แบบทดสอบวชิ า ธุรกิจและการเป็ นผ้ปู ระกอบการ 1. ความรู้ทั่วไปเกยี่ วกับธุรกจิ 1 ธุรกิจหมายถึงขอ้ ใด 1. การจดั ต้งั องคก์ รหรือกิจการ 2. กระบวนการนาทรพั ยากรธรรมชาตผิ า่ นกรรมวธิ ีการผลิต 3. ความตอ้ งการซ้ือของผบู้ ริโภค 4. การดาเนินงานโดยกลุ่มบคุ คลท่ีมีความตอ้ งการคลา้ ยคลึงกนั 5. กิจการการโอนยา้ ยสินคา้ และบริการ 2 ขอ้ ใดเป็นความสาคญั ของธุรกิจ 1. สร้างความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี 2. เพมิ่ ผลประโยชน์หรือกาไร 3. เพอ่ื สรา้ งความมนั่ คงใหก้ ิจการ 4. เพอ่ื พฒั นาผลิตภณั ฑแ์ ละธุรกิจ 5. เพอ่ื ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลง 3 องคป์ ระกอบธุรกิจขอ้ ใดเป็นหวั ใจสาคญั ในการดาเนินธุรกิจ 1. การเงิน 2. การผลิต 3. การตลาด 4. การคา้ ปลีก 5. การคา้ ส่ง 4 กลุม่ บุคคลทม่ี ีความสาคญั มากตอ่ ธุรกิจคือขอ้ ใด 1. ผขู้ าย 2. รฐั บาล 3. ผซู้ ้ือ 4. ลูกจา้ ง 5. ผลู้ งทนุ
2. รูปแบบและลกั ษณะของการประกอบธุรกิจ 5. การทบ่ี ุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป ตกลงทาสญั ญาร่วมลงทนุ ร่วมกนั ตรงกบั รูปแบบขอ้ ใด 1. กิจการเจา้ ของคนเดียว 2. หา้ งหุน้ ส่วน 3. บริษทั 4. สหกรณ์ 5. รฐั วสิ าหกิจ 6. “ชาวเรือออกทะเลหาปลา” จดั เป็นลกั ษณะประกอบการขอ้ ใด 1. การผลิตสินคา้ 2. การก่อสรา้ ง 3. การผลิตวตั ถุดิบ 4. การเกษตรกรรม 5. การคมนาคมและการขนส่ง 7. ขอ้ ใดคือหน่วยงานรัฐวสิ าหกิจ 1. กรมสรรพากร 2. กรมสรรพสามิต 3. กรมประชาสมั พนั ธ์ 4. สานกั งานพาณิชยจ์ งั หวดั 5. สานกั งานสลากกินแบ่งรัฐบาล 8. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเป็ นการประกอบธุรกิจแบบเจา้ ของคนเดียว 1. นางสาววนั ดีขายขา้ วมนั ไก่ 2. นายฝันดีขายไก่ยา่ งหา้ ดาว 3. นางสาวแอนขายก๋วยเต๋ยี วชายส่ีบะหมี่เก๊ียว 4. จุ๋มขายก๋วยเต๋ยี วลูกชิ้นแชมป์ 5. ธนากรเป็นเจา้ ของร้านเซเวน่ อีเลฟเวน่
9. ขอ้ เสียของการประกอบการโดยหา้ งหุน้ ส่วนสามญั 1. รับผดิ ชอบในหน้ีสินไม่จากดั 2. รับผดิ ชอบในหน้ีจากดั 3. การเจริญเตบิ โตของธุรกิจไม่มีขอบเขต 4. การตดั สินใจงา่ ย 5.การเพมิ่ เงินลงทนุ ทาไดง้ า่ ย 3. แนวคดิ การเป็ นผู้ประกอบการ 10. ความหมายของการประกอบการขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง 1. บคุ คลที่จดั ต้งั องคก์ รธุรกิจ โดยยอมรับความเสี่ยงภยั เพอ่ื หวงั ผลกาไร 2. การจดั ต้งั องคก์ รหรือกิจการเพอื่ ดาเนินการผลิต การจาหน่าย และการใหบ้ ริการ โดยนา ปัจจยั ตา่ งๆมาลงทนุ 3. การกระทากิจกรรมของมนุษยอ์ ยา่ งตอ่ เนื่องกนั เก่ียวกบั การผลิต การจาหน่าย 4. ผทู้ ีม่ ีความคิดทจ่ี ะดาเนินธุรกิจโดยการก่อต้งั ธุรกิจข้ึนมา 5. กลุ่มบุคคลหรือนิตบิ ุคคลร่วมมือกนั ทางานในการผลิต 11. คุณสมบตั ขิ องผปู้ ระกอบการที่สาคญั ท่ีสุดคือขอ้ ใด 1. ความชอบธุรกิจ 2. ความรูใ้ นธุรกิจ 3. ความต้งั ใจที่จะทา 4. มีภาวะผนู้ า 5. มีการพฒั นาตนเอง 12. ขอ้ ใดจดั เป็นจรรยาบรรณต่อลูกคา้ 1. ตอ้ งเปิ ดเผยขอ้ มูล ตรงไปตรงมา 2. ไม่นาเสนอข่าวสารท่ีไม่เป็นความจริงสาหรบั สินคา้ 3. ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่เอาเปรียบธุรกิจขนาดเล็ก 4. ละเวน้ การประกอบธุรกิจทีท่ าใหส้ งั คมเสื่อม 5. ยดึ หลกั ปรองดองยตุ ธิ รรม ไม่เลือกปฏบิ ตั ิ
13. “การขายตดั ราคา” ขดั กบั จรรยาบรรณของผปู้ ระกอบการขอ้ ใด 1. จรรยาบรรณตอ่ ผถู้ ือหุน้ 2. จรรยาบรรณต่อลูกคา้ 3. จรรยาบรรณตอ่ คูแ่ ขง่ ขนั 4. จรรยาบรรณตอ่ พนกั งาน 5. จรรยาบรรณตอ่ รัฐบาล 14. “กาแฟลดน้าหนกั เพรียว สามารถลดน้าหนกั ได้ 5 กิโลกรัม ภายใน 1 สปั ดาห”์ ขดั กบั จรรยาบรรณของผปู้ ระกอบการขอ้ ใด 1. จรรยาบรรณตอ่ ผถู้ ือหุน้ 2. จรรยาบรรณต่อลูกคา้ 3. จรรยาบรรณตอ่ คู่แข่งขนั 4. จรรยาบรรณต่อพนกั งาน 5. จรรยาบรรณต่อรัฐบาล 4. บทบาทและหน้าท่ีขององค์กรธุรกจิ 15. ผปู้ ระกอบการทมี่ ีความสามารถในการคดั เลือกพนกั งานไดเ้ หมาะสมกบั ตาแหน่งงาน คอื ขอ้ ใด 1. นายกลา้ สาเร็จการศึกษาดา้ นช่างกลทางานตาแหน่งบญั ชี 2. นายดา สาเร็จการศกึ ษาดา้ นบญั ชีทางานตาแหน่งพมิ พด์ ีด 3. นางสาวล้ินจี่ สาเร็จการศกึ ษาดา้ นเลขานุการทางานตาแหน่งหนา้ หอ้ งผอู้ านวยการ 4. นางสาวมะยม สาเร็จการศึกษาดา้ นคหกรรมทางานตาแหน่งเจา้ หนา้ ทีธ่ ุรการ 5. นางสาวน้าผ้งึ สาเร็จการศกึ ษาดา้ นการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ทางานตาแหน่งบญั ชี
16. สถาบนั ที่มีคนต้งั แต่ 2 คนข้นึ ไปทางานร่วมกนั โดยมีวตั ถุประสงคเ์ ดียวกนั มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด 1. การจดั การ 2. การจดั องคก์ าร 3. องคก์ าร 4. สถาบนั 5. การบริการ 17. การนาวตั ถุดิบหรือทรัพยากรธรรมชาติมาแปรสภาพตรงกบั ขอ้ ใด 1. หนา้ ทผี่ ลิต 2. หนา้ ท่ีผลิตภณั ฑ์ 3. หนา้ ท่กี ารจดั จาหน่าย 4. หนา้ ทก่ี ารกระจายรายได้ 5. หนา้ ท่กี ารตลาด 18. ขอ้ ใดไม่ใช่บทบาทขององคก์ รธุรกิจ 1. ยกมาตรฐานการครองชีพ 2. นาเทคโนโลยใี หม่พฒั นาผลิตภณั ฑ์ 3. ช่วยเหลือสงั คม 4. เศรษฐกิจเตบิ โตเจริญกา้ วหนา้ 5. มีความสามารถในการบริหารงาน 19. โครงสร้างองคก์ รทม่ี ีประสิทธิภาพสาหรบั ธุรกิจขนาดเล็กคือขอ้ ใด 1. โครงสร้างแบง่ ตามหนา้ ท่ี 2. โครงสร้างแบ่งตามสายผลิตภณั ฑ์ 3. โครงสรา้ งแบบสายงานหลกั 4. โครงสรา้ งแบบสายการบงั คบั บญั ชา 5. โครงสร้างแบบแมททริกซ์
20. การบริหาร (Administration) ท่เี ป็นระดบั การกาหนดนโยบายมกั นิยมใชส้ าหรบั การบริหารงาน ประเภทใด 1. ธุรกิจเอกชน 2. หน่วยงานราชการ 3. วดั 4. มูลนิธิ 5. สมาคม 21. ผทู้ ่ที าหนา้ ทใ่ี นการบริหารจดั การแบ่งออกไดเ้ ป็นกี่ระดบั 1. 5 ระดบั 2. 4 ระดบั 3. 3 ระดบั 4. 2 ระดบั 5. 1 ระดบั 22. โครงสรา้ งองคก์ รแบง่ ออกเป็ นกี่ลกั ษณะ 1. 1 ลกั ษณะ 2. 2 ลกั ษณะ 3. 3 ลกั ษณะ 4. 4 ลกั ษณะ 5. 5 ลกั ษณะ 23. การหา้ มสูบบุหรี่ขณะปฏิบตั ิงานในโรงงานอุตสาหกรรม คอื ขอ้ ใด 1. Authority 2. Power 3. Rules 4. Accountability 5. Security
24. การกาหนดทางในการดาเนินงานและกิจกรรมล่วงหนา้ ตามเป้ าหมายขององคก์ ารคือขอ้ ใด 1. Planning 2. Organizing 3. Directing 4. Staffing 5.Controlling 25. ขอ้ ใดต่อไปน้ี คอื สิทธิทจี่ ะออกคาสง่ั ในการบริหารงาน 1. กฎ 2. อานาจ 3. อานาจหนา้ ท่ี 4. อานาจบารมี 5. ภาระหนา้ ที่ 5. ปรัชญาและจริยธรรมในการประกอบธุรกจิ 26. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็น “จริยธรรมของผปู้ ระกอบการทม่ี ีตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม” 1. การบาบดั น้าเสียก่อนการปล่อยลงสู่แม่น้า ลาคลอง 2. การใหค้ วามร่วมมือในการแข่งขนั ในทางทเ่ี ป็นประโยชน์ 3. การปฏบิ ตั ิตามขอ้ กาหนดของกฎหมาย 4. การเอาใจใส่ในสวสั ดิการของบุคลากรในองคก์ ร 5. การละเวน้ การติดสินบนเจา้ พนกั งานเพอื่ อานวยความสะดวก 27. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็นจริยธรรมของผปู้ ระกอบการ 1. มีความอดทนและขยนั 2. มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน 3. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม 4. มีเหตผุ ลในการตดั สินใจ 5. มีความคดิ รวบยอดท่ีดีเยย่ี ม
28. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็นจริยธรรมของนกั ธุรกิจต่อคแู่ ข่งขนั 1. จาหน่ายสินคา้ ท่มี ีคุณภาพกวา่ คู่แข่งขนั ในราคาแพง 2. จาหน่ายสินคา้ ที่ดอ้ ยคุณภาพกวา่ คู่แข่งขนั ในราคาแพง 3. ละเวน้ การใหค้ วามร่วมมือในการทาธุรกิจ 4. ละเวน้ การกลน่ั แกลง้ ใหร้ า้ ยป้ ายสี คูแ่ ข่งขนั 5. เปิ ดเผยขอ้ มูลของคู่แข่งขนั 29. ขายสินคา้ และบริการในราคาท่ียตุ ธิ รรม เป็นจริยธรรมของใคร 1. จริยธรรมของนกั ธุรกิจต่อคูแ่ ข่งขนั 2. จริยธรรมของนกั ธุรกิจตอ่ ลูกคา้ 3. จริยธรรมของนกั ธุรกิจต่อพนกั งาน 4. จริยธรรมของนกั ธุรกิจตอ่ สงั คม 5. จริยธรรมของนกั ธุรกิจต่อผปู้ ระกอบธุรกิจ 6. แผนธุรกจิ เบือ้ งต้น 30. “แผนธุรกิจ” หมายถึงอะไร 1. การกาหนดแนวทางในการดาเนินงานทางการตลาด 2. เครื่องมือที่ผปู้ ระกอบการใชก้ าหนดข้นั ตอนวางแผนการดาเนินธุรกิจอยา่ งมีระบบ 3. สิ่งท่ที าใหผ้ อู้ ่านมองเห็นลกั ษณะของโครงการโดยรวมภายในเวลาจากดั 4. เป็ นการตรวจสอบความสามารถ ความพรอ้ มของกิจการในดา้ นต่างๆ 5. แนวคดิ หลกั ขององคก์ ารเพอ่ื กาหนดแผนระยะยาวท่ชี ดั เจนของธุรกิจ 31. การพบขอ้ ผดิ พลาดนาไปแกไ้ ขปรับปรุงได้ ตรงกบั ลกั ษณะการจดั ทาแผนธุรกิจขอ้ ใด 1. เป็นเครื่องมือควบคุมการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพ 2. เป็ นเคร่ืองมือในการแสวงหาเงินทุนจากแหล่งเงินทนุ 3. มีเป้ าหมายการดาเนินงานชดั เจน 4. แผนธุรกิจสามารถวดั ผลสาเร็จได้ 5. แนวทางหรือรายละเอียดในการดาเนินงาน
32. “ภายใน 1 เดือน จาหน่ายได้ 300,000 บาท” ตรงกบั วตั ถุประสงคข์ อ้ ใด 1. วตั ถุประสงคต์ อ้ งสามารถวดั ผลได้ 2. วตั ถุประสงคต์ อ้ งเป็นทย่ี อมรับของสงั คม 3. วตั ถุประสงคข์ องโครงการตอ้ งมีสิ่งจงู ใจ 4. วตั ถุประสงคไ์ ม่ควรมากเกินไป 5. วตั ถุประสงคท์ ี่ดีตอ้ งมีความยดื หยนุ่ 33. ส่วนสาคญั ท่สี ุดของแผนธุรกิจคือขอ้ ใด 1. บทสรุปของผบู้ ริหาร 2. แนวคิดธุรกิจ 3. กลุ่มตลาดเป้ าหมาย 4. การวเิ คราะห์สถานการณ์ทางการตลาด 5. แผนการตลาด 34. “ผบู้ ริโภครกั ษส์ ุขภาพ” จดั เป็นสถานการณ์ขอ้ ใดของผลิตภณั ฑเ์ พอ่ื สุขภาพ 1. จดุ แขง็ 2. จดุ อ่อน 3. โอกาส 4. อุปสรรค 5. กลยทุ ธท์ างการตลาด 35. ขอ้ ใดจดั เป็นการวเิ คราะห์ปัจจยั ภายนอก 1. ผลิตภณั ฑ์ 2. การเงิน 3. โครงสรา้ งองคก์ าร 4. แนวโนม้ เศรษฐกิจ 5. ทรพั ยากรท่ใี ชใ้ นการบริหาร
36. “คู่แข่งขนั เพมิ่ มากข้นึ ”จดั เป็นการวเิ คราะห์ SWOT ขอ้ ใด 1. จดุ แขง็ 2. จุดอ่อน 3. โอกาส 4. อุปสรรค 5. ส่ิงแวดลอ้ ม 37. กลยทุ ธด์ า้ นผลิตภณั ฑต์ รงกบั ขอ้ ใด 1. จดั ทาขวดนมเดก็ เป็นรูปตวั การ์ตนู 2. ซ้ือแชมพแู ถมครีมนวด 3. จาหน่ายสินคา้ ทางเวป็ ไซต์ 4. สินคา้ ราคาถูกทุกวนั 5. พนกั งานขายอธิบายรายละเอียดผลิตภณั ฑ์ 7. กฎหมายและภาษที เี่ ก่ียวข้องกับการประกอบธุรกจิ 38. ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ งเก่ียวกบั การจดั ต้งั บริษทั จากดั 1. เป็ นลกั ษณะการประกอบการซ่ึงมีผถู้ ือหุน้ ต่ากวา่ 100 คนและไม่เกิน 7 คน 2. แตล่ ะคนถอื หุน้ มากนอ้ ยเทา่ ใดกไ็ ด้ แต่ตอ้ งไม่นอ้ ยกวา่ 2 หุน้ 3. ตอ้ งมีการทาหนงั สือบริคณห์สนธิ 4. ผเู้ ริ่มก่อการและผเู้ ขา้ ชื่อซ้ือหุน้ ใหช้ าระเงนิ คา่ หุน้ มาอยา่ งนอ้ ย 25% ของมูลค่าหุน้ 5. เมื่อไดร้ บั ชาระค่าหุน้ ครบตามจานวนแลว้ ตอ้ งจดทะเบยี นภายใน 90 วนั 39. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็นความหมายของภาษอี ากร 1. สิ่งที่รัฐบาลบงั คบั เก็บจากราษฎร เพอื่ ใชเ้ ป็ นประโยชนส์ ่วนรวม 2. เป็ นภาษที ่จี ดั เกบ็ จากประชาชนคดิ เป็นรอ้ ยละ 30 ของรายได้ 3. เป็ นการรายงานภาษอี ากรต่อเจา้ พนกั งานก่อนวนั ท่ี 30 กนั ยายนของทุกปี 4. เป็ นภาษีธุรกิจเฉพาะ 5. เป็ นการประกอบกิจการซ้ือขายและบริการ
40. กิจการใดต่อไปน้ีที่ไดร้ ับการยกเวน้ ภาษมี ูลคา่ เพม่ิ 1. กิจการขายสินคา้ และบริการไม่เกิน 1 ลา้ นบาทตอ่ ปี 2. กิจการขายสินคา้ และบริการไม่เกิน 1.8 ลา้ นบาทตอ่ ปี 3. กิจการขายสินคา้ และบริการไม่เกิน 2 ลา้ นบาทตอ่ ปี 4. กิจการขายสินคา้ และบริการไม่เกิน 2.5 ลา้ นบาทต่อปี 5. กิจการขายสินคา้ และบริการไม่เกิน 3 ลา้ นบาทต่อปี 41. การจา้ งแรงงานตอ้ งทาอยา่ งไรจึงจะสมบรู ณ์ 1. ทาสญั ญาจา้ งโดยลงลายมือชื่อเป็นสาคญั 2. เม่ือทาสญั ญาแลว้ ตอ้ งติดอากรแสตมป์ ใหเ้ รียบรอ้ ย 3. เขา้ ใจถูกตอ้ งตรงกนั และตกลงดว้ ยวาจา 4. ตอ้ งมีการยกเลิกสญั ญาก่อนการเลิกจา้ ง 1 ช่วงระยะเวลาการจ่ายค่าจา้ ง 5. ทาสญั ญาโดยกาหนดระยะเวลาใหช้ ดั เจน 42. รา้ นรามคา้ ปลีก มียอดซ้ือสินคา้ ประจาเดือนมิถุนายน 2548 จานวน 50,000 บาท ยอดขายสินคา้ 70,000 บาท อตั ราภาษีมูลคา่ เพม่ิ 7 % ดงั น้นั รา้ นรามคา้ ปลีกจะตอ้ งชาระเงนิ ภาษีมูลคา่ เพม่ิ หรือ ไดร้ บั คืนเงนิ ภาษีจานวนเทา่ ใด 1. ชาระเพมิ่ 1,350 บาท 2. ชาระเพมิ่ 1,400 บาท 3. ชาระเพมิ่ 1,450 บาท 4. ไดร้ บั คนื 1,350 บาท 5. ไดร้ บั คืน 1,400 บาท
43. รา้ นเสริมสวยชลดาจ่ายค่าวสั ดุส้ินเปลืองและค่าใชจ้ า่ ยต่างๆที่เสียภาษีมูลคา่ เพม่ิ เป็ นเงิน 65,000 บาท รายไดค้ ่าบริการมีจานวน 45,000 บาท อตั ราภาษมี ูลค่าเพม่ิ 7% ดงั น้นั รา้ นเสริมสวยชลดา จะตอ้ งชาระเงินภาษมี ูลค่าเพมิ่ หรือไดร้ ับคนื เงนิ ภาษจี านวนเท่าใด 1. ชาระเพม่ิ 1,400 บาท 2. ชาระเพม่ิ 1.410 บาท 3. ชาระเพมิ่ 1,420 บาท 4. ไดร้ ับคืน 1,400 บาท 5. ไดร้ ับคนื 1,410 บาท 44. เงนิ ไดพ้ งึ ประเมิน มาตรา 40 (1) คือขอ้ ใด 1. เงนิ เดือน และค่าจา้ งแรงงาน 2. ค่าธรรมเนียม 3. คา่ นายหนา้ 4. คา่ ส่วนลด 5. ดอกเบ้ียพนั ธบตั ร 45. ภาษมี ูลค่าเพม่ิ ตรงกบั ขอ้ ใด 1. VET 2. VAT 3. TAX 4. TEX 5. VAX 46. ตาม พ.ร.บ.คุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เวลาทางานปกติในหน่ึงสปั ดาหไ์ ม่เกินกี่ชวั่ โมง 1. 32 ชวั่ โมง 2. 36 ชวั่ โมง 3. 42 ชว่ั โมง 4. 46 ชว่ั โมง 5. 48 ชวั่ โมง
47. ขอ้ ใดต่อไปน้ีกล่าวไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั การจา้ งแรงงานเด็กอายตุ ่ากวา่ 18 ปี 1. แจง้ การจา้ งแรงงานตอ่ พนกั งานตรวจแรงงานภายใน 15 วนั 2. จดั ทาบนั ทกึ สภาพการจา้ งไว้ ณ สถานประกอบการ 3. แจง้ การเลิกจา้ งต่อพนกั งานตรวจแรงงานภายใน 7 วนั 4. แจง้ การเลิกจา้ งตอ่ พนกั งานตรวจแรงงานภายใน 15 วนั 5. แจง้ ตอ่ พนกั งานตรวจแรงงานทกุ คร้งั ทม่ี ีการเปล่ียนแปลงสภาพการจา้ ง 8. การดาเนินธุรกิจตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 48. ขอ้ ใดเป็นความหมายของความพอเพยี ง 1. แนวทางการดาเนินชีวติ โดยเนน้ ความอดทน ความเพยี ร และความรอบคอบ 2. การตดั สินใจในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจทอ่ี ยใู่ นระดบั พอเพยี ง 3. ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงมีพฤตกิ รรมคุม้ กนั ทด่ี ี 4. ความพอดี ไม่มากเกินไป ไม่นอ้ ยเกินไป 5. การเตรียมความพรอ้ มเพอื่ รับผลกระทบที่คาดวา่ จะเกิดข้นึ 49. นกั เรียนออมเงนิ ดว้ ยการฝากธนาคารทกุ เดือนตรงกบั ขอ้ ใด 1. ความพอเพยี ง 2. ความพอประมาณ 3. ความมีเหตุผล 4. การมีภมู ิคมุ้ กนั ทดี่ ี 5. ความรอบคอบ 50. นกั เรียนจดั ทา”โครงการจาหน่ายขนมปังปิ้ ง” โดยเลือกขนมปังทม่ี ีคุณภาพมาจาหน่าย ตรงกบั การนาหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งขอ้ ใด 1. ความพอประมาณ 2. ความมีเหตผุ ล 3. การมีภมู ิคุม้ กนั ทดี่ ี 4. การมีคุณธรรม 5. การมีความรู้
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: