โครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จัดทาโดย นางสาวณฎั ฐนิช มณีวรรณ์ ครผู ้สู อน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ผลการเรยี นร้แู ละสาระการเรียนรูเ้ พ่มิ เตมิ สาระฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทาง ฟิสกิ ส์เป็นวิทยาศาสตรแ์ ขนงหน่ึงทศ่ี กึ ษาเก่ียวกบั สสาร พลงั งาน อันตรกริ ิยา ฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมท้ังพัฒนาการ ระหว่างสสารกับพลงั งาน และแรงพน้ื ฐานในธรรมชาติ ของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ท่ีมีผลต่อ การคน้ คว้าหาความร้ทู างฟิสิกสไ์ ดม้ าจากการสงั เกต การทดลอง และเก็บ การแสวงหาความรู้ใหม่และการพัฒนา รวบรวมขอ้ มลู มาวิเคราะห์ หรือจากการสร้างแบบจาลองทางความคิด เพ่อื สรปุ เทคโนโลยี เป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ความรูเ้ หลา่ นี้สามารถนาไปใชอ้ ธบิ าย ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือทานายส่ิงทีอ่ าจจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต ประวตั คิ วามเปน็ มาและพัฒนาการของหลกั การและแนวคิดทางฟสิ กิ สเ์ ป็น พน้ื ฐานในการแสวงหาความรใู้ หมเ่ พม่ิ เตมิ รวมถงึ การพฒั นาและความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยกี ม็ ีสว่ นในการค้นหาความร้ใู หมท่ างวิทยาศาสตรด์ ว้ ย 2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ความรู้ทางฟิสกิ ส์สว่ นหนึ่งได้จากการทดลอง ซ่งึ เก่ียวข้องกับกระบวนการวัด ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อน ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ ซึ่งประกอบดว้ ยตวั เลข และหน่วยวดั ในการวดั มาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมท้ัง ปรมิ าณทางฟสิ ิกสส์ ามารถวดั ไดด้ ว้ ยเครอื่ งมอื ต่างๆ โดยตรงหรอื ทางออ้ ม แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ หน่วยทใี่ ชใ้ นการวัดปริมาณทางวิทยาศาสตร์ คอื ระบบหน่วยระหวา่ งชาติ และแปลความหมายจากกราฟเสน้ ตรง เรียกยอ่ วา่ ระบบเอสไอ ปรมิ าณทางฟิสกิ สท์ ีม่ ีคา่ น้อยกวา่ หรือมากกว่า 1 มาก ๆ นยิ มเขยี นในรูป ของสญั กรณ์วิทยาศาสตร์ หรือเขยี นโดยใชค้ านาหนา้ หนว่ ยของระบบ เอสไอ การเขียนโดยใชส้ ญั กรณ์วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นการเขียนเพ่ือแสดงจานวนเลข นัยสาคญั ที่ถกู ตอ้ ง การทดลองทางฟิสิกสเ์ กีย่ วกบั การวัดปรมิ าณต่างๆ การบันทึกปรมิ าณท่ีไดจ้ าก การวัดด้วยจานวนเลขนยั สาคญั ทีเ่ หมาะสมและคา่ ความคลาดเคลือ่ น การวิเคราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เช่น การหาความชนั จาก กราฟเสน้ ตรง จดุ ตดั แกน พนื้ ทใี่ ต้กราฟ เป็นตน้ การวดั ปรมิ าณต่างๆ จะมีความคลาดเคลื่อนเสมอขน้ึ อยกู่ บั เคร่ืองมือ วิธกี ารวัด และประสบการณ์ของผู้วดั ซง่ึ คา่ ความคลาดเคล่ือนสามารถแสดงในการ รายงานผลทงั้ ในรูปแบบตัวเลขและกราฟ การวดั ควรเลือกใช้เคร่ืองมอื วดั ใหเ้ หมาะสมกับส่ิงที่ต้องการวดั เชน่ การวัด ความยาวของวัตถทุ ี่ต้องการความละเอยี ดสงู อาจใชเ้ วอรเ์ นียร์แคลลิเปริ ส์ หรือ ไมโครมิเตอร์ ฟสิ ิกส์อาศยั คณิตศาสตร์เป็นเครอ่ื งมอื ในการศกึ ษาคน้ คว้า และการสอื่ สาร
ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรเู้ พมิ่ เตมิ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณท่ีเก่ียวกับการเคล่ือนที่ ได้แก่ ตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว ตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง และความเร่ง โดยความเร็วและความเร่งมีท้ังค่าเฉล่ียและค่าขณะหนึ่ง ซึ่ง ของการเคล่ือนที่ของวัตถุในแนวตรงที่มี คดิ ในช่วงเวลาส้นั ๆ สาหรับปริมาณต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ งกับการเคลอ่ื นที่แนวตรง ความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมท้ัง ดว้ ยความเร่งคงตวั มคี วามสมั พนั ธต์ ามสมการ ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ียวข้อง () การอธิบายการเคลื่อนท่ีของวัตถุสามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตาแหน่งกบั เวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรอื กราฟความเรง่ กับเวลา ความชันของ เสน้ กราฟตาแหน่งกับเวลาเปน็ ความเรว็ ความชันของเสน้ กราฟความเรว็ กับ เวลาเป็นความเร่ง และพ้ืนท่ีใต้เส้นกราฟความเร็วกับเวลาเป็นการกระจัด ในกรณีท่ีผู้สังเกตมีความเร็ว ความเร็วของวัตถุท่ีสังเกตได้เป็นความเรว็ ที่ เทยี บกับผสู้ งั เกต การตกแบบเสรเี ป็นตวั อยา่ งหนง่ึ ของการเคลอื่ นทใี่ นหนึง่ มิตทิ ีม่ ีความเร่งเท่ากับ ความเร่งโนม้ ถว่ งของโลก 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรง แรงเปน็ ปริมาณเวกเตอรจ์ ึงมที ั้งขนาดและทิศทางกรณีทม่ี ีแรงหลาย ๆ แรงกระทา สองแรงทที่ ามุมตอ่ กัน ต่อวตั ถุสามารถหาแรงลพั ธท์ ี่กระทาต่อวัตถุโดยใช้วธิ ีเขยี นเวกเตอรข์ องแรงแบบ หางต่อหวั วิธสี ร้างรปู สเี่ หลี่ยมด้านขนานของแรงและวิธคี านวณ 5. เขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุอิสระ สมบัติของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพการเคล่ือนท่ี เรียกว่า ความเฉ่ือย ทดลองและอธิบายกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน มวลเปน็ ปริมาณทบ่ี อกใหท้ ราบวา่ วตั ถใุ ดมคี วามเฉ่อื ยมากหรอื นอ้ ย และการใช้กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันกับสภาพ การหาแรงลัพธ์ท่ีกระทาตอ่ วัตถสุ ามารถเขียนเป็นแผนภาพของแรงที่กระทาตอ่ การเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมท้ังคานวณปริมาณ วัตถอุ สิ ระได้ ต่าง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง กรณที ่ไี มม่ ีแรงภายนอกมากระทา วตั ถุจะไมเ่ ปล่ยี นสภาพการเคลื่อนที่ซงึ่ เปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนท่ีขอ้ ที่หนงึ่ ของนิวตัน กรณีทม่ี ีแรงภายนอกมากระทาโดยแรงลพั ธ์ทีก่ ระทาตอ่ วตั ถไุ มเ่ ป็นศนู ย์ วตั ถจุ ะ มคี วามเร่ง โดยความเร่งมีทิศทางเดยี วกับแรงลพั ธ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรง ลัพธ์ มวลและความเร่ง เขยี นแทนได้ดว้ ยสมการ ∑⃑ ⃑ ตามกฎการเคล่อื นท่ีข้อที่สองของนวิ ตนั เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทาต่อกัน แรงระหว่างวัตถุทั้งสองจะมีขนาด เท่ากัน แต่มีทศิ ทางตรงข้ามและกระทาต่อวตั ถุคนละก้อน เรียกว่า แรงคู่ กิริยา-ปฏิกิริยา ซ่ึงเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อท่ีสามของนิวตัน และ เกิดขึ้นได้ทัง้ กรณที ีว่ ตั ถุท้งั สองสมั ผัสกนั หรอื ไมส่ ัมผสั กนั กไ็ ด้
ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของ แรงดงึ ดูดระหว่างมวลเป็นแรงทม่ี วลสองก้อนดงึ ดดู ซึง่ กนั และกนั ด้วยแรงขนาด สนามโน้มถ่วงท่ีทาให้วัตถุมีน้าหนัก รวมท้ัง เท่ากันแต่ทิศทางตรงข้ามและเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล เขียนแทนได้ คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ดว้ ยสมการ รอบโลกมสี นามโน้มถว่ งทาให้เกิดแรงโน้มถว่ ง ซง่ึ เป็นแรงดึงดดู ของโลกที่ กระทาตอ่ วัตถุ ทาใหว้ ัตถมุ นี า้ หนกั 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคานวณแรงเสียดทาน แรงที่เกดิ ข้นึ ทีผ่ ิวสัมผัสระหวา่ งวตั ถสุ องกอ้ นในทิศทางตรงขา้ มกบั ทิศทาง ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีท่ี การเคล่อื นที่ หรอื แนวโนม้ ทีจ่ ะเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุ เรียกว่า แรงเสยี ดทาน วัตถหุ ยุดน่งิ และวัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหา แรงเสยี ดทานระหว่างผิวสมั ผสั คู่หนงึ่ ๆ ข้นึ กับสมั ประสทิ ธคิ์ วามเสียดทาน สัมประสิทธ์ิความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส และแรงปฏิกิริยาต้ังฉากระหวา่ งผวิ สัมผสั คูน่ ั้น ๆ ของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนาความรู้เร่ืองแรงเสียด ขณะออกแรงพยายามแตว่ ตั ถยุ ังคงอยูน่ ิ่งแรงเสียดทานมขี นาดเทา่ กบั ทานไปใช้ในชีวิตประจาวนั แรงพยายามทก่ี ระทาต่อวัตถุน้ัน และแรงเสยี ดทานมคี า่ มากทีส่ ุดเมอื่ วัตถเุ ร่มิ เคล่ือนท่ี เรียกแรงเสียดทานน้ีว่า แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานที่ กระทาต่อวัตถุขณะกาลังเคล่ือนที่ เรียกว่า แรงเสียดทานจลน์ โดยแรงเสียด ทานทเ่ี กดิ ระหว่างผวิ สัมผสั ของวัตถคุ หู่ น่ึง ๆ คานวณไดจ้ ากสมการ การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานมีผลต่อการเคล่ือนท่ีของวัตถุ ซึ่งสามารถ นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน 16. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ การเคล่อื นท่ีแนวโค้งพาราโบลาภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้านของ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ และ อากาศเป็นการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ วตั ถุมีการเปล่ยี นตาแหน่งในแนวดิง่ ทดลองการเคลื่อนท่แี บบโพรเจกไทล์ และแนวระดับพรอ้ มกัน และเป็นอสิ ระตอ่ กัน สาหรบั การเคล่อื นทใี่ นแนวดงิ่ เปน็ การเคลื่อนทท่ี ่ีมแี รงโนม้ ถ่วงกระทาจงึ มคี วามเร็วไมค่ งตัว ปรมิ าณต่าง ๆ มี ความสัมพนั ธต์ ามสมการ () ส่วนการเคลือ่ นที่ในแนวระดบั ไมม่ แี รงกระทาจึงมีความเรว็ คงตัว ตาแหน่ง ความเร็ว และเวลา มคี วามสัมพันธต์ ามสมการ 17. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ วัตถุท่ีเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม เรียกว่า วัตถุน้ันมีการ ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น เคลือ่ นทแ่ี บบวงกลม ซึง่ มีแรงลพั ธท์ กี่ ระทากบั วัตถุในทศิ เข้าสศู่ ูนย์กลาง อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนท่ี แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมท้ังคานวณปริมาณ เรยี กวา่ แรงสศู่ นู ยก์ ลาง ทาใหเ้ กิดความเร่งสศู่ ูนยก์ ลางทม่ี ีขนาดสมั พนั ธ์กับรศั มี ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การ ของการเคลือ่ นทแ่ี ละอตั ราเร็วเชงิ เส้นของวัตถุ ซ่ึงแรงสู่ศูนยก์ ลาง คานวณได้ เคล่ือ นที่ แบบวง กลมในก าร อธิบาย การโ คจ รข อ ง จากสมการ ดาวเทยี ม
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเติม 17. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ นอกจากนี้การเคลือ่ นที่แบบวงกลมยงั สามารถอธบิ ายได้ด้วยอตั ราเรว็ เชิงมุม ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วเชิงเส้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กับอัตราเร็วเชิงเส้นตามสมการ อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนท่ี ศนู ย์กลางมีความสมั พันธ์กบั อตั ราเรว็ เชิงมุมตามสมการ และแรงสู่ แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทั้งคานวณปริมาณ ดาวเทียมท่โี คจรในแนววงกลมรอบโลกมีแรงดึงดูดทโ่ี ลกกระทาตอ่ ดาวเทยี ม ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การ เคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของ เป็นแรงสูศ่ ูนยก์ ลาง ดาวเทยี มท่โี คจรค้างฟ้าในระนาบของเสน้ ศูนยส์ ตู รมีคาบ ดาวเทียม การโคจรเท่ากับคาบการหมุนรอบตัวเองของโลก หรือมอี ตั ราเร็วเชงิ มุมเท่ากับ อัตราเร็วเชงิ มมุ ของตาแหน่งบนพนื้ โลก ดาวเทยี มจงึ อยตู่ รงกับตาแหน่งท่ี กาหนดไว้บนพน้ื โลก * สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560)
คาอธิบายรายวชิ าเพ่มิ เติม รายวชิ าเพิม่ เติม ฟสิ ิกส์ เลม่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 80 ชั่วโมง/ปี จานวน 2 หนว่ ยกติ ศึกษาความร้ทู างฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ การวัดปริมาณ ทางฟิสิกส์ ความคลาดเคลื่อนในการวัด การแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ ความหมายจากกราฟเส้นตรง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างตาแหน่ง การกระจดั ความเร็ว ความเรง่ ของการเคล่ือนทข่ี องวตั ถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัว จากกราฟและสมการ ค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทามุมต่อกัน กฎการเคลื่อนท่ีของนิว ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล การใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงเสียดทานระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่งๆ ในกรณีท่ีวัตถุหยุดนิ่งและวัตถุเคลื่อนที่ สัมประสิทธ์ิความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของ วัตถุคู่หน่ึง ๆ และนาความรู้เร่ืองแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจาวัน การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ และปริมาณ ต่างๆ ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วเชิง เส้น อัตราเร็วเชิงมุม มวลของวัตถุในการเคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ การประยุกต์ใช้ความรู้การเคล่ือนที่ แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การอธิปราย การอธิบายและการสรุปผล เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิด และความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทีถ่ กู ต้อง ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมท้ังพัฒนาการของหลักการและ แนวคิดทางฟสิ ิกส์ท่มี ีผลต่อการแสวงหาความรใู้ หมแ่ ละการพฒั นาเทคโนโลยไี ด้ 2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนาเสนอผล รวมท้ังแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจากกราฟ เสน้ ตรงได้ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคลื่อนที่ ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ คานวณปริมาณต่างๆ ท่เี กีย่ วข้องได้ 4. ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงทท่ี ามุมต่อกนั ได้ 5. เขียนแผนภาพของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและการใช้ กฎการเคลอ่ื นทข่ี องนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวตั ถุ รวมทัง้ คานวณปริมาณตา่ งๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งได้
6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีทาให้วัตถุมีน้าหนัก รวมทั้งคานวณปริมาณ ตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ งได้ 7. วิเคราะห์ อธบิ าย และคานวณแรงเสยี ดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึงๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและ วตั ถเุ คล่อื นท่ี รวมทงั้ ทดลองหาสมั ประสทิ ธคิ์ วามเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึงๆ และนาความรู้เรื่องแรง เสียดทานไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และทดลอง การเคลอื่ นท่ีแบบโพรเจกไทล์ได้ 9. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคล่ือนท่ี อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ รวมท้ังคานวณปริมาณต่างๆ ท่ี เกีย่ วข้อง และประยุกตใ์ ช้ความรู้การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียมได้ รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
โครงสรา้ งรายวิชา ฟิสกิ ส์ ม.4 เล่ม 1 หน่วย ช่ือหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา ท่ี เรียนรู้ (ชม.) 1 การศึกษาวิชา 1. สบื คน้ และอธบิ ายการ ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหน่ึงท่ีศึกษา 8 ฟิสิกส์ ค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ เกยี่ วกับสสาร พลงั งาน อันตรกิริยาระหว่างสสารกับ ประวัติความเปน็ มา รวมท้งั พลังงาน และแรงพนื้ ฐานในธรรมชาติ พัฒนาการของหลักการและ การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มาจากการ แนวคดิ ทางฟสิ กิ ส์ทม่ี ผี ลต่อ สังเกต การทดลอง และเก็บรวบรวมข้อมูลมา การแสวงหาความรใู้ หมแ่ ละ วิเคราะห์ หรือจากการสร้างแบบจาลองทางความคิด การพัฒนาเทคโนโลยไี ด้ เพ่ือสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ซ่ึงสามารถ 2. วัดและรายงานผลการวดั นาไปใช้อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือทานายสงิ่ ปริมาณทางฟสิ กิ สไ์ ด้ถกู ตอ้ ง ท่ีอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประวัติความเป็นมา เหมาะสม โดยนาความ และพัฒนาการของหลักการ และแนวคิดทางฟิสิกส์ คลาดเคล่อื นในการวดั มา เป็นพื้นฐานในการแสวงหา ความรู้ใหม่เพ่ิมเติม พจิ ารณาในการนาเสนอผล รวมถึงการพัฒนาและความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีก็ รวมทั้งแสดงผลการทดลองใน มสี ว่ นในการค้นหาความรู้ใหมท่ างวิทยาศาสตร์ด้วย รปู ของกราฟ วเิ คราะห์และ ความรทู้ างฟสิ ิกสส์ ่วนหน่ึงได้จากการทดลอง ซ่ึง แปลความหมายจากกราฟ เกี่ยวข้องกับกระบวนการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ เสน้ ตรงได้ ประกอบด้วยค่าท่ีเป็นตัวเลขและหน่วยวัด โดย สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง หรือ ท า ง อ้อม หน่ ว ย ท่ี ใ ช้ ใ น ก า ร วั ด ป ริ ม า ณ ท า ง วิทยาศาสตร์ คือ หน่วยในระบบเอสไอ ปริมาณที่มี ค่าน้อยหรือมากกว่า 1 มาก ๆ นิยมเขียนในรูป ของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ การเขียนโดยใช้ สัญกรณ์ วิทยาศาสตร์เป็นการเขียนเพ่ือแสดงจานวนเลข นยั สาคัญที่ถูกต้อง การทดลองทางฟิสิกส์จะเก่ียวกับการวัดปริมาณ ตา่ ง ๆ การวัดจะมคี วามคลาดเคลื่อนเสมอ ซึ่งข้ึนอยู่ กับเคร่ืองมือ วิธีการวัด และประสบการณ์ของผู้วัด ในการบันทึกปริมาณที่ได้จากการวัดด้วยจานวนเลข นัยสาคัญท่ีเหมาะสมและค่าความคลาดเคล่ือน เพ่ือ การนาเสนอผล การเขียนกราฟ และลงข้อสรุป รวมทัง้ มีทกั ษะในการรายงานการทดลอง โดยการวัด ควรเลอื กใชเ้ ครอื่ งมือวดั ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการ วัด
หนว่ ย ช่ือหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา ท่ี เรยี นรู้ (ชม.) 2 การเคล่อื นที่ 3. ทดลองและอธิบาย ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคล่ือนที่ของวัตถุ ได้แก่ 20 ในแนวตรง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งตาแหน่ง ตาแหน่ง การกระจัด ความเร็วและความเร่ง โดย การกระจดั ความเรว็ และ ความเร็วและความเร่งมีทั้งค่าเฉล่ียและค่าขณะหน่ึง ซ่ึง ความเร่งของการเคลื่อนท่ีของ คดิ ในชว่ งเวลาสั้นมาก ๆ เข้าใกล้ศนู ย์ วตั ถใุ นแนวตรงท่ีมีความเรง่ คง การอธบิ ายการเคลือ่ นที่ของวตั ถุสามารถเขียนอยู่ใน ตวั จากกราฟและสมการ รวมทั้ง รูปกราฟตาแหน่งกับเวลา ความเร็วกับเวลา หรือ ทดลองหาคา่ ความเรง่ โนม้ ถ่วง ความเรง่ กบั เวลา โดยความชันของเสน้ กราฟตาแหน่งกับ ของโลก และคานวณปรมิ าณ เวลาเป็นความเร็ว ความชันของเส้นกราฟความเร็วกับ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องได้ เวลาเป็นความเร่ง และพ้ืนท่ีใต้เส้นกราฟความเร็วกับ เวลาเป็นการกระจัด ในกรณีท่ีผู้สังเกตมีความเร็ว ความเร็วของวัตถุที่สังเกตได้เป็นความเร็วท่ีเทียบกับ ผู้ สังเกต ส่วนการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงกรณีท่ีมี ความเร่งคงที่ สามารถอธิบายได้โดยใช้สมการจลน์ ศาสตร์ 4 สมการ การตกแบบเสรเี ป็นตัวอย่างหน่ึงของการเคลื่อนท่ีใน หน่งึ มิติทม่ี ีความเร่งเท่ากับความเร่งโน้มถ่วงของโลก 3 แรงและกฎการ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรง แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทั้งขนาด และทิศทาง 26 เคลื่อนที่ ลัพธข์ องแรงสองแรงท่ที ามมุ ต่อ กรณีทมี่ แี รงหลาย ๆ แรงกระทาต่อวัตถุ สามารถหาแรง กนั ได้ ลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุโดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ของแรง 5. เขียนแผนภาพของแรงท่ี แบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหล่ียมด้านขนานของแรง กระทาตอ่ วัตถุอสิ ระ ทดลอง และวิธคี านวณ และอธบิ ายกฎการเคลอื่ นท่ขี อง ความเฉ่ือยเป็นสมบัติของวัตถุท่ีต้านการเปล่ียนสภาพ นิวตนั และการใช้กฎการ การเคล่ือนท่ีของวัตถุ โดยมีมวลเป็นปริมาณท่ีบอกให้ เคลอื่ นที่ของนวิ ตันกับสภาพการ ทราบว่าวตั ถุใดมีความเฉอ่ื ยมากหรือนอ้ ย เคลือ่ นทข่ี องวตั ถุ รวมทง้ั การหาแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุสามารถเขียนเป็น คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่ แผนภาพของแรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถุอิสระได้ ในกรณีที่ไม่มี เกี่ยวข้องได้ แรงภายนอกมากระทาต่อวัตถุ หรือแรงที่กระทาต่อวัตถุ 6. อธิบายกฎความโนม้ ถว่ ง เป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปล่ียนสภาพการเคล่ือนท่ีซึ่งเป็นไป สากลและผลของสนามโนม้ ถ่วง ตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อท่ีหน่ึงของนิวตัน แต่ถ้ามีแรง ที่ทาให้วัตถมุ นี า้ หนกั รวมทง้ั ภายนอกมากระทาตอ่ วัตถุ โดยแรงลัพธ์ที่กระทาต่อวัตถุ คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่ ไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมีความเร่ง โดยความเร่งมีทิศทาง เกยี่ วขอ้ งได้ เดยี วกับแรงลพั ธ์ ซ่ึงเปน็ ไปตามกฎการเคลอื่ นที่ข้อท่ีสอง ของนวิ ตนั เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทาต่อกัน จะเกิดแรง กิริยาและแรงปฏกิ ริ ิยา โดยแรงท้ังสองจะมีขนาดเท่ากัน แต่มีทิศทางตรงข้ามและกระทาต่อวัตถุคนละก้อน เรียกว่า แรงคู่กิริยา-ปฏิกิริยา ซ่ึงเป็นไปตามกฎการ เคลอื่ นท่ีข้อทสี่ ามของนิวตัน และเกดิ ขนึ้ ได้ทัง้ กรณที ีว่ ตั ถุ ทัง้ สองสมั ผัสกันหรอื ไมส่ มั ผสั กนั ก็ได้
หนว่ ย ชือ่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา ท่ี เรยี นรู้ (ชม.) 7. วเิ คราะห์ อธบิ าย และ วัตถุคู่หน่ึงจะมีแรงกระทาต่อกัน แรงน้ีเป็นแรง คานวณแรงเสียดทานระหว่าง ดงึ ดูดระหว่างมวลเปน็ แรงท่ีมวลสองกอ้ นดงึ ดดู ซึ่งกัน ผิวสัมผสั ของวัตถุคหู่ นึง่ ๆ ใน และกันด้วยแรงขนาดเท่ากันในแนวเดียวกันแต่ทิศ กรณที ่ีวัตถหุ ยดุ นง่ิ และวตั ถุ ทางตรงขา้ ม และเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล เคลอ่ื นท่ี รวมทงั้ ทดลองหา แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุสองก้อนใน สัมประสทิ ธคิ์ วามเสยี ดทาน ทศิ ทางตรงข้ามกับทิศทางการเคลอื่ นที่ หรอื แนวโน้ม ระหวา่ งผิวสมั ผัสของวตั ถคุ ู่ ทจ่ี ะเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน ซ่ึงแรง หน่งึ ๆ และนาความรเู้ ร่อื ง เสียดทานระหว่างผิวสัมผัสคู่หนึ่ง ๆ จะขึ้นอยู่กับ แรงเสียดทานไปใชใ้ น สัมประสิทธ์ิความเสียดทานและแรงปฏิกิริยาต้ังฉาก ชวี ิตประจาวนั ได้ ระหว่างผวิ สมั ผัสคู่นนั้ ๆ ขณะวัตถุยังคงอยู่น่ิง แรงเสียดทานมีขนาด เพมิ่ ขน้ึ ตามแรงท่ีกระทาต่อวัตถุน้ัน และจะมีค่ามาก ท่ีสุด เม่ือวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ เรียกแรงเสียดทานท่ี กระทาต่อวตั ถุขณะอยนู่ ิง่ ว่า แรงเสียดทานสถิต และ เรยี กแรงเสียดทานท่ีกระทาตอ่ วัตถขุ ณะกาลังเคลื่อน ท่ีวา่ แรงเสียดทานจลน์ 4 การเคล่ือนที่ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และ การเคล่ือนที่ของวัตถุท่ีมีเส้นทางเป็นโค้ง 26 แนวโค้ง คานวณปรมิ าณตา่ งๆ ท่ี พาราโบลาภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้าน เกย่ี วข้องกบั การเคลอื่ นทแี่ บบ ของอากาศเป็นการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ ซึ่ง โพรเจกไทล์ และทดลองการ พิจารณาได้ว่าวัตถุมีการเปล่ียนตาแหน่งในแนวด่ิง เคลือ่ นทแ่ี บบโพรเจกไทลไ์ ด้ และแนวระดับพร้อมกันและเป็นอิสระต่อกัน ส่วน 9. ทดลองและอธบิ าย การเคล่อื นทใ่ี น แนวระดับไม่มีแรงกระทาจึงเป็นการ ความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงสู่ เคลอ่ื นทีท่ มี่ ีความเรว็ คงตัว ศนู ย์กลาง รัศมีของการ วัตถุท่ีเคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม เคลื่อนท่ี อตั ราเรว็ เชงิ เสน้ เรยี กว่า เปน็ การเคล่ือนทแ่ี บบวงกลม ซ่ึงมีแรงลัพธ์ท่ี อตั ราเร็วเชิงมุม และมวลของ กระทากับวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า แรงสู่ วัตถใุ นการเคล่ือนทแ่ี บบ ศูนย์กลาง ทาให้เกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางท่ีมีขนาด วงกลมในระนาบระดบั สัมพันธ์กับรัศมีของการเคลื่อนท่ี และอัตราเร็วเชิง รวมทัง้ คานวณปริมาณตา่ ง ๆ เสน้ ของวตั ถุ ท่ีเก่ยี วข้อง และประยกุ ต์ใช้ นอกจากนี้ การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมยังสามารถ ความรู้การเคล่อื นท่ีแบบ อธิบายได้ด้วยอัตราเร็วเชิงมุม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ วงกลมในการอธิบายการโคจร อตั ราเรว็ เชงิ เสน้ และแรงสู่ศูนย์กลางมีความสัมพันธ์ ของดาวเทยี มได้ กบั อัตราเร็วเชิงมมุ การเคลอ่ื นที่ในแนววงกลม ได้แก่ การเคลื่อนที่ของรถบนถนนโค้ง และดาวเทียมที่ โคจรเปน็ แนววงกลมรอบโลก
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การเคลือ่ นที่ในแนวตรง เวลา 20 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการเคล่ือนที่ของ นิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและ กฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม การเคล่อื นทแี่ นวโค้ง รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชนไ์ ด้ 2. ผลการเรยี นรู้ ข้อ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการ เคลื่อนท่ีของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และคานวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 1) ปริมาณท่ีเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ได้แก่ ตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็วและ ความเรง่ มีท้งั คา่ เฉลยี่ และคา่ ขณะหนึง่ ซึ่งคิดในช่วงเวลาส้ัน ๆ สาหรับปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการเคล่ือนที่แนว ตรงดว้ ยความเรง่ คงตวั มีความสัมพนั ธ์ตามสมการ () 2) การอธิบายการเคล่ือนที่ของวัตถุสามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตาแหน่งกับเวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือกราฟความเร่งกับเวลา ความชันของเส้นกราฟตาแหน่งกับเวลาเป็นความเร็ว ความชันของเส้นกราฟความเร็ว กบั เวลาเป็นความเรง่ และพื้นที่ใต้เส้นกราฟความเร็วกับเวลาเป็นการกระจัด ในกรณีที่ผู้สังเกตมีความเร็ว ความเร็ว ของวัตถุที่สังเกตได้เปน็ ความเรว็ ทเ่ี ทียบกับผสู้ งั เกต 3) การตกแบบเสรีเปน็ ตัวอยา่ งหนง่ึ ของการเคล่ือนทใี่ นหน่งึ มติ ิท่ีมีความเร่งเท่ากบั ความเร่งโนม้ ถว่ งของโลก 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเคล่ือนท่ีแนวตรงทัง้ ในแนวระดับและแนวดิ่ง เป็นการเคลื่อนที่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก แนวด่ิง การ เคล่ือนทีข่ องวัตถุจะมคี วามสมั พันธ์กบั ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเรว็ ความเร็ว ความเร่ง และทิศทาง
การเคลอื่ นทข่ี องวัตถุแนวตรงในกรณคี วามเร่งมีคา่ คงตัว คือ การทวี่ ัตถุเคลอ่ื นทดี่ ้วยความเร่งโดยมที ง้ั ขนาดและ ทิศทางเหมือนเดมิ ตลอดเวลาของการเคล่ือนท่ี โดยสมการการเคลื่อนทขี องวัตถุท่เี กี่ยวข้องมีความสมั พันธ์ตาม สมการ () 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทกั ษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการทางานร่วมกัน 5) ทักษะการนาความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง ระยะทางและการกระจดั ใบงานที่ 2.2 เรื่อง อัตราเรว็ และความเร็ว ใบงานที่ 2.3 เร่ือง เครื่องเคาะสัญญาณเวลา ใบงานที่ 2.4 เรอ่ื ง ความเร่ง ใบงานท่ี 2.5 เร่อื ง กราฟความสัมพันธร์ ะหว่างระยะทาง ความเร็ว กบั เวลา ใบงานที่ 2.6 เรื่อง การเคล่ือนทีด่ ้วยความเร่งคงตัว ใบงานท่ี 2.7 เร่อื ง วัตถตุ กแบบอิสระด้วยความเร่งคงตวั ใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง ความเรว็ สมั พทั ธ์ ผงั มโนทัศน์ เรอื่ ง ระยะทางและการกระจดั ผังมโนทัศน์ เร่อื ง อัตราเร็วและความเรว็ ผงั มโนทศั น์ เรอื่ ง การเคลื่อนทด่ี ้วยความเร่งคงตวั ผงั มโนทัศน์ เร่ือง วัตถตุ กแบบอิสระ
7. การวดั และการประเมินผล รายการวดั วิธวี ัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 7.1 การประเมินชนิ้ งาน/ - ตรวจผังมโนทัศน์ เร่ือง แบบประเมนิ ช้ินงาน/ ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) ระยะทางและการกระจดั ภาระงาน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรอ่ื ง ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ อัตราเรว็ และความเรว็ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง การ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เคลอื่ นทด่ี ้วยความเรง่ คงตัว รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอื่ ง วตั ถุ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ 2 ตกแบบอิสระ ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ 2 7.2 การประเมนิ กอ่ นเรยี น ผ่านเกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ย ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง การ กอ่ นเรียน เคลื่อนที่ในแนวตรง 7.3 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม 1) ปริมาณทเ่ี กยี่ วกบั การ - ตรวจใบงานที่ 2.1 - ใบงานท่ี 2.1 เคลื่อนท่ีของวตั ถุ - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ใบงานที่ 2.2 2) เครอ่ื งเคาะสัญญาณเวลา - ตรวจใบงานท่ี 2.3 - ใบงานที่ 2.3 3) ความเรง่ - ตรวจใบงานที่ 2.4 - ใบงานที่ 2.4 4) กราฟความสมั พันธ์ ระหวา่ งระยะทาง - ตรวจใบงานที่ 2.5 - ใบงานที่ 2.5 ความเร็ว กบั เวลา 5) การเคลื่อนที่ดว้ ย - ตรวจใบงานที่ 2.6 - ใบงานท่ี 2.6 ความเรง่ คงตัว 6) วตั ถุตกแบบอสิ ระ - ตรวจใบงานที่ 2.7 - ใบงานท่ี 2.7 ด้วยความเร่งคงตวั 7) ความเรง่ - ตรวจใบงานที่ 2.8 - ใบงานที่ 2.8 8) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ ผลงาน - ผลงานท่ีนาเสนอ 9) พฤตกิ รรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล
รายการวดั วธิ วี ัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 10) พฤตกิ รรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 11) คณุ ลกั ษณะอนั พึง - สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ 2 ประสงค์ และม่งุ ม่ันในการทางาน อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 7.4 การประเมินหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 หลงั เรียน เรื่อง การเคล่อื นที่ในแนวตรง 8. กิจกรรมการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมการเรยี น ใชร้ ูปแบบการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั (5E) แผนที่ 1 : ปริมาณทีเ่ กดิ จากการเคลอ่ื นที่ของวัตถุ เวลา 2 ชั่วโมง แผนท่ี 2 : เครือ่ งเคาะสญั ญาณเวลา เวลา 2 ชว่ั โมง แผนที่ 3 : ความเรง่ เวลา 3 ช่วั โมง แผนท่ี 4 : กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างปริมาณตา่ งๆของการเคลือ่ นทแี่ นวตรง เวลา 3 ชวั่ โมง แผนที่ 5 : การเคล่อื นท่ีของวตั ถกุ รณคี วามเร่งคงตัว เวลา 4 ชั่วโมง แผนที่ 6 : วัตถตุ กแบบอสิ ระดว้ ยความเรง่ คงตวั เวลา 4 ชั่วโมง แผนที่ 7 : ความเรว็ สมั พทั ธ์ เวลา 2 ชวั่ โมง (รวม 20 ชวั่ โมง) 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพ่มิ เติม ฟิสกิ ส์ ม.4 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นที่ 2 การเคล่ือนท่ีแนวตรง 2) ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง แยกให้ออกระหว่างระยะทาง การกระจดั อตั ราเรว็ และความเร็ว 3) ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง การหาระยะทาง การกระจดั อัตราเร็ว และความเรว็ 4) ใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง เคร่ืองเคาะสญั ญาณเวลา 5) ใบงานที่ 2.4 เรอ่ื ง ความเร่ง 6) ใบงานท่ี 2.5 เรื่อง กราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างระยะทาง ความเร็ว กบั เวลา 7) ใบงานท่ี 2.6 เรื่อง การเคลื่อนท่ดี ้วยความเร่งคงตวั 8) ใบงานท่ี 2.7 เร่อื ง วัตถตุ กแบบอสิ ระดว้ ยความเรง่ คงตวั 9) ใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง ความเร็วสมั พทั ธ์
10) ใบความรู้ เรอื่ ง ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว และความเรว็ 11) ใบกิจกรรม เรื่อง หากนั จนเจอ 12) PowerPoint เรือ่ ง ระยะทาง การกระจดั อัตราเรว็ และความเรว็ 13) PowerPoint เรอ่ื ง การเคลอื่ นทใ่ี นแนวตรง 14) Kahoot! เร่อื ง ปรมิ าณท่ีเกิดจากการเคลื่อนทข่ี องวตั ถุ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) ห้องสมุดและแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 21 1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วิธีการนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชอ่ื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่ืน 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 4 ความมีนา้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............/................./................... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดับท่ี ช่อื –สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนักเรยี น ความคดิ เหน็ ฟังคนอื่น ตามทไี่ ดร้ บั ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลมุ่ 321321321321321 ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อโรงเรยี น 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีเ่ กี่ยวกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรยี นจัดขนึ้ 2. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ งและเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มวี นิ ัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชอื่ ฟงั คาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ตง้ั ใจเรียน 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มุ่งม่ันในการทางาน 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสานึกในการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8.2 รู้จักการดูแลรกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิ่งแวดลอ้ มของห้องเรยี นและโรงเรยี น ลงชอ่ื .................................................. ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดมี าก พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง 30–40 พอใช้ ตา่ กวา่ 30 ปรับปรงุ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง การเคล่ือนท่ีในแนวตรง คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ต้นเดินรอบสนามซึ่งมีรัศมี 7 เมตร โดยเขาเดินได้ 6. การคานวณหาความเร็วเฉล่ียของวัตถุ จะต้องได้ข้อมูล ครบ 3 รอบ พอดี การกระจัดท่ีต้นเคลื่อนที่ได้เป็น อะไรบา้ ง เท่าใด 1. ระยะทางทง้ั หมดและเวลาทง้ั หมด 1. 0 เมตร 2. 7 เมตร 2. การกระจัดทั้งหมดและเวลาท้ังหมด 3. 10 เมตร 4. 21 เมตร 3. ระยะทางและความเร่ง 2. โยนส้มผลหน่ึงข้ึนไปในแนวดิ่ง ความเร็วและ 4. การกระจดั และความเร่ง 7. จ๊ิบขับรถออกจากไฟแดงด้วยความเร่ง 4 m/s2 อยาก ความเร่งของส้มเป็นอยา่ งไร ขณะถึงจดุ สูงสดุ 1. ทั้งความเรว็ และความเร่งเปน็ ศนู ย์ ทราบว่าในเวลา 5 s ต่อมารถจะมีขนาดของความเร็ว 2. ท้ังความเร็วและความเร่งไม่เปน็ ศูนย์ เท่าใด 3. ความเรว็ เป็นศูนย์ แตค่ วามเร่งไม่เป็นศนู ย์ 1. 5 m/s 2. 10 m/s 4. ความเร่งเปน็ ศนู ย์ แต่ความเร็วไม่เปน็ ศนู ย์ 3. 15 m/s 4. 20 m/s 3. วัตถใุ ดตอ่ ไปน้ีกาลังเคลอ่ื นทโี่ ดยไมม่ คี วามเรง่ 8. โยนลูกบอลขึ้นไปในแนวด่ิง ความเร็วของก้อนหินเป็นไป ตามข้อใด ถ้า g = 10 m/s2 1. บอลลนู ลอยขน้ึ ในแนวด่ิงดว้ ยความเรว็ คงตัว 2. รถยนตก์ าลงั แล่นดว้ ยอตั ราเรว็ สมา่ เสมอในทาง 1. เพิ่มข้นึ วนิ าทลี ะ 10 m/s 2. ลดลงวนิ าทลี ะ 10 m/s โค้ง 3. เป็นศูนย์เม่ือถงึ จดุ สงู สุด 4. ข้อ 2 และ 3 ถูก 3. รถยนต์กาลงั ถอยหลงั เขา้ จอดในโรงรถ 9. ระยะทางและการกระจดั แตกตา่ งกนั อย่างไร 4. ยงิ ปนื จากหนา้ ผาข้ึนไปในแนวดิ่ง 1. มีหนว่ ยการวัดแตกตา่ งกัน 4. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่จดั เปน็ ปริมาณเวกเตอร์ 2. ระยะทางเปน็ ปริมาณสเกลาร์ การกระจัดเป็นปรมิ าณ 1. ความเร็ว 2. ความเรง่ เวกเตอร์ 3. การกระจัด 4. อัตราเรว็ 3. การกระจัดเป็นปริมาณสเกลาร์ ระยะทางเป็นปริมาณ 5. วัตถเุ คล่อื นทดี่ ว้ ย “ความเร่งคงตัว” หมายความว่า เวกเตอร์ อยา่ งไร 4. ระยะทางมคี ่ามากกวา่ การกระจดั เสมอ 1. ความเรว็ ตน้ และความเรว็ ปลายของวัตถุเปน็ 10. ปล่อยก้อนหินใหต้ กลงมาจากตกึ ความเร็วของกอ้ นหิน เป็นไปตามขอ้ ใด ถา้ g = 10 m/s2 ศูนย์ 2. ความเรว็ ต้นและความเรว็ ปลายมีขนาดเทา่ กัน 1. เพ่มิ ขนึ้ วินาทีละ 10 m/s 2. เป็นศูนย์ ณ จดุ ปลอ่ ย 3. ความเร็วของวตั ถเุ ปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 3. มากท่สี ดุ ขณะกระทบพนื้ 4. ถูกทงั้ ข้อ 1 2 และ 3 4. ความเรว็ ของวัตถุที่เปล่ียนไปมคี ่าเทา่ กนั ทุกๆ วินาที เฉลย 1.) 1 2.) 3 3.) 1 4.) 4 5.) 4 6.) 2 7.) 4 8.) 4 9.) 2 10.) 4
แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรื่อง การเคลอื่ นทใี่ นแนวตรง คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ปลอ่ ยก้อนหินใหต้ กลงมาจากตึก ความเรว็ ของ 6. การคานวณหาความเร็วเฉล่ียของวัตถุ จะต้องได้ข้อมูล ก้อนหินเป็นไปตามข้อใด ถา้ g = 10 m/s2 อะไรบ้าง 1. เพม่ิ ขน้ึ วินาทีละ 10 m/s 1. ระยะทางทงั้ หมดและเวลาทงั้ หมด 2. เป็นศนู ย์ ณ จุดปลอ่ ย 2. การกระจัดท้ังหมดและเวลาทั้งหมด 3. มากทีส่ ดุ ขณะกระทบพนื้ 3. ระยะทางและความเรง่ 4. ถูกทั้งข้อ 1 2 และ 3 4. การกระจัดและความเร่ง 2. วัตถใุ ดตอ่ ไปน้กี าลังเคลือ่ นทโี่ ดยไม่มคี วามเร่ง 7. ระยะทางและการกระจัดแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 1. บอลลนู ลอยขึน้ ในแนวดิ่งดว้ ยความเรว็ คงตวั 1. มีหน่วยการวดั แตกต่างกัน 2. รถยนต์กาลงั แล่นดว้ ยอตั ราเรว็ สม่าเสมอในทาง 2. ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์ การกระจัดเป็นปริมาณ โคง้ เวกเตอร์ 3. รถยนตก์ าลงั ถอยหลงั เข้าจอดในโรงรถ 3. การกระจัดเป็นปริมาณสเกลาร์ ระยะทางเป็นปริมาณ 4. ยิงปนื จากหนา้ ผาขึน้ ไปในแนวดิง่ เวกเตอร์ 3. โยนส้มผลหน่ึงข้ึนไปในแนวดิ่ง ความเร็วและ 4. ระยะทางมคี า่ มากกว่าการกระจดั เสมอ 8. จิ๊บขับรถออกจากไฟแดงด้วยความเร่ง 4 m/s2 อยาก ความเร่งของส้มเปน็ อยา่ งไร ขณะถงึ จดุ สูงสดุ 1. ทั้งความเร็วและความเรง่ เปน็ ศนู ย์ ทราบว่าในเวลา 5 s ต่อมารถจะมีขนาดของความเร็ว 2. ทง้ั ความเรว็ และความเรง่ ไม่เป็นศนู ย์ เท่าใด 3. ความเร็วเป็นศูนย์ แต่ความเรง่ ไมเ่ ป็นศนู ย์ 1. 5 m/s 2. 10 m/s 4. ความเรง่ เป็นศนู ย์ แตค่ วามเร็วไม่เปน็ ศูนย์ 3. 15 m/s 4. 20 m/s 4. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไม่จดั เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ 9. โยนลูกบอลขึ้นไปในแนวด่ิง ความเร็วของก้อนหินเป็นไป ตามข้อใด ถ้า g = 10 m/s2 1. ความเรว็ 2. ความเร่ง 3. การกระจดั 4. อตั ราเร็ว 1. เพม่ิ ขนึ้ วินาทลี ะ 10 m/s 5. วตั ถุเคลือ่ นท่ดี ว้ ย “ความเรง่ คงตัว” หมายความว่า 2. ลดลงวนิ าทลี ะ 10 m/s อย่างไร 3. เป็นศนู ย์เม่อื ถึงจุดสงู สุด 1. ความเรว็ ต้นและความเรว็ ปลายของวตั ถเุ ป็น 4. ขอ้ 2 และ 3 ถูก ศูนย์ 10. ต้นเดินรอบสนามซึ่งมีรัศมี 7 เมตร โดยเขาเดินได้ครบ 3 2. ความเร็วตน้ และความเร็วปลายมีขนาดเทา่ กัน รอบ พอดี การกระจดั ทต่ี น้ เคลอ่ื นทไี่ ดเ้ ปน็ เทา่ ใด 3. ความเร็วของวัตถุเปล่ียนแปลงตลอดเวลา 1. 0 เมตร 2. 7 เมตร 4. ความเร็วของวตั ถุทเี่ ปลีย่ นไปมีคา่ เท่ากนั ทุกๆ 3. 10 เมตร 4. 21 เมตร วนิ าที เฉลย 1.) 4 2.) 1 3.) 3 4.) 4 5.) 4 6.) 2 7.) 2 8.) 4 9.) 4 10.) 1
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: