Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มาเลเซีย-malaysia

มาเลเซีย-malaysia

Description: มาเลเซีย-malaysia

Search

Read the Text Version

(Social Insurance) การประกนั สขุ ภาพส่วนบคุ คล (Private Health Insurance) และการจ่ายส่วนตัว (Out-of-Pocket Payments) มกี ารใหบ้ รกิ ารแบบครอบคลมุ ทงั้ หมดโดยภาครฐั และเอกชน (Universal Provision by Public and Private Sectors) เหมือนประเทศอ่ืนๆ ในเครอื จกั รภพ (Commonwealth) ซงึ่ จดั บรกิ ารโดยภาครฐั และเอกชน โดยภาครัฐเน้นการให้บริการสาธารณสุขและการป้องกันโรค รวมท้ัง การรกั ษาตง้ั แตร่ ะดบั ปฐมภมู จิ นถงึ ตตยิ ภมู ิ ส�ำหรบั ภาคเอกชนมบี ทบาท ในการใหบ้ รกิ ารรกั ษาทงั้ สามระดบั การใหบ้ รกิ ารดา้ นการรกั ษาพยาบาล ของรัฐจัดโดยเครือข่ายโรงพยาบาลท่ีสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ โดยเป็นการให้บริการแบบครอบคลุม (Comprehensive) ทปี่ ระชาชนโดยท่วั ไปไมต่ อ้ งจา่ ยคา่ รกั ษาพยาบาล หรือหากต้องเสียก็จ่ายในราคาที่ตํ่ามาก เพราะรัฐให้การสนับสนุน ค่าใช้จ่ายสว่ นใหญ่ ส�ำหรับนโยบายด้านสาธารณสุข ประเทศมาเลเซียท่ีมีสังคม แบบพหุลักษณ์ (Plural Society) ประกอบด้วย มาเลย์ร้อยละ 60 จนี รอ้ ยละ 30 และอนิ เดยี รอ้ ยละ 10 จากความไมเ่ ทา่ เทยี มทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งชาวจนี และมาเลยใ์ นชว่ งตน้ ภายหลงั การไดร้ บั เอกราชกอ่ ใหเ้ กดิ นโยบายเศรษฐกจิ ใหม่ (New Economic Policy) เรม่ิ ตน้ ในชว่ งทศวรรษ 1970 (พ.ศ. 2513) มีวัตถุประสงค์เพ่ือก�ำจัดความยากจนและ ปรับโครงสร้างทางสังคมใหม่ให้มีการกระจายรายได้ ไม่ให้กลไก ทางเศรษฐกิจอยู่ในการควบคุมของชาวจีนเท่าน้ัน มีการกล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจใหม่น้ีส่งผลต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขอย่างมาก 50

ในช่วงสองทศวรรษแรกของการด�ำเนินตามนโยบายน้ี ได้มีการพัฒนา ธรุ กจิ และอตุ สาหกรรมอยา่ งมาก สง่ ผลท�ำใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายทางเศรษฐกจิ และสังคมที่ก�ำหนดไว้ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533) ได้มีการปรับปรุงนโยบายใหม่ เรียกว่า นโยบายการพัฒนาใหม่ (New Development Policy) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เกิดการพัฒนา ที่สมดลุ อันจะน�ำไปสสู่ ังคมทเี่ ป็นเอกภาพและเป็นธรรม นายกรฐั มนตรี ได้ก�ำหนดนโยบายที่เรียกว่า วิสัยทัศน์ พ.ศ. 2563 (Vision 2020) เม่ือเดือนกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2534 ความวา่ “ในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) มาเลเซยี เปน็ ชาตทิ มี่ คี วามพรอ้ มเพรยี ง มคี วามเชอื่ มน่ั ในสงั คมชาวมาเลเซยี ทม่ี คี วามเหนยี่ วแนน่ โดยความเขม้ แขง็ ของศลี ธรรม คณุ คา่ จรยิ ธรรมทดี่ ำ� รงอยใู่ นระบบประชาธปิ ไตย เสรนี ยิ ม และความอดทน เอื้ออาทร เศรษฐกิจยุติธรรม เท่ียงธรรม ก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรืองม่ังค่ังทางเศรษฐกิจท่ีมีการแข่งขัน มีความเคลื่อนไหว มีความแขง็ แกร่งและยดื หยุ่น” [15] เพ่ือให้บรรลตุ ามนโยบายดังกลา่ ว ในสว่ นของกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นการส่งเสริมแนวคิดสุขภาพท่ีหมายถึง ภาวะความสมบรูณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ และการด�ำรงอยู่ในสังคมอย่างเป็นสุข ซึ่งโอกาส ของการเขา้ สสู่ ภาวะสขุ ภาพนจี้ ะตอ้ งไดร้ บั อยา่ งเทา่ เทยี มกนั ในหมพู่ ลเมอื ง ทั้งหมดของประเทศ กลยุทธ์ที่จะท�ำให้อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ (Health Care Industry) บรรลตุ ามเป้าหมายปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) คือ การให้ ความเป็นอิสระและการแปรรูป (Liberalisation and Privatisation) ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซีย 51

รวมทงั้ การให้โอกาสภาคเอกชนเข้ามามบี ทบาท 1.1.10 ระบบการศึกษา การบริหารการศึกษาของมาเลเซียเป็นระบบบริหารการศึกษา จากส่วนกลาง อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลกลาง โดยมี กระทรวงศกึ ษาเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบด�ำเนนิ การ และมคี ณะกรรมการชดุ ตา่ งๆ เป็นผู้ก�ำหนดนโยบาย วางแผน วิจัย ติดตาม และประสานงาน การด�ำเนินงานท้ังหมด การก�ำหนดแผนงานและโครงการต่างๆ มีคณะกรรมการการศึกษาแห่งรัฐเป็นผู้ควบคุมดูแล โดยแต่ละรัฐ มีส�ำนักงานการศกึ ษาแหง่ รฐั สว่ นในระดับอ�ำเภอมสี �ำนักงานการศกึ ษา อ�ำเภอท�ำหน้าที่ประสานงานระหว่างโรงเรียนกับส�ำนักงานการศึกษา แหง่ รัฐ [13] 52

ระบบการศึกษาชาติ (National Education System) ของมาเลเซยี เปน็ ระบบแบบ 6:3:2 คือ [18] ระดับประถมศึกษา หลักสูตร 6 ปกี ารศกึ ษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ หลักสตู ร 3 ปีการศกึ ษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หลกั สูตร 2 ปกี ารศึกษา ระดบั เตรียมอดุ มศึกษา หลกั สูตร 1 หรือ 2 ปกี ารศกึ ษา ระดบั อดุ มศึกษา หลกั สูตรเฉลย่ี ประมาณ 3 ปคี ร่งึ ถึง 4  ปีการศกึ ษา นอกจากนี้โรงเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาแบ่งเป็น 2 แบบ คือ โรงเรียนแห่งชาติ (National School) เป็นโรงเรียน ที่ใช้ภาษามลายูเป็นภาษากลางในการเรียนการสอน และโรงเรียน ตัวอยา่ งแหง่ ชาติ (National Type School) เป็นโรงเรียนท่ีใชภ้ าษาจนี หรือภาษาทมิฬเป็นภาษากลางในการเรียนการสอน ดังน้ันการเรียน ในระดับประถมศึกษาของนักเรียนบางคนในโรงเรียนตัวอย่างแห่งชาติ (National Type School) อาจต้องใช้เวลาเรียนมากขึ้นอีก 1 ปี เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ใชภ้ าษามลายไู ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและคลอ่ งแคลว่ ส�ำหรบั นกั เรยี น ทเ่ี รยี นในชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายจะยงั มกี ารใชร้ ะบบการเรยี นการสอน แบบอังกฤษ คือ มี O Level (Ordinary Level) และ A Level (Advanced Level) นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีจะเป็นเด็ก ที่เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย A Level จะใช้เวลาเรียน 3 ปี และเขา้ ศกึ ษาตอ่ ในระดบั มหาวทิ ยาลยั สว่ นนกั เรยี นทเี่ รยี นปานกลางและ ไมพ่ รอ้ มนกั จะเรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 4 ปี กอ่ นจะเขา้ มหาวทิ ยาลยั ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซีย 53

ประเทศมาเลเซียได้มีการก่อตั้งโรงเรียนฉลาดหลักแหลม (Smart Schools) เปน็ โรงเรยี นน�ำรอ่ งจ�ำนวน 90 โรงเรยี น ทง้ั ระดบั ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษา โดยมกี ารเปลีย่ นแปลงการจัดการเรียนการสอนทม่ี ีครู เป็นศูนย์กลาง ให้เป็นแบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และใช้เทคโนโลยี ทางการศึกษาเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน ส�ำหรับการจัดการเรียน การสอนในระดบั อดุ มศกึ ษา ประเทศมาเลเซยี ไดส้ นบั สนนุ ใหภ้ าคเอกชน เขา้ มามบี ทบาทในการจัดการเรียนการสอนมากยิ่งขน้ึ สว่ นการวดั ผลการศกึ ษาของประเทศมาเลเซยี นน้ั ยงั ใชก้ ารสอบรวม ตงั้ แตร่ ะดบั ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ซ่ึงท้ังนี้ข้อสอบต่างๆ ท่ีใช้มักจะค�ำนึงถึงคุณภาพที่ต้องมีมาตรฐาน เทียบเท่ากับประเทศอังกฤษและประเทศในเครือจักรภพรับรองผล แตท่ งั้ นก้ี ารวดั ผลโดยใชก้ ารวดั ผลรวมทปี่ ระเทศมาเลเซยี ใชอ้ ยอู่ าจจะตอ้ ง เปลี่ยนแปลงไป หากประชากรของประเทศมจี �ำนวนมากขนึ้ 1.1.11 ระบบกฎหมาย ระบบศาลในประเทศมาเลเซียเป็นระบบศาลเด่ียว (Unified Court) คอื ระบบทศ่ี าลยุติธรรมมีอ�ำนาจหนา้ ทีใ่ นการพิจารณาวนิ ิจฉยั อรรถคดี ทกุ ประเภท ไม่ว่าจะเปน็ คดีแพ่ง คดีอาญา และคดปี กครอง ซง่ึ รวมถึง ศาลประจ�ำรฐั (State Courts) และศาลประจ�ำประเทศ (Federal Court) ระบบกฎหมายของประเทศมาเลเซียมีรากฐานมาจากระบบกฎหมาย แบบจารีต (Common Law) ของประเทศอังกฤษ คดีส่วนใหญ่ 54

ถกู น�ำขนึ้ พิจารณาคดีตอ่ ศาลแขวง และ Session Court เน่ืองจากประเทศมาเลเซียเป็นสหพันธรัฐ ในแต่ละรัฐจึงมีกฎหมาย เนอื่ งดว้ ยการไกลเ่ กลย่ี ขอ้ พพิ าทเปน็ ของตนเอง อยา่ งไรกต็ ามกระบวนการ ด�ำเนินงานและโครงสร้างจะมีลักษณะท่ีเหมือนกันภายใต้การดูแล ของรัฐบาลกลาง โดยมีศาลชะรีอะฮ์ (Syariah Court) เป็นหน่วยงาน ทท่ี �ำหนา้ ทใ่ี นการไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าทและมสี ภาศาสนาอสิ ลาม (Jabatan Agama Islam) ท�ำหน้าท่ใี ห้ค�ำปรึกษาปัญหาเกีย่ วกบั ครอบครวั อสิ ลาม ในคดีท่ีเก่ียวกับการผิดสัญญาหม้ัน สินสมรส ค่าอุปการะเล้ียงดูบุตร การปกครองบุตร และอ่ืนๆ การไกล่เกล่ียข้อพิพาทของศาลชะรีอะฮ์ แห่งรัฐปีนังจะเริ่มโดยคู่กรณีมาฟ้องต่อศาล เม่ือศาลรับฟ้องและ นายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีน้ันอาจมีโอกาสที่จะยุติข้อพิพาท ดังกลา่ ว กจ็ ะสง่ เข้าสูก่ ระบวนการไกลเ่ กลี่ยข้อพพิ าท โดยนายทะเบยี น ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซยี 55

จะก�ำหนดระยะเวลาในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไม่เกิน 3 เดือน และจะต้องเริ่มต้นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภายใน 21 วัน นับแต่วัน ได้รับอนุมัติให้ด�ำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หากเห็นว่าไม่มีโอกาส ทจี่ ะใชว้ ธิ กี ารไกลเ่ กลย่ี ได้ กจ็ ะน�ำคดเี ขา้ สกู่ ระบวนการพจิ ารณาตามปกติ ในกระบวนการไกล่เกลี่ยจะด�ำเนนิ การในทีส่ ่วนตัวทสี่ ดุ เพ่ือใหส้ ามารถ ระบายความรสู้ กึ ไดเ้ ตม็ ที่ โดยจะอนญุ าตใหเ้ ฉพาะคกู่ รณแี ละผดู้ �ำเนนิ การ ไกลเ่ กลยี่ โดยไมอ่ นญุ าตใหต้ วั แทนหรอื ทนายความเขา้ รว่ มในการไกลเ่ กลย่ี ขอ้ พพิ าท นอกจากไดร้ บั อนญุ าตจากผดู้ �ำเนนิ การเทา่ นน้ั หากการไกลเ่ กลยี่ เป็นผลส�ำเร็จก็จะท�ำข้อตกลงร่วมกัน และเพ่ือให้ศาลมีค�ำส่ังต่อไป แต่หากการไกล่เกล่ียล้มเหลวก็จะน�ำคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ตามปกติ โดยกระบวนการไกล่เกลี่ยทุกขั้นตอนไม่เสียค่าใช้จ่าย แตอ่ ย่างใด 1.1.12 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างไทยกบั สหพันธรฐั มาเลเซีย ไทยสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทตู กบั มาเลเซยี เมอ่ื วนั ท่ี 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2500 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียได้พัฒนาแน่นแฟ้น จนมีความใกล้ชิดกันมาก อย่าง ตวนกู อับดุล ราห์มาน ซ่ึงเป็น นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซียมีมารดาเป็นคนไทย เติบโตและเรียนจบชั้นมัธยมท่ีโรงเรียนเทพศิรินทร์ อีกท้ังยังเป็น ผู้สร้างธรรมเนียมว่าเมื่อรับต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็จะไปเยือนไทย เป็นประเทศแรก ซ่ึงธรรมเนียมนี้ได้รับการปฏิบัติมาตลอดจนกระทั่ง 56

ถูกยกเลิกในยุค ดร.มหาเธร์ [19] แต่อย่างไรก็ตามยังมีการแลกเปลี่ยน การเยอื นในระดบั ตา่ งๆ ทงั้ ระดบั พระราชวงศช์ น้ั สงู รฐั บาล และเจา้ หนา้ ที่ ทง้ั อยา่ งเปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการอยา่ งสมำ่� เสมอ และความสมั พนั ธ์ ทใี่ กล้ชดิ กนั สองฝ่ายนย้ี ังได้ร่วมมอื กันแกไ้ ขในประเด็นปญั หาต่างๆ เช่น การปักปันเขตแดนทางบก บุคคลสองสัญชาติ การก่อความไม่สงบ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น นโยบายของไทยต่อมาเลเซียเน้นส่งเสริมความไว้เน้ือเชื่อใจ ระหวา่ งกนั และสรา้ งพน้ื ฐานทเ่ี ขม้ แขง็ ใหค้ วามสมั พนั ธท์ กุ ระดบั งอกงาม อยู่บนพื้นฐานของการใช้เหตุผล เคารพซ่ึงกันและกันในฐานะประเทศ เพ่ือนบ้านท่ีดี เพราะเหตุการณ์ในประเทศหนึ่งย่อมจะส่งผลเกื้อหนุน หรอื กระทบตอ่ อีกประเทศหน่งึ อยา่ งหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ ในดา้ นวชิ าการทง้ั สองประเทศมกี ารประชมุ ความรว่ มมอื ทางวชิ าการ ระหวา่ งกนั เพอ่ื ทบทวนและตดิ ตามผลการด�ำเนนิ งานของทง้ั สองประเทศ ซึ่งมีส�ำนักงานความร่วมมือเพ่ือการพัฒนาระหว่างประเทศ และ Economic Planning Unit (EPU) ของมาเลเซยี เป็นหนว่ ยงานหลัก ในการประสานงานความร่วมมือในกรอบทวิภาคีที่ฝ่ายไทยให้แก่ ฝา่ ยมาเลเซยี ไดแ้ ก่ การจัดหลกั สตู รประจ�ำปี (Annual International Training Course: AITC) หลกั สตู รศกึ ษานานาชาติ (Thai International Postgraduate Programme: TIPP) ความรว่ มมือทางวิชาการระหวา่ ง ประเทศก�ำลังพัฒนา (Technical Cooperation Among Developing Country: TCDC) และยังร่วมกันจัดการฝึกอบรมให้แก่ประเทศท่ีสาม (Third Country Training Programme: TCTP) ระบบบริหารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซยี 57

ในด้านการลงทุน ปี พ.ศ. 2554 มาเลเซียลงทุนในไทยจ�ำนวน 34 โครงการ มีมูลค่า 6,135 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุน ในสาขาการบริการยานยนต์ การเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ไดร้ บั การอนมุ ตั จิ ากส�ำนักงานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทุน จ�ำนวน 21 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 3,863 ล้านบาท มาเลเซียสนใจมาลงทุน ในอตุ สาหกรรมชนิ้ สว่ นยานยนตแ์ ละอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การแปรรปู ยางพารา และปาลม์ นำ�้ มนั เนอ่ื งจากมาเลเซยี มศี กั ยภาพในการลงทนุ และการลงทนุ ในไทยจะชว่ ยลดตน้ ทนุ การผลติ เนอื่ งจากไทยมแี รงงานและอตุ สาหกรรม สนับสนุนทดี่ ีกว่ามาเลเซยี ท้ังนี้ หน่วยงานพัฒนาอตุ สาหกรรมมาเลเซีย (Malaysia Industrial Development Authority: MIDA) อนุมัติ ส่งเสริมการลงทุนในโครงการท่ีมีภาคการลงทุนไทยลงทุนด้วยจ�ำนวน 3 โครงการ มีมูลค่า 2,415 ล้านบาท นักลงทุนไทยที่สนใจไปลงทุน ในมาเลเซีย ได้แก่ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท  เครือซีเมนตไ์ ทย กลมุ่ บริษทั สามารถ และร้านอาหารไทย 58

1.2 ประวตั แิ ละข้อมลู รฐั บาลโดยยอ่ จากอดีตมาเลเซียที่เคยถูกตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จึงได้มี การเอาแบบโครงสร้างทางการเมืองการปกครองของอังกฤษมาใช้ ยกเว้นระบบรัฐสภาซ่ึงมาเลเซียมีท้ังรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลสหพันธ์ (Federal Government) และรฐั บาลแหง่ รฐั (State Government) [11] โดยแตล่ ะรฐั มสี ลุ ตา่ นปกครอง และสลุ ตา่ นรว่ มกนั เลอื กสมเดจ็ พระราชาธบิ ดี หรือ ยังดี เปอร์ตวน อากง (Yang di-pertuan Agong) เป็นกษัตริย์ ปกครองประเทศ โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันระหว่างสุลต่าน ท้งั 9 รฐั เพอื่ เป็นประมุของค์ละ 5 ปี (รฐั ทีม่ สี ลุ ต่านเป็นประมขุ จ�ำนวน 9 รัฐ ได้แก่ เปรัค ปาหัง สลังงอร์ เปอร์ลิส เคดาห์ เนกรีเซมบิลัน ยะโฮร์ กลนั ตัน และตรงั กานู รัฐทีม่ ผี วู้ า่ การรัฐเป็นประมุขจ�ำนวน 4 รัฐ ไดแ้ ก่ ปีนัง มะละกา ซาราวัค และ ซาบาห)์ ปจั จุบนั สมเด็พระราชาธบิ ดี แห่งมาเลเซยี คอื Sultan Mizan Zainal Abidin ibni Al-Marhum จากรัฐตรังกานู (ด�ำรงต�ำแหน่งตั้งแต่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2549) [8] ซ่ึงทั้งรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลสหพันธ์ (Federal Government) และ รฐั บาลแหง่ รฐั (State Government) ยงั มโี ครงสรา้ งทร่ี องรบั การปกครอง ดังนี้ ระดับสหพนั ธรฐั 1. สภาประมุขของผู้ปกครองรัฐ (The Conference of Ruler) และพระราชาธบิ ดี 2. นายกรฐั มนตรีและคณะรัฐมนตรี ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซยี 59

3. สภาผู้แทนราษฎรและวฒุ ิสภา (Dewan Rakyat and Dewan Negara) 4. สถาบันตลุ าการ ระดับรฐั 1. ประมุขแห่งรฐั 2. สภาการบริหารและมุขมนตรี (Executive Council and Chief Ministers) 3. สภานติ บิ ญั ญตั ิแห่งรัฐ (State Legislative Assembly) 4. เลขาธิการประจ�ำรัฐ (State Secretary) โครงสร้างท้ังหมดข้างต้น ต่างถูกก�ำหนดอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ของประเทศมาเลเซียหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ รัฐธรรมนูญน้ี ถือวา่ เป็นรฐั ธรรมนญู ฉบับแรกและฉบบั เดยี ว ซ่งึ ใชม้ าตั้งแต่ พ.ศ. 2500 แตไ่ ดม้ กี ารแกไ้ ขหลายครง้ั โดยโครงสรา้ งรฐั สภาของมาเลเซยี จะมลี กั ษณะ เชน่ เดยี วกบั องั กฤษ ซงึ่ สรปุ ไดว้ า่ การปกครองของมาเลเซยี เปน็ แบบรฐั สภา (Parliament System) ประกอบด้วย สภาผูแ้ ทนราษฎร (House of Representative) ท่ีสมาชิกมาจากการเลือกต้ังและวุฒิสภา (Senate) ทสี่ มาชกิ มาจากการแตง่ ตง้ั อ�ำนาจทางการเมอื งขนึ้ อยกู่ บั สภาผแู้ ทนราษฎร โครงสรา้ งการปกครองของมาเลเซยี แบง่ เปน็ 3 ฝ่าย ได้แก่ [8] 1. ฝา่ ยนิติบญั ญตั ิ ประกอบดว้ ย 2 สภา คอื วฒุ สิ ภา หรอื สภาสงู (Senate หรอื Dewan 60

Negara) จ�ำนวน 70 ท่ีน่ัง มาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนแรกมาจาก การแต่งตั้ง โดยนายกรัฐมนตรี จ�ำนวน 44 ท่ีนั่ง และส่วนที่สองอีก 26 ท่ีนั่ง มาจากการเลือกโดยสภานิติบัญญัติของทั้ง 13 รัฐ (State Legislatures) จ�ำนวนรฐั ละ 2 คน มวี าระ 6 ปี ส�ำหรบั สภาผแู้ ทนราษฎร (House of Representative หรือ Dewan Rakyat) มาจาก การเลอื กตงั้ เขตละ 1 คน รวม 222 คน มหี น้าท่พี ิจารณาร่างกฎหมาย ท่รี ฐั บาลหรือวุฒสิ ภาเป็นผู้เสนอ ระยะเวลาการด�ำรงต�ำแหน่ง 5 ปี 2. ฝา่ ยตลุ าการ อ�ำนาจตลุ าการใชร้ ะบบกฎหมายขององั กฤษ คอื กฎหมายแบบจารตี (Common Law) ยกเว้นศาสนาอิสลามอยู่ภายใต้ระบบสหพันธ์ ท�ำใหอ้ �ำนาจตลุ าการมคี วามอสิ ระมาก เพราะไมถ่ กู ควบคมุ โดยฝา่ ยบรหิ าร และนติ ิบัญญัติ 3. ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี (Prime Minister) เป็นผู้น�ำสูงสุดของฝ่ายบริหารตาม ระบบรัฐสภาและเปน็ หวั หน้าพรรคการเมือง ท่ีสมาชกิ ได้รบั เลอื กเขา้ มา ในสภามากสดุ หรอื อาจเปน็ หวั หนา้ พรรคทเ่ี ปน็ แกนน�ำในการจดั ตง้ั รฐั บาล นายกรฐั มนตรจี ะเลือกสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรทีเ่ หมาะสมเข้ารว่ มเป็น คณะรฐั มนตรี (Cabinet) มาด�ำรงต�ำแหนง่ ตามกระทรวงตา่ งๆ ตามนโยบาย ทงั้ 24 กระทรวง ซงึ่ ในสว่ นความส�ำคญั ของฝา่ ยบรหิ ารน้ี ประเทศมาเลเซยี ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซีย 61

ให้ความส�ำคัญกับบทบาทนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลกลางหรือรัฐบาล สหพนั ธเ์ ปน็ อยา่ งมาก ซงึ่ นอกจากจะเปน็ ผนู้ �ำคณะรฐั บาลในการบรหิ าร ประเทศแล้ว นายกรัฐมนตรียังสามารถแต่งตั้งบุคคลเข้าด�ำรงต�ำแหน่ง ผบู้ รหิ ารระดับสงู ในระบบราชการ ทั้งยังต้องถวายนโยบายการปกครอง และการบริหารรัฐให้แก่กษัตริย์ทราบ ให้ค�ำปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ผพู้ พิ ากษา อธบิ ดกี รมตรวจเงนิ แผน่ ดนิ คณะกรรมการบรหิ ารสาธารณะ และคณะกรรมการการเลือกต้ัง ซึ่งหลังการประกาศเอกราช ประเทศ มาเลเซียมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้น�ำฝ่ายบริหารมาแล้วรวม 6 คน ท้ังหมดมาจากพรรคการเมืองเดียวกัน คือ พรรค United Malays National Organization (UMNO) มแี นวนโยบายการบรหิ ารประเทศ เน้นชาตินิยมแต่ไม่รุนแรง สนับสนุนชาวมาเลย์ให้มีสิทธิในการเข้ามา มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศท้ังด้านการเมืองและเศรษฐกิจ แนวนโยบายในการบรหิ ารและพฒั นาประเทศหลักๆ สรปุ ได้ดังนี้ 1. ด�ำเนนิ นโยบายอยา่ งเปน็ อสิ ระ ไมฝ่ กั ใฝฝ่ า่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใด โดยเฉพาะ ประเทศตะวนั ตก 2. พยายามเข้าไปมีบทบาทน�ำในอาเซียนและกลุ่มประเทศ ก�ำลังพัฒนา โดยเฉพาะกลมุ่ ประเทศมสุ ลิม เพอื่ เป็นพลงั ตอ่ รอง กับประเทศตะวันตกในเวทีระหวา่ งประเทศ 3. พัฒนาการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่ยึดติดกับ รูปแบบของประเทศตะวันตก มีแนวด�ำเนนิ การของตนเอง และ ใหค้ วามส�ำคญั เร่อื งความมั่นคงภายในประเทศเปน็ หลกั 62

2 วิสัยทศั น์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรัฐมาเลเซีย 63

2.1 วิสยั ทัศน์ “Vision 2020” (ภาษามาเลย์ใช้ค�ำว่า “Wawasan 2020”) วิสัยทศั น์ พ.ศ. 2563 คอื วิสยั ทศั นแ์ ห่งชาตทิ ี่ไดก้ �ำหนดอนาคตประเทศ มาเลเซยี ไวว้ า่ “มาเลเซยี จะตอ้ งเปน็ ประเทศอตุ สาหกรรมทพี่ ฒั นาแลว้ ภายในปี พ.ศ. 2563 (2020)” [41] 2.2 เปา้ หมาย 1. มาเลเซียจะต้องเป็นประเทศอุตสาหกรรมท่ีพัฒนาแล้วภายในปี พ.ศ. 2563 (2020) 64

2. อัตราการเตบิ โตทางเศรษฐกิจรอ้ ยละ 7 ต่อปี (ตามคา่ จริง) ทกุ ปี ตลอด 30 ปี จากปี พ.ศ. 2533 - 2563 3. เศรษฐกจิ จะเข้มแข็งข้นึ เปน็ 8 เทา่ จากปี พ.ศ. 2533 ผลติ ภณั ฑ์ มวลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Products - GDP) เท่ากับ 115,000 ลา้ นรงิ กติ เมื่อถึงปี พ.ศ. 2563 GDP จะตอ้ งเพ่ิมเป็น 920,000 ลา้ นรงิ กติ (คดิ ตามคา่ เงนิ ในปี พ.ศ. 2533) 2.3 ยทุ ธศาสตร์ จากการที่นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ก�ำหนดวิสัยทัศน์ในปี พ.ศ. 2563 (Vision 2020) ดังท่ีกล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ ท่ีครอบคลุมการพัฒนาในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม จิตส�ำนึก จิตวิทยา และวัฒนธรรม โดยระบุว่าการจะพัฒนาประเทศ มาเลเซียให้เป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วตามเป้าหมายท่ีได้วางไว้ในปี พ.ศ. 2563 ใหส้ �ำเรจ็ นั้น รัฐบาลตอ้ งยดึ แนวทางปฏบิ ัตกิ ารเปลี่ยนแปลง ประเทศด้วยวิธีการมงุ่ เน้นแบบองคร์ วมและเฉพาะเจาะจง โดยสามารถ ประสบความส�ำเร็จได้ หากทุกคนใส่ความคิดและจิตใจร่วมกัน โดยในแผนพัฒนามาเลเซียฉบับที่ 10 (10th Malaysia Plan) ได้อิง 10 แนวคิด และได้แปลงมาเป็น 10 ข้อเสนอ อันสนับสนุนแนวคิด ดงั กลา่ วดงั น้ี [45] ระบบบริหารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซีย 65

1. ขับเคลือ่ นภายในประเทศ และตระหนักถึงภายนอกประเทศ 2. ใช้ประโยชน์จากความแตกตา่ งทางเชอื้ ชาติของคนในประเทศ 3. ใช้ความเชี่ยวชาญในการเปล่ียนแปลงสู่การเป็นประเทศที่มี รายได้สูง 4. สร้างการเจริญเตบิ โตด้านการผลิตและนวตั กรรม 5. พฒั นา ดงึ ดูด และรกั ษาคนเก่งระดับแนวหนา้ 6. สร้างความม่ันใจในด้านความเท่าเทียมทางโอกาส และป้องกัน จุดท่เี ปน็ ความเส่ียงในทกุ ดา้ นท่อี าจเกิดได้งา่ ย 7. ให้ความส�ำคัญต่อการสร้างการเจริญเติบโต และการพัฒนา อย่างทว่ั ถงึ 8. ให้การสนบั สนนุ พันธมิตรทด่ี ีและมศี กั ยภาพสงู 9. เห็นคุณคา่ การรกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม 10. ภาครฐั เป็นเหมือนกบั บรษิ ทั ท่มี ีการแข่งขนั ยทุ ธศาสตรห์ ลกั ส�ำหรับยุทธศาสตร์หลักตามแผนพัฒนามาเลเซียฉบับที่ 10 (10th Malaysia Plan) ที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่วิสัยทัศน์ 2020 ประกอบดว้ ยยทุ ธศาสตร์ 5 ประการดงั น้ี [45] 1. เปล่ียนแปลงการให้บริการภาครัฐเพ่ือเปล่ียนแปลงมาเลเซีย การปฏิรูประบบราชการโดยเน้นหลักการส�ำคัญ 4 ประการ คือ วัฒนธรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมความรวดเร็ว ของระบบการตัดสนิ ใจ การปฏิบัติงานความคุ้มคา่ และความซอ่ื สัตย์ 66

2. สร้างส่ิงแวดล้อมท่ีส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยจะเน้นการสนับสนุนให้ภาคเอกชนเป็นผู้ผลักดันหลักทางเศรษฐกิจ ของมาเลเซีย สนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ปฏิรูปบทบาทภาครัฐต่อภาคเอกชน พัฒนาธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SMEs) ส่งเสริมการแข่งขันของมาเลเซียในตลาดโลก พัฒนาระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน และเน้นการพัฒนาพ้ืนท่ีและภาคส่วน ทจี่ ะเป็นเครอื่ งจักรของความเจริญเติบโต ไดแ้ ก่ ระเบยี งเศรษฐกิจทงั้ 5 และพื้นท่ีเศรษฐกิจท่ีเป็นกุญแจส�ำคัญของชาติ (National Key Economic Areas - NKEAs) ทง้ั 12 สาขา ได้แก่ น�้ำมนั ก๊าซ และ พลังงาน น้�ำมันปาล์มและยาง การบริการด้านการเงิน การท่องเท่ียว บรกิ ารธรุ กจิ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การค้าส่งและค้าปลกี การศกึ ษา การแพทย์ การส่ือสารและโครงสร้างพ้ืนฐาน การเกษตร และเขตเศรษฐกิจ (KL/Klang Valley) 3. ก้าวไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมแบบมีส่วนร่วม โดยจะเนน้ การยกระดบั ฐานะและความเปน็ อยขู่ องประชากรรอ้ ยละ 40 ท่ีมีรายได้ต่�ำ ยกระดับการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของชาวภูมิบุตร โดยยังคงเป้าหมายให้ชาวภูมิบุตรถือครองหุ้นส่วนกิจการไม่ต�่ำกว่า ร้อยละ 30 ในระดับมหภาค เร่งพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานท่ีประชาชน ทกุ คนเขา้ ถึงได้ และสง่ เสรมิ สังคมทีก่ า้ วหน้าและมสี ว่ นร่วมตามแนวคดิ “1 Malaysia” 4. พฒั นาเพอ่ื ใหส้ ามารถรกั ษาทรพั ยากรมนษุ ยร์ ะดบั โลก โดยจะเนน้ การปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อปรับปรุงผลการเรียน การยกระดับฝีมือ ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรัฐมาเลเซีย 67

แรงงานชาวมาเลเซยี เพอ่ื เพมิ่ โอกาสการไดร้ บั การจา้ งงาน และการปฏริ ปู ตลาดแรงงาน เพื่อให้มาเลเซียเปน็ ประเทศที่มรี ายไดส้ ูง 5. สร้างส่ิงแวดล้อมท่ีช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต จะเน้นการพัฒนา พ้นื ท่ีอยอู่ าศยั ส�ำหรบั ประชาชนใหน้ ่าอยู่ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยยึดความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ปฏิรูประบบสาธารณสุข เพ่ือยกระดับคุณภาพและให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ โครงการ เคหะสงเคราะห์เพ่ือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบ้านท่ีมีคุณภาพและ สามารถเปน็ เจา้ ของได้ การใหบ้ รกิ ารระบบสาธารณปู โภคทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ลดอาชญากรรมเพอื่ ใหช้ มุ ชนปลอดภยั ขน้ึ และใหค้ วามส�ำคญั กบั พนื้ ฐาน ส่งิ แวดลอ้ มของมาเลเซีย กลา่ วไดว้ า่ นโยบายและแผนยทุ ธศาสตรส์ �ำคญั ทจี่ ะเปน็ ตวั ขบั เคลอ่ื น วสิ ัยทัศน์ พ.ศ. 2563 ให้บรรลุเป้าหมาย คอื นโยบาย “1 Malaysia” โปรแกรมการปฏิรูปภาครัฐ (Government Transformation Programme - GTP) โปรแกรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ (Economic Transformation Programme - ETP) และแผนพัฒนามาเลเซีย ฉบับท่ี 10 (10th Malaysia Plan) 68

3 ประวตั คิ วามเป็นมา ของระบบราชการ ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซีย 69

3.1 รอะงั บกบฤรษาช(พก.าศร.ข2อ3ง6ม7าเ–ลเ2ซ5ยี 0ภ0า)ยใตก้ ารปกครองของ ระบบข้าราชการพลเรือนมาเลเซีย รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ ข้าราชการพลเรือนมลายู (Malayan Civil Service: MCS) ถือว่า เปน็ กญุ แจส�ำคญั ในดา้ นเศรษฐกจิ และการพฒั นาทางสังคมของประเทศ ภาพที่ 4 บรษิ ทั อนิ เดยี ตะวนั ออกของบรเิ ตน (The British East India Company) ท่ีมา: http://www.pmo.gov.my/ksn/dokumenattached/rencana/ CIVIL-SERVICE-FULL.pdf 70

การบรกิ ารสาธารณะในประเทศมาเลเซยี นม้ี บี นั ทกึ ทนี่ า่ สนใจ ซงึ่ ถกู ตกี รอบ โดยประวัติศาสตร์การพัฒนาของประเทศและสถาบันทางสังคมและ การเมือง ในช่วงก่อนจะเป็นเอกราช อังกฤษได้น�ำโครงสร้างและ การปฏบิ ตั ทิ จี่ ะชว่ ยใหก้ ารบรกิ ารขนั้ พน้ื ฐานตา่ งๆ แกป่ ระชาชน เพอ่ื รกั ษา กฎหมายและระเบียบท่ีสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและ การเมือง โครงสร้างและการปฏิบัติเหล่านั้นเป็นพื้นฐานของราชการ พลเรือนมลายู ระบบขา้ ราชการพลเรอื นของมาเลเซยี จงึ ไดส้ บื ทอดมาจากการบรกิ าร สาธารณะขององั กฤษทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงทางโครงสรา้ งพน้ื ฐานทส่ี �ำคญั ในช่วง 50 ปีท่ีผ่านมา จากประวัติศาสตร์การบริการระบบราชการ ของมาเลเซีย เร่ิมก่อตั้งเม่ือปลาย พ.ศ. 2243 (ค.ศ. 1700) [41] โดยบริษัท อินเดียตะวันออก (The British East India Company) ได้มาที่ปีนังในช่วงเวลาน้ัน และมีการดึงดูดนักวิชาการที่ดีท่ีสุดและ ฉลาดทส่ี ดุ จากประเทศอังกฤษเพือ่ แตง่ ตงั้ ใหเ้ ปน็ เจา้ หนา้ ท่ีปฏบิ ตั กิ าร จากรายงานนอร์ธโคต-เทรเวลยาน (The Northcote-Trevelyan Report) ใน พ.ศ. 2388 ไดม้ ีการวางลักษณะของการบริการสาธารณะ โดยเน้นย้�ำวา่ [47] 1. ขา้ ราชการพลเรอื นทเี่ ปน็ กลางทางการเมอื งหมายถงึ ความจงรกั ภกั ดี ทส่ี มบรู ณ์ตอ่ รฐั บาล โดยไม่ค�ำนึงถึงมมุ มองทางการเมอื ง 2. การบรกิ ารสาธารณะระดบั สงู ควรมคี วามเปน็ ธรรมและค�ำแนะน�ำ ทเ่ี หมาะสม ทมุ่ เทใหก้ บั ผลประโยชนข์ องประชาชน และเชอื่ ฟงั รฐั มนตรี วา่ การกระทรวงและคณะรฐั มนตรี ระบบบริหารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซยี 71

3. บริการสาธารณะควรให้ความม่ันคงอย่างต่อเนื่องเมื่อมี การเปล่ียนแปลงในรัฐบาล ต่อมาได้มีการจัดรูปแบบโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ออกเปน็ 3 แบบ ดงั น้ี [16] p อาณานคิ มในช่องแคบ หมายถงึ ช่องแคบมะละกามดี ินแดนอยู่ 3 ส่วน คือ เกาะปีนัง เกาะสิงคโปร์ และมะละกา ซ่ึงตั้งอยู่บน คาบสมทุ รมลายู มกี ารจดั การปกครองดว้ ยระบบหนว่ ยบรหิ ารการปกครอง หนว่ ยเดียว (Strait Settlements) รัฐบาลอังกฤษไดจ้ ดั สง่ ข้าหลวงใหญ่ มาปกครองโดยตรง ถือว่าเป็นอาณานิคมซึ่งข้ึนตรงต่อพระมหากษัตริย์ ขององั กฤษ การบริหารงานโดยมขี ้าหลวง สภาบรหิ าร สภานิตบิ ัญญตั ิ ซ่ึงล้วนแต่เป็นชาวอังกฤษทั้งส้ินที่ได้รับการแต่งต้ัง ท�ำหน้าท่ีโดยมี ข้าหลวงใหญเ่ ป็นหวั หนา้ p ดินแดนรัฐสหพันธ์มาเลย์ (Federated Malay States) ได้แก่ ดินแดน 4 รัฐ ที่อยู่บนคาบสมุทรมลายู ได้แก่ เปรัค สลังงอร์ ปาหัง และรัฐเนกรีเซมบิลัน ซึ่งรัฐเหล่าน้ีอังกฤษได้ให้สุลต่านปกครองต่อไป โดยทอี่ งั กฤษไดส้ ง่ ทปี่ รกึ ษาดา้ นถน่ิ ทอี่ ยมู่ าประจ�ำในแตล่ ะรฐั โดยมอี �ำนาจ เหนอื สลุ ต่าน ท่ีปรกึ ษาขนึ้ ตรงต่อข้าหลวงใหญ่ท่ีประจ�ำอยสู่ งิ คโปร์ และ มศี ูนย์ประสานงานควบคุมรปู แบบการปกครองอยู่ทรี่ ฐั สลงั งอร์ p ดินแดนที่ไม่อยู่ในสหพันธรัฐ (Unfederate Malay State) ได้แก่ ดนิ แดนที่เหลืออยบู่ นคาบสมุทรมลายอู ีก 5 รฐั ซง่ึ 4 รัฐไดเ้ คยอยู่ กับอาณาจักรสยามมาก่อน และได้ตกเป็นของอังกฤษเพ่ือแลกกับ ความเปน็ เอกราชของไทย ไดแ้ ก่ ไทรบรุ ี กลันตนั ตรังกานู และปะลิส 72

ส่วนหนึ่ง รัฐที่เหลอื คือ ยะโฮร์ โดยองั กฤษได้ให้สลุ ต่านปกครองตอ่ ไป แตใ่ หท้ ปี่ รกึ ษาควบคมุ ดแู ลอยอู่ กี ทหี่ นงึ่ จะปลอ่ ยใหม้ อี สิ ระในการปกครอง ค่อนข้างสูงกวา่ การปกครองในรูปแบบสหพันธรฐั โครงสร้างพื้นฐานนี้เป็นการต้ังรูปแบบของข้าราชการพลเรือนมลายู ในชว่ ง 50 ปที ีผ่ ่านมานับตงั้ แต่ได้รบั เอกราช ในขณะทปี่ ลาย พ.ศ. 2343 ได้มีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างเป็นแบบที่เรียกว่าข้าราชการพลเรือน สหพันธรัฐมลายู (Federated Malay States Civil Service: FMS) ซ่ึงเป็นรูปแบบท่ีให้อ�ำนาจบริหารส่วนกลางในการสรรหาและแต่งต้ัง ภาพที่ 5 ขา้ ราชการพลเรอื นคนแรกทม่ี ีเชือ้ ชาติมลายูคือ นาย ราชา ชูลนั (Raja Chulan) ลกู ชายของอดีตสุลตา่ นอับดลุ ลาห์ (Abdullah) โดยทำ�หนา้ ที่ในราชการขององั กฤษ ต้งั แต่ พ.ศ. 2435 ท่ีมา: http://www.pmo.gov.my/ksn/dokumenattached/rencana/ CIVIL-SERVICE-FULL.pdf ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรัฐมาเลเซยี 73

และน�ำไปใชก้ บั รฐั ตา่ งๆ ของมาเลยด์ ว้ ย การรวบอ�ำนาจเขา้ สศู่ นู ยก์ ลางนี้ ขนั้ ตอนการสรรหาไดร้ บั การปรบั ปรงุ ใหม้ คี วามนา่ สนใจ และดงึ ดดู ผสู้ มคั ร ท่ีมีคุณสมบัติเขา้ มาในองค์การ ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการที่ดีและ มปี ระสทิ ธภิ าพของข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนสหพันธรัฐมลายู (Federated Malay States Civil Service: FMS) ได้เริ่มมีการปรับเปลี่ยนและขยายตัว เพ่ือสร้าง ระบบราชการในสงั กดั ภายใตช้ อื่ การบรกิ ารทางการปกครองของมาเลย์ (Malay Administrative Service) โดยปี พ.ศ. 2446 ข้าราชการ พลเรอื น มชี าวมลายูถงึ 332 คน จากเจา้ หนา้ ท่ที ้ังหมด 6,607 คน [47] ในการใหบ้ รกิ ารของภาครฐั นาย ราชา ชลู นั บี อบั ดลุ ลา (Raja Chulan b. Raja Abdullah) ผู้ซ่ึงก่อนหน้าน้ีได้เคยเข้าร่วมการบริหารราชการ ของภาครฐั ในต�ำแหนง่ เจา้ หนา้ ทท่ี ไี่ ดร้ บั การแตง่ ตงั้ ในเมอื งเปรคั (Perak) กลายมาเป็นเจ้าหน้าท่ีมาเลย์ท้องถ่ินคนแรกในเมืองเปรัค (Perak) ตอนเหนือ จากการรับต�ำแหน่งดังกล่าวถือเป็นการยับย้ังการควบคุม จากชาวยโุ รปในการบรกิ ารราชการแผน่ ดนิ ภายใตก้ ารขยายตวั ของระบบ ข้าราชการพลเรือนสหพันธรัฐมลายู (Federated Malay States Civil Service: FMS) และการบริการทางการปกครองของมาเลย์ (Malay Administrative Service) รวมทง้ั การปฏริ ปู ด้านการปกครอง ต่างๆ จ�ำนวนมากถูกน�ำมาใช้เพ่ือยกระดับและปรับปรุงการบริการ ในกลุ่มอื่นๆ ของคณะกรรมการเตรียมการจัดวาระการประชุมและ เงินเดือนของคณะท�ำงาน อีกท้ังการจ�ำแนกคณะกรรมธิการบัคนิล (Bucknill Commissions) เพื่อก�ำหนดและปรับหลักการให้บริการ 74

ซง่ึ เกีย่ วขอ้ งกับระบบการจ่ายคา่ ตอบแทน การลาออก บ�ำเหน็จบ�ำนาญ และเง่ือนไขอืน่ ๆ ของการใหบ้ ริการ เม่ืออังกฤษไดอ้ อกจากแหลมมลายู ระหวา่ งการยดึ ครองของญปี่ นุ่ ในปี พ.ศ. 2484 ถอื วา่ เปน็ อกี หนง่ึ บททดสอบ ท่ีส�ำคัญของการบริหารราชการแผ่นดินมาเลเซีย ด้วยความกล้าหาญ ของเจ้าหน้าที่มลายูทั้ง 85 คน ที่มีบทบาทส�ำคัญในการบริหาร ระบบราชการของประเทศในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว ซงึ่ บรหิ ารจดั การประเทศ ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นกลุ่มท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการเป็นเอกราช ของประเทศ 3.2 ระบบราชการของมาเลเซียหลังการสถาปนาเป็น เอกราช (พ.ศ. 2500 - ปจั จุบัน) การก่อตั้งระบบการบริหารราชการแบบครบวงจรได้เร่ิมต้นขึ้น เมอ่ื มีการรวมการบรหิ ารด้านต่างๆ เชน่ การแพทย์ การศกึ ษา กฎหมาย ต�ำรวจ ถูกรวมกันเพ่ือจัดตั้งการบริการด้านการบริหารอาณานิคม (The Colonial Administrative Service) ซง่ึ มขี า้ ราชการพลเรอื นมลายู (Malayan Civil Service: MCS) เป็นสว่ นประกอบ ต่อมาข้าราชการพลเรือนมลายู (MCS) ได้รวมตัวกับภาคส่วน ทรี่ จู้ กั กนั ในนาม การใหบ้ รกิ ารดา้ นการปกครองและการทตู (Administrative and Diplomatic Service: ADS) บรกิ ารช้นั น�ำทมี่ ีการเปลยี่ นบทบาท จากเป็นภาคส่วนที่จัดการเร่ืองการพัฒนา เป็นภาคส่วนที่จะอ�ำนวย ความสะดวก และขณะนน้ั ในฐานะผรู้ เิ รม่ิ หนว่ ยงานไดร้ บั การคาดหวงั วา่ ระบบบริหารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซีย 75

ภาพที่ 6 ข้าราชการพลเรือนในรัฐมลายกู ับเลขาธิการอังกฤษ ท่ีคาร์คอซาในปี พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) ทม่ี า: http://www.pmo.gov.my/ksn/dokumenattached/rencana/ CIVIL-SERVICE-FULL.pdf จะเป็นเคร่ืองมือในการผลักดันประเทศไปข้างหน้า เพื่อให้บรรลุ การปกครองทางเศรษฐกิจ การเสริมสร้างการพัฒนาทุนมนุษย์ที่อยู่ บนพ้ืนฐานความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึง การพัฒนาท่ียั่งยืนและคุณภาพชีวิต อีกท้ังการสร้างความเข้มแข็ง ใหส้ ถาบันการศกึ ษา และความสามารถในการด�ำเนนิ การ การให้บรกิ าร ด้านการปกครองและการทูต (ADS) ได้รับการระบุโดยทั่วไปว่า เป็นหน่วยงานที่ทรงเกียรติ ซ่ึง ADS มีท้ังเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส 76

ในระดบั รัฐบาลกลางและระดับรัฐ ลกั ษณะขององคก์ าร คอื เจา้ หนา้ ท่ี จะใหบ้ รกิ ารและท�ำงานในฐานะผบู้ รหิ าร และผพู้ ฒั นานโยบายหนว่ ยงาน ภาครัฐหรือกระทรวงต่างๆ ซ่ึงมีมุมมอง วัตถุประสงค์ และบทบาท ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งมีบทบาทเป็นท่ีปรึกษาในการด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมอื งเมอ่ื ปลายปี พ.ศ. 2533 ไดม้ นี โยบายการรบั สมคั รเจา้ หนา้ ที่ จากหลากหลายภูมิหลังทางการศึกษาและการวางต�ำแหน่งในกระทรวง ทีเ่ กย่ี วข้อง ขา้ ราชการพลเรอื นมลายู (MCS) มรี ากฐานในระบบการบรหิ ารราชการ ของอาณานิคมซึ่งก่อต้ังโดยอังกฤษ ดังนั้นมาเลเซียจึง “สืบทอด” ระบบขา้ ราชการพลเรอื นทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพไมน่ อ้ ยไปกวา่ ระบบทช่ี าวตา่ งชาติ ท่ีอยู่ในมาเลเซียวางไว้ให้ในช่วง พ.ศ. 2493 - 2503 ส�ำหรับสิ่งที่มี ความแตกต่างกบั ระบบอาณานิคมอนื่ ๆ ตรงทอ่ี ังกฤษคงไว้ซ่งึ โครงสร้าง ทางสังคมแบบด้ังเดิม และสถาบันทางการเมืองท่ีมีการเปลี่ยนแปลง บางอย่าง แมก้ อ่ นจะเปน็ เอกราช องั กฤษท�ำให้มั่นใจไดว้ า่ ขุนนางมาเลย์ และชนชั้นสูงทางการเมืองจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีส�ำหรับบทบาท ในระบบการบริหารอาณานิคม การเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญในช่วงที่ได้รับ เอกราช คอื “นโยบายการบรหิ ารการใหบ้ รกิ ารสาธารณะของมาเลเซยี ” ส่ิงนี้ถือเป็นวาระส�ำคัญของพันธมิตรรัฐบาลในการท่ีจะท�ำให้เป็นระบบ บรหิ ารราชการแผน่ ดินมาเลเซยี อยา่ งสมบรู ณ์ ในทสี่ ดุ เมอ่ื วนั ที่ 15 สงิ หาคม พ.ศ. 2511 การจดั ตงั้ ส�ำนกั งานสหพนั ธรฐั ได้ถูกเปล่ียนช่ือเป็น “หน่วยงานข้าราชการพลเรือน (Public Service Department)” [47] โดยมีเป้าหมายหลักคือ การคิดริเริ่ม พัฒนา ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซยี 77

ภาพที่ 7 คำ�สัง่ ทั่วไปและหนังสอื เวียนสำ�นักงานการจัดตง้ั สหพนั ธรฐั ในปี พ.ศ. 2497 - 2503 (ค.ศ. 1954 - 1960) ทมี่ า: http://www.pmo.gov.my/ksn/dokumenattached/rencana/ CIVIL-SERVICE-FULL.pdf ตลอดจนปรับเปล่ียนโครงสร้างของระบบข้าราชการพลเรือนมาเลเซีย เพ่อื ตอบสนองวาระการพฒั นาประเทศ หนว่ ยงานขา้ ราชการพลเรอื น (PSD) ยงั คงมบี ทบาทส�ำคญั ในปที ผ่ี า่ นมา ตอ่ ไปน้ี ตามที่ Merdeka ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ “มาเลเซียได้ผ่านความยากล�ำบากต่อไปในช่วงปีแรกหลังจาก ท่ีเป็นเอกราช เช่น ปัญหาฉุกเฉินในปี พ.ศ. 2512 จะเป็นประเด็น 78

ความหลากหลายทางเชื้อชาติของประชากร อีกท้ังระบบการบริการ สาธารณะท่ีได้รับการวางแผนอย่างต่อเน่ือง แนวทางการบ�ำรุงรักษา และการด�ำเนินนโยบายของรัฐบาลและโปรแกรม ที่จะมุ่งไปท่ี การประสบความส�ำเร็จในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และทุนทาง สังคมในการเดินหน้าของประเทศท่ีมีต่อการพัฒนาและก้าวไปสู่ภาวะ ทนั สมัย” [40] ระบบการบรกิ ารสาธารณะมบี ทบาททแี่ ขง็ แกรง่ ในภาคอตุ สาหกรรม การเกษตร และสังคม ผ่านแผน 5 ปี และนโยบายเศรษฐกิจใหม่ ของปี พ.ศ. 2513 ซ่งึ จะช่วยรักษาความสมดลุ ระหว่างการพัฒนาชนบท และอุตสาหกรรมให้เกิดแรงกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป ขณะทก่ี ารจดั การผลกระทบทางสงั คมของประเทศทม่ี คี วามหลากหลาย ดา้ นเช้อื ชาติ ตลอดหลายปีท่ีผ่านมาระบบการบริการสาธารณะมีการพัฒนา และได้พบกับความท้าทายท่ีต้องเผชิญกับประเทศท่ีมีการปรับตัว การเปลี่ยนแปลง การปรับสภาพแวดล้อมเข้าหากันทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม ทมี่ สี ว่ นท�ำใหเ้ ปน็ หนงึ่ ประเทศในภมู ภิ าคทที่ นั สมยั และมกี ารพัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง นับต้ังแต่ได้รับเอกราช ระบบข้าราชการพลเรือนเพ่ือการบริการ สาธารณะของมาเลเซียได้มีความหลากหลายของมิติในการตอบสนอง ความต้องการและความคาดหวังของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อื่นๆ ด้วยระบบการบริการสาธารณะท่ีในปัจจุบันมีข้าราชการพลเรือน ท่วั ประเทศกว่า 1.4 ล้านคน ซง่ึ มบี ทบาทเป็นผเู้ จรจาตอ่ รอง ผคู้ วบคุม ระบบบริหารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซีย 79

และผอู้ �ำนวยความสะดวก นอกจากนห้ี นว่ ยงานขา้ ราชการพลเรอื น (PSD) ยังกลายเป็นหน่วยงานส�ำคัญท่ีเปล่ียนแปลงระบบบริหารแผ่นดิน ของประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งมอบบริการท่ีมีการจัดการผลประโยชน์ ของประชาชน บริการท่ีให้ความมั่นใจและความปลอดภัยแก่ประชาชน และชมุ ชน ในปัจจุบันมาเลเซียที่เคยได้รับอิทธิพลของโครงสร้างทางการเมือง การปกครองของประเทศองั กฤษตามทไี่ ดก้ ลา่ วไวข้ า้ งตน้ คอื การปกครอง ดว้ ยโครงสรา้ งของระบบรฐั สภา ยกเวน้ ระบบรฐั บาล ทมี่ ที งั้ ระบบรฐั บาล กลางหรือสหพันธ์ (Federal Government) และรัฐบาลแห่งรัฐ (State Government) ซ่ึงการจัดระบบราชการต่างรองรับโครงสร้าง ข้างต้นในส่วนกลางมีกระทรวงต่างๆ ทั้งหมด 24 กระทรวง ในระดับ สหพนั ธรฐั จะสง่ ตวั แทนของตนเขา้ ไปอยปู่ ระจ�ำรฐั ตา่ งๆ เพราะโครงสรา้ ง การบริหารงานในแต่ละรัฐจะมีกระทรวงท่ีเลียนแบบโครงสร้าง การปกครองระดบั ชาติ ทงั้ นเี้ พอื่ ใหต้ วั แทนจากสหพนั ธค์ อยใหค้ �ำปรกึ ษา แนะน�ำ เป็นสื่อกลางระหว่างรัฐบาล มลรัฐ และรัฐบาลแห่งสหพันธ์ การมีโครงสร้างในการแบ่งกระทรวงท่ีถอดแบบมาจากส่วนกลางนี้ เป็นเคร่ืองมือในการควบคุมการด�ำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบาย ของรัฐบาลแห่งสหพันธ์ ปัจจุบนั กระทรวงตา่ งๆ มดี ังนี้ [40] w สํานักนายกรฐั มนตรี w กระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร w กระทรวงกลาโหม w กระทรวงการคา้ ภายใน สหกรณ์ และการคมุ้ ครองผูบ้ ริโภค 80

w กระทรวงศึกษาธิการและอดุ มศกึ ษา w กระทรวงพลังงาน เทคโนโลยเี พื่อส่งิ แวดล้อมและทรัพยากรน�ำ้ w กระทรวงกิจการดนิ แดนสหพันธรัฐ w กระทรวงการคลัง w กระทรวงการต่างประเทศ w กระทรวงสาธารณสุข w กระทรวงสวสั ดภิ าพชมุ ชนเมอื ง การเคหะ และการปกครองสว่ น ทอ้ งถิ่น w กระทรวงทรัพยากรมนษุ ย์ w กระทรวงการส่อื สาร และมัลติมเี ดยี w กระทรวงมหาดไทย w กระทรวงการค้าระหวา่ งประเทศและอุตสาหกรรม w กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม w กระทรวงอุตสาหกรรมการเพาะปลกู และโภคภณั ฑ์ w กระทรวงการพฒั นาชนบทและภมู ิภาค w กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม w กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม w กระทรวงการขนสง่ w กระทรวงกิจการสตรี ครอบครวั และการพัฒนาสงั คม w กระทรวงโยธาธิการ w กระทรวงเยาวชนและกฬี า ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรัฐมาเลเซยี 81

จากโครงสร้างข้างต้น ข้าราชการต้ังแต่ระดับปลัดกระทรวง อธิบดี กรม ผู้อ�ำนวยการกอง ฯลฯ ทั้งในระดับสหพันธรัฐหรือระดับรัฐ ต่างถูกก�ำหนดบทบาทท่ีจะสนองนโยบายรัฐบาลในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ทั้งสิ้น นอกจากน้ีการบริหารส่วนกลางได้ส่ังการและมอบนโยบาย การปฏบิ ัตงิ าน ใหก้ ารบรหิ ารส่วนภมู ิภาค ทข่ี ้าราชการได้รับการแต่งตงั้ จากส่วนกลางไปบริหารต้ังแต่ระดับอ�ำเภอ ระดับต�ำบล และระดับ หมู่บ้าน ซ่ึงจะเห็นได้ว่าโครงสร้างระบบราชการของประเทศมาเลเซีย เข้มแข็งและมอี ทิ ธิพลถงึ ระดบั ชมุ ชน 82

4 ภาพรวมของระบบราชการ ระบบบริหารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซยี 83

4.1 รปัฐรบะชาลาคนมโอยาบเซาียยนรัฐบาล และนโยบายการเข้าสู่ ภายหลังท่ีประเทศมาเลเซียได้รับเอกราช เมื่อปี พ.ศ. 2500 มาเลเซยี มรี ะบบราชการพลเรอื นมาแลว้ หลายระบบ คอื มที ง้ั ขา้ ราชการ ของรฐั บาลกลาง องคก์ ารปกครองสว่ นภมู ภิ าคและทอ้ งถน่ิ ตามทไี่ ดก้ ลา่ ว ไวใ้ นบทที่ 1 จงึ ท�ำใหเ้ กดิ ปญั หาในการตดิ ตอ่ สอื่ สารและประสานงาน [16] ในการแก้ปัญหาข้างต้น รัฐบาลจึงได้ตัดสินใจใช้โครงสร้างส่วนราชการ และขา้ ราชการตามทม่ี อี ยเู่ ดมิ ไปกอ่ น แลว้ ปรบั ปรงุ แบบคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป การปฏิรูประบบราชการในระดับโครงสร้างที่ส�ำคัญ คือ การจัดตั้ง กระทรวงพัฒนาแห่งชาติและชนบท เพ่ือท�ำหน้าท่ีในการประสานงาน และพฒั นา รวมทงั้ ผลกั ดนั และเรง่ รดั พฒั นา ตลอดจนจดั ท�ำ “สมดุ ปกแดง” อันเป็นทม่ี าของแผนพัฒนาประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญในการปฏิรูประบบราชการในช่วงเร่ิมแรกก็คือ การพฒั นาและอบรมเจา้ หนา้ ทใี่ หส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการในการพฒั นา ประเทศ โดยมวี ตั ถุประสงคก์ ารฝกึ อบรมคอื [44] w มขี ้าราชการพลเรือนท่ีกา้ วหน้า w มีประสิทธภิ าพ มคี วามสามารถ และประหยดั w พัฒนาข้าราชการให้มีความช�ำนาญ และมคี วามสามารถทย่ี ่ังยนื ทันกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ วิชาชีพ และวิชาการ ตลอดจน ความกา้ วหน้าดา้ นการจดั การทัง้ ภายในและภายนอกราชการ w มกี ารเข้าออกของเจ้าหนา้ ทีน่ อ้ ยทส่ี ดุ 84

w มีการบริหารการฝึกอบรมที่เป็นแบบเดียวกันทั้งระบบ โดยให้ สอดคล้องกบั นโยบายของรัฐบาล w มีการปฏิบัติต่อข้าราชการพลเรือนอย่างยุติธรรมและสม่�ำเสมอ ในเรือ่ งการฝึกอบรม การพฒั นาประเทศตามแผนดงั กลา่ วในชว่ งตน้ นน้ั ท�ำใหภ้ าคราชการ ขยายตวั ท้ังท่ีเปน็ หน่วยงานกลางและหนว่ ยงานปฏบิ ตั กิ าร เช่น ในกรณี ของหน่วยงานกลางได้มีการเพ่ิมหน่วยงานจากเดิมเม่ือปี พ.ศ. 2503 ซ่ึงมเี พียง 3 หนว่ ย คือ ส�ำนกั งานข้าราชการพลเรือน กระทรวงการคลัง และหน่วยงานเศรษฐกิจ โดยหน่วยงานที่เพ่ิมข้ึนอีก 3 หน่วย คือ หนว่ ยงานประสานงานการปฏบิ ตั กิ าร (Implementation Co-ordination Unit - ICU) หน่วยงานบริหารและวางแผนอัตราก�ำลังของมาเลเซีย (Malaysian Administration and Manpower Planning Unit - MAMPU) และหนว่ ยงานวจิ ยั ดา้ นเศรษฐศาสตรส์ งั คม (Social-Economic Research Unit - SERU) ส�ำหรับการขยายตัวในแง่คุณภาพนั้น กระทรวงการคลังได้มี การน�ำเข้าระบบงบประมาณแบบโครงการและแผนปฏิบัติการมาใช้ ท�ำใหร้ ะบบการจดั ท�ำงบประมาณของหนว่ ยงานปฏบิ ตั กิ ารดกี วา่ เดมิ มาก ส่วนส�ำนักข้าราชการพลเรือนก็มีการเปล่ียนแปลงภายใน กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2513 ไดจ้ ัดต้งั หนว่ ยงานพฒั นาอาชีพและการฝกึ อบรมและ ได้ยกระดับศูนย์ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ข้ึนเป็นสถาบันบริหารรัฐกิจแห่งชาติ (National Institute of Public Administration - INTAN) [44] อย่างไรก็ตาม การที่ภาคราชการเติบโตอย่างรวดเร็ว ท�ำให้เกิดปัญหา ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซยี 85

หลายประการเกี่ยวกับโครงสร้างส่วนราชการและการบริหารราชการ เช่น ความซ้�ำซ้อนในบทบาทและหน้าที่ ความไม่สอดประสานกัน ของโครงสรา้ งการจดั การหนว่ ยงาน ความไมเ่ พยี งพอของระบบการบรหิ าร ข้อมูล เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าว เมื่อประเทศมาเลเซียเข้าสู่ยุคการพัฒนา อตุ สาหกรรมตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2523 รฐั บาลจงึ ไดป้ รบั นโยบาย โดยการผลกั ดนั ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากย่ิงขึ้น โดยอดีต นายกรฐั มนตรมี หาธรี ์ มฮู มั หมดั ไดป้ ระกาศแนวคดิ ทจี่ ะใหม้ กี ารรว่ มมอื กนั ในรปู ของ “บรษิ ทั มาเลเซยี ” เพอื่ เรง่ รดั การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2539 ประเทศมาเลเซยี ไดม้ กี ารปฏริ ปู ราชการอกี ครง้ั โดยใชช้ อื่ วา่ “Civil Service Reforms towards Malaysia’s Vision 2020” นโยบายแหง่ ชาตนิ จี้ ะเนน้ การปฏริ ปู ภาคราชการในเรอ่ื งการปฏริ ปู การจดั ระบบการบรหิ ารและการจดั การภาคราชการ และเรอ่ื งการปฏริ ปู การจัดการระบบการให้บริการแก่ประชาชน จุดมุ่งหมายในการปฏิรูป ภาคราชการครั้งน้ี เพื่อที่จะเผชิญความท้าทายกับการเปลี่ยนแปลง ในศตวรรษที่ 21 เรื่องส�ำคัญที่น�ำมาปฏิรูประบบราชการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 มีอยู่ 6 เรือ่ งส�ำคัญคอื [44] 1. การพฒั นาผนู้ �ำทีม่ ีประสทิ ธิผล 2. การเปลี่ยนแปลงวธิ ีการจัดการ 3. การปรบั ปรงุ ผลิตภาพและคุณภาพ 4. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลการปฏบิ ตั งิ านสงู ข้ึน 86

5. การร่วมมอื กันอย่างใกล้ชดิ ระหวา่ งภาครฐั และเอกชน 6. การจัดการดา้ นการเงนิ รฐั บาลปจั จบุ นั ทน่ี �ำโดย นายกรฐั มนตรี นาจบิ ราซคั ไดด้ �ำเนนิ นโยบาย สานต่อวิสัยทัศน์ พ.ศ. 2563 (2020) อย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้มาเลเซีย เป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วในปี พ.ศ. 2563 ให้ส�ำเร็จ นายนาจิบ ราซัค ได้ก�ำหนดนโยบายมาเลเซียเป็นหนึ่งเดียว (1 Malaysia) ซึ่งมุ่งเน้น ที่จะพัฒนาประเทศ โดยเอาประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก (People First) [46] พรอ้ มๆ กบั การพฒั นาศกั ยภาพดา้ นตา่ งๆ ของประเทศ เพ่อื รองรับภารกจิ ตา่ งๆ ของประเทศทจ่ี ะน�ำพาประชาชนชาวมาเลเซยี ไปสจู่ ดุ หมายเดยี วกนั ผา่ น 2 กลยทุ ธท์ ใ่ี ชข้ บั เคลอ่ื นประเทศ คอื โปรแกรม การปฏิรปู การปกครอง (Government Transformation Program - GTP) [43] ท่ีมุ่งเน้นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อตอบโจทยค์ ณุ ภาพชีวติ ของประชาชน เชน่ การแกป้ ัญหาการจราจร ติดขัดในเขตเมือง การแก้ปัญหาอาชญากรรม การยกระดับมาตรฐาน และการเข้าถึงการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน การลดช่องว่างระหว่างคนรวย และคนจน การพัฒนาพื้นท่ีทุรกันดาร และการลดอัตราการคอรัปช่ัน ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 เป็นโปรแกรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ (Economic Transformation Program - ETP) ซ่ึงมุ่งเน้นพัฒนา 12 สาขา เป้าหมายเศรษฐกจิ แหง่ ชาติ (12 National Key Economic Areas - NKEAs) โดยได้ควบรวมนโยบายท้ังจากภาคการผลิตท่ีส�ำคัญ และ ภาคบริการท่ีก�ำลังทวีความสาคัญในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ของ IMP3 มาปรบั เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ประกอบเปน็ สาขาตา่ งๆ ทมี่ คี วามส�ำคญั ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซีย 87

และต้องด�ำเนินการพัฒนาเป็นอันดับแรก คือ ภาคอุตสาหกรรม จ�ำนวน 3 สาขา ไดแ้ ก่ นำ�้ มนั กา๊ ซและพลงั งาน นำ้� มนั ปาลม์ เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ภาคบรกิ ารจ�ำนวน 9 สาขา ไดแ้ ก่ การเงนิ การคา้ ปลกี การท่องเท่ียว เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การบริการธุรกิจ การบริการสุขภาพ การเกษตร การพัฒนากรุงกัวลาลัมเปอร์ให้เป็น เมอื งชั้นน�ำ [42] โดย NKEAs ถือเปน็ กลไกหลักในการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจ ของมาเลเซียให้มคี วามกา้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4.1.1 นโยบายหลกั ในการปฏิรูปและพฒั นามาเลเซีย นายกรฐั มนตรนี าจบิ ไดร้ เิ รมิ่ นโยบายการปฏริ ปู และพฒั นาใหม้ าเลเซยี ก้าวไปสู่ประเทศท่ีพัฒนาแล้ว ให้มีรายได้มวลรวมประชาชาติ (Gross National Income - GNI) 15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ตามวิสยั ทัศน์ พ.ศ. 2563 หรอื Vision 2020 โดยมีแนวคดิ และนโยบายเป็น 4 เสาหลกั (Pillars) [45] ดังน้ี 1. หนึ่งมาเลเซีย ประชาชนมาก่อน และปฏิบัติทันที (One Malaysia, People First, Performance Now) เป็นแนวคิด เพอื่ สง่ เสรมิ ความเปน็ เอกภาพของประเทศชาติ การยอมรบั ชาวมาเลเซยี ตา่ งเชอ้ื สาย และรฐั บาลทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยจะสง่ เสรมิ คณุ คา่ 8 ประการ ในสังคมมาเลเซีย ได้แก่ 1) ความมานะบากบั่น 2) การยอมรับ 3) การศกึ ษา 4) ความซ่อื ตรง 5) ระบบสงั คมทีเ่ ชอื่ ในการท�ำความส�ำเร็จ ดว้ ยตนเอง 6) ความออ่ นน้อมถ่อมตน 7) ความจงรกั ภักดี 8) วัฒนธรรม 88

ระบบบริหารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซีย 89

ด้านความเปน็ เลศิ 2. โปรแกรมการปฏริ ปู การปกครอง (Government Transformation Program - GTP) เป็นนโยบายปรับปรุงและปฏิรูปการท�ำงาน และ การให้บริการของภาครัฐให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบสนอง ความต้องการของประชาชน โดยก�ำหนดประสิทธิผลส�ำคัญระดับชาติ (National Key Result Areas - NKRA) 7 ประการ คอื 1) ลดอาชญากรรม 2) ตอ่ ตา้ นการคอรปั ชน่ั 3) ปรบั ปรงุ ผลการศกึ ษาของนกั เรยี น 4) ยกระดบั ความเป็นอยู่ของประชากรท่ีมีรายได้ต่�ำ 5) อัตราค่าครองชีพท่ีสูงข้ึน 6) ปรับปรุงโครงสร้างพ้ืนฐานในพื้นท่ีชนบท 7) ปรับปรุงระบบ ขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ โดยแต่ละเป้าหมายหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง จะจดั ท�ำตวั ช้ีวัด (Key Performance Indicators - KPIs) และด�ำเนิน โครงการต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ท้ังน้ีรัฐบาลมาเลเซียได้จัดต้ัง หน่วยการบริหารจัดการการปฏิบัติการและส่งมอบ (Performance Management and Delivery Unit - PERMANDU) สังกัด ส�ำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้เป็นหน่วยงานหลักในการติดตาม การด�ำเนินการของหน่วยงานที่เก่ียวข้องต่างๆ ตามนโยบายโปรแกรม การปฏริ ปู การปกครอง (GTP) 3. แนวคดิ ตน้ แบบเศรษฐกจิ ใหม่ (New Economic Model - NEM) เปน็ สว่ นประกอบทเี่ ปน็ พน้ื ฐานส�ำหรบั นโยบายการปฏริ ปู ดา้ นเศรษฐกจิ (Economic Transformation Program - ETP) ทั้งเป็นแนวคิด การพฒั นาเศรษฐกจิ ซง่ึ นายกรฐั มนตรนี าจบิ ไดม้ อบหมายใหส้ ภาทป่ี รกึ ษา เศรษฐกจิ แหง่ ชาติ (National Economic Advisory Council - NEAC) 90

เป็นผู้ศึกษาและเสนอต่อรัฐบาล โดยมีจุดประสงค์หลัก 3 ประการ คือ การเพิ่มรายได้ การกระจายรายได้และผลประโยชน์ให้ครอบคลุม ทกุ ภาคสว่ น และการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื และก�ำหนดยทุ ธศาสตรก์ ารปฏริ ปู (Strategic Reform Initiatives - SRIs) 8 ประการ เพ่ือใหเ้ ศรษฐกจิ มาเลเซียบรรลุเป้าหมายตาม NEM ได้แก่ 1) ผลักดันให้ภาคเอกชน เป็นผู้ขับเคล่ือนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 2) เพ่ิมคุณภาพแรงงาน ชาวมาเลเซยี และลดการพง่ึ พาแรงงานตา่ งชาติ 3) สรา้ งสรรคเ์ ศรษฐกจิ เพอ่ื การแขง่ ขนั ภายในมาเลเซีย 4) สร้างความแข็งแกร่งใหร้ ะบบราชการ 5) ใหส้ ทิ ธพิ เิ ศษส�ำหรบั ผดู้ อ้ ยโอกาสทโ่ี ปรง่ ใสและเปน็ มติ รกบั ระบบตลาด 6) การสร้างคลงั ความรแู้ ละพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 7) สง่ เสริมปัจจัย ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ และ 8) สง่ เสรมิ การเจรญิ เตบิ โต แบบยั่งยืน โดย ETP เป็นนโยบายการปฏิรูปทางเศรษฐกิจท่ีมีแนวคิด NEM เป็นรากฐาน โดยจะใช้ยุทธศาสตร์การปฏิรูป SRIs 8 ประการ ของ NEM เป็นตัวช่วยขับเคลื่อน (Enablers) และก�ำหนดภาคส่วน ทางเศรษฐกจิ ท่ีส�ำคัญระดบั ชาติ (National Key Economic Areas - NKEA) ซง่ึ จะเปน็ ตัวขบั เคลื่อนหลัก (Drivers) ในการพฒั นาและปฏิรปู เศรษฐกจิ มาเลเซยี โดยภายหลงั การประกาศแนวคดิ NEM เมอ่ื 30 มนี าคม พ.ศ. 2553 PERMANDU ได้จัดการประชุมร่วมกันกับภาคส่วนต่างๆ ทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพือ่ ก�ำหนด NKEA และตอ่ มา ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ NKEA Labs เพ่ือก�ำหนดรายละเอียด เบ้ืองต้นเก่ียวกับโครงการพัฒนาต่างๆ ในแต่ละ NKEA ซึ่งได้แก่ 1) การพัฒนาพื้นท่ีกัวลาลัมเปอร์ท่ียิ่งใหญ่ 2) อุตสาหกรรมน�้ำมัน ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรฐั มาเลเซยี 91

กา๊ ซธรรมชาติ และพลงั งาน 3) อุตสาหกรรมปาลม์ น้ำ� มนั และยางพารา 4) การค้าปลีกและค้าส่ง 5) การบริการการเงิน 6) การท่องเที่ยว 7) อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 8) การบริการด้านธุรกิจ 9) เนื้อหาของการสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐาน 10) การศึกษา 11) เกษตรกรรม และ 12) การบรกิ ารทางการแพทย์ 4. แผนมาเลเซียฉบับท่ี 10 (10th Malaysia Plan - 10MP) เปน็ แผนพัฒนาประเทศระยะเวลา 5 ปี ระหวา่ งปี พ.ศ. 2554 - 2558 โดยมีเป้าหมายหลักคือ การพัฒนามาเลเซียให้ก้าวไปสู่ประเทศที่มี รายได้สูง (High Income Country) งบประมาณ 230 พันลา้ นรงิ กิต โดยเปน็ งบประมาณพฒั นาดา้ นกายภาพรอ้ ยละ 60 และเปน็ งบประมาณ ท่ีไม่ใช่การพัฒนาด้านกายภาพร้อยละ 40 และสามารถแบ่งสัดส่วน ตามภาคส่วนต่างๆ ได้ดังนี้ งบประมาณด้านเศรษฐกิจร้อยละ 55 งบประมาณด้านสังคมร้อยละ 30 งบประมาณด้านความมั่นคงร้อยละ 10 และงบประมาณบริหารจัดการทั่วไปร้อยละ 5 เป้าหมายทาง เศรษฐกิจ GDP ขยายตัวเฉล่ียร้อยละ 6 ต่อปี GNI เพิ่มเป็น 12,139 ดอลลารส์ หรฐั (38,845 ริงกติ ) ต่อคนตอ่ ปี ในปี พ.ศ. 2558 การลงทุน ภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 12.8 ตอ่ ปี การบริโภคภาคเอกชนขยายตวั รอ้ ยละ 7.7 ตอ่ ปี การลงทนุ ภาครฐั ขยายตัวรอ้ ยละ 5 ตอ่ ปี การบริโภค ภาครัฐขยายตัวร้อยละ 4.8 ต่อปี การขาดดุลงบประมาณลดลงเหลือ ร้อยละ 2.8 ของ GDP ในปี พ.ศ. 2558 การสง่ ออกขยายตวั ร้อยละ 7.2 ตอ่ ปี การน�ำเขา้ ขยายตวั ร้อยละ 8.6 ตอ่ ปี 92

4.2 จ�ำ นวน และรายชื่อกระทรวงพร้อมทต่ี ดิ ต่อ ระบบราชการมาเลเซยี มกี ระทรวงท้งั หมด 24 กระทรวง ดงั น้ี [40] รายชือ่ กระทรวง ขอ้ มลู ตดิ ตอ่ สำ�นกั นายกรัฐมนตรี ทอ่ี ยู่ : Main Block, Perdana Putra (The Prime Minister’s Office) Building, Federal Government Administrative Centre, 62502 PUTRAJAYA อเี มล : [email protected] กระทรวงเกษตร ทอ่ี ยู่ : Level 17 Wisma Tani, No. 28, และอุตสาหกรรมการเกษตร Persiaran Perdana, Precint 4, (Ministry of Agriculture Federal Governmen and Agro-based Industry) Administrative Centre, 62624 PUTRAJAYA. อีเมล : [email protected] ระบบบริหารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซีย 93

รายชอ่ื กระทรวง ขอ้ มูลติดตอ่ กระทรวงกลาโหม ที่อยู่ : Wisma Pertahanan, (Ministry of Defence) Jalan Padang Tembak, 50634 KUALA LUMPUR อีเมล : [email protected] กระทรวงการคา้ ภายในสหกรณ์ ทอี่ ยู่ : Level 13 (Tower), No. 13, และการคุ้มครองผ้บู รโิ ภค Persiaran Perdana, Precint 2, Pusat Pentadbiran Kerajaan (Ministry of Domestic Trade, Persekutuan, 62623 Cooperatives and Consumerism) PUTRAJAYA. อีเมล : [email protected] กระทรวงพลังงานเทคโนโลยี ท่อี ยู่ : Level 6, Block E4/5, Parcel E, เพ่อื สงิ่ แวดลอ้ มและทรัพยากรน�้ำ Federal Government Administrative Centre, 62668 (Ministry of Energy, Green PUTRAJAYA. Technology and Water) เวบ็ ไซต์ : http://www.kettha.gov.my/ 94

รายชือ่ กระทรวง ข้อมูลติดตอ่ กระทรวงศึกษาธิการและอดุ มศึกษา ทีอ่ ยู่ : Level 18, No. 2, Tower 2, (Ministry of Education and Jalan P5/6, Presint 5, 62200 Higher Learning) PUTRAJAYA. Level 4 West Block, Perdana Putra Building, Federal Government Administrative Centre, 62502 Putrajaya, MALAYSIA เว็บไซต์ : http://www.moe.gov.my อีเมล : [email protected] กระทรวงกจิ การดินแดนสหพนั ธรฐั ท่อี ยู่ : Level 4, Block B2, (Ministry of Federal Territories) Menara Seri Wilayah, Precint 2, Federal Government Administrative Centre, 62100 PUTRAJAYA. เวบ็ ไซต์ : http://www.kwpkb.gov.my/ กระทรวงการต่างประเทศ ทอี่ ยู่ : Level 3, Wisma Putra, (Ministry of Foreign Affairs) Presint 2, Federal Government Administrative Centre, 62602 PUTRAJAYA. อีเมล : anifah@[email protected] ระบบบรหิ ารราชการของสหพนั ธรฐั มาเลเซีย 95

รายชอื่ กระทรวง ข้อมูลติดตอ่ กระทรวงการคลงั ที่อยู่ : Main Block, Perdana Putra (Ministry of Finance) Building, Federal กระทรวงสาธารณสุข Government Administrative (Ministry of Health) Centre, 62502 PUTRAJAYA. Level 11, Centre Block, Precint 2, Federal Government Administrative Centre, 62592 PUTRAJAYA อเี มล : [email protected] [email protected] ท่ีอยู่ : Level 13, Block E7, Parcel E, Federal Government Administrative Centre, 62590 PUTRAJAYA. อีเมล : [email protected] กระทรวงสวสั ดภิ าพชมุ ชนเมอื ง ทอี่ ยู่ : Level 18, No.51, Persiaran การเคหะและการปกครอง Perdana, Precint 4, Federal สว่ นทอ้ งถิน่ Government Administrative Centre, 62100 PUTRAJAYA. (Ministry of Urban Wellbeing, อเี มล : [email protected] Housing and Local Government) 96

รายชอ่ื กระทรวง ข้อมูลติดตอ่ กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ ทอ่ี ยู่ : Level 9, Block D3, Parcel D, (Ministry of Human Resources) Federal Government Administrative Centre, 62530 PUTRAJAYA. อเี มล : [email protected] กระทรวงการส่อื สาร ทอี่ ยู่ : Lot 4G9, Persiaran Perdana, และมัลติมีเดีย Precint 4 Federal Government Administrative (Ministry of Communication and Centre, 62100 PUTRAJAYA Multimedia) อเี มล : [email protected] กระทรวงมหาดไทย ที่อยู่ : Level 12, Block D1, Parcel D, (Ministry of Home Affairs) Federal Government กระทรวงการค้าระหว่างประเทศ Administrative Centre, และอตุ สาหกรรม 62502 PUTRAJAYA. (Ministry of International ทอ่ี ยู่ : Level 15, Block 10, Government Office Trade and Industry) Complex, Jalan Duta, 50622 KUALA LUMPUR. อีเมล : [email protected] ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซยี 97

รายชอื่ กระทรวง ขอ้ มลู ตดิ ตอ่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีอยู่ : Level 17, Wisma Sumber Asli, และสง่ิ แวดลอ้ ม No.25 Persiaran Perdana, Presint 4, 62574 Putrajaya, (Ministry of Natural Resources and Environment) Malaysia อีเมล : [email protected] กระทรวงอุตสาหกรรมการเพาะปลูก ทอ่ี ยู่ : Level 13, No. 15, Persiaran และโภคภัณฑ์ Perdana, Presint 2, Federal Government Administrative (Ministry of Plantation Industries Centre, 62654 PUTRAJAYA. and Commodities) กระทรวงการพฒั นาชนบท ท่ีอยู่ : Level 32, No. 47 Persiaran และภมู ภิ าค Perdana, Presint 4, 62100 PUTRAJAYA. (Ministry of Rural and Regional Development) อีเมล : [email protected] 98

รายช่ือกระทรวง ข้อมลู ติดต่อ กระทรวงวิทยาศาสตร์ ที่อยู่ : Level 7, Block C5, Parcel C, เทคโนโลยแี ละนวัตกรรม Federal Government (Ministry of Science, Technology Administrative Centre, 62662 PUTRAJAYA. and Innovations) เว็บไซต์ : http://www.mosti.gov.my/ กระทรวงการทอ่ งเที่ยว ท่อี ยู่ : Level 18, No. 2, Tower 1, และวฒั นธรรม Jalan P5/6 Precinct 5, 62200 PUTRAJAYA (Ministry of Tourism and Culture) อีเมล : [email protected] กระทรวงการขนสง่ ที่อยู่ : Wisma Pertahanan, (Ministry of Transport) Jalan Padang Tembak, 50634 KUALA LUMPUR อเี มล : [email protected] ระบบบรหิ ารราชการของสหพันธรัฐมาเลเซยี 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook