๕๑ สาระท่ี 3 การเคลอื่ นไหว การออกกาลังกาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มำตรฐำน พ 3.1 เขำ้ ใจ มีทักษะในกำรเคล่ือนไหว กจิ กรรมทำงกำย กำรเลน่ เกม และกฬี ำ ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้ ป.5 1. จดั รูปแบบกำรเคลอ่ื นไหวแบบผสมผสำน กำรจัดรปู แบบกำรเคลอื่ นไหวร่ำงกำย และควบคุมตนเองเม่ือ ใชท้ ักษะ แบบผสมผสำนและกำรปฏิบัตกิ จิ กรรม กำรเคลอื่ นไหวตำมแบบทีก่ ำหนด ทำงกำยท้ังแบบอยู่กับท่ี เคล่ือนทแ่ี ละ ใช้อปุ กรณป์ ระกอบตำมแบบทก่ี ำหนด เชน่ กำรฝกึ กำยบรหิ ำร ยืดหยุน่ ขั้นพ้ืนฐำน เป็นต้น 2. เล่นเกมนำไปสูก่ ีฬำทเ่ี ลือกและ เกมนำไปสู่กีฬำและกิจกรรมแบบผลัด กจิ กรรมกำรเคลือ่ นไหวแบบผลดั ทม่ี กี ำรตี เขี่ย รบั – สง่ สง่ิ ของ ขวำ้ งและ ว่ิง 3. ควบคมุ กำรเคลอ่ื นไหวในเรื่อง กำรเคล่ือนไหวในเร่ืองกำรรับแรง กำรรบั แรง กำรใชแ้ รงและควำมสมดลุ กำรใชแ้ รงและควำมสมดุล 4. แสดงทักษะกลไกในกำรปฏบิ ตั ิ ทกั ษะกลไกท่สี ่งผลต่อกำรปฏิบัติกจิ กรรม กิจกรรมทำงกำยและกำรเลน่ กฬี ำ ทำงกำยและเลน่ กีฬำ 5. เล่นกฬี ำไทยและกีฬำสำกล กำรเลน่ กฬี ำไทย เช่น ตะกรอ้ วง วง่ิ ชกั ประเภทบคุ คลและประเภททีม ธง และกฬี ำสำกล เชน่ กรฑี ำประเภทลู่ ได้อยำ่ งนอ้ ย 1 ชนิด แบดมนิ ตัน เปตอง ฟุตบอล เทเบลิ เทนนสิ ว่ำยน้ำ 6. อธิบำยหลกั กำรและเข้ำร่วม กจิ กรรม นนั ทนำกำร อยำ่ งนอ้ ย 1 กจิ กรรม หลกั กำรและกจิ กรรมนนั ทนำกำร หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวสั ดริ์ ำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
๕๒ สาระที่ 3 การเคลอ่ื นไหว การออกกาลังกาย การเล่มเกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มำตรฐำน พ 3.2 รกั กำรออกกำลังกำย กำรเล่นเกม และกำรเล่นกีฬำ ปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจำอยำ่ งสมำ่ เสมอ มวี นิ ัย เคำรพสิทธิ กฎ กตกิ ำ มีน้ำใจนักกีฬำ มจี ิตวญิ ญำณในกำรแข่งขนั และชื่นชม ในสนุ ทรียภำพของกำรกีฬำ ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้ ป.5 1. ออกกำลังกำยอยำ่ งมีรูปแบบเลน่ เกม หลกั กำรและรูปแบบกำรออกกำลังกำย ทใี่ ชท้ ักษะกำรคิดและตัดสนิ ใจ กำรออกกำลังกำยและกำรเล่นเกม เช่น 2. เล่นกฬี ำทต่ี นเองช่นื ชอบอย่ำงสม่ำเสมอ เกมเบ็ดเตลด็ เกมเลยี นแบบ เกมนำและ โดยสร้ำงทำงเลอื กในวิธปี ฏบิ ตั ิ กำรละเล่นพืน้ เมอื ง ของตนเองอยำ่ งหลำกหลำยและ มนี ้ำใจนักกีฬำ กำรเลน่ กฬี ำไทยและกฬี ำสำกลประเภท- บุคคลและทมี ที่เหมำะสมกบั วัย อย่ำงสม่ำเสมอ กำรสร้ำงทำงเลือกในวธิ ปี ฏิบัตใิ น กำรเลน่ กีฬำอยำ่ งหลำกหลำยและ มีน้ำใจนักกีฬำ 3. ปฏบิ ัติตำมกฎ กตกิ ำ กำรเล่นเกม กฎ กตกิ ำในกำรเล่นเกม กีฬำไทยและ กฬี ำไทยและกีฬำสำกลตำมชนิดกีฬำทเ่ี ล่น กีฬำสำกลตำมชนิดกีฬำที่เล่น วิธีกำรรุกและวธิ ีป้องกนั ในกำรเลน่ กฬี ำไทย และกีฬำสำกลท่เี ลน่ 4. ปฏบิ ตั ติ นตำมสิทธขิ องตนเองไม่ละเมิด สทิ ธิของตนเองและผูอ้ น่ื ในกำรเลน่ เกมและ สทิ ธิของผอู้ ่นื และยอมรบั ในควำมแตกตำ่ ง กีฬำ ระหวำ่ งบุคคลในกำรเลน่ เกมและกีฬำไทย กีฬำสำกล ควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบุคคลในกำรเล่นเกม และกีฬำ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คำสวัสด์ิรำษฎรบ์ ำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๕๓ สาระท่ี 4 การสร้างเสรมิ สุขภาพ สมรรถภาพ และการปอ้ งกนั โรค มำตรฐำน พ 4.1 เห็นคุณค่ำและมีทกั ษะในกำรสรำ้ งเสรมิ สุขภำพ กำรดำรงสุขภำพ กำรป้องกันโรค และกำรสรำ้ งสมรรถภำพเพือ่ สุขภำพ ชัน้ ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้ ป.5 1. แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นควำมสำคญั ของ ควำมสำคัญของกำรปฏบิ ัตติ นตำมสุขบญั ญตั ิ กำรปฏิบตั ติ นตำมสขุ บญั ญตั ิแหง่ ชำติ แหง่ ชำติ 2. ค้นหำขอ้ มลู ขำ่ วสำรเพือ่ ใชส้ รำ้ งเสริมสุขภำพ แหลง่ และวิธคี น้ หำข้อมูลข่ำวสำร ทำงสุขภำพ ● กำรใช้ข้อมูลข่ำวสำรในกำรสร้ำงเสริม สขุ ภำพ 3. วเิ ครำะหส์ ่ือโฆษณำในกำรตดั สินใจเลือกซื้อ ● กำรตดั สินใจเลือกซ้อื อำหำรและ อำหำรและผลิตภัณฑส์ ขุ ภำพอย่ำงมเี หตุผล ผลติ ภณั ฑ์สุขภำพ ( อำหำร เคร่อื งสำอำง ผลิตภณั ฑ์ดูแลสขุ ภำพใน ช่องปำก ฯลฯ ) 4. ปฏบิ ัตติ นในกำรป้องกันโรคทพ่ี บบ่อย กำรปฏิบัตติ นในกำรป้องกันโรคที่ พบบ่อยใน ในชวี ิตประจำวนั ชีวติ ประจำวัน - ไขห้ วัด 5. ทดสอบและปรบั ปรงุ สมรรถภำพทำงกำย - ไขเ้ ลือดออก ตำมผลกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย - โรคผิวหนงั - ฟนั ผแุ ละโรคปรทิ ันต์ ฯลฯ กำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย กำรปรับปรงุ สมรรถภำพทำงกำยตำม ผลกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพืชนิมิต (คำสวัสด์ิรำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๕๔ สาระที่ 5 ความปลอดภยั ในชวี ติ มำตรฐำน พ 5.1 ป้องกนั และหลกี เลยี่ งปัจจัยเส่ียง พฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภำพ อุบัติเหตุ กำรใช้ยำ สำรเสพตดิ และควำมรนุ แรง ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้ ป.5 1. วิเครำะหป์ จั จยั ทีม่ อี ิทธิพลตอ่ กำรใช้ ปจั จยั ที่มอี ิทธพิ ลต่อกำรใช้สำรเสพตดิ สำรเสพตดิ ( สุรำ บหุ รี่ ยำบ้ำ สำรระเหย ฯลฯ ) - ครอบครัว สังคม เพื่อน - คำ่ นิยม ควำมเช่อื - ปญั หำสขุ ภำพ - สื่อ ฯลฯ 2. วิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชย้ ำและ ผลกระทบของกำรใชย้ ำและสำรเสพติด ท่ี สำรเสพติด ทมี่ ผี ลตอ่ รำ่ งกำย จิตใจ มีตอ่ รำ่ งกำย จติ ใจ อำรมณ์ สงั คมและ อำรมณ์ สังคมและสติปัญญำ สติปญั ญำ 3. ปฏิบตั ิตนเพือ่ ควำมปลอดภัยจำกกำรใชย้ ำ กำรปฏิบัติตนเพื่อควำมปลอดภยั และหลกี เลย่ี งสำรเสพติด จำกกำรใชย้ ำ กำรหลกี เลี่ยงสำรเสพติด 4. วเิ ครำะห์อทิ ธพิ ลของสื่อที่มตี อ่ พฤติกรรม อทิ ธพิ ลของส่ือท่ีมตี ่อพฤติกรรมสุขภำพ สุขภำพ ( อินเทอรเ์ นต็ เกม ฯลฯ ) 5. ปฏิบัตติ นเพื่อปอ้ งกันอนั ตรำยจำก กำรปฏบิ ตั ิเพ่ือปอ้ งกันอันตรำยจำก กำรเล่นกฬี ำ กำรเล่นกฬี ำ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ด์ิรำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พ้ืนฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๕๕ โครงสร้างหลักสูตรชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕ รหัส กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรียน(ชม./ป)ี รายวิชาพื้นฐาน (๘๔๐) ท ๑๕๑๐๑ ภำษำไทย 5 ๑๖๐ ค ๑๕๑๐๑ คณิตศำสตร์ 5 ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี 5 120 ส ๑๕๑๐๑ สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม 5 80 ส ๑๕๑๐๒ ประวัติศำสตร์ 5 ๔๐ พ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษำและพลศึกษำ 5 8๐ ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ 5 4๐ ง ๑๕๑๐๑ กำรงำนอำชพี 5 4๐ อ ๑๕๑๐๑ ภำษำอังกฤษ5 120 รายวชิ าเพม่ิ เติม (8๐) อ 15201 ภำษำองั กฤษเพื่อกำรสื่อสำร 40 ส ๑52๐3 กำรป้องกนั กำรทจุ ริต 40 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสือ-เนตรนำรี 40 กิจกรรมเพ่ือสังคมและสำธำรณประโยชน์ 10 ชุมนุม 30 รวมเวลาเรียนตามโครงสรา้ งหลักสตู ร ๑,040 หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ดิร์ ำษฎร์บำรุง) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พืน้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๕๖ คาอธิบายรายวิชาพื้นฐาน พ๑5๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา กลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 8๐ ชวั่ โมง ศึกษำ ควำมสำคัญและวิธีดูแลรักษำ ระบบย่อยอำหำรและระบบขับถ่ำยให้ทำงำนตำมปกติซึ่งส่งผลต่อ สขุ ภำพ กำรเจริญเติบโต และพัฒนำกำร กำรเปล่ียนแปลงทำงเพศ และปฏิบัติตนได้เหมำะสม ลักษณะของ ครอบครัวท่ีอบอุ่นตำมวัฒนธรรมไทย พฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ และไม่พึงประสงค์ในกำรแก้ไขปัญหำควำม ขัดแย้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ควำมสำคัญของกำรปฏิบัติตนตำมสุขบัญญัติแห่งชำติ ค้นหำข้อมูลข่ำวสำร เพื่อใช้สรำ้ งเสริมสขุ ภำพ กำรตัดสินใจเลอื กซ้อื อำหำรและผลิตภัณฑ์สขุ ภำพ ปฏิบัติตนในกำรป้องกันโรค ปจั จัย และผลกระทบที่มีอิทธิพลต่อกำรใช้สำรเสพติด ท่ีมีต่อร่ำงกำย จิตใจ อำรมณ์ สังคม และสติปัญญำ ควำม ปลอดภัยจำกกำรใช้ยำและหลีกเลี่ยงสำรเสพติด อิทธิพลของสื่อท่ีมีต่อพฤติกรรมสุขภำพ กำรป้องกันอันตรำย จำกกำรเล่นกีฬำ วิธีกำรจัดรปู แบบกำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยแบบผสมผสำนแบบและปฏิบัตกิ ิจกรรมทำงกำยท้ัง แบบอยู่กับท่ี เคลอ่ื นที่ และใช้อปุ กรณป์ ระกอบตำมแบบท่ีกำหนด วิธกี ำรเลน่ เกมนำไปสู่กีฬำและกิจกรรมแบบ ผลัด กำรเคลื่อนไหวในเร่อื งกำรรับแรง กำรใช้แรง และควำมสมดุลทักษะกลไกลที่ส่งผลต่อกำรปฏิบัติกิจกรรม ทำงกำยและเล่นกีฬำกำรเล่นกีฬำไทย หลักกำรเข้ำร่วมกิจกรรมนันทนำกำรหลักกำรและรูปแบบกำรออกกำลัง กำยกำรออกกำลังกำยและกำรเล่นเกม กำรละเล่นพ้ืนเมือง วิธีกำรเล่นกีฬำไทยและกีฬำสำกล ประเภทบุคคล และประเภททีมท่ีเหมำะสมกับวัยอย่ำงสม่ำเสมอกำรสร้ำงทำงเลือกในวธิ ีปฏิบัติในกำรเล่นกีฬำอย่ำงหลำกหลำย รู้กฎกติกำในกำรเล่นเกมกีฬำไทยและกีฬำสำกลตำมชนิดกีฬำที่เล่นวิธีกำรรุกและวิธีกำรป้องกันในกำรเล่นกีฬำ ไทยและกีฬำสำกลที่เล่นสิทธิของตนเองและผู้อ่ืนในกำรเล่นเกมและกีฬำควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลในกำรเล่น เกมและกฬี ำ โดยใช้กระบวนกำรกำรสืบค้น กำรอภิปรำย กำรปฏิบัติ กำรบอก ระบุ เพื่อเกิดควำมรู้ ควำมเข้ำใจ นำไปสู่กำรปฏิบัติกำรสร้ำงเสริมสมรรถภำพเพื่อสุขภำพที่ถูกต้องเหมำะสม เกิดควำมตระหนักและเห็นคุณค่ำใน กำรดูแลเพ่ือพัฒนำตนเองและผู้อ่ืน มีวินัย รักควำมเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสำธำรณะ กำรนำไปใช้ใน ชวี ิตประจำวันไดอ้ ย่ำงปกติสุข เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในกำรแสวงหำควำมรู้ มีควำมคิดสร้ำงสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม มีน้ำใจนักกีฬำ เป็นผู้นำ ผู้ตำมท่ีดี มีเหตุผล รักกำรออกกำลังกำย รักสุขภำพ มีสุขนิสัยที่ดีและตระหนักถึงกำรสร้ำงเสริม สขุ ภำพ มคี วำมสำมำรถในกำรคิด กำรใชท้ กั ษะชีวติ กำรแกป้ ญั หำ รหัสตวั ชี้วัด พ ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ พ ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ พ ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖ พ ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ พ ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ พ ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ รวมท้ังหมด ๒5 รหสั ตัวชีว้ ัด หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวสั ดิ์รำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๕๗ รายวิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา โครงสร้างรายวิชา รหสั วิชา พ ๑๕๑๐๑ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง/ปี หน่วยท่ี ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ เวลา นา้ หนกั ตวั ช้ีวัด (ช่วั โมง) (คะแนน) 1 ระบบในรำ่ งกำย 2 สำยใยครอบครัว พ1.1 ป.5/1 ป.5/2 7 10 3 เข้ำใจรปู แบบกำร พ2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 13 10 4 เคลอ่ื นไหว 8 10 กฬี ำสำกล (วอลเลยบ์ อล) พ3.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 5 พ.5.1 ป.5/5 12 10 ใสใ่ จสขุ ภำพ พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 4 5 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 พ4.1 ป.5/2 ป.5/3 6 โรคนำ่ รู้ พ4.1 ป.5/1 ป.5/4 8 10 5 5 7 ยำและสำรเสพตดิ พ5.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 3 5 4 5 8 อิทธพิ ลของส่ือ พ5.1 ป.5/4 ป.5/5 16 10 9 สมรรถภำพทำงกำย พ3.1 ป.5/4 80 พ4.1 ป.5/5 20 10 กฬี ำไทย (ตะกร้อ) พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 คะแนนระหวำ่ งภำค คะแนนปลำยภำค หลกั สตู รโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวสั ด์ริ ำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขัน้ พื้นฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๕๘ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวัสด์ริ ำษฎรบ์ ำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๕๙ สาระท่ี 1 การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ มำตรฐำน พ 1.1 เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องกำรเจริญเตบิ โตและพัฒนำกำรของมนุษย์ ชน้ั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้ ป. 6 1. อธิบำยควำมสำคญั ของระบบ ควำมสำคญั ของระบบสืบพันธ์ุ ระบบ ไหลเวยี นโลหิตและระบบหำยใจทมี่ ผี ล สบื พันธุ์ ระบบไหลเวยี นโลหิตและ ตอ่ สุขภำพ กำรเจรญิ เติบโตและพัฒนำกำร ระบบหำยใจ ทม่ี ีผลต่อสขุ ภำพ กำรเจรญิ เติบโตและพฒั นำกำร 2. อธบิ ำยวิธีกำรดแู ลรักษำระบบ วิธีกำรดูแลรกั ษำระบบสบื พนั ธ์ุ สืบพนั ธุ์ ระบบไหลเวยี นโลหิตและ ระบบไหลเวียนโลหติ และระบบหำยใจ ระบบหำยใจให้ทำงำนตำมปกติ ให้ทำงำนตำมปกติ หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คำสวสั ดิร์ ำษฎร์บำรุง) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๐ สาระท่ี 2 ชีวิตและครอบครัว มำตรฐำน พ 2.1 เขำ้ ใจและเหน็ คณุ ค่ำตนเอง ครอบครัว เพศศึกษำ และมีทักษะในกำรดำเนนิ ชีวิต ช้ัน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ ป.6 1.อธิบำยควำมสำคญั ของกำรสร้ำงและ ควำมสำคญั ของกำรสรำ้ งและรกั ษำ รกั ษำสมั พนั ธภำพกับผู้อื่น สมั พันธภำพกับผู้อ่ืน ปจั จัยทชี่ ว่ ยใหก้ ำรทำงำนกลมุ่ ประสบ ควำมสำเร็จ - ควำมสำมำรถสว่ นบุคคล - บทบำทหนำ้ ที่ของสมำชิกในกลุ่ม - กำรยอมรับควำมคิดเหน็ และควำม แตกตำ่ งระหวำ่ งบุคคล - ควำมรบั ผิดชอบ 2. วิเครำะหพ์ ฤติกรรมเส่ยี งท่ีอำจนำไปสู่ พฤติกรรมเสีย่ งทน่ี ำไปสู่กำรมีเพศสัมพันธ์ กำรมีเพศสมั พนั ธ์ กำรตดิ เช้อื เอดส์ กำรตดิ เช้ือเอดส์และกำรตัง้ ครรภ์กอ่ นวัย และกำรต้ังครรภ์ก่อนวยั อันควร อนั ควร หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คำสวสั ดิ์รำษฎร์บำรุง) พุทธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำข้นั พื้นฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๑ สาระที่ 3 การเคล่อื นไหว การออกกาลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มำตรฐำน พ 3.1 เข้ำใจ มที ักษะในกำรเคล่ือนไหว กิจกรรมทำงกำย กำรเลน่ เกม และกีฬำ ช้ัน ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้ ป.6 1. แสดงทักษะกำรเคล่อื นไหวร่วมกับผูอ้ น่ื ใน กำรเคลอ่ื นไหวรว่ มกับผ้อู ื่นแบบผลัด ลกั ษณะแบบผลดั และแบบผสมผสำนได้ ในลักษณะผสมผสำน ในกำรรว่ มกิจกรรม ตำมลำดับทง้ั แบบอยู่กบั ที่ เคลือ่ นท่แี ละ ทำงกำย เช่น กจิ กรรมแบบผลดั กำย ใช้อปุ กรณ์ประกอบและกำรเคลอื่ นไหว ประกอบเพลง บริหำรประกอบเพลง ยดื หยุ่นข้นั พืน้ ฐำน ทีใ่ ช้ทำ่ ต่อเนื่องและกำรตอ่ ตัวท่ำงำ่ ยๆ 2. จำแนกหลกั กำรเคลื่อนไหวในเร่ือง กำรเคล่อื นไหวในเร่ืองกำรรับแรง กำรใช้ กำรรับแรง กำรใชแ้ รงและควำมสมดลุ ใน แรงและควำมสมดลุ กับกำรพัฒนำทกั ษะกำร กำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยในกำรเล่นเกม เคลือ่ นไหวในกำรเลน่ เกมและกฬี ำ เล่นกฬี ำและนำผลมำปรับปรุง เพ่มิ พนู วิธี ปฏบิ ตั ขิ องตนและผอู้ น่ื 3. เลน่ กีฬำไทย กีฬำสำกลประเภทบุคคล กำรเล่นกฬี ำไทย กีฬำสำกล ประเภท และประเภททมี ได้อยำ่ งละ 1 ชนิด บุคคลและประเภททีม เชน่ กรีฑำประเภท ลู่และลำน เปตอง วำ่ ยนำ้ เทเบิลเทนนิส วอลเลยบ์ อล ฟตุ บอล ตะกร้อวง 4.ใชท้ ักษะกลไกเพื่อปรบั ปรุง เพ่ิมพูน กำรใช้ขอ้ มลู ด้ำนทักษะกลไกเพ่อื ปรับปรุง ควำมสำมำรถของตนและผู้อ่ืนใน และเพ่ิมพูนควำมสำมำรถ ในกำรปฏบิ ตั ิ กำรเลน่ กฬี ำ กจิ กรรมทำงกำยและ เล่นกีฬำ 5.ร่วมกจิ กรรมนันทนำกำรอย่ำงนอ้ ย 1 กำรนำควำมรูแ้ ละหลักกำรของกจิ กรรม กิจกรรม แลว้ นำควำมร้แู ละหลกั กำร นนั ทนำกำรไปใชเ้ ป็นฐำนกำรศกึ ษำหำ ทไ่ี ด้ไปใช้เปน็ ฐำนกำรศกึ ษำหำควำมรูเ้ ร่ือง ควำมรู้ อ่นื ๆ หลกั สตู รโรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวัสดริ์ ำษฎรบ์ ำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๒ สาระที่ 3 การเคล่อื นไหว การออกกาลังกาย การเลม่ เกม กีฬาไทย และกฬี าสากล มำตรฐำน พ 3.2 รักกำรออกกำลังกำย กำรเลน่ เกม และกำรเลน่ กีฬำ ปฏิบัติเป็นประจำอยำ่ งสมำ่ เสมอ มวี ินยั เคำรพสทิ ธิ กฎ กตกิ ำ มีน้ำใจนักกีฬำ มีจิตวิญญำณในกำรแข่งขัน และชื่นชม ในสุนทรียภำพของกำรกีฬำ ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้ ป.6 1. อธบิ ำยประโยชนแ์ ละหลักกำรออก- ประโยชน์และหลักกำรออกกำลังกำยเพ่ือ สุขภำพ สมรรถภำพทำงกำยและกำรสรำ้ ง กำลงั กำยเพอ่ื สุขภำพ สมรรถภำพ เสรมิ บุคลกิ ภำพ ทำงกำยและกำรสรำ้ งเสริมบุคลกิ ภำพ 2. เลน่ เกมท่ีใช้ทกั ษะกำรวำงแผนและ กำรเล่นเกมทใี่ ช้ทักษะกำรวำงแผน สำมำรถเพิ่มพนู ทกั ษะกำรออกกำลังกำย และเคล่ือนไหวอย่ำงเปน็ ระบบ กำรเพ่ิมพนู ทักษะกำรออกกำลงั กำยและ กำรเคลอ่ื นไหวอยำ่ งเป็นระบบ 3. เลน่ กีฬำท่ตี นเองชืน่ ชอบและสำมำรถ กำรเล่นกฬี ำประเภทบุคคลและประเภททีม ประเมินทักษะกำรเลน่ ของตน ท่ชี ่นื ชอบ เป็นประจำ กำรประเมินทักษะกำรเลน่ กีฬำของตน 4. ปฏบิ ัตติ ำมกฎ กตกิ ำ ตำมชนดิ กฬี ำ กฎ กติกำในกำรเลน่ กีฬำไทย กฬี ำสำกล ท่เี ลน่ โดยคำนึงถงึ ควำมปลอดภัย ตำมชนดิ กีฬำที่เล่น ของตนเองและผ้อู นื่ 5. จำแนกกลวิธรี ุก กำรป้องกันและนำไป กลวธิ ีรุก กำรป้องกนั ในกำรเล่นกีฬำ ใช้ในกำรเล่นกีฬำ ๖. เล่นเกมและกีฬำดว้ ยควำมสำมคั คีและ กำรสรำ้ งควำมสำมัคคี และควำมมี- มีนำ้ ใจนกั กีฬำ นำ้ ใจนกั กีฬำในกำรเล่นเกมและกีฬำ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดิร์ ำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๓ สาระท่ี 4 การสรา้ งเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการปอ้ งกันโรค มำตรฐำน พ 4.1 เห็นคุณคำ่ และมีทกั ษะในกำรสรำ้ งเสริมสขุ ภำพ กำรดำรงสุขภำพ กำรป้องกนั โรค และกำรสร้ำงสมรรถภำพเพอื่ สขุ ภำพ ชน้ั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้ ป.6 1. แสดงพฤตกิ รรมในกำรป้องกนั และ ควำมสำคญั ของสง่ิ แวดล้อมที่มีผล แก้ไขปญั หำสงิ่ แวดล้อมที่มผี ลต่อสขุ ภำพ ตอ่ สขุ ภำพ ปัญหำของสง่ิ แวดลอ้ มทมี่ ีผลตอ่ สุขภำพ กำรป้องกนั และแก้ไขปัญหำสิง่ แวดลอ้ ม ทมี่ ผี ลตอ่ สุขภำพ 2. วเิ ครำะห์ผลกระทบทเี่ กดิ จำกกำรระบำด โรคติดต่อสำคญั ที่ระบำดในปัจจบุ นั ของโรคและเสนอแนวทำงกำรป้องกนั ผลกระทบทเ่ี กดิ จำกกำรระบำดของโรค โรคติดตอ่ สำคัญทีพ่ บในประเทศไทย กำรปอ้ งกันกำรระบำดของโรค 3. แสดงพฤติกรรมทีบ่ ่งบอกถงึ ควำม พฤติกรรมทแ่ี สดงออกถงึ ควำมรับผดิ ชอบตอ่ รบั ผดิ ชอบต่อสุขภำพของส่วนรวม สุขภำพของสว่ นรวม 4. สร้ำงเสริมและปรบั ปรงุ สมรรถภำพ วิธที ดสอบสมรรถภำพทำงกำย ทำงกำยเพื่อสุขภำพอยำ่ งต่อเน่ือง กำรสรำ้ งเสรมิ และปรบั ปรุงสมรรถภำพทำง กำย ตำมผลกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดร์ิ ำษฎร์บำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำข้นั พืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๔ สาระท่ี 5 ความปลอดภยั ในชวี ติ มำตรฐำน พ 5.1 ปอ้ งกันและหลกี เล่ยี งปจั จัยเส่ียง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภำพ อุบัติเหตุ กำรใช้ยำ สำรเสพติด และควำมรนุ แรง ชน้ั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้ ป.6 1. วเิ ครำะหผ์ ลกระทบจำกควำม รนุ แรง ภัยธรรมชำติ - ลักษณะของภัยธรรมชำติ ของภยั ธรรมชำติท่มี ีต่อ ร่ำงกำย จิตใจ - ผลกระทบจำกควำมรุนแรง ของ และสังคม ภัยธรรมชำตทิ ม่ี ีต่อรำ่ งกำย จติ ใจและ สังคม 2. ระบุวิธปี ฏิบตั ิตนเพือ่ ควำมปลอดภยั กำรปฏิบตั ิตนเพื่อควำมปลอดภยั จำก จำกธรรมชำติ ภยั ธรรมชำติ 3. วเิ ครำะหส์ ำเหตขุ องกำรติดสำรเสพตดิ และ สำเหตุของกำรติดสำรเสพตดิ ชักชวนให้ผอู้ น่ื หลกี เลี่ยงสำรเสพตดิ ทกั ษะกำรสื่อสำรให้ผูอ้ ื่นหลกี เลย่ี ง สำรเสพตดิ หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คำสวัสด์ิรำษฎรบ์ ำรุง) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพืน้ ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๖๕ โครงสรา้ งหลักสูตรช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลาเรียน(ชม./ป)ี (๘๔๐) รหสั กลุม่ สาระการเรยี นร/ู้ กจิ กรรม ๑๖๐ รายวิชาพ้ืนฐาน ๑๖๐ ท ๑๖๑๐๑ ภำษำไทย 6 120 ค ๑๖๑๐๑ คณิตศำสตร์ 6 80 ว ๑๖๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี 6 ๔๐ ส ๑๖๑๐๑ สังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม 6 8๐ ส ๑๖๑๐๒ ประวตั ิศำสตร์ 6 4๐ พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษำและพลศึกษำ 6 4๐ ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ 6 120 ง ๑๖๑๐๑ กำรงำนอำชีพ 6 (8๐) อ ๑๖๑๐๑ ภำษำองั กฤษ6 40 รายวิชาเพิม่ เติม 40 อ 16201 ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสื่อสำร ส ๑62๐3 กำรปอ้ งกนั กำรทจุ ริต กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนำรี 40 กิจกรรมเพือ่ สังคมและสำธำรณประโยชน์ 10 ชมุ นุม 30 รวมเวลาเรียนตามโครงสรา้ งหลักสูตร ๑,040 หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คำสวสั ดริ์ ำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๖ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน พ๑6๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา กลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลา 8๐ ชั่วโมง ศึกษำควำมสำคัญและวิธีดูแลรักษำระบบสืบพันธ์ุ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหำยใจที่มีผลต่อ สุขภำพ กำรเจริญเตบิ โตและพฒั นำกำรให้ทำงำนเปน็ ปกติ ควำมสำคญั ของกำรสรำ้ งและรกั ษำสัมพันธภำพกับ ผู้อื่น พฤติกรรมเสี่ยงท่ีนำไปสู่กำรมีเพศสัมพันธ์ กำรติดเช้ือเอดส์ และกำรตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ควำมสำคัญและแก้ไขปัญหำ ส่งิ แวดล้อมท่ีมีผลต่อสุขภำพส่ิงแวดลอ้ มที่มผี ลต่อสุขภำพ ผลกระทบทเ่ี กิดจำกกำร ระบำดของโรคและเสนอแนวทำงกำรป้องกันโรคติดต่อสำคัญท่ีพบในประเทศไทย พฤติกรรมท่ีแสดงออกถึง ควำมรับผิดชอบต่อสุขภำพของส่วนรวม ควำมรุนแรงของภัยธรรมชำติที่มีต่อร่ำงกำย จิตใจ และสังคม กำร ปฏิบัติตนเพ่ือควำมปลอดภัยจำกภัยธรรมชำติ สำเหตุของกำรติดสำรเสพตดิ และชักชวนให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงสำรเสพติด หลักกำร รปู แบบ กำรจำแนก กำรเคลื่อนไหวรำ่ งกำยโดยอำศัยกลไกกำรทำงำนประสำนกันของระบบต่ำง ๆ ใน รำ่ งกำย ส่งผลให้ร่ำงกำยของคนเรำเคลื่อนท่ีไปในทิศทำงที่ต้องกำรเพ่ือให้เกิดกำรพัฒนำทั้งทำงดำ้ นสมรรถภำพ ทำงกำย อำรมณ์ สังคมและจิตใจ ในกำรออกกำลังกำย กิจกรรมนันทนำกำร กำรเล่นเกม กำรเล่นกีฬำไทย กีฬำสำกล ท้งั ประเภทบคุ คลและประเภททีม และรกู้ ฎ กตกิ ำมำรยำท ในกำรเล่นประเภทนัน้ ๆ โดยใช้กระบวนกำรกำรสืบค้น กำรอภิปรำย กำรปฏิบัติ เพ่ือเกิดควำมรู้ ควำมเข้ำใจนำไปสู่กำร ปฏิบัติกำรสร้ำงเสริมสมรรถภำพเพื่อสุขภำพที่ถูกต้องเหมำะสม เกิดควำมตระหนักและเห็นคุณค่ำในกำรดูแล ตนเองและผู้อื่น ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในกำรทำงำน เล่นกีฬำท่ีตนเองช่ืนชอบ ด้วยควำมสำมัคคีและมีน้ำใจนักกีฬำ มวี นิ ัย คำนึงถงึ ควำมปลอดภัย รกั ควำมเปน็ ไทย กำรนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้อยำ่ งปกติสขุ เพื่อให้ผู้เรยี นมีทักษะในกำรแสวงหำควำมรู้ มีควำมคิดสร้ำงสรรค์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม มีน้ำใจนักกีฬำ เป็นผู้นำ ผู้ตำมท่ีดี มีเหตุผล รักกำรออกกำลังกำย รักสุขภำพ มีสุขนิสัยที่ดีและตระหนักถึงกำรสร้ำงเสริม สุขภำพ มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ กำรใช้ทักษะชีวิต กำรแกป้ ัญหำ รหสั ตวั ช้ีวัด พ ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ พ ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ พ ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ พ ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖ พ ๔.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ พ ๕.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ รวมทั้งหมด ๒2 ตัวชี้วัด หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คำสวสั ดิร์ ำษฎร์บำรงุ ) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๖๗ โครงสร้างรายวชิ า รายวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ รหสั วชิ า พ ๑๖๑๐๑ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง/ปี หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ เวลา น้าหนัก (ช่วั โมง) (คะแนน) 1 ตวั ชว้ี ดั 2 8 10 3 ระบบในรำ่ งกำย พ1.1 ป.6/1 ป.6/2 12 10 10 10 4 ใส่ใจเรื่องรอบตัว พ2.1 ป.6/1 ป.6/2 10 10 5 กีฬำสำกล (กรฑี ำ) พ3.1 ป.6/3 ป.6/4 6 10 10 7 พ3.2 ป.6/1 ป.6/3 ป.6/4 10 10 15 15 8 ป.6/5 5 5 กีฬำสำกล (ฟตุ บอล) พ3.1 ป.6/3 ป.6/4 80 พ3.2 ป.6/1 ป.6/3 ป.6/4 20 ป.6/5 ใส่ใจสุขภำพ พ4.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ทกุ ชีวติ ปลอดภัย พ5.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 กจิ กรรมทำงกำย พ3.1 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/5 พ3.2 ป.6/2 ป.6/6 พ4.1 ป.6/4 กีฬำไทย (ท่ำไหว้ครูมวยไทย) พ3.1 ป.6/3 ป.6/4 พ3.2 ป.6/1 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 คะแนนระหวำ่ งภำค คะแนนปลำยภำค หลกั สตู รโรงเรยี นวดั พืชนมิ ติ (คำสวสั ดิร์ ำษฎร์บำรุง) พุทธศักรำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๖๘ การตัดสนิ ผลการเรยี น ตามหลักสูตรแกนกลาง หลักสตู รโรงเรยี นวดั พชื นิมิต (คำสวัสดริ์ ำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพืน้ ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๖๙ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน ๑. การตัดสนิ การให้ระดับและการรายงานผลการเรียน ๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรยี น ในกำรตัดสินผลกำรเรียนของกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ กำรอ่ำน คดิ วิเครำะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคำนึงถึงกำรพัฒนำผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้อง เก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้ำนอย่ำงสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภำคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนำ จนเตม็ ตำมศกั ยภำพ ระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผ้เู รียนต้องมีเวลำเรียนไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ ๘๐ ของเวลำเรยี นทง้ั หมด (๒) ผเู้ รยี นต้องได้รับกำรประเมนิ ทกุ ตวั ชวี้ ดั และผำ่ นตำมเกณฑ์ท่สี ถำนศึกษำกำหนด (๓) ผ้เู รียนต้องได้รบั กำรตัดสนิ ผลกำรเรียนทกุ รำยวชิ ำ (๔) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับกำรประเมนิ และมผี ลกำรประเมนิ ผ่ำนตำมเกณฑท์ ีส่ ถำนศึกษำกำหนด ใน กำรอำ่ น คิดวิเครำะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นำผูเ้ รียน กำรพิจำรณำเล่ือนช้ัน ถ้ำผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถำนศึกษำพิจำรณำเห็นว่ำ สำมำรถพัฒนำและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถำนศึกษำท่ีจะผ่อนผันให้เล่ือนชั้นได้ แต่หำกผู้เรียน ไม่ผ่ำนรำยวิชำจำนวนมำก และมีแนวโน้มว่ำจะเป็นปัญหำต่อกำรเรียนในระดับช้ันท่ีสูงข้ึน สถำนศึกษำอำจตั้ง คณะกรรมกำรพจิ ำรณำให้เรยี นซำ้ ชัน้ ได้ ท้งั นี้ให้คำนึงถึงวฒุ ภิ ำวะและควำมรู้ควำมสำมำรถของผู้เรียนเป็นสำคัญ ๑.๒ การให้ระดับผลการเรยี น ระดบั ประถมศึกษา ในกำรตัดสินเพือ่ ให้ระดบั ผลกำรเรยี นรำยวิชำ สถำนศึกษำสำมำรถให้ระดับผล กำรเรยี นหรอื ระดับคุณภำพกำรปฏิบัติของผูเ้ รยี น เปน็ ระบบตัวเลข ระบบตวั อักษร ระบบรอ้ ยละ และระบบท่ี ใช้คำสำคญั สะท้อนมำตรฐำน กำรใหร้ ะดบั ผลกำรเรยี น โรงเรยี นกำหนดให้กำรตัดสนิ เพื่อใหร้ ะดบั ผลกำรเรียนรำยวิชำของกลุ่ม สำระกำรเรียนรู้ ใหใ้ ชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลกำรเรยี นเปน็ ๘ ระดับ ดังนี้ ระดับผลการเรียน ชว่ งคะแนนเปน็ รอ้ ยละ ระบบทีใ่ ชค้ ำสำคัญสะทอ้ นมำตรฐำน ๔ ๘๐ - ๑๐๐ 5 ระดบั 4 ระดับ 2 ระดับ ๓.๕ ๗๕ - ๗๙ ๓ ๗๐ - ๗๔ ดีเย่ียม ดเี ยี่ยม ๒.๕ ๖๕ - ๖๙ ๒ ๖๐ - ๖๔ ดี ดี ผำ่ น ๑.๕ ๕๕ - ๕๙ พอใช้ ๑ ๕๐ - ๕๔ ๐ ๐ - ๔๙ ผ่ำน ผ่ำน ไมผ่ ่ำน ไม่ผำ่ น ไม่ผำ่ น หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนิมติ (คำสวัสด์ิรำษฎร์บำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๗๐ อภธิ านศพั ท์ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ิรำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑
๗๑ กลไกของรา่ งกายท่ีใช้ในการเคลอื่ นไหว (Body Mechanism) กระบวนกำรตำมธรรมชำติในกำรเคล่ือนไหวส่วนต่ำง ๆ ของร่ำงกำยตำมลักษณะโครงสร้ำง หน้ำท่ี และกำรทำงำนร่วมกันของข้อต่อ กล้ำมเน้ือ กระดูกและระบบประสำทท่ีเกี่ยวข้องภำยใต้ขอบข่ำย เงื่อนไข หลักกำร และปัจจัยด้ำนชีวกลศำสตร์ที่มีผลต่อกำรเคลื่อนไหว เช่น ควำมมั่นคง (Stability) ระบบคำน (Leverage) กำรเคล่อื น (Motion) และแรง (Force) การเคลอื่ นไหวเฉพาะอยา่ ง (Specialized Movement) กำรผสมผสำนกันระหว่ำงทักษะย่อยของทักษะกำรเคล่ือนไหวพ้ืนฐำนต่ำง ๆ กำรออกกำลังกำย กำรเล่น เกม และกำรเล่นกีฬำต่ำง ๆ ซ่ึงมีควำมจำเป็นสำหรับกิจกรรมทำงกำย เช่น กำรขว้ำงลูกซอฟท์บอล ต้อง อำศัยกำรผสมผสำนของทักษะกำรสไลด์ (กำรเคล่ือนไหวแบบเคล่ือนท่ี) กำรขว้ำง (กำรเคลื่อนไหวแบบ ประกอบอุปกรณ์) กำรบิดตัว (กำรเคลือ่ นไหวแบบไม่เคล่ือนที่) ทักษะทีท่ ำบำงอย่ำงย่ิงมีควำมซับซอ้ นและต้อง ใช้กำรผสมผสำนของทกั ษะกำรเคล่อื นไหวพน้ื ฐำนหลำย ๆ ทักษะรวมกนั การเคลอ่ื นไหวในชีวติ ประจาวัน (Daily Movement) รูปแบบหรือทักษะกำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยในอิริยำบถต่ำง ๆ ท่ีบุคคลท่ัวไปใช้ในกำรดำเนินชีวิต ไม่ว่ำ เพ่ือกำรประกอบกิจวัตรประจำวัน กำรทำงำน กำรเดินทำงหรือกิจกรรมอ่ืน ๆ เช่น กำรยืน ก้ม น่ัง เดิน วงิ่ โหนรถเมล์ ยกของหนกั ปนี ปำ่ ย กระโดดลงจำกทส่ี ูง ฯลฯ การเคลือ่ นไหวพืน้ ฐาน (Fundamental Movements) ทักษะกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยท่ีจำเป็นสำหรับชีวิตและกำรดำเนินชีวิตของมนุษย์ ในกำรปฏิบัติกิจกรรม ต่ำง ๆ ได้อยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพ เป็นทกั ษะท่ีมีกำรพัฒนำในช่วงวัยเดก็ และจะเป็นพ้ืนฐำนสำหรบั กำรประกอบ กิจกรรมตำ่ ง ๆ เมื่อเจริญวัยสงู ขึ้น ตลอดจนเป็นพืน้ ฐำนของกำร มีควำมสำมำรถในกำรเคล่ือนไหว โดยเฉพำะ อย่ำงย่ิงในกำรเล่นกีฬำ กำรออกกำลังกำย และกำรประกอบกิจกรรมนันทนำกำร กำรเคล่ือนไหวพื้นฐำน สำมำรถแบง่ ออกได้เปน็ ๓ ประเภท คือ ๑. กำรเคล่ือนไหวแบบเคลื่อนท่ี (Locomotor Movement) หมำยถึง ทักษะกำรเคล่ือนไหว ที่ใช้ ในกำรเคลื่อนร่ำงกำยจำกท่ีหน่ึงไปยังอีกท่ีหนึ่ง ได้แก่ กำรเดิน กำรวิ่ง กำรกระโดด สลับเท้ำ กำรกระโจน กำรสไลด์ และกำรวิ่งควบม้ำ ฯลฯ หรือกำรเคล่ือนท่ีในแนวดิ่ง เช่น กำรกระโดด ทักษะกำรเคล่ือนไหว เหล่ำนเ้ี ป็นพื้นฐำนของกำรทำงำนประสำนสมั พนั ธ์ทำงกลไกแบบไม่ซับซ้อน และเป็นกำรเคล่ือนไหวรำ่ งกำยท่ใี ช้ กลำ้ มเน้ือมัดใหญ่ ๒. กำรเคล่ือนไหวแบบอยู่กับท่ี (Nonlocomotor Movement) หมำยถึง ทักษะกำรเคล่ือนไหวที่ ปฏิบัติโดยร่ำงกำยไม่มีกำรเคลื่อนที่ของร่ำงกำย ตัวอย่ำงเช่น กำรก้ม กำรเหยยี ด กำรผลักและดนั กำรบิดตัว กำรโยกตัว กำรไกวตัว และกำรทรงตวั เป็นต้น ๓. กำรเคลือ่ นไหวแบบประกอบอุปกรณ์ (Manipulative Movement) เป็นทักษะกำรเคล่ือนไหวท่ีมี กำรบังคับหรือควบคุมวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเก่ียวข้องกับกำรใช้มือและเท้ำ แต่ส่วนอ่ืน ๆ ของร่ำงกำยก็สำมำรถ ใช้ได้ เชน่ กำรขวำ้ ง กำรตี กำรเตะ กำรรับ เป็นต้น หลกั สตู รโรงเรยี นวดั พชื นมิ ิต (คำสวัสดริ์ ำษฎรบ์ ำรุง) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๗๒ การจดั การกับอารมณแ์ ละความเครยี ด (Emotion and Stress Management) วิธีควบคุมอำรมณ์ควำมเครียดและควำมคับข้องใจ ท่ีไม่เป็นอันตรำยต่อตนเองและผู้อ่ืน แล้วลงมือ ปฏิบัติอย่ำงเหมำะสม เช่น ทำสมำธิ เล่นกีฬำ กำรร่วมกิจกรรม นันทนำกำร กำรคลำยกล้ำมเน้ือ (muscle relaxation) การชว่ ยฟน้ื คืนชพี (Cardiopulmonary Resuscitation = CPR) กำรช่วยชีวิตเบ้ืองตน้ ก่อนส่งต่อให้แพทย์ในกรณีผู้ป่วยหัวใจหยุดเตน้ โดยกำรนวดหัวใจและผำยปอดไป พร้อม ๆ กนั การดแู ลเบ้ืองต้น (First Care) กำรใหก้ ำรดูแลสุขภำพผ้ปู ่วยในระยะพักฟื้นและ / หรอื กำรปฐมพยำบำล การพฒั นาทย่ี ่งั ยนื (Sustainable Development) กำรพัฒนำทเี่ ป็นองค์รวมของควำมเป็นมนุษย์ตำมแนวทำงของพระธรรมปิฏก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เป็นกำร พัฒนำที่เป็นบูรณำกำร คือ ทำให้เกิดเป็นองค์รวมหมำยควำมว่ำ องค์ประกอบทั้งหลำย ที่เกี่ยวข้อง จะต้อง ประสำนกันครบทั้งร่ำงกำย จิตใจ อำรมณ์ สังคม และจิตวิญญำณ และมีดุลยภำพ สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ ของธรรมชำติ การละเลน่ พนื้ เมือง (Folk Plays) กิจกรรมเล่นด้ังเดิมของคนในชุมชนแต่ละท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำรดำเนินชีวิตหรือวิถีชีวิต เพ่ือ เป็นกำรผ่อนคลำยอำรมณ์ ควำมเครียด และสร้ำงเสริมให้มีกำลังกำยแข็งแรง สติปัญญำดี จิตใจเบิกบำน สนุกสนำน อันก่อให้เกิดควำมสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน และเป็นส่วนหน่ึงของวัฒนธรรม เช่น กิจกรรมกำรเล่นของ ชุมชนท้องถ่นิ วง่ิ เปี้ยว ชักเยอ่ ขี่มำ้ ส่งเมือง ตจี ับ มอญซ่อนผำ้ รีๆขำ้ วสำร วิ่งกระสอบ สะบ้ำ กระบี่กระบอง มวยไทย ตะกร้อวง ตะกรอ้ ลอดบว่ ง กิจกรรมเขา้ จังหวะ (Rhythmic Activities) กำรแสดงออกของรำ่ งกำย โดยกำรเคลื่อนไหวสว่ นตำ่ ง ๆ ของร่ำงกำยให้เขำ้ กบั อัตรำควำม ชำ้ – เร็วของตวั โนต้ กจิ กรรมนนั ทนาการ (Recreation Activities) กิจกรรมที่บุคคลไดเ้ ลือกทำหรือเขำ้ ร่วมด้วยควำมสมคั รใจในเวลำว่ำง และผลท่ไี ด้รบั เปน็ ควำม พึงพอใจ ไมเ่ ปน็ ภยั ต่อสังคม กิจกรรมรบั นา้ หนกั ตนเอง (Weight Bearing Activities) กิจกรรมกำรออกกำลังกำยที่มีกำรเคล่ือนไหวบนพื้น เช่น กำรเดิน กำรว่ิง กำรกระโดดเชือก ยิมนำสติก กำรเต้นรำหรือกำรเต้นแอโรบิก โดยกล้ำมเนื้อส่วนที่รับน้ำหนักต้องออกแรงกระทำกับน้ำหนัก ของตนเองในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวสั ดริ์ ำษฎร์บำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๗๓ กฬี าไทย (Thai Sports) กีฬำท่ีมีพ้ืนฐำนเช่ือมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของท้องถิ่นและสังคมไทย เช่น กระบ่ีกระบอง มวยไทย ตะกรอ้ กฬี าสากล (International Sports) กีฬำท่ีเป็นที่ยอมรับจำกมวลสมำชิกขององค์กรกีฬำระดับนำนำชำติให้เป็นชนิดกีฬำที่บรรจุอยู่ในเกม กำรแขง่ ขัน เช่น ฟุตบอล วอลเลยบ์ อล เทนนิส แบดมินตนั เกณฑส์ มรรถภาพทางกาย (Physical Fitness Reference) ค่ำมำตรฐำนท่ีได้กำหนดขึ้น (จำกกำรศึกษำวิจัยและกระบวนกำรสถิติ) เพ่ือเป็นดัชนีสำหรับประเมิน เปรียบเทียบว่ำบุคคลท่ีได้รับคะแนน หรือค่ำตัวเลข (เวลำ จำนวน คร้ัง น้ำหนัก ฯลฯ) จำกกำรทดสอบ สมรรถภำพทำงกำยแต่ละรำยกำรทดสอบนั้น มีสมรรถภำพทำงกำยตำมองค์ประกอบดังกล่ำวอยู่ในระดับ คณุ ภำพใด โดยท่ัวไปแลว้ นยิ มจดั ทำเกณฑใ์ น ๒ ลกั ษณะ คอื ๑. เกณฑ์ปกติ (Norm Reference) เป็นเกณฑ์ที่จัดทำจำกกำรศึกษำกลุ่มประชำกร ที่จำแนกตำม กลุ่มเพศและวัย เปน็ หลัก ส่วนใหญ่แล้วจะจดั ทำในลักษณะของเปอรเ์ ซ็นไทล์ ๒. เกณฑ์มำตรฐำน (Criterion Reference) เปน็ ระดบั คะแนนหรอื ค่ำมำตรฐำนที่กำหนดไว้ลว่ งหน้ำ สำหรับแตล่ ะรำย กำรทดสอบเพ่ือเป็นเกณฑ์กำรตัดสนิ ว่ำบุคคลท่ีรับกำรทดสอบสมรรถภำพหรอื ควำมสำมำรถ ผำ่ นตำมเกณฑ์ทไ่ี ด้กำหนดไว้หรือไม่ มไิ ด้เป็นกำรเปรยี บเทยี บกบั บคุ คลอ่นื ๆ ความคิดรวบยอดเกยี่ วกับการเคลอื่ นไหว (Movement Concepts) ควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งขนำด จงั หวะ เวลำ พ้นื ท่ี และทิศทำงในกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย ควำมเข้ำใจถึงควำมเก่ียวข้องเชื่อมโยง และควำมพอเหมำะพอดีระหว่ำงขนำดของแรงที่ใช้ ในกำร เคลอื่ นไหวรำ่ งกำยหรือวตั ถุ ด้วยห้วงเวลำ จังหวะและทิศทำงที่เหมำะสมภำยใต้ข้อจำกดั ของพื้นทที่ ่มี อี ยู่ และ สำมำรถแปรควำมเขำ้ ใจดงั กลำ่ วทั้งหมดไปสู่กำรปฏิบัติกำรเคล่ือนไหวในกำรเลน่ หรอื แขง่ ขันกฬี ำ ความเสี่ยงต่อสุขภาพ (Health Risk) กำรประพฤติปฏิบัติท่ีอำจนำไปสู่กำรเกิดอันตรำยต่อชีวิตและสุขภำพของตนเองและผู้อื่น เช่น กำรขับ รถเรว็ กำรกินอำหำรสุก ๆ ดิบ ๆ ควำมสำส่อนทำงเพศ กำรมนี ้ำหนักตัวเกิน กำรขำด กำรออกกำลังกำย กำรสบู บุหร่ี กำรด่มื สุรำ กำรใช้ยำและสำรเสพตดิ ค่านิยมทางสงั คม (Health Value) คุณสมบัติของส่ิงใดก็ตำม ซ่ึงทำให้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์น่ำสนใจ สิ่งท่ีบุคคลยึดถือในกำรตัดสินใจและ กำหนดกำรกระทำของตนเองเก่ียวกบั พฤติกรรมสุขภำพ หลักสตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ติ (คำสวัสด์ิรำษฎร์บำรุง) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพน้ื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๗๔ คุณภาพชีวิต (Quality of Life) ควำมรบั รู้หรือเข้ำใจของปจั เจกบุคคลที่มีตอ่ สถำนภำพชีวิตของตนเองภำยใตบ้ ริบทของระบบวัฒนธรรม และค่ำนิยมที่เขำใช้ชีวิตอยู่ และมีควำมเช่ือมโยงกับจุดมุ่งหมำย ควำมคำดหวัง มำตรฐำน รวมทั้งควำม กังวลสนใจที่เขำมีต่อสิ่งต่ำง ๆ คุณภำพชีวิตเป็นมโนคติที่มีขอบเขตกว้ำงขวำง ครอบคลุมเรื่องต่ำง ๆ ที่ สลบั ซับซ้อน ได้แก่ สขุ ภำพทำงกำย สภำวะทำงจิต ระดบั ควำมเป็นตัวของตัวเอง ควำมสมั พนั ธ์ตำ่ ง ๆ ทำง สังคม ควำมเชื่อสว่ นบคุ คล และสัมพันธภำพทดี่ ีตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม จติ วญิ ญาณในการแข่งขัน (Competitive Spiritual) ควำมมงุ่ มั่น กำรทุ่มเทกำลังกำย กำลังใจ ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขัน และร่วมมอื อย่ำงสันติ เต็มควำมสำมำรถ เพ่อื ใหไ้ ดม้ ำซึ่งผลทต่ี นเองตอ้ งกำร ทกั ษะชวี ติ (Life Skills) เป็นคุณลักษณะหรือควำมสำมำรถเชิงสังคมจิตวิทยำ (Psychosocial Competence) และเป็น ควำมสำมำรถทำงสติปัญ ญ ำ ท่ีทุกคนจำเป็นต้องใช้ในกำรเผชิญ สถำนกำรณ์ ต่ำง ๆ ท่ีเกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ สำมำรถพัฒนำขึ้นได้ด้วยกำรฝึกและกระทำซ้ำ ๆ ให้เกิดควำม คลอ่ งแคล่ว เคยชิน จนเป็นลกั ษณะนิสัย ประกอบดว้ ยทักษะต่ำง ๆ ดังน้ี คือ กำรรู้จักตนเอง เข้ำใจตนเอง และเห็นคุณค่ำของตนเอง กำรรู้จักคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณและคิดสร้ำงสรรค์ กำรรู้จักคิดตัดสินใจและ แก้ปัญหำ กำรรู้จกั แสวงหำและใชข้ ้อมูลควำมรู้ กำรส่ือสำรและกำรสรำ้ งสัมพันธภำพกับผู้อ่ืน กำรจัดกำรกับ อำรมณ์และควำมเครียด กำรปรับตัวท่ำมกลำงกำรเปล่ียนแปลง กำรตั้งเป้ำหมำย กำรวำงแผนและ ดำเนนิ กำรตำมแผน ควำมเหน็ ใจผอู้ ื่น ควำมรับผิดชอบต่อสงั คมและซำบซ้งึ ในส่ิงท่ีดีงำมรอบตวั ธงโภชนาการ (Nutrition Flag) เป็นเครื่องมือที่ช่วยอธิบำยและทำควำมเข้ำใจโภชนบัญญัติ ๙ ประกำร เพื่อนำไปสู่กำรปฏิบัติ โดย กำหนดเป็นภำพ “ธงปลำยแหลม” แสดงกลุ่มอำหำรและสัดส่วนกำรกินอำหำรในแต่ละกลุ่มมำกน้อยตำมพ้ืนที่ สังเกตได้ชัดเจนวำ่ ฐำนใหญ่ด้ำนบนเน้นให้กินมำกและปลำยธงข้ำงล่ำงบอกให้กินน้อย ๆ เท่ำท่ีจำเป็นโดยมีฐำน มำจำกขอ้ ปฏบิ ัตกิ ำรบริโภคอำหำรเพ่ือสุขภำพทีด่ ีของคนไทย หรือ โภชนบญั ญตั ิ ๙ ประกำร คอื ๑. กนิ อำหำรครบ ๕ หมู่ แต่ละหมใู่ ห้หลำกหลำยและหมน่ั ดแู ลนำ้ หนกั ตวั ๒. กินขำ้ วเปน็ อำหำรหลกั สลบั กบั อำหำรประเภทแป้งเปน็ บำงม้อื ๓. กนิ พืชผักให้มำกและกนิ ผลไมเ้ ป็นประจำ ๔. กินปลำ เน้ือสัตวไ์ ม่ตดิ มนั ไข่ และถัว่ เมล็ดแหง้ เป็นประจำ ๕. ดม่ื นมให้เหมำะสมตำมวัย ๖. กนิ อำหำรที่มไี ขมนั แต่พอควร ๗. หลกี เลี่ยงกำรกนิ อำหำรรสหวำนจัด และเค็มจดั ๘. กินอำหำรทส่ี ะอำด ปรำศจำกกำรปนเป้ือน ๙. งดหรือลดเครือ่ งดื่มท่มี แี อลกอฮอล์ หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นมิ ิต (คำสวัสด์ิรำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพน้ื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๗๕ น้าใจนกั กีฬา (Spirit) เป็นคุณ ธรรมประจำใจของกำรเล่นร่วมกัน อยู่ร่วมกัน และมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่ำงปกติสุขและมีประสิทธิภำพ พฤติกรรมท่ีแสดงถึงควำมมีน้ำใจนักกีฬำ เช่น กำรมีวินัย เคำรพกฎกติกำ รู้แพ้ รชู้ นะ รอู้ ภัย บริการสขุ ภาพ (Health Service) บรกิ ำรทำงกำรแพทย์และสำธำรณสุขท้ังของรัฐและเอกชน ประชาสงั คม (Civil Society) เค รือข่ ำย กลุ่ ม ช ม รม ส ม ำค ม มู ล นิ ธิ ส ถ ำบั น องค์ ก ร ห รือ ชุ ม ช น ที่ มี กิ จก รรม กำรเคล่ือนไหวทำงสงั คม เพ่ือประโยชน์ร่วมกนั ของกลุ่ม ผลติ ภณั ฑ์สุขภาพ (Health Products) ยำ เครอ่ื งสำอำง อำหำรสำเร็จรูป เครือ่ งปรงุ รสอำหำร อำหำรเสรมิ วติ ำมิน พฤตกิ รรมเบยี่ งเบนทางเพศ (Sex Abuse) กำรประพฤติปฏิบัติใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตำมธรรมชำติทำงเพศตนเอง เช่น มีจิตใจรกั ชอบในเพศเดียวกัน กำรแตง่ ตวั หรอื แสดงกริ ิยำเปน็ เพศตรงขำ้ ม พฤตกิ รรมสุขภาพ (Health Behaviour) กำรปฏิบัติหรือกิจกรรมใด ๆ ในด้ำนกำรป้องกัน กำรสร้ำงเสริม กำรรักษำและกำรฟ้ืนฟูสุขภำพ อนั มผี ลตอ่ สภำวะทำงสุขภำพของบุคคล พฤติกรรมเสีย่ ง (Risk Behaviour) รปู แบบจำเพำะของพฤติกรรม ซ่ึงได้รับกำรพิสูจน์แล้วว่ำ มีควำมสัมพันธ์กับกำรเพ่ิมโอกำส ท่ีจะป่วย จำกโรคบำงชนิดหรอื กำรเสื่อมสุขภำพมำกข้ึน พลังปัญญา (Empowerment) กระบวนกำรสร้ำงเสริมศักยภำพแก่บุคคลและชุมชนให้เป็นผู้สนใจใฝ่รู้ และมีอำนำจในกำรคิด กำร ตัดสินใจ กำรแก้ปัญหำด้วยชุมชนเองได้เป็นส่วนใหญ่ นอกจำกนั้นบุคคลและชุมชน ยังสำมำรถควบคุม สภำพแวดลอ้ มท่มี ผี ลกระทบต่อปญั หำสขุ ภำพใหอ้ ยู่ในสภำพท่ีเอื้อต่อกำรสรำ้ งเสรมิ และพัฒนำสุขภำพ หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชื นมิ ติ (คำสวัสด์ิรำษฎรบ์ ำรงุ ) พุทธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๗๖ ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition) กำรขำดสำรอำหำรทจี่ ำเป็นตอ่ กำรเจริญเตบิ โตและพัฒนำกำรของเด็ก ทำใหม้ ผี ลกระทบตอ่ สขุ ภำพ ภาวะผนู้ า (Leadership) กำรมีคุณลักษณะในกำรเป็นหัวหน้ำ สำมำรถชักชวนและชี้นำสมำชิกในกลุ่มร่วมมือร่วมใจกัน ปฏิบตั งิ ำนให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภูมิปญั ญาไทย (Thai Wisdom) สติปัญญำ องค์ควำมรู้และค่ำนิยมที่นำมำใช้ในกำรดำเนินชีวิตได้อย่ำงเหมำะสม เป็นมรดกทำง วัฒนธรรมท่ีเกิดจำกกำรส่ังสมประสบกำรณ์ ควำมรู้แขนงต่ำง ๆ ของบรรพชนไทยนับแต่อดีต สอดคล้องกับ วิถีชวี ิต ภมู ิปัญญำไทย จงึ มคี วำมสำคัญต่อกำรพฒั นำชวี ติ ควำมเปน็ อยขู่ องคนไทย ทั้งด้ำนเศรษฐกิจ สงั คม ลกั ษณะของภมู ิปัญญำไทย มีองคป์ ระกอบตอ่ ไปนี้ ๑. คติ ควำมเชอื่ ควำมคิด หลักกำรทเ่ี ปน็ พน้ื ฐำนขององค์ควำมรู้ที่เกิดจำกสง่ั สมถ่ำยทอดกันมำ ๒. ศลิ ปะ วฒั นธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ๓. กำรประกอบอำชพี ในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ที่ไดร้ บั กำรพัฒนำให้เหมำะสมกบั สมยั ๔. แนวคดิ หลักปฏิบตั ิ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นำมำใชใ้ นชุมชน ซึง่ เป็นอิทธิพลของควำมก้ำวหน้ำ ทำงวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ตัวอย่ำงภูมปิ ัญญำไทยที่เกี่ยวขอ้ งกบั สขุ ภำพ เชน่ กำรแพทย์แผนไทย สมนุ ไพร อำหำรไทย ยำไทย แรงขบั ทางเพศ (Sex Drive) แรงขับทเี่ กดิ จำกสญั ชำตญำณทำงเพศ ล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Abuse) กำรใช้คำพูด กำรจับ จูบ ลูบ คลำ และ / หรือร่วมเพศ โดยไม่ได้รับกำรยินยอมจำก ฝำ่ ยตรงข้ำม โดยเฉพำะกับผู้เยำว์ สติ (Conscious) ควำมร้สู กึ ตัวอยู่เสมอในกำรรับรู้ส่งิ ตำ่ ง ๆ กำรให้หลักกำรและเหตผุ ลในกำรป้องกัน ยับย้ังช่ังใจ และ ควบคุมตนเองเพ่ือไม่ให้คดิ ผดิ ทำง ไม่หลงลืม ไมเ่ ครียด ไม่ผดิ พลำด ก่อให้เกิดพฤตกิ รรมที่ถกู ต้อง ดงี ำม หลักสตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมิต (คำสวัสดริ์ ำษฎรบ์ ำรุง) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๗๗ สมรรถภาพกลไก (Motor Fitness) หรือสมรรถภาพเชิงทักษะปฏิบัติ (Skill - Related Physical Fitness) ควำมสำมำรถของร่ำงกำยท่ีชว่ ยให้บุคคลสำมำรถประกอบกิจกรรมทำงกำย โดยเฉพำะอยำ่ งย่ิงกำรเล่น กฬี ำไดด้ ี มีองคป์ ระกอบ ๖ ดำ้ น ดังน้ี ๑. ควำมคล่อง (Agility) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเปล่ียนทิศทำงกำรเคล่ือนที่ได้อย่ำงรวดเร็ว และสำมำรถควบคมุ ได้ ๒. กำรทรงตัว (Balance) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรรักษำดุลของร่ำงกำยเอำไว้ได้ ทัง้ ในขณะอยูก่ ับท่ีและเคลื่อนที่ ๓. กำรประสำนสัมพันธ์ (Co – ordination) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเคล่ือนไหวได้อย่ำง รำบรน่ื กลมกลืน และมีประสิทธิภำพ ซึ่งเปน็ กำรทำงำนประสำนสอดคล้องกนั ระหวำ่ งตำ-มือ-เท้ำ ๔. พลังกล้ำมเนื้อ (Power) หมำยถึง ควำมสำมำรถของกล้ำมเนื้อส่วนหน่ึงส่วนใดหรือ หลำย ๆ ส่วนของร่ำงกำยในกำรหดตัวเพ่ือทำงำนด้วยควำมเร็วสูง แรงหรืองำนท่ีได้เป็นผลรวมของควำมแข็งแรงและ ควำมเรว็ ทใ่ี ช้ในช่วงระยะเวลำน้ัน ๆ เชน่ กำรยนื อยู่กับที่ กระโดด กำรทมุ่ น้ำหนัก เป็นตน้ ๕. เวลำปฏิกิริยำตอบสนอง (Reaction time) หมำยถึง ระยะเวลำที่ร่ำงกำยใช้ในกำรตอบสนองต่อส่ิง เร้ำต่ำง ๆ เชน่ แสง เสียง สมั ผสั ๖. ควำมเร็ว (Speed) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเคลื่อนท่ีจำกที่หน่ึงไปยังอีกหนึ่งได้อย่ำง รวดเร็ว สมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness) ควำมสำมำรถของระบบต่ำง ๆ ของร่ำงกำย ในกำรทำงำนอย่ำงมีประสิทธิภำพและประสิทธิผล บคุ คลท่มี ีสมรรถภำพทำงกำยดีนั้นจะสำมำรถประกอบกจิ กรรมในชวี ิตประจำวันได้อยำ่ งกระฉับกระเฉง โดยไม่ เหน่ือยลำ้ จนเกนิ ไปและยังมพี ลังงำนสำรองมำกพอ สำหรบั กิจกรรมนนั ทนำกำรหรือกรณีฉุกเฉิน ในปัจจุบันนัก วชิ ำชีพด้ำนสุขศึกษำและพลศึกษำไดเ้ ห็นพ้องต้องกันว่ำ สมรรถภำพทำงกำยสำมำรถจัดกลุ่มได้เป็นสมรรถภำพ ทำงกำยเพ่ือสุขภำพ (Health – Related Physical Fitness) และหรือสมรรถภำพกลไก (Motor Fitness) สมรรถภำพเชิงทักษะปฏบิ ตั ิ (Skill – Related Physical Fitness) สมรรถภาพทางกายเพอ่ื สุขภาพ (Health – Related Physical Fitness) ควำมสำมำรถของระบบต่ำง ๆ ในร่ำงกำยประกอบดว้ ย ควำมสำมำรถเชงิ สรรี วิทยำด้ำนตำ่ ง ๆ ที่ชว่ ย ปอ้ งกันบุคคลจำกโรคทีม่ ีสำเหตุจำกภำวะกำรขำดกำรออกกำลังกำย นับเปน็ ปัจจบุ ันหรอื ตัวบ่งชี้สำคัญของกำรมี สุขภำพดี ควำมสำมำรถหรือสมรรถนะเหล่ำน้ี สำมำรถปรับปรุงพัฒนำและคงสภำพได้ โดยกำรออกกำลังกำย อย่ำงสมำ่ เสมอ สมรรถภำพทำงกำยเพอื่ สขุ ภำพมอี งค์ประกอบดงั นี้ ๑. องค์ประกอบของร่ำงกำย (Body Composition) ตำมปกติแล้วในร่ำงกำยมนุษย์ประกอบด้วย กล้ำมเนื้อ กระดูก ไขมัน และส่วนอ่ืน ๆ แต่ในส่วนของสมรรถภำพทำงกำยน้ัน หมำยถึง สัดส่วนปริมำณ ไขมนั ในรำ่ งกำยกบั มวลรำ่ งกำยท่ปี รำศจำกไขมนั โดยกำรวัดออกมำเปน็ เปอร์เซน็ ต์ไขมนั (% fat) ดว้ ยเครอื่ ง หลักสตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ดิ์รำษฎร์บำรงุ ) พุทธศักรำช 2564 ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พนื้ ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑
๗๘ ๒. ควำมทนทำนของระบบไหลเวียนโลหิต (Cardiorespiratory Endurance) หมำยถึง สมรรถนะเชงิ ปฏิบัติ ของระบบไหลเวียนโลหิต (หัวใจ หลอดเลือด) และระบบหำยใจในกำรลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ำมเน้ือ ทำใหร้ ำ่ งกำยสำมำรถยืนหยดั ทีจ่ ะทำงำนหรอื ออกกำลงั กำยทใี่ ชก้ ล้ำมเน้ือมัดใหญ่เปน็ ระยะเวลำยำวนำนได้ ๓. ควำมอ่อนตัวหรือควำมยืดหยุ่น (Flexibility) หมำยถึง พิสัยของกำรเคล่ือนไหวสูงสุดเท่ำที่จะทำ ได้ของขอ้ ตอ่ หรือกลุม่ ข้อต่อ ๔. ควำมทนทำนหรือควำมอดทนของกล้ำมเนื้อ (Muscular Endurance) หมำยถึง ควำมสำมำรถ ของกลำ้ มเนอ้ื มดั ใดมดั หน่ึงหรือกล่มุ กลำ้ มเนอื้ ในกำรหดตัวซ้ำ ๆ เพอ่ื ต้ำนแรงหรอื ควำมสำมำรถในกำรคงสภำพ กำรหดตัวครง้ั เดียวไดเ้ ป็นระยะเวลำยำวนำน ๕. ควำมแข็งแรงของกล้ำมเน้ือ (Muscular Strength) หมำยถึง ปริมำณสูงสุดของแรง ที่กลำ้ มเน้ือ มดั ใดมดั หน่งึ หรอื กลุ่มกลำ้ มเนื้อสำมำรถออกแรงตำ้ นทำนได้ ในชว่ งกำรหดตัว ๑ ครั้ง สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ (National Health Disciplines) ข้อกำหนดที่เด็กและเยำวชน ตลอดจนประชำชนทั่วไป พึงปฏิบัติอย่ำงสม่ำเสมอ จนเป็นสุขนิสัย เพ่อื ใหม้ ีสขุ ภำพดีทงั้ รำ่ งกำย จิตใจ และสงั คม ซงึ่ กำหนดไว้ ๑๐ ประกำร ดงั นี้ ๑. ดูแลรกั ษำร่ำงกำยและของใชใ้ ห้สะอำด ๒. รกั ษำฟันใหแ้ ขง็ แรงและแปรงฟันทุกวนั อย่ำงถูกต้อง ๓. ล้ำงมือใหส้ ะอำดกอ่ นกนิ อำหำรและหลังกำรขับถำ่ ย ๔. กินอำหำรสุก สะอำด ปรำศจำกสำรอันตรำย และหลีกเล่ียงอำหำรรสจัด สฉี ูดฉำด ๕. งดบุหร่ี สุรำ สำรเสพติด กำรพนัน และกำรสำส่อนทำงเพศ ๖. สรำ้ งควำมสมั พนั ธ์ในครอบครวั ให้อบอุ่น ๗. ป้องกันอบุ ัตภิ ยั ดว้ ยกำรไมป่ ระมำท ๘. ออกกำลังกำยสมำ่ เสมอและตรวจสขุ ภำพประจำปี ๙. ทำจิตใจให้ร่ำเรงิ แจม่ ใสอยเู่ สมอ ๑๐.มีสำนึกต่อสว่ นรวม ร่วมสร้ำงสรรค์สงั คม สขุ ภาพ (Health) สุขภำวะ (Well – Being หรือ Wellness) ท่ีสมบูรณ์และเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่ำงสมดุลท้ังมิติ ทำงจิตวิญญำณ (มโนธรรม) ทำงสังคม ทำงกำย และทำงจิต ซึ่งมิได้หมำยถึงเฉพำะควำมไม่พิกำรและควำม ไม่มโี รคเทำ่ น้นั สุนทรยี ภาพของการเคล่อื นไหว (Movement Aesthetic) ศิลปะและควำมงดงำมของท่วงท่ำในกำรเคล่ือนไหวร่ำงกำยในอิริยำบถต่ำง ๆ ซึ่งเป็นผลมำจำก ควำมคิดสร้ำงสรรค์ในกำรออกแบบท่ำทำงกำรเคล่ือนไหวและกำรฝึกฝนจนเกิดควำมชำนำญ สำมำรถแสดง ออกมำเปน็ ควำมกลมกลืนและต่อเน่ือง หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชื นิมติ (คำสวัสด์ิรำษฎรบ์ ำรุง) พุทธศกั รำช 2564 ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
๗๙ แอโรบกิ (Aerobic) กระบวนกำรสร้ำงพลังงำนแบบต้องใช้อำกำศ ซ่ึงในที่นี้ หมำยถึง ออกซิเจน (Aerobic -energe delivery) ในกำรสร้ำงพลังงำนของกลำ้ มเนื้อ เพอื่ ทำงำนหรอื เคลื่อนไหว นน้ั กลำ้ มเนื้อจะมวี ิธีกำร ๓ แบบ ท่จี ะไดพ้ ลงั งำนมำ แบบที่ ๑ เปน็ กำรใช้พลงั งำนทมี่ ีสำรองอยูใ่ นกลำ้ มเนอ้ื ซึ่งจะใช้ได้ในเวลำไม่เกิน ๓ วนิ ำที แบ บ ที่ ๒ ก ำรสั งเค รำะห์ พ ลังงำน โด ย ไม่ ใช้ อ อก ซิ เจน (Anaerobic energy delivery) ซึง่ ใชไ้ ด้ไม่เกิน ๑๐ วนิ ำที แบบท่ี ๓ กำรสังเครำะห์สำรพลงั งำน โดยใช้ออกซิเจน ซง่ึ จะใชพ้ ลงั งำนได้ระยะเวลำนำน หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพืชนมิ ิต (คำสวสั ด์ริ ำษฎรบ์ ำรงุ ) พทุ ธศักรำช 2564 ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑
๘๐ หลักสตู รโรงเรยี นวดั พืชนิมิต (คำสวัสดริ์ ำษฎรบ์ ำรุง) พทุ ธศกั รำช 2564 ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑
Search