเทศเพ่ือเตรียมตวั สอบ 1.4) การอ่านอย่างวิเคราะห์ (Critical Reading) เป็นทักษะในการอ่านระดับสูง ถือเป็นสุดยอดของกระบวน การอ่านเอาความ ซ่ึงการอ่านแบบนี้ผู้อ่านต้องมีความรู้ในเร่ืองท่ีอ่าน มาก่อน เพราะเป็นการอ่านที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก เช่น การอ่าน วรรณกรรมซีไรท์ การอ่าน บทวจิ ารณ์หนงั สือ เป็นต้น 2) การฟัง การฟังเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเล่าเรียนอยู่เป็นประจํา ได้แก่ การฟัง คําบรรยายในชั้นเรียน ฟังวทิ ยุเพอื่ การศึกษา ฟังการสมั มนา เป็นต้น ข้อแนะนาํ สําหรบั การฟังคาํ บรรยาย 2.1 เตรยี มตัวใหพ้ ร้อม 2.2 มีสมาธิในการฟัง 2.3 ติดตามคําบรรยาย 3) การไต่ถาม การไต่ถามเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีการเรียนที่ฉลาดเพราะเป็น การสอบถามจากผ้รู โู้ ดยตรงจงึ ช่วยใหเ้ ขา้ ใจบทเรยี นไดอ้ ย่างแจม่ แจ้ง 4) การจดบันทึก การจดบันทึกควรจดเฉพาะใจความสําคัญ ใช้คําย่อตามสมควร ผู้ท่ีจด บนั ทึกได้ดนี ัน้ ตอ้ งเป็นผู้ทีม่ วี ธิ อี า่ น วิธีฟงั และวิธีซกั ถามทีด่ ดี ว้ ย
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาหอ้ งสมดุ กับการรู้สารสนเทศ บทที่ 1 การเรยี นรแู้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 11 เทคนิคการพฒั นาสมองของครหู นดู ี สมองทํางานเฉพาะกลางคืน ถ้าไม่หลบั ให้ดี ตอ่ ให้ท่องแค่ไหนกจ็ ําไม่ได้ หลับอย่างมคี ณุ ภาพ เข้านอนแตห่ ัวคาํ่ ตื่นแตเ่ ช้า ออกกําลงั กาย เส้นใยสมองฝกึ และสร้างใหมไ่ ดท้ ุกวัน อยากได้เส้นใยสมองที่เกี่ยวข้องกับทักษะ ดา้ นไหน ต้องฝกึ ตนเอง (ฟังใหห้ มด จดใหม้ าก ปากตอ้ งไว ใจต้องคิด) “เรยี นใหจ้ ริง เรียนใหร้ ู้ ตามครสู อน ทุกขั้นตอน ตอ้ งเข้าใจ สงสยั ถาม อยา่ เรียนเล่น เรยี นหลอก นอกเนือ้ ความ หากเรียนตาม ไม่ทนั ตอ้ งขยนั เรยี น”
เอกสารประกอบการเรยี นวิชาหอ้ งสมดุ กับการรู้สารสนเทศ บทที่ 1 การเรยี นรแู้ ละการศกึ ษาคน้ คว้า 12 ใบงานบทที่ 1 การเรยี นรู้และการศกึ ษาคน้ คว้า 1. “ข้อมลู ” ในความคดิ ของนกั ศึกษาคืออะไร เหมือนหรอื แตกต่างจาก “สารสนเทศ” อย่างไร จงอธิบาย 2. “การแสวงหาความร้”ู กบั “ความคิดสร้างสรรค”์ มคี วามสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร จงอธบิ าย 3. บอกความหมายของคําต่อไปน้ี 3.1 การเรียนรู้ 3.6 ความคดิ รเิ ร่ิม 3.2 การแสวงหาความรู้ 3.7 Tacit Knowledge 3.3 การศึกษา 3.8 Explicit Knowledge 3.4 จินตนาการ 3.9 Potential Knowledge 3.5 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3.10 Mind Mapping 4. การเรียนรู้ทาํ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดบ้าง อธบิ ายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 5. “หวั ใจนกั ปราชญ์” หมายถงึ อะไร อธบิ ายพร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 6. ให้นักศึกษายกตัวอย่างวธิ ีการพฒั นาสมองมาอยา่ งน้อย 3 ประการ 7. หลกั ในการอ่านท่ีดี มีอะไรบา้ งอธิบายมาใหเ้ ข้าใจ พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ 8. พหูสูต หมายถงึ อะไร นักศกึ ษามแี นวทางการศกึ ษาอยา่ งไรใหเ้ รียกไดว้ ่า เปน็ พหสู ตู 9. วิธกี ารฟงั คําบรรยายในช้นั เรยี น มีข้ันตอนใดบา้ ง จงอธบิ าย 10. นักศึกษาเห็นด้วยกับคํากล่าวท่ีว่า “ถ้าเราให้ปลาเป็นอาหาร เขาจะมีอาหารรับประทานได้เพียง ม้ือเดียว แต่ถ้าเราสอนให้เขารู้วิธีหาปลา เขาจะมีความรู้พอท่ีจะหาปลารับประทานได้เอง ตลอดชวี ติ ” หรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: